294
บทที่ 7
การประเมินผลการนิเทศ
ในบทนีไ้ ด้กล่าวถึงการติดตามประเมินผลการนิเทศการศึกษา โดยปกติแล้วผู้นิเทศและ
ผู้รับการนิเทศอาจเข้าใจว่าการติดตามประเมินผลการนิเทศ เป็นกระบวนการที่ผู้นิเทศปฏิบัติ
เป็นลำดับสุดท้ายของการดำเนินการนิเทศการสอน ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพของการนิเทศ
ลดลงและตัวผู้รับการนิเทศเองจะไมไ่ ด้รับประโยชน์สูงสุดจากการนิเทศในคร้ังน้ัน เนือ่ งจากการ
ติดตามและประเมินผลการนิเทศ ควรดำเนินการทั้งในช่วงเวลาระหว่างการนิเทศ เพื่อจะได้นำ
ข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการให้ข้อมูลย้อนกลับมาพัฒนาและปรับปรุงการเรียนการสอนของ
ตนเองอยา่ งไรก็ตาม การติดตามประเมินผลการนิเทศหลังจากทีด่ ำเนินการพัฒนาการเรียนการ
สอนเสร็จสิน้ ลงในแต่ละภาคเรียนยังคงมีความจำเป็น ท้ังน้ีเพื่อดูภาพรวมของกระบวนการสอน
ทั้งหมด ทำให้ได้ข้อสรุปผลของการพัฒนาการเรียนการสอนท้ังระบบ ดังนั้นเพื่อให้เกิดความ
เข้าใจการติดตามและประเมินผลการนิเทศยิ่งข้ึนจึงจำเป็นต้องศึกษา ดังรายละเอียดต่อไปนี้
7.1 ความหมายของการประเมินผล
สำหรับความหมายของการประเมินผลนั้นมีนักการศึกษาหลายท่านได้ให้ความหมายที่มี
ทิศทางในทำนองเดียวกัน ดังน้ี
ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ (2543 : 12) ได้กล่าวถึงความหมายของการประเมิน
ไว้ว่า เป็นกระบวนการพิจารณาตัดสินที่เป็นระบบครอบคลุมถึงจุดมุ่งหมายที่ต้ังไว้ นั่นคือ
ประเมินดูกิจกรรมที่ทำทั้งหลายเป็นไปตามจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้เพียงใด บางกรณีจึงต้องใช้
ปริมาณจากการวัดมาพิจารณาตัดสินด้วยคุณธรรมแล้วลงสรุป บางกรณีไม่ต้องใช้ตัวเลขจาก
การวัด เป็นแต่เพียงการหาข้อมูลจากด้านอื่นมาประกอบการพิจารณาตัดสิน เช่น ประวัติ
ระเบียนสะสม เป็นต้น การประเมินจึงมีความหมายกว้างและครอบคลุมกว่าการวัดผล บางที
การประเมินผลจึงมองในแง่ของการอธิบายปริมาณหรือตัวเลขจากการวดั และ/ หรอื การอธิบาย
ข้อมูลเชิงคุณภาพจากสิ่งที่ไม่ต้องวัดรวมเข้ากับการพิจารณาตัดสินอย่างมีคุณธรรม การ
ประเมินผลจึงเป็นเร่ืองของการใช้เหตุผลเป็นฐานในการพิจารณาด้วยว่า อะไรเหมาะ อะไรดี
อะไรควร เปน็ ต้น
295
สำหรบั ภทั รา นิคมานนท์ (2543 : 12) ได้กลา่ วถึงความหมายของการประเมินไว้ว่า เป็น
การนำเอาข้อมูลทั้งหลายที่ได้จากการวัดมาใช้ในการตัดสินใจ โดยการหาข้อสรุป ตัดสิน
ประเมินค่าหรือตีราคาโดยเปรียบเทียบกับข้อมูลอื่น ๆ หรือเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ซึ่งการประเมินผลมี
องคป์ ระกอบ 3 ประการ คือ ข้อมลู เกณฑ์ และการตัดสินคณุ คา่ หรอื การตดั สินใจ
นอกจากนี้พิชิต ฤทธิ์จรูญ (2545 : 2, 5) ได้กล่าวถึงความหมายของการประเมินไว้ว่า
เป็นการตัดสินคุณค่าหรือคุณภาพของผลที่ได้จากการวัดโดยเปรียบเทียบกับผลการวัดอื่น ๆ
หรอื เกณฑ์ทีต่ ั้งไว้
ซึ่งสอดคล้องกับบุญเชิด ภิญโญอนันตพงษ์ (2545 : 9) ได้กล่าวถึงความหมายของการ
ประเมินไว้ว่า เป็นกระบวนการรวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลสารสนเทศอย่างเป็นระบบ สำหรับ
ใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับผู้เรียน ให้ข้อมูลย้อนกลับไปยังผู้เรียนเกี่ยวกับความก้าวหน้า จุดเด่น
จุดด้อย ใช้ตัดสินประสิทธิภาพในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และความเพียงพอของหลักสูตร
และใช้ชีแ้ นะนโยบาย
สำหรับพวงแก้ว ปุณยกนก (2546 : 170) ได้กล่าวถึงความหมายของการประเมินไว้ว่า
เป็นกระบวนการตีความหรือตัดสินคุณค่าของสารสนเทศที่รวบรวมมาได้ โดยสารสนเทศที่
รวบรวมมาได้จากกระบวนการประเมินนั้น เป็นเสมือนภาพจากกระจกเงาที่สะท้อนให้เห็นภาพ
ผู้เรียนในห้องเรียนเท่านั้น สารสนเทศเหล่าน้ันไม่มีความหมาย ไม่มีถูก ไม่มีผิด จนกว่าเราจะ
ประมวลเข้าด้วยกันเพื่อตัดสินว่าสารสนเทศน้ันได้สะท้อนคุณค่าในตัวผู้เรียนที่เราต้ังไว้หรือไม่
กล่าวคือนกั เรียนได้เรียนรใู้ นสิง่ ที่เรามุ่งให้เขาเรยี นหรอื ไม่ มากน้อยเพียงใด
ในทำนองเดียวกันพิสณุ ฟองศรี (2554 : 2, 5) ได้กล่าวถึงความหมายของการประเมิน
ไว้ว่า เป็นกระบวนการตัดสินคุณค่าของสิ่งหนึ่งสิ่งใด โดยนำสารสนเทศหรือผลจากการวัดมา
เปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และในทำนองเดียวกันได้กล่าวถึงความหมายของการ
ประเมินทางการศึกษาไว้ว่า เป็นกระบวนการตัดสินคุณค่าในบริบทขอบข่ายทางการศึกษา เช่น
สื่อการสอน การเรียนรู้ การสอน หลักสูตร โครงการ พฤติกรรมด้านต่าง ๆ ของผู้เรียน การ
ประกันคุณภาพ และองค์การทางการศึกษา เป็นต้น ในการพิจารณาขอบข่ายของการประเมิน
การศึกษาให้ครอบคลุมนั้น สามารถใช้ทฤษฎีเชิงระบบ มาช่วยกำหนดแนวทางการประเมินใน
ลักษณะของปัจจัยนำเข้า (Inputs) กระบวนการ (Processes) และผลผลิต (Outputs) รวมท้ังใช้
ส่วนที่เกี่ยวข้อง คือ บริบท (Contexts) ผลลัพธ์กับผลกระทบ (Outcomes/ Impacts) และข้อมูล
ย้อนกลับ (Feedback) ซึ่งจะเป็นสารสนเทศของการประเมนิ
นอกจากนีส้ ุวัฒน์ วัฒนวงศ์ (2555 : 225) ได้กล่าวถึงความหมายของการประเมินไว้ว่า
เป็นการศึกษาหรือตรวจสอบโครงการในระหว่างที่โครงการกำลังดำเนินการอยู่ หรือภายหลัง
จากทีโ่ ครงการได้สำเร็จเสรจ็ สนิ้ ไปแล้ว นอกจากนแี้ ล้วการประเมนิ ผลอาจจะแบ่งออกเป็น
296
ลักษณะต่าง ๆ ได้หลายประการ เช่น การรายงานผล (Reporting) การติดตามผล (Monitoring)
การตรวจและตดิ ตามผล (Follow-up)
จากความหมายที่กล่าวมาข้างต้นสรุปได้ว่า การประเมินผลเป็นกระบวนการตัดสิน
คุณค่าของสารสนเทศที่รวบรวมมาได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจเป็นรูปแบบเชิง
ปริมาณ มีลักษณะเป็นตัวเลขที่ได้จากการวัดเช่น การทดสอบ หรือรูปแบบเชิงคุณภาพที่มี
ลักษณะเป็นการอธิบายข้อความ หรือการบรรยายพรรณนาความ เช่น ได้มาจากการสังเกต
และการจดบันทึก เป็นต้น หรืออาจมาจากข้อมูลท้ังเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพผสมผสานกัน
มาใช้ในการตัดสินคุณค่าโดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ในทำนองเดียวกันการประเมินผล
การนิเทศการสอน อาจใช้ผลคะแนนของผู้เรียน ผลการสอนของครู และใช้บันทึกผลการสังเกต
การสอนของครู/ ผู้รับการนิเทศ ฯลฯ ซึ่งได้ใช้ข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพมาใช้พิจารณา
ประกอบผลการสอน
7.2 ความสำคญั ของการประเมินผล
การประเมินผลนั้นนับว่ามีความเกี่ยวข้องกับการศึกษาหลายประการไม่ว่าจะเป็นการ
ประเมินผลนักเรียน การประเมินผลครู และการประเมินผลผู้นิเทศ ฯลฯ ซึ่งในที่นี้จะได้กล่าวถึง
การประเมินผลที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน เน่ืองจากการนิเทศการศึกษาให้ความสำคัญ
โดยตรงกับการเรียนการสอน ซึง่ มีผู้ที่กล่าวถึงความสำคญั ของการประเมินผลไว้ดังน้ี
พิชิต ฤทธิ์จรูญ (2545 : 23-24) ได้กล่าวถึงความสำคัญหรือประโยชน์ของการ
ประเมินผลว่า มุ่งนำผลการประเมินมาปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษา ซึ่งผลจากการ
ประเมินจะคุ้มค่ามากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับผู้เกี่ยวข้องจะนำไปใช้กับใคร ในกิจการใด และ
อย่างไรบ้างซึ่งกล่าวถึงประโยชน์ต่อผู้เรียน ประโยชน์ต่อครู ประโยชน์ต่อผู้บริหาร ประโยชน์ต่อ
ผู้ปกครอง ประโยชน์ต่อการแนะแนวและประโยชน์ต่อการวิจัย สำหรับในที่นี้ได้นำเสนอการ
ประเมินผลที่เกี่ยวข้องกับการนิเทศ การเรียนการสอนโดยตรง คือ ประโยชน์ต่อนักเรียน
ประโยชน์ต่อครู และประโยชนต์ อ่ ผู้บริหาร ดังน้ี
1. ประโยชน์ต่อนักเรียน
1.1 ทำให้เกิดการพัฒนาตนเองในแนวทางที่เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยพิจารณาจากผล
การประเมนิ ความสามารถของตนเอง
1.2 ทำให้เกิดแรงจูงใจในการเรียนเพิ่มขึ้นเพื่อที่จะรักษามาตรฐานไว้และช่วยให้ผล
การเรียนดีขึ้นตามลำดับ ทำให้เกิดความเข้าใจในเน้ือหาที่เรียนชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะการสอบแต่
ละครั้งทำให้ผเู้ รียนต้องอา่ นหนังสอื ทบทวนเนื้อหา มกี ารค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมทำให้เกิดการ
เรียนรู้เพิ่มข้ึน
297
1.3 ทำให้ทราบจุดหมายในการเรียนชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะก่อนสอนครูจะแจ้ง
จดุ ประสงค์ที่จะประเมินให้ทราบ
2. ประโยชน์ต่อครู
2.1 ทำให้ครูได้ทราบผลการเรียนของผู้เรียนว่าเก่ง อ่อนเพียงใด เพื่อหาทาง
ชว่ ยเหลอื
2.2 ทำให้ครูทราบผลการบรรลุจุดประสงค์การเรียนของผู้เรียนว่า มีผู้เรียนผ่าน
จุดประสงค์มากน้อยเพียงใดซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าครูมีประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอน
เพียงใด เทคนิควิธีสอนทีค่ รูใช้เหมาะสมเพียงใด อันจะนำไปสกู่ ารปรบั ปรงุ ตนเองของครู
2.3 ผลการประเมินจะทำให้ครูใช้เป็นแรงกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในการ
เรียนยิง่ ข้ึน
2.4 ช่วยให้ครูได้ตรวจสอบคุณภาพของข้อสอบว่ามีความยากง่ายเพียงใด มีค่า
อำนาจจำแนก ความเช่อื มนั่ และความเทีย่ งตรงเพียงใด
3. ประโยชน์ตอ่ ผู้บริหาร
3.1 ทำให้ทราบมาตรฐานการศกึ ษาของโรงเรียนในด้านต่าง ๆ เช่น มาตรฐานความ
สามารถของผเู้ รียน มาตรฐานความสามารถของครู เป็นต้น
3.2 ใช้เปน็ ข้อมูลในการประชาสมั พนั ธโ์ รงเรียนใหผ้ ปู้ กครองและประชาชนได้ทราบ
3.3 ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจแก้ไขปัญหา พัฒนา และดำเนินงานบริหาร
โรงเรียนในด้านตา่ ง ๆ ใหม้ ีประสิทธิภาพยิง่ ขึน้
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (2552 : 5) ได้กล่าวไว้ว่า การวัด
และการประเมินผลเป็นงานสำคัญงานหนึ่งในขอบข่ายของงานวิชาการ ที่ทั้งผู้บริหารและครู
จะต้องร่วมกันดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและบังเกิดผลที่ดี ทั้งนี้เพราะการวัดและ
ประเมินผลการศกึ ษามีความสำคัญตอ่ การพฒั นาการศกึ ษาหลายประการ เช่น
1. ช่วยให้ทราบระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและคุณลักษณะสำคัญของผู้เรียนตาม
จุดมุ่งหมายของหลักสูตร ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้สอน ผู้บริหาร ผู้ปกครองและผู้เกี่ยวข้องในการ
แก้ไขปรับปรุงจุดบกพร่อง หรือส่งเสริมจุดเด่นของผู้เรียน และเป็นข้อมูลสำหรับผู้เรียนในการ
รู้จักตนเองและพัฒนาตนเองตอ่ ไป
2. เป็นผลสะท้อนให้ทราบถึงประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอนของผู้สอน ซึ่งจะ
ช่วยใหผ้ สู้ อนพิจารณาปรบั ปรงุ การเรียนการสอนให้ได้ผลดกี ว่าเดิม
3. เป็นผลสะท้อนให้ทราบถึงประสิทธิภาพในการบริหารและการจัดการทางการศึกษา
ท้ังระดับโรงเรียนและระดับสูงกว่าโรงเรียน ผลจากการวัดและประเมินผลการศึกษาจึงเป็น
ข้อมูลสำคัญในการวางแผนพัฒนาการศึกษา ทั้งการแสวงหานวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนา
คุณภาพการศกึ ษาและการวางโครงการทีเ่ หมาะสมกับสภาพปัจจุบันและปัญหา
298
อย่างไรก็ตามประเภทของการประเมินที่แบ่งตามวัตถุประสงค์มี 2 ประเภท (พิสณุ
ฟองศรี, 2554 : 11) คือ 1.การประเมินความก้าวหน้า (Formative Evaluation) เป็นการประเมิน
ระหว่างการดำเนินงาน โดยพิจารณาความก้าวหน้าของโครงการว่าจำเป็นต้องมีการปรับปรุง
เปลี่ยนแปลงส่วนใด เพื่อใหเ้ กิดความเหมาะสมและการดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึน้ 2.การ
ประเมินผลสรุป (Summative Evaluation) เป็นการประเมินเม่ือสิ้นสุดการดำเนินงาน เพื่อตัดสิน
ความสำเร็จว่าบรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายมากน้อยเพียงใดหรือบรรลุเป้าหมายที่ควรจะ
เป็นเพียงใด ซึ่งการประเมินผลการนิเทศได้นำการประเมินผลท้ังสองลักษณะมาใช้ควบคู่กนั ซึ่ง
สอดคล้องกับรุ่งชัชดาพร เวหะชาติ (2557 : 314) ที่กล่าวว่าลักษณะของการประเมินผลงาน
นิเทศการศกึ ษาแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. การประเมินผลการปฏิบัติงาน (Formative Evaluation) ในระหว่างการปฏิบัติงานตาม
โครงการนิเทศการศึกษา ผู้นิเทศอาจจะทำการประเมินผลเป็นระยะ ๆ การประเมินผลการ
ปฏิบตั ิงานเป็นระยะมีจุดประสงค์ 2 แบบ คอื การประเมินผลวา่ กิจกรรมต่าง ๆ ได้ดำเนนิ ไปมาก
น้อยเพียงใด (Implementation Evaluation) และการประเมินผลความก้าวหน้าของการปฏิบัติงาน
(Progress Evaluation)
2. การประเมินผลเม่ือสิ้นสุดโครงการ (Summative Evaluation) เพื่อสำรวจผลการ
ปฏิบตั ิงานท้ังหมดว่าตรงกับจุดมงุ่ หมายทีต่ ง้ั ไว้เพียงไร
จากที่กล่าวมาข้างต้นอาจกล่าวได้ว่าการประเมินผลและการนิเทศน้ันมีความสัมพันธ์
กนั ซึง่ จะได้กลา่ วในลำดบั ต่อไปนี้
7.3 การนิเทศการสอนกบั การประเมินผล
จากที่ได้กล่าวในความข้างต้นแล้วว่า การนิเทศการสอนได้นำหลักของการประเมินผล
มาใช้ท้ังในลักษณะของการประเมินผลระหว่างการนิเทศการสอนของครูหรือผู้รับการนิเทศ ซึ่ง
เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลสารสนเทศการเรียนการสอน ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพขณะที่
ดำเนินการสอนในแต่ละคร้ัง การประเมินในลักษณะเช่นนี้เป็นการประเมินที่ทำให้ครูสอนไป
ปรับปรุงการสอนของตนเองไปด้วย ตามข้อเสนอแนะของผู้นิเทศเพื่อให้เหมาะสมกับผเู้ รียนมาก
ที่สุด สว่ นการประเมินสรุปเมื่อสิน้ สุดการนเิ ทศการสอน เป็นการประเมินภาพรวมของการนิเทศ
ตลอดภาคเรียนว่าการนิเทศการสอนคร้ังนี้ประสบความสำเรจ็ มากน้อยเพียงใด ซึ่งส่ิงที่สะท้อน
ปรากฏให้เห็นอาจแสดงออกมาในลักษณ ะผลคะแนนและทักษะของผู้เรียน รวมถึง
ความก้าวหน้าในพฤติกรรมการสอนของครูที่ได้จากการสังเกตจากผู้นิเทศและการประเมิน
ตนเองในด้านการสอนของครู เปน็ ต้น
นอกจากนคี้ ณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช (2552 : 33) ได้กล่าวถึง
299
งานการวัดผลและประเมินผลของสถานศึกษาไว้ว่า ต้องอาศัยภาวะการเป็นผู้นำของผู้บริหาร
สถานศึกษาเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพิจารณาองค์ประกอบของงานการวัดและ
ประเมินผลทีด่ ี ควรดำเนินการดังต่อไปนคี้ ือ
1. การมีส่วนร่วม บุคลากรท้ังหมดของสถานศึกษาควรมีส่วนร่วมอย่างจริงจังในงานนี้
ยิ่งมสี ว่ นร่วมมากเท่าใด ก็จะทำให้แตล่ ะบุคคลมีความสนใจและมีความเข้าใจในงานนมี้ ากยิง่ ขึ้น
2. การกำหนดสิ่งที่จะประเมิน ควรมีการวิเคราะห์พฤติกรรมที่สำคัญ ๆ ที่จะวัดและ
ประเมิน และควรจดั ตามลำดบั ความสำคญั ที่จะประเมิน
3. การวางแผน โดยเน้นความสำคัญที่การพัฒนามิใช่เพียงการได้ข้อมลู จากการวัดและ
ประเมินผลการศึกษาเท่าน้ัน และการให้บุคลากรมีส่วนร่วมในการวางแผนนานเท่าไรจะช่วยทำ
ให้บุคลากรเข้าใจในขณะปฏิบัติการมากยิ่งขึน้
4. การปฏิบัติงานตามขั้นตอนในแผน ควรมีการประเมินการปฏิบัติและมีการปรับปรุง
เปลี่ยนแปลงเพือ่ ใหบ้ รรลุจดุ มงุ่ หมายได้
5. การประเมินงาน ควรมีการวางแผนการประเมินไว้ตั้งแต่ตนก่อนเริ่มการปฏิบัติ
งานวัดและประเมินผล ควรมีรายละเอียดที่จะบ่งชี้ความสำเร็จของงานนี้และควรกระทำควบคู่
ไปกบั การปฏิบัติงานให้ได้ข้อมูลเพือ่ การตดั สินใจ
6. การปรับปรุงงาน จากผลการประเมินตามข้อ 5 ควรมีการปรับปรุงงานวัดและ
ประเมินผลการศกึ ษา โดยบคุ ลากรในโรงเรียนรว่ มกันตดั สินใจ
จากองค์ประกอบของงานการวัดและประเมินผลการศึกษาที่ดี ชี้ให้เห็นลักษณะและ
ความสำคัญของบทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในงานวัดและประเมินผลการศึกษาได้หลาย
ประการ ในทีน่ ้ีผเู้ ขียนขอนำเสนอในส่วนของผบู้ ริหารในฐานะที่เปน็ ผนู้ ำในการนเิ ทศ ซึง่ หลักการ
สำคัญในการวัดและประเมินผลการศึกษาที่ผู้นิเทศควรทำความเข้าใจ (คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (2552 : 35-36) ซึ่งผู้เขียนได้เสนอทัศนะที่เกี่ยวข้องกับการ
นิเทศ ในประเด็นต่าง ๆ ควบค่กู บั หลักการวัดและประเมินผลการศกึ ษา ดังต่อไปนี้
1. เนื่องจากภารกิจหลักของโรงเรียน คือ ความเจริญงอกงามของนักเรียน การวัดและ
ประเมินผลการศึกษาจึงควรมุ่งที่ความเจริญงอกงามของนักเรียน ท้ังในด้านความรู้ ความคิด
เจตคติและค่านิยม และความสามารถในเชิงปฏิบัติการ ดัชนีที่จะชี้ถึงความเจริญงอกงามทั้ง 3
ด้านนี้ควรคำนงึ ถึงพฤติกรรมที่สำคัญ ๆ มากกวา่ พฤติกรรมพืน้ ฐานทั่วไป เพือ่ เปน็ ข้อมูลสำคัญ
ในการพฒั นานกั เรียนตอ่ ไป
สำหรับในแง่มุมของผู้นิเทศที่นำหลักของการวัดและประเมินผลนำมาใช้ในการนิเทศ
ติดตามผรู้ ับการนิเทศนน้ั ผู้เขียนมีความเห็นวา่ การมงุ่ ที่ความเจริญงอกงามของนักเรียนในทุก ๆ
ด้านนั้น เป็นเป้าหมายสูงสุดของการนิเทศ ทั้งนี้ผู้นิเทศได้ช่วยส่งเสริมและพัฒนาครู เพื่อให้ครู
นำสิง่ ทีไ่ ด้รับมาพฒั นาผเู้ รียนใหเ้ กิดประโยชน์สงู สุดเต็มตามศกั ยภาพของผเู้ รียน
300
2. การวัดและประเมินผลควรบ่งชี้ถึงระดับความสำเร็จของนักเรียน เม่ือเทียบกับ
จุดหมายและจุดประสงค์การเรียนรู้ที่กำหนดไว้ในแต่ละรายวิชา และควรบ่งชี้ถึงจุดหมายและ
จุดประสงคค์ วรจะต้องมีการปรบั ปรุง
ในทำนองเดียวกันการนิเทศการศึกษา ให้ความสำคัญในการพัฒนาครูเพื่อนำไปสู่การ
พัฒนาการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ ดังน้ันการวัดและประเมินผลการเรียนจึงเป็นตัวบ่งชี้ที่ทำ
ให้เหน็ ถึงความก้าวหน้าและความสำเร็จของผเู้ รียนที่เป็นผลมาจากการสอนของครู
3. การวัดและประเมินผลเป็นกระบวนการทำอย่างต่อเนื่องฉะนั้น ครูจึงไม่ควรรอให้
การเรียนแต่ละรายวิชาสิน้ สุดลงจงึ ทำการวัดและประเมิน แต่ควรมกี ารตรวจสอบไปทุก ๆ ระยะ
โดยเฉพาะจุดสำคัญ ๆ ทีแ่ สดงถึงความก้าวหน้าของนักเรียน
ในประเด็นดังกล่าวนี้ สะท้อนถึงการนิเทศมีลักษณะการดำเนินงานเชิงระบบ คือ
ปฏิบัติการสอนและดำเนินการปรับปรุงแก้ไขเป็นระยะ ๆ ดังที่ได้กล่าวแล้วว่า เป็นการประเมิน
ระหว่างการดำเนินงาน โดยพิจารณาความก้าวหน้าการสอนของครูซึ่งทำให้ครูทราบถึงผลการ
สอนของตนเองตลอดช่วงของการดำเนินโครงการนิเทศ
4. การวัดและประเมินควรใช้กลวิธีหลาย ๆ อย่าง การวางแผนการวัดและประเมินผล
อย่างครอบคลุมและรอบคอบ จะทำให้วิธีการที่ใช้วัดมีหลากหลาย ซึ่งเหมาะกับพฤติกรรมที่จะ
วัดและประเมินที่แตกต่างกัน เช่น
4.1 การสังเกตนักเรียนขณะปฏิบัติงานเพื่อ สังเกตความกระตือรือร้น ความ
สนใจ ความคับข้องใจ ฯลฯ ซึ่งผลการสังเกตจะเป็นสัญญาณให้ครูได้ทราบว่าเด็กมีอุปสรรค
หรอื ปญั หาการเรียนในด้านใด
4.2 การตรวจสอบโดยการใช้วิธีการให้นักเรียนประเมินตนเอง หรือการวัดและ
ประเมินกอ่ นเรียน
4.3 การอภิปรายกบั นักเรียน เพื่อให้นักเรียนได้ตรวจสอบความก้าวหน้าของตน
4.4 การรวบรวมและตรวจสอบวัสดุอุปกรณ์ที่นักเรียนใช้ในการปฏิบัติการเพื่อ
ดคู วามก้าวหน้าของนกั เรียน
4.5 การสนท นากับ เพื่ อนครูที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบ รวมข้อมูลเกี่ยวกับ
ความก้าวหน้าของนักเรียน เป็นต้น
ในประเด็นนี้ผเู้ ขียนมคี วามเห็นวา่ การใช้เครือ่ งมอื การนิเทศการสอนที่หลากหลาย ได้แก่
เคร่ืองมือการนิเทศเชิงปริมาณ เคร่ืองมือการนิเทศเชิงคุณภาพและเคร่ืองมือการนิเทศแบบ
ผสมผสานระหว่างเชิงปริมาณและคุณภาพนั้น จำเป็นต้องใช้วิธีการวัดที่หลากหลายเช่นกัน
เพื่อให้เหมาะสมกับเทคนิคการสอนแต่ละแบบ เพื่อนำมาสู่การประเมินผลการสอนที่ดี
เชน่ เดียวกบั ประโยคที่กล่าวว่า “N0 One Size Fits All” ซึ่งหมายถึง ไมม่ ีสิ่งใดสิ่งหนึง่ ที่เหมาะสม
กับทกุ คน เช่นเดียวกันกับการนเิ ทศการสอนทีใ่ ชเ้ ครือ่ งมือหลายแบบกบั รปู แบบการสอนที่
301
แตกต่างกัน ในขณะเดียวกันก็มีความจำเป็นที่ต้องมีการวัดและประเมินผลให้หลาย ๆ แบบ
เพือ่ ให้เหมาะกับการสอนนน้ั ๆ
5. ผลจากการวัดและประเมิน ควรมีการบันทึกใช้เพื่อการพิจารณาความก้าวหน้าของ
นกั เรียนในแตล่ ะช่วงเวลา เชน่ การวัดและประเมินประจำหน่วยการเรียนหรอื บทเรียน หรอื ใน
ลักษณะอื่น ๆ
สำหรับการนิเทศการเรียนการสอนนั้นสิ่งที่สำคัญ คือ การนำผลที่ได้จากการบันทึก
พฤติกรรมการสอนของครู มาใช้ในการพิจารณาร่วมกับการประเมินผลการสอน ดังน้ันการ
บันทึกผลการวัดและประเมินจึงเป็นเคร่ืองมือที่ดี เน่ืองจากเป็นร่องรอยหลักฐานที่ทำให้ครูได้
ทราบถึงความสามารถในการสอนของตนเอง เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงพัฒนาการสอนของ
ตนเองต่อไป อย่างไรก็ตามผลที่ได้จากการประเมิน ไม่ว่าจะเป็นการประเมินผลคะแนนของ
นักเรียน ซึ่งเปน็ สว่ นหนง่ึ ที่มาจากการสอนของครู หรอื การประเมินผลการสอนของตวั ครเู อง ไม่
ควรนำมาเป็นส่วนหน่ึงของการเลื่อนข้ันเงินเดือน เนือ่ งจากจะทำใหก้ ารรายงานผลการสอนและ
การรายงานตนเองของครูบิดเบือนไปจากความเป็นจริง ทำให้ได้ข้อมูลเท็จแทนข้อมูลที่จะ
นำไปสกู่ ารพฒั นา
6. นกั เรียนควรได้รับการกระตุ้นให้ประเมินความก้าวหน้าของตนเอง เน่อื งจากโรงเรียน
จะต้องสนใจการเรียนเป็นรายบุคคลของนักเรียน นักเรียนซึ่งควรมีบทบาทในการเรียนของ
ตนเองด้วย บทบาทหนึ่งก็คือ การประเมินตัวเขาเองนอกเหนือจากบทบาทในการวางแผนการ
เรียนด้วยตัวเองและการลงมือปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนานักเรียนอย่าง
แท้จรงิ
ความรู้ ความสามารถและทักษะของผู้บริหารเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการศึกษา
ยิ่งมีมากเท่าไรผู้บริหารก็สามารถทำการนิเทศบุคลากรในโรงเรียนได้ดียิ่งขึ้น การนิเทศภายใน
โรงเรียนเพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรไม่ว่าจะเป็นงานใดก็ตาม หากปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
และก้าวหน้าไปตามลำดับข้ันจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานสูง และหวังผลงานที่มีคุณภาพ
ได้มากขึน้ อย่างไรก็ตามการนเิ ทศไมว่ ่าจะดำเนินการโดยผบู้ ริหารเอง หรอื ให้บุคคลอื่นทำหน้าที่
แทนก็จะต้องคำนึงถึงหลักการนิเทศที่สำคัญคือ การนิเทศเป็นการร่วมกันปฏิบัติงาน โดยมีผู้
นิเทศคอยส่งเสริมและแนะนำแนวทางและการนิเทศน้ัน เป็นการส่งเสริมให้ผรู้ บั การนิเทศพัฒนา
ตวั ของเขาเอง
อย่างไรก็ตามการนำการประเมินผลมาใช้นั้น ควรคำนึงหลักการประเมินผลการนิเทศ
การศึกษาด้วยเช่นกัน ซึ่งรุ่งชัชดาพร เวหะชาติ (2557 : 314-315) ได้สรุปหลักการประเมินผล
การนเิ ทศไว้ 10 ประการ ดังน้ี
1. การประเมนิ ผลต้องกระทำตดิ ตอ่ กนั และสมำ่ เสมอ ซึ่งหมายถึงมีการประเมินผลเป็น
302
ระยะ ๆ การประเมินผลการนิเทศการศึกษาเป็นระยะ ๆ และสม่ำเสมอจะช่วยในการปรับปรุง
วิธีการเทคนิคการศกึ ษาทีไ่ มเ่ หมาะสมในระยะแรก ๆ ได้
2. การประเมินผลต้องเป็นงานที่ร่วมกันทำไม่ใช่หน้าที่ของบุคคลใด บุคคลหนึ่ง
โดยเฉพาะ
3. การประเมินผลต้องยึดจุดมุ่งหมายของโครงการเป็นมาตรฐานในการวัดผลการ
ปฏิบัติงาน เราต้องนำจุดมุ่งหมายที่ต้องการมาตั้งไว้เป็นหลัก แล้วเทียบดูว่าผลการปฏิบัติงาน
นำไปสู่จดุ มุ่งหมายที่ตอ้ งการหรอื ไม่
4. การประเมินผลควรดำเนินการแบบประชาธิปไตย หมายถึง การแบ่งงานกันทำ รบั ฟัง
ความคิดเหน็ ของทกุ คนทัดเทียมกัน
5. การประเมินผลการนิเทศการศึกษาต้องประเมินทุกด้าน เช่น ด้านการบริหาร ด้าน
ตัวบคุ คล ด้านการประสานงาน และด้านอ่นื ๆ
6. การประเมินผลควรให้สมาชิกวัดผลตัวเองและวัดผลงานของกลุ่มตนเองด้วย ข้อมูล
ที่ได้จากผู้ปฏิบตั ิงานเอง จะทำให้การประเมนิ ผลใกล้เคียงกบั ความจริงมากที่สดุ
7. การประเมินผลการนิเทศการศึกษาควรกำหนดเทคนิคการประเมินผลไว้อย่าง
กว้าง ๆ แต่ชัดเจนพอที่สมาชิกจะนำไปใช้ได้ และสามารถดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพการ
ปฏิบัติงานของตน ควรมีคณะกรรมการร่างเคร่ืองมือประเมินผลแบบต่าง ๆ ไว้เป็นแนวทางและ
ให้สมาชิกเลือกปฏิบัติตามทีเ่ หน็ วา่ เหมาะสม
8. ในการประเมินผลโครงการนิเทศจะต้องเตรียมวิธีการบันทึกผลการประเมินไว้เป็น
หลักฐาน สรุปผลการประเมินไว้ให้พิจารณาได้ง่าย ๆ เป็นเอกสารอ้างอิงที่จะนำไปปรับปรุง
โครงการในข้ันตอ่ ๆ ไปได้
9. การประเมินผลโครงการนิเทศ ควรประเมินผลในสิ่งที่สามารถนำมาปรับปรุง
โครงการนิเทศให้ดีขึน้ การประเมินผลสิ่งที่นำมาใช้ในกิจการต่อไมไ่ ด้จะทำให้เสียเวลา เสียกำลัง
งานและเสียเครื่องเขียนแบบพิมพ์ตา่ ง ๆ ไปโดยเปล่าประโยชน์
10. การประเมินผลโครงการนิเทศการศึกษาควรถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของงานนิเทศ
การศึกษาด้วย หลักของการประเมินผลการนิเทศการศึกษา มีหลักการที่สำคัญคือจะต้อง
กระทำอย่างสม่ำเสมอ โดยร่วมกันทำ ยึดจุดมุ่งหมายของโครงการ ดำเนินการแบบ
ประชาธิปไตย ประเมินครบทุกด้าน วัดจากตัวเองและผลของงาน กำหนดเทคนิคไว้อย่างกว้าง
ๆ เตรียมวิธีการบันทึกผลการประเมินไว้เป็นหลักฐาน นำผลการประเมินมาปรับปรุง และการ
ประเมินโครงการนเิ ทศถือว่าเป็นงานของการนิเทศ
นอกจากนี้เม่ือพิจารณาถึงผลกระทบของการวัดและการประเมินผลที่เกิดขึ้นกับ
นักเรียน ครู และผู้นิเทศ แสดงได้ดังตารางต่อไปนี้ (พัฒนามาจาก คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2552 : 59)
303
ตารางท่ี 7.1 แสดงผลกระทบของการวัดและการประเมินผลที่เกิดขึ้นกับนักเรียน ครู และผู้
นิเทศ
ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับ ผลกระทบทีเ่ กิดขึน้ กับ ผลกระทบที่เกิดขึน้ กบั
นักเรยี น ครู ผู้นิเทศ
1. พฒั นาการทางดา้ น 1. พัฒนาการดา้ นการสอน 1. พัฒนาการด้านการ
การเรียน นิเทศการเรียนการสอน
2. พฒั นาการทางวชิ าการ
2. พฤติกรรมทางสงั คม 3. สขุ ภาพจิตของครู 2. พัฒนาการทางวชิ าการ
3. สขุ ภาพจิตของนักเรียน 4. จรยิ ธรรมในวิชาชีพครู 3. สขุ ภาพจิตของผนู้ ิเทศ
4. ชีวติ ของนกั เรียนในอนาคต 4. จรยิ ธรรมในวิชาชีพ
ศกึ ษานิเทศก์/ ผนู้ ิเทศ
จากผลกระทบของการวัดและการประเมินผลดังกล่าว พบว่า การประเมินผลมีส่วน
เกี่ยวข้องกับนักเรียน ครูและผู้นิเทศ ท้ังในด้านความรู้ ทักษะและด้านจติ ใจ โดยการประเมินผล
นั้นช่วยก่อให้เกิดความงอกงามทางการศึกษา นอกจากด้านความรู้และความสามารถแล้ว การ
ประเมินผลยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตทั้งของนักเรียน ครูและผู้นิเทศ ท้ังนี้ไม่ว่าผลการ
ประเมินจะออกมาในลักษณะทางลบหรือทางบวกก็ตาม ครูและผู้นิเทศจะได้ช่วยกันแก้ไขได้
อย่างถกู วิธี อาจกล่าวได้ว่าการประเมินผลช่วยทำใหเ้ กิดแรงผลักดันให้นกั เรียนและครไู ด้พฒั นา
ตนเอง การให้กำลังใจซึ่งกันและกัน การช่วยเหลือและพึ่งพากันก็จะเกิดเครือข่ายทางวิชาการ
โดยที่ครูไม่ต้องโดดเดีย่ วตามลำพงั ในท่ามกลางปัญหาอุปสรรคทีเ่ กิดขึ้น ในขณะเดียวกันน้ันได้มี
ผนู้ ิเทศเปน็ เสมือนเพือ่ นรว่ มทางที่นำพาไปส่เู ป้าหมายที่ชัดเจนรว่ มกนั
7.4 เครื่องมือประเมินผลการนิเทศ
เครื่องมือประเมินผลการนิเทศมีหลายชนิด ซึ่งข้ึนอยู่กับผู้นิเทศว่าจะพิจารณาเลือกและ
ปรับใช้เคร่ืองมือชนิดใดที่มีความเหมาะสม สะดวกและเกิดคุณค่าในการสอนมากที่สุด ท้ังนี้
เคร่ืองมือประเมินผลต้องสะท้อนให้เห็นผลการสอนในแต่ละครั้ง หรืออาจเป็นการสะท้อนผล
การสอนที่ เป็ นภาพ รวมทั้งห มดตลอดภ าคเรียนซึ่งขึ้น อยู่ กับวัต ถุประสงค์ของก ารนิเทศว่า
ต้องการการประเมนิ ผลในลกั ษณะใด
นอกจากนีอ้ ารมณ์ ฉนวนจติ ร (2556 : 171-174) ได้สรุปและรวบรวมเครือ่ งมอื ทีใ่ ชใ้ น
การนเิ ทศการสอนว่าเครื่องมือการนเิ ทศมีหลายอยา่ ง การที่จะใช้เคร่อื งมอื ใดย่อมขึ้นอยกู่ บั
304
วตั ถุประสงค์หรอื จดุ มุ่งหมายทีก่ ำหนดไว้เป็นสำคัญ มีดงั นี้
1. แบบสอบถาม เป็นเคร่ืองมือที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย กว้างขวาง ครอบคลุมงานการ
นิเทศโดยท่ัวไป ใช้วัดความรู้สกึ ความคิดเห็น ความต้องการของบุคคลในเรอ่ื งต่าง ๆ ได้ทุกเร่อื ง
ใช้ประเมินผลการอบรม การประชุม การสัมมนา การประชุมปฏิบัติการในโครงการต่าง ๆ และ
สอบถาม จึงถือเป็นเคร่ืองมือสำคัญในการประเมินผลการนิเทศการสอนอย่างหนึ่ง ซึ่งในวง
การศกึ ษานิยมใชเ้ ครื่องมือนีต้ ลอดเวลา
2. แบบทดสอบ เป็นเคร่ืองมืออีกชนิดหนึ่งที่สามารถใช้วัดและประเมินผลการนิเทศการ
สอนได้ โดยอาจใช้วัดและประเมินผลนักเรียน เพื่อตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน
ประสิทธิภาพการสอนของครู ตลอดจนการดำเนินงานของผู้นิเทศวา่ ได้ผลเพียงใด แบบทดสอบ
ใช้ได้ทั้งการประเมินผลย่อยและการประเมินผลรวม แบบทดสอบที่ใช้ในการประเมินผลการ
นิเทศการสอนเพื่อตรวจสอบดวู า่ การปฏิบตั ิการทั้งหลายของผนู้ ิเทศและครเู กิดผลอยา่ งไร การ
จัดกิจกรรมการนิเทศการสอนแก่ครูและนักเรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้หรือไม่
โดยทั่วไปอาจใช้แบบทดสอบได้หลายแนวทาง ท้ังนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ เช่น
แบบทดสอบก่อนใช้การนิเทศ (Pre-test) เพื่อหาข้อมูลประกอบการดำเนินการ หรือใช้
แบบทดสอบระหว่างการนิเทศเพื่อปรับปรุงวิธีการ เทคนิคและกิจกรรมการนิเทศการสอน หรือ
ทดสอบหลังจากภารกิจการนิเทศการสอนเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อตรวจสอบผลงานการนิเทศการ
สอนว่าได้ผลดีมากน้อยเพียงใด เหมาะที่จะดำเนนิ การตอ่ ไปหรอื เปลีย่ นแปลงอย่างไร
3. แบบสำรวจ เป็นเคร่อื งมอื ที่ใช้ในการประเมินผลทางด้านปริมาณ ซึง่ ในงานนิเทศการ
สอน ต้องการปริมาณของผลงานวิชาการ เช่น จำนวนนักเรียนสอบได้และสอบตก จำนวนงาน
เอกสารทางวิชาการของครู เป็นต้น แบบสำรวจอาจทำเป็นตาราง หรือช่องว่างให้เติมก็ได้ มีคำ
ชแี้ จงอธิบายถึงวิธีการกรอกข้อความแต่ละชอ่ งเพือ่ ความเข้าใจตรงกัน
4. การสัมภาษณ์ เป็นวิธีการประเมินผลเกี่ยวกับความคิดเห็น ความรู้สึกและความ
ต้องการของบุคคล เพื่อให้ได้ผลสมบูรณ์ ควรจัดเตรียมหัวข้อสำหรับสัมภาษณ์ จดบันทึกและ
รวบรวมผลที่ได้จากการสัมภาษณ์ให้เที่ยงตรง ชัดเจน เพื่อใช้ในการสรุปและประเมินผลครั้ง
สดุ ท้ายอีกคร้ังหน่งึ
5. การตรวจสอบผลงานภาคปฏิบตั ิ เปน็ การประเมินผลงานการนิเทศการสอนด้านการ
ปฏิบัติงาน ประเมินออกมาเป็นรูปธรรม สามารถมองเห็น เปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ผู้ประเมินต้ัง
ไว้ว่า จะประเมินในเรื่องใด บันทึกรายละเอียดของเร่ืองที่จะประเมินไว้ประการหนึง่ อีกประการ
หนง่ึ คอื การกำหนดเกณฑไ์ ว้ชดั เจนแน่นอนว่า คุณลักษณะอย่างไรเหมาะกับระดับคะแนนเท่าใด
6. การประชุมปรึกษาหารือและทบทวนการปฏิบัติงาน เป็นการประเมินผลการนิเทศ
การสอนอีกแบบหนึ่งที่ให้ผู้มีส่วนร่วมในการนิเทศการสอน ได้แสดงความคิดเห็น ความรู้สึกใน
การนเิ ทศว่า ตนเองได้ผลมากน้อยเพียงใด ประสบปัญหาอะไร พร้อมทั้งช่วยกนั คิดหาแนวทางที่
305
จะแก้ปัญหาตอ่ ไป
7. การวิจยั ในเชงิ ประเมนิ ผล การประเมนิ ผลการนเิ ทศการสอนบางเรื่อง อาจจะต้องใช้
กระบวนการวิจัย เพราะมีความเที่ยงตรงและเช่ือถือได้ การใช้วิจัยเพื่อการประเมินผลการนิเทศ
การสอน จะต้องมีข้ันตอนและกระบวนการในการดำเนินงานอย่างรดั กุม ตามหลักการของการ
วิจัยอย่างสมบูรณ์
8. ใช้เครื่องมอื สังเกตการสอนเพือ่ ประเมนิ ผลการนเิ ทศการสอน
8.1 แบบสำรวจรายการเพื่อสังเกตพฤติกรรมครู นักเรียน
8.2 การบันทึกวิดีทัศน์ เพื่อบันทึกพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในช้ันเรียน เพื่อใช้เป็นข้อมูล
ป้อนกลับแก่ผนู้ ิเทศและครู
8.3 การใช้เคร่ืองมือบันทึกเสียง เพื่อบันทึกพฤติกรรมทางวาจาที่เกิดขึ้นในช้ันเรียน
และในระหว่างการปรึกษาหารือภายหลังการสังเกต เพื่อที่จะทบทวนปฏิสัมพันธ์ในชั้นเรียน
เพือ่ ให้ขอ้ มูลป้อนกลบั แกค่ รู ซึ่งนับเปน็ ยทุ ธวิธีที่ดที ีส่ ุด
8.4 การสังเกตการสอนโดยการเข้าไปนั่งในช้ันเรียน โดยมีจุดประสงค์ว่าจะสังเกต
อะไร เพือ่ ประเมินเรอ่ื งใด
9. การใช้แฟ้มสะสมผลงาน เป็นวิธีการใหม่อย่างหนึ่งที่ใช้สำหรับประเมินผลตั้งแต่
ระดับช้ันอนุบาลจนถึงระดับอุดมศึกษา ได้นำมาใช้ในการแก้ปัญหาการจดบันทึกผลของการ
เรียนการสอนและการนิเทศการสอนแนวใหม่ ทั้งนี้เพราะแฟ้มสะสมผลงานอาศัยหลักการ
ร่วมกันระหว่างผู้ประเมินและผู้รับการประเมินในการรวบรวมในการจัดระบบและในการ
วิเคราะห์ แฟ้มสะสมผลงานจึงเป็นเคร่ืองมือชนิดหนึ่ง ที่สามารถใช้ประเมินผลสำเร็จท้ังของ
ผเู้ รียน ผสู้ อนและผนู้ ิเทศ
จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นน้ันเป็นเครอ่ื งมือที่ใช้ในการนิเทศทั้งสิ้น ซึ่งในที่นีข่ อยกตัวอย่าง
เครือ่ งมือทีน่ ำมาใช้ในการตดิ ตามและประเมินผลการนเิ ทศ ดังตอ่ ไปนี้
306
ตัวอย่างเครือ่ งมือรายงานผลการสงั เกตการสอนและเครื่องมือประเมินผล
การนิเทศการสอน
ตวั อย่าง 1 การรายงานผลการสังเกตการสอนนกั ศึกษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชีพครู คร้ังที่ 1
ชือ่ ผู้นิเทศ คุณครูแม้นมงคล สจั นิเทศ
ชือ่ ผู้รับการนิเทศ คุณครูรกั ชาติ คณุ ราชภัฏ
วันที่ 21 สิงหาคม 2557 เรอ่ื ง ความดนั อากาศ
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5
เครือ่ งมือการสงั เกตการสอนท่ใี ช้ แบบบนั ทึกคำถามของครูและคำตอบของนักเรียน
จากการสังเกตการนิเทศการสอนนกั ศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู พบว่า
ในคาบเรียนนี้ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL ในช่วงของการให้นักเรียน
บันทึกข้อมูลลงในช่อง K โดยให้นักเรียนคิดด้วยตนเองและเป็นครั้งแรกที่นักเรียนได้เรียนด้วย
เทคนิควิธีนี้ ซึง่ ทำให้เกิดอุปสรรคเนือ่ งจากมีนกั เรียนบางคนยงั อ่านและเขียนหนังสอื ไม่คล่อง ใน
ประเด็นนี้อาจให้นักเรียนคิดด้วยกนั เป็นกลุ่ม ส่วนครูเขียนสิ่งที่นักเรียนต้องการรู้บนกระดานดำ
จะทำให้นักเรียนเข้าใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ครูอาจกล่าวถึงความรู้เดิมเกี่ยวกับความดัน
โดยนำสิ่งทีเ่ กี่ยวข้องกับเรื่องใกล้ตัวของนักเรียนมาใช้ยกตวั อย่างประกอบการอธิบายให้มากขึ้น
เพราะเร่ืองความดันอากาศเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรมซึ่งสัมผัสได้ยาก หากมีการยกตัวอย่าง
นักเรียนอาจเข้าใจได้ชัดเจนและลึกซึ้งยิ่งขึ้น และกรณีแจกใบความรู้ให้แต่ละกลุ่มเพียง 1 ชุด
นั้นไม่เพียงพอกับการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมภายในกลุ่ม ดังนั้นในครั้งถัดไปครูควรเพิ่มใบ
ความรใู้ หเ้ พียงพอกบั นักเรียน อาจแจกกลุ่มละ 2-3 ชุด หากมีประเดน็ ที่นักเรียนต้องการรู้แต่ไม่
มีคำตอบในใบความรู้ ครูต้องเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการตอบคำถามให้นักเรียนเข้าใจถึงสิ่ง
ต้องการรู้นั้นให้กระจ่าง ชัดเจน ด้านการถามคำถามควรกระตุ้นให้นักเรียนได้คิดวิเคราะห์มาก
ขึ้น ความรู้ความจำก็ยังคงต้องมีบ้างแต่ให้เพิ่มการขยายความรู้หรือความคิดให้มากขึ้น จะเกิด
ประโยชน์กับนักเรียนให้สามารถคิดได้หลากหลายและกว้างขวางขึ้น สรุปภาพรวมการจัดการ
เรียนรู้ของครูในคร้ังนี้ อยู่ในระดับดี การจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีความเป็นธรรมชาติ แต่ต้อง
ฝึกฝนในเร่ืองของการเขียนกระดานดำและการใช้คำถามกระตุ้นเพิ่มเติมให้นักเรียนได้คิด
วิเคราะห์มากขึ้น
ผบู้ ันทึก..............................................
(คณุ ครูแม้นมงคล สัจนเิ ทศ)
21 สิงหาคม 2557
307
ตวั อย่าง 2 การรายงานผลการสังเกตการสอนนกั ศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ิชาชีพครู ครงั้ ที่ 2
ชือ่ ผ้นู ิเทศ คณุ ครูแม้นมงคล สจั นิเทศ
ชื่อผรู้ บั การนิเทศ คุณครแู สนดี มีวนิ ัยเลิศ
วันที่ 24 กนั ยายน 2557 เร่อื ง การเดินทางของแสง
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4
เครื่องมือการสงั เกตการสอนท่ใี ช้ แบบบนั ทึกการสงั เกตการสอนแบบพรรณนาความ
จากการสังเกตการนิเทศการสอน พบว่า
ครใู ช้เวลาในการนำเข้าส่บู ทเรียนมาก การนำเข้าสู่บทเรียนนอกจากใช้คำถามแล้วอาจมี
วิธีการอื่น ๆ เพื่อกระตุ้นความสนใจได้ ส่วนกิจกรรมการทดลองควรให้ตัวแทนกลุ่มที่มีทักษะ
การอ่านที่ดี อ่านใบความรู้ให้สมาชิกในกลุ่มฟังแทนการอ่านด้วยตนเองก่อน นอกจากนี้ครูควร
เน้นย้ำนักเรียนเกี่ยวกับรูของกระดาษที่ใช้ดูการเดินทางของแสง โดยจัดให้รูอยู่ในระนาบ
เดียวกนั และควรใหน้ ักเรียนทดลองด้วยวิธีการที่หลากหลาย ได้แก่ เมื่อใหร้ ูกระดาษตรงกันแล้ว
อาจทดลองให้รูของกระดาษไม่ตรงกันบ้าง แล้วจึงสรุปผล ซึ่งจะทำให้นักเรียนได้ผลการทดลอง
ที่หลากหลายและเกิดทักษะการคิดเพิ่มขึ้น ส่วนการสรุปผลการทดลองควรให้นักเรียนสรุป
ร่วมกันเป็นกลุ่ม เน่ืองจากนักเรียนบางคนไม่สามารถสรุปได้ ซึ่งอาจทำให้นักเรียนไม่เข้าใจผล
การทดลองอย่างแท้จริง ในภาพรวมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครูอยู่ในระดับดี แต่ต้อง
พัฒนาทักษะหลายด้าน โดยเฉพาะเร่ืองของการต้ังคำถามที่ไม่ควรเป็นลักษณะของการถามให้
จำแต่เพียงอย่างเดียว ควรฝึกตั้งคำถามให้นักเรียนได้คิด ยกตัวอย่าง จำแนก อธิบายเหตุผล
เป็นต้นและข้ันตอนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ยังไม่สมบูรณ์ ขาดการสรปุ ผลที่ชัดเจน
ผบู้ นั ทึก................................................
(คณุ ครแู ม้นมงคล สัจนิเทศ)
24 กนั ยายน 2557
308
ตัวอย่าง 3 แบบบนั ทึกการประเมินผลการนิเทศการสอน
โดยผู้ประเมินสรุปข้อเสนอแนะในลักษณะการประเมินภาพรวม (พัฒนามาจาก Chabot-Las
Positas Community College : 2012)
กรณุ าเขียนเครอ่ื งหมายในช่องด้านล่างเพียงตำแหนง่ เดียว :
( ) พึงพอใจ ( ) ตอ้ งพฒั นา ( ) ไมพ่ ึงพอใจ
กรุณาเขียนบรรยายจากการสังเกตกลยุทธ์การสอนอย่างน้อย 1 คร้ัง เช่น สังเกต
อะไรบ้างจากตัวชี้วัดหรือรายการที่กำหนดไว้ ว่าครูได้ช่วยให้นักเรียนสามารถประยุกต์ใช้
ความคิดรวบยอด /กระบวนการ/ ทักษะ ได้หรือไม่ โดยเขียนบรรยายสิ่งที่ได้จากการสังเกตการ
สอนอย่างละเอียดซึ่งการบันทึกนั้น ไม่จำเป็นต้องนำเสนอจุดแข็งหรอื ข้อเสนอแนะที่สัมพันธ์กับ
ข้อกำหนดตามมาตรฐานการสอน และการทำงานที่ยอดเยี่ยมร่วมกับนักเรียน แต่การบันทึกน้ัน
ให้คำนึงถึงสิ่งที่ทำให้บรรลุเป้าหมายตามคำอธิบายรายวิชา (Course Outline) และเขียนข้อสรุป
การตอบสนองของนกั เรียนทีม่ าจากผลการสอนนั้น ลงในชอ่ งวา่ งทีก่ ำหนดใหต้ ่อไปนี้
สรุปข้อเสนอแนะ (ให้แนบเอกสารประกอบถ้าจำเป็น)
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
ผบู้ ันทึก................................................
()
…….…/……………./………..
309
ตวั อยา่ ง 4 แบบประเมินผลการนิเทศการสอน
(หน่วยศึกษานิเทศก์ สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา, 2556 : 79-85)
คำชี้แจง โปรดกาเคร่ืองหมาย ✓ลงใน ( ) ที่ตรงกับรายการในแต่ละหัวข้อ พร้อมท้ังระบุ
เหตผุ ล หากไม่พบวา่ มีพฤติกรรมน้ันในการเข้าสังเกตการสอน
การเตรยี มการสอน
1. การบนั ทึกการสอน
( ) มี
( ) ไมม่ ี เพราะ..................................................................................................
2. การเขียนหลักการ
( ) ถกู ต้อง
( ) ไม่ถกู ต้อง เพราะ.........................................................................................
3. การเขียนวตั ถุประสงค์
( ) สอดคล้องกับหลักการ
( ) ไม่สอดคล้องกับหลกั การ เพราะ...................................................................
4. การลำดับขั้นตอนของกิจกรรมการเรียนการสอน
( ) ต่อเนื่อง
( ) ไม่ต่อเนอ่ื ง เพราะ........................................................................................
5. การกำหนดสือ่ การเรียนการสอน
( ) เหมาะสมกบั จดุ ประสงค์
( ) ไมเ่ หมาะสม เพราะ......................................................................................
6. การกำหนดวิธีการวัดและประเมินผล
( ) สอดคล้องกับวตั ถปุ ระสงคแ์ ละกิจกรรม
( ) ไม่สอดคล้องกับวตั ถปุ ระสงค์และกิจกรรม เพราะ.........................................
7. การใชภ้ าษาในการบันทึกการสอน
( ) ถกู ต้อง สื่อความหมายได้ดี
( ) ต้องปรบั ปรุง เพราะ....................................................................................
8. การสอนจริง
( ) เปน็ ไปตามบนั ทึกการสอน
( ) ไม่เป็นไปตามบันทึกการสอน เพราะ..............................................................
ข้อเสนอแนะเพือ่ ปรบั ปรงุ แก้ไข/ สง่ เสริม.......................................................................
................................................................................................................................................
310
กระบวนการสอนการนำเขา้ สบู่ ทเรียน
9. การแจ้งจดุ ประสงค์
( ) มี
( ) ไมม่ ี เพราะ..................................................................................................
10. การทบทวนความรเู้ ดิมของนักเรียน
( ) มี
( ) ไมม่ ี เพราะ..................................................................................................
11. การเชอ่ื มโยงบทเรียนและเร้าความสนใจในเนื้อหาใหม่
( ) มี
( ) ไมม่ ี เพราะ..................................................................................................
12. การทดสอบก่อนสอน
( ) มี
( ) ไม่มี เพราะ..................................................................................................
13. การเลือกใช้วธิ ีการสอน
( ) เหมาะสมและสอดคล้องกับเนือ้ หา
( ) ไม่เหมาะสมและสอดคล้องกบั เนือ้ หา เพราะ................................................
14. การกระตนุ้ ให้นกั เรียนแสวงหาความรดู้ ้วยตนเอง
( ) มี
( ) ไมม่ ี เพราะ..................................................................................................
15. การอธิบายและยกตวั อย่าง
( ) มีลำดับข้ันตอน ใช้ภาษาถกู ต้องเข้าใจงา่ ย
( ) ต้องปรับปรงุ เพราะ.....................................................................................
16. การใชส้ ือ่ การสอน
( ) ตรงตามที่กำหนดในบันทึกการสอน
( ) ไม่ตรง เพราะ..............................................................................................
17. การเช่อื มโยงเนือ้ หากับเรื่องราวในชีวติ จรงิ
( ) เหมาะสม
( ) ไม่เหมาะสม เพราะ......................................................................................
18. การเช่อื มโยงเน้ือหากับวิชาอื่น
( ) มี
( ) ไมม่ ี เพราะ..................................................................................................
311
19. การสอดแทรกจริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์แก่นักเรียนตามโอกาสที่
เหมาะสม
( ) มี
( ) ไมม่ ี เพราะ..................................................................................................
ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงแก้ไข/ ส่งเสริม.......................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
การสร้างบรรยากาศในการเรียนการสอน
20. การใชค้ ำถามทีส่ ามารถนำไปสกู่ ารเรียนรู้ตามจดุ ประสงค์
( ) มี
( ) ไมม่ ี เพราะ...................................................................................................
21. ให้เวลาในการคิดและตอบคำถาม และอธิบายเพิม่ เติมจากคำตอบของนกั เรียน
( ) มี
( ) ไม่มี เพราะ...................................................................................................
22. การเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนได้ซักถามข้อสงสัยและเสนอข้อคิดเห็น
( ) มี
( ) ไม่มี เพราะ...................................................................................................
23. ยกย่องชมเชยเมื่อนักเรียนแสดงพฤติกรรมทีพ่ ึงประสงค์
( ) มี
( ) ไม่มี เพราะ...................................................................................................
24. การให้การยอมรับในการแสดงออกของนกั เรียน
( ) มี
( ) ไมม่ ี เพราะ...................................................................................................
25. การให้ความสนใจนักเรียนในชน้ั เรียน
( ) มี
( ) ไม่มี เพราะ...................................................................................................
ข้อเสนอแนะเพือ่ ปรับปรงุ แก้ไข/ ส่งเสริม...................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
312
การวัดผลระหว่างเรียนเพื่อนำไปสกู่ ารปรับปรงุ
26. การใชค้ ำถาม/ กิจกรรมเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียนเป็นระยะ ๆ
( ) มี
( ) ไม่มี เพราะ..................................................................................................
27. การเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนประเมินผลตนเองและเพื่อนนักเรียนด้วยกนั
( ) มี
( ) ไมม่ ี เพราะ...................................................................................................
28. นำผลการประเมินไปสู่การปรับปรุงแก้ไข
( ) มี
( ) ไม่มี เพราะ...................................................................................................
ข้อเสนอแนะเพื่อปรบั ปรงุ แก้ไข/ ส่งเสริม...................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
การสรปุ บทเรยี น
29. การสรปุ บทเรียน
( ) สรุปได้ตรงกับความคิดรวบยอด
( ) ไมต่ รงกับความคิดรวบยอด เพราะ...............................................................
30. การมสี ว่ นรว่ มในการสรุปบทเรียนของนักเรียน
( ) มี
( ) ไม่มี เพราะ..................................................................................................
31. การสรา้ งเงอ่ื นไขเพื่อกระตุ้นใหน้ ักเรียนได้เกิดการเรียนรู้อยา่ งต่อเน่อื ง
( ) มี
( ) ไม่มี เพราะ...................................................................................................
ข้อเสนอแนะเพื่อปรบั ปรงุ แก้ไข/ สง่ เสริม...................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
การนำเสนอผลงานของนักเรยี น
32. การจดั กิจกรรมเพื่อกระตุ้นใหน้ กั เรียนสรา้ งผลงาน
( ) มี
( ) ไมม่ ี เพราะ..................................................................................................
313
33. การนำผลงานดีเด่นของนักเรียนออกแสดงในโอกาสทีเ่ หมาะสม
( ) มี
( ) ไม่มี เพราะ...................................................................................................
ข้อเสนอแนะเพือ่ ปรับปรงุ แก้ไข/ ส่งเสริม...................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
ข้อสรปุ ของผู้นเิ ทศ....................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
ลงชื่อ................................................
(.............................................)
ตำแหน่ง.............................
314
ตัวอย่าง 5 แบบสรปุ รายงานการติดตามผลระหว่างการดำเนินการนิเทศภายใน
ดา้ นการจดั การเรียนการสอน
(หนว่ ยศึกษานิเทศก์ สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา, 2556 : 92-93)
โรงเรียน....................................................................................
ภาคเรียนที่.............................วัน เดือน ปี...................................ครั้งที่...........................
ผลการติดตาม
ด้านปจั จยั สนบั สนุน
...................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
ด้านกระบวนการ
.....................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
ผลทีเ่ กิดขึ้นและข้อค้นพบที่ได้จากการนเิ ทศภายใน
...................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
สภาพปญั หาการดำเนินการ
...................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
ข้อเสนอแนะของผนู้ ิเทศ
...................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
ลงชื่อ.............................................ผรู้ ายงานการนเิ ทศ
(.............................................)
315
ตัวอยา่ ง 6 แบบรายงานการนิเทศแบบสรุปยอ่
(หน่วยศึกษานิเทศก์ สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา, 2556 : 94-95)
โรงเรียน...................................................................................................................................
สรปุ รายงานต้ังแตว่ ันที่..........................................................ถึงวันที่........................................
ผสู้ รปุ รายงาน..........................................................................................................................
สภาพการจัดการเรียนการสอนกอ่ นการนเิ ทศ
...................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
การดำเนินการนิเทศ
การดำเนินการนเิ ทศภายในการจดั การเรียนการสอนของโรงเรียน.................................
มีวตั ถุประสงคด์ ังน้ี
...................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
ผรู้ บั การนเิ ทศ จำนวนรวม.......................คน
ประกอบด้วย ครูในกล่มุ สาระการเรียนร.ู้ ...............................จำนวน.........................คน
ครูในกลุ่มสาระการเรียนร.ู้ ...............................จำนวน.........................คน
ครใู นกลมุ่ สาระการเรียนร.ู้ ...............................จำนวน.........................คน
ฯลฯ
ระยะเวลาของการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา..............................................................................
กิจกรรมการนิเทศประกอบดว้ ย 5 ข้ันตอน ดังนี้
ข้ันที่ 1 การวิเคราะห์สถานการณ์สภาพปจั จุบนั ปญั หาและความต้องการ ได้ดำเนินการดงั น้ี
...................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
.
316
ขั้นที่ 2 การวางแผนและกำหนดทางเลอื กในการนเิ ทศ ได้ดำเนินการดังน้ี
...................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
ข้ันที่ 3 ปฏิบตั ิการนิเทศ ได้ดำเนนิ การดังน้ี
...................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
ข้ันที่ 4 การตดิ ตามประเมินการนเิ ทศ ได้ดำเนินการดังนี้
...................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
ข้ันที่ 5 รายงานผลการนเิ ทศ และการนำผลการนเิ ทศไปใช้ ได้ดำเนินการดงั น้ี
...................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
ข้อคิดเหน็ / ข้อเสนอแนะจากการนเิ ทศ
...................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
ลงชือ่ .................................................ผรู้ ายงาน
............/..................../................
317
7.5 สภาพปญั หาของการนิเทศการศึกษาในปัจจบุ ัน
ปญั หาของการนิเทศการศกึ ษาที่พบอยู่ในปัจจบุ ัน สรุปได้ดังน้ี
1. ปัญหาด้านขาดการดำเนินการนิเทศอย่างเป็นระบบ ซึ่งการนิเทศในปัจจุบันยัง
ไมใ่ ห้ความสำคญั กับการดำเนินงานที่เปน็ ระบบและตอ่ เนื่อง ซึ่งนบั ว่าเป็นเร่อื งที่สำคญั มาก โดย
การดำเนินการนิเทศอย่างเป็นระบบ นั้นต้องมีลำดับขั้นตอนที่ชัดเจน อันประกอบด้วย การ
วางแผนการนิเทศ (Plan) ปฏิบัติการนิเทศ (Do) ตรวจสอบและประเมินผลการนิเทศ (Check)
ปรับปรุงแก้ไข (Act) จึงจะทำให้การนิเทศเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
แต่จากสภาพบริบทการนิเทศที่พบในประเทศไทยนั้น มักเกิดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ ขาดระบบ
ทีช่ ัดเจน ขาดการประเมินผลการนิเทศที่เป็นรปู ธรรมและไม่มีความต่อเนื่องซึ่งโดยหลักการของ
การนิเทศแล้ว ทั้งผู้บริหาร ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศตลอดจนทุก ๆ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
จำเป็นต้องรู้และรับทราบข้อมูลกระบวนการนิเทศทั้งระบบต้ังแต่ต้นจนจบ เพราะโดยส่วนมาก
แล้วผู้ที่เกี่ยวข้องกับการนิเทศมักจะรับทราบเฉพาะแต่นโยบายการดำเนินการนิเทศในครั้งแรก
และผลการประเมินการนิเทศเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนในครั้งสุดท้ายเท่าน้ัน ทำให้ขาดการ
กระบวนการการมีส่วนร่วมระหว่างการดำเนินการนิเทศ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การ
ขับเคลือ่ นการนิเทศเกิดความตอ่ เนื่องในการพัฒนา และส่งผลถึงการทบทวน ปรับปรุง แก้ไขใน
ทกุ ๆ ช่วงของการนเิ ทศที่ตอ้ งดำเนนิ การร่วมกัน
2. ปัญหาด้านการสนับสนุนการนิเทศการศึกษายังมีนอ้ ย ผู้บริหารสถานศึกษาบาง
แห่งไม่เห็นความสำคัญของการนิเทศอยา่ งจริงจงั จึงทำใหน้ ำมาสู่การปฏิบัติจริงในชั้นเรียนน้อย
หรอื บางแห่งแทบจะไม่มีการนิเทศ เพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนปรากฏในสถานศึกษา
นั้นเลย โดยเฉพาะสถานศึกษาที่ขาดทรัพยากรบุคคลที่มีความรู้ ความชำนาญในการนิเทศ
ภายในสถานศึกษา และบางแห่งที่มีการนิเทศก็ดำเนินไปตามแบบอย่างที่ตนเองเข้าใจ ขาดการ
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลสำคัญระหว่างเพื่อนร่วมวิชาชีพเพื่อนำไปสู่การนิเทศเพื่อพัฒนาการ
เรียนการสอนอย่างแท้จรงิ
3. ปัญหาด้านตัวบุคคล โดยเฉพาะผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ เนื่องจากกระบวนการ
ของการพัฒนาครูหรือผู้รับการนิเทศจำเป็นต้องอาศัย ผู้มีความเชี่ยวชาญในการส่งเสริมและ
ช่วยในการพัฒนาการเรียนการสอน ดังนั้นการนิเทศการศึกษาที่มีการดำเนินการอย่างเป็น
ระบบนั้น “ระบบพี่เลีย้ ง” (Mentoring) จึงมีความสำคัญมาก ดังน้ันพี่เลี้ยง (Mentor) จึงเป็นบคุ คล
สำคัญดังเช่น เฉลิมชัย พันธ์เลิศ (2558 : 65) ได้กล่าวถึง พี่เลี้ยงว่าทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ
ทางวิชาการแก่ครู ส่งเสริมครูให้พัฒนาการเรียนการสอนได้อย่างต่อเนื่อง จัดเป็นกระบวนการ
หนึ่งที่ใช้ในการพัฒนาครูโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School-based training) ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งที่
สำคญั มากทั้งการพฒั นาในชว่ งที่เป็นนักศึกษาครู (Pre-service) ได้แก่ การเปน็ ครูพีเ่ ลยี้ งในการ
318
ฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู และในช่วงที่เป็นการพัฒนาครูประจำการ (In-service training)
สำหรับประเทศไทย ยังไม่มีระบบพี่เลี้ยงในสถานศึกษาสำหรับครูประจำการอย่างเต็มรูปแบบ
อย่างไรก็ตามบริบทโรงเรียนของไทย มีการดำเนินการเร่ืองพี่เลี้ยงมีทั้งแบบเป็นทางการและไม่
เป็นทางการ ดังน้ี (เฉลิมชยั พันธ์เลิศ, 2558 : 67-68)
3.1 การเป็นพี่เลี้ยงแบบไม่เป็นทางการ ได้แก่ การที่มีครูผู้มีประสบการณ์ใน
การสอนให้คำแนะนำแก่ครูใหม่ ครูที่มีความชำนาญการในการจัดการเรียน ให้คำแนะนำด้าน
การสอนแก่ครูในโรงเรียนซึ่งต่อมารัฐมีการสนับสนุนให้พัฒนาให้เป็นระบบมากขึ้น เป็นครู
ต้นแบบหรือ master teachers ที่เป็นแบบอย่างหรือให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการแก่ครูใน
สถานศกึ ษา หรอื ขยายไปสกู่ ารดแู ลในลักษณะของกล่มุ โรงเรยี น
3.2 การเป็นพี่เลี้ยงแบบเป็นทางการ นอกจากมีระบบครูพี่เลี้ยงสำหรับ
นกั ศึกษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชีพครแู ล้ว ในส่วนของแต่ละสถานศึกษา โดยเฉพาะสถานศึกษาที่
มีขนาดใหญ่มีระบบการบริหารวิชาการที่ซับซ้อน อาจมีผู้นำหน้าที่กึ่งผู้นำหรือพี่เลี้ยงทาง
วิชาการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการศึกษาด้วย เช่น การมีหัวหน้าหมวดวิชา หัวหน้า
สายชั้น ทำหน้าที่ดูแลและให้คำแนะนำด้านการจดั การเรียนการสอน รวมท้ังบริหารงานวิชาการ
ในส่วนที่รับผิดชอบด้วย อย่างไรก็ตามก็ยังขาดระบบการพัฒนาทักษะและความรู้พื้นฐานของ
ความเป็นพี่เลี้ยงให้แก่พี่เลี้ยงเหล่าน้ัน ยังคงเป็นเพียงการมอบหมายหน้าที่ให้ดำเนินการเท่าน้ัน
ซึ่งถือเป็นต้นทุนทีด่ ีของสังคมไทยทีค่ วรมกี ารตอ่ ยอดใหเ้ ป็นระบบมากขึ้น
4. ปัญหาด้านขาดการวิเคราะห์ความต้องการในการนิเทศอย่างแท้จริง ซึ่งการ
พัฒนาการศึกษาส่วนมากมักเป็นไปตามกระแสสังคมที่เกิดขึ้น โดยขาดการวิเคราะห์ให้เหมาะ
กับสภาพบริบทของโรงเรียนและผเู้ รียนของตนเอง เชน่ ทำตามโรงเรยี นขนาดใหญ่ หรอื โรงเรยี น
ที่มีชื่อเสียงโดยขาดการวิเคราะห์ถึงความต้องการของผู้เรียนและความพร้อมในด้านทรัพยากร
ตา่ ง ๆ ทีม่ แี ตกตา่ งกนั เปน็ ต้น
5. ปญั หาด้านขาดการนำผลการประเมินการนิเทศการสอนของครูมาแลกเปลี่ยน
เรียนรู้ ในเครือข่ายทางวิชาการ ซึ่งส่วนมากมักเป็นเพียงการนำเสนอผลงานและชิ้นงานของ
นักเรียน แต่ขาดการนำเสนอว่าผลการสอนของครูที่นำมาซึ่งการให้ได้ชิ้นงานของนักเรียนนั้น
ต้องปฏิบัติการสอนอย่างไร มีการถอดบทเรียนเพื่อเป็นแนวทางให้ครูที่สนใจได้เสวนาร่วมกัน
ซักถามอภิปรายและแลกเปลี่ยนความรู้ที่ผ่านจากประสบการณ์การสอนจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่มี
คณุ คา่ และเกิดประโยชนม์ าก
จากปัญหาที่ได้กล่าวมาข้างต้นน้ัน เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาด้านการนิเทศการศึกษาที่
เกิดขึ้นในสภาวการณ์ปัจจุบนั อย่างไรก็ตามเมื่อผนู้ ำของสถานศึกษาได้ทราบถึงปัญหาดังกล่าว
แล้ว ควรนำมาพิจารณาและสร้างความตระหนกั เพื่อป้องกันไม่ให้ปญั หาดังกลา่ วเกิดข้ึนตามมา
319
ในภายหลัง อาจกระทำได้โดยอาศัยความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย มีประชุม
ปรึกษาหารือร่วมกัน เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก่อนที่จะปฏิบัติการเพื่อลดความเสี่ยงในความ
ผดิ พลาดที่เกิดข้ึน
7.6 แนวโน้มของการนิเทศการศึกษาในอนาคต มีดังน้ี
1. การนิเทศการศึกษาจากที่เคยพึ่งพาจากผู้เชี่ยวชาญภายนอก เช่น ศึกษานิเทศก์
อาจารย์นิเทศจากมหาวิทยาลัยหรือบุคคลภายนอกอาจเปลี่ยนแปลงไป โดยสถานศึกษาต่าง ๆ
หันมามุ่งเน้นการพึ่งพา ช่วยเหลือโดยบุคลากรภายในสถานศึกษาของตนเองมากขึ้น ซึ่งเป็น
ลักษณะของการนิเทศภายในสถานศกึ ษานนั่ เอง
2. การนำเทคโนโลยีมาช่วยในการนิเทศมากขึ้น เช่น การนิเทศออนไลน์ ระบบวิดีโอ
ทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference) เนื่องจากเทคโนโลยีมีความทันสมัยมากขึ้น การ
สื่อสารด้วยวิธีดังกล่าวทำให้เกิดความสะดวกสบาย สามารถกระทำได้อย่างรวดเร็วและ
บ่อยครั้งเท่าที่ต้องการ ตลอดจนประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปสถานที่ที่จะดำเนินการ
นิเทศ อย่างไรก็ตามการนิเทศวิธีนี้ต้องคำนึงถึงความพร้อมของอุปกรณ์ สัญญาณเครอื ข่ายและ
ความพรอ้ มของบคุ คลทีจ่ ะใช้เทคโนโลยีดังกลา่ วด้วย
3. ผบู้ ริหารสถานศึกษาที่โดดเดน่ จะมีลักษณะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการ
เป็นผู้นำทางการศึกษา คอยให้การดูแล สนับสนุน ติดตามประเมินผลการนิเทศด้านการเรียน
การสอน โดยอาศยั ความรว่ มมอื จากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
4. การประเมินผลการนิเทศจะมีลักษณะเป็นการประเมินแบบ 360 องศา นั่นคือเป็น
การประเมินการนิเทศที่มีลักษณะที่ครบวงจร ซึ่งพิสณุ ฟองศรี (2554 : 111) ได้กล่าวไว้ว่า เป็น
การประเมินที่อาศัยผู้ที่เกี่ยวข้องที่ทราบข้อมูลการปฏิบัติงานของบุคคลตามตำแหน่งเป้าหมาย
เช่น ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน หัวหน้างานผู้บังคับบัญชาที่สูงกว่าหัวหน้าโดยตรงอีก 1
ระดับ เป็นต้น ร่วมกันให้ข้อมูลในการประเมินผลการนิเทศ ดังนั้นการประเมินการนิเทศแบบ
360 องศาจึงเป็นการประเมินที่ต้องอาศัยสารสนเทศของข้อมูลย้อนกลับจากผู้ประเมินที่
หลากหลาย ตลอดจนเป็นการประเมินที่ให้ความสำคัญกับการประเมินท้ังจากล่างขึ้นบน
(Upward Evaluation) และจากบนลงล่าง (Down Ward Evaluation) ซึ่งเป็นการประเมินผลการ
นิเทศที่ได้ข้อมูลย้อนกลับจากผู้ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน (Full Circle Feedback) ในกรณีที่นำมาใช้
ประเมินการสอนของครู จะมีผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตั้งแต่ผู้สอนเอง นักเรียน เพื่อนร่วมงาน
ผบู้ ังคบั บญั ชาระดบั ตา่ ง ๆ จะมีส่วนร่วมในการประเมนิ การนเิ ทศการสอนดว้ ย
5. ผู้นิเทศมุ่งส่งเสริมให้ผู้รับการนิเทศเกิดการเรียนรู้ด้วยวิธีชี้นำตนเองมากขึ้น การ
เรียนรู้ดว้ ยตนเองของครเู ป็นความสามารถริเริม่ และชีน้ ำตนเองในการสอนได้ เนือ่ งจากผู้นเิ ทศ
320
สง่ เสริมให้ครูได้มีส่วนร่วมในการวางแผนการสอน ตามความถนัดและความสนใจโดยครจู ะเป็น
ผู้ตั้งเกณฑ์มาตรฐานที่ให้ตนบรรลุได้ การสอนเน้นการสาธิตให้ดู การสอนเป็นลักษณะของการ
หาวิธีเรียนที่ดีที่สุด มีอิสระในการทำงาน และผู้สอนเป็นผู้จัดการสมัยใหม่ (จินตนา สุจจนันท์,
2554 : 342)
6. เน่ืองจากมีนวัตกรรมทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับครู และครูทุกคนควรจำเป็นต้อง
ทราบคือ การสร้างชุมชนเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) ซึ่ง
หมายถึง Community of Practice (CoP) ในการทำหน้าที่ครู ดังนั้น ผู้นิเทศต้องเป็นผู้นำในการ
สร้างชมุ ชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โดยใหค้ รูหรือผู้รับการนิเทศได้ร่วมกิจกรรมการดำเนินการใน
ลกั ษณะดังตอ่ ไปนี้
6.1 ครู หรือผู้รับการนิเทศทุกคนในวงได้เล่าเร่ืองของตนเอง (Story Telling)
โดยให้ครู หรอื ผรู้ บั การนเิ ทศได้เล่าเรื่องหรอื ประสบการณ์การสอนของตนเองให้เพือ่ นครูฟัง ซึ่ง
อาจเป็นการเล่าถึงการนำเทคนิคการสอนที่ตนเองนำมาใช้สอนในห้องเรียน เช่น การสอนแบบ
BBL (Brain Based Learning) การสอนแบบโครงงาน (Project Work) เป็นต้น รวมถึงความสำเร็จ
และปัญหาอุปสรรคที่พบจากการสอนของตนเอง ตลอดจนความภาคภูมิใจที่เกิดขึ้นขณะสอน
ซึ่งเป็นการพูดถึงประสบการณ์จากการปฏิบัติงานล้วน ๆ โดยไม่ยึดกรอบของหลักการและ
ทฤษฎี
6.2 ครู หรือผู้รับการนิเทศ น่ังฟังครูผู้พูดแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วยความ
ต้ังใจ (Deep Listening) โดยคิดตามและทำความเข้าใจในสิ่งที่ครูผู้พูดได้สื่อสารและสื่อ
ความหมาย จนผู้ฟังเข้าใจเจตนาของผู้เล่า ซึ่งอาจเปลีย่ นวิธีคิดของตนเองตามที่ผเู้ ล่าได้ตั้งใจสื่อ
ความหมาย โดยเฉพาะหากเร่ืองที่เล่าตรงกับสภาพที่เกิดขึ้นในห้องเรียนหรือตรงกับใจของครู
ผฟู้ ัง
6.3 ครู หรือผู้รับการนิเทศได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตนเอง (Sharing)
โดยไม่มีการวิพากษ์ วิจารณ์ ความคิดเห็นของเพื่อนครู แต่เปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยน
ประสบการณอ์ ย่างเทา่ เทียมกนั ในลักษณะเช่นนจี้ ะไม่ปิดกั้นความคิดเห็นของครแู ต่ละคน แตใ่ ห้
ครูทุกคนในวงได้กล่าวถึงประสบการณ์ของตนเองอย่างเต็มที่โดยมีอิสระทางความคิด และไม่มี
การชีน้ ำความคิดของตนให้แกค่ รคู นอื่น แตน่ ำเสนอข้อมูลที่ค้นพบจากประสบการณ์จริงของตน
6.4 ครู หรือผู้รับการนิเทศได้สะท้อนการเรียนรู้ (Reflection) ของตนเองว่าได้
เรียนรู้อะไรจากสิ่งที่ตนได้เล่าให้กับเพื่อนครูฟัง ซึ่งเป็นการคิดทบทวนจากการพูดของตนว่าได้
เรียนรู้อะไรจากสิ่งที่ได้กระทำนั่นเอง การพูดดังกล่าวทำให้สมองได้จัดลำดับทางความคิดโดย
ผ่านการวิเคราะห์ภายในตน และหากครูหรือผู้รับการนิเทศได้นำความรู้ที่มีอยู่ในตนแสดง
ออกมาในรูปของการเขียนก็จะเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงที่มาจากขุมทรัพย์ในตนอันก่อให้เกิด
การจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM) ต่อไป
321
นอกจากนี้ จากการศกึ ษากระบวนการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 พบวา่ การนิเทศ
การศึกษานั้นมีความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนทัศน์ใหม่ของการสอนและการเรียนรู้ แสดงได้ดัง
ตารางตอ่ ไปนี้
ตารางท่ี 7.2 แสดงความสัมพนั ธร์ ะหว่างกระบวนทศั น์ใหมข่ องการสอน การเรียนรู้และการ
นิเทศการศกึ ษา (พัฒนามาจาก พิมพนั ธ์ เดชะคปุ ต์ และพเยาว์ ยินดีสุข, 2557 : 45-47)
กระบวนทัศน์ใหม่ กระบวนทัศน์ใหม่ กระบวนทัศน์ใหมก่ ารนิเทศ
ของการสอน ของการเรียนรู้ การศึกษา
1. การเรียนรเู้ พื่อสนอง
1. การเรียนร้เู พือ่ สนอง ความตอ้ งการของผู้เรยี น 1. การนิเทศเพือ่ สนอง
ความต้องการของผ้เู รยี น เปน็ รายบุคคล ความต้องการของผรู้ บั การ
เป็นรายบคุ คล 1.1 ผเู้ รียนเป็นศูนย์กลาง นิเทศเป็นรายบุคคล
ของการเรยี นรู้
1.1 ครเู ปน็ ผู้อำนวยความ 1.1 ผนู้ ิเทศคอยเปน็ ผใู้ ห้
สะดวก ผู้สนบั สนนุ และเป็น คำแนะนำ ชว่ ยเหลือ ปรึกษา
พี่เลี้ยง หารอื มากกว่าการเป็นผู้บอก
หรอื ชนี้ ำ
1.2 ใช้หลากหลายรปู แบบ 1.2 เปน็ โปรแกรมเน้น
การสอน เพอื่ พัฒนาผเู้ รียน เอกตั บุคคล 1.2 ใช้รปู แบบการนเิ ทศ
ได้เต็มศักยภาพ ทีเ่ หมาะกบั วิธีการนเิ ทศที่
แตกตา่ งกันและมีความ
1.3 จุดเน้นคอื เรา้ ใจให้ 1.3 เปน็ การเรียนรดู้ ้วย ยืดหย่นุ
ผเู้ รียนอยากรู้ อยากเหน็ ตนเอง
เร้าใจ/ กระตุ้นความสนใจให้ 1.3 จุดเน้นคอื ให้ผู้รบั การ
คิดลงมอื ปฏิบัติ ส่ังสอน 1.4 การเรียนรู้เปน็ นิเทศ พัฒนาตนเองเพื่อให้
สำรวจ ตรวจค้นและเรียนรู้ กระบวนการสืบค้น และ เกิดความสงา่ งามในวิชาชีพ
เปน็ การค้นพบด้วยตนเอง และพัฒนาคุณภาพการ
1.4 การสอนเป็น จัดการเรยี นรู้ให้ดีขนึ้
กระบวนการของการริเร่ิม
อำนวยความสะดวกและให้ 1.4 การนเิ ทศเป็น
ผเู้ รียนเรียนรู้ดว้ ยตวั เอง กระบวนการเชิงระบบที่ครู
และค้นพบความสามารถ ผรู้ ับการนเิ ทศสามารถพัฒนา
ที่สมบรู ณด์ ้วยตนเอง ตนเองได้ในทกุ ๆ ขนั้ ตอนโดย
มีผู้นเิ ทศคอยดูแล ให้คำ
แนะนำอยา่ งใกล้ชิด
322
กระบวนทัศน์ใหม่ กระบวนทัศน์ใหม่ กระบวนทัศนใ์ หม่การนิเทศ
การศึกษา
ของการสอน ของการเรียนรู้
1.5 เน้นการมสี ว่ นรว่ มของ
1.5 การสอนคือ การร่วม 1.5 เน้น “จะเรียนอยา่ งไร” ทุกฝ่ายที่เกีย่ วข้อง
กันอยา่ งเป็นสขุ ในการใช้ “คดิ ” และ“สร้างสรรค์” 1.6 การนเิ ทศที่ดีตอ้ งอยู่บน
พืน้ ฐานของวัฒนธรรมองค์กร
กระบวนการแลว้ ทำให้เกิด ที่ดงี าม และความพร้อมของ
ครูผรู้ บั การนเิ ทศ
ผลการเรียนรู้โดยผเู้ รียน
2. การนิเทศการศึกษาที่
1.6 การสอนเป็นกระบวน 1.6 เรียนรดู้ ้วยความสนกุ เนน้ ท้องถน่ิ และเน้นความ
เปน็ สากล
การเรียนตลอดชีวติ และหมาย สนาน และได้รบั รางวลั ไป
2.1 มีการนำเทคโนโลยีการ
รวมถึง การค้นพบอยู่เสมอ ในตัว สื่อสารมาใช้ในการนเิ ทศ
เพือ่ ให้สามารถเข้าถึงได้ทุกที่
การทดลอง การค้นพบ ทุกเวลา โดยนำการนิเทศ
ออนไลน์ นิเทศทางไกลมา
ความสามารถ หรอื ศักยภาพ ใช้มากขึ้น
ตนเอง การสะท้อนกลบั และ 2.2 มีเครอื ข่ายการนิเทศทั้ง
จดั ตงั้ เปน็ หนว่ ยงานและ
การพฒั นาอาชีพ องค์กรการนเิ ทศอย่าง
แพรห่ ลาย ปัจจุบนั นิยมมาก
2. การเรียนรู้ท่เี น้นทอ้ งถ่ิน 2. การเรียนรู้ทเ่ี น้นทอ้ งถ่ิน โดยเผยแพร่ผ่านทางเวบ็ ไซด์
และเนน้ ความเปน็ สากล และเน้นความเป็นสากล 2.3 การนเิ ทศจะเกิดข้ึน
และสำเร็จด้วยดี หากเปน็
2.1 มีแหลง่ เรียนรู้ 2.1 มีแหล่งเรียนรู้ ความตอ้ งการที่เริ่มต้นจากตวั
หลากหลายท้ังในและนอก หลากหลายทั้งในและนอก ผรู้ ับการนเิ ทศอย่างแท้จริง
โรงเรียน ในท้องถิน่ ในชุมชน โรงเรียน ในท้องถิ่น ในชุมชน
และในจังหวดั และในจังหวัด
2.2 เป็นการสอนที่เน้น 2.2 การเรียนรู้เนน้ กลมุ่ /
กลุ่มหรอื ทีมและการสร้าง ทีม และการสร้างเครือข่าย
เครือขา่ ย
2.3 เป็นการสอนทีเ่ น้นจาก 2.3 การเรียนรู้เกิดได้ทกุ
หอ้ งเรียนสโู่ ลกภายนอก เวลา ทุกสถานที่ และเปน็
การเรียนรทู้ ี่ยั่งยืน
323
กระบวนทัศนใ์ หม่ กระบวนทัศน์ใหม่ กระบวนทัศนใ์ หม่การนิเทศ
ของการสอน ของการเรียนรู้
2.4 ให้โอกาสการเรียนรู้ การศึกษา
2.4 เป็นการสอนที่เปิด อยา่ งสม่ำเสมอ 2.4 เปน็ การนเิ ทศทีใ่ ห้
โอกาสแกผ่ เู้ รียนอย่างไม่ โอกาสแกค่ รูทีม่ คี วาม
จำกัดเวลาและสถานที่ สามารถทีแ่ ตกตา่ งกัน และ
ความตอ้ งการในการพฒั นา
2.5 เปน็ การสอนทีท่ ำให้ 2.5 การเรียนรู้ที่เน้น ทีแ่ ตกต่างกนั เช่น ครใู หม่
ผเู้ รียนมีส่วนรว่ มในการ จากชั้นเรยี นสโู่ ลกภายนอก 2.5 เปน็ การนเิ ทศที่
พฒั นาชุมชนโลก รว่ มกับ ส่งเสริมให้ครจู ัดการเรียนรู้ที่
กระบวนการกล่มุ เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั และจัด
การเรียนรใู้ นศตวรรษที่ 21
2.6 เน้นการสร้างเครือข่าย 2.6 เปน็ การเรียนรทู้ ี่เน้น 2.6 เน้นการสร้างเครือข่าย
ของครูโรงเรียนออกสู่โลก ทั้งชมุ ชนและความเปน็ สากล การนเิ ทศ มีการแลกเปลี่ยน
ภายนอก เรียนรู้ท้ังในระดับชุมชน
ประเทศชาติ อาเซียนและ
โลกมากขึ้น
จากตารางดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า การนิเทศการเรียนการสอนมีความสัมพันธ์กับ
กระบวนทัศน์ใหม่ของการสอน และกระบวนทัศน์ใหม่ของการเรียนรู้ ซึ่งการนิเทศการศึกษา
จำเป็นต้องศึกษาทิศทางของการสอนในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร และให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
อย่างไร เช่น ในปัจจุบันมุ่งเน้นให้ครูนำไปสู่การพัฒนาการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 และ
การเตรียมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ดังนั้นการนิเทศต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เป็นไป
ตามเป้าหมายเดียวกนั โดยม่งุ ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะและสามารถปรับตนใหด้ ำรงชีวิต
ในสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป การศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการ
นิเทศการศึกษาจึงเปน็ เรื่องที่มปี ระโยชน์สำหรบั ผนู้ ิเทศและผู้รบั การนิเทศ ตลอดจนผู้ที่เกีย่ วข้อง
ทุกคน หากได้นำผลการวิจัยมาพิจารณาและประยุกต์ใช้ในงานก็จะเกิดคุณค่ามากขึ้น ทั้งนี้
งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการนิเทศการศึกษามีอยู่จำนวนมาก ซึ่งในที่นี้ได้นำเสนอตัวอย่างเพื่อใช้
เป็นแนวทางในการศกึ ษา ดงั ทีจ่ ะได้กล่าวในหวั ข้อต่อไปนี้
324
7.7 ตัวอยา่ งงานวิจยั ท่เี กีย่ วขอ้ งกบั การนิเทศการศึกษา
เรือ่ ง/ ผวู้ จิ ยั วัตถปุ ระสงค์ ลักษณะการวิจัย ผลการวิจัย
การวิจยั / ประชากร/
1.การนิเทศภายในของ กล่มุ ตวั อย่าง การนิเทศภายในของ
สถานศึกษาเอกชน อำเภอ 1. เพือ่ ศึกษาการนิเทศภายใน สถานศึกษาเอกชนอำเภอ
สัตหีบ สงั กดั สำนกั งานเขต ของสถานศึกษาเอกชน ลักษณะการวิจัย : สตั หีบ สงั กัดสำนกั งานเขต
พืน้ ทีก่ ารศกึ ษาชลบรุ ี เขต 3 อำเภอสตั หีบ สงั กดั พืน้ ทีก่ ารศกึ ษาชลบรุ ี เขต 3
สำนกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษา เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ ในภาพรวมและรายด้านอยู่
ผู้วจิ ัย : ชลบุรี เขต 3 ในระดบั มากทุกดา้ น เมื่อ
สรุ ยี ์ บญุ วงษ์ (2551) (Survey Research) เปรียบเทียบรายด้าน พบว่า
2. เพือ่ เปรียบเทียบการนิเทศ ครสู ถานศึกษาเอกชนทมี่ ี
ภายในของสถานศกึ ษา กลุม่ ตัวอย่าง : ประสบการณ์ทำงานตา่ งกนั
เอกชน อำเภอสัตหีบ สงั กัด มีความคิดเหน็ เกีย่ วกบั การ
สำนักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษา ครทู ีป่ ฏิบัตหิ น้าทีใ่ น นิเทศภายในสถานศึกษา
ชลบุรี เขต 3.จำแนกตาม สถานศึกษา เอกชน อำเภอ เอกชน ด้านการแต่งตงั้
สถานภาพของครู ได้แก่ สตั หีบ สงั กดั สำนกั งานเขต คณะกรรมการนิเทศภายใน
เพศ อายุ ระดับการศึกษา พนื้ ที่การศกึ ษาชลบุรี เขต 3 ด้านการเตรยี มการด้าน
และประสบการณ์ทำงาน จำนวน 220 คน ตา่ ง ๆ ก่อนปฏิบัตกิ ารนิเทศ
ภายใน ด้านการปฏิบัติการ
นิเทศภายในโรงเรียน และ
ด้านการประเมินผลการ
นิเทศภายในโรงเรียน
แตกตา่ งกนั อย่างมีนัยสำคญั
ทางสถิตทิ ี่ระดบั .05 นอกนั้น
ไม่แตกต่างกนั
2.การพัฒนารปู แบบการ 1.เพือ่ ศึกษาความต้องการ ลกั ษณะการวิจัย : 1.รปู แบบการนิเทศการ
นิเทศการจัดการเรียนการ การนิเทศการจดั การเรียน จัดการเรียนการสอนใน
สอน ในสถานศึกษาระดบั การสอน ในสถานศึกษา เป็นการวิจยั เชิงทดลอง สถานศึกษาระดบั การศึกษา
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ระดบั การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ข้ันพ้ืนฐาน ประกอบด้วย
2.เพือ่ สรา้ งรูปแบบการนิเทศ (Experimental Research) ประเดน็ หลัก 7 ด้าน 23
ผู้วจิ ยั : การจัดการเรียนการสอน ใน ประเดน็ ยอ่ ย
สถานศึกษาระดบั การศึกษา กลมุ่ ตัวอย่าง : 2.รปู แบบการนิเทศการ
สุภาภรณ์ กิตติรชั ดานนท์ ข้ันพ้ืนฐาน จัดการเรียนการสอนใน
และคณะ (2551) 3.เพื่อทดลองใชร้ ปู แบบการ -ขั้นศกึ ษาความต้องการการ สถานศึกษาระดบั การศึกษา
นิเทศการจดั การเรียนการ นิเทศฯ ผู้บริหารสถานศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน เมื่อนำไปใชจ้ ริง
สอน ในสถานศึกษาระดบั จำนวน 240 คน ครูผู้สอน พบว่าผู้บริหารสถานศึกษา
จำนวน 480 คน
325
เรื่อง/ ผู้วจิ ยั วัตถปุ ระสงค์ ลักษณะการวิจยั ผลการวิจัย
การวิจัย / ประชากร/ และครผู ู้สอนสามารถปฏิบตั ิ
ตามรูปแบบทกี่ ำหนดไวใ้ น
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กลมุ่ ตวั อยา่ ง รปู แบบ ไดอ้ ยา่ งเปน็ รปู ธรรม
4.เพื่อประเมินรูปแบบการ ผู้บริหารสถานศึกษาและ
นิเทศการจัดการเรียนการ -ข้ันการสรา้ งรูปแบบการ ครูผู้สอนมีความพงึ พอใจ
สอน ในสถานศึกษาระดบั นิเทศฯ ผเู้ ชีย่ วชาญจำนวน 3.รูปแบบการนิเทศการ
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน 13 คน จัดการเรียนการสอนใน
-ข้ันการใชร้ ปู แบบการ สถานศึกษาระดบั การศึกษา
นิเทศฯ เป็นการศึกษา ขั้นพ้ืนฐานทีพ่ ฒั นาขนึ้ มคี วาม
เชิงคณุ ภาพจากสถานศกึ ษา เหมาะสม ความเปน็ ไปได้
ระดบั การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ความเปน็ ประโยชนแ์ ละความ
จำนวน 1 แห่ง ถูกต้อง อยู่ในระดบั มาก
-ขั้นการประเมินรูปแบบ
บคุ ลากรที่ใชร้ ูปแบบการ
นิเทศฯ ในขั้นที่ 3 จำนวน
46 คน ผู้บริหาร 1 คน
ครผู ู้สอน 45 คน
3. การปฏิบตั ิงานตาม 1. เพื่อศึกษาการปฏิบัติงาน ลักษณะการวิจัย : การปฏิบตั ิงานตาม
กระบวนการนิเทศการศึกษา ตามกระบวนการนิเทศ กระบวนการนิเทศการศึกษา
ภายในของผู้นเิ ทศในโรงเรียน การศึกษาภายในของผู้นเิ ทศ เป็นการวิจยั เชิงสำรวจ ภายในของผู้นเิ ทศในโรงเรียน
ในเครือข่ายบางกงุ้ จงั หวดั ในโรงเรียนในเครือข่ายบาง ในเครือขา่ ยบางกงุ้ จงั หวัด
สุราษฎรธ์ านี กุ้ง จังหวดั สุราษฎรธ์ านี 5 (Survey Research) สุราษฎร์ธานี โดยรวมปฏิบตั ิ
ด้าน ได้แก่ การสำรวจความ อยใู่ นระดับปานกลาง โดย
ผู้วจิ ยั : ต้องการจำเป็นของโรงเรียน กล่มุ ตวั อยา่ ง : การประเมินผลการนิเทศมี
การวางแผนการนิเทศ ประกอบด้วยผู้บริหาร คา่ เฉลี่ยสงู ที่สุด เมื่อจำแนก
โสภณ ทองจิตร (2553) การดำเนินการนิเทศ สถานศึกษาจำนวน 15 คน ตามตำแหนง่ ประสบการณ์
การประเมินผลการนิเทศ รองผู้บริหารจำนวน 25 คน ในการทำงาน และขนาด
และการปรับปรงุ แก้ไข และหัวหน้ากลมุ่ สาระจำนวน โรงเรียนโดยรวมไมแ่ ตกต่าง
2. เพื่อเปรียบเทียบการ 80 คน หัวหน้าฝ่ายหรือ กนั อย่างมีนยั สำคญั ทาง
ปฏิบัติงานตามกระบวนการ หัวหน้างานจำนวน 15 คน สถิตทิ ีร่ ะดบั .05
นิเทศการศึกษาภายในของผู้ รวมท้ังสิ้นจำนวน 135 คน
นิเทศในโรงเรียนในเครือข่าย
บางกงุ้ จงั หวัดสรุ าษฎรธ์ านี
5 ด้าน ได้แก่ การสำรวจ
ความต้องการจำเปน็ ของ
โรงเรียน การวางแผนการ
นิเทศ การดำเนินการนิเทศ
การประเมินผลการนิเทศ
และการปรับปรุงแก้ไข
326
เรื่อง/ ผ้วู จิ ัย วตั ถุประสงค์ ลกั ษณะการวิจัย ผลการวิจัย
/ ประชากร/
4. ความต้องการการนิเทศ การวิจยั กลมุ่ ตัวอย่าง ความต้องการการนิเทศ
การสอนของครเู ครือขา่ ย การสอนของครูเครือข่าย
โรงเรียนอสั สมั ชญั แผนก เพือ่ ศึกษาความต้องการ ลกั ษณะการวิจยั : โรงเรียนอัสสมั ชัญแผนก
ประถม การนิเทศการสอนของครู ประถมภาพรวมมคี วาม
เครือขา่ ยโรงเรียนอัสสัมชญั เปน็ การวิจัยเชิงสำรวจ ต้องการอย่ใู นระดบั มาก
ผู้วจิ ัย : แผนกประถม และความต้องการ การนิเทศ
วราภรณ์ แสงพลสิทธิ์ (Survey Research) แตล่ ะด้านอยู่ในระดับมาก
(2554) เช่นกนั ได้แก่ ด้านการพัฒนา
กลมุ่ ตัวอย่าง : หลกั สูตร ด้านการจดั การ
เรียนการสอน ด้านสือ่ การ
ครูเครือขา่ ยโรงเรียน เรียนการสอน ด้านการวดั
อสั สัมชัญแผนกประถม และประเมินผล และด้านการ
พัฒนาบคุ ลากรการสอน
จำนวน 66 คน
5. การนิเทศแบบแบบชแี้ นะ 1. เพือ่ ใชร้ ปู แบบการนิเทศ ลักษณะการวิจยั : 1.โรงเรียนบ้านคำข่า มกี าร
สะท้อนคิดเพื่อพัฒนาการ แบบชีแ้ นะสะท้อนคิด บรหิ ารจดั การและจัดการ
จดั การเรียนรู้แบบคละชั้นใน (Reflective Coaching) เปน็ การวิจยั เชิงคุณภาพ เรียนรู้แบบคละชั้นได้เตม็
โรงเรียนบ้านคำขา่ ในการพฒั นาการจดั การ รปู แบบ โรงเรียนจดั สภาพ
สังกัดสำนักงานเขตพืน้ ที่ เรียนรู้แบบคละช้ันของครู (Qualitative Research) แวดล้อมเอ้ือต่อจดั การ
การศึกษาประถมศกึ ษา ในโรงเรียนบ้านคำขา่ สังกดั เรียนรู้แบบคละช้ัน และได้รับ
อบุ ลราชธานี เขต 2 สำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษา กลุม่ เป้าหมาย : การสนับสนนุ งบประมาณ
ประถมศึกษาอบุ ลราชธานี ไดแ้ ก่ ผู้บริหาร จำนวน 1 คน จากหน่วยงานราชการและ
ผู้วจิ ัย : เขต 2 ครู จำนวน 7 คน และ จากผู้ปกครอง ชมุ ชน
2. เพือ่ ศกึ ษาผลการจดั นักเรียน จำนวน 67 คน 2.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
จินตณ์ ธิป แก้วชณิ (2554) กิจกรรมการเรียนรู้แบบคละ โดยวิธีเลือกแบบเจาะจง แบบคละชั้นของครูใน
ช้ันของครูในโรงเรียนบ้าน (Purposive Sampling) จาก โรงเรียนบ้านคำข่าเป็นไป
คำข่า สงั กัดสำนักงานเขต โรงเรียนบ้านคำขา่ สังกดั ตามแผนการจัดการเรียนรู้
พนื้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษา สำนักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษา แบบคละชั้น มคี วามคิดเห็น
อุบลราชธานี เขต 2 ประถมศึกษาอุบลราชธานี ที่ดีตอ่ การนิเทศแบบชีแ้ นะ
เขต 2 สะท้อนคิด ครมู ีความ
พึงพอใจตอ่ การจดั กิจกรรม
การเรียนรู้แบบคละช้ัน
3.ผลที่เกิดกับผเู้ รียน ผลการ
ประเมินผลสัมฤทธกิ์ าร
ทดสอบระดบั ชาติขนั้ พืน้ ฐาน
(O-NET ) ชั้นประถมศกึ ษาปี
ที่ 6 ปีการศึกษา 2553
327
เรื่อง/ ผ้วู จิ ยั วัตถปุ ระสงค์ ลกั ษณะการวิจัย ผลการวิจยั
การวิจัย / ประชากร/
กลุม่ ตวั อย่าง พบว่าผู้เรียนมีผลสมั ฤทธิ์
เพิม่ ขนึ้ ทกุ รายวิชา
4.ผลการสนทนากล่มุ
ผู้ปกครองนกั เรียน พบวา่
ผู้ปกครองนักเรียนมีความ
พึงพอใจและความเข้าใจต่อ
การจดั การเรียนการสอน
แบบคละช้ัน ผู้ปกครอง
นกั เรียนให้การสนับสนุน
ชว่ ยเหลือการจัดสภาพ
แวดล้อมของโรงเรียน
6. ทักษะการนิเทศการศึกษา 1. เพือ่ ทราบทักษะการนิเทศ ลักษณะการวิจยั : 1. ทกั ษะการนิเทศการศึกษา
ของผู้บริหารกบั คุณลกั ษณะ การศึกษาของผู้บริหาร ของผู้บริหารสถานศกึ ษา
อันพึงประสงคข์ องผู้เรียน สถานศึกษาสังกัดเทศบาล เปน็ การวิจัยเชิงพรรณนา สงั กดั เทศบาล กลมุ่ การ
ในสถานศึกษาสงั กดั เทศบาล กลมุ่ การศึกษาท้องถิ่นที่ 1 ศึกษาท้องถิ่นที่ 1 โดย
กลมุ่ การศึกษาท้องถิ่นที่ 1 2. เพื่อทราบคุณลกั ษณะ (Descriptive Research) ภาพรวมอย่ใู นระดับมาก
อนั พึงประสงค์ของผู้เรียน เมือ่ พิจารณาเปน็ รายด้าน
ผู้วจิ ยั : ในสถานศึกษาสงั กดั เทศบาล ที่มีแผนแบบการวิจยั ที่มี พบว่าอย่ใู นระดับมาก
กลมุ่ การศึกษาท้องถิ่นที่ 1 ลักษณะเปน็ กลมุ่ ตวั อย่าง ทุกด้าน ได้แก่ ทกั ษะด้าน
พีรพฒั น์ รงุ่ เรือง (2554) 3. เพื่อทราบความสมั พนั ธ์ เดียว ศึกษาสภาวการณ์ การเปน็ ผู้นำ ทกั ษะด้านการ
ระหวา่ งทกั ษะการนิเทศ ไมม่ ีการทดลอง ประเมินผล ทกั ษะด้าน
การศึกษาของผู้บริหาร กระบวนการกลมุ่ ทักษะดา้ น
สถานศึกษากบั คุณลกั ษณะ the one shot, non- มนุษยส์ มั พนั ธ์ และทกั ษะ
อนั พึงประสงค์ของผู้เรียน experimental case ด้านการบริหารงานบคุ คล
ในสถานศึกษา สงั กดั study design) 2. คณุ ลกั ษณะอนั
เทศบาล กลมุ่ การศึกษา พึงประสงค์ของผู้เรียน
ท้องถิ่นที่ 1 กลมุ่ ตัวอยา่ ง : ในสถานศึกษา สงั กดั
จำนวน 38 โรงเรียน เทศบาล กลมุ่ การศึกษา
กำหนดให้ผู้ใหข้ ้อมลู ของ ท้องถิ่นที่ 1 โดยภาพรวมอยู่
แต่ละโรงเรียนจำนวน 6 คน ในระดบั มาก เมือ่ พิจารณา
ประกอบด้วยผู้อำนวยการ เปน็ รายด้านพบว่าอย่ใู น
สถานศึกษา 1 คน ระดบั มากทุกด้าน
รองผู้อำนวยการสถานศึกษา 3. ทักษะการนิเทศการศึกษา
1 คน หัวหน้ากล่มุ สาระ ของผู้บริหารสถานศกึ ษากับ
2 คน และครู 2 คน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
รวมผใู้ ห้ข้อมูล 228 คน ของผู้เรียน ในสถานศึกษา
328
เรือ่ ง/ ผ้วู จิ ัย วัตถุประสงค์ ลกั ษณะการวิจัย ผลการวิจยั
การวิจยั / ประชากร/
กลุม่ ตัวอย่าง สงั กัดเทศบาลกล่มุ การศึกษา
ท้องถิ่นที่ 1 พบวา่ โดยรวมมี
ความสัมพนั ธก์ ันทกุ ด้าน
7. การพัฒนารปู แบบการ เพื่อพัฒนารปู แบบการนิเทศ ลักษณะการวิจัย : รูปแบบการนิเทศภายใน
นิเทศภายในโรงเรียนสังกัด ภายในโรงเรียนสงั กัด โรงเรียนสังกัดสำนกั งานเขต
สำนักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษา สำนกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษา เปน็ การวิจยั และพัฒนา พนื้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษา
ประถมศึกษาแม่ฮอ่ งสอน ประถมศึกษาแม่ฮอ่ งสอน แม่ฮ่องสอน เขต 1 ไดร้ ูปแบบ
เขต 1 เขต 1 (Research and การดำเนินงาน 4 ขั้นตอน มี
Development : R&D) จำนวน 24 กิจกรรม
ผู้วจิ ัย : ประกอบด้วยข้ันตอนที่ 1
กลมุ่ ตวั อยา่ ง : การวางแผนการนิเทศ
ชฎาภรณ์ ไชยยา (2556) 1. เอกสาร ตำราและงานวิจยั ภายในโรงเรียน มีจำนวน
ทีเ่ กีย่ วกบั การพัฒนารูปแบบ 8 กิจกรรม
จำนวน 109 เล่ม ขั้นตอนที่ 2 การปฏบิ ัติการ
2. ผู้บริหารโรงเรียน ครู นิเทศภายในโรงเรียน มี
ผู้รับผดิ ชอบด้านการนิเทศ จำนวน 5 กิจกรรม
ภายในโรงเรียนหรือครูผู้สอน ข้ันตอนที่ 3 การประเมินผล
โรงเรียนสังกดั สำนักงานเขต การนิเทศภายในโรงเรียน มี
พนื้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษา จำนวน 5 กิจกรรม
แม่ฮ่องสอน เขต 1 จำนวน ขั้นตอนที่ 4 การนำผลการ
96 โรงเรียน โรงเรียนละ 2 ประเมินการนิเทศภายใน
คน รวม 192 คน โรงเรียนมาปรับปรุงแก้ไข
3. ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการ มีจำนวน 6 กิจกรรม
นิเทศภายในโรงเรียน
จำนวน 19 คน
จากงานวิจัยที่นำมาเสนอข้างต้นน้ันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของศาสตร์การนิเทศการศึกษา
ที่ผู้เขียนต้องการสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางของการพัฒนานวัตกรรมทางการนิเทศ ซึ่งแนวโน้ม
การนิเทศการศึกษาในอนาคตน้ัน จำเปน็ ต้องมีฐานคิดมาจากการวิจยั อย่างไรกต็ ามการนำการ
นิเทศการศึกษามาใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การนำมาปรับใช้
ให้เหมาะสมกบั สภาพบริบทของสถานศึกษาแต่ละแหง่ และการนิเทศการศึกษาจะเกิดประโยชน์
สูงสุดก็ต่อเม่ือ ช่วยพัฒนาการสอนของครูให้เกิดความเจริญงอกงามในวิชาชีพ และพัฒนา
ผเู้ รียนใหเ้ ป็นบุคคลทีม่ คี ุณภาพ เกง่ ดี และมีความสุข
329
7.8 สรปุ ทา้ ยบท
การประเมินผลการนิเทศการศึกษา เป็นกระบวนการที่สำคัญยิ่งในการนิเทศ เนื่องจาก
ทำให้ผู้นิเทศและผู้รบั การนิเทศ ทราบถึงผลการพัฒนาการสอนของครผู ู้รับการนิเทศ ทำใหเ้ กิด
ประโยชน์ในการปรับปรุงแก้ไขตนเอง และหาแนวทางที่จะช่วยส่งเสริมและพัฒนาการสอนของ
ตนให้ดีขึ้น เม่ือพิจารณาความหมายของการประเมินสรุปได้ว่า เป็นกระบวนการตัดสินคุณค่า
ของสารสนเทศจากการสอนของครทู ี่รวบรวมมาอย่างเป็นระบบ จากการบันทึกผลการนิเทศลง
ในเคร่ืองมือบันทึกการสังเกตการการสอนแบบต่าง ๆ แล้วนำมาตัดสินคุณค่าโดยเทียบกับ
เกณฑ์ที่กำหนดไว้ นอกจากนี้พบว่าการนิเทศการสอนกับการประเมินผลจึงมีความสัมพันธ์กัน
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าที่ใดมีการนิเทศตอ้ งมกี ารประเมินผล การประเมินผลน้ีมิได้
มีเป้าหมายเพื่อจับผิดแต่เป็นการประเมินผลเพื่อการพัฒนา โดยเป็นการประเมินความก้าวหน้า
(Formative Evaluation) ระหว่างที่ดำเนินการนิเทศ และเป็นการประเมินผลสรุป (Summative
Evaluation) ซึ่งจะประเมินเม่ือสิ้นสุดการดำเนินโครงการนิเทศในแต่ละภาคเรียน ว่าผลการ
ปฏิบัติงานการนิเทศการศึกษาทั้งหมดตรงกับจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้เพียงไร อย่างไรก็ตามแม้ว่า
ทุก ๆ ฝ่ายได้ร่วมกันดำเนินการนิเทศให้มีประสิทธิภาพแต่สภาพปัญหาการนิเทศการศึกษาใน
ปัจจุบันที่เกิดขึ้นมีหลายประการ อาทิ ปัญหาด้านขาดการดำเนินการนิเทศอย่างเป็นระบบ
ปัญหาด้านการสนับสนุนการนิเทศการศึกษายังมีน้อย รวมถึงปัญหาด้านตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง
กับการนิเทศ ปัญหาด้านขาดการวิเคราะห์ความต้องการในการนิเทศอย่างแท้จริง และปัญหา
ด้านขาดการนำผลการประเมินการนิเทศการสอนของครูมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์
ซึ่งยังเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขจากทุก ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สำหรับแนวโน้มการนิเทศ
การศึกษาในอนาคตนั้นพบว่า จากการนิเทศการศึกษาที่เคยอาศัยพึ่งพาจากบุคคลภายนอกก็
หันมาเป็นการพึ่งพา ช่วยเหลือจากเพื่อนครูในสถานศึกษาเดียวกันมากขึ้น มีการนำเทคโนโลยี
มาช่วยในการนิเทศ อาทิ การนิเทศออนไลน์ การนิเทศระบบวิดีโอทางไกลผ่านจอภาพ ฯลฯ
นอกจากนี้ตัวผู้บริหารเอง จะมีลักษณะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษามากขึ้น การ
ประเมินจะมีลักษณะเป็นการประเมินรอบด้านหรือการประเมินแบบ 360 องศา สำหรับการ
นิเทศน้ันจะมีแนวโน้มที่ผนู้ ิเทศส่งเสริมให้ผู้รับการนิเทศเกิดการเรียนรู้ด้วยวิธีช้ีนำตนเองมากขึ้น
ตลอดจนผู้นิเทศเอง ต้องเป็นผู้นำในการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพด้วย โดยผู้นิเทศและ
ผู้รับการนิเทศรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนควรศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการนิเทศการศึกษา
ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูล ความรู้ที่สำคัญในการนำมาประยุกต์ใช้ในการนิเทศและการสอนของตนเอง
ให้มีคุณภาพ เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนที่มีคุณภาพให้สมกับคำที่กล่าวว่า “การนิเทศเพื่อ
พัฒนาครูและผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพ” ดังน้ันที่ใดมีการนิเทศการศึกษาที่น่ันย่อมมีการ
ประเมินผลการนิเทศ
330
7.9 คำถามทบทวน
1. การนเิ ทศการศึกษามีความสัมพนั ธ์กับการประเมนิ ผลอยา่ งไร
2. จงยกตัวอย่างสภาพปัญหาของการนิเทศการศกึ ษามาอย่างนอ้ ย 3 ข้อ
3. การประเมินผลการนิเทศควรดำเนินการในช่วงใดของการสอน (ก่อนการสอน
ระหว่างการสอน หรอื หลังการสอน)
4. การประเมนิ ผลการนเิ ทศที่ดีควรมใี ครบ้างที่เข้ามามีส่วนรว่ มในการประเมินผล
5. การสร้างชุมชนเรียนรู้ท างวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC)
เกีย่ วข้องกับการนเิ ทศการศึกษาอยา่ งไร
6. เหตุใดกระบวนทัศนใ์ หมข่ องการนิเทศ จำเป็นต้องศึกษาข้อมลู ที่มาจากกระบวนทัศน์
ใหมข่ องการสอนและการเรียนรู้
7. ผลการประเมินการนิเทศการสอนควรแจง้ ให้ใครทราบบ้าง เพราะเหตใุ ด
8. จงอธิบายแนวโน้มของการนเิ ทศการศกึ ษาในอนาคต
9. เหตใุ ดจึงตอ้ งศึกษางานวิจัยทีเ่ กี่ยวข้องกับการนเิ ทศการศึกษา
10. จงสืบค้นข้อมูลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการนิเทศการศึกษามา 1 เร่ือง พร้อมท้ัง
ศึกษาให้เข้าใจ แล้วให้เขียนสะท้อนความคิดว่าได้รับประโยชน์อะไรบ้างจากการศึกษางานวิจัย
ในเรื่องนั้น ๆ
331
เอกสารอ้างอิง
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. (2552). เอกสารการสอนชุดวิชา การ
บรหิ ารและการจดั การวดั และประเมินผลการศึกษา หนว่ ยท่ี 1-7. กรุงเทพฯ :
หา้ งหุ้นส่วนจำกัด อรุณการพิมพ์.
จนิ ต์ณธิป แก้วชิณ. (2554). การนเิ ทศแบบแบบชี้แนะสะท้อนคดิ เพือ่ พัฒนาการจดั กา
เรยี นรู้แบบคละชน้ั ในโรงเรยี นบ้านคำข่า สังกดั สำนักงานเขตพืน้ ที่การศึก
ประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 2. สืบค้นเมื่อ 26 เมษายน 2556, จาก :
http://www.ubon2-ed.go.th/.../22-08-2554-13140010350.doc.
จนิ ตนา สจุ จนันท์. (2554). การศึกษาตลอดชีวติ และการพฒั นาชมุ ชน. กรงุ เทพฯ :
สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร.์
เฉลิมชัย พันธ์เลิศ. (2558). แนวคิดและแนวทางพัฒนาวิชาชีพครู สำหรับคณะทำงานใน
โครงการพัฒนาระบบกลไกและแนวทางการหนุนเสริมชุมชนการเรียนรู้ทาง
วิชาชีพเพื่อพัฒนาผู้เรียนเร่ือง ระบบพี่เลี้ยง (mentoring). กรุงเทพฯ : สำนัก
วิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ.
ชฎาภรณ์ ไชยยา. (2556). การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในโรงเรียนสงั กัดสำนักงาน
เขตพืน้ ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาแม่ฮ่องสอน เขต 1. วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญา
ดุษฎีบณั ฑิต สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลยั เวสเทิรน์ .
บุญเชิด ภิญโญอนันตพงษ์. (2545). การประเมินการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ :
แนวคดิ และวิธีการ. กรุงเทพฯ : สำนกั พิมพว์ ฒั นาพานชิ สำราญราษฎร.์
พิชิต ฤทธิ์จรูญ. (2545). หลักการวัดและประเมินผลการศึกษา. กรงุ เทพฯ : เฮ้าส์ ออฟเคอร์มสี ท.์
พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข. (2557). การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21.
กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
พิสณุ ฟองศรี. (2554). การประเมินทางการศึกษา : แนวคิดสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ :
บริษทั ด่านสุธาการพิมพ์ จำกัด.
พีรพฒั น์ รุ่งเรอื ง. “ทักษะการนเิ ทศการศกึ ษาของผบู้ ริหารกับคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ของ
ผเู้ รียนในสถานศกึ ษาสังกดั เทศบาล กลมุ่ การศกึ ษาท้องถิน่ ที่ 1”. โรงพิมพ์
มหาวิทยาลัยศิลปากร. 2, 2 (มกราคม-มิถุนายน 2554) : 172-184.
332
พวงแก้ว ปณุ ยกนก. (2546). การประเมินผลการเรียนรแู้ นวใหม่ : การประเมินพุทธิพสิ ยั .
กรงุ เทพฯ : โรงพิมพแ์ หง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย.
ภทั รา นิคมานนท์. (2543). การประเมินผลการเรยี น. กรงุ เทพฯ : บริษทั อกั ษราพิพฒั น์ จำกัด.
รุง่ ชัชดาพร เวหะชาติ. (2557). การนิเทศการศึกษา. สงขลา : บริษัท นำศลิ ปโ์ ฆษณา จำกดั .
ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2543). เทคนิคการวัดผลการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น
การพิมพ์.
วราภรณ์ แสงพลสิทธิ์. (2554). รายงานการวิจัยความตอ้ งการการนิเทศการสอนของครู
เครือข่ายโรงเรยี นอสั สมั ชญั แผนกประถม. สืบค้นเมื่อ 3 สิงหาคม 2555, จาก :
http://acp.assumption. ac.th/pdf/research/varaporn.pdf.
สุภาภรณ์ กิตติรชั ดานนท์และคณะ. “การพัฒนารูปแบบการนเิ ทศการจดั การเรียนการสอน ใน
สถานศกึ ษาระดับการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน”, ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. ฉบบั
พิเศษ โครงการเผยแพร่งานวิจยั นิสติ ระดบั การศกึ ษาดุษฎีบณั ฑิต ประจำปีการศกึ ษา
2551 : 73-88.
สรุ ีย์ บุญวงษ์. (2551). การนิเทศภายในของสถานศึกษาเอกชน อำเภอสัตหบี สงั กัด
สำนกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษาชลบุรี เขต 3. สืบค้นเม่อื 9 สิงหาคม 2556, จาก :
http://ebooks. dusit.ac.th/sdubook/openbook. nsp?view=IKNOW&db0=ThesisEducation&cid_bookid.
สุวัฒน์ วัฒนวงศ.์ (2555). การวิจัยและประเมินผลการศึกษาผู้ใหญ่. กรุงเทพฯ : บริษัทแอคทีฟ
พริน้ ท์ จำกัด.
โสภณ ทองจติ ร. (2553). การปฏิบัติงานตามกระบวนการนิเทศการศึกษาภายในของผู้
นิเทศในโรงเรียนในเครือข่ายบางกงุ้ จังหวดั สุราษฎร์ธานี. วิทยานิพนธ์ปริญญา
ครศุ าสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา บัณฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลยั
ราชภฏั สรุ าษฎรธ์ านี.
หน่วยศึกษานิเทศก์ สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา. (2556). เอกสารแนวทางการ
นิเทศภายในดา้ นการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษาอาชีวศึกษา.
สืบค้นเมื่อ 21 เมษายน 2556, จาก : http://www.vec.go.th/Portals/25/%.pdf.
อารมณ์ ฉนวนจิตร. (2556). นวัตกรรมนิเทศการจดั การเรียนรู้. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์
มหาวิทยาลยั รามคำแหง.
Chabot-Las Positas Community College. Evaluator Notes and Summary Comments
[Online]. Accessed 21 March 2013. Available from http://www.
chabotcollege.edu/.
333