พระราชกรณียกิจของพระ
มหากษัตริย์ไทย
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร
มหาอานันทมหิดล
------------------
-----------------
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
จัดทำโดย
นายนิธิพัฒน์ เกตุแก้ว ม.4/11 เลขที่21
เสนอ
ครูศศธร เรืองวิริชัย
คำนำ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book)
เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาประวัติศาสตร์ 2 (ส31104)
โดยมีวัตถุประสงค์ให้ทราบถึงพระราชกรณียกิจของพระ-
มหากษัตรฺย์ไทยสมัยก่อน ซึ่งประกอบด้วยพระราช-
กรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันท-
มหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
การจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ได้ทำการค้นคว้า
รวบรวมข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ผู้จัดทำหนังสือ-
อิเล็กทรอนิกส์หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็-
น้อย หากผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ผู้จักทำ
นายนิธิพัฒน์ เกตุแก้ว
สารบัญ
----------------------------------------
1) พระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระปรเมน-
ทรมหาอานันทมหิดล
1.ด้านการเมืองการปกครอง
2.ด้านศาสนา
3.ด้านการศึกษา
2) พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า-
เจ้าอยู่หัว
1.ด้านกฎหมาย
2.ด้านวรรณคดีพุทธศาสนา
3.ด้านพระพุทธศาสนา
4.ด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
-------------------------------------------------------------
พรทะบรมาทหสาอม
าเดน็ัจนพทรมะหปิดรลเมน
การปกครอง
พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปในพระราชพิธี
พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในวันที่ 9 พฤษภาคม
พ.ศ. 2489 และเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 1
มิถุนายน พ.ศ. 2489 นอกจากนี้ ยังเสด็จพระราชดำเนิน
ทรงเยี่ยมราษฎรในจังหวัดต่าง ๆ และทรงเยี่ยมชาวไทย
เชื้อสายจีนเป็นครั้งแรก ณ สำเพ็ง พระนคร พร้อมด้วย
สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่
3 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดความขัดแย้งกัน
ระหว่างชาวไทยและชาวไทยเชื้อสายจีนจนเกือบเกิด
สงครามกลางเมือง เมื่อพระองค์ทรงทราบเรื่อง มีพระ
ราชดำริว่า หากปล่อยความขุ่นข้องบาดหมางไว้เช่นนี้ จะ
เป็นผลร้ายตลอดไป จึงทรงตัดสินพระทัยเสด็จ
พระราชดำเนินสำเพ็ง ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
และพระองค์ทรงพระราชดำเนินด้วยพระบาทเป็นระยะ
ประมาณ 3 กิโลเมตร การเสด็จพระราชดำเนินสำเพ็งใน
ครั้งนี้จึงเป็นการประสานรอยร้าวที่เกิดขึ้นให้หมดไป
การศาสนา
ในการเสด็จนิวัตพระนครครั้งแรกนั้น พระองค์ได้ประกอบพิธี
ทรงปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ ท่ามกลางมณฑลสงฆ์ในพระ
อุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน
พ.ศ. 2481 นอกจากนี้ ยังเสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการ
พระพุทธรูปในพระอารามที่สำคัญ เช่น วัดพระเชตุพนวิมล
มังคลารามราชวรมหาวิหาร วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
ราชวรวิหาร วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดอรุณราชวราราม
ราชวรมหาวิหาร วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และวัดเทพศิรินทรา
วาสราชวรวิหาร โดยเฉพาะที่วัดสุทัศนเทพวรารามราช
วรมหาวิหารนั้น พระองค์เคยมีพระราชดำรัสกล่าวว่า "ที่นี่สงบ
เงียบน่าอยู่จริง" ดังนั้น เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต จึงได้นำ
พระบรมราชสรีรางคารของพระองค์มาประดิษฐาน ณ วัด
แห่งนี้ พระองค์ยังทรงตั้งพระราชหฤทัยว่าจะผนวชใน
พระพุทธศาสนา โดยได้มีพระราชหัตเลขาถึง สมเด็จพระ
สังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม
พ.ศ. 2489 ทรงขอสังฆราชานุเคราะห์ในการศึกษาตำราทาง
พระพุทธศาสนาเพื่อใช้ในการเตรียมพระองค์ในการที่จะ
อุปสมบท แต่ก็มิได้ผนวชตามที่ตั้งพระราชหฤทัยไว้ นอกจากนี้
ยังได้พระราชทานพระราชทรัพย์บำรุงวัดวาอาราม กับ
พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์แก่ศาสนาอื่นตามสมควร
การศึกษา
พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 8 ในคณะแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในการเสด็จนิวัตพระนครในครั้งที่ 2 พระองค์ทรงได้
ประกอบพระราชกรณียกิจที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของ
ประเทศ โดยเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรกิจการของ
หอสมุดแห่งชาติ รวมทั้ง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยม
สถานศึกษาหลายแห่ง เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรง
เรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนเทพศิรินทร์ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ทรง
ศึกษาขณะทรงพระเยาว์ นอกจากนี้ พระองค์ยังได้เสด็จ
พระราชดำเนินพระราชทานปริญญาบัตรเป็นครั้งแรกของ
พระองค์ ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่
13 เมษายน พ.ศ. 2489[24] และอีกครั้งที่ หอประชุมราช
แพทยาลัย ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ เมื่อ
วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2489 โดยในการพระราชทาน
ปริญญาบัตรครั้งนี้ มีพระราชปรารภให้มีการผลิตแพทย์
เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอที่จะช่วยเหลือประชาชน
โรงเรียนแพทย์แห่งที่ 2 จึงได้ถือกำเนิดขึ้นที่โรงพยาบาล
จุฬาลงกรณ์ ซึ่งในปัจจุบัน คือ คณะแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว
ด้านกฎหมาย
ในรัชสมัยของพระองค์ มีการลดภาษีอากร ลดหย่อนค่า
นา ยกเลิกการเก็บอากรตลาด เปลี่ยนเป็นเก็บภาษีโรง
ร้านเรือนแพจากผู้ค้าขายรายใหม่ ประกาศมิให้ตกข้าว
แก่ชาวนา ออกพระราชบัญญัติกำหนดใช้ค่าที่ดินให้
ราษฎรเมื่อมีการเวนคืน ออกประกาศเตือนราษฎรให้
รอบคอบในการทำนิติกรรม ยังมีการออกกฎหมาย
สำคัญ คือกำหนดลักษณะของผู้ที่จะถูกขายเป็นทาสให้
เป็นธรรมยิ่งขึ้น โปรดเกล้า ฯ ให้ยกเลิกกฎหมายเดิมที่
ให้ สิทธิบิดา มารดา และสามีในการขายบุตรและ
ภรรยา และตราพระราชบัญญัติใหม่ให้การซื้อขายทาส
เป็นไปด้วยความยินยอมของเจ้าตัวที่จะถูกขายเป็นทาส
เท่านั้น
ด้านวรรณคดีพุทธศาสนา
พระองค์ทรงเอาพระทัยใส่ทำนุบำรุงเป็นอย่างดี พระ
ราชนิพนธ์ส่วนใหญ่เป็นประเภทร้อยแก้ว บทพระราช
นิพนธ์ที่สำคัญ ได้แก่
ชุมนุมพระบรมราโชบาย 4 หมวด คือ หมวด
วรรณคดี โบราณคดี ธรรมคดี และตำรา
ตำนานเรื่อง พระแก้วมรกต เรื่องปฐมวงศ์
ทรงริเริ่มให้มีการค้นคว้าศิลาจารึกใน
ประเทศไทยขึ้นเป็นครั้งแรก คือ จารึกหลักที่ 1
ของพ่อขุนรามคำแหงและจารึกหลักที่ 4 ของ
พระยาลิไทย
ด้านพระพุทธศาสนา
พระองค์ทรงฟื้ นฟูพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรือง โดยทรงตั้ง
ธรรมยุตติกาวงศ์ขึ้น เป็นนิกายใหม่ในพระพุทธศาสนา
ที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยและระเบียบ
แบบแผน ด้านพระพุทธศาสนา
ด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
ด้วยเหตุที่ทรงสนพระทัยในวิทยาการตะวันตกมาตั้งแต่
ก่อนขึ้นครองราชย์ จึงทรงคุ้นเคยกับชาวตะวันตกโดย
เฉพาะอังกฤษเป็นอย่างมาก ทั้งยังเกี่ยวข้องกับเสนาบดี
สกุลบุนนาคเช่นพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ผู้กราบ
บังคมทูลเชิญเสด็จขึ้นครองราชย์นั้นก็เป็นผู้สนิทสนมและ
นิยมอังกฤษ เช่นนี้ในรัชสมัยของพระองค์จึงเปิดความ
สัมพันธ์กับประเทศตะวันตกอย่างกว้างขวาง มีการทำ
สัญญากับต่างประเทศถึง 10 ประเทศ ทรงยึดนโยบาย
"ผ่อนสั้น ผ่อนยาว" มาใช้กับประเทศมหาอำนาจเป็น
พระองค์แรกในสมัยรัตนโกสินทร์ อันทำให้ไทยสามารถ
ดำรงเอกราชอยู่ได้จนทุกวันนี้ พระองค์ได้ส่งคณะทูตไทย
*ต่ออีกหน้า....
โดยมีพระยามนตรีสุริยวงศ์เป็นราชทูต เจ้าหมื่นสรรเพ็ช
ภักดีเป็นอุปทูต หมื่นมณเฑียรพิทักษ์เป็นตรีทูต นำพระราช
สาส์นไปถวายสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งอังกฤษ
นับเป็นความคิดริเริ่มให้มีการเดินทางออกนอกประเทศได้
เนื่องจากแต่เดิมกฎหมายห้ามมิให้ เจ้านาย พระราชวงศ์
ข้าราชการผู้ใหญ่เดินทางออกจากพระนคร เว้นเสียแต่ไปใน
การสงครามกับกองทัพ พระองค์โปรดเกล้าให้ชาวต่าง
ประเทศรับราชการเป็นกงสุลไทย เช่น เซอร์ จอห์น เบาริง
อัครราชทูตของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราช
อาณาจักร สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งประเทศ
อังกฤษ เข้ามาทำสนธิสัญญากับประเทศไทยเป็นชาติแรก
เมื่อ พ.ศ. 2398 ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระยา
สยามานุกูลกิจ สยามมิตรมหายศ" เป็นกงสุลไทยประจำ
กรุงลอนดอน
บรรณานุกรม
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
https://shorturl.asia/gXn2b
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
https://shorturl.asia/KdkPv