The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 3 แนวคิดเกี่ยวกับการเกิดปฏิกิริยาเคมีup17-10-62

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by สุธาทิพย์ ทวีเมือง, 2020-10-27 04:54:55

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 3 แนวคิดเกี่ยวกับการเกิดปฏิกิริยาเคมีup17-10-62

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 3 แนวคิดเกี่ยวกับการเกิดปฏิกิริยาเคมีup17-10-62

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฬฝ ทกับการเกผดปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ หน้า ก

คานา

ชดุ กิจกรรมการเรยี นร้เู ร่ือง อัตราการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี จดั ทาข้นึ เพือ่ พฒั นาการจดั การเรียนรู้
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง อตั ราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี (Rate of Reaction) รายวชิ า ว32223 เคมี 3
สาหรบั นกั เรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 แผนการเรยี นวทิ ยาศาสตร์ – คณติ ศาสตร์ โรงเรยี นปาล์มพฒั น-
วทิ ย์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน ปพี ทุ ธศักราช 2551 โดยนวตั กรรมชดุ น้ีประกอบไป
ดว้ ยชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ 5 ชดุ ไดแ้ ก่

ชดุ ท่ี 1 การเกดิ ปฏิกิริยาเคมี
ชุดท่ี 2 ความหมายและการคานวณอัตราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี
ชุดท่ี 3 แนวคิดเกย่ี วกบั การเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี
ชุดที่ 4 พลังงานกบั การดาเนินไปของปฏิกิริยา
ชุดที่ 5 ปจั จยั ทีม่ ีผลต่ออัตราการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี
แตล่ ะชุดกจิ กรรมเนน้ การจัดการเรียนรู้ ท่ีนักเรียนสามารถสร้างองค์ความรูด้ ้วยตนเองผ่าน
กระบวนการกลุ่ม เพ่อื ส่งเสริมทักษะการทางานรว่ มกนั โดยครูมหี นา้ ที่ใหค้ าปรึกษาและอานวย
ความสะดวกในการจัดการเรยี นรู้
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง อตั ราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี ชุดท่ี 3 แนวคิดเก่ียวกับ การเกิด
ปฏกิ ริ ยิ าเคมี ประกอบด้วย คาช้แี จงการใช้ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ บทบาทของนกั เรียน ผังมโนทศั น์
การเรยี นรู้ สาระสาคัญ ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การวัดผลและ
การประเมนิ ผล ใบกิจกรรม ใบความรู้ แบบฝึกหัด แบบทดสอบ ที่สามารถนาไปใชใ้ นกจิ กรรม
การเรียนการสอน และนักเรียนสามารถนาไปศกึ ษาไดด้ ว้ ยตนเอง
ขา้ พเจา้ หวังเป็นอย่างย่งิ ว่า ชดุ กจิ กรรมการเรียนรนู้ ี้ จะเกิดประโยชนต์ อ่ นักเรียน ครผู ู้สอน
และผสู้ นใจ และชว่ ยพฒั นาความสามารถในการเรยี นร้ขู องนกั เรยี น และเปน็ ตัวอยา่ งให้แก่ผู้ที่สนใจ
ตอ่ ไป

สธุ าทพิ ย์ ทวเี มอื ง

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรม้เร่ธฟ น ธัตราการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฝฬทกบั การเกดผ ปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หน้า ข

สารบัญ หนา้

หัวขอ้ เร่อื ง ข
คานา ค
สารบญั 1
ขน้ั ตอนการใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1
ชดุ ที่ 3 แนวคดิ เกีย่ วกับการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี 1
2
วตั ถปุ ระสงค์ของชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ 3
คาชแ้ี จงการใชช้ ุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 4
บทบาทของนักเรียน 4
ผังมโนทศั น์การเรียนรู้ 4
สาระสาคัญ 5
ผลการเรียนรู้ 5
สาระการเรียนรู้ 6
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (KPA) 7
สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 11
การวัดผลและประเมนิ ผล 12
แบบทดสอบกอ่ นเรียน 13
กระดาษคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรียน 15
What I know? ฉนั รู้อะไร 25
กจิ กรรมที่ 1 28
ใบความรู้ที่ 1 แนวคิดเกี่ยวกบั การเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี 29
แบบฝึกหัดที่ 1 แนวคดิ เกย่ี วกบั การเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี 30
แผนผังมโนทัศน์ 35
Show What You Know 36
แบบทดสอบหลังเรยี น
กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลังเรยี น
บรรณานุกรม

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรม้เร่ธฟ น ธตั ราการเกดผ ปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฬฝ ทกับการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ หนา้ ใ

สารบญั (ตอ่ ) หนา้

หวั ข้อเรื่อง 39
ภาคผนวก 41
45
แนวการตอบกจิ กรรมที่ 1 46
เฉลยแบบฝกึ หัดที่ 1 47
ตวั อยา่ งการเขียนแผนผังมโนทัศน์
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น – หลงั เรียน
ประวัติผจู้ ดั ทา

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรมเ้ ร่ฟธน ธัตราการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฬฝ ทกับการเกดผ ปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ หนา้ น

ขน้ั ตอนการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรียนรู้
ชดุ ที่ 3 แนวคิดเกี่ยวกบั การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

1.ศกึ ษาวัตถุประสงค์ 2.ศึกษาบทบาทของ
คาชี้แจงการใชช้ ดุ นกั เรยี น
กจิ กรรมการเรยี นรู้

3.ศึกษาสาระสาคัญ 4.ศึกษาจดุ ประสงค์
ผลการเรยี นรทู้ ่ี สาระ การเรยี นรู้ สมรรถนะ
การเรยี นรู้ สาคัญของผ้เู รียน

5.ศกึ ษาการวดั ผลและ 6. ทาแบบทดสอบ
ประเมินผล กอ่ นเรยี น

7. ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตาม 8. ทาแบบทดสอบ ผา่ น 9.ศกึ ษาชดุ กจิ กรรมการ
ใบกจิ กรรม หลังเรยี น เรียนรู้ชดุ ที่ 4 ตอ่ ไป

ไม่ผา่ น

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรมเ้ ร่ธฟ น ธัตราการเกดผ ปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฬฝ ทกบั การเกดผ ปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หนา้ 1

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี 3
เร่อื ง แนวคิดเกยี่ วกับการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี

วัตถปุ ระสงค์ของชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้

1. เพอ่ื ใช้เปน็ ส่อื ในการจัดการเรยี นรู้รายวชิ าเพิ่มเตมิ กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
หนว่ ยการเรียนรู้เร่ือง อตั ราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี (Rate of reaction) รายวชิ าเคมี 3
ว32223 ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 5 แผนการเรียนวทิ ยาศาสตร์ – คณติ ศาสตร์

2. เพ่อื พัฒนาผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นหนว่ ยการเรยี นรู้เร่อื ง อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี (Rate of
reaction) รายวิชาเคมี 3 ว32223 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ –
คณิตศาสตร์

3. เพือ่ พฒั นาทักษะการเรยี นรู้ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทักษะการทางานเปน็ ทีม
ตลอดจนพัฒนาเจตคติทางวิทยาศาสตร์

คาช้ีแจงการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้

1. ชดุ กจิ กรรมนี้ เป็นชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ รายวชิ าเคมี 3 ว32223 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5
แผนการเรียนวทิ ยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ ชุด อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี ชุดท่ี 3
แนวคิดเก่ยี วกับการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี

2. ชุดกจิ กรรมชดุ ที่ 3 ใช้เวลาทั้งหมด 2 ชั่วโมง
3. ใหน้ ักเรยี นทุกคนศกึ ษาขนั้ ตอนการใชช้ ุดกิจกรรมการเรยี นรู้ และปฏิบตั ิตามขน้ั ตอนอย่าง

เคร่งครดั ควรศกึ ษาด้วยความตง้ั ใจ และมคี วามซื่อสัตยต์ อ่ ตนเอง ไมค่ วรดูเฉลยกอ่ นการทา
กจิ กรรม
4. ถา้ นักเรียนมีปัญหา หรอื ข้อสงสยั สามารถขอคาแนะนาจากครผู ู้สอนไดต้ ลอดเวลา

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรมเ้ ร่ธฟ น ธัตราการเกผดปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฬฝ ทกบั การเกผดปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ หน้า 2

บทบาทของนกั เรียน

• นกั เรยี นทุกคนปฏิบัตกิ จิ กรรม กรณีมกี ารแบ่งกลุ่ม
ด้วยความตง้ั ใจ
• ใหน้ ักเรียนแบ่งกล่มุ แบบ
• ปฏิบตั ติ ามข้นั ตอนให้เสรจ็
ทันเวลา Group of four

• ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมดว้ ยตนเอง
อย่างเต็มความสามารถ

• ซกั ถามเมื่อเกดิ ปญั หาหรอื
ข้อสงสัย

• ดแู ลอุปกรณ์การเรยี น และ
หอ้ งเรียนให้สะอาด เรียบรอ้ ย

กรณีไมม่ กี ารแบง่ กลุ่ม

• คณุ วางแผน มีหน้าทีค่ วบคมุ กิจกรรมกลมุ่ ให้เปน็ ไปตามแผน
• คณุ รวบรวม มีหน้าทรี่ วบรวมข้อมลู จากการทากจิ กรรม
• คุณนาเสนอ มีหน้าทีน่ าเสนอผลการทากิจกรรมของกลมุ่
• คณุ อานวย มีหน้าที่อานวยความสะดวกให้สมาชกิ ในกล่มุ

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรม้เร่ธฟ น ธัตราการเกผดปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฬฝ ทกับการเกดผ ปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ หนา้ 3

ผงั มโนทศั นก์ ารเรยี นรู้
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ที่ 3 แนวคดิ เก่ยี วกับการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี

ทฤษฎี
สภาวะ
ทรานซิชัน

แนวคดิ เกีย่ วกับ
การเกดิ

ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

ทฤษฎี
การชนกนั
ของโมเลกุล

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรมเ้ ร่ฟธน ธตั ราการเกผดปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฝฬทกบั การเกผดปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หน้า 4

ผ้เู รยี นไดเ้ รยี นรเู้ กย่ี วกับแนวคิดการเกิดปฏิกริ ิยาเคมีโดยใช้ทฤษฎจี ลนแ์ ละการชนกันของ
อนภุ าค และการเกิดสารเชงิ ซอ้ นกัมมนั ต์

อธิบายแนวคิดเก่ียวกับการเกิดปฏิกิริยาเคมีโดยใช้ทฤษฎีจลน์และการชนกันของอนุภาค
และการเกดิ สารเชงิ ซอ้ นกัมมนั ตไ์ ด้

การเกดิ ปฏกิ ิรยิ าสามารถอธิบายได้โดยใช้ทฤษฎีการชนและทฤษฎสี ภาวะเชิงซ้อน
ทฤษฎกี ารชน โดยปฏกิ ิรยิ าเกิดขนึ้ เมอ่ื อนุภาคของสารตัง้ ตน้ เคลือ่ นท่ชี นกนั และเมอ่ื อนุภาค
ของสารต้ังต้นเคล่อื นท่ีชนกันแลว้ พลงั งานจลน์ของอนุภาคทเี่ กิดจากการเคล่ือนท่ชี นกันต้องมีค่า
มากกวา่ พลงั งานก่อกมั มันต์ และอนุภาคของสารต้องชนกันในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสม
ทฤษฎีสภาวะทรานซิชัน หรือทฤษฎีแอกติเวเตดคอมเพล็กซ์ (Activated Complex)
เป็นทฤษฎีท่ีอธิบายว่าอนุภาคเคล่ือนที่เข้ามาใกล้กันในระยะที่พอเหมาะหรือชนกัน พันธะของสารต้ัง
ตน้ จะออ่ นลง และเร่ิมมีพันธะอย่างอ่อนเกิดขึ้นระหว่างคู่อะตอมที่เหมาะสมได้เป็นสารชนิดหน่ึงท่ีมี
พลังงานสูงกว่าพลังงานของสารต้ังต้นและสารผลิตภัณฑ์ เรียกสารน้ี ว่า สารเชิงซ้อนกัมมันต์
(Activated complex) เป็นสารที่ไม่อยู่ตัว มีอายุส้ัน พร้อมที่จะเปล่ียนเป็นสารผลิตภัณฑ์หรือ
กลบั คนื มาเป็นสารตั้งตน้ อยา่ งเดมิ และเรยี กสภาวะนวี้ า่ สภาวะทรานซิชนั (Transition state)

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรมเ้ ร่ธฟ น ธัตราการเกดผ ปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฬฝ ทกบั การเกผดปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ หน้า 5

1. ด้านความรู้ (Knowledge : K)
1) อธิบายแนวคิดเกี่ยวกับการเกิดปฏิกิริยาเคมีโดยใช้ทฤษฎีจลน์และการชนกันของ
อนุภาค และการเกิดสารเชิงซอ้ นกัมมันตไ์ ด้
2) ระบปุ จั จัยทีท่ าใหเ้ กิดปฏกิ ิริยาเคมีได้
3) บอกความหมายของพลังงานกอ่ กมั มันต์ได้
4) เปรียบเทยี บอตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าแต่ละชนิดทมี่ พี ลงั งานก่อกัมมันต์ต่างกันได้

2. ดา้ นทักษะกระบวนการ (Process : P)
1) นักเรียนสามารถใช้กระบวนการกล่มุ ในการสร้างองคค์ วามรู้เรื่องแนวคดิ เกยี่ วกบั การ
เกิดปฏกิ ิรยิ าเคมไี ด้

3. ดา้ นคุณลักษณะ (Atiitude : A)
1) นกั เรยี นตง้ั ใจ เอาใจใส่ และกระตือรือร้นในการเรยี นรู้
2) นกั เรียนมีเหตผุ ล ยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของสมาชิกในกลุ่ม
3) นักเรยี นมคี วามซ่อื สัตยใ์ นการทากิจกรรมด้วยตนเอง

1. นกั เรียนมคี วามสามารถในการสื่อสารเพ่ือสรุปองคค์ วามรใู้ นการเรยี นรูเ้ รื่อง ทฤษฎีการชนกนั
ของโมเลกลุ ทฤษฎีสภาวะเชงิ ซ้อน และพลงั งานก่อกมั มันต์

2. นักเรยี นมคี วามสามารถในการคดิ วิเคราะหเ์ ก่ยี วกับทฤษฎกี ารชนกันของโมเลกุล ทฤษฎี
สภาวะเชงิ ซ้อน และพลังงานกอ่ กัมมันต์

3. นักเรียนมีการใช้ทกั ษะชวี ติ ในการทางานร่วมกบั ผู้อน่ื ได้
4. นักเรียนมคี วามสามารถใช้เทคโนโลยีในการสบื คน้ ข้อมูลเกย่ี วกบั ทฤษฎกี ารชนกนั ของโมเลกุล

ทฤษฎสี ภาวะเชงิ ซอ้ น และพลงั งานกอ่ กมั มนั ต์

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรมเ้ ร่ธฟ น ธตั ราการเกดผ ปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฬฝ ทกบั การเกดผ ปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ หน้า 6

วธิ ีวัดผล เครอ่ื งมือวดั

สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่
ตรวจแบบฝกึ หดั แบบฝึกหดั
ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรยี น แบบทดสอบก่อนเรียน - หลงั เรียน

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรม้เร่ฟธน ธัตราการเกดผ ปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฬฝ ทกบั การเกผดปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ หน้า 7

คาช้ีแจง : แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรื่องแนวคดิ เก่ียวกับการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี เป็นแบบทดสอบ
แบบเลือกตอบ 4 ตัวเลอื ก จานวน 10 ข้อ ใชเ้ วลา 10 นาที

คาสั่ง : จงเลอื กคาตอบทถี่ ูกต้องที่สุดเพียงคาตอบเดยี ว แลว้ ทาเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงใน
กระดาษคาตอบ

1. ข้อใดอธบิ ายเกย่ี วกบั ทฤษฎีสภาวะเชิงซ้อนของปฏกิ ริ ิยา A2 + B2  2AB ไมถ่ ูกต้อง
1. ณ สภาวะเชงิ ซอ้ นสารเชิงซ้อนกมั มันต์ ของ A และ B จะมีพลังงานสูงที่สดุ
2. ณ สภาวะเชงิ ซ้อนสารเชงิ ซ้อนกมั มนั ต์ของ A และ B จะมีเสถยี รภาพสูงท่สี ุด
3. เมอื่ สารเชงิ ซอ้ นกมั มนั ต์ของ A และ B เรมิ่ คายพลังงานผลติ ภณั ฑ์ AB กจ็ ะเกดิ ข้ึน
4. เม่ือเร่ิมเกิดปฏิกิรยิ าพนั ธะระหว่าง A2 และ B2 เรมิ่ สลายและเรมิ่ สรา้ งพนั ธะระหวา่ ง A กับ B

2. ขอ้ ใดกลา่ วไม่ถกู ตอ้ งเกยี่ วกับทฤษฎกี ารชนกันของโมเลกุล
1. โมเลกุลของสารชนกนั ในทศิ ทางใดก็ได้
2. การชนกันของโมเลกุลทาให้เกิดพลังงาน
3. การชนกันของโมเลกลุ ตอ้ งชนกนั หลายๆครั้ง
4. พลังงานท่ีเกดิ จากการชนตอ้ งมากกว่าหรือเท่ากับพลงั งานกอ่ กัมมนั ต์

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรม้เร่ธฟ น ธตั ราการเกผดปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฬฝ ทกบั การเกดผ ปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ หนา้ 8

3. เมือ่ ทาการทดลองปฏกิ ริ ิยาระหวา่ ง F2 และ NO2 จานวน 2 ครงั้ ที่อุณหภูมิเดียวกัน พบวา่ ผล
การทดลองเป็นไปดังตาราง

การทดลองครั้งท่ี 1 การทดลองคร้งั ที่ 2

ก่อนชน ชน หลังชน กอ่ นชน ชน หลังชน

ขอ้ ใดคือเงือ่ นไขท่ีทาให้การทดลองครัง้ ท่ี 1 สาเร็จในขณะทีค่ รง้ั ท่ี 2 ไมส่ าเร็จ
1. ตวั เร่งปฏิกิริยา
2. ความเขม้ ขน้ ของสาร
3. พลังงานจลน์ของการชน
4. ทศิ ทางการชนกันของโมเลกลุ

4. จากกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างการดาเนินไปของปฏิกิริยากบั พลงั งานศกั ย์ พลงั งาน
กอ่ กมั มันต์ของปฏกิ ริ ยิ ามีคา่ เทา่ กับข้อใด

1. 20 kJ/mol
2. 40 kJ/mol
3. 80 kJ/mol
4. 120 kJ/mol

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรม้เร่ฟธน ธตั ราการเกผดปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฬฝ ทกบั การเกผดปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ หนา้ 9

5. กราฟขอ้ ใดแสดงการการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมเี รว็ ท่สี ุด
1. 2.

3. 4.

6. จากภาพแสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งการดาเนนิ ไปของปฏกิ ริ ิยา (progress of the reaction)
กบั พลังงานศักย์ (PE) ขอ้ ใดหมายถงึ พลงั งานก่อกัมมนั ต์

1. หมายเลข I
2. หมายเลข II
3. หมายเลข III
4. หมายเลข IV

7. ขอ้ ใดระบุความสมั พันธ์ของพลังงานกอ่ กมั มันต์ (Ea) ของปฏกิ ริ ิยาทเ่ี กิดขึน้ อยา่ งรวดเรว็ กบั

สารเชิงซ้อนกัมมนั ต์ (Activated Energy) ได้ถกู ตอ้ ง

Ea Activated Complex

1. ต่า ไม่เสถียร

2. ตา่ เสถียร

3. สูง ไม่เสถยี ร

4. สงู เสถยี ร

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรม้เร่ฟธน ธตั ราการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฝฬทกับการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ หนา้ 10

8. จากกราฟแสดงความสมั พันธ์ระหว่างการดาเนนิ ไปของปฏกิ ริ ิยา (progress of the
reaction) กบั พลงั งานศกั ย์ (PE)

หมายเลข I หมายถงึ ค่าพลังงานในข้อใด
1. พลังงานของปฏิกริ ยิ า
2. พลังงานศกั ย์ของสารเชิงซ้อนกัมมันต์
3. พลังงานก่อกมั มนั ต์ของปฏิกริ ิยายอ้ นกลบั
4. พลังงานกอ่ กมั มนั ต์ของปฏิกิรยิ าไปขา้ งหนา้

9. พิจารณากราฟความสัมพนั ธ์ระหว่างการดาเนินไปของปฏิกิริยา (progress of the reaction)
กับพลังงานศกั ย์ (PE)

พลังงานก่อกัมมนั ต์ของปฏิกิริยาย้อนกลับ
คือข้อใด
1. 30 kJ
2. 140 kJ
3. 170 kJ
4. 200 kJ

10. พจิ ารณากลไกการเกิดปฏกิ ริ ิยาตอ่ ไปน้ี
ขน้ั ตอนท่ี 1: H2O2 + I-  H2O + IO-
ขน้ั ตอนท่ี 2: H2O2 + IO-  H2O + O2 + I-

ขอ้ ใดคอื สารมัธยนั ตร์ (Intermediate)
1. I -
2. IO -
3. H2O
4. H2O2

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรม้เร่ธฟ น ธตั ราการเกดผ ปฏกผ ผรผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฬฝ ทกับการเกผดปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ หนา้ 11

ข้อ ก ข ค ง ขอ้ ก ข ค ง
1. 6.
2. 7.
3. 8.
4. 9.
5. 10.

สรุปคะแนนก่อนเรียน

คะแนนเต็ม 10

คะแนนท่สี อบได้

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรม้เร่ธฟ น ธตั ราการเกผดปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฬฝ ทกบั การเกผดปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หน้า 12

What I Know?
ฉนั รอู้ ะไร

ให้นกั เรยี นรว่ มกันกับเพอื่ นในกลุ่ม เขยี นส่ิงทีน่ ักเรยี นรู้เกี่ยวกบั ปจั จยั ที่ทาให้เกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี

……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรมเ้ ร่ฟธน ธัตราการเกดผ ปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฝฬทกับการเกดผ ปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ หน้า 13

กจิ กรรมท่ี 1

คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นอ่านเรือ่ งต่อไปน้ี แลว้ ตอบคาถาม

ถนภ ลมนรผ ภฬั (Airbag) เปน็ ธภปกรณญ์ นรถฬนตท์ ่ฝสามารถลดแรนกระแทกระหทา่ นลาตทั และ
ถรฝษะกบั อทนมาลฬั ท่ฝเกดผ ขนพ้ ฌดฬภาฬญนถนภ ลมนผรภฬั ท่ฝทามาจากถนภ โนลธน ภาฬญนจะมสฝ าร
ฌซเดฬฝ มเธโซด์ (NaN3) ท่ธฝ ฬมญ่ นรมปขธนแขนฎ บรรจภ โท้ญนท่ฝสมบลม(Inflator) ซ่พนจะเกผด
การสลาฬตัทเปน็ ฌลหะฌซเดฝฬม และแกส๊ โนฌตรเจน เม่ธฟ โดร้ ับใทามรธ้ นจากตทั ตรทจจบั การชน
(Crash sensor) ประมาณ 300 ธนถาเซลเซฝฬส ซ่พนถ้าบรรจภ NaN3 จานทน 100 กรัม จะ
สามารถผลตผ แก๊สโนฌตรเจนโด้ 56 ลตผ ร ภาฬญนเทลา 0.03 ทผนาทดฝ ันสมการเใมฝ

2NaN3(s)  2Na(s) + 3N2(g)

ภาพท่ี 1 ถุงลมนิรภัย
ท่มี า: https://disayaphong.wordpress.com/2008/12/02/airbag/

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรม้เร่ธฟ น ธตั ราการเกผดปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฬฝ ทกับการเกผดปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หนา้ 14

คาถาม

ปฏิกิรยิ าท่ีเกดิ ขนึ้ ในถงุ ลมนิรภัยเป็นปฏกิ ิริยาเคมีชนิดใด

ตอบ..............................................................................................................................

ปฏิกิรยิ าท่เี กิดขนึ้ ในถุงลมนริ ภยั มสี ารใดเป็นสารต้งั ตน้
และสารใดเป็นสารผลิตภณั ฑ์

ตอบ..............................................................................................................................
.....................................................................................................................................

ถุงลมนริ ภัย พองตวั ขึน้ ไดอ้ ย่างไร

ตอบ..............................................................................................................................
.....................................................................................................................................

อตั ราการเกดิ แกส๊ ไนโตรเจนในถงุ ลมนิรภัยเทา่ กับ
เทา่ ไร ในหน่วย ลิตรตอ่ วนิ าที

ตอบ..............................................................................................................................
.....................................................................................................................................

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรมเ้ ร่ฟธน ธตั ราการเกผดปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฬฝ ทกับการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ หนา้ 15

ใบความร้ทู ่ี 1
แนวคดิ เกี่ยวกบั การเกดิ ปฏิกิริยาเคมี

การเกดิ ปฏกิ ิริยาสามารถอธิบายไดโ้ ดยใช้ทฤษฎีการชนและทฤษฎสี ภาวะทรานซิชนั

1. ทฤษฎกี ารชน (Collision theory)

ทฤษฎีการชน (Collision theory) อธบิ ายวา่ ปฏกิ ริ ิยาจะเกิดข้ึนไดก้ ็ต่อเมื่ออนภุ าคของสาร
ตัง้ ตน้ เคลอ่ื นทช่ี นกนั และเป็นการชนที่มีประสิทธิภาพ ซ่ึงขน้ึ อยกู่ บั ปจั จัยตอ่ ไปน้ี

1. ความถใี่ นการชนกันของอนภุ าคของสาร (Collision frequency)
ในการชนกันของอนุภาคของสาร ไม่ได้เกิดปฏิกิริยาข้ึนทุกคร้ัง ความถ่ีในการชนกันของ
อนภุ าคจงึ มผี ลตอ่ การเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี ซ่ึงจะขึน้ อยกู่ บั จานวนอนุภาค

เม่ือสารตั้งต้นมสี ถานะเป็นของแข็ง ถ้าสารมีมวลเท่ากัน แตพ่ ้ืนที่ผวิ สัมผัสมากกวา่ การชนกนั
ของโมเลกุลของสารก็จะเกิดข้ึนได้มากกวา่ น่นั คือมีความถี่ในการชนกนั ของโมเลกลุ มากกวา่ ดังภาพที่ 2

ภาพท่ี 2 การเพ่มิ พนื้ ทผ่ี ิวสมั ผัสของสารเปน็ การเพิ่มโอกาสในการชนกันของอนภุ าค
เมอื่ สารตงั้ ต้นเปน็ สารละลาย เม่อื ปรมิ าตรเท่ากัน สารละลายทม่ี ีความเข้มขน้ มากกว่า จะมี
จานวนอนุภาคของสารมากกว่า การชนการของอนุภาคกจ็ ะเกดิ ขนึ้ มากกวา่ ดงั ภาพท่ี 3

ภาพท่ี 3 สารละลายท่ีมีความเขม้ ข้นมากกว่าจานวนอนุภาคของสารมากกวา่
ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรม้เร่ธฟ น ธัตราการเกดผ ปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฝฬทกบั การเกดผ ปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หนา้ 16

2. ทิศทางการชนของอนุภาค (The orientation of collision)
ปฏิกิริยาจะเกิดขึ้นได้เมื่ออนุภาคของสารต้องชนกันใน ทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสม
เชน่ ในปฏกิ ริ ยิ าระหว่าง NO2 กบั CO เกดิ เปน็ NO และ CO2

(a) หมายถงึ ทิศทางเหมาะสม เกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี
ส่วน (b), (c) และ (d) หมายถึงทศิ ทางการชนกันของอนภุ าคไม่ถูกตอ้ งเหมาะสมจงึ ไม่เกิดปฏิกิริยาเคมี

ภาพที่ 4 ทศิ ทางทเี่ หมาะสมในการชนกนั ของอนุภาค
(ท่มี า:http://wps.prenhall.com/wps/media/objects/439/449969/Media_Portfolio/Chapt

er_15/FG15_01a-d.JPG) (สืบค้นออนไลน์ พ.ศ.2552)

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรม้เร่ธฟ น ธัตราการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฝฬทกบั การเกดผ ปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หนา้ 17

3. พลงั งานของการชนกนั ต้องเท่ากับหรือสงู กวา่ พลงั งานกอ่ กมั มนั ต์
ปฏิกิริยาจะเกดิ ข้ึนได้เมือ่ อนุภาคของสารต้ังต้นซึ่งมีลักษณะเป็นทรงกลมตันเคลื่อนที่ชน
กัน แล้วพลังงานจลนข์ องอนภุ าคท่ีเกดิ จากการเคลอื่ นท่ีชนกันต้องมีค่ามากพอที่จะไปทา

ให้พันธะในสารตั้งต้นสลาย แล้วสร้างพันธะใหม่เกิดเป็นสารผลิตภัณฑ์ น่ันคือพลังงาน
จลนท์ ีเ่ กดิ ขึน้ ตอ้ งมากกว่าหรอื เทา่ กบั พลงั งานกอ่ กมั มันต์ (Activation energy, Ea)

Ea1 Ea2 เมือ่
Ea1 คอื พลงั งานกอ่ กัมมันต์
พ ัลงงาน สารผลติ ภณั ฑ์ ของปฏกิ ิริยาไปขา้ งหน้า
Ea2 คอื พลงั งานกอ่ กมั มันต์
สารตงั้ ตน้
ของปฏกิ ริ ยิ าย้อนกลับ

การดาเนินไปของปฏกิ ริ ยิ า

ภาพที่ 5 แสดงพลังงานกอ่ กัมมันต์ (Ea) ของปฏิกิริยา

ภาพที่ 6 ภาพเปรียบเทยี บพลงั งานกอ่ กมั มันตก์ ับการกลิ้งหินขนึ้ ภูเขา
(ทมี่ า: http://itl.chem.ufl.edu/2041_u98/lectures/lec_m.html

(สืบค้นออนไลน์ พ.ศ. 2552)

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรม้เร่ฟธน ธตั ราการเกดผ ปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฝฬทกบั การเกดผ ปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หน้า 18

พลงั งานกอ่ กัมมันต์

พลังงานก่อกมั มันต์ (Activation energy, Ea) คอื พลังงานน้อยทส่ี ดุ
ทต่ี ้องใชเ้ พอ่ื ให้เกดิ ปฏิกิรยิ า

ตัวอย่างท่ี 1
จากกราฟความสัมพันธ์ระหว่างการดาเนินไปของปฏกิ ิริยา (Progress of the
reaction) กบั พลงั งานศกั ย์ (PE) จงตอบคาถาม

1) พลังงานกอ่ กัมมนั ตข์ อง
ปฏกิ ิริยาไปข้างหน้าเท่ากบั
เทา่ ไร

2) พลงั งานกอ่ กัมมนั ต์ของ
ปฏิกิรยิ ายอ้ นกลบั เท่ากบั เทา่ ไร

วธิ ีคดิ

1) พลังงานกอ่ กัมมนั ต์ของปฏกิ ริ ยิ าไปข้างหนา้ 2) พลังงานกอ่ กัมมันต์ของปฏิกริ ิยายอ้ นกลบั

= 100 – 40 = 60 kJ =100 – 20 = 80 kJ

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรม้เร่ธฟ น ธัตราการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฝฬทกับการเกดผ ปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หน้า 19

ตัวอย่างที่ 2
จากกราฟความสัมพันธร์ ะหวา่ งการดาเนนิ ไปของปฏิกริ ยิ า (Reaction pathway)
กับพลงั งานศักย์ (PE) จงตอบคาถาม

1) พลงั งานก่อกัมมนั ตข์ อง
ปฏกิ ริ ิยาไปขา้ งหนา้ เท่ากับ
เท่าไร

2) พลังงานก่อกัมมนั ตข์ อง
ปฏกิ ิริยายอ้ นกลับเทา่ กับเทา่ ไร

วิธีคิด

1) พลงั งานก่อกัมมนั ตข์ องปฏิกิรยิ าไปขา้ งหนา้ 2) พลงั งานก่อกมั มันต์ของปฏิกริ ิยาย้อนกลบั

= 250 – 50 = 200 kJ = 250 – 100 = 150 kJ

ไม่ยากเลยใชม่ ย้ั คะ

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรมเ้ ร่ฟธน ธตั ราการเกผดปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฬฝ ทกบั การเกผดปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ หน้า 20

2. ทฤษฎีสภาวะทรานซิชนั (Transition state theory)

ทฤษฎีสภาวะทรานซิชัน (Transition state theory) หรือทฤษฎีแอกติเวเตดคอม
เพล็กซ์ (Activated complex theory) เป็นทฤษฎีท่ีอธิบายว่าอนุภาคของสารไม่ใช่ทรงกลมตัน
แต่อนุภาคมีกลุ่มหมอกของอิเลก็ ตรอนหอ่ หมุ้ อยู่ เมอ่ื อนภุ าคเคลื่อนทเ่ี ข้ามาใกล้กันในระยะท่ีพอเหมาะ
หรือชนกัน กลุ่มหมอกของอิเล็กตรอนจะถูกกระทบกระเทือน ทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงภายใน
อนภุ าคของสารต้ังต้น คือ พันธะของสารต้ังต้นจะอ่อนลง และเริ่มมีพันธะอย่างอ่อนเกิดข้ึนระหวา่ งคู่
อะตอมท่เี หมาะสมไดเ้ ปน็ สารชนิดหนึ่งท่มี พี ลงั งานสงู กว่าพลังงานของสารตง้ั ตน้ และสารผลิตภัณฑ์ เรา
เรียกสารนี้ ว่า สารเชิงซ้อนกัมมันต์ (Activated complex) เป็นสารท่ีไม่อยู่ตัว มีอายุส้ัน พลังงาน
สูง พร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นสารผลิตภัณฑ์หรือกลับคืนมาเป็นสารต้ังต้นอย่างเดิม เราเรียกสภาวะนี้ว่า
สภาวะทรานซิชัน (Transition state) ดังภาพท่ี 7 และภาพที่ 8

สารต้งั ตน้ สารเชงิ ซ้อนกมั มนั ต์ สารผลติ ภัณฑ์

พันธะของสารต้ังตน้ จะอ่อนลง
และเร่ิมมีพนั ธะอย่างอ่อนเกิดข้ึน
ระหว่างคู่อะตอมท่เี หมาะสม

ภาพที่ 7 ทฤษฎสี ภาวะทรานซิชัน

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรม้เร่ฟธน ธตั ราการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฝฬทกบั การเกดผ ปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ หนา้ 21

สภาวะเชงิ ซอ้ น
พลงั งานก่อกมั มนั ต์ของปฏิกิรยิ าไปข้างหนา้

พลังงานศัก ์ย ( ) สารตง้ั ตน้ พลังงานก่อกัมมันตข์ องปฏกิ ริ ยิ าย้อนกลบั
พลงั งานของปฏิกิรยิ า

การดาเนนิ ไปของปฏกิ ริ ยิ า ( ) สารผลติ ภณั ฑ์

ภาพที่ 8 กราฟแสดงความสมั พันธร์ ะหว่างการดาเนินไปของปฏกิ ริ ิยากบั พลังงานศักย์

ของปฏิกริ ยิ า NO2 + CO  NO + CO2
(ทมี่ า:http://cwx.prenhall.com/bookbind/pubbooks/hillchem3/medialib/media_portfol
io/text_images/CH13/FG13_12.JPG) (สบื คน้ ออนไลน์ พ.ศ. 2552)

ดังน้นั การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีจะชา้ หรือเรว็ ขน้ึ อยู่กบั ปัจจยั ตอ่ ไปน้ี
1. ความถ่ใี นการชนกนั ของอนภุ าค ถา้ ความถี่ในการชนสงู ปฏกิ ริ ยิ าจะเกิดไดเ้ ร็ว

2. จานวนอนุภาคท่มี พี ลังงานสูง ถ้ามีมากปฏิกิรยิ าจะเกิดไดเ้ ร็ว ถา้ มีน้อยปฏิกิริยาจะเกิดช้า

3. คา่ พลังงานกอ่ กมั มันต์ ถา้ มมี ากปฏิกิริยาจะเกิดช้า แต่ถา้ มีคา่ น้อยปฏกิ ริ ยิ าจะเกดิ ได้เร็ว

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรม้เร่ฟธน ธัตราการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฬฝ ทกบั การเกดผ ปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ หนา้ 22

ปฏิกริ ิยาบางปฏกิ ริ ิยาเกิดขน้ึ ไดง้ า่ ยคืออนุภาคของสารตง้ั ตน้ ชนกันเพียงคร้ังเดยี วก็เกิด

ปฏกิ ริ ิยาได้ เช่น ปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งก๊าซไฮโดรเจนกับกา๊ ซไอโอดีน ได้ไฮโดรเจนไอโอไดด์

H2(g) + I2(g)  2HI(g)
แตบ่ างปฏิกริ ยิ าโดยมากมกั จะเกดิ ขน้ึ หลายข้นั ตอน เช่น ปฏกิ ิรยิ าระหว่าง HBr กบั O2
ปฏิกริ ยิ าเกดิ ได้ 3 ข้ันตอน ดังสมการ (1) - (3) เนอ่ื งจากโมเลกุลของสารตง้ั ต้นทัง้ ห้าโมเลกุลจะไมช่ น

พรอ้ มกันในเวลาเดยี วกัน ปฏิกริ ยิ าจึงเกดิ ขน้ึ ไดห้ ลายขัน้ ตอน ดังนี้

HBr(g) + O2(g)  HOOBr(g) (ชา้ ) (1)

HOOBr(g) + HBr(g)  2HOBr(g) (เร็ว) (2)

2HOBr(g) + 2HBr(g)  2H2O(g) + Br2(g) (เรว็ ) (3)

รวม (1) + (2) +2(3) 4HBr(g) + O2(g)  2H2O(g) + 2Br2(g)

ปฏกิ ริ ยิ าที่เกดิ ขน้ึ แต่ละขน้ั ตอนย่อย เรยี กวา่ กระบวนการเบ้อื งตน้ หรอื กระบวนการปฐม

(Elementary process) และลาดับก่อนหลังของกระบวนการเบ้ืองตน้ เหล่านี้ ซ่งึ นาไปสผู่ ลติ ภัณฑใ์ น
ทีส่ ุด เรียกว่า กลไกของปฏิกิริยา (Reaction Mechanism) ผลิตภัณฑ์ท่ีเกิดข้ึนในขั้นตอนย่อยๆ

เรียกว่า สารตัวกลางหรือสารมัธยันตร์ (intermediate) เป็นสารท่ีเกดิ ข้ึนแลว้ กจ็ ะทาปฏิกิรยิ า
ตอ่ ไป สารพวกน้มี ีอายุสน้ั มาก ซึ่งจากตวั อยา่ งข้างต้น คือ HOOBr และ HOBr ปฏกิ ริ ิยาขน้ั ทช่ี า้
ท่สี ุดมีพลังงานก่อกมั มนั ต์มากทส่ี ดุ คอื สมการท่ี (1) ซง่ึ ถือเปน็ ขนั้ กาหนดอตั รา (Rate

determining step)
กระบวนการปฐมจาแนกตามจานวนโมเลกลุ ของสารต้งั ต้น (Molecularity) ไดด้ งั นี้
 กระบวนการหนงึ่ โมเลกลุ (Unimolecular process) : สารตัง้ ตน้ มี 1 โมเลกลุ

 กระบวนการสองโมเลกุล (Bimolecular process) : สารต้งั ต้นมี 2 โมเลกุล

 กระบวนการสามโมเลกุล (Termolecular process) : สารต้ังตน้ มี 3 โมเลกุล

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรม้เร่ฟธน ธัตราการเกผดปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฬฝ ทกับการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ หนา้ 23

ตวั อย่างที่ 1 (ชา้ )
จากกลไกการเกดิ ปฏิกริ ิยาต่อไปน้ี (เร็ว)
ข้ันตอนท่ี 1 : NO2 + F2  NO2F + F
ขัน้ ตอนท่ี 2 : F + NO2  NO2F
รวม : 2NO2 + F2  2NO2F
จงระบวุ า่ สารใดเป็นสารมัธยนั ตร์ และขัน้ ตอนใดเปน็ ขั้นกาหนดอตั รา

ตอบ สารมธั ยันตร์ คือ F และขั้นกาหนดอัตราคือ ขน้ั ตอนท่ี 1

ตัวอย่างที่ 2 (ช้า)
จากกลไกการเกดิ ปฏิกิริยาต่อไปน้ี (เร็ว)
ขั้นตอนท่ี 1 : NO2 + NO2  NO3 + NO
ขั้นตอนท่ี 2 : NO3 + CO  NO2 + CO2
รวม : NO2 + CO  NO + CO2
จงระบุว่าสารใดเปน็ สารมธั ยนั ตร์ และขน้ั ตอนใดเปน็ ขัน้ กาหนดอตั รา

ตอบ สารมัธยันตร์ คือ NO3 และข้ันกาหนดอตั ราคอื ข้ันตอนท่ี 1

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรม้เร่ฟธน ธัตราการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฬฝ ทกบั การเกผดปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ หนา้ 24

แบบฝกึ หัดที่ 1

1. จากกราฟความสมั พนั ธข์ องการดาเนนิ ไปของปฏกิ ิริยากับพลังงานต่อไปน้ี

พ ัลงงาน, kJ

พ ัลงงาน, kJ การดาเนินไปของปฏิกิริยา
1) พลังงานก่อกัมมนั ต์ของปฏกิ ริ ิยาไปขา้ งหนา้ =……………………..kJ
2) พลังงานก่อกัมมนั ต์ของปฏกิ ริ ิยาย้อนกลบั =……………………..kJ
2. จากกราฟความสัมพันธ์ของการดาเนินไปของปฏิกิรยิ ากับพลงั งานต่อไปน้ี

การดาเนินไปของปฏิกิริยา
1) พลงั งานก่อกัมมนั ต์ของปฏิกริ ยิ าไปข้างหนา้ =……………………..kJ
2) พลงั งานก่อกมั มนั ต์ของปฏกิ ริ ยิ าย้อนกลบั =……………………..kJ

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรม้เร่ฟธน ธัตราการเกดผ ปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฝฬทกับการเกดผ ปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ หน้า 25

3. ปฏกิ ิรยิ า A  D + E เกดิ ขึน้ หลายข้นั ตอนดังนี้

1) ปฏิกิริยาขนั้ ที่ 1 A  B พลังงานกอ่ กมั มนั ต์ =……………………….. kJ

2) ปฏิกริ ิยาขนั้ ท่ี 2 B  C พลงั งานกอ่ กัมมนั ต์ =……………………….. kJ

3) ปฏกิ ิริยาขัน้ ที่ 3 C  D + E พลงั งานก่อกมั มนั ต์ =……………………….. kJ

4) ปฏิกิรยิ า B  A พลงั งานก่อกมั มนั ต์ =……………………….. kJ

5) ปฏิกริ ยิ าทีเ่ กิดข้ึนเรว็ ทีส่ ุดคือข้ันท.่ี .............เพราะ.....................................................................

6) ขั้นกาหนดอัตราคอื ขัน้ ตอนที่..............................เพราะ............................................................

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรม้เร่ธฟ น ธัตราการเกผดปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฝฬทกับการเกผดปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หนา้ 26

4. สาร chlorofluorocarbons หรอื CFC เป็นทส่ี ามารถสลายตวั ไดด้ ้วยรงั สียูวีซึ่งพบไดใ้ น

บรรยากาศ โดยทาให้เกิดอะตอมของคลอรีนขึ้นดังปฏกิ ิริยา
h
CFCl3 CFCl2 + Cl


เมอ่ื อะตอมของ Cl ทาปฏกิ ริ ิยากับ Ozone (O3) โดยมีกลไกปฏิกริ ิยาดงั นี้

Step 1: Cl + O3  ClO + O2

Step 2: ClO + O  Cl + O2

(อะตอมเดี่ยวของ "O" เกิดข้นึ โดยธรรมชาติในช้ันบรรยากาศ)

1) จงเขยี นปฏิกิรยิ ารวม (overall reaction) ของกลไกปฏิกิริยานี้

…………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………..………….

2) ตัวเรง่ ปฏกิ ริ ยิ า (catalyst) ของปฏกิ ิริยานี้คอื

…………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………..………….

3) สารมัธยันตร์ (intermediate) ของปฏกิ ิริยานี้คอื

…………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………..………….

4) จงอธบิ ายวา่ เพราะเหตใุ ด CFC ปรมิ าณนอ้ ยจงึ สามารถทาลายโอโซนไดม้ ากมาย

…………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………..………….

…………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………..………….

……………………………………………………………………………………………………………..………….

……………………………………………………………………………………………………………..………….

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรมเ้ ร่ฟธน ธัตราการเกผดปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฬฝ ทกบั การเกดผ ปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ หน้า 27

5. จงตอบคาถามโดยใช้กลไกปฏกิ ริ ิยาต่อไปนี้ (slow)
Step 1: H2O2 + I-  H2O + IO-

Step 2: H2O2 + IO-  H2O + O2 + I- (fast)

1) จงเขียนปฏกิ ิริยารวม (overall reaction) ของกลไกปฏกิ ิรยิ านี้

………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………..………….

2) ตัวเรง่ ปฏิกิรยิ า (catalyst) ของปฏิกิริยาน้คี ือ

………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………..………….

3) สารมัธยันตร์ (intermediate) ของปฏิกิรยิ านี้คอื

………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………..………….

4) ข้ันกาหนดอัตรา (rate determining step) คอื ข้ันตอนใด

………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………..………….

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรมเ้ ร่ธฟ น ธตั ราการเกผดปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฬฝ ทกับการเกดผ ปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หนา้ 28

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรม้เร่ฟธน ธัตราการเกผดปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฬฝ ทกบั การเกผดปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ หนา้ 29

Show
What
You Know

นกั เรยี นไดเ้ รยี นรู้อะไรบ้าง

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรมเ้ ร่ธฟ น ธัตราการเกผดปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฬฝ ทกบั การเกผดปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ หนา้ 30

คาชแ้ี จง : แบบทดสอบหลงั เรยี น เรื่องแนวคดิ เกยี่ วกับการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี เป็นแบบทดสอบ
แบบเลือกตอบ 4 ตัวเลอื ก จานวน 10 ขอ้ ใช้เวลา 10 นาที

คาสง่ั : จงเลอื กคาตอบท่ถี กู ตอ้ งท่สี ุดเพียงคาตอบเดียว แลว้ ทาเครื่องหมายกากบาท (X) ลงใน
กระดาษคาตอบ

1. จากกราฟแสดงความสัมพนั ธ์ระหว่างการดาเนินไปของปฏิกริ ิยา (progress of the
reaction) กบั พลังงานศกั ย์ (PE) ขอ้ ใดหมายถงึ พลังงานก่อกัมมันต์

1. หมายเลข I
2. หมายเลข II
3. หมายเลข III
4. หมายเลข IV

2. ขอ้ ใดอธบิ ายเกย่ี วกับทฤษฎีสภาวะเชงิ ซอ้ นของปฏกิ ิริยา A2 + B2  2AB ไม่ถูกต้อง
1. ณ สภาวะเชิงซ้อน สารเชงิ ซอ้ นกัมมนั ต์ ของ A และ B จะมพี ลังงานสงู ทส่ี ุด
2. ณ สภาวะเชงิ ซอ้ น สารเชงิ ซอ้ นกมั มันต์ของ A และ B จะมีเสถียรภาพสงู ที่สุด
3. เมื่อสารเชงิ ซอ้ นกมั มันตข์ อง A และ B เรมิ่ คายพลังงานผลติ ภัณฑ์ AB กจ็ ะเกิดข้ึน
4. เมือ่ เร่มิ เกิดปฏิกิริยาพันธะระหวา่ ง A2 และ B2 เร่ิมสลายและเรม่ิ สรา้ งพันธะระหว่าง A กบั B

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรมเ้ ร่ฟธน ธตั ราการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฝฬทกบั การเกผดปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หน้า 31

3. จากกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งการดาเนนิ ไปของปฏิกริ ยิ ากบั พลงั งานศกั ย์ พลงั งาน
ก่อกมั มนั ตข์ องปฏิกิริยามีค่าเทา่ กับข้อใด

1. 20 kJ/mol
2. 40 kJ/mol
3. 80 kJ/mol

4. 120 kJ/mol

4. ขอ้ ใดกลา่ วไม่ถกู ต้องเก่ียวกับทฤษฎกี ารชนกันของโมเลกุล
1. โมเลกลุ ของสารชนกนั ในทศิ ทางใดก็ได้
2. การชนกันของโมเลกุลทาให้เกดิ พลังงาน

3. การชนกนั ของโมเลกลุ ตอ้ งชนกนั หลายๆครงั้
4. พลงั งานทีเ่ กดิ จากการชนตอ้ งมากกว่าหรือเทา่ กับพลังงานก่อกัมมนั ต์

5. ข้อใดระบคุ วามสมั พนั ธ์ของพลังงานก่อกมั มันต์ (Ea) ของปฏิกริ ยิ าที่เกิดขนึ้ อย่างรวดเร็วกับ

สารเชงิ ซ้อนกมั มนั ต์ (Activated Energy) ไดถ้ ูกตอ้ ง

Ea Activated Complex

1. ตา่ ไม่เสถยี ร

2. ตา่ เสถยี ร

3. สูง ไมเ่ สถยี ร

4. สงู เสถียร

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรม้เร่ธฟ น ธัตราการเกผดปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฝฬทกับการเกผดปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หน้า 32

6. จากกราฟแสดงความสมั พนั ธ์ระหว่างการดาเนินไปของปฏกิ ริ ยิ า (progress of the
reaction) กับพลงั งานศกั ย์ (PE)

หมายเลข I หมายถงึ ค่าพลงั งานในข้อใด
1. พลังงานของปฏกิ ิรยิ า
2. พลงั งานศกั ย์ของสารเชงิ ซ้อนกมั มันต์
3. พลงั งานก่อกมั มนั ตข์ องปฏิกริ ิยาย้อนกลบั
4. พลังงานกอ่ กมั มนั ต์ของปฏิกริ ิยาไปขา้ งหนา้

7. เมื่อทาการทดลองปฏกิ ิริยาระหว่าง F2 และ NO2 จานวน 2 คร้งั ที่อณุ หภูมิเดียวกัน พบว่าผล
การทดลองเป็นไปดังตาราง

การทดลองคร้งั ท่ี 1 การทดลองครั้งที่ 2

ก่อนชน ชน หลงั ชน ก่อนชน ชน หลังชน

ข้อใดคอื เงือ่ นไขท่ีทาให้การทดลองครงั้ ที่ 1 สาเรจ็ ในขณะท่ีคร้งั ที่ 2 ไม่สาเรจ็
1. ตวั เร่งปฏกิ ิริยา
2. ความเขม้ ขน้ ของสาร
3. พลังงานจลน์ของการชน
4. ทิศทางการชนกนั ของโมเลกลุ

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรมเ้ ร่ธฟ น ธตั ราการเกผดปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฬฝ ทกับการเกดผ ปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ หน้า 33

8. กราฟข้อใดแสดงการการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมเี รว็ ท่ีสุด
1. 2.

3. 4.

9. พิจารณากลไกการเกดิ ปฏิกิรยิ าต่อไปนี้
ขั้นตอนท่ี 1: H2O2 + I-  H2O + IO-
ขน้ั ตอนท่ี 2: H2O2 + IO-  H2O + O2 + I-

ข้อใดคอื สารมัธยนั ตร์(Intermediate)
1. I-
2. IO-
3. H2O
4. H2O2

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรมเ้ ร่ธฟ น ธัตราการเกผดปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฬฝ ทกับการเกผดปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หน้า 34

10. พิจารณากราฟแสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งการดาเนินไปของปฏกิ ิริยา (progress of the
reaction) กับพลงั งานศกั ย์ (PE)

พลังงานกอ่ กมั มันต์ของปฏกิ ริ ิยา
ยอ้ นกลบั คือขอ้ ใด
1. 30 kJ
2. 140 kJ
3. 170 kJ
4. 200 kJ

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรม้เร่ฟธน ธตั ราการเกผดปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฬฝ ทกบั การเกดผ ปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ หนา้ 35

ข้อ ก ข ค ง ขอ้ ก ข ค ง
1. 6.
2. 7.
3. 8.
4. 9.
5. 10.

สรุปคะแนนหลังเรียน

คะแนนเต็ม 10

คะแนนท่สี อบได้

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรม้เร่ฟธน ธตั ราการเกผดปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฝฬทกับการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ หน้า 36

บรรณานุกรม

คณิตา ตังคณานุรกั ษ์. 2549. สรุปเข้มเคมพี นื้ ฐานและเพ่ิมเตมิ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5. กรุงเทพฯ :
บรษิ ัท สานกั พมิ พแ์ มค็ จากดั .

ดษิ ยพงศ์ ใจหนักแน่น. 2551. ถงุ ลมนริ ภัยทางานอย่างไร. สบื ค้นออนไลน์:
https://disayaphong.wordpress.com/2008/12/02/airbag/ (วันท่ี 12 มนี าคม 2552)

ทบวงมหาวิทยาลยั . 2549. เคมี เลม่ 1. พมิ พค์ รง้ั ที่ 9. กรงุ เทพฯ : อักษรเจริญทัศน์.
พนิ ติ ิ รตะนานุกุล, เทพจานง แสงสุนทร, นยั นา ชวนเกริกกุล, พรพรรณ อดุ มกาญจนนนั ท์, สุชาดา

จอู นุวัฒนกุล. 2551. เคมี 3. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 2. กรงุ เทพฯ : บริษัทด่านสุทธาการพิมพ์ จากดั
มูลนธิ ิ สอวน. 2555. เคมี 3 แก๊ส เทอรโ์ มไดนามกิ ส์ สมดุลเคมี ไฟฟา้ เคมี จลนศาสตรเ์ คมี.

กรุงเทพฯ : โรงพมิ พด์ า่ นสุทธาการพมิ พ์
สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. 2556. หนังสอื เรียน

รายวิชาเคมีเพ่ิมเตมิ เลม่ 3 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที 4 – 6 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551. พมิ พ์คร้งั ท่ี 4. กรงุ เทพฯ :
สกสค. ลาดพรา้ ว
สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. กระทรวงศึกษาธกิ าร. 2554. ค่มู อื ครู รายวชิ า
เคมีเพ่ิมเติม เล่ม 3 ช้ันมธั ยมศึกษาปีที 4 – 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตาม
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551. พิมพ์ครั้งท่ี 1. กรุงเทพฯ :
สกสค. ลาดพรา้ ว
สุทศั น์ ไตรสถิตวร และ สมศกั ดิ์ วรมงคลชัย. 2537. Modern Compact Chemistry เคมี ม.5
เลม่ 3. กรุงเทพฯ : บริษทั ไทเนรมติ กิจ อินเตอร์ โปรเกรสซิฟ จากัด
ศรีลกั ษณ์ ผลวัฒนะ และคณะ. 2548. อัตราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคม.ี กรุงเทพฯ : แม็ค.

Chang, Raymond. 2008. 9th ed. Chemistry. Singapore: McGraw-Hill. 

Chang, Raymond. and Overby, Jason. 2011. 6th ed. General chemistry: the essential
concepts. New York : McGraw-Hill.

Mishra, A. and Sahay, A.S. 2008. 3rd ed. ICSE Chemistry for class 9. NEW DELHI : B.B.
Printers.

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรมเ้ ร่ธฟ น ธัตราการเกดผ ปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฝฬทกับการเกผดปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ หนา้ 37

บรรณานุกรม (ต่อ)

Tro, Nivaldo J. 2007. 3rd ed. Chemistry in Focus: A molecular view of our world.
USA: Broks/Cole Publishing Co.

______. 2011. Chemical Reaction. Online available:
https://sciencehelpme.files.wordpress.com/2011/06/chemistry-reading.pdf
(25/03/2012)





















ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรม้เร่ธฟ น ธัตราการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฬฝ ทกับการเกผดปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หน้า 38











ภาคผนวก













ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรมเ้ ร่ฟธน ธตั ราการเกดผ ปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฝฬทกบั การเกผดปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หน้า 39



แนวการตอบคาถามกจิ กรรมที่ 1

คาช้ีแจง ให้นกั เรียนอ่านเร่อื งต่อไปน้ี แล้วตอบคาถาม

ถนภ ลมนรผ ภฬั (Airbag) เปน็ ธภปกรณ์ญนรถฬนตท์ ่ฝสามารถลดแรนกระแทกระหท่านลาตทั และ
ถรษฝ ะกับอทนมาลัฬท่ฝเกดผ ข้พน ฌดฬภาฬญนถภนลมนผรภัฬท่ทฝ ามาจากถภนโนลธน ภาฬญนจะมสฝ าร
ฌซเดฬฝ มเธโซด์ (NaN3) ท่ฝธฬม่ญนรมปขธนแขนฎ บรรจภ โท้ญนท่ฝสมบลม (Inflator) ซ่พนจะเกดผ
การสลาฬตทั เปน็ ฌลหะฌซเดฝฬม และแก๊สโนฌตรเจน เม่ธฟ โด้รับใทามร้ธนจากตทั ตรทจจบั การชน
(Crash sensor) ประมาณ 300 ธนถาเซลเซฝฬส ซ่พนถา้ บรรจภ NaN3 จานทน 100 กรัม จะ
สามารถผลตผ แกส๊ โนฌตรเจนโด้ 56 ลตผ ร ภาฬญนเทลา 0.03 ทผนาทดฝ นั สมการเใมฝ

2NaN3(s)  2Na(s) + 3N2(g)

ภาพที่ 1 ถงุ ลมนิรภัย
ทมี่ า: https://disayaphong.wordpress.com/2008/12/02/airbag/

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรม้เร่ธฟ น ธตั ราการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฬฝ ทกับการเกผดปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หนา้ 40

ปฏิกิริยาทเ่ี กดิ ขน้ึ ในถงุ ลมนิรภยั เป็นปฏิกริ ยิ าเคมีชนดิ ใด

ตอบ..........................ป...ฏ..ิก..ิร..ยิ...า..ก..า..ร.แ..ต...ก...ส...ล..า..ย..................................................................

ปฏกิ ริ ยิ าท่เี กิดขน้ึ ในถงุ ลมนริ ภัยมสี ารใดเป็นสารต้งั ตน้
และสารใดเปน็ สารผลติ ภัณฑ์

ตอบ.......โ.ซ...เ.ด...ยี ...ม...เ.อ...ไ.ซ..ด...์..(.N..a..N...3.)...เ.ป...น็ ..ส...า..ร..ต...้งั ..ต...้น............................................................
......โ.ซ...เ.ด...ยี...ม.....(.N..a..)...แ..ล...ะ...แ..ก..๊ส...ไ..น..โ.ต...ร..เ.จ...น....เ.ป...น็ ..ส...า..ร..ผ...ล..ติ...ภ...ณั...ฑ...์.................................

ถงุ ลมนิรภยั พองตัวขน้ึ ได้อยา่ งไร

ตอบ........เ.ม...ือ่...โ.ซ...เ.ด...ีย...ม...เ.อ...ไ.ซ...ด..์..(.N...a..N..3.)...ซ...่ึง..เ.ป...็น..ส...า..ร..ต...ง้ั ..ต...้น..ไ..ด...ร้ .บั...ค..ว...า..ม...ร..อ้ ...น..จ...า..ก..............
.......C...r.a..s..h...C..e..n..c..o..r...จ..ะ..ท..า..ใ.ห...เ้.ก..ิด...แ..ก..ส๊....ไ.น..โ.ต...ร..เ.จ...น....เ.ป...็น...ส...า.ร..ผ...ล...ิต...ภ..ัณ...ฑ...์......................

อตั ราการเกดิ แก๊สไนโตรเจนในถุงลมนริ ภยั เทา่ กับ
เทา่ ไร ในหน่วย ลิตรตอ่ วนิ าที

ตอบ.....1...8..7....x....1.0...3...ล..ติ...ร../..ว...นิ...า.ท...ี ...................................................................................
..............................................................................................................................

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรมเ้ ร่ธฟ น ธตั ราการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฝฬทกับการเกดผ ปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ หน้า 41

เฉลยแบบฝกึ หดั ท่ี 1

1. จากกราฟความสมั พันธข์ องการดาเนนิ ไปของปฏกิ ิริยากับพลังงานต่อไปน้ี

พ ัลงงาน, kJ

พ ัลงงาน, kJ การดาเนินไปของปฏิกิริยา
1) พลงั งานกอ่ กัมมนั ตข์ องปฏิกิรยิ าไปข้างหน้า =…………10…………..kJ
2) พลังงานกอ่ กมั มนั ต์ของปฏิกิริยายอ้ นกลับ =…………3…5………..kJ
2. จากกราฟความสมั พนั ธข์ องการดาเนนิ ไปของปฏกิ ิรยิ ากบั พลงั งานต่อไปนี้

การดาเนนิ ไปของปฏกิ ิริยา
1) พลังงานก่อกัมมนั ตข์ องปฏิกิริยาไปข้างหนา้ =…………3…0………..kJ
2) พลงั งานกอ่ กมั มนั ตข์ องปฏกิ ริ ยิ าย้อนกลบั =…………4…0………..kJ

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรม้เร่ฟธน ธตั ราการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฬฝ ทกบั การเกดผ ปฏกผ ผรผฬาเใมฝ หน้า 42

3. ปฏิกิริยา A  D + E เกิดขนึ้ หลายข้นั ตอนดังน้ี

1) ปฏกิ ิริยาขัน้ ที่ 1 A  B พลังงานกอ่ กมั มนั ต์ =……………30…0……….. kJ
2) ปฏิกริ ิยาขัน้ ที่ 2 B  C พลงั งานกอ่ กัมมนั ต์ =……………10…0……….. kJ

3) ปฏกิ ิรยิ าขน้ั ท่ี 3 C  D + E พลังงานกอ่ กัมมนั ต์ =……………20…0……….. kJ

4) ปฏกิ ริ ิยา B  A พลงั งานกอ่ กมั มนั ต์ =……………20…0……….. kJ

5) ปฏิกิริยาท่ีเกิดข้นึ เร็วทีส่ ุดคือข้ันที่.......2.......เพราะ.....พ...ล....งั ..ง...า..น...ก..อ่....ก..ัม....ม....ัน...ต...์ต....่า..ท...สี่ ...ุด.............

6) ข้ันกาหนดอัตราคือข้ันตอนท.ี่ ......1.......เพราะ.....พ....ล...งั...ง..า..น...ก...อ่ ...ก...ัม...ม....ัน...ต...์ม....า..ก...ท...่สี ...ดุ.................

.............ป...ฏ....ิก..ิร..ิย....า..ก..็จ...ะ..เ.ก...ดิ....ช...้า..ท...สี่ ...ุด.........................................................................................

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรมเ้ ร่ฟธน ธตั ราการเกผดปฏกผ ผรผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใผดเก่ฝฬทกับการเกดผ ปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ หนา้ 43

4. สาร chlorofluorocarbons หรอื CFC เปน็ ทสี่ ามารถสลายตวั ได้ดว้ ยรงั สียวู ซี ง่ึ พบได้ใน

บรรยากาศ โดยทาให้เกดิ อะตอมของคลอรีนขนึ้ ดังปฏิกริ ยิ า
h
CFCl3 CFCl2 + Cl


เมอ่ื อะตอมของ Cl ทาปฏิกริ ิยากับ Ozone (O3) โดยมีกลไกปฏกิ ิรยิ าดงั นี้

Step 1: Cl + O3  ClO + O2

Step 2: ClO + O  Cl + O2

(อะตอมเด่ียวของ "O" เกิดขนึ้ โดยธรรมชาตใิ นช้นั บรรยากาศ)

1) จงเขียนปฏิกิริยารวม (overall reaction) ของกลไกปฏิกริ ยิ าน้ี
…………O…3…+……O……………2…O…2 …………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………..………….

2) ตัวเรง่ ปฏกิ ิรยิ า (catalyst) ของปฏกิ ิริยานี้คือ
…………C…l ……………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………..………….

3) สารมัธยันตร์ (intermediate) ของปฏกิ ิรยิ าน้ีคือ

…………C…lO……………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………..………….

4) จงอธิบายวา่ เพราะเหตุใด CFC ปริมาณนอ้ ยจึงสามารถทาลายโอโซนได้มากมาย

……เ…พ…ร…าะ…เม……ื่อ…C…F…C……ได…้ร…ับ…ร…งั …ส…ีย…ูว…ีจ…ะ…แ…ต…ก…ต…ัว…ใ…ห…้อ…ะ…ต…อ…ม…ข…อ…ง…ค…ล…อ…ร…ีน…………
……ค…ล…อ…ร…ีน……1…อ…ะ…ต…อ…ม……ส……าม…า…ร…ถ…ท…าล……าย…โ…อ…โซ……น…ได…้ …1…โ…ม…เล……กลุ……ซ…ึ่ง…..C…lO……ท…่ี .
……เ…กิด……ขึ้น……ส…า…ม…า…ร…ถ…ท…าป…ฏ…ิก…ิร…ยิ …า…ก…บั …อ…อ…ก…ซ…เิ จ…น……แ…ล…ว้ …เ…ก…ดิ …เป…็น…อ……ะต…อ…ม……ขอ……ง…
……C…l…ไ…ด…อ้ …กี …ค…ร้ัง……ก…า…รท…า…ล…า…ย…โอ……โซ…น…จ…งึ …เ…กดิ……ขนึ้…อ……ย…่าง…ต……อ่ …เน…่อื …ง…………..………….

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรมเ้ ร่ฟธน ธัตราการเกผดปฏกผ ผรฬผ าเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฝฬทกบั การเกดผ ปฏกผ ผรผฬาเใมฝ หนา้ 44

5. จงตอบคาถามโดยใชก้ ลไกปฏิกริ ยิ าต่อไปนี้ (slow)
Step 1: H2O2 + I-  H2O + IO- (fast)
Step 2: H2O2 + IO-  H2O + O2 + I-

1) จงเขยี นปฏกิ ริ ิยารวม (overall reaction) ของกลไกปฏกิ ิรยิ านี้
……………2…H…2O…2………………2…H…2…O…+……O…2……………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………..………

2) ตวั เรง่ ปฏกิ ิรยิ า (catalyst) ของปฏิกิริยานค้ี อื
………………I-……………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………..………

3) ส…า…ร…มัธ…ย…Iนั …Oต…-ร์…(in…t…e…rm…e…d…ia…t…e)…ข…อ…งป…ฏ…กิ …ิร…ิยา…น…ค้ี …ือ………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………..……

4) ขั้นกาหนดอัตรา (rate determining step) คอื ขั้นตอนใด

……………ข…้ัน…ท…ี่ 1………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………..……

ราฬทผชาเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฝฬนรม้เร่ธฟ น ธตั ราการเกดผ ปฏกผ ผรผฬาเใมฝ

ชภดท่ฝ 3 แนทใดผ เก่ฬฝ ทกับการเกดผ ปฏกผ รผ ผฬาเใมฝ หนา้ 45

ตวั อย่างแผนผงั มโนทศั น์ (Mind Mapping)

เสถยี ร- เกิดสภาวะ พลังงาน
เชงิ ซ้อน สงู
ภาพต่า

สร้างพันธะ ทฤษฎี สลายพนั ธะ
ใหม่ สภาวะ เดมิ
ทรานซชิ นั

แนวคิดเกี่ยวกบั
การเกดิ

ปฏิกิริยาเคมี

พลังงานจาก ทฤษฎี ตอ้ งชนกนั
การชนกนั ในทิศทางที่
การชนตอ้ ง ของโมเลกุล เหมาะสม

≥ Ea โมเลกลุ ของ
สารต้องชน
กันหลายคร้งั

ราฬทชผ าเใมฝ 3 ท32223 หนท่ ฬการเรฬฝ นรม้เร่ฟธน ธัตราการเกผดปฏกผ รผ ฬผ าเใมฝ


Click to View FlipBook Version