กิจกรรมท่ี ๕ สร้าง พฒั นามอดลู
ชื่อโมดลู ความร้เู บอ้ื งต้นเกี่ยวกบั งานโลหะประเภทงานสลักดนุ
ชื่อวชิ า สลกั ดนุ ใบหนา้ ในวรรณคดีไทย
ผู้จดั ทำ
นางสาวรานี หมนื่ ทพิ ย์
กาญจนาภเิ ษกวิทยาลัย ช่างทองหลวง
สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษากระทรวงศกึ ษาธิการ
ก
คำนำ
บทเรยี นโมดลู ชดุ ที่ 1 เรื่อง ความรเู้ บ้ืองตน้ เก่ียวกับงานโลหะประเภทงานสลกั ดุน ขา้ พเจ้าเรยี บ
เรียงข้นึ เพ่อื ใช้ประกอบการเรียนกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ชิ าสลกั ดุนใบหน้าในวรรณคดีไทย รหัสวชิ า 20315-
2102โดยเขยี นให้นกั เรยี นเข้าใจง่าย นกั เรียนสามารถศกึ ษาได้ดว้ ยตนเอง เพ่อื ใหม้ ีความร้พู ืน้ ฐานก่อนทีจ่ ะ
ศึกษาเนื้อหานน้ั จรงิ ๆ และยงั ได้เพ่ิมเติมเนอ้ื หาบางตอนเพื่อชว่ ยเสริมความรคู้ วามเข้าใจแก่นักเรียน
นอกจากนย้ี ังได้เพมิ่ ใบกจิ กรรมเสรมิ ให้นกั เรียนมปี ระสบการณก์ ว้างขวางยิ่งขึน้
บทเรยี นโมดูลชุดนี้มีจดุ ประสงคเ์ พือ่ ให้นกั เรยี นได้ศึกษาเก่ียวกบั ความหมาย ความสำคัญของ
งานสลกั ดนุ ภายในบทเรยี นเล่มน้ีประกอบด้วย คำแนะนำการใชบ้ ทเรียนโมดูล จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
แบบทดสอบภาคความรู้กอ่ นเรียน เน้ือหาใบกจิ กรรม แบบทดสอบความรูห้ ลงั เรยี น รวมท้งั เฉลยใบ
กจิ กรรมและแบบทดสอบ แบบเรียนโมดลู นน้ี ักเรียนสามารถศกึ ษาค้นควา้ ด้วยตนเองและเรียนรกู้ ันเปน็
กลุ่มเล็กๆ
ผจู้ ัดทำหวังเปน็ อย่างย่ิงว่าบทเรยี นโมดลู ชดุ นี้จะช่วยให้นักเรยี นได้รบั ความรู้ความเขา้ ใจ
เกี่ยวกับความหมายและความสำคัญของงานสลกั ดุนและลวดลายหนา้ นางในวรรณคดีมากย่ิงขึน้ และสง่
ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นของนักเรยี นสงู ขนึ้ อย่างไรก็ตามในบทเรียนโมดลู เล่มน้ีอาจมีบางจุดท่มี ีข้อบกพรอ่ ง
ผดิ พลาด ขอให้ทา่ นผอู้ ่านโปรดแจง้ ขา้ พเจ้าทราบด้วยจะขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิง่ ข้าพเจา้ ยินดีรับฟัง
และขอ้ เสนอแนะจากท่าน และพรอ้ มทีจ่ ะนำมาแก้ไขปรบั ปรงุ บทเรียนโมดูลเล่มน้ีใหม้ ีความสมบรู ณ์และ
ถกู ต้อง
ข หนา้
สารบญั ก
ข
เรอ่ื ง 1
2
คำนำ 3
สารบญั 4-5
คำแนะนำการใช้โมดูล 6
ข้ันตอนในการใช้บทเรียนโมดูล 6-9
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 10-12
แบบทดสอบภาคความรกู้ อ่ นเรียน 13-18
ใบความรู้ 19
20
1. ประวัตคิ วามเป็นมาเก่ยี วกบั งานโลหะประเภทงานสลักดนุ 20
2. ความหมายของงานโลหะประเภทงานสลักดุน 21
3. ความสำคญั ของงานโลหะประเภทงานสลกั ดุน 22
สาระสำคัญ 23-24
งานท่ีต้องปฏบิ ัติ 26
1. ใบกิจกรรมท่ี 1 เรือ่ ง ประวตั ิความเป็นมาเก่ยี วกบั งานโลหะประเภทงานสลักดนุ 26
2. ใบกิจกรรมท่ี 2 เรื่อง ความหมายของงานโลหะประเภทงานสลักดนุ 27
3. ใบกจิ กรรมท่ี 3 เร่ือง ความสำคัญของงานโลหะประเภทงานสลกั ดนุ 28
แบบทดสอบภาคความรู้หลงั เรยี น
เฉลยแบบทดสอบภาคความรู้กอ่ นเรยี น
1. ใบกิจกรรมที่ 1 เรอื่ ง ประวัติความเปน็ มาเกย่ี วกับงานโลหะประเภทงานสลกั ดุน
2. ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง ความหมายของงานโลหะประเภทงานสลักดนุ
3. ใบกจิ กรรมท่ี 3 เร่อื ง ความสำคญั ของงานโลหะประเภทงานสลกั ดุน
1
คำช้แี จงในการใช้โมดลู สำหรบั นกั เรยี น
การใช้บทเรียนบทเรียนให้เกิดประสิทธิภาพตอ่ การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนไดอ้ ยา่ งสงู สุด
นกั เรยี นควรปฏิบัติ ดงั นี้
1.การเตรยี มตวั ของนักเรียน
1.1 ศึกษาบทเรยี นโมดูลล่วงหนา้ กอ่ นทจี่ ำลงมอื ทำ หรอื ปฏบิ ัติกจิ กรรมต่างๆ เพื่อใหม้ ี
ความรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกับจุดประสงค์ วัสดุ อุปกรณแ์ ละสารเคมี วิธกี ารทำชน้ิ งาน ขอ้ ควรปฏิบัติในการ
ทำชิน้ งาน เทคนคิ การใชว้ ัสดุ อปุ กรณ์ และเครื่องมอื ตา่ งๆและสามารถทำทำชิน้ งาน เทคนคิ การใชว้ ัสดุ
อุปกรณ์ไดอ้ ย่างถกู วธิ ี และการใช้เครือ่ งมอื สลักดุนต่างๆ สามารถทำชิน้ งานได้อย่างถกู วิธี ประหยัดเวลา
และมีความปลอดภยั
1.2 วางแผน และจดั เตรยี มอปุ กรณท์ ่ีใช้การเรียนร้ขู องตนเองหรอื ของกล่มุ ให้พร้อมสำหรบั
การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามทีไ่ ด้รับมอบหมาย
2.ดำเนนิ การจดั กจิ กรรมในแต่ละครั้ง นักเรียนควรปฏิบตั ิ ดังน้ี
2.1 ศกึ ษาแนวทางในการปฏิบัติกิจกรรมให้มีความเข้าใจอยา่ งท่องแท้ หากพบปญั หา
หรอื ไม่เข้าใจให้สอบถามขอ้ มูลเพม่ิ เติมจากครู
2.2 ปฏิบตั กิ ิจกรรมต่างๆ ตามลำดบั ข้ันตอนท่กี ำหนด ดังนี้
2.2.1 นักเรยี นทำแบบทดสอบภาคความรูก้ อ่ นเรียน
2.2.2 นกั เรียนศกึ ษาและปฏิบัติกจิ กรรมต่างๆ ตามแนวทางการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
ตามลำดับข้ันตอนทกี่ ำหนด
2.2.3 นักเรียนสง่ ผลงานหรอื ชน้ิ งานในการปฏิบัตกิ ิจกรรม มีสว่ นรว่ มในการนำเสนอ
ผลงานหรอื อภปิ รายความรู้
2.2.4 นกั เรยี นทำแบบทดสอบภาคความรหู้ ลังเรยี น
2
ขั้นตอนในการใช้บทเรยี นโมดูล
1. ครูแนะนำนกั เรยี นเกี่ยวกับองค์ประกอบของบทเรยี นดโมดูล ชดุ ท่ี1 เรอื่ ง ความรเู้ บ้ืองต้นเกี่ยวกับงาน
โลหะประเภทงานสลักดุน
2. นกั เรยี นศึกษา และตรวจสอบองคป์ ระกอบของบทเรยี นโมดูล ชุดท่ี 1 ว่าครบถ้วนหรอื ไม่
3. นักเรยี นศึกษา และปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ตามลำดับดังน้ี
3.1 นักเรียนทำแบบทดสอบภาคความรู้ก่อนเรียน
3.2 นักเรยี นศกึ ษาและค้นคว้าจากใบความรู้ ดังน้ี
- ความหมายของงานโลหะประเภทงานสลกั ดนุ
- ความสำคญั ของงานโลหะประเภทงานสลกั ดนุ
3.3 นกั เรียนปฏิบตั กิ จิ กรรมตามใบกิจกรรม ดังนี้
- ใบกจิ กรรมท่ี 1
- ใบกจิ กรรมท่ี 2
- ใบกจิ กรรมที่ 3
4. ในระหว่างการปฏิบัติกิจกรรมในใบกิจกรรมท่ี 1-3 ถ้าหากนักเรียน มีข้อสงสัยสามารถซักถามเพื่อให้
สามรถปฏิบัติไดถ้ กู ต้องได้
5. เมื่อปฏิบัติกิจกรรมในแตล่ ะชั่วโมง ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายความรู้ และเฉลยคำตอบของการ
ปฏิบัตกิ จิ กรรม
6. นกั เรียนรว่ มกนั ซกั ถาม และอภิปรายความรู้เก่ยี วกบั ความเปน็ มางานโลหะประเภทงานสลกั ดุน
7. นกั เรียนทำแบบทดสอบภาคความรหู้ ลงั เรยี น
3
จุดประสงค์การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้
1. นักเรียนบอกประวตั คิ วามเป็นมาของงานโลหะประเภทงานสลกั ดุนได้
2. นักเรียนบอกความหมายของงานโลหะประเภทงานสลักดนุ ได้ถกู ตอ้ ง
3. นักเรยี นอธิบายความสำคญั ของงานโลหะประเภทงานสลักดุนได้
ด้านทกั ษะ
1. สามารถสบื คน้ รปู แบบของงานโลหะและเอกลักษณป์ ระเภทงานสลกั ดนุ ได้
2. สามารถค้นคว้าเพมิ่ เตมิ งานโลหะประเภทงานสลักดนุ ได้
ด้านคุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์
1. ผเู้ รียนมีความรบั ผิดชอบและสามารถปฏิบตั ิตามกฎระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของการใช้หอ้ งเรียน
2. ผู้เรียนปฏิบัตติ ามกฎระเบียบ ข้อบงั คับของการใชห้ อ้ งเรียน
3. ผเู้ รยี นทำงานรว่ มกันเป็นกลุม่ มคี วามรบั ผดิ ชอบ
สมรรถนะการเรยี นรู้
3.1 แสดงความรู้เกีย่ วกบั ประวตั ิความเปน็ มาของงานโลหะประเภทงานสลักดนุ
3.2 แสดงความรเู้ กย่ี วกับรูปแบบงานงานโลหะประเภทงานสลักดุน
3.3 แสดงความรูเ้ กี่ยวกบั วสั ดุอปุ กรณเ์ ครือ่ งมือช่างท่ใี ชใ้ นงานงานโลหะประเภทงานสลักดนุ
3.4 แสดงความรู้เกยี่ วกบั ลวดลายไทย
3.5 นำเสนอผลงานตามประเภทของเกย่ี วกับประวตั ิและความเปน็ มางานโลหะประเภทงานสลกั ดนุ
4
แบบทดสอบก่อนเรียน
บทเรยี นโมดลู ชุดที่ 1 เร่ืองความรู้เบอื้ งต้นเกีย่ วกบั งานโลหะประเภทงานสลกั ดนุ
คำชีแ้ จง
ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบที่ถกู ที่สดุ เพยี งคำตอบเดยี ว แล้วทำเครื่องหมาย X ทับตัวอกั ษร ก ข ค ง
ลงในกระดาษคำตอบหน้าคำตอบทีถ่ กู ต้อง
1. รชั กาลท่ี 5 ทรงจ้างช่างชาวเยอรมันมาเปน็ ผ้สู อนเก่ยี วกบั การออกแบบและ การแกะโลหะด้วย
เครอื่ งมอื ชอื่ วา่ ?
ก. มสิ เตอร์ แกรเลอร์
ข. ซิก มัลฟอยด์
ค. แวนโกะ๊
ง. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
2. เครือ่ งทองในประเทศไทย มีมาตั้งแต่สมยั ใด?
ก. ธนบุรี
ข. ลพบุรี
ค. สุโขทัย
ง. อยุธยา
5
3. โลหะชนดิ ใด นยิ มขนึ้ รปู แบบโบราณมากท่สี ุด?
ก. ทอง เงนิ ทองแดง อะลูมเิ นยี ม
ข. เหลก็ สังกะสี ทองเหลอื ง แสตนเลส
ค. สังกะสี ทองเหลือง ทองแดง ทองคำ
ง. เหลก็ ทอง ทองแดง ทองเหลือง
4. งานสลักดนุ เป็นงานศลิ ปะประเภทใด?
ก. จติ รกรรม
ข. ประตมิ ากรรม
ค. งานหัตถกรรม
ง. งานหตั ถศิลป์
5. การนำโลหะแผน่ บาง ๆ มาตกแต่งผวิ ภายนอกของรปู พรรณหรือสถาปัตยกรรมต่าง ๆเปน็ กรรมวธิ ีในการทำงาน
ประเภทใด?
ก. งานชุบเคลือบผวิ
ข. งานเครอื่ งถม
ค. งานบรุ ปู พรรณ
ง. งานครง่ั เงนิ ครั่งทอง
เนื้อหา 1 6
จากอดีตสู่ปัจจบุ ันของงานชา่ งโลหะ
ประเทศไทยในปจั จุบันไดม้ กี ารคน้ พบว่ามนษุ ยส์ มยั ยุคหนิ อยู่อาศัย และสญั จรไปมาระหว่างจังหวัด
ประจวบคีรีขันธแ์ ละพม่าตอนใต้ ซง่ึ เป็นเส้นทางเดนิ ผ่านจงั หวดั เพชรบรุ แี ละจังหวัดกาญจนบรุ ี โดยมอี าวธุ และ
เครอื่ งมือเครอื่ งใช้สมยั หิน ตลอดจนโครงกระดูกของมนุษย์สมยั นั้น ทีไ่ ด้ขดุ พบเป็นหลกั ฐานในบรเิ วณดงั กล่าว
ประมาณ 2,000 ปีเศษท่ีแลว้ มา คอื ราว พ.ศ. 350 แหลมทองเริ่มฟ้นื ฟู มแี คว้นทวารวดีเกิดข้นึ โดยมอี าณาเขตทาง
เหนือจดจงั หวัดนครราชสมี าในปัจจุบัน ทางใต้จดจงั หวดั สุราษฎรธ์ านี ซง่ึ มรี าชธานีตงั้ อยทู่ ่จี ังหวัดนครปฐม ในสมัย
น้ันเครอ่ื งมอื เครอื่ งใช้โดยมากยงั คงเปน็ ศลิ าต่างชนดิ แตถ่ ึงกระนัน้ โลหะกไ็ ดม้ ใี ชม้ ากขึน้ สว่ นใหญเ่ ป็นพวก
เครื่องประดับ และเครือ่ งใช้ท่ีทำดว้ ยโลหะ ตลอดจนพระพทุ ธรปู ปางตา่ งๆ ก็ทำข้นึ ด้วยโลหะเชน่ กนั
ราว พ.ศ. 1200 ความเจริญเกดิ ข้นึ ทางอาณาจกั รศรีวิชยั ซงึ่ มีอาณาเขตตัง้ แต่ไชยาจนถึงหมู่เกาะ
อินโดนีเซยี สมยั ศรีวิชยั งานโลหะเจรญิ ขึน้ มากมที องคำสมั ฤทธ์ิ เหล็ก ในรูปของประติมากรรมและเครือ่ งประดับ
ตา่ งๆ ฝมี ือในการประดษิ ฐค์ ่อนข้างประณตี ความเจรญิ ของสมัยนม้ี ีอยจู่ นถงึ พ .ศ. 1800 ในระหว่าง พ .ศ. 1500
ถงึ พ.ศ. 1800 ขอมมอี ำนาจแผเ่ ข้ามาจนถงึ ล่มุ แม่น้าเจา้ พระยา มรี าชธานีของอปุ ราชตั้งอยู่ท่ีลพบุรี รอ่ งรอยการใช้
โลหะปรากฏอยูม่ าก จะเหน็ ไดว้ า่ มกี ารทำแหวนในรูปต่างๆ เช่น แหวนตรา แหวนทม่ี หี ัวแหวนเปน็ ลวดลาย แหวน
ทม่ี หี ัวแหวนเป็นรปู สัตว์ และกำไลข้อมอื ซึง่ ทำด้วยเครือ่ งสำรดิ นอกจากนีย้ งั ไดพ้ บวตั ถุท่หี ลอ่ ดว้ ย ทอง เงนิ และ
ทองแดง ซง่ึ ทำเป็นเครอ่ื งใชต้ า่ งๆ จากหลกั ฐานท่ีพบแสดงวา่ ศนู ย์กลางแห่งความเจริญอยทู่ ีเ่ ชียงแสนเกา่ อันเปน็
ถิ่นทีเ่ จรญิ ไปด้วยทองคำ ช่างโลหะสมัยเชียงแสนได้สร้างพระพุทธรปู ดว้ ยฝีมอื ประณตี อยา่ งมากมาย
7
จนถงึ สมยั สุโขทยั อันเปน็ สมัยทีไ่ ทยน้ันเรมิ่ มอี สิ รภาพ และมีอาณาเขตเปน็ ของตนเอง เร่ิมตน้ ราว
พ .ศ.1700 เศษความเจรญิ ก้าวหนา้ ในด้านโลหะไม่ปรากฏให้เหน็ มากนกั ส่วนใหญจ่ ะเปน็ เครื่องมอื เครอ่ื งใช้
เลก็ ๆน้อยๆ ถ้าไมม่ กี ารสร้างพระพทุ ธรูป ความเจรญิ ก้าวหน้าในเรื่องโลหะยงิ่ ไมม่ ีปรากฏ พระพุทธรปู
ท่สี รา้ งขึน้ สมยั น้ีมีลักษณะ งดงามมาก โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ พระพุทธรปู ปางมารวิชัย ซง่ึ ไดส้ รา้ งขึ้นด้วยความ
ประณตี ของคนสมัยนน้ั
ตอ่ มา เมือ่ สโุ ขทัยเร่มิ เสอ่ื มอำนาจลง เป็นเหตุใหก้ รุงศรีอยธุ ยาเฟอื่ งฟู จนถึงได้เป็นราชธานีในที่สุด
กรุงศรีอยธุ ยาได้กลายเป็นเมอื งท่ีเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจทีส่ ำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นแหลง่
ตดิ ตอ่ ซื้อขายและแลกเปล่ียนสนิ ค้าของบรรดาพ่อค้าทเี่ ดนิ ทางมาจากดินแดนซ่งึ ห่างไกล ท้ังจากซีกโลกตะวันออก
และซีกโลกตะวันตก ความมน่ั คงสมบูรณ์ในด้านโลหะมีหลกั ฐานปรากฏอยู่มากมาย เชน่ การขดุ พบเครอ่ื งทองในกรุ
พระปรางคว์ ดั ราชบรู ณะ หรอื จากจดหมายเหตุของจีน ซึง่ เรยี บเรียงขน้ึ ในปี พ .ศ.2320 กล่าวถึงกรงุ ศรอี ยุธยาวา่ “
พระทนี่ ั่งเขยี นภาพลายทอง หลงั คามุงกระเบ้อื งทองเหลอื ง ตำหนักมุงกระเบ้ืองตะกั่ว เคยเอาตะกัว่ หมุ้ อิฐ ลูกกรง
เอา ทองเหลืองหุม้ ไม้ พระราชานนั้ ไว้พระเกศายาวสวมมงกฎุ ทาด้วยทองคำประดับเพชรพลอย รูปคล้ายหมวกยอด
แหลมที่นายทหารจีนสวมเมื่อเวลาออกรบ มีอำพันทอง ไม้หอม งาช้าง กระวาน พริกไทย ทองคำ หินสีต่างๆ
ทองคำกอ้ น ทองคำทราย พลอยหินตา่ งๆ และตะกั่วแข็ง”
ล่วงมาจนถึงกรุงศรีอยธุ ยาตอนปลาย บา้ นเมืองไมเ่ ปน็ ปกติสุข คนไทยต้องทำสงครามกบั พมา่ เร่อื ยมา
จนกระทง่ั เสยี กรงุ ศรีอยธุ ยาแกพ่ มา่ เมอ่ื พ.ศ. 2310 ทำใหง้ านโลหะของไทยเรมิ่ เส่อื มลง แตก่ เ็ พยี งไมน่ าน สมเด็จ
พระเจา้ ตากสินมหาราช ทรงกอบกูเ้ อกราชได้สำเรจ็ พระองค์ทรงสถาปนากรุงธนบรุ ี
ทางฝั่งตะวันตก ของแมน่ า้ เจา้ พระยาเป็นเมืองหลวง ช่วงระยะเวลา 15 ปี
แห่งการครองราชย์ของพระองค์ บา้ นเมอื งอยใู่ นสภาวะสงครามมาโดยตลอด
8
จนถงึ สมัยรตั นโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช ปฐมกษัตรยิ ์แหง่ ราชจกั รีวงศท์ รง
สถาปนากรงุ รตั นโกสนิ ทร์ หรือ กรงุ เทพมหานครในปจั จุบันขึน้ เปน็ ราชธานีแหง่ ใหม่ เมอ่ื พ .ศ. 2325 นับจากน้นั
เป็นต้นมา ราชอาณาจกั รสยามก็เปน็ ศูนยก์ ลางความเจริญจนถึงทกุ วันนี้
งานโลหะกม็ คี วามเจรญิ ข้ึนอย่างมากมายในสมยั รชั กาลท่ี 1 – 4 จะเหน็ ได้วา่ ชาวตา่ งชาตทิ ่เี ดนิ ทางมา
ประเทศไทยสมัยหนึ่งถงึ กบั กลา่ วชมวา่ ชา่ งเงินชา่ งทองของไทยมีฝมี อื ทางศิลปะและเป็นอาชีพของชาวสยามเลย
ทีเดยี ว
ในสมยั รชั กาลที่ 5 ไดท้ รงต้งั โรงงานชา่ งทองข้นึ ในวงั กรมหลวงสรรพ
ศาสตร์ ถนนตะนาว และได้รวบรวมช่างท่ีมีความชำนาญ ทางด้านเคร่อื งทองและ
เครอ่ื ง เงินขึ้น ซง่ึ พระองค์ไดส้ ั่งจ้างชา่ งชาวเยอรมนั มาเปน็ ผ้สู อน การฝังเพชร และ
พลอย แบบตา่ งๆ ชาวเยอรมนั ผนู้ ชี้ ่อื “ มิสเตอร์ แกรเลอร์” ไดน้ ำเคร่ืองมอื และ
เทคนิคท่ที นั สมยั มาสอนคนไทยใหร้ ูห้ ลักการปฏิบัติในหลกั วิชาตา่ งๆ ที่เก่ียวกบั การ
ออกแบบและการทำเคร่อื งประดับเชน่ สอนการแกะโลหะดว้ ยเครอ่ื งมอื การลงยาสี
เป็นตน้
จะเหน็ ไดว้ ่า การววิ ฒั นาการของงานโลหะนั้นมกี ารพฒั นาเรื่อยมางานโลหะในยุคปจั จุบนั นไ้ี ด้ถูก
รวบรวมและกอ่ ตงั้ ให้ เป็นหนว่ ยงานหนงึ่ ซง่ึ ขน้ึ ตรง กับงานชา่ งโลหะและชา่ งศิราภรณ์ กล่มุ ประณตี ศิลปแ์ ละการ
ชา่ งไทย สงั กดั สำนักช่างสิบหมู่ มหี น้าที่และขอบเขตความรบั ผิดชอบในการปฏิบัตหิ นา้ ท่ี เกีย่ วกับงานโลหะ ไม่
ว่าจะเป็นการซอ่ มหรือการสร้างงานประเภทประณตี ศิลปต์ ่างๆ ให้คงสภาพดงั เดมิ เมือ่ เกิดชำรุดเสียหายหรือสร้าง
ขนึ้ ใหม่ เปน็ ศิลปะในสมัยปจั จบุ ันก็ว่าได้ เพือ่ สบื ทอดละพัฒนางานโลหะ ในอดตี สู่ปัจจุบนั ให้คนรนุ่ ใหมไ่ ดศ้ กึ ษา
เปน็ แนวทางการพฒั นาในอนาคตตอ่ ไป
ลักษณะการทำงานของงานชา่ งโลหะในปจั จบุ นั เมอื่ ทราบว่าจะตอ้ งทำงานที่เกยี่ วข้องกับงานโลหะ
จำเปน็ จะต้องมีการออกแบบและค้นคว้าหาข้อมูลในงานนน้ั ๆ อย่างถ่ีถ้วนเสยี ก่อน เพือ่ ที่จะได้มาซงึ่ รูปแบบที่
สมบูรณ์ แล้วจึงเลอื กวัสดทุ น่ี ำมาใชใ้ นงานให้สมั พันธก์ ับการออกแบบ และความเปน็ ไปได้ในการนำชนิ้ งานนัน้ มา
ขึ้นตามแบบ มิใชว่ ่าแบบออกมาสวยแต่เวลาทำจริงน้ันทำไมไ่ ด้
เมื่อได้แบบท่ีสมบรู ณ์แลว้ จึงประชมุ ปรกึ ษากบั ช่างใน กลุม่ งานโลหะ ถึงข้ันตอนในการปฏิบตั ิงานว่าลักษณะงาน
นนั้ ตอ้ งอาศยั ความประณีตมากน้อยเพยี งใด ความยากง่ายหรอื ซับซ้อน ในงานทีจ่ ะปฏบิ ัตบิ างอยา่ งของชิ้นงานจน
9
9
ต้องข้นึ รปู หรือสลัก-ดนุ ใหเ้ กิดลวดลายอันสวยงาม แตใ่ นบางกรณีกอ็ าจจะต้องใชเ้ ทคนคิ หรอื เครอื่ งทุ่นแรง
ทางด้านอตุ สาหกรรมเข้ามาช่วย เพราะงานชิ้นนั้นๆ จะตอ้ งทำเปน็ จำนวนมากเพอ่ื ให้สำเร็จลลุ ว่ งตามเป้าหมายที่
กำหนด แล้วจึงประมาณการในการจัดทำเพอ่ื เบกิ วัสดุและอปุ กรณ์เพอ่ื เตรียมพร้อมในการทำงานช้ินนนั้
ผลงานโลหะในปัจจุบัน ไดจ้ ัดทำไปแล้วเป็นจำนวนมาก เชน่ สร้างฉัตรทองคำ และพานพมุ่ ดอกไมเ้ งินดอกไม้ทอง
เนือ่ งในวโรกาสทพ่ี ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวฯ มีพระชนมายุครบ 5 รอบ สรา้ งพระเก้ียวจุฬาของ
มหาวิทยาลัยจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั สรา้ งตราเครือ่ งหมายมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สรา้ งนพรัตน์ศริ าภรณ์
มงคล เน่ืองในมหามงคลเฉลิมพระชนพรรษา 5 รอบ สมเด็จพระนางเจา้ สิรกิ ติ ิพ์ ระบรมราชนิ ีนาถ
จะเห็นไดว้ ่า งานช่างโลหะประดิษฐ์ แม้จะเป็นหนว่ ยงานท่ไี มใ่ หญ่ มีชา่ งทางานเพียงไมก่ ีค่ น แตก่ ็สามารถทำงานช้ิน
สำคัญ ๆ ของชาตไิ ด้ ซ่ึงงานในลกั ษณะเช่นน้นี บั วนั จะหาชา่ งทมี่ คี วามชำนาญน้อยเต็มที แต่กเ็ ปน็ แคเ่ พียงหวังไวว้ า่
ในอนาคตคงจะมผี บู้ รหิ ารทีม่ ีวิสยั ทัศเลง็ เหน็ ความสำคัญของ ศิลปวฒั นธรรมของชาติกลบั มาให้การสนบั สนุนและ
พฒั นา ตลอดจนผลิตช่างขึ้นมารบั ใช้สังคมไดท้ นั ท่วงที
10
งานสลกั –ดุนโลหะ
งานสลักดนุ เดมิ เรยี กวา่ งานบุดุน เพราะจะใช้โลหะเปน็ แผน่ บางๆ แลว้ ไปหุม้ บนวัสดุทม่ี รี ูปทรงแล้ว
กลา่ วคอื หุม้ ข้างนอกวตั ถเุ ดิมเพ่อื ใหเ้ กิดความพิเศษ เปน็ เอกลกั ษณ์เฉพาะ เชน่ การบุทองคำบนขนั เงิน พานเงนิ
หรอื พระพทุ ธรปู เป็นต้น แตป่ ัจจบุ ันไมค่ อ่ ยนิยมเพราะความบางของเนื้อโลหะจะชำรุดหรือฉีกขาดได้งา่ ยกว่าโลหะ
ท่มี ีความหนามากกว่า ฉะนัน้ ชา่ งบดุ ุนปจั จุบนั จงึ พฒั นาเทคนคิ จากงานบดุ นุ มาเปน็ การสลักดุนซง่ึ สามารถใช้สว่ิ สลัก
ตอกลงไปบนแผ่นโลหะและดนุ ขึ้นให้สูงหรือสรา้ งสรรค์งานไดต้ ามความต้องการโดยไมต่ อ้ งคำนึงถงึ ว่าเนือ้ โลหะจะ
ฉีกขาดหรือชำรุดได้งา่ ย
นิยามความหมายของงานสลกั ดุน
จากหนงั สือพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ไดอ้ ธบิ ายความของคำว่า สลกั – ดนุ ไว้
ดงั นี้
ดนุ รุน , ทำให้เคลอ่ื นทไ่ี ปเร่อื ย ๆ ด้วยแรงดัน; ทำให้ลวดลายบางอย่างนูนขน้ึ เชน่ ดนุ ลาย เรยี ก
ลวดลายทีม่ ลี ักษณะเชน่ นน้ั ว่า ลายดนุ
ชา่ งสลกั ดนุ ชา่ งฝีมอื ประเภทหนึง่ ทำงานสลักดนุ โลหะแผ่นเรียบใหส้ ว่ นพนื้ ลึกต่ำลง หรือดนุ สว่ น
ลวดลายให้นนู สงู ขน้ึ โดยทวั่ ไปใชแ้ ผ่นโลหะเงนิ ทอง ทองแดง ฯลฯ ดังตัวอยา่ งเคร่อื งทองที่พบในกรพุ ระปรางค์วัด
ราชบรู ณะ จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ( จากพจนานุกรมศัพทศ์ ลิ ปกรรม ฉบับบณั ฑิตยสถาน อักษร ฉ – ช. พ.ศ.
2539 )
การสลกั หมายถงึ ทำให้เป็นลวดลายหรอื ตวั หนงั สือดว้ ยเครื่องมอื โดยการใช้สว่ิ หรือเครอ่ื งมอื สลกั
ตอกด้วยค้อนลงไปบนแผน่ โลหะใหเ้ ปน็ ร่องลึกเพื่อใหเ้ ห็นลวดลายหรือภาพชัดเจนโดยไมต่ ้อง ให้เนอ้ื ของโลหะนน้ั ๆ
หลุด หรอื สกึ ออกไป
การดุน หมายถงึ การทำให้โลหะต่าง ๆ ให้เปน็ รอยนูน ให้สงู ข้ึน คล้ายๆ กรรมวธิ ีการป๊ัมหรอื ดุน
11
ลายงานสลัก – ดุน จัดเปน็ กรรมวธิ พี ิเศษท่ีตอ้ งอาศยั ความชำนาญ ความสามารถเฉพาะต้องใชเ้ ทคนคิ ของช่างแตล่ ะ
คน และตอ้ งทมุ เทการปฏบิ ตั ิงาน ท้งั แรงกายและแรงใจอยา่ งจรงิ จงั เพ่อื เกดิ ความงามมคี ุณคา่ และเกดิ การยอมรับใน
ฝมี อื เพราะการทำงานกบั โลหะ นนั้ จะเกิดความผดิ พลาดขึ้นไดง้ า่ ย และแกไ้ ขยาก
ในสมัยโบราณ ราชสำนักใหค้ วามสำคญั กบั งานชา่ งแขนงนี้ไมน่ อ้ ยไปกวา่ ชา่ งแขนงอนื่ ๆ งาน ชา่ งบุ ดุน
หรอื ชา่ งสลัก - ดนุ ไดส้ รา้ งสรรค์ผลงานอนั เปน็ ส่งิ ทสี่ ูงคา่ ยง่ิ โดยเฉพาะเครอื่ งราชูปโภค เคร่อื งทองเครอ่ื งประดบั
ตกแตง่ และเคร่อื งประกอบพระราชพิธี ของพระมหากษตั รยิ ม์ านาน ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากศลิ ปวตั ถอุ ันลำ้ คา่ ยงิ่ ทพี่ บภายใน
กรพุ ระปรางค์วัดราชบูรณะ จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา บางส่วนมผี ลงานศลิ ปกรรมทแี่ สดงความ เป็นอจั ฉริยะ
ความสามารถในทางสร้างสรรค์ผลงานศลิ ปกรรมท่ีเกย่ี วเนอื่ งกบั พระราชสำนักอยา่ งหาท่ีเปรียบมไิ ด้ บง่ บอก ถงึ ความ
นยิ มและโปรดให้ชา่ งไดส้ ร้างผลงานทเี่ ป็นมรดกไว้ใหช้ ่นื ชมจนทุกวนั นี้
วสั ดุทนี่ ยิ มนำมาใช้ในงานสลัก - ดุนไดแ้ ก่ ทองคำ เงิน ทองแดง สว่ นอปุ กรณ์และเครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นงาน
สลกั ดุนประกอบด้วย แผน่ โลหะทจี่ ะนำมาสลักดนุ แผ่นชนั แกว้ ใช้รองรับชน้ิ งานโลหะ ขณะสลัก - ดุนจะชว่ ยใหไ้ มเ่ สยี
รูปทรง เครื่องมอื สลัก - ดนุ ประกอบด้วย ค้อน และสิ่วสลักดนุ ขนาดตา่ งๆ กรดกำมะถนั เจอื จาง ตะเกียงเปา่ แลน่ หรอื
ตะเกยี งฟแู่ บบใชแ้ กส๊ คบี จบั รอ้ น ปากกาจบั ร้อน แปรงทองเหลือง กาว สวิ่ ตอกขาด หรือส่วิ สกดั กรรไกรตัดโลหะ
ตะไบ และแทง่ เหล็กหรอื ไม้ ไวท้ บั ชิน้ งานกับชันแกว้ เป็นตน้
12
13
z
ลายไทย พลว้ิ ไหววงวาดพิลาสเหลอื
ลว้ นกระหนกเปน็ หลกั ประจกั ษ์เจือ เถาเครอื กระจงั ประจำยาม
พุม่ ข้าวบณิ ฑ์เฟอ่ื งอบุ ะเทพนม กรวยเชงิ นา่ ชมก้านขดขา้ ม
บวั กระหนกรกั รอ้ ยดอกลอยงาม ระบอื นามพรง้ิ พรายลายไทยเอย
ศิลปะการตกแต่งในวัฒนธรรมไทยมีการเขียน การสลัก การปั้นปูนสำหรับประดับประดาสถานที่สำคญั
และวัตถุสิ่งของ โดยใช้ลวดลายทีเ่ รียกว่า ลายไทย หรือลาย กระหนก การที่ได้ชื่อว่า ลายไทย หรือลายกระหนก
เพราะลายไทยมี กระหนก ประกอบอยู่ด้วยเสมอ คำว่า “กระหนก” แปลว่า ทอง ท่านผู้รู้สันนิษฐานว่า ลาย
กระหนก แต่เดิมหมายถึง ลายทองทเ่ี ขยี นตพู้ ระธรรม ต่อมาความหมายเปลี่ยนไปเปน็ รปู ลกั ษณข์ องตวั ลาย ส่วนคำ
ว่า “ลายไทย” นน้ั เพ่ิงใช้ในสมัยรัตนโกสนิ ทร์
ลายไทยมปี ระวัตคิ วามเปน็ มานานนบั พันปี ต้นแบบของลายไทยคอื ลวดลายใน ศิลปะอินเดียโบราณ มีเค้า
อยู่ในสมัยศิลปะทวารวดีซึ่งเป็นสมัยที่พระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้าสู่สุวรรณภูมิ จึงอาจกล่าวได้ว่า ลายไทยเข้ามา
พร้อมกบั พระพุทธศาสนา ลายไทยไดร้ บั การพฒั นามาอยา่ งตอ่ เนอ่ื งทั้งรปู ลักษณแ์ ละลวดลาย ด้วยจนิ ตนาการและ
ภูมิปญั ญาของชา่ งไทย
14
ดา้ นรปู ลักษณ์ ลายกระหนกในลายไทยแต่แรกเร่ิมมรี ูปร่างเหมอื นเลข ๑ ทมี่ ีหวั จุก ต่อมาในยุคสมัยทวาร
วดี ลายกระหนกมีลกั ษณะท่ีปัจจุบนั เห็นวา่ คล้ายใบผกั กูด โดยมขี อบใบเปน็ หยกั โคง้ จงึ ต้งั ช่อื เรียกวา่ กระหนกผัก
กดู กระหนกลวดลายแบบเขมรทพ่ี บในไทย เชน่ ทปี่ ราสาทพนมรุ้ง มลี กั ษณะรปู ทรงทีล่ ่ำสัน กระหนกแบบหริภุญ
ชยั มีลกั ษณะเด่นคล้ายรูปใบไมก้ ้านม้วนใบพลกิ กระหนกแบบสโุ ขทัยมีลักษณะเปน็ แถววงโค้งเรียงซ้อนสลับคล้าย
แบบล้านนา โดยก่อนสมัยอยุธยา ลายกระหนกยังได้รับอิทธิพลของขอมหรือ เขมรโบราณ ครั้นถึงสมัยอยุธยา
ลวดลายบางลงและลดความซับซ้อนลง ต่อมาในสมัยอยุธยาตอนปลาย ลายกระหนกมคี วามวิจิตรและประณีตจน
ถือกันวา่ เป็นงานชน้ั ครู ซึง่ เป็นแบบอยา่ งมาถึงสมยั รัตนโกสินทร์
ช่างไทยนำกระหนกมาผูกเป็นลวดลายโดยได้รบั แรงบันดาลใจจากธรรมชาติท่ีอยู่รอบตวั ทั้งต้นไม้ ใบไม้
ดอกไม้ และเถาวัลย์ ล้วนเป็นแม่แบบในการประดิษฐ์ลายกระหนกที่อ่อนช้อย สวยงาม และมีมากมายหลาย
ลักษณะ เช่น ลายพรรณพฤกษา ลายเครือเถา ลายประจำยาม ทั้งน้ี ในการออกแบบลวดลายต้องคำนงึ ถึงพื้นท่ที ี่
จะใช้ประดับ ลวดลายจะต้องเหมาะสมกับพื้นที่ เช่น ลายกรวยเชิงเหมาะสำหรับประดับพื้นที่ส่วนล่างของผนัง
ส่วนลายเฟื่องอุบะเหมาะท่ีจะใช้ประดับพ้นื ท่สี ว่ นบนของผนัง
15
กลมุ่ ที่ 3 แบบร่วมสมยั ลายกระหนกกล่มุ นสี้ ะท้อนลกั ษณะเฉพาะตัวของช่างหรือศิลปินปจั จุบัน โดยไมเ่ ครง่ ครัด
ตามแบบฉบับแหง่ ชาติ
ลายไทย-ลายกระหนกมีเอกลักษณ์โดดเด่น เปน็ สาระสำคัญของลวดลายประดบั ตามศิลปะไทย พัฒนาการ
อันยาวนานของลายไทย-ลายกระหนกสะท้อนให้เห็นความยืดหยุ่น ในด้านรูปลักษณ์ การออกแบบ และการ
นำไปใชง้ าน ตามเอกลักษณ์อย่างไทยไดเ้ ป็นอยา่ งดี
16
1. ความสำคญั ของลายไทยในสงั คมไทย
ในสังคมไทยสิ่งที่ถือว่าเป็นงานช่างมีอยูท่ ั้งภายในราชสำนัก ในวัด และตามบ้านเรือน คือ ลายไทย-ลาย
กระหนก ลวดลายประดับดงั กลา่ วมีความสำคัญในฐานะที่เปน็ หลกั ฐานความเปน็ มายอ้ นอดีตกวา่ พนั ปี ก่อนจะมา
เรียกชื่อว่า ลายไทย-ลายกระหนก ในปัจจุบัน โดยมีเค้าอยู่ในศิลปะสมัยทวารวดีของไทย อันเป็นสมัยแรกเร่ิม
วัฒนธรรมพระพทุ ธศาสนาซ่งึ แพรห่ ลายจากประเทศอินเดียโบราณมาสดู่ นิ แดนในภมู ภิ าคนี้
1.1 ลายไทยคือลายกระหนก ลายกระหนกคือลายไทย
ชอ่ื เรียก ลายไทย อาจมมี าอย่างช้าเพียงในสมยั รัตนโกสินทร์ตอนตน้ คำวา่ “ไทย” ในสมยั โบราณสะกดว่า
“ไท” เช่น มีคำว่า เมืองไท ปรากฏบนด้านหนึง่ ของเหรียญเงินตราทองแดง ประวัติของเหรยี ญดังกล่าวมีใน พ.ศ.
2378 ซึ่งตรงกับรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีพระราชกระแสรับสั่งให้ นายรอเบิร์ต ฮัน
เตอร(์ Mr.Robert Hunter) พ่อคา้ ชาวองั กฤษ จดั ทำตัวอย่างเหรียญ เม่อื ไดท้ อดพระเนตรเหรยี ญตัวอย่างซ่ึงทำมา
ถวาย 2 แบบ แล้วไม่โปรด จึงไม่ได้จัดทำเพื่อนำออกใช้ ปัจจุบันเหรียญสำคัญดังกล่าวเก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑ์
ธนาคารแหง่ ประเทศไทย วงั บางขนุ พรหม
ลายไทยมีอยมู่ ากมายหลายลักษณะตามการออกแบบของช่างแตล่ ะยุคสมยั โดยสว่ นใหญ่มักมีลายสำคัญ
ประกอบอยู่ดว้ ยเสมอ คือลายท่ีเรียกว่า กระหนก ซึ่งมลี ักษณะคล้ายเลข 1 เตมิ จกุ ดงั นน้ั เมือ่ เรยี กลายไทยจึงหมาย
รวมถึงลายกระหนกด้วยลักษณะที่คล้ายเลข 1 ของกระหนกอาจอ้วนป้อมผอมเพรียว หรือเรียวสะบัดปลายและ
รายละเอียดจะมมี ากหรือน้อยกต็ าม ข้ึนอยกู่ บั รสนยิ มเฉพาะตัวของช่าง และความนิยมของแตล่ ะยุคสมยั ด้วย
ชื่อเรียก กระหนก หรือ ลายกระหนก ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าใช้เรียกกันมาตั้งแต่ระยะใดของสมัยที่มีกรุงศรี
อยุธยาเป็นราชธานี เข้าใจเพียงว่า แต่เดิมคงเรียกว่า ตู้พระธรรม หรือตู้ลายทอง หรือตู้ลายรดน้ำ เพราะคำว่า
“กระหนก” แปลว่า ทอง ลายกระหนก จึงแปลว่า ลายทอง เมื่อเวลานานไป กระหนกจึงเปลี่ยนไปเป็น ลักษณะ
หยกั
ปลายสะบัดของลายทอง คือลายกระหนก
การที่กระหนกผสมกลมกลืนอยู่กับลายต่าง ๆ แล้วเรียกรวม ๆ ว่า ลายไทย จึงอาจกล่าวไดว้ า่ กระหนก
เปน็ สาระสำคญั ของลายไทย คือ ความหมายของลายไทยคอื ลายกระหนก หรือลายกระหนกคอื ลายไทย
1.2 วงั วดั และบา้ น เชือ่ มโยงกนั ดว้ ยลายไทย
17
ลายไทย-ลายกระหนก ซึ่งมีพัฒนาการมาอย่างยาวนาน มีหลายลักษณะ ขึ้นอยู่กับช่างแตล่ ะยุคสมัยจะ
คดิ ประดิษฐล์ วดลายไปตามความร้สู ึกหรือตามจินตนาการ แล้วตั้งชอื่ ตามลักษณะของลวดลายนนั้ ๆ เพ่อื ส่ือสารให้
รับรู้กนั เชน่ ลายประจำยามกา้ มปู ลายเฟือ่ งอุบะ ลายเครือเถา ฯลฯ
ลักษณะของลายไทยนนั้ มเี ปน็ จำนวนมาก จงึ มีชอ่ื เรียกมากมายจนไมส่ ามารถจำไดห้ มด ความหลากหลาย
ของลายไทยท่ีมักมีกระหนกรว่ มอยู่ดว้ ย จงึ นำมาใช้ในการประดบั ประดาสง่ิ ของและสถานท่ี เช่น พระมหาปราสาท
ราชมณเฑยี ร หรืออาจนำไปใช้ภายในวัด ในบ้านเรือน สง่ิ พิมพ์ แผน่ ปา้ ยตามถนนหนทาง รวมท้ังในโรงแรม แม้แต่
ในกระเปา๋ เงินก็สามารถพบเหน็ กระหนกด้วยเช่นกัน โดยอาจมีมากบ้างนอ้ ยบา้ ง ไดแ้ ก่ สว่ นทีเ่ ปน็ ลายประดับ
ธนบัตรทุกรุ่น ทุกราคา
2. พฒั นาการของลายไทย-ลายกระหนก โดยลำดับยุคสมยั ตงั้ แตแ่ รกเริ่มจนถงึ ปจั จุบนั
ดังท่ไี ดก้ ล่าวมาแล้วว่า ต้นแบบของลายประดบั ท่เี รียกวา่ ลายไทย คอื ลวดลายในศิลปะอนิ เดียโบราณที่
แพร่หลายเข้าสู่ดินแดนในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์เมื่อกว่าพันปีมาแล้ว ครั้นเมื่อผ่านพัฒนาการในดินแดนต่าง ๆ
รวมทั้งดินแดนที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบัน ซึ่งดินแดนแห่งนี้ได้กลายเป็นแหล่งสำคัญทางพระพุทธศาสนา มี
พัฒนาการยาวนานภายใตก้ ารอปุ ถัมภข์ องราชสำนักสืบเน่ืองมาจนถึงปัจจบุ ัน งานชา่ งทง้ั ในพระพทุ ธศาสนาและใน
ราชสำนักจงึ มีสว่ นเชอื่ มโยงกันเปน็ หน่งึ เดยี วด้วยลวดลายประดบั และได้แปรเปลี่ยนลักษณะไปตามความนิยมของ
ดินแดนแต่ละท้องถิ่น และตามยุคสมัยที่เปลี่ยนมาเป็นลำดับ อนึ่ง พัฒนาการของลวดลายประดับจากดินแดน
เหลา่ นน้ั กม็ สี ่วนเก่ียว
เนอ่ื งท่ีเป็นแรงบนั ดาลใจใหแ้ ก่กนั โดยการติดตอ่ ไปมาหาส่กู นั
18
ลักษณะก่อนจะได้ชื่อ และเมื่อไดช้ อื่ วา่ “ลายไทย”
ความเป็นต้นแบบใด ๆ คือสิ่งใดๆที่มีอยู่มาก่อน ในส่วนของงานช่างก็เช่นกัน ช่างได้นำมาเป็นแรง
บนั ดาลใจปรบั ปรงุ รว่ มกบั จินตนาการ โดยมจี ดุ ประสงค์ของการใช้งานหรือใชป้ ระดับเปน็ แนวทางในการออกแบบ
งานประดับ ซึ่งลวดลายประดับในวัฒนธรรมศาสนาก็เพื่อความเป็นสิริมงคลตามความเชื่อทางศาสนา โดยมีแบบ
แผนกฎเกณฑ์กำกับอยู่ด้วย ซึ่งหากประดับในตำแหน่งสำคัญ ลวดลายก็มีความสำคัญเด่นชัดด้วย พื้นที่ประดับ
ลวดลายจึงมีสว่ นสำคญั คอื เปน็ เง่ือนไขท่ใี ช้ในการออกแบบลวดลายประดบั ให้เหมาะสม ทงั้ น้ี ลวดลายประดับแบบ
ใหมล่ ้วนเกิดจากเงอื่ นไขดังกล่าวนกี้ ารท่ีดินแดนแหง่ ใดรับแรงบนั ดาลใจต่าง ๆเขา้ มาใช้ ก็สามารถปรับเปล่ียนตาม
ความเหมาะสมของเง่อื นไขความตอ้ งการและความนยิ มในทอ้ งถ่ินของตน เช่น ลวดลายประดับของสมยั ทวารวดีใน
ช่วงแรก ๆ นั้นได้รับแรงบันดาลใจจากงานช่างในวัฒนธรรมศาสนาจากอินเดีย แม้ว่าจะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับ
ตน้ แบบ แตก่ ส็ ังเกตไดว้ า่ มีลกั ษณะแปลกไปจากตน้ แบบ ลกั ษณะท่ีแปลกนัน้ ตอ่ มาก็พฒั นามาเป็นแบบอย่างเฉพาะ
ในศิลปะทวารวดีในที่สุด และเมื่อผ่านยุคสมัยต่าง ๆ อันมีกระบวนการทางพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ก็ได้
กลายเป็นลายไทยอย่างที่รจู้ กั คุ้นเคยกันอยูใ่ นปัจจุบนั
19
สาระสำคัญ
การศึกษาความเป็นมาของงานช่างทองหลวง เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้เข้าใจอดีตและได้เรียนรู้ถึงกระบวนการ
ความคิด การสร้างสรรค์ผลงาน ของงานช่างทองในแต่ละยุคสมัย ฝีมือการผลิตงานสลักดุนของไทย ขึ้นชื่อว่ามี
ความงดงาม ซึง่ ลวดลายตา่ ง ๆ ได้ถูกสืบทอดมาจากชา่ งสลกั ดนุ จากแต่ละท้องถ่ินของไทย ถอื เป็นรากฐานสำคัญใน
การพัฒนางานสลักดุนมาจวบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งลวดลายแต่ละลาย นอกจากจะเป็นงานศิลปหัตถกรรมที่งดงาม
วจิ ิตรบรรจงแล้ว ยงั เปน็ เอกลักษณข์ องช่างแตล่ ะทอ้ งถน่ิ ซ่งึ สะท้อนถึงเอกลักษณใ์ นภมู ิภาคนั้นได้อยา่ งชดั เจน
งานช่างสลักดนุ ถือเป็นมรดกทางวฒั นธรรมอันลำ้ ค่ายิ่งของชาติ และได้ถูกสบื ทอดมายงั รุ่นต่อรุ่น พร้อม
กนั นนั้ ไดม้ กี ารพฒั นาลวดลายและรปู ทรงอันเป็นเอกลกั ษณเ์ ฉพาะของงานสลักดนุ ของไทยอกี ดว้ ย
20
กิจกรรม(ย่อย)ระหว่างเนื้อหา
ใบกิจกรรมที่ 1 เร่อื ง ประวัติความเป็นมาเก่ียวกับงานโลหะประเภทงานสลักดนุ
โมดลู ท่ี 1 เรื่อง ความรู้เบอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั งานโลหะประเภท ช้ัน ปวช 1 ชา่ งทองหลวง
งานสลกั ดุน
วิชา สลกั ดนุ ใบหนา้ รหสั วชิ า 20315-2102 เวลา 2 ชัว่ โมง
ในวรรณคดไี ทย
จุดประสงค์
1. นกั เรยี นบอกประวัติความเปน็ มาของงานโลหะประเภทงานสลกั ดนุ ได้
คำชีแ้ จง นักเรยี นทำเคร่ืองหมาย √ หน้าข้อที่ถกู และทำเคร่อื งหมาย × หนา้ ขอ้ ท่ีผดิ
…………… ความเจริญของสมยั ศรีวชิ ยั มีอยู่ตง้ั แต่ พ.ศ. 1200 - พ .ศ. 1800
กลุ่มประณตี ศิลปแ์ ละการชา่ งไทย สงั กดั สำนักช่างสิบหมู่ ไมม่ หี น้าท่ีและขอบเขตความ
…….……... รบั ผดิ ชอบในการปฏิบัติหนา้ ท่ี เกยี่ วกับงานโลหะ
……………. งานโลหะกม็ คี วามเจรญิ ข้นึ อยา่ งมากมายในสมยั รัชกาลท่ี 1 – 4
……………. รชั กาลท่ี 5 ทรงจ้างช่างชาวเยอรมนั มาเป็นผู้สอนเกี่ยวกบั การออกแบบและการทำ
เครื่องประดบั ,การแกะโลหะดว้ ยเครอื่ งมอื ,การลงยาสี เป็นตน้ ชื่อว่า มิสเตอร์ แกรเลอร์
……………. พระพุทธรูปปางมารวชิ ยั ไมไ่ ดถ้ กู สรา้ งขึน้ ในสมยั ศรีวิชัย
21
ใบกจิ กรรมที่ 2 เรอื่ ง ความหมายของงานโลหะประเภทงานสลักดนุ
โมดลู ท่ี 1 เรือ่ ง ความหมายของงานโลหะประเภทงาน ชั้น ปวช 1 ช่างทองหลวง
สลกั ดุน
วิชา สลกั ดนุ ใบหนา้ รหัสวชิ า 20315-2102 เวลา 2 ชัว่ โมง
ในวรรณคดไี ทย
จุดประสงค์
1.นักเรียนบอกความหมายของงานโลหะประเภทงานสลักดุนได้ถูกตอ้ ง
คำชี้แจง นกั เรียนทำเครอื่ งหมาย √ หนา้ ข้อทถ่ี กู และทำเครือ่ งหมาย × หนา้ ขอ้ ที่ผดิ
…………… งานสลักดนุ เดิมเรยี กว่างานบุดุน
…….……… การสลัก หมายถึง การทำให้เป็นลวดลายดว้ ยเคร่ืองมือ โดยการใช้ดินสอ
……………. การดนุ หมายถึง การทำให้โลหะตา่ งๆเปน็ รอยนูนสงู ขึน้ คลา้ ยๆ กรรมวิธกี ารป๊ัมหรอื ดนุ
……………. ชา่ งสลักดุนเป็นช่างฝมี ือประเภทหน่งึ ทที่ ำงานสลักดุนโลหะแผ่นเรยี บใหส้ ่วนพืน้ ลึกต่ำลง
หรือดุนส่วนลวดลายใหน้ ูนสูงข้ึน
……………. การทำงานกับโลหะน้ันเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ยาก และแก้ไขไดง้ ่าย
22
ใบกจิ กรรมท่ี 3 เรือ่ ง ความสำคัญของงานโลหะประเภทงานสลกั ดนุ
โมดลู ที่ 1 เรื่อง ความสำคญั ของงานโลหะประเภทงาน ช้นั ปวช 1 ช่างทองหลวง
สลักดนุ
วชิ า สลกั ดนุ ใบหนา้ รหสั วิชา 20315-2102 เวลา 2 ช่วั โมง
ในวรรณคดีไทย
จุดประสงค์
1.นักเรยี นอธบิ ายความสำคญั ของงานโลหะประเภทงานสลกั ดุนได้
คำช้ีแจง ใหน้ กั เรียนเขยี นอธิบาย เรอื่ ง ความสำคัญของงานสลกั ดุน
23
แบบทดสอบหลงั เรียน
แบบทดสอบหลงั เรยี น
บทเรียนโมดูลชุดท่ี 1 เรอื่ งความรู้เบือ้ งตน้ เกยี่ วกับงานโลหะประเภทงานสลกั ดนุ
คำชีแ้ จง
ให้นกั เรียนเลือกคำตอบท่ถี กู ที่สดุ เพยี งคำตอบเดยี ว แล้วทำเครือ่ งหมาย X ทับตัวอักษร ก ข ค ง
ลงในกระดาษคำตอบหนา้ คำตอบที่ถกู ต้อง
1. รชั กาลที่ 5 ทรงจ้างช่างชาวเยอรมนั มาเป็นผ้สู อนเกีย่ วกบั การออกแบบและ การแกะโลหะด้วย
เครอื่ งมือ ช่อื วา่ ?
ก. มิสเตอร์ แกรเลอร์
ข. ซกิ มัลฟอยด์
ค. แวนโกะ๊
ง. ประยทุ ธ์ จันทรโ์ อชา
2. เคร่ืองทองในประเทศไทย มีมาตง้ั แต่สมยั ใด?
ก. ธนบุรี
ข. ลพบรุ ี
ค. สุโขทัย
ง. อยธุ ยา
24
3. โลหะชนดิ ใด นิยมขน้ึ รปู ดว้ ยแบบโบราณมากที่สุด?
ก. ทอง เงนิ ทองแดง อะลมู ิเนยี ม
ข. เหลก็ สงั กะสี ทองเหลือง แสตนเลส
ค. สังกะสี ทองเหลือง ทองแดง ทองคำ
ง. เหล็ก ทอง ทองแดง ทองเหลอื ง
4. งานสลักดนุ เป็นงานศลิ ปะประเภทใด?
ก. จิตรกรรม
ข. ประตมิ ากรรม
ค. งานหัตถกรรม
ง. งานหัตถศลิ ป์
5. การนำโลหะแผ่นบาง ๆ มาตกแตง่ ผวิ ภายนอกของรปู พรรณหรือสถาปัตยกรรมต่าง ๆเป็นกรรมวธิ ีในการทำงาน
ประเภทใด?
ก. งานชบุ เคลือบผิว
ข. งานเครือ่ งถม
ค. งานบุรูปพรรณ
ง. งานครัง่ เงนิ ครั่งทอง
25
แบบทดสอบหลงั เรยี น
บทเรียนโมดลู ชดุ ท่ี 1 เร่อื งความรู้เบอ้ื งต้นเกย่ี วกับงานโลหะประเภทงานสลกั ดนุ
ข้อ1. ก
ข้อ2. ค
ข้อ3. ก
ข้อ4. ง
ขอ้ 5. ค
26
ใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง ประวตั คิ วามเปน็ มาเกย่ี วกับงานโลหะประเภทงานสลกั ดนุ
โมดลู ที่ 1 เร่อื ง ความรู้เบอ้ื งต้นเกยี่ วกบั งานโลหะประเภท ชัน้ ปวช 1 ชา่ งทองหลวง
งานสลักดุน
วชิ า สลกั ดนุ ใบหนา้ รหัสวชิ า 20315-2102 เวลา 2 ช่ัวโมง
ในวรรณคดไี ทย
จดุ ประสงค์
1. นกั เรยี นบอกประวัตคิ วามเป็นมาของงานโลหะประเภทงานสลักดนุ ได้
คำชีแ้ จง นกั เรียนทำเคร่ืองหมาย √ หนา้ ข้อทถี่ กู และทำเครอื่ งหมาย × หนา้ ข้อที่ผิด
……√……… ความเจริญของสมัยศรวี ิชยั มอี ยู่ตั้งแต่ พ.ศ. 1200 - พ .ศ. 1800
…….×……. กลมุ่ ประณตี ศลิ ป์และการชา่ งไทย สงั กดั สำนักชา่ งสิบหมู่ ไมม่ ีหนา้ ทแ่ี ละขอบเขตความ
รบั ผดิ ชอบในการปฏบิ ัติหนา้ ท่ี เก่ยี วกบั งานโลหะ
……√………. งานโลหะกม็ คี วามเจรญิ ข้นึ อย่างมากมายในสมัยรชั กาลที่ 1 – 4
……√………. รัชกาลที่ 5 ทรงจา้ งช่างชาวเยอรมันมาเป็นผู้สอนเกี่ยวกับการออกแบบและการทำ
เครือ่ งประดับ,การแกะโลหะดว้ ยเคร่อื งมอื ,การลงยาสี เป็นตน้ ชอื่ ว่า มสิ เตอร์ แกรเลอร์
……×…….. พระพทุ ธรปู ปางมารวชิ ัยไมไ่ ดถ้ ูกสร้างขึน้ ในสมัยศรีวชิ ัย
27
ใบกิจกรรมท่ี 2 เรื่อง ความหมายของงานโลหะประเภทงานสลกั ดนุ
โมดลู ที่ 1 เรอ่ื ง ความหมายของงานโลหะประเภทงาน ชั้น ปวช 1 ชา่ งทองหลวง
สลักดุน
วิชา สลกั ดนุ ใบหนา้ รหัสวิชา 20315-2102 เวลา 2 ช่วั โมง
ในวรรณคดไี ทย
จดุ ประสงค์
1.นกั เรยี นบอกความหมายของงานโลหะประเภทงานสลกั ดนุ ไดถ้ ูกตอ้ ง
คำชี้แจง นักเรียนทำเคร่ืองหมาย √ หน้าข้อท่ีถกู และทำเครอ่ื งหมาย × หน้าข้อที่ผดิ
……√……… งานสลักดนุ เดมิ เรียกว่างานบุดุน
…….×……. การสลัก หมายถงึ การทำให้เปน็ ลวดลายด้วยเครอื่ งมือ โดยการใช้ดินสอ
……√………. การดนุ หมายถงึ การทำใหโ้ ลหะตา่ งๆเป็นรอยนูนสงู ข้นึ คลา้ ยๆ กรรมวิธีการป๊มั หรือดุน
……√………. ชา่ งสลักดนุ เป็นช่างฝมี ือประเภทหน่ึงทที่ ำงานสลักดนุ โลหะแผน่ เรยี บให้สว่ นพ้ืนลกึ ต่ำลง
หรอื ดุนส่วนลวดลายให้นนู สงู ขน้ึ
……×…….. การทำงานกับโลหะนนั้ เกดิ ความผิดพลาดขนึ้ ได้ยาก และแก้ไขไดง้ ่าย
28
ใบกิจกรรมท่ี 3 เรือ่ ง ความสำคัญของงานโลหะประเภทงานสลกั ดนุ
โมดลู ที่ 1 เรื่อง ความสำคัญของงานโลหะประเภทงาน ชั้น ปวช 1 ชา่ งทองหลวง
สลกั ดุน
วชิ า สลกั ดนุ ใบหนา้ รหสั วิชา 20315-2102 เวลา 2 ชั่วโมง
ในวรรณคดีไทย
จดุ ประสงค์
1.นักเรยี นอธบิ ายความสำคญั ของงานโลหะประเภทงานสลกั ดนุ ได้
คำช้ีแจง ใหน้ ักเรียนเขยี นอธบิ าย เร่ือง ความสำคัญของงานสลกั ดนุ
ขน้ึ อย่กู ับดลุ ยพินิจของครผู ูส้ อน
ชื่อโมดูล ความรู้เบ้อื งต้นเกยี่ วกบั งานโลหะประเภทงานสลกั ดนุ
ช่ือวิชา สลกั ดนุ ใบหนา้ ในวรรณคดีไทย
ผู้จดั ทำ
นางสาวรานี หมนื่ ทิพย์
กาญจนาภิเษกวทิ ยาลยั ช่างทองหลวง
สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษากระทรวงศึกษาธกิ าร