The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทที่ 5 เทคนิควิธีการนิเทศการศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นายคำแสน สองแดน, 2020-08-07 09:33:59

บทที่ 5 เทคนิควิธีการนิเทศการศึกษา

บทที่ 5 เทคนิควิธีการนิเทศการศึกษา

131

บทที่ 5
เทคนิคการนิเทศการจัดการเรียนรู้

การนิเทศการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพน้ัน นอกจากต้องดำเนินการอย่างเป็น
ข้ันตอนและเป็นระบบแล้ว การศึกษาและทำความเข้าใจถึงเทคนิควิธีการนเิ ทศจะช่วยให้ผู้นิเทศ
สามารถนำเทคนิคต่าง ๆ มาใช้ได้เป็นอย่างดี สำหรับเทคนิคการนิเทศบางประการสามารถนำ
บูรณาการใช้ร่วมกันได้กับเทคนิคอื่น เพื่อให้การนิเทศนั้นสมบูรณ์ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในทางตรงกันข้ามการนิเทศบางเทคนิคก็สามารถนำมาใช้ได้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอกับการ
นิเทศในแต่ละคร้ัง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้นิเทศว่าควรใช้เทคนิควิธีการนิเทศในลักษณะ
ใดและจะนำมาใช้อย่างไรจึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดแก่ครู เม่ือท่านได้ศึกษาเทคนิคของการ
นิเทศแล้ว อาจศึกษาจากสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องหรือนำมาทดลองใช้ในสถานการณ์จริงซึ่งจะ
ได้รบั ประสบการณต์ รงอย่างมาก และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ทั้งในปจั จุบนั และอนาคต

5.1 ความหมายของเทคนิคการนิเทศ
ชารี มณศี รี (2542 : 108) กลา่ วว่าเทคนิคการนเิ ทศ หมายถึง “วิธีการนำกิจกรรม

ต่าง ๆ ทางการนเิ ทศไปใช้ในการปฏิบัติงานอยา่ งเหมาะสมกับบคุ คล สถานที่ เวลาหรอื สถาน-
การณ์นน้ั ๆ

สำหรบั สมศักดิ์ เอีย่ มธรรมชาติ (2530 : 273) กล่าวว่า เทคนิคการนเิ ทศการสอน
หมายถึง “การนำเอาความรู้ในหลักการ วธิ ีการ หรือทฤษฎีตา่ ง ๆ ในการนเิ ทศมาใช้อย่างมี
ศลิ ปะหรอื ให้เกิดประโยชน์สงู สุด หรือนำมาใช้อยา่ งฉลาดหลกั แหลม”

นอกจากนี้ รุ่ง พูลสวัสดิ์ (ม.ป.ป. : 87) กล่าวถึงเทคนิคและวิธีการนิเทศการศึกษา
ได้อยา่ งน่าสนใจว่า “เปน็ งานที่ผู้นิเทศจะต้องใช้ความมานะ อดทน และพยายามทุกวิถีทาง เป็น
งานที่จะต้องใช้เทคนิคและวิธีการหลาย ๆ อย่าง มิใช่เป็นเรื่องที่จะกระทำกนั ได้ง่าย เปน็ งานที่มี
ความยากลำบากในการปฏิบตั ิให้เกิดผลสำเร็จในทันทีทนั ใด

จากความหมายของเทคนิคการนิเทศดังกล่าว สรุปได้ว่าเทคนิคการนิเทศเป็น
ศลิ ปะในการนำกิจกรรมการนิเทศต่าง ๆ มาใช้เพื่อใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุดโดยนำหลักการทฤษฎี
หรือวิธีการที่สอดคล้องและเหมาะสมมาใช้กับแต่ละกิจกรรมการนิเทศ ซึ่งผู้นิเทศจำเป็นต้องมี
ความยืดหยุ่นทีจ่ ะนำกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านน้ั มาปรับใช้ดว้ ยความชาญฉลาด

132

5.2 ความสำคญั ของเทคนิคการนิเทศ
สิ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้การนิเทศประสบความสำเร็จนั้น การนำเทคนิคการนิเทศมา

ใช้นับวา่ มคี วามจำเป็นอย่างยิง่ เนือ่ งจากช่วยผู้นเิ ทศหลายประการ ดงั น้ี
1. ชว่ ยส่งเสริมให้ผู้นเิ ทศดำเนินการนเิ ทศด้วยความมั่นใจ
2. ช่วยพัฒนาความร่วมมือระหว่างผู้นิเทศและครูผู้รับการนิเทศจากการดำเนิน

กิจกรรมการนเิ ทศร่วมกัน
3. ช่วยพัฒนาการสอนของครูผู้รับการนิเทศให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับ

ความตอ้ งการจำเป็นตามโครงการนเิ ทศ
4. ช่วยพัฒนาวิธีการนิเทศให้มีความท้าทาย น่าสนใจและได้นำกิจกรรมใหม่ ๆ มา

ทดลองใช้บนฐานของความเชื่อที่ว่า จะช่วยพัฒนากระบวนการเรียนการสอนของครูให้มี
ประสิทธิภาพมากขึน้

ในทำนองเดียวกัน มีนักการศึกษาได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับความสำคัญของเทคนิค
การนิเทศว่าเป็นเทคนิคเฉพาะและเกี่ยวข้องกับการนำกิจกรรมมาใช้ เกี่ยวกับเร่ืองนี้ ชารี มณี
ศรี (2542 : 108) สรุปไว้ว่า “เทคนิคของสิ่งใด ย่อมเหมาะสมกับสิ่งน้ัน คำกล่าวนี้หมายถึงการ
นำความคิด ทฤษฎี ไปใช้ในการปฏิบัติงานให้เหมาะสมแตล่ ะชนิด ซึง่ มคี วามแตกตา่ งกัน ในสว่ น
ของเทคนิคการนิเทศการศึกษานั้นย่อมมีเทคนิคเฉพาะ เช่น การนิเทศการสอน การพบปะ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการประชุมกลุ่ม การประชุมปฏิบัติการ การร่วมมือกันศึกษา
หลักสูตร วิจยั ปฏิบัติการ ห้องสมุดวิชาชีพหลักสูตรและการสอน การฝึกอบรมประจำการ และ
การทัศนศกึ ษา เป็นต้น”

จากความสำคัญดังกล่าว สรปุ ได้ว่า เทคนิคการนิเทศเป็นกิจกรรมเฉพาะที่ส่งเสริม
และสนับสนุนให้การนิเทศการศึกษาบรรลุตามเป้าหมายและเป็นไปด้วยความราบร่ืน โดยผู้
นิเทศจะเป็นผู้พิจารณา และนำกิจกรรมดังกลา่ วมาใช้ตามความเหมาะสม

5.3 ประเภทของเทคนิคการนิเทศ
สงัด อุทรานันท์ (2530 อ้างถึงใน วีระศักดิ์ ชมภูคำ, 2551 : 92) ได้แบ่งตาม

หมวดหมู่กิจกรรมการนเิ ทศการศึกษาออกเปน็ 3 กลุ่ม ดงั นี้
1. กิจกรรมสำหรับผู้นิเทศ เป็นกิจกรรมหลักที่ผู้นิเทศใช้สำหรับการให้เกิดความรู้

แก่ผู้รับการนิเทศ หรือทำการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับการนิเทศ เพื่อประโยชน์ในการ
พฒั นาผู้รับการนิเทศ ได้แก่ การบรรยาย การสาธิต การสังเกตภายในห้องเรียน การสัมภาษณ์
การบันทึกข้อมูล การจัดทำเคร่ืองมือและข้อทดสอบ การวิเคราะห์ข้อมูลและการคิดคำนวณ
และการเขียน

133

2. กิจกรรมที่ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศทำร่วมกนั ถึงแม้บทบาทในการจัดกิจกรรม
ดังกล่าวนี้จะเป็นของผู้นิเทศก็ตาม แต่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้รับการนิเทศเป็น
อย่างมาก คือการประชมุ และการอภปิ ราย

3. กิจกรรมสำหรับผรู้ ับการนิเทศ เป็นกิจกรรมที่เน้นบทบาทของผรู้ ับการนิเทศ ซึ่ง
ผู้รับการนิเทศจะต้องเป็นผู้กระทำหรือปฏิบัติตามสถานการณ์ต่าง ๆ ตามที่ผู้ให้การนิเทศเป็น
ผู้จัดทำขึ้น ได้แก่ การฟัง การดู การอ่าน การเยี่ยมเยียน การไปทัศนศึกษา การปฏิบัติตาม
คำแนะนำ บทบาทสมมตุ ิ และการจัดนทิ รรศการเกี่ยวกับวัสดุและเคร่ืองมอื ต่าง ๆ

เกี่ยวกับเร่ืองนี้ จากประสบการณ์ภาคสนามที่ผู้เขียนได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ
อาจารย์นิเทศนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ ซึ่งแต่ละภาคเรียนที่ปฏิบัติ
หน้าที่นั้น ได้นำกิจกรรมการนิเทศแบบต่าง ๆ มาใช้ดำเนินการนิเทศการเรียนการสอน โดยใช้
กิจกรรมที่หลากหลาย ท้ังกิจกรรมที่ดำเนินการสำหรับผู้นิเทศ กิจกรรมที่กระทำร่วมกับ
นักศึกษาและกิจกรรมที่เน้นให้นักศึกษากระทำด้วยตนเอง อาทิ ส่งเสริมสนับสนุนให้นักศึกษา
เข้าร่วมประชุมเชิงวิชาการ การเข้ารว่ มนทิ รรศการเพื่อแสดงผลงานทางวิชาการทีส่ าขาวิชาการ
ประถมศกึ ษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ดำเนินการจดั ประกวดผลงานวิจัย
ในช้ันเรียนและสื่อการจัดการเรียนรู้ เป็นต้น และนอกจากประเภทของการนิเทศ 3 ประเภท ที่
กล่าวมาแล้วข้างต้น ผู้นิเทศอาจเพิ่มเติมกิจกรรมการนิเทศที่กระทำร่วมกันทั้งระบบโรงเรียน
หรือกิจกรรมการนิเทศแบบไตรภาคี นั่นหมายความว่าเป็น กิจกรรมการนิเทศที่กระทำร่วมกัน
3 ฝ่าย คือ กิจกรรมที่ผู้นิเทศ ผู้รับการนิเทศ และผู้ที่เกี่ยวข้องในสถานศึกษากระทำร่วมกัน
อาทิ การเป็นผู้จัดโครงการบูรณาการวิชาการสู่อาเซียน นิทรรศการการประกวดสื่อการ
จัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 หรือเสวนาทางวิชาการ เร่ือง การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
รายวิชาเพิม่ เติม ประวตั ิศาสตรเ์ ชยี งใหมอ่ ินไทยแลนด์ เปน็ ต้น

5.4 เทคนิคการนิเทศการจัดการเรียนรู้
จากการศึกษาเทคนิคการนิเทศของนักการศึกษาหลายท่าน พบว่า แต่ละท่านได้

กล่าวไว้ในลักษณะที่แตกต่างและหลากหลาย ท้ังนี้ผู้เขียนเห็นว่าเทคนิคการนิเทศนั้นมีจำนวน
มาก จึงนำเสนอเทคนิคการนิเทศโดยยึดตามลักษณะผู้นำที่ไปใช้ประโยชน์ โดยจำแนกได้ 2
ลักษณะ คือ เทคนิคการนิเทศรายบุคคลและเทคนิคการนิเทศเป็นกลุ่ม ซึ่งมีรายละเอียด
ดงั ต่อไปนี้

5.4.1 เทคนิคการนิเทศเปน็ รายบุคคล
5.4.1.1 การสงั เกตการสอนในชั้นเรยี น (Classroom Observation)
วิธีนใี้ ช้กันมานานแลว้ และยงั คงใช้กนั อยู่เสมอ ๆ ในการนเิ ทศเพื่อปรบั ปรงุ การ

สอน โดยมีการอภิปรายรว่ มกันหลังจากการสงั เกตการสอน ดงั เช่น สนั ต์ ธรรมบำรงุ (ม.ป.ป. :

134

110) ได้กล่าวถึงส่งิ ทีค่ วรระลกึ ถึงขณะทีด่ ำเนินการสังเกตการสอน ดังนี้
1. รู้ล่วงหน้าว่าครูสอนหรอื ทำอะไรและศึกษาบทเรียน อปุ กรณ์การสอนทีจ่ ะใช้

ล่วงหนา้ กอ่ นเยี่ยมชม
2. เตรียมศึกษาวิธีสอนใหม่ ๆ ในเร่ืองที่ดำเนินการอยู่นั้น บางทีจะต้องใช้เวลา

2-5 วนั ในการที่ผนู้ ิเทศจะเข้าใจวา่ ครู นักเรียนกำลงั ทำอะไรและการเรียนการสอนเปน็ อย่างไร
3. ควรเตรียมการเยี่ยมชั้นเรียนล่วงหน้า เมื่อได้รับเชิญหรือจัดการไปเยี่ยมช้ัน

เรียนเองตามตารางนเิ ทศทีก่ ำหนดไว้ กำหนดจดุ มุง่ หมายของการสงั เกตใหแ้ น่นอน
4. มีการทำบันทึกการสังเกตอย่างที่เปน็ จริงว่า ครูและนักเรียนทำอะไรกันบ้าง

กระตนุ้ ให้ครทู ำบันทึกเสียงการสอนไว้เพื่อนำมาวิเคราะห์ผลการเรียน
5. ควรมีการอภิปรายร่วมกับครู ร่วมกันวิเคราะห์การสอนโดยคำนึงถึงจุด

มุ่งหมายของการสังเกตที่กำหนดไว้
6. ไม่ให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงการสอน จนกว่าจะได้วิเคราะห์การสงั เกต

รว่ มกบั ครูและครูต้องทราบข้อเสนอแนะ
นอกจากนี้ การนิเทศการศึกษาสมัยใหม่ต้องให้ความสำคัญกับเทคนิคนี้

เนื่องจากการเยี่ยมเยียนช้ันเรียนและสังเกตการสอนตอบสนองต่อวตั ถุประสงค์ เกีย่ วกับเรื่องนี้
ชาญชยั อาจนิ สมาจาร (ม.ป.ป. : 63-68) ได้สรุปไว้อย่างนา่ สนใจดงั น้ี

1. ก่อให้เกิดภาวะผู้นำในการสอน การสังเกตการสอนของครูในชั้นเรียน ให้
โอกาสที่ดแี กผ่ นู้ ิเทศในการก่อใหเ้ กิดภาวะผู้นำในการสอน

2. แก้ไขปัญหาของครู วัตถุประสงค์ของการเยี่ยมช้ันเรียนก็เพื่อแก้ปัญหาของ
ช้ันเรียนที่ครูปฏิบัติงาน รวมถึงสังเกตโปรแกรมทั้งหมดเพื่อให้ความร่วมมือ ดังนั้นผู้นิเทศจึง
สามารถช้ีปญั หาที่เกิดข้ึนรว่ มกับทกุ ฝ่ายได้

3. ศกึ ษาและปรบั ปรุงสภาพการเรียนการสอน
4. ส่งเสริมการวิจัย หน้าที่ที่สำคัญอีกประการหนึ่งของการนิเทศการศึกษาคือ
การส่งเสริมวิธีการทดลองในการแก้ปัญหา ซึ่งผู้นิเทศจะช่วยส่งเสริมและร่วมมือดำเนินการ
โครงการวิจยั เพือ่ พัฒนาการศกึ ษากบั ครู
นอกจากนี้ การพาครูไปเยี่ยมชั้นเรียนหรือสังเกตการสอนในกลุ่มสาระอื่น ๆ
หรอื กลุ่มสาระเดียวกันทั้งในโรงเรียน และต่างโรงเรียนนั้นล้วนเป็นประโยชนแ์ กค่ รทู ้ังสิน้ เพราะ
นอกจากเป็นการเปิดโลกทัศนข์ องครแู ลว้ ทำให้ครูได้พบเห็นการเรียนการสอนจากสถานการณ์
จริง ซึ่งนอกจากได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในด้านเทคนิคการจัดการเรียนรู้ อาจ
ทำให้ได้แนวคิดใหม่ ๆ ในการจัดการชั้นเรียน การจัดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ รวมถึงนำ
เทคโนโลยีและนวตั กรรมมาใชด้ ้วยเช่นกัน ดังตัวอย่างแผนภาพการสังเกตการสอนในชั้นเรยี น

135

ดงั น้ี

ผรู้ ับการนเิ ทศ

ผนู้ ิเทศ

แผนภาพที่ 5.1 แสดงภาพการสังเกตการสอนในชน้ั เรียน

5.4.1.2 การทดลองสอนในชน้ั เรยี น (Classroom Experimentation)
สำหรับการทดลองสอนในชั้นเรียนน้ัน นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูทุก
คนต้องได้ศึกษา และเรียนรู้ตามหลักสูตรที่กำหนดไว้ให้เรียน ก่อนที่จะออกฝึกประสบการณ์
วิชาชีพครู หรอื บุคลากรใดทีจ่ ะประกอบวิชาชีพครูได้ น้ันมักผา่ นประสบการณ์การทดลองสอน
มาแล้วในรูปแบบใดรูปแบบหน่ึงทั้งสิ้น เกี่ยวกบั เรือ่ งนี้ วิเชียร เมนะเศวต, ม.ป.ป. : 44) ได้กลา่ ว
ไว้ว่า “การทดลองสอนในชั้นเรียนเป็นวิธีการที่จะทำให้ทราบวิธีการสอนใหม่ท้ังในด้านสื่อการ
เรียน เทคนิคการสอน ตลอดจนวัสดุที่จำเป็นในการสอน ซึ่งผู้บริหารควรเปิดโอกาสให้ครู
ทดลองการสอนในชน้ั เรียน หลกั การทดลองในชน้ั เรียน” คือ
1. มีการวางแผนและเตรียมการอย่างดี
2. มน่ั ใจวา่ การทดลองจะไมเ่ กิดผลเสียแกน่ กั เรียนในภายหลงั
3. มีการชี้แจงให้ผู้เกี่ยวข้อง เช่น ผู้บริหาร ผู้ปกครอง นักเรียน ได้เข้าใจเพื่อให้
ความร่วมมือ
จากหลักการทดลองสอนดังที่มีผู้เสนอไว้ข้างต้น นับว่าเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ดี
ท้ังนี้การทดลองสอนไม่ได้จำกัดอยู่ในวงแคบ ๆ ว่า ต้องเป็นเพียงครูใหม่หรือนักศึกษาฝึก
ประสบการณ์วิชาชีพครเู ทา่ น้ัน แต่ครทู ี่มีความชำนาญในด้านการสอน อาจจำเป็นต้องนำมาใช้
ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น การทดลองสอนในวิชาใหม่ ๆ หรือ เรื่องใหม่ ๆ ก็นับว่ามีประโยชน์ ดัง
ตวั อยา่ งแผนภาพการทดลองสอน ดังน้ี

136

แผนภาพที่ 5.2 แสดงภาพการทดลองสอนในระดับปฐมวัยของครู
ณ โรงเรียนพาฟลอนท์ ประเทศสหรฐั อเมรกิ า

5.4.1.3 การปรกึ ษาหารอื (The Conference or Interview)
การปรึกษาหารือน้ันสามารถดำเนินการได้ทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ
ท้ังนี้ขึ้นอยู่กับผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ อย่างไรก็ตาม สมศักดิ์ เอี่ยมธรรมชาติ (2530 : 277)
ได้กล่าวไว้ว่า “การปรึกษาหารอื เป็นการสร้างมิตรภาพที่ดีระหว่างครแู ละผู้นิเทศ ดังน้ันผู้นิเทศ
ต้องเรียนรู้เทคนิคของการให้คำปรึกษาหารอื ไว้” ดังน้ี
1. การสร้างสัมพันธ์ภาพอันดีกับครู พยายามทำตัวเป็นกันเองและมีเจตคติที่ดี
ตอ่ ครู
2. การกำหนดปัญหา พยายามให้ครูเป็นผกู้ ำหนดปัญหาของตนเอง
3. การให้ครูแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับปัญหาของตนใหม้ ากที่สุด
4. พยายามให้ครคู ิดหาวิธีการแก้ปญั หาของตน ผนู้ ิเทศเปน็ เพียงผเู้ สนอแนะ
5. สรุปวิธีการแก้ปญั หาจากการปรึกษาหารอื
การปรึกษาหารือจะเกิดประสิทธิภาพได้ก็ต่อเมื่อ ผู้รับการนิเทศเปิดใจในเรื่อง
ที่ตนต้องการคำปรึกษาหารืออย่างแท้จริง และผู้นิเทศเองต้องให้ข้อเสนอแนะแก่ผู้รบั การนิเทศ
บนพื้นฐานของการปฏิบัติได้อย่างแท้จริงตามสภาพบริบทของโรงเรียนนั้น ๆ โดยไม่นำวิธีการ
แก้ปัญหาได้ดีของโรงเรียนหนึ่ง มาใช้กับอีกโรงเรียนหนึ่งโดยไม่พิจารณาถึงสภาพจริงของ

137

ผู้เรียน สภาพแวดล้อมและปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การปรึกษาหารือจะได้ผลดีหากผู้นิเทศได้
ดำเนนิ การวิเคราะหบ์ ริบทของโรงเรียนนนั้ ๆ ตัวอย่างแผนภาพ ต่อไปนี้

แผนภาพที่ 5.3 แสดงภาพการปรึกษาหารอื ของนกั ศึกษาฝึกประสบการณ์
วิชาชีพครูและครูพีเ่ ลี้ยง

5.4.1.4 การเลือกวัสดุอุปกรณ์สำหรับการสอน (Selection of Materials for
Teaching)

การเลือกวัสดอุ ปุ กรณส์ ำหรบั การสอนนั้นจัดวา่ เปน็ สิง่ จำเปน็ ที่ผนู้ ิเทศต้อง
ดำเนินการร่วมกับครูหรือผู้รับการนิเทศ เน่ืองจากอุปกรณ์การสอนเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้
ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในบทเรียนมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การเลือกวัสดุอุปกรณ์ รวมถึงสื่อการ
เรียนที่สอดคล้องและเหมาะสมกับวัยของผเู้ รียน จงึ เป็นเรื่องสำคัญ หากครูสามารถเลือกสื่อที่
ใกล้ตัว ประหยัดเวลา ประหยัดงบประมาณและมีประสิทธิภาพที่จะทำผู้เรียนบรรลุตาม
วัตถุประสงค์การเรียนรู้จึงเป็นเร่ืองสำคัญ ตัวอย่างเช่น ครูสอนเร่ือง “อวัยวะภายนอกของ
มนุษย์” นอกจากครูจะใช้หุ่นจำลอง แผนภาพ หรือให้ผู้เรียนชมวีดิทัศน์แล้ว ครูอาจให้ผู้เรียน
สังเกตจากอวัยวะของเพื่อนในช้ันเรียน เป็นต้น นอกจากนี้การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์สำหรับการ
สอนน้ัน จำเป็นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยแก่ผู้เรียนด้วย และครูควรทดลองใช้ก่อนนำมาใช้
จริงทุกครั้ง สำหรับข้อสังเกตสำคัญประการหนึ่ง พบว่า การที่ครูพยายามสรรหาสื่อการเรียน
การสอนที่มีราคาแพง และสวยงามเป็นแนวคิดที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบมากกว่าผลดี
ของครู ท้ังด้านการดูแลรักษาและใช้อย่างระมดั ระวงั โดยไม่ให้ผเู้ รียนได้สมั ผสั เน่ืองจากเกรงว่า

138

สื่อการสอนนั้นจะชำรุดเสียหาย หากครูเปลี่ยนวิธีคิดและใช้ประโยชน์จากสื่อการสอนให้กับ
ผู้เรียนมากที่สุด โดยเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีอยู่แล้วในท้องถิ่น ราคาประหยัด ลดต้นทุนการ
จัดหาสื่อ ผู้เรียนสามารถจับต้องได้และสามารถนำมาใช้ได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ทำให้ผู้เรียน
สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น เนื่องจากวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวและผูกพัน
กบั วิถีชีวิตประจำวันของผเู้ รียนอย่แู ล้ว ตลอดจนช่วยส่งเสริมใหผ้ ู้เรียนตระหนัก และเห็นคณุ ค่า
ของวัสดุอุปกรณ์น้ัน รวมถึงสำนึกรักในท้องถิ่นของตนที่มีคุณค่าและประโยชน์แก่ตนเอง
ครอบครัว ชุมชนและสังคม โดยมีครูเป็นผู้ชี้แนะอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ตัวอย่างแผนภาพ
ต่อไปนี้

แผนภาพท่ี 5.4 แสดงภาพการเลือกวัสดุอปุ กรณ์สำหรับการสอน
เรื่อง “การเจรญิ เติบโตของพชื ในสภาพดินทีแ่ ตกตา่ งกนั ”

5.4.1.5 การประเมินผลตนเอง (Self-Evaluation)
การประเมินตนเองเป็นเทคนิคการนิเทศที่ให้ครูรู้จักการประเมินผลงานของ
ตนเอง ถือว่าเปน็ วิธีการนเิ ทศอีกวิธีหน่ึงซึ่งสิ่งสำคญั ที่จะช่วยใหก้ ารประเมินผลได้คือ เคร่อื งมือ
ที่มีประสิทธิภาพและวิธีการประเมินผลตนเองซึ่ง สมศักดิ์ เอี่ยมธรรมชาติ (2530 : 280) ได้
กล่าวเกี่ยวกับเรือ่ งนีไ้ ว้ ดงั น้ี
1. แบบสอบถาม เพื่อถามความเห็นของนักเรียนแต่ละคนโดยที่ครูไม่มีโอกาส
ได้ทราบความเห็นของนักเรียนเป็นรายบุคคล วิธีการก็คือ ให้คณะนักเรียนกลุ่มหนึ่งสรุปผล
จากแบบสอบถามแล้วนำสง่ ครู
2. วิเคราะห์ผลการทดสอบเรื่องใดเรือ่ งหนึ่ง โดยพิจารณาจากจุดมุ่งหมายของ
การสอนเป็นเกณฑ์

139

3. เขียนรายงานกิจกรรมของนักเรียนในการทำงานเป็นรายบุคคล เป็นกลุ่ม
ยอ่ ยหรอื กล่มุ ใหญ่

4. บนั ทึกการทำงานของครูประจำวนั และวิเคราะหว์ ิธีการทำงานที่ใช้อยนู่ ั้น
5. บันทึกกิจกรรมของช้ันเรียนในวันที่กำหนดวันใดวันหนึ่งแล้ว นำมาวิเคราะห์
และพิจารณาวิธีการตอบสนองที่ได้รบั
6. บันทึกหลังสอน ซึ่งเป็นวิธีการประเมินตนเองจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ของผู้เรียน รวมถึงผลการบรรลุวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของแต่ละคาบเรียน
ด้วยเช่นกัน เพื่อที่จะนำไปปรับปรงุ แก้ไขในคร้ังถัดไป
7. ในการนิเทศการสอนที่ดีน้ัน ผู้นิเทศการสอนต้องให้ผู้รับการนิเทศรู้จัก
วิเคราะห์สถานการณ์ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการประเมินผลตนเองได้ต่อไป การช่วยหรือฝึกให้ผู้รับ
การนิเทศ วิเคราะห์หรือแยกแยะบทเรียนหรือการปฏิบัติงานในหน้าที่ครูหลังจากที่ได้ทำการ
สอนหรอื ปฏิบัติงานไปแล้วให้เห็นวา่ อะไรดีหรอื ไมด่ ีเพราะอะไร
8. การเรียนรู้วิธีการวิเคราะห์และประเมินผลการสอน รวมถึงการปฏิบัติงาน
ในหน้าที่ครเู ป็นสิ่งจำเป็น เพราะโอกาสที่ครจู ะได้รับการนิเทศอาจจะไม่มีหรอื มีก็น้อยเหลือเกิน
ครูจงึ จำเป็นต้องเรียนรู้ วิธีการปรบั ปรงุ การสอนและการปฏิบัติงานของตนเอง
9. วิธีการวิเคราะห์และประเมินผลนั้น ในระยะแรกควรจะต่างคนต่างวิเคราะห์
และประเมินผล ระยะต่อมาวิเคราะห์และประเมินผลร่วมกันระหว่างครูกับผู้นิเทศ ต่อไปจึงให้
ครเู ปน็ ผู้วเิ คราะห์และประเมินผลตนเอง

5.4.2 เทคนิคการนิเทศเปน็ กลุ่ม
เทคนิคการนิเทศเป็นกลุ่มน้ัน นับว่าเป็นเทคนิควิธีการหนึ่งที่ช่วยอำนวยความ

สะดวกให้แก่ครูและสามารถนำมาใช้กับครูได้อย่างแพร่หลาย ทั้งนี้สามารถกระทำได้กับครูท้ัง
กลุ่มสาระการเรียนรู้หรือทั้งโรงเรียน ซึ่งสามารถกระทำได้ในวงกว้างดังที่ สมศักดิ์ เอี่ยม
ธรรมชาติ (2530 : 283-291) ได้ให้ความหมายที่น่าสนใจไว้ว่า “ การนิเทศเป็นกลุ่ม คือ การ
นิเทศที่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศต้ังแต่ 3 คนขึ้นไปมีเทคนิควิธีการที่จะ
ดำเนนิ การได้ ดงั น้”ี

5.4.2.1 การประชมุ กลุ่ม
“การประชุมกลุ่มอาจจัดเป็นกลุ่มย่อย ๆ เช่น คณะกรรมการกลุ่มศึกษา กลุ่ม
ทำงาน กลุ่มสัมมนา หรืออาจจะจัดเป็นกลุ่มใหญ่ เช่น การประชุมระดับโรงเรียน ระดับกลุ่ม
โรงเรียน ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด หรือระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นต้น ส่วนระยะเวลาใน

140

การจัดนั้นขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการจัด เช่น จัดในระยะเวลา 3 วัน 5 วัน 7 วัน หรือ
มากกว่านน้ั ”

หลักสำคญั ในการจัดการประชมุ
1. ต้องมีจดุ มุ่งหมายที่แน่นอน สมาชิกทุกคนยอมรับ
2. จดั เนอื้ หาให้รดั กมุ ท้ังเนือ้ หาและวิธีการ
3. พยายามทำการประชมุ ให้มคี ่า ให้สมาชิกมีเจตคตทิ ีด่ ตี ่อการประชุม
4. นำเรื่องที่มปี ระโยชนต์ อ่ การทำงานมาประชุม
5. ควรจัดหาวิทยากรที่มชี ือ่ เสียงมาให้ความรู้
6. หาผนู้ ำทีม่ ปี ระสิทธิภาพตลอดการประชุม
7. ควรแจง้ โครงการประชมุ ให้สมาชิกทราบล่วงหน้า
8. ควรใหส้ มาชิกได้รว่ มมอื อยา่ งทวั่ ถึงในการประชมุ ทกุ ครั้ง
9. ควรจัดใหม้ ีการอภปิ รายที่ถูกต้องและกว้างขวาง
10.รบั ฟังความคิดเหน็ และข้อมูลจากสมาชิกอยูต่ ลอดเวลา
11. ไมค่ วรใชก้ ารประชุมกับงานประจำวนั
12. ผลของการประชุมควรยตุ ิและปฏิบตั ิได้
ดังตัวอยา่ งแผนภาพแสดงการประชุมกลุม่ ดงั น้ี

แผนภาพที่ 5.5 แสดงภาพการประชมุ กลุ่ม

5.4.2.2 การประชุมปฏิบตั ิการ

141

“การประชุมปฏิบัติการแต่ละคร้ังอาจใช้เวลาไมเ่ ทา่ กนั ทั้งน้ีแล้วแต่จุดประสงค์
และลักษณะของงานนั้น ๆ อย่างไรก็ตามการประชุมปฏิบัติการจัดว่าเป็นวิธีการอบรมใน
ระหว่างการทำงานที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง เพราะแทนที่จะจัดให้ผู้เข้ารับการอบรมน่ังฟังคำบรรยาย
หรือการอภิปรายกันถึงปัญหาต่าง ๆ เพียงด้านเดียว ผู้เข้าประชุมได้มีโอกาสกระทำจริงได้พบ
ปัญหาร่วมกันและช่วยกันหาทางแก้ปัญหา เป็นการพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหา
รว่ มกนั และได้ผลงานด้วย”

ลกั ษณะของการจดั การประชมุ ปฏิบตั ิการที่ดี ควรเป็นดงั น้ี
1. มีเวลา และวสั ดอุ ุปกรณ์ที่จำเป็นอยา่ งเพียงพอ
2. มีเจา้ หนา้ ที่ บคุ ลากร และวิทยากรที่มคี วามสามารถอยา่ งเพียงพอ
3. มีสถานทีพ่ อทีจ่ ะดำเนนิ กิจกรรมตา่ ง ๆ ได้
4. มีวัตถุประสงคข์ องการจดั การประชมุ ปฏิบัติการทีแ่ นน่ อนและแจ่มชัด
5. จดั กลมุ่ ใหค้ ล่องตัวตามปญั หาของผู้เข้าประชมุ ปฏิบัติการ
6. ผู้ประชุมทุกคนให้ความร่วมมืออย่างดี และมีความก้าวหน้าท้ังในส่วนตัว
และสังคม
ดังตวั อยา่ งแผนภาพแสดงการประชุมปฏิบัติการ ดังน้ี

แผนภาพที่ 5.6 แสดงภาพการประชุมปฏิบัติการเพื่อเตรียมความพร้อมก่อน
ฝกึ ประสบการณ์วิชาชีพครใู นมิตคิ รองตน ครองคนและครองงาน

5.4.2.3 การใชเ้ อกสาร
“การใช้เอกสารเพื่อการนิเทศการสอนน้ัน มปี ระโยชนม์ ากต่อครูอาจารยผ์ ู้สอน
และต่อตัวผู้นิเทศเองด้วย ท้ังนี้เพราะเอกสารจะช่วยลดภาระงานด้านการจัดการประชุม การ
แนะนำเป็นรายบุคคลหรืออื่น ๆ ในขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มพูนความรู้แก่ครู ท้ังในทาง

142

หลักการและทางปฏิบัติอีกด้วย เอกสารที่จะนำมาเผยแพร่ให้แก่ครู อาจจะเป็นเอกสารที่ได้มา
จากหน่วยงานของรัฐ สมาคมการศึกษา องค์การอาชีพอื่น ๆ หรืออาจจะเป็นเอกสารที่
ศกึ ษานิเทศก์ผลติ ขึน้ เอง ย่อมมีประโยชน์ท้ังนนั้ ”

หลักในการจดั ทำเอกสารทางวิชาการ
1. ให้ตรงกับความตอ้ งการของครู และเน้นในการแก้ปัญหา
2. แยกเอกสารแตล่ ะประเภทออกจากกนั เชน่ เอกสารทางวิชาการ เอกสาร
ทางการบริหาร หรอื เอกสารทางการเงิน เป็นต้น
3. ไม่ควรบรรจุเนือ้ หามากเกินไปในฉบับหนง่ึ ๆ
4. เอกสารแตล่ ะชนิดให้เป็นผลงานของกลุ่ม
5. เน้ือหาในเอกสารต้องให้ทันเหตุการณ์ ใช้ภาษาที่น่าสนใจ และก่อให้เกิด
ความงอกงามทางสตปิ ัญญา
6. ควรเขียนเร่อื งราวตา่ ง ๆ ให้ตอ่ เน่ืองกันไป
จากความข้างต้นผู้เขียนมีความเห็นว่า หากมีการใช้เอกสารจำนวนมากควรมี
การกำหนดหมายเลขเอกสารตามลำดับ เนื่องจากในกรณีที่มีการชี้แจงหรืออธิบายเอกสาร
ดังกล่าวจะทำให้เกิดความสะดวกและเป็นระบบมากขึ้น ประกอบกับในหน้าแรกของแฟ้ม
เอกสารควรมีการอธิบายใหช้ ัดเจนถึงเอกสารท้ังหมดที่มี ว่าประกอบด้วยเอกสารใดบ้างเพื่อให้
ผู้ใช้เอกสารได้มองเห็นภาพรวมของเอกสารที่มีท้ังหมดตามลำดับที่ได้นำเสนอ ซึ่งจะช่วยลด
ความสับสนได้ดี

5.4.2.4 การจัดตงั้ กรรมการกลมุ่ ทำงาน
เกี่ยวกับเร่ืองนี้ สมศักดิ์ เอี่ยมธรรมชาติ (2530 : 288) ได้กล่าวถึงการจัดตั้ง
กรรมการกลุ่มทำงานว่า “การจัดตั้งกรรมการกลุ่มทำงานขนาดเล็กเพื่อให้ศึกษาข้อมูลต่าง ๆ
จะช่วยให้ทราบความจรงิ ของสว่ นรวมได้อย่างดี แต่ท้ังน้ีจะต้องมีการกำหนดหนา้ ที่และขอบเขต
การทำงานของแต่ละกลุ่มให้ชัดเจนเสียก่อน เม่ือแต่ละคณะได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนตามที่
กำหนดแล้ว ให้นำผลงานที่ได้มารายงานให้ส่วนรวมทราบ” นอกจากนี้การจัดตั้งกลุ่มทำงาน
ควรพิจารณาถึงความเหมาะสม โดยจัดคณะทำงานให้เหมาะสมกับความสามารถ และเปิด
โอกาสใหค้ ณะทำงานเปน็ ผู้จัดกลุม่ ทำงานด้วยตนเอง ตวั อย่างคณะกรรมการกลุ่มทำงานตา่ ง ๆ
เช่น คณะกรรมการปกครองนักเรียน คณะกรรมการกิจกรรม คณะกรรมการสถานศึกษา เป็น
ต้น ดังตัวอย่างแผนภาพการจัดตง้ั กรรมการกลมุ่ ทำงานในการนเิ ทศการเรยี นการสอน ตอ่ ไปนี้

143

แผนภาพที่ 5.7 แสดงภาพการจดั ตงั้ กรรมการกลุม่ ทำงานในการนเิ ทศการเรียนการสอน
5.4.2.5 การศึกษานอกสถานท่ี
การศึกษานอกสถานที่เป็นการเปิดโลกทัศน์โดยให้ผู้ที่ศึกษาได้มีโอกาสสัมผัส

จากประสบการณ์ตรงจากสิ่งที่ได้เห็นสิง่ ใหม่ ๆ ได้ฟังข้อมูลความรู้ที่แตกต่างไปจากที่เคยได้รับ
ฟัง นอกจากนี้ยังได้การศึกษานอกสถานที่ยังส่งเสริมให้เกิดเครือข่ายแห่งการเรียนรู้ด้วย เช่น
การทัศนศึกษาในสถานศึกษาของกลุ่มประชาคมอาเซียน การเยี่ยมชมท้ องฟ้าจำลอง
พิพิธภัณฑ์ชาวนา และศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น เกี่ยวกับเร่ืองนี้ สมศักดิ์ เอี่ยม
ธรรมชาติ (2530 : 290) ได้กล่าวไว้ว่า “การจัดการศึกษานอกสถานที่หรือการจัดทัศนศึกษา
ให้แก่คณะครูอาจารย์นั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากไม่แพ้วิธีการนิเทศแบบอื่น ๆ ท้ังนี้เพราะการ
ออกไปทัศนศึกษานอกสถานที่ของคณะครูอาจารย์ จะเป็นการช่วยเพิ่มพูนความรอบรู้และ
ประสบการณ์ต่าง ๆ อย่างมากมาย แต่ทั้งนี้จะต้องตั้งจุดมุ่งหมายให้แน่นอนเสียก่อนว่า การไป
ทัศนศึกษาแต่ละครั้งนั้นมีจุดมุ่งหมายอะไร จะต้องศึกษาเรื่องอะไรบ้าง วิธีการศึกษาอาจจะใช้
วิธีการแบ่งกลุ่มกันศึกษาแล้วนำมาอภิปรายแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน หรือจะให้ทุกคน
ต่างคนต่างศึกษาแล้วมาอภิปรายร่วมกัน เม่ือเสร็จแล้วต้องจัดให้มีการประเมินการไปทัศน
ศกึ ษาด้วย” ดงั ตัวอย่างแผนภาพการศกึ ษานอกสถานที่ ดังน้ี

144

แผนภาพที่ 5.8 แสดงภาพการศกึ ษานอกสถานที่ ณ สมาคมการนเิ ทศ
การศกึ ษาของโลก (ASCD : Association for Supervision and Curriculum
Development) ประเทศสหรฐั อเมรกิ า

5.4.2.6 การปฐมนิเทศครใู หม่
การปฐมนิเทศครูใหม่เป็นการช่วยครูใหมใ่ ห้สามารถปรบั ตัวเข้ากับสิง่ แวดล้อม
ได้ดแี ละเร็วขึ้น ทั้งนีเ้ พราะการปฐมนเิ ทศครใู หม่จะชว่ ยครใู หมใ่ นสิ่งตอ่ ไปนี้
1. ปรัชญาและวตั ถปุ ระสงคข์ องโรงเรียน
2. ประวตั ิความเปน็ มาของโรงเรียน
3. ระเบียบข้อบังคบั ตา่ ง ๆ ของโรงเรียน
4. การจดั สายงานต่าง ๆ ของโรงเรียน
5. กิจกรรมตา่ ง ๆ ที่จัดขึน้ ในโรงเรยี น
6. สวัสดิการต่าง ๆ ทีค่ ณะครจู ะได้รับ
7. การบริการทางด้านการสอนทีค่ รจู ะได้รับ
8. สภาพการทำงานในโรงเรยี น
9. การเตรียมการสอนของครู
10. งานประจำช้ันที่ครตู อ้ งรบั ผดิ ชอบ
11. บทบาทหนา้ ที่ของครทู ี่จะต้องจดั กิจกรรมต่าง ๆ
การปฐมนิเทศครูใหม่นอกจากจะช่วยให้ครูใหม่ได้มีความเข้าใจที่ตรงกันใน
เรื่องต่าง ๆ แล้วยังช่วยให้เกิดความรู้สึกไม่เหว่ว้าหรือโดดเดี่ยว เม่ือเริ่มต้นการทำงาน มีความ

145

อบอุ่นจากผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน ดังตัวอย่างแผนภาพการปฐมนิเทศนักศึกษา
ฝกึ ประสบการณ์วิชาชีพครู/ครใู หม่ ดงั น้ี

แผนภาพที่ 5.9 แสดงภาพการปฐมนเิ ทศนกั ศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพคร/ู ครูใหม่

5.4.2.7 การเชญิ วิทยากรจากภายนอกมาใหค้ วามรู้
การเพิ่มประสบการณ์ให้กับผู้รับการนิเทศ ซึ่งนอกจากการศึกษาค้นคว้าด้วย
ตนเองจากเอกสาร ตำรา หนังสือต่าง ๆ รวมทั้งการทัศนศึกษานอกสถานที่แล้ว การเชิญ
วิทยากรภายนอกมาให้ความรู้ก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่งของการนิเทศเป็นกลุ่ม เกี่ยวกับเร่ืองนี้
ปรียาพร วงศ์อนตุ รโรจน์ (2535 : 267) ได้กล่าวถึงการเชิญวิทยากรจากภายนอกมาให้ความรู้
วา่ “เป็นการบรรยายทีเ่ น้นการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจของวิทยากรไปสคู่ รูอาจารย์ การให้
ความรขู้ องวิทยากรสามารถกระทำได้หลายวิธี” ได้แก่
1. การบรรยายโดยวิทยากรคนเดียว มาบรรยายโดยมีครูอาจารย์เปน็ ผู้ฟัง การ
เชิญวิทยากรที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิจะได้รับการยอมรับ และได้รับความสนใจจากครูอาจารย์ ซึ่ง
อาจจะจัดเป็นกลุ่มใหญ่หรือเล็กก็ได้ เป็นกิจกรรมที่สามารถจัดได้โดยสะดวกและเปลือง
ค่าใชจ้ ่ายน้อย
2. การบรรยายโดยวิทยากรหลายคน วิทยากรจะมาเป็นทีมแต่ละคนจะมี
ความเชี่ยวชาญในเร่ืองของตน การบรรยายโดยวิทยากรหลายคนช่วยให้บรรยากาศน่าสนใจ
และสามารถช่วยกันพูดช่วยกันเสริม ลักษณะนี้คล้ายกับการจัดสัมมนาหรือจัดแบบซิมโพเซียม
(Symposium) ซึ่งมีการอภปิ รายประกอบด้วย
3. การบรรยายโดยใช้วัสดุอุปกรณ์ เป็นการบรรยายโดยการใช้สื่อการสอน
ช่วย เช่น โปรแกรมสำเร็จรูปในการนำเสนอ (เพาเวอร์พอยท์) แผนภูมิ แผนภาพ ประกอบการ

146

บรรยาย สอ่ื การสอนเป็นสิ่งเร้าที่ทำให้เกิดความน่าสนใจ และทำให้ผู้รับการนิเทศมีความเข้าใจ
ในเร่อื งทีบ่ รรยายได้มากยิ่งขึน้

นอกจากข้อมูลที่ได้นำเสนอดังกล่าวแล้ว มีข้อสังเกตประการหนึ่งซึ่งเป็นการ
ช่วยเหลือและส่งเสริมครูใหม่ น่ันคือการแต่งตั้งครูพี่เลี้ยงหรือครูที่มีประสบการณ์เพื่อดูแลให้
คำปรึกษา แนะนำในทุก ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นการปรับตัว การพัฒนาการเรียนการสอน การ
ส่งเสริมบุคลิกภาพความเป็นครู ฯลฯ ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความมีเมตตาเอื้ออาทรซึ่งกัน
และกนั เสมือนรนุ่ พี่ชว่ ยดูแลรนุ่ นอ้ ง ทำให้รนุ่ นอ้ งหรอื ครูใหมเ่ กิดความรสู้ ึกที่ดตี อ่ องคก์ รด้วย

ตัวอย่างแผนภาพแสดงการเชญิ วิทยากรจากภายนอกมาให้ความรู้ ดงั น้ี

รายบุคคลหรจือาคแกวผเทเานทมคคภรนนเู้าิคกิคพกี่ยกทาวารก่ี รน5ับนิ.เส1ทิเ0ื่อทศกศเแปาสท็นรดี่ไเกดรงลีย้กภุ่มนลาลกพ่า้วาวกรนมาสเารปอแเ็นนชลสิญ้วิ่งขวท้าิที่ผงยู้นตาิ้เนทกไศรมจส่วาา่ากมจภาะรเาปถย็นนนำอเมทกาคมปนาริคใับหกใ้ ชา้รเพนื่อิเทใหศ้ผเปู้ร็นับ
การนิเทศมีพัฒนาการโดยเฉพาะด้านการเรียนการสอนให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม ซึ่งผู้
นิเทศเองจำเป็นต้องใช้ดุลยพินิจว่าเม่ือใดควรจะใช้เทคนิคใดจึงจะเหมาะสมมากที่สุดและเกิด
ประโยชน์แก่ผรู้ ับการนเิ ทศมากทีส่ ุด

5.5 กิจกรรมการนิเทศ
สำหรับกิจกรรมการนิเทศน้ันนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของเทคนิคการนิเทศ จากความ

ดังกล่าวอธิบายได้ว่า เทคนิคการนิเทศจะมุ่งเนน้ การดำเนินการกิจกรรมหรอื ประสบการณ์ใด ๆ
ก็ตามที่ใช้ศิลปะ หรือวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้การนิเทศการศึกษานั้นประสบความสำเร็จซึ่งอาจ
กระทำเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มก็ได้ แต่กิจกรรมการนิเทศนั้นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เทคนิคการ
นิเทศประสบความสำเร็จ โดยลงมือปฏิบัติกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมหรือกระตุ้นให้ผู้รับการนิเทศ
เกิดการพัฒนา เกี่ยวกับเรอ่ื งน้ี ครุรักษ์ ภิรมย์รักษ์ (2538 : 86-87) ได้สรุปกิจกรรมการนิเทศ

147

ตามแนวคิดของแฮร์รสิ (Harris) ไว้ว่า “เปน็ ยทุ ธวิธีเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการสอนของครู ท้ังน้ี
เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายและมีความเด่นชัดแน่นอน ซึ่งผู้นิเทศ
สามารถเลือกใช้ร่วมกันและใช้กิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้อย่างมีทักษะ โดยคำนึงถึงระดับทักษะ
และความเหมาะสมของสถานการณ์” ตารางต่อไปนี้จะช่วยให้ผู้นิเทศสามารถเลือกใช้กิจกรรม
ตา่ ง ๆ ได้ดขี ึน้ วา่ กิจกรรมใดให้ระดับประสบการณก์ ารนเิ ทศมากน้อยแตกตา่ งกัน ดังต่อไปนี้

ตารางที่ 5.1 แสดงระดับประสบการณท์ ี่ได้รับจากการนเิ ทศ

กิจกรรม ระดับประสบการณ์
1. การบรรยาย ตำ่
2. การใชส้ ือ่ ประกอบการบรรยาย ตำ่
3. การเสนอข้อมลู เป็นกลุ่ม ตำ่
4. การดูภาพยนตรห์ รือโทรทัศน์ ตำ่
5. การฟังเทป วทิ ยุ หรอื เครือ่ งบันทึกเสียง ตำ่
6. การจดั นทิ รรศการวสั ดอุ ุปกรณแ์ ละเครอื่ งมอื
7. การสงั เกตในช้ันเรยี น ปานกลาง-ตำ่
8. การสาธิต ปานกลาง-ตำ่
9. การสัมภาษณ์แบบมีโครงสรา้ ง
10. การสมั ภาษณ์เฉพาะเรื่อง ปานกลาง
ปานกลาง
กิจกรรม ปานกลาง
11. การสัมภาษณท์ างออ้ ม ระดับประสบการณ์
12. การอภิปราย ปานกลาง
13. การอา่ น ปานกลาง
14. การวิเคราะห์และการคิดคำนวณ ปานกลาง
15. การระดมสมอง ปานกลาง
16. การใชว้ ีดีทัศน์และภาพถา่ ย ปานกลาง
17. การใชเ้ ครื่องมือและการทดสอบ ปานกลาง
18. การประชุมกลุ่มย่อย ปานกลาง
19. การจดั ทัศนศกึ ษา ปานกลาง
20. การเยีย่ มเยียน ปานกลาง-สูง
21. การใชบ้ ทบาทสมมุติ ปานกลาง-สูง
ปานกลาง-สูง

148

22. การเขียน สูง
23. การแนะนำให้ปฏิบตั ิ สูง

จากตารางแสดงระดับประสบการณ์ที่ได้รับจากการนิเทศดังกล่าว พบว่า กิจกรรม
ในลำดบั ที่ 1-5 คือ การบรรยาย การใช้ส่ือประกอบการบรรยาย การเสนอข้อมูลเป็นกลุ่ม การ
ดูภาพยนตร์หรือโทรทัศน์ และการฟังเทป วิทยุ หรือเคร่ืองบันทึกเสียง มีข้อสังเกตว่าระดับ
ประสบการณ์ที่ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศได้รับนั้นอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากเป็นกิจกรรมที่
นำเสนอข้อมูล หรอื รับข้อมูลในการพดู หรอื ฟังซึง่ เป็นระดับพื้นฐานเทา่ นั้น แตใ่ นทางตรงกันข้าม
ลำดับที่ 22-23 คือ การเขียนและการแนะนำให้ปฏิบัติ เป็นกิจกรรมที่ต้องอาศัยทั้งองค์ความรู้
และประสบการณ์ระดับสูง ซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจท้ังสองฝ่าย ตลอดจนเป็นกิจกรรมที่ผู้
ปฏิบตั ิสามารถกระทำได้ดว้ ยตนเอง จนกระทงั่ นำไปส่กู ารเผยแพรห่ รอื แนะนำให้ผอู้ ืน่ ปฏิบัติได้

สำหรบั กิจกรรมการนเิ ทศการศึกษา เพื่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของครูแฮร์ริส
(Harris, 1975 : 72-78 อ้างถึงใน นิพนธ์ ไทยพานิช, 2535 : 120-125) ท้ัง 23 กิจกรรม มี
รายละเอียดดังต่อไปนี้

1. การบรรยาย (Lecturing) เป็นกิจกรรมที่ใช้กันแพร่หลายมานานแล้ว ใช้ได้ท้ัง
กลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ เป็นกิจกรรมที่ทำได้ง่ายมากเพียงแต่ใช้การพูด และการฟังเท่าน้ัน
ประสบการณ์ที่ได้จากกิจกรรมการบรรยายจะอยู่ในระดับต่ำ ดังน้ันจึงไม่เหมาะสำหรับ
จดุ ประสงคใ์ นการเปลี่ยนแปลงเจตคติ ค่านิยม หรอื พฤติกรรมต่าง ๆ และในทางปฏิบตั ิมักจะใช้
การบรรยายเปน็ เพียงสว่ นหนึ่งของการฝึกอบรมเทา่ นั้น

2. การบรรยายท่ีมีสื่อประกอบ (Visualized Lecturing) เป็นการบรรยายที่ใช้
ทัศนูปกรณ์เข้ามาช่วย เช่น แผนภูมิ แผนภาพ โปรแกรมสำเร็จรูปในการนำเสนอ (เพาเวอร์-
พอยท์) ฯลฯ ประกอบการบรรยาย การที่เปิดโอกาสใหผ้ ู้ฟังการบรรยายได้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่
ผู้บรรยายเสนอ จะช่วยให้ผู้ฟังมีความสนใจมากขึ้น การบรรยายโดยใช้สื่อประกอบถึงแม้จะให้
คุณค่าก่อให้เกิดประสบการณ์ต่ำ แต่ก็ยังดีกว่าการบรรยายโดยไม่มีอะไรประกอบเลย ใน
ปัจจุบันได้มีการใช้มัลติมีเดียหรือสื่อประสม (Multi-Media) คือใช้สื่อหลาย ๆ ประเภท
ประกอบการบรรยายมากขึน้

3. การเสนอข้อมูลเป็นกลุ่ม (Panel Presenting) การเสนอข้อมูลเป็นกลุ่มจะช่วย
ให้การบรรยายเป็นที่น่าสนใจยิ่งขึ้น สามารถดำเนินการได้ในหลายลักษณะ เช่น การบรรยาย
เป็นหมู่คณะ ซึ่งประกอบด้วยผู้ให้ข้อมูลหลาย ๆ คนที่ต่อเนื่องกัน และอาจจะมีผู้แสดง
ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมอีกก็ได้ นอกจากนี้การเสนอข้อมูลในลักษณะของการจัดแบบซิมโพเซียม
(Symposium) ซึ่งเป็นการเสนอข้อมูลเป็นกลุ่มอย่างเป็นทางการ การโต้วาทีก็เป็นอีกลักษณะ

149

หนึ่งของการเสนอข้อมูลเป็นกลุ่ม กิจกรรมการให้ข้อมูลเป็นกลุ่มนี้มีจุดเน้นที่การให้ข้อมูล
แนวความคิดหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ประสบการณ์ที่ได้จากกิจกรรมชนิดนี้
สูงขึ้นกว่าการบรรยายทั้ง 2 แบบที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ตามปกติมักนิยมใช้กิจกรรมการเสนอ
ข้อมูลเปน็ กลุ่มเป็นสว่ นนำ และจะตามด้วยการอภปิ รายเป็นกลมุ่ ยอ่ ยหรือระดมความคิดเห็น

4. การดูภาพยนตร์หรือโทรทัศน์ (Viewing Film of Television) เป็นการนำเสนอ
ข้อมูลโดยใช้สื่อทางตา โดยการใหด้ ูภาพยนตร์ โทรทศั น์หรือวีดีโอเทป กิจกรรมลักษณะนีเ้ ริ่มมี
บทบาทสำคัญมากขึ้นในการฝึกอบรม การประชาสัมพันธ์ หรือประเมินผลงานที่ได้ปฏิบัติไปแล้ว

5. การฟังเทป วิทยุ วีซีดี ดีวีดี (Listening to Tape, Radio, VCD, DVD) เป็น
กิจกรรมที่จะชว่ ยถา่ ยทอดแนวความคิดจากบคุ คลหนึ่งไปยังอีกบคุ คลหนึ่งหรอื หลาย ๆ คนก็ได้
กิจกรรมน้ีจะใช้ในการสร้างความรคู้ วามเข้าใจ หรอื ฝกึ ทักษะทางดา้ นต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ทางด้านการเลียนสำเนียงหรือเสียง นอกจากนี้ยังใช้เคร่ืองบันทึกเสียงประกอบการสัมภาษณ์
หรอื บันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ แล้วนำมาวิเคราะห์ในภายหลัง ประสบการณ์ที่ได้รับจากกิจกรรม
ประเภทนี้ยังถือว่าอยใู่ นระดับตำ่ เช่นเดียวกนั

6. การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับวัสดุและเคร่ืองมือต่างๆ (Exhibiting Materials
and Equipment) กิจกรรมนี้จะช่วยในการฝึกอบรมหรือเป็นกิจกรรมสำหรับงานพัฒนาวัสดุ
ต่าง ๆ กิจกรรมนิทรรศการจะมีคุณค่าเป็นอย่างมากเมื่อนำไปใช้ควบคู่กับกิจกรรมชนิดอื่น ซึ่ง
จะเพิ่มความสนใจแก่ผู้ร่วมกิจกรรมได้เป็นอย่างดี เม่ือพิจารณาถึงผลที่มีต่อประสบการณ์แล้ว
จัดว่าจะอยู่ในระดับปานกลางทีค่ อ่ นข้างไปทางตำ่

7. การสังเกตภายในห้องเรียน (Observing in Classroom) เป็นกิจกรรมที่ทำการ
สังเกตการทำงานในสถานการณ์จริงของบุคลากรเพื่อวิเคราะห์สภาพการปฏิบัติงานของ
บุคลากรเหล่าน้ัน การสังเกตภายในห้องเรียนจะช่วยให้ทราบจุดดีหรือจุดอ่อนของบุคลากร
สามารถจะนำมาเป็นประโยชน์ในการประเมินผลการปฏิบัติงาน หรือใช้ในการพัฒนาบคุ ลากรก็
ได้ การสังเกตจะเป็นไปอย่างมีคุณภาพถ้าหากผู้สังเกตเป็นผู้ที่มีทักษะ มีเคร่ืองมือที่มีคุณภาพ
และมีการบันทึกข้อมูลได้อย่างถูกต้อง สำหรับผลที่มีต่อประสบการณ์น้ันจะอยู่ในระดับปาน
กลางที่ค่อนข้างไปทางตำ่

8. การสาธิต (Demonstrating) เป็นกิจกรรมที่มุ่งให้ผู้อื่นได้เห็นการดำเนินการ
คล้ายสถานการณ์จริง อย่างไรก็ตามผู้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้จากการสาธิตจะเป็นไปอย่าง
จำกัด ประสบการณ์ที่ได้จากการสาธิตจะอยู่ในระดับปานกลาง และมักจะมีข้อจำกัดอยู่คือ
หากดำเนินการกับกลุ่มขนาดเล็กก็มักจะไม่คุ้มค่าหรือไม่ประหยัด แต่ถ้าหากจะดำเนินการกับ
กล่มุ ขนาดใหญ่ก็มกั จะไมส่ ามารถทราบรายละเอียดได้อย่างท่ัวถึง การสาธิตจะมีคณุ ค่ามากขึ้น

150

ในกรณีที่มีการดำเนินการสังเกตอยา่ งเปน็ ระเบียบ และมีกิจกรรมติดตามมา เชน่ การอภิปราย
การให้ดวู ีดโี อเทปซ้ำอีกและการให้ลองปฏิบัติ เปน็ ต้น

9. การสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง (Structured Interviewing) เป็นกิจกรรมที่
ดำเนินการระหว่างผู้สัมภาษณ์และผู้ให้ข้อมูล โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อให้ได้ข้อมูลต่าง ๆ
ตามที่ต้องการ การสัมภาษณ์เป็นกิจกรรมที่จะช่วยในการคัดเลือกคณะทำงาน การสื่อสารกับ
กลุ่มคนและการตรวจสอบยืนยันข้อมูลต่าง ๆ เนื่องจากการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างจะถูก
ควบคุมโดยผู้สัมภาษณ์ ดังน้ันกิจกรรมชนิดนี้จึงมีคุณค่าน้อยต่อการเปลี่ยนแปลงเจตคติของ
บุคคล แต่ถ้าหากจะมองในเร่ืองรายละเอียดของข้อมูลเฉพาะอย่าง เช่น การศึกษาแนว
ความคิด การศึกษาความคิดเห็น การศึกษาเจตคติก็ถือว่ากิจกรรมการสัมภาษณ์แบบมีโครง
สร้างจะมีคุณค่าสูงพอสมควร โดยส่วนรวมแล้วกิจกรรมชนิดนี้ถือว่ามีผลต่อประสบการณ์ใน
ระดบั กลาง

10. การสัมภาษณ์เฉพาะบางเร่ือง (Focused Interviewing) เป็นกิจกรรมการ
สัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง โดยจะทำการสัมภาษณ์เฉพาะบางสิ่งบางอย่างที่ผู้ตอบมีความ
สามารถจะตอบได้เท่านั้น กิจกรรมนี้ถ้าหากดำเนินการอย่างเป็นระบบแล้ว ผู้นิเทศก็จะ
สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ภายในห้องเรียนได้เป็นอย่างดี สำหรับประสบการณ์ที่ได้จาก
กิจกรรมนจี้ ะอย่ใู นระดบั ปานกลาง

11. การสัมภาษณ์ทางอ้อม (Non-directive Interviewing) เป็นการรับรู้ข้อมูลจาก
การอภิปรายหรือแสดงแนวความคิดของบุคคลที่เราสนทนา ในการสัมภาษณ์ ทางอ้อมผู้
สัมภาษณ์จะพยายามให้ผู้ให้การสัมภาษณ์ระลึกถึงข้อมูลในอดีต ปัจจุบัน หรือคาดการณ์ใน
อนาคตเพื่อประเมินตนเองหรือตัดสินใจว่าตนเองจะทำในลักษณะใด เพื่อให้เขาได้แสดงความ
คิดเห็นหรือความรู้สึกออกมามากที่สุดและแสดงออกด้วยความจริงใจ ลักษณะของการ
สัมภาษณ์จะสนใจอยู่ที่ปัญหา และความสนใจของผู้ให้การสัมภาษณ์เป็นประการสำคัญ
เนื่องจากการสัมภาษณ์ทางอ้อมไม่มีการจัดลำดับขั้นตอนของสาระที่สนทนา ดังนั้นหากใช้
เคร่ืองบันทึกเสียงประกอบกับการสัมภาษณ์ก็จะเป็นการดี ทั้งนี้เพื่อจะได้นำมาเป็นข้อมูล ถ้า
การวิเคราะห์ไม่สมบูรณ์ในส่วนใดส่วนหนึ่ง ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการสัมภาษณ์ทางอ้อม
จะอยใู่ นระดับปานกลางที่ค่อนข้างไปทางสูง

12. การอภิปราย (Discussing) เป็นกิจกรรมที่เหมาะสำหรับกลุ่มขนาดเล็ก
ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการอภิปรายจะอยู่ในระดับปานกลาง ทั้งนี้เพราะการอภิปรายจะ
เกี่ยวข้องกับการปฏิสัมพันธ์ท้ังทางภาษาและท่าทาง การอภิปรายจะมีความแตกต่างจาก
กิจกรรมชนิดอื่น คือจะแตกต่างจากการสัมภาษณ์ตรงที่การอภิปรายเป็นกิจกรรมกลุ่ม และจะ
แตกต่างจากการประชุมตรงที่การอภิปรายมีโครงสร้างที่ยืดหยุ่น และเป็นแบบไม่เป็นทางการ

151

การอภิปรายจะมีความใกล้เคียงกับการประชุมกลุ่มและอภิปรายกลุ่ม อย่างไรก็ตามการ
ประชุมกลุ่มจะใช้เวลาน้อยคือ ระหว่าง 10-30 นาทีแต่การอภิปรายจะใช้เวลามากกวา่ น้ัน การ
อภปิ รายอาจจะนำไปใช้รว่ มกับกิจกรรมอ่ืน ๆ เชน่ บทบาทสมมุติ ภาพยนตร์ การอ่าน การวิจัย
การเยีย่ มเยือน การสาธิตและการบรรยาย เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ทีม่ คี วามสลับซบั ซ้อนได้

13. การอ่าน (Reading) การอ่านเป็นกิจกรรมการนิเทศที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
กิจกรรมการอ่านจะมีคณุ ค่ามากขึ้นหากดำเนินการอย่างเป็นระบบ และมีการอภปิ รายหลังจาก
การอ่านเสร็จสิ้นลงไปแล้ว ในปัจจุบันได้มีการใช้กิจกรรมการอ่านไปผสมผสานกับกิจกรรม
ชนิดอื่นสำหรับการฝึกอบรมมากขึ้น เช่น ให้อ่านขั้นตอนการทำกิจกรรม หรือการให้อ่านกรณี
ปญั หา เปน็ ต้น

14. การวิเคราะห์ข้อมูลและการคิดคำนวณ (Analyzing and Calculating)
กิจกรรมชนิดนี้มีความสำคัญมากสำหรับผู้นิเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการติดตามและประเมิน
ผลการวิจัยเชิงปฏิบัติการ และการควบคุมประสิทธิภาพการสอนซึ่งในการทำงานดังกล่าว
จำเป็นจะต้องอาศัยความสามารถและทักษะในการวิเคราะห์เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามการ
คิดคำนวณไม่จำเป็นจะต้องเป็นเร่ืองสลับซับซ้อนหรือเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ด้วยเคร่ือง
คอมพิวเตอร์ ในสภาพความเป็นจริงแล้วศึกษานิเทศก์จำเป็นต้องมีความสามารถและทักษะใน
การคิดคำนวณอย่างง่าย ๆ ได้แก่ การคิดคำนวณหาค่าดัชนีต่าง ๆ การเขียนตาราง เขียนกราฟ
และแผนภมู ิแสดงความสมั พันธ์ของตัวเลข เปน็ ต้น ท้ังนีเ้ พื่อนำไปใช้วเิ คราะห์ข้อมูลทีไ่ ด้จากการ
สังเกตพฤติกรรมในหอ้ งเรียน หรอื ข้อมลู ที่เกีย่ วข้องกับการฝึกอบรมทีไ่ ด้จัดขนึ้

15. การระดมสมอง (Brainstorming) เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเสนอ
แนวความคิด วธิ ีการแก้ปัญหาหรอื ให้ข้อแนะนำตา่ ง ๆ การระดมสมองจัดเปน็ กิจกรรมกลุ่ม ซึ่ง
แต่ละคนจะแสดงความคิดออกมาและจะไม่มีการอภิปราย ไม่มีการวิเคราะห์หรือวิพากษ์
วิจารณ์แต่อย่างใด ถึงแม้การระดมสมองจะเป็นการแสดงความคิดเห็นค่อนข้างอิสระ แต่ถ้า
หากมีการกำหนดปัญหาหรือวางโครงสร้างที่ชัดเจน ก็ย่อมจะสามารถได้แนวความคิดต่าง ๆ
มากมายภายในเวลาอันจำกัด บรรยากาศในการระดมสมองจะต้องเป็นไปในทางที่ดี ไม่มีอคติ
ต่อแนวความคิดของบุคคลใดทั้งสิน้ ถึงแม้แนวความคิดที่สมาชิกเสนอมานั้นจะไม่สามารถนำไป
ปฏิบัติได้โดยตรง แต่แนวความคิดนั้นก็จะถูกนำไปผสมผสานให้เกิดแนวความคิดอื่น หรือเกิด
แนวความคิดใหมท่ ีส่ ามารถนำไปปฏิบตั ิได้

16. การบันทึกวีดีโอเทปและถ่าย ภาพ (Videotaping and Photographing)
กิจกรรมชนิดนี้มีประโยชน์ในการพัฒนาหลักสูตร การประมินผลงาน การฝึกอบรมและการ
ประชาสัมพันธ์ การถา่ ย วีดีโอเปน็ เครื่องมอื ที่แสดงใหเ้ ห็นรายละเอียดภาพและเสียง สามารถดู
ได้ทันที สามารถลบได้และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ส่วนการถ่ายภาพน้ันจะนำมาใช้

152

ประโยชน์มากในการจัดนิทรรศการหรือจัดทำภาพประกอบในการจัดทำรายงานประเมินผลใน
เรือ่ งต่าง ๆ

17. การจัดทำเคร่ืองมือและข้อทดสอบ (Instrumenting and Testing) กิจกรรม
ชนิดนี้จะเกี่ยวข้องกับการใช้แบบทดสอบ แบบสำรวจ แบบแสดงความคิดเห็น แบบประเมิน
เจตคติและเคร่ืองมืออื่น ๆ เคร่ืองมือเหล่านี้มักจะนำไปใช้ร่วมกับกิจกรรมอื่นอยู่บ่อย ๆ เช่น
การอภิปราย การแสดงบทบาทสมมตุ ิ การสัมภาษณ์และการสงั เกต

18. การประชมุ กลมุ่ ย่อย (Buzz Session) กิจกรรมชนิดนีเ้ ป็นการประชุมกลุ่มเพื่อ
อภิปรายในหัวข้อเร่ืองที่จำเพาะเจาะจง โดยมีการกำหนดโครงสร้างน้อยที่สุด แต่จะมุ่งเน้น
ปฏิสมั พันธ์ภายในกล่มุ มากที่สุด บรรยากาศในการประชมุ น้ันจะมุ่งที่การแสดงความคิดเห็นที่มี
ต่อเรื่องหนึ่งเรื่องใดโดยเฉพาะและเป็นบรรยากาศที่ดี เทคนิคการประชุมแบบนี้ได้เสนอโดย เจ
ดี ฟิลิปส์ (J.D. Phillips) ในปี ค.ศ.1948 (พ.ศ.2491) และหลังจากน้ันก็ได้มีการปรับปรุงให้มี
ความเหมาะสมยิ่งขึ้นก่อนที่จะมีการประชุมกลุ่มแบบนี้ สมาชิกภายในกลุ่มจะได้รับทราบ
เรื่องราวที่จะทำการประชุมซึ่งอาจจะเป็นหัวข้อปัญหา คำถามหรือหัวข้อประเด็นต่าง ๆ ผทู้ ี่เป็น
สมาชิกภายในกลุ่มจะต้องแสดงความคิดเหน็ ออกมาด้วยถ้อยคำสน้ั ๆ และมีความชัดเจน แตใ่ น
บางครั้งอาจจะมีการเสนอข้อมูลแบบเป็นทางการประกอบด้วยก็ได้ เช่น การบรรยาย การฉาย
ภาพยนตร์ การเสนอข้อมลู เป็นกลุ่ม เป็นต้น

สำหรับการประชุมกลมุ่ ยอ่ ยอาจจะดำเนินการในลักษณะของการมอบงานให้แต่ละ
กลุ่มแตกต่างกันก็ได้เช่น กลุ่มที่ 1 อาจจะให้รับฟังข้อมูลจากวิทยากร กลุ่มที่ 2 อาจจะ
พิจารณาถึงแนวความคิดของวิทยากร กลุ่มที่ 3 อาจจะให้นำสิ่งที่ได้จากการฟงั มาเป็นประเด็น
ในการอภปิ รายเพิม่ เติม เป็นต้น ปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่ทำการประชุมกลุ่มจะเป็นไปแบบ
อิสระ และการแสดงความคิดเห็นก็สามารถจะทำได้อย่างเต็มที่ บรรยากาศเต็มไปด้วยความมี
น้ำใจเป็นนักกีฬา รู้จักยอมรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ผลจากการประชุมกลุ่มควรจะ
ได้มาซึ่งการเห็นด้วย ไม่เหน็ ด้วย หรอื ได้ข้อแนะนำเกีย่ วกับทางเลือกในการปฏิบัติงาน กิจกรรม
การประชุมกลุ่มจะมีคุณค่ามากขึ้นถ้าหากมีกิจกรรมอื่น ๆ ตามมา เช่น การสรุปประเด็นหรือ
ตั้งเป็นคำถามในกรณีที่จะต้องแสวงหาข้อมลู เพิม่ เติมอีก

19. การพาไปทัศนศึกษา (Field Trip) กิจกรรมชนิดนี้เป็นการเดินทางออกจาก
โรงเรียนไปสถานที่แห่งอื่นเพื่อศึกษาและดูงานที่สัมพันธ์กับงานที่ตนเองได้ปฏิบัติอยู่ ถึงแม้ว่า
การไปทัศนศึกษาจะเป็นที่สนใจและเป็นที่นิยมของครูและนักเรียนก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นที่นิยม
นำมาใช้ในการฝึกอบรมครูประจำการมากนัก การไปทัศนศึกษาจะได้ประโยชน์ในเชิงเพิ่มพูน
ประสบการณ์แก่ผู้ร่วมกิจกรรม ประสบการณ์ที่ได้จากกิจกรรมทัศนศึกษาจัดว่าอยู่ในระดับ

153

ปานกลางที่คอ่ นข้างไปทางสูง กิจกรรมทัศนศกึ ษาจะมีความแตกต่างจากกิจกรรมเยี่ยมเยือนก็
ตรงที่กิจกรรมทัศนศกึ ษาจะไม่เกี่ยวข้องกบั การสงั เกตพฤติกรรมการสอนในห้องเรยี นเลย

20. การเยี่ยมเยือน (Inter visiting) เป็นกิจกรรมที่บุคคลหนึ่งจะไปเยี่ยมและ
สงั เกตการทำงานของอีกบุคคลหนึ่ง การเยี่ยมเยือนถึงแม้สามารถจะกระทำเป็นกลุ่มขนาดเล็ก
ได้ แต่ในทางปฏิบัติโดยทั่วไปมักจะดำเนินการในลักษณะของกิจกรรมรายบุคคล กิจกรรมการ
เยี่ยมเยือนที่ได้ผลนั้น จำเป็นจะต้องมีคู่มือเกี่ยวกับการสังเกตพฤติกรรมการทำงานควบคู่ไป
ด้วย การเยี่ยมเยือนควรจะไปเยี่ยมบุคคลที่มีความสามารถในการทำงาน และดีเพียงพอที่จะ
เป็นตัวอย่างได้และจำเป็นจะต้องมีการวางแผนในการจัดกิจกรรมเป็นอย่างดี จึงจะทำให้การ
เยี่ยมเยือนเกิดประโยชน์สูงสุด สำหรบั ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมการเยี่ยมเยือนจัดว่า
อยู่ในระดบั ปานกลางที่คอ่ นข้างไปทางสงู

21. บทบาทสมมุติ (Role Playing) เป็นกิจกรรมที่สะท้อนให้เห็นความรู้สึกนึกคิด
ของบุคคลในวัฒนธรรมต่าง ๆ โมริโน (Moreno) ซึ่งเป็นบิดาหรอื ผคู้ ิดค้นกิจกรรมน้ีเป็นคร้ังแรก
ได้ใช้สำหรับการบำบัดรักษาทางจติ ใจ บทบาทสมมุติที่นำมาใช้ในการศึกษามีลักษณะคล้ายกับ
การปฏิบัติในสภาพการณ์ที่เป็นจริง น่ันคือจะกำหนดสถานการณ์ขึ้นแล้วให้ผู้ทำกิจกรรม
ตอบสนองหรือปฏิบัติตนเองไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น ในกรณีที่นำมาใช้ในการนิเทศนั้น
ส่วนใหญม่ ักจะเอาปัญหาที่เกิดขึน้ กับครูมาเป็นตวั กำหนดให้ผทู้ ำกิจกรรมสมมุติตัวเองว่าถ้าอยู่
ในสถานการณ์นั้นเขาจะทำอย่างไร ในการสมมุติน้ันอาจจะสมมุติให้เป็นตัวเขาเอง หรือสมมุติ
เป็นบุคคลอื่นก็ได้ บทบาทที่ผู้ทำกิจกรรมแสดงออกมาจะแสดงให้เห็นความรู้สึกนึกคิดของเขา
ว่าเป็นอย่างไร กิจกรรมบทบาทสมมุติจะช่วยให้เข้าใจสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีโดยไม่
ต้องอธิบายด้วยคำพูด หรืออภิปรายอย่างละเอียดละออ หลังจากการทำกิจกรรมบทบาท
สมมุติไปแล้วควรได้มีการอภิปราย เพื่อวิเคราะห์วิจารณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่สังเกตเห็นจาก
การทำกิจกรรมน้ัน ซึ่งจะเป็นการช่วยให้เรียนรู้จากการวิเคราะห์ทางด้านอารมณ์ควบคู่ไปด้วย
กิจกรรมบทบาทสมมุตมิ ีผลต่อประสบการณ์ในระดบั ปานกลางทีค่ อ่ นข้างไปทางสูง

22. การเขียน (Writing) เป็นกิจกรรมที่ใช้เป็นสื่อกลางในการนิเทศเกือบทุกเร่ือง
เช่น การเขียนโครงการนิเทศ การบันทึกข้อมูล การเขียนรายงาน การเขียนบันทึก การเขียนใบ
เตือนความจำ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าการเขียนเป็นกิจกรรมสื่อความหมายที่มีความสำคัญเป็น
อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเขียนเอกสารต่าง ๆ ที่ใช้ในการฝึกอบรม กิจกรรมการเขียน
จดั เป็นกิจกรรมทีใ่ ห้ประสบการณ์ในระดับสงู ท้ังน้ีเพราะก่อให้เกิดการปรับปรุงความเข้าใจ ทั้ง
ผเู้ ขียนและผอู้ า่ นท้ังสองฝ่าย

23. การปฏิบัติตามคำแนะนำ (Guided Practice) กิจกรรมชนิดนี้ใช้ได้กับราย
บุคคลหรือกลุ่มขนาดเล็ก เป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นการปฏิบัติ กิจกรรมการปฏิบัติตามคำแนะนำ

154

เป็นที่สนใจมากขึน้ เม่ือมีการฝึกทดลองสอนหรือการฝึกสอน นอกจากน้ันในการนิเทศการสอน
แบบคลินิกก็ได้มีการใช้กิจกรรมลักษณะนี้มากเช่นเดียวกัน ในบางคร้ังก็อาจใช้รว่ มกบั กิจกรรม
การเยีย่ มเยือนและกิจกรรมการสังเกต

นอกจากนี้ ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์ (2535 : 269) ได้เสนอแนวทางการเลือก
เทคนิควิธีการนเิ ทศหรือกิจกรรมการนเิ ทศใด ผนู้ ิเทศต้องพิจารณาโดยคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้

1. จุดมุ่งหมายของการนิเทศ โดยพิจารณาว่ามีจุดมุ่งหมายในการนิเทศอย่างไร
เพราะแต่ละเทคนิควิธีจะสนองต่อจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันออกไป เช่น ต้องการให้ผู้นิเทศมี
ความรู้ก็เลือกเทคนิควิธีในการเชิญวิทยากรมาให้ความรู้ หรือจัดแหล่งวิชาการที่ครูอาจารย์
สามารถศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองได้

2. เวลาที่ใช้ในการนิเทศ ผู้นิเทศควรพิจารณาเวลาในการจัดกิจกรรมว่า ต้องการ
เวลามากน้อยเพียงใด หากมีเวลาจำกัดก็ไม่สามารถจัดทัศนศึกษาหรือออกภาคสนามไปนอก
เขตสถานศกึ ษา

3. งบประมาณที่ใช้ในการนิเทศ เทคนิควิธีที่ไปศึกษานอกสถานที่อาจต้องการงบ
คา่ ใชจ้ ่ายมากกว่าการเชญิ วิทยากรหรอื การประชมุ ปรึกษาหารอื

4. ขนาดของกลุม่ ผรู้ ับการนเิ ทศ แบ่งตามขนาดของกลุม่ กจ็ ะได้ 3 ลักษณะ คือ
4.1 การนิเทศเป็นรายบุคคล ซึ่งเป็นการนเิ ทศตวั ต่อตัว โดยท่วั ไปเทคนิควิธีที่ใช้

จะเป็นการสังเกตการสอนและปรึกษาหารือเพื่อแก้ไขปัญหาการสอน แม้จะเสียเวลามากก็จะ
ได้ผลคอ่ นข้างสงู

4.2 การนิเทศเป็นกลุ่มเล็ก กลุ่มผู้รับการนิเทศขนาดเล็กจะไม่เกิน 10 คน เช่น
กลุ่มครูอาจารย์ที่สอนในสาขาวิชาเดียวกัน และรับการนิเทศในด้านปัญหาที่เกิดขึ้นจากการ
สอนโดยสามารถใช้การอภิปราย ระดมสมอง บทบาทสมมติ หรือการปรึกษาหารือก็ได้ เป็น
กล่มุ ที่พอเหมาะในด้านเวลาและค่าใช่จา่ ย

4.3 การนิเทศเป็นกลุ่มใหญ่ เป็นการนิเทศที่ผู้เข้ารับการนิเทศมีมากกว่า 10
คนขึ้นไป ผู้นิเทศอาจมจี ำนวนมากกวา่ 1 คนขนึ้ ไป จุดมุ่งหมายของการนิเทศมกั จะเป็นกิจกรรม
ที่เป็นการให้ความรู้เพื่อให้เกิดทักษะในการทำงาน การนิเทศสามารถใช้เทคนิควิธีในการ
บรรยาย โดยใช้สื่อการสอนต่าง ๆ เช่น วีดิทัศน์ โปรแกรมสำเร็จรูปในการนำเสนอ (เพาเวอร์
พอยท์) ภาพยนตร์ ตลอดจนการสาธิตรวมถึงการดูงานและทศั นศึกษาได้

จากกิจกรรมการนิเทศต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ผู้นิเทศสามารถเลือกและปรับ
ใช้ตามความเหมาะสมสำหรับการนิเทศแต่ละคร้ัง ท้ังนี้สามารถใช้กิจกรรมเพียงกิจกรรมเดียว
หรือมากกว่า 1 กิจกรรมก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่ากิจกรรมใดที่จะช่วยส่งเสริมให้การนิเทศในครั้ง

155

น้ันประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย ดังตัวอย่างกรณีศึกษาการนำกิจกรรมการนิเทศที่จะได้
กล่าวถึงตอ่ ไปนี้

5.6 กรณศี ึกษาการนำกิจกรรมการนิเทศไปใช้
จากประสบการณ์ ภาคสนามที่ผู้เขียนได้มีโอกาสร่วมกับคณ ะครุศาสตร์

มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ดำเนินการตามโครงการ “พัฒนาครูในรูปแบบ Browser In-
service” ให้แก่คณะผบู้ ริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์และคณะครูในเขตพื้นที่จังหวัดเชยี งใหม่
แม่ฮ่องสอน แพร่ และน่าน ซึ่งลักษณะของการนิเทศเป็นการให้คำแนะนำ ดูแลและให้
คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด (Coaching and Mentoring) ท้ังนี้ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ
เชยี งใหม่ (2556 : 1) ได้กลา่ วถึงวัตถุประสงคข์ องโครงการ ดังน้ี

1. ทำให้ผบู้ ริหารสถานศึกษาและศึกษานิเทศก์เข้าใจวิธีการรวบรวมข้อมูลครูผสู้ อน
ทุกคน เกี่ยวกับสมรรถนะในด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่จะช่วยยกระดับ
คุณภาพผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน รวมถึงสามารถประยุกต์ใช้วิธีการใหม่ ๆ เพื่อ
ส่งเสริมครูให้สามารถออกแบบกิจกรรมการเรียนรบู้ นพืน้ ฐานของการวิจยั

2. ทำให้ครูสามารถประยุกต์ใช้เทคนิค หลักการ แนวคิดในการพัฒนาการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพผลสัมฤทธิ์นักเรียนสูงสุดตาม
ศกั ยภาพ

3. ทำให้ครูผู้สอนทุกคนสามารถประยุกต์ใช้วิธีการใหม่ ๆ และออกแบบกิจกรรม
การเรียนรบู้ นพืน้ ฐานของการวิจัย

4. ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการพัฒนาตามความต้องการจำเป็นหรือความ
สนใจ

5. ครูได้รับการดูแลและให้คำปรึกษาจากผู้บริหารสถานศึกษาและศึกษานิเทศก์
อยา่ งใกล้ชิด

6. คุณภาพผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 สูงขึ้น
โดยผู้เรียนมีสมรรถนะด้านการอ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็น และความสามารถในการให้เหตุ
ผลได้เหมาะสมกับระดบั ชั้น

7. ผู้เรยี นมีทักษะการเรียนรตู้ ามจุดเน้นของสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน
8. ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการใช้คำถาม การสืบค้น การสร้างองค์ความรู้ การสื่อสาร
และการส่อื ความหมายได้สูงสุดตามศักยภาพ
จากผลการดำเนินโครงการข้างต้น ผู้เขียนได้ถอดบทเรียนจากการนำกิจกรรมการ
นิเทศมาใช้ แสดงได้ดังตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 5.2 แสดงกจิ กรรมการนิเทศตามโครงการ “พัฒนาครใู นรปู แบบ Browser In-service”

156

คร้ังทใี่ ห้ ผบู้ ริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครู
คำปรึกษา

ครั้งที่ 1 -การเขียนวิเคราะห์ -การเขียนวิเคราะหก์ ลุ่ม -การเขียนวิเคราะหก์ ลุ่ม

กลมุ่ เป้าหมาย (ครูผสู้ อน) เป้าหมาย (ครูผสู้ อน) แยก เป้าหมาย (ผเู้ รียน) แยก

ทุกคนในโรงเรยี น ตามกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้

คร้ังที่ 2 -การเขียนบันทึกผลการ -การเขียนบันทึกผล -การเขียนบนั ทึก
นิเทศติดตามการพฒั นา การนเิ ทศตดิ ตามการ หลังสอน
ครผู สู้ อนทุกคนในโรงเรยี น พัฒนาครูผสู้ อนตาม

กลุ่มสาระการเรียนรู้

ครั้งที่ 3 -การเขียนรายงานข้อมูล - การเขียนรายงานข้อมลู -การเขียนรายงานข้อมลู
เชงิ ปริมาณ เช่น จำนวน เชงิ ปริมาณ เช่น จำนวน เชงิ ปริมาณ เช่น ขอ้ มลู
หน่วยการเรียนรู้ที่บรู ณา- หน่วยการเรียนรู้ที่บรู ณา ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน
การ การจัดกิจกรรมการ การการจดั กิจกรรมการ ของนกั เรียน / ผลการ
เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 / เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 / ประเมินคะแนน
ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน พฤติกรรมระหว่างเรียน
ของนกั เรียน ขอ้ มลู เชงิ ของนกั เรียน ขอ้ มลู เชงิ ของนกั เรียน และผลการ
คณุ ภาพ เชน่ การบนั ทึก คณุ ภาพ เช่น การบันทึกผล ประเมินระดบั ความพึง-
ผลการสังเกตพฒั นาการ การสงั เกตพฒั นาการด้าน พอใจของนกั เรียนที่มีต่อ
ด้านการจัดกิจกรรมการ การจดั กิจกรรมการจัดการ การจัดการเรียนรแู้ บบใหม่
จดั การเรยี นรู้ของครู เรียนรู้ของครูผสู้ อนตาม ข้อมูลเชิงคุณภาพ เช่น
ผสู้ อนทกุ คน เปน็ ต้น กลุ่มสาระการเรียนรู้ทีเ่ ป็น บนั ทึกสรปุ พัฒนาการของ

กลมุ่ เป้าหมาย เปน็ ต้น ผเู้ รียนรายบคุ คลซึ่งเป็น
ผลจากการจัดกิจกรรม
การเรียนรขู้ องครแู ละ
สรปุ บันทึกหลงั
การสอน เป็นต้น

ข้อสังเกตที่สำคัญพบวา่ กิจกรรมที่ใช้ในการนิเทศดังกลา่ วน้ัน มุ่งเน้นการเขียนและ
การแนะนำให้กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์และครู ได้ลงมือปฏิบัติจึง
ทำให้ผู้นเิ ทศและผรู้ บั การนเิ ทศได้รับประสบการณ์จากกิจกรรมการนเิ ทศดังกล่าวในระดับสูง

157

กิจกรรมการนิเทศที่กล่าวมาข้างต้นนี้ สรุปได้ว่ากิจกรรมการนิเทศน้ันมี
หลากหลายที่ผู้นิเทศสามารถเลือกนำไปใช้ให้เหมาะสมได้ โดยตระหนักถึงผู้รับการนิเทศที่
แตกต่างกัน ทั้งนี้การนิเทศในแต่ละคร้ังอาจนำกิจกรรมการนิเทศมาใช้ร่วมกันมากกว่า 1
กิจกรรมก็ได้ ซึ่งผู้นิเทศต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม และความสามารถในการปฏิบัติของ
ตนเอง ว่ากิจกรรมการนิเทศใดควรจำเป็นต้องใช้ในช่วงเวลาใด หรือต้องใช้ร่วมกันกับวิธีใดจึง
จะกอ่ ใหเ้ กิดประสทิ ธิภาพในการนเิ ทศมากทีส่ ุด

ข้อคิดจากการเข้ารับฟังการปฐมนิเทศนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัย
ราชภัฏเชียงใหม่ มีวิทยากรมาบรรยายใหค้ วามรู้เกี่ยวกับแนวทางสคู่ วามเร็จในการศึกษาระดับ
บัณฑิตศึกษาซึ่ง สนิท สัตโยภาส (2557 : 2) ได้กล่าวถึงการนำแนวคิดพระพุทธศาสนา
“อิทธิบาท 4” (ธรรมะที่ทำให้เรียนอยา่ งมีความสุข) มาอธิบายได้อยา่ งน่าสนใจ ผู้เขียนจึงนำมา
เช่อื มโยงกบั การนำเทคนิคการนเิ ทศการศกึ ษามาใช้ใหป้ ระสบความสำเรจ็ ดังแผนภมู ิตอ่ ไปนี้

ฉนั ทะ วิรยิ ะ จติ ตะ วิมงั สา

รกั ชอบศรัทธา ขยัน บากบั่น มุ่งม่ัน จดจ่อ ทบทวน
ในการเปน็ พากเพียรใน ใสใ่ จในงานที่ทำ ไตรต่ รองงาน
ผนู้ ิเทศ เห็น การศกึ ษาหา ฝกึ นำเทคนิค
ประโยชนข์ อง ความรเู้ กีย่ วกบั ติดตามผล การนเิ ทศมาใช้
งานการนเิ ทศ เทคนิคการนเิ ทศ การพัฒนา ให้เกิดความ
การศกึ ษา ไม่ท้อถอยในการ การนเิ ทศอยา่ ง ชำนาญและนำ
ร่วมพฒั นา สม่ำเสมอ ผลดังกล่าวมา
วิชาชีพครดู ้วย พิจารณาและ
กระบวนการ ปรบั ปรุงแก้ไขใน
ครั้งถัดไป
นิเทศ

แผนภูมิท่ี 5.1 แสดงแนวทางการนำเทคนิคการนเิ ทศการศึกษามาใช้ใหป้ ระสบความสำเรจ็
(พัฒนามาจาก สนิท สัตโยภาส, 2557 : 2)

5.7 สรปุ ทา้ ยบท

158

เทคนิควิธีการนิเทศการศึกษา เป็นศิลปะในการนำกิจกรรมการนิเทศในรูปแบบ
ต่าง ๆ มาใช้ร่วมกันกับกระบวนการนิเทศ ซึง่ จำเป็นอย่างยิ่งทีผ่ ู้นิเทศควรนำมาใช้เนื่องจากช่วย
ส่งเสริมให้การนเิ ทศประสบความสำเร็จ โดยเทคนิคการนิเทศแบ่งเปน็ 3 ประเภท คือ กิจกรรม
สำหรบั ผนู้ ิเทศเป็นหลกั กิจกรรมสำหรับผู้รับการนิเทศเป็นหลัก และกิจกรรมทีผ่ ู้นิเทศและผรู้ ับ
การนเิ ทศกระทำรว่ มกัน สำหรับเทคนิคการนเิ ทศจำแนกได้เป็น เทคนิคการนเิ ทศเป็นรายบุคคล
และเทคนิคการนิเทศเป็นกลุ่ม ซึ่งหลักสำคัญ ที่แตกต่างกัน คือ การมุ่งเน้นพัฒ นา
กลุ่มเป้าหมายเป็นรายบุคคล กับเป็นกลุ่มใหญ่ที่เน้นผู้รับการนิเทศเป็นจำนวนมาก ท้ังนี้ขึ้นอยู่
กับดุลยพินิจของผู้นิเทศว่าต้องการพัฒนาในลักษณะใด อย่างไรก็ตามเทคนิคการนิเทศท้ัง 2
ประเภทต่างก็มุ่งพัฒนาและปรับปรุงการสอนของครูหรือผรู้ ับการนิเทศให้ดีขึน้ ตัวอยา่ งเทคนิค
การนิเทศเป็นรายบุคคลได้แก่ การสังเกตการสอนในช้ันเรียน การทดลองสอน การ
ปรึกษาหารือ การเลือกวัสดุอุปกรณ์สำหรับการสอน การประเมินผลตนเอง เป็นต้ น ส่วน
เทคนิคการนิเทศเป็นกลุ่ม ได้แก่ การประชุมกลุ่ม การประชุมปฏิบัติการ การใช้เอกสาร การ
จัดตั้งกรรมการกลุ่มทำงาน การศึกษานอกสถานที่ การปฐมนิเทศครูใหม่ เป็นต้น นอกจากนี้
การจัดการเรียนรู้ในยุคแห่งการปฏิรูปการศึกษายังจำเป็นต้องศึกษากิจกรรมเทคนิคการนิเทศ
ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งผู้นิเทศควรพิจารณาเลือกใช้ร่วมกันกับกิจกรรมอื่น ๆ อย่างเหมาะสม
โดยเฉพาะระดับประสบการณ์ที่ผรู้ บั การนเิ ทศจะได้รบั จากการนเิ ทศ

5.8 คำถามทบทวน

159

1. จงอธิบายความหมายของ “เทคนิคการนเิ ทศ” ตามความเขา้ ใจของท่าน
2.“การปรุงอาหารให้อร่อยต้องเติมผงชูรส เสมือนกับการนิเทศที่ทำให้ประสบ
ความสำเร็จตอ้ งนำเทคนิคการนเิ ทศมาใช้” ท่านมคี วามคิดเหน็ อยา่ งไรกับคำกลา่ วน้ี
3. เหตุใดจึงตอ้ งนำเทคนิคการนเิ ทศมาใช้ในการพฒั นาการจดั การเรยี นรู้ของครู
4. จงยกตวั อยา่ งเทคนิคการนเิ ทศเปน็ รายบุคคลมา 2 ตัวอยา่ ง พร้อมทั้งอธิบาย
5. จงยกตวั อยา่ งเทคนิคการนเิ ทศเปน็ กลุ่มมา 2 ตวั อยา่ ง พร้อมทั้งอธิบาย
6. ระหวา่ งเทคนิคการนิเทศเป็นรายบุคคลกับเทคนิคการนิเทศเป็นกลุ่ม เทคนิคใด
ดีกว่ากัน เหตุใดจึงคดิ เชน่ นน้ั
7. กิจกรรมการนเิ ทศใดทีท่ า่ นชอบมากทีส่ ุด เพราะเหตุใด
8. เหตุใดกิจกรรมการนิเทศบางกิจกรรม เช่น การบรรยาย การใช้ส่ือประกอบการ
บรรยาย การเสนอข้อมูลเป็นกลุ่ม ฯลฯ จัดอยู่ในระดับประสบการณ์ที่ได้รับจากการนิเทศใน
ระดบั ต่ำ
9. เราจะทราบได้อย่างไรว่าเทคนิคการนเิ ทศที่นำมาใช้นั้นประสบผลสำเรจ็
10. ให้ศึกษากรณีศึกษาเร่ือง “อีเมล์ถึงเพื่อน : ฉันควรเลือกอะไรดีระหว่าง
สัจธรรมกับความจริง” แล้วตอบคำถามดงั นี้

10.1 หากท่านเป็นผู้นิเทศนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ท่านจะให้
คำแนะนำแกน่ กั ศกึ ษาอย่างไรบ้าง

10.2 เทคนิควิธีการนิเทศการศึกษาใด ที่ควรนำมาใช้ในกรณีศึกษาดังกล่าว
เพราะเหตุใด

160

กรณศี ึกษา : เร่ือง “อีเมล์ถงึ เพื่อน : ฉนั ควรเลือกอะไรดีระหว่างสจั ธรรมกับความจรงิ ”

ถงึ ฟ้ากระจา่ งเพื่อนรกั
กันหวังว่าแกคงกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการฝึกสอนในเชียงใหม่สินะ คิดว่าแกคงได้

สมั ผสั ประสบการณ์ใหม่ ๆ แปลก ๆ ของชีวิต ซึ่งสำหรับกนั แล้วกันคิดว่ามนั มคี ่ามากทีเดียว ฟ้า
กระจ่าง เพื่อนรักแกคงไม่รู้หรอกว่าการตามล่าคะแนนของกันมันชักจะไม่ราบร่ืนเสียแล้วละ
เพือ่ น มนั ไมเ่ หมือนกบั ที่ฉนั ฝนั ไว้เลยน่ะ ถ้าแกไม่เซ็งเสียก่อนละก้อกันจะเล่าให้ฟัง

โรงเรียนที่กันมาสอนนี้ห่างจากตัวเมืองประมาณ 60 กว่ากิโลเมตรเห็นจะได้ ที่
โรงเรียนของกันเป็นโรงเรียนที่เพิ่งเปิดใหม่ได้เพียงปีเดียว มีครูอยู่ 2 คนเท่านั้น คือ ผู้
อำนวยการสถานศึกษา (ผอ.) คนหนึ่งกับพี่บดินทร์ธรรุ่นพี่ของพวกเราอีกคนหนึ่ง และถ้ารวม
ท้ังตัวกันด้วยก็เป็น 3 คนไม่ขาดไม่เกิน พี่บดินทร์ธรน่ะแกพยายามให้ความช่วยเหลือกันอยู่
เสมอ ซึ่งเร่ืองนี้แกก็คงจะเข้าใจดีอยู่แล้วแต่ ผอ.น่ะซี ไม่ไหวว่ะแกเป็นคนเอาการเอางานดีอยู่
หรอก แต่กันไม่ชอบสายตาของผู้เฒ่าคนนี้เอาเสียเลย กันมักจะพบสายตาที่ผิดปกติของแกอยู่
เสมอในเวลาทีก่ ันทำการสอนนกั เรียนกด็ ีหรือเวลาทีก่ นั ให้ความสนทิ สนมกับนักเรียนกด็ ี

ฟ้ากระจ่างความจริงแกก็รู้ใช่ไหมว่านักเรียนน่ะมักชอบครูฝึกสอนจะตายไป อย่าง
น้อยเด็กเค้าก็รู้ว่าเราไม่เอาเป็นเอาตายกับเค้าเท่าไหร่หรอกจริงมั๊ย ดังน้ันพวกนักเรียนจึงชอบ
มาสนิทสนมและปรึกษาหารือปัญหาต่าง ๆ กับกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะปัญหาเร่ืองการ
ปฏิบัติการจองเวรระหว่าง ผอ. กับไอ้ตัวหัวโจกของโรงเรียน มันเคยเล่าให้กันฟังว่าในการเรียน
การสอนบางครง้ั ถ้านกั เรียนคนไหนบงั อาจซกั ถามปัญหาตา่ ง ๆ กับผเู้ ฒ่าผนู้ ีแ้ ละแกสู้ไมไ่ ด้ บาง
ทีแกถึงกับถอดรองเท้าขว้างเอากม็ ี ตบหวั กม็ ี โดยเฉพาะตัวมันเองกเ็ คยโดนเสียบอ่ ย ๆ

อ้อ! ลืมบอกไปไอ้หมอนี่มันชื่อนายบอล บ้านอยู่ท้ายตลาด เจ้าหมอนี่เอาดีในทาง
มาโรงเรียนสายและหนีโรงเรียน แต่พูดก็พูดเถอะผลการเรียนของนายบอลคนนี้ก็จัดอยู่ใน
เกณฑ์ไมเ่ ลว คอื ระหว่างสามกว่า ๆ หรอื เจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เจ้าบอลมนั ให้
เหตุผลกับกันถึงการที่มันมาโรงเรียนสายและขาดบ่อย ๆ ว่า ที่บ้านมีงานมาก ไหนจะช่วยแม่
ขายของที่ตลาดตอนเช้าเอย ไหนจะรีดผา้ ให้น้องเอย ไหนจะต้องล้างถ้วยล้างชามเอย จิปาถะที่
มันจะจาระไนให้ฟังและบอกว่าไม่ใช่เรื่องกะโหลกกะลา แต่เหตุผลที่กันต้องยอมจำนนให้มันมา
สายได้บ่อย ๆ นั้น ไม่ใช่เหตุเพราะมันมีงานมากตามที่อ้าง หากแต่เพราะเจ้าบอลมันมักจะ
ยกตัวอยา่ งคนอืน่ ๆ ให้กนั ฟังว่าเพื่อนคนที่มาเรียนเชา้ ๆ และไม่เคยขาดเลยนั้นมีอยู่มากและใน
จำนวนนักเรียนเหล่าน้ันส่วนใหญ่เรียนหนังสือไม่เอาไหน สู้มันไม่ได้ ซึ่งเหตุผลนี้เองที่ทำให้กัน
ต้องยอมใหม้ ันมาสายและขาดได้โดยสม่ำเสมอ

161

เรื่องน้ีแหละที่ผอ.ของกันถือว่ากันบกพร่อง บางทีกันเผลอไผลสาธยายเหตุผลของ
เจ้าบอลให้หัวหน้าฟัง เร่ืองนี้เลยกลายเป็นว่ากันเข้าข้างนักเรียน อวดรู้ ฯลฯ หรือไม่ก็เอาชนะ
ด้วยการพูดในทำนองนี้ “ผมเป็นครูมานานแล้ว” หรือ “ผมว่าระเบียบต้องมาก่อน” หรือ “คุณ
เป็นครูฝึกสอน” ฯลฯ ซึ่งกันแสนจะเซ็ง เพราะส่วนใหญ่มักจะเป็นเร่ืองของระเบียบมากกว่า
สจั ธรรม ซึง่ เปน็ สิ่งทีจ่ ริงและย่ังยืนกว่า

ในที่สดุ กันกบั เจ้าบอลก็เลยถกู เขม่น ฟ้ากระจา่ งเพื่อนรัก แกคงคิดวา่ ทำไมกันจงึ ไม่
เอาตัวรอดไปเพียงคนเดียวโดยลงโทษเจ้าบอลให้ ผอ.เห็น กันขอบอกตรง ๆ ว่ากันทำอย่างน้ัน
ไม่ได้จริง ๆ ว่ะเพื่อนเพราะกันควรจะเคารพในเหตุผลของเจ้าบอลเสียมากกว่าที่จะต้องก้มหัว
ให้แก่ระเบียบอันขัดต่อหลักแห่งความจริงอันน้ัน ตราบเท่าที่เจ้าบอลยังคงไว้ซึ่งผลสัมฤทธิ์ที่ดี
ทางการเรยี นรู้ของมนั อยู่

ฟ้ากระจ่างเพื่อนรัก มีอยู่เย็นหน่ึงขณะที่นักเรียนกำลังจะเลิกจากการฝึกงานในโรง
ฝึกงานซึ่งกันรับหน้าที่ควบคุมอยู่แทน ผอ. มีรายงานจากนักเรียนซึ่งคุมการเบิกจ่ายเคร่ืองมือ
ว่านาฬิกาจับเวลาอันหนึ่งซึ่งมีราคาเกือบสี่พันบาทได้หายไปจากที่เก็บเสียแล้ว ทันทีที่รู้กันได้
เรียกนักเรียนท้ังหมดที่มาในวันนั้นมาเข้าแถวเช็คชื่อเพื่อตรวจหานักเรียนที่อาจหายไปในขณะ
ปฏิบตั ิงาน ผลปรากฏวา่ นักเรียนครบ กันก็เลยส่ังนกั เรียนให้ชว่ ยกันค้นหาภายในโรงฝกึ งานกไ็ ม่
พบ หากันจนอ่อนใจก็ไม่มีวี่แววถึงกับมีการค้นตัวของนักเรียนแต่ละคน อีกน่ันแหละ..เหลว!
ไม่เจอ..สดุ ท้ายกนั จำใจต้องปล่อยนกั เรียนกลับไปเพราะเยน็ มากแล้ว

เย็นวันนั้นเอง กันก็ถูก ผอ. เลน่ งานอย่างหนักในเรื่องความเผลอเรอและขาดความ
รับผิดชอบต่องาน เราถกเถียงกันอยู่นานกว่าชั่วโมง ในที่สุดก่อนที่ ผอ.จะหุนหันจากไปแกได้
กล่าวไว้ว่า ถ้ากันไม่สามารถนำเคร่ืองมือราคาแพงนั้นมาคืนโรงเรียนได้ละก้อ กันจะได้เกรด F
ในการฝึกสอนเทอมนี้ และเหตุผลของแกคือก่อนหน้าที่กันมาฝึกสอนที่นี่ ไม่เคยปรากฏมีของ
หายเลยแม้แตช่ ิน้ เดียว

ฟ้ากระจ่างเพื่อนรักเย็นวันนั้น กันเลยเดินคอตกกลับบ้านพัก ทันทีที่ถึงบ้านพักก็
พบเจ้าบอลยืนอยูท่ ี่ระเบียงบ้านอย่างสงบเสงี่ยม นยั น์ตาของมันที่มองดูกนั เต็มไปด้วยความเห็น
อกเห็นใจแต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่าในมือของมันนั้น คือนาฬิกาจับเวลาราคาเกือบสี่พันบาทอันที่
หายไปนั้นไว้ เจ้าบอลน้ำตาพรู.กันหายใจไม่ออก “หึ่ม นี่เธอ...” กันพยายามพูด ในทันทีนั้นเจ้า
บอลพูดขึ้นมาว่า “ครับครู...ผมเอามาเอง...ผมเกลียดขี้หน้ามัน” ฟ้ากระจ่างเพื่อนรัก แกคิดว่า
กนั ควรจะเลือกอะไรดีระหว่างเกรดกบั เจ้าบอล.. มิเช่นนั้นเรือ่ งนีถ้ ึง...อาจารย์นิเทศแน่

รกั เพือ่ นเสมอ
กัน

ท่มี า : พฒั นามาจากเอกสารการฝึกอบรมผู้บริหารสถานศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษา

162

(ม.ป.ป. : 1176)

เอกสารอา้ งอิง

คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่. (2556). เอกสารประกอบการอบรมการ
พัฒนาครูในรปู แบบ Browser In-service, (อดั สำเนา).

ครุรกั ษ์ ภิรมย์รักษ์. (2538). การนิเทศการสอน. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์.
วิเชยี ร เมนะเศวต. (ม.ป.ป.). การนิเทศการศึกษา. เชยี งใหม่ : คณะวิชาครศุ าสตร์ วทิ ยาลัยครู

เชยี งใหม่ สหวิทยาลยั ล้านนา.
วีระศักดิ์ ชมภูคำ. (2551). การนิเทศการศึกษา. เชียงใหม่ : คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัย

ราชภัฏเชียงใหม่.
ชารี มณีศรี (2542). การนิเทศการศึกษา. กรงุ เทพฯ : สำนักพิมพศ์ ลิ ปาบรรณาคาร.
ชาญชัย อาจินสมาจาร. (ม.ป.ป.). การนิเทศการศึกษา. ปัตตานี : สถาบันเพื่อความก้าวหน้า

ทางวิชาการ.
_________. (ม.ป.ป.). การนิเทศการสอนแผนใหม่. ปัตตานี : สถาบันเพื่อความก้าวหน้าทาง

วิชาการ.
นิพนธ์ ไทยพานิช. (2535). เทคนิคการนิเทศการศึกษา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์

มหาวิทยาลยั .
ปรียาพร วงศอ์ นตุ รโรจน์. (2535). การบรหิ ารงานวิชาการ. กรงุ เทพฯ : สหมติ รออฟเซท.
รุ่ง พูลสวัสดิ์. (ม.ป.ป.). หลักการนิเทศการศึกษา. เชียงใหม่ : คณ ะศึกษาศาสตร์

มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่.
สนิท สตั โยภาส. (2557 : 2). เอกสารประกอบการปฐมนิเทศนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา

มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชียงใหม,่ (อดั สำเนา).
สนั ต์ ธรรมบำรุง. (ม.ป.ป.). การนิเทศการศึกษา. กรงุ เทพฯ : บริษัทวรวุฒิการพมิ พ์ จำกัด.
สมศกั ดิ์ เอี่ยมธรรมชาติ. (2530). ชุดการเรียนรายวิชาศึกษา 373 หลักการนิเทศการสอน.

เชียงใหม่ : ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะวิชาครุศาสตร์ วิทยาลัยครู
เชยี งใหม่ สหวิทยาลัยล้านนา.


Click to View FlipBook Version