The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Blue-and-Cream-Tropical-Summer-Theme-Flyer

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นายจรัส ปรือปรัง, 2021-05-28 12:18:50

Blue-and-Cream-Tropical-Summer-Theme-Flyer

Blue-and-Cream-Tropical-Summer-Theme-Flyer

ศิ ลปะการแสดงระบํา
โบราณคดี

ชุดระบําเชียงแสน

บทนํา

ระบําโบราณคดีเกิดจากแนวคดิ ของนายธนิตอยโู่ พธิ อดตี อธิบดีกรมศิลปากร
ซงึ ได้พบภาพเขยี น ภาพปนและภาพจําหลักตามโบราณสถาน และโบราณวตั ถุ
สมยั ตา่ งๆ ทังทีพบในประเทศไทยและประเทศใกลเ้ คียง จึงได้นาํ มาประกอบ
แนวคดิ ประดษิ ฐ์สรา้ งเครืองดนตรีและทา่ นาฏศลิ ปแตล่ ะสมัยขนึ เมือป พ.ศ.2510
โดยขอใหน้ ายมนตรี ตราโมทผเู้ ชยี วชาญดนตรไี ทย และศิลปนแหง่ ชาติ แตท่ ํานอง
ขนึ ตามแนวคิดนนั โดยมอบใหน้ างลมุลยมะคปุ ต์ นางเฉลย ศุขะวณชิ และ
ท่านผู้หญงิ แผว้ สนิทวงศ์เสนี ผู้เชยี วชาญการสอน นาฏศลิ ปไทยและศิลปนแหง่
ชาติ เปนผปู้ ระดษิ ฐท์ า่ รํา สร้างเปนระบําโบราณคดี 5 ชุด ดงั นี

ชุดที 1 ระบําทวาราวดี
ชุดที 2 ระบําศรวี ิชยั
ชดุ ที 3 ระบาํ ลพบุรี
ชุดที 4 ระบาํ เชยี งแสน
ชดุ ที 5 ระบําสุโขทัย

ศิลปวฒั นธรรมและประเพณเี ชยี งแสน

การแต่งกายไทยตามสมยั ประวตั ศิ าสตรแ์ ละโบราณคดีสมัย
เชียงแสน(ระหว่างพทุ ธศตวรรษที 18 – 24) “เชียงแสน”
ปจจบุ ันเปนอาํ เภอหนงึ ในจงั หวัดเชยี งราย
ปจจุบันนักวิชาการนิยมเรียกรัฐ เชยี งแสนว่า รฐั ล้านนา
ซึงมีอารยธรรมและวัฒนธรรมเปนแบบหนึงโดยเฉพาะ
เชียงแสนมีดนิ แดนตอ่ กับดินแดนทางภาคเหนือของ
อาณาจักรสุโขทัยชาวเชียงแสนมคี วามเจริญทาง
ด้านศลิ ปวฒั นธรรมและวิทยาการตา่ งๆโดยไดร้ ับอทิ ธพิ ล
ทางศิลปจากอินเดยี สมัยราชวงศ์ปาละผ่านทางมาทาง
ประเทศพมา่ และไดพ้ ัฒนาให้มลักษณะของตวั เองจน
กลายเปนรปู แบบของศิลปะไทยแทใ้ นยคุ แรก
มหี ลกั ฐานกลา่ วถงึ ผ้าหลายชนดิ ทังทีทอขนึ เปนของตวั เอง
และทอขึนเพอื เปนสินคา้ ขายให้แก่อาณาจักรใกล้เคียง
เช่นผ้าสจี ันทรข์ าว ผา้ สีจันทร์ แดง ผา้ สดี อกจําปาแสดงวา่ มี
การยอ้ มสีจากธรรมชาตทิ างด้านการแต่งกายจงึ เปนการแต่ง
กายเปนการผสมผสานระหวา่ งพม่า และขอมลกั ษณะ
การแต่งกาย

ลักษณะการแต่งกายของผหู้ ญงิ
- ผม ผมทรงสงู เกล้าผมไว้ตรงกลาง
- เครืองประดับ สวมเครอื งประดบั ศรี ษะ มี
รดั เกล้า สวมสร้อยสงั วาลรัดแขน กําไลมอื กาํ ไล
เท้า ใสตมุ้ หู
- เครืองแตง่ กาย นุ่งผ้าถุงยาวแบบตาํ ทีระดบั ใต้
สะดือมีผา้ คาดทิงชายยาว ปลอ่ ยชาย พกห้อย
ออกมาทดี ้านหน้าเปนแฉก ไม่สวมเสอื มีสไบแพร
บางสําหรับรดั อกให้กระชับขณะทํางาน

ลักษณะการแตง่ กายของผชู้ าย
- ผม ไวผ้ มทรงสงู สวมเครืองประดับศีรษะ
- เครอื งประดับ สวมกรองคอ สร้อยสังวาล กาํ ไล
มอื และกาํ ไลเท้า
- เครอื งแตง่ กาย นุ่งผา้ สองชาย จับจบี ลงมา
เกือบถึงขอ้ เท้าดา้ นหน้าซ้อนผ้าหลายชนั รัดชาย
ออกเปนปลที างดา้ นขา้ งคลา้ ยชายไหวชายแครงมี
ผา้ ขา้ วมา้ เคยี นเอว หรอื พาดบา่ อากาศ หนาว จะ
สวมเสือแขนยาว

ระบําเชียงแสน

ระบาํ เชยี งแสน เปนระบําชดุ ที 4ประดษิ ฐ์ขึนตามแบบศิลปะ และโบราณวตั ถสุ ถาน
เชียงแสน นักโบราณคดีกําหนดสมัยเชียงแสนอยู่ในระหว่างระหว่างพุทธศตวรรษ
ที 17 – 25 ซึงไดเ้ ผยแพร่ไปทัวดนิ แดนภาคเหนือของประเทศไทย ในสมยั โบราณ
เรยี กวา่ อาณาจักรลานนาต่อมามนี ครเชยี งใหม่เปนนครหลวงของอาณาจักร
และเปนศูนย์กลางแห่งการศึกษาพระพทุ ธศาสนาฝายหนิ ยานอันเจรญิ รงุ่ เรอื ง
จนถงึ มพี ระเถระไทยผู้เปนนกั ปราชญ์สามารถแต่งตาํ นานและคมั ภีร์พระพทุ ธศาสนา
เปนภาษาบาลีขึนไว้หลายคัมภรี ์ อาทิคมั ภีรช์ ินกาลมาลีปกรณ์ และมงั คลัตถทีปนี
เปนตน้ ศลิ ปะแบบเชียงแสนได้แพรห่ ลายลงมาตามล่มุ แมน่ ําโขงเขา้ ไปในพระราช
อาณาจกั รลาวสมัยทีเรยี กวา่ ลานช้าง หรือกรงุ ศรีสตั นาคนหตุ แล้วแพร่หลายเข้าใน
ประเทศไทยทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือตอนบนด้วย เชน่ พระพทุ ธรปู บางชนดิ ทีนกั
โบราณคดบี างทา่ น บัญญตั เิ รยี กวา่ พระพทุ ธรปู เชยี งแสนแบบลาวหรอื พระลาวพุง
ขาว โดยเหตุนีระบําเชียงแสน ตลอดจนดนตรที ีสร้างจงั หวะของระบาํ ชดุ นีจงึ มลี ีลา
ท่ารํา และกระบวนเพลงแบบสําเนียงไทยภาคเหนือ คละเคล้าระคนไปดว้ ยลีลาและ
สําเนยี งพนื เมืองของชาวไทยทางภาคตะวันออกเฉยี งเหนือปะปนอยดู่ ว้ ย

ระบําเชยี งแสน จดั แสดงครงั แรก เมอื วันที24 พฤษภาคม พ.ศ.2510 และภาย
หลงั ไดน้ าํ ออกแสดงในโรงละครแห่งชาติ และทอี ืนๆเพือให้ประชาชนชม

ผแู้ ตง่ ทาํ นองเพลง

นายมนตรี ตราโมท ผู้เชียวชาญดรุ ิยางค์ไทย กรมศิลปากร ศลิ ปนแหง่ ชาติ
สาขาศลิ ปะการแสดง(ดนตรไี ทย) ปพุทธศักราช 2528

ผ้ปู ระดิษฐ์ท่าราํ

นางลมลุ ยมะคุปต์ ผู้เชยี วชาญการสอนนาฏศิลปไทย วิทยาลัยนาฏศลิ ป
กรมศิลปากร และนางเฉลย ศขุ ะวณชิ ผู้เชยี วชาญการสอนนาฏศิลปไทย
วิทยาลยั นาฏศิลป กรมศลิ ปากรศลิ ปนแหง่ ชาติ สาขาศลิ ปะการแสดง
(นาฏศิลป) ปพทุ ธศกั ราช 2530

เครอื งแต่งกาย

เครอื งแต่งกายของระบาํ เชียงแสนประกอบด้วย
1. เสือรัดอกสีเนือ
2. เสือลกู ไมส้ เี หลืองติดริมด้วยแถบผ้าตาดสที อง
3. ซนิ เชงิ แบบปายข้างแถวหนงึ สแี ดงอีกแถวหนงึ สตี อง
4. เครืองประดับประกอบดว้ ยเขม็ ขดั มเี ชอื กห้อยทิงชายพู่ลงมาดา้ นหน้าทังสอง
ข้าง สร้อยคอ ตา่ งหู กําไลขอ้ มอื และกาํ ไลขอ้ เท้า
5. แต่งทรงผมตังกระบังหนา้ ประดบั ขดโลหะสีเงนิ เกลา้ ผมมวย ไว้ดา้ นหลงั
ตดิ ดอกกล้วยไมข้ า้ งหูซา้ ย

ดนตรี และเพลงทใี ช้ประกอบการแสดง

ใชว้ งพนื เมอื งภาคเหนือเครอื งดนตรีประกอบด้วย ปจมุ่ แคน สะล้อ ซึง
ตะโพน ฉิง ฉาบใหญ่ และฆอ้ งหุย่

เพลงทใี ชป้ ระกอบการแสดง ไดแ้ ก่ เพลงเชียงแสน (เทยี วช้าและเทียวเรว็ )

การถ่ายทอดทา่ ราํ

เตรยี มความพร้อมของร่างกายโดยการดัดตวั ดดั มอื หรือทีเราเรียกวา่
ดดั ตัวดัดตน มีการฝกฟงเสยี งดนตรีของเพลงทเี ราตอ่ เพอื ใหเ้ ราฟงจังหวะ
และสามารถต่อท่าไดง้ า่ ยยิงขนึ ฝกยาํ เทา้ ฝกเดนิ ตามจงั หวะดนตรี และทําทา่
ราํ ในแต่ละท่าเมอื เราได้ท่าและจังหวะแลว้ จงึ เรมิ รําเขา้ กบั เสียงดนตรี

ผถู้ า่ ยทอดทา่ ราํ

นายพชร ถริ ะโคตร
นกั ศึกษาชนั ปที 2
มหาวิทยาลัยราชภฏั บา้ นสมเดจ็ เจ้าพระยา
เกิดเมือวนั ที 2 พฤษภาคม 2544
ภมู ิลําเนา ต.มว่ งสา มสิบ อ.มว่ งสามสิบ จ.อุบลราชธานี
ได้รับการทอดทา่ รํามาจากอาจารย์ธญั พสิ ิษฐ์ พนั ธ์ทองดี อาจารย์
โรงเรยี นมัธยมสาธิต มหาวทิ ยาลัยราชภัฏบา้ นสมเด็จเจ้าพระยา


Click to View FlipBook Version