The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กาพย์เห่เรือ (1)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mixzazazaza1212, 2022-01-06 23:14:18

กาพย์เห่เรือ (1)

กาพย์เห่เรือ (1)

กาพย์เห่เรือ

สารบัญ หน้า


เรื่อง




1


ทำนองการเห่ เรือ
2-3
กาพย์เห่ เรือช่วงเช้า เห่ ชมเรือ


กาพย์เห่ เรือช่วงสาย ชมปลา 4-5


กาพย์เห่ เรือช่วงบ่าย ชมไม้
6-7
กาพย์เห่ เรือช่วงเย็น ชมนก


กาพย์เห่ เรือช่วงดึก เห่ ครวญ 8-9


การนับเวลาแบบยามสมัยโบราณ
10-11



12

1

ทำนองการเห่เรือ

ลำนำ (บทกลอนที่ใช้ขับร้อง) สำหรับการเห่ เรือจะแบ่งเป็ น 3 แบบ

ได้แก่
ช้าลวะเห่ : มีท่วงทำนองช้าสมชื่อ เพราะใช้ตอนที่เรือเริ่มเคลื่อนที่

ฝี พายต้องใช้แรงมาก ไม่สามารถพายเร็ว ๆ ได้ และมักจะใช้ใน
โอกาสที่เป็ นการพายเรือตามน้ำ
มูลเห่ : เพิ่มความดุดันและรวดเร็วขึ้น เพราะอยู่ในระหว่างพายเรือก
ลางลำน้ำ เลยต้องอาศัยความสนุกสนานเพื่อไม่ให้ฝี พายหมดแรง

กายแรงใจไปซะก่อน
สวะเห่ (อ่านว่า สะ-วะ-เห่ ) : ใช้เมื่อเรือจะจอดเทียบท่า ท่วงทำนอง
จะช้าลงเหมือนกับช้าลวะเห่ เพราะใกล้ถึงฝั่ ง เลยต้องลดความเร็ว

เรื อกันสักหน่ อย

2

ช่วงเช้า

กาพย์เห่เรือ ชมเรือ

ปางเสด็จประเวศด้าว ชลาไลย

ทรงรัตนพิมานไชย กิ่งแก้ว
พรั่งพร้อมพวกพลไกร แหนแห่
เรือกระบวนต้นแพร้ว เพลิศพริ้งพายทอง

พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรื อต้นงามเฉิ ดฉาย

กิ่งเเก้วแพร้วพรรณราย พายอ่อนหยับจับงามงอน

นาวาแน่นเป็ นขนัด ล้วนรูปสัตว์แสนยากร
เรือริ้วทิวธงสลอน สาครลั่นครั่นครื้นฟอง

เรือครุฑยุดนาคหิ้ว ลิ่วลอยมาพาผันผยอง

พลพายกรายพายทอง ร้องโห่ เห่ โอ้เห่ มา
สรมุขมุขสี่ด้าน เพียงพิมานผ่านเมฆา

ม่านกรองทองรจนา หลังคาแดงแย่งมังกร

สมรรถชัยไกรกาบแก้ว แสงแวววับจับสาคร
เรียบเรียงเคียงคู่จร ดั่งร่อนฟ้ามาแดนดิน

สุพรรณหงส์ทรงพู่ห้อย งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์
เพียงหงส์ทรงพรมมินทร์ ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม

เรือชัยไวว่องวิ่ง รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม

เสียงเส้าเร้าระดม ห่ มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน

3

ช่วงเช้า

กาพย์เห่เรือ ชมเรือ

กล่าวถึงเรือ 14 ลำ มีโคลงสี่สุภาพ 1 บท แต่งเป็ นเกริ่นเห่ เพื่อบอกว่าเรือพระ
มหากษัตริย์กำลังจะเสด็จด้วยขบวนพระยุหยาตราทางชลมารค ต่อมาคือกาพย์
ยานี 11 เล่าถึงความงามของเรือแต่ละลำ ได้แก่

• เรือพระที่นั่ง (เรือต้น/เรือกิ่ง) คือ เรือที่มีพระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศา
นุวงศ์ประทับอยู่ โดยมี 4 ลำ

• เรือไชย คือ เรือที่มีเจ้าพนักงานกระทุ้งไม้เส้า (ไม้พายเรือ) กำกับจังหวะให้
พลพายและเรือแต่ละลำเคลื่อนที่ได้พร้อมเพรียงกัน

• เรือรูปสัตว์ คือ หนึ่งในเรือแสนยากรมีหัวเรือรูปสัตว์ต่างๆ
• เรือริ้ว คือ เรือที่เข้าขบวนยาวเป็ นสายเรียงขนานกัน

ตัวอย่าง

สรมุขมุขสี่ด้าน เพียงพิมานผ่านเมฆา
ม่านกรองทองรจนา หลังคาแดงแย่งมังกร

สำหรับท่อนนี้บรรยายถึงเรือสรมุขลอยมาเปรียบความสวยงามดั่งพิมาน
บนสวรรค์ที่กำลังเคลื่อนที่ผ่านหมู่เมฆ เรือสรมุขตกแต่งไปด้วยม่านสีทอง
หลังคาสีแดงมีลวดลายมังกรประดับอยู่

4

ช่วงสาย

กาพย์เห่เรือ ชมปลา

พิ ศพรรณปลาว่ ายเคล้า คิ ดถึงเจ้าเศร้าอารมณ์
มัศยายังรู้ชม สมสาใจไม่ พามา
นวลจันทร์เป็ นนวลจริง เจ้างามพริ้งยิ่ งนวลปลา
คางเบื อนเบื อนหน้ามา ไม่ งามเท่ าเจ้าเบื อนชาย
เพี ยนทองงามดั่ งทอง ไม่เหมือนน้องห่ มตาดพราย
กระแหแหนห่ างชาย ดังสายสวาทคลาดจากสม
แก้มช้ำช้ำใครต้อง อันแก้มน้องช้ำเพราะชม
ปลาทุ กทุ กข์อกกรม เหมือนทุกข์พี่ที่จากนาง ฯ
น้ำเงิ นคื อเงิ นยวง ขาวพรายช่ วงสี สำอาง
ไม่ เที ยบเปรี ยบโฉมนาง งามเรื องเรื่ อเนื้อสองสี
ปลากรายว่ ายเคี ยงคู่ เคล้ากันอยู่ ดู งามดี
แต่นางห่ างเหิ นพี่ เห็ นปลาเค้าเศร้าใจจร
หางไก่ ว่ ายแหวกว่ าย หางไก่ คล้ายไม่ มี หงอน
คิ ดอนงค์องค์เอวอร ผมประบ่ าอ่ าเอี่ ยมไร
ปลาสร้อยล่ องลอยชล ว่ ายเวี ยนวนปนกันไป
เหมื อนสร้อยทรงทรามวัย ไม่เห็ นเจ้าเศร้าบ่วาย
เนื้ออ่ อนอ่ อนแต่ ชื่ อ เนื้อน้องฤาอ่ อนทั้งกาย
ใครต้องข้องจิ ตต์ชาย ไม่ วายนึกตรึกตรึงทรวง
ปลาเสื อเหลื อที่ ตา เลื่ อมแหลมกว่ าปลาทั้งปวง
เหมื อนตาสุ ดาดวง ดู แหลมล้ำขำเพราะคม
แมลงภู่ คู่ เคี ยงว่ าย เห็ นคล้ายคล้ายน่ าเชยชม
คิ ดความยามเมื่ อสม สนิ ทเคล้าเจ้าเอวบาง
หวี เกศเพศชื่ อปลา คิ ดสุ ดาอ่ าองค์นางี
หวี เกล้าเจ้าสระสาง เส้นเกศสรวยรวยกลิ่ นหอม
ชะแวงแฝงฝั่ งแนบ ชะวาดแอบแปลบปนปลอม
เหมื อนพี่ แนบแอบถนอม จอมสวาทนาฎบังอร
พิ ศดู หมู่ มัจฉา ว่ ายแหวกมาในสาคร
คะนึงนุ ชสุดสายสมร มาด้วยพื่จะดีใจ ฯ

5

ช่วงสาย

กาพย์เห่เรือ ชมปลา

เริ่มด้วยโคลงสี่สุภาพ 1 บท ตามด้วยกาพย์เห่ เรือ 14 บท กล่าวถึงปลา 15
ชนิด (มีเฉพาะปลาน้ำจืด) ได้แก่ ปลากระแห ปลากราย ปลาแก้มช้ำ ปลาคาง
เบือน ปลาชะแวง ปลาทุก ปลานวลจันทร์ ปลาน้ำเงิน ปลาแปบ ปลาตะเพียน
ทอง ปลาแมลงภู่ (ปลาชะโด) ปลาสร้อย ปลาเสือ ปลาหวีเกศ และปลาหางไก่
การชมปลาในที่นี้จะแต่งคล้ายกับนิราศ เพราะนำความงดงามของปลามาแต่ง
รวมกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อนางอันเป็ นที่รักของกวี

ตัวอย่าง

นวลจันทร์เป็ นนวลจริง เจ้างามพริ้งยิ่งนวลปลา
คางเบือนเบือนหน้ามา ไม่งามเท่าเจ้าเบือนชาย

นวลจันทร์ในที่นี้คือชื่อปลา และคำว่า นวลอีกความหมายหนึ่ง คือ สีนวล
เหมือนเปลือกไข่ ส่วนประโยค ‘เจ้างามพริ้งยิ่งนวลปลา’ หมายถึงผิวของเจ้า
นั้นนวลงดงามยิ่งกว่าสีนวลของปลา ส่วนปลาคางเบือนที่ดูหน้าบึ้งนั้น เหมือน
ตอนที่นางอันเป็ นที่รักงอน แต่ถึงยังไงนางก็ยังสวยงามกว่า

6

ช่วงบ่าย

กาพย์เห่เรือ ชมไม้

เรือชายชมมิ่งไม้ ริมท่าไสวหลากหลายพรรณ
เพล็ดดอกออกแกมกัน ส่งกลิ่นเกลี้ยงเพียงกลิ่นสมร
ชมดวงพวงนางแย้ม บานแสล้มแย้มเกสร
คิดความยามบังอร แย้มโอษฐ์ยิ้มพริ้มพรายงาม
จำปาหนาแน่ นเนื่ อง คลี่กลีบเหลืองเรืองอร่าม
คิดคะนึงถึงนงราม ผิวเหลืองกว่าจำปาทอง
ประยงค์ทรงพวงห้อย ระย้าย้อยห้อยพวงกรอง
เหมื อนอุ บะนวลละออง เจ้าแขวนไว้ให้เรียมชม
พุ ดจี บกลี บแสล้ม พิกุลแกมแซมสุกรม
หอมชวยรวยตามลม เหมือนกลิ่นน้องต้องติดใจ
สาวหยุดพุทธชาด บานเกลื่อนกลาดดาษดาไป
นึกน้องกรองมาไลย วางให้พี่ข้างที่นอน
พิกุลบุนนาคบาน กลิ่ นหอมหวานซ่ านขจร
แม้นนุ ชสุ ดสายสมร เห็ นจะวอนอ้อนพี่ ชาย
เต็งแต้วแก้วกาหลง บานบุษบงส่งกลิ่นอาย
หอมอยู่ไม่รู้หาย คล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตราตรู
มะลิ วัลย์พันจิ กจวง ดอกเป็ นพวงร่วงเรณู
หอมมาน่ าเอ็ นดู ชู ชื่ นจิ ตต์คิ ดวนิ ดา
ลำดวนหอมตระหลบ กลิ่นอายอบสบนาสา
นึกถวิลกลิ่นบุหงา รำไปเจ้าเศร้าถึงนาง
รวยรินกลิ่นรำเพย คิดพี่เชยเคยกลิ่นปราง
นั่ งแนบแอบเอวบาง ห่ อนแหห่ างว่างเว้นวัน
ชมดวงพวงมาลี ศรีเสาวภาคย์หลากหลายพรรณ
วนิ ดามาด้วยกัน จะอ้อนพี่ชี้ชมเชย

7

ช่วงบ่าย

กาพย์เห่เรือ ชมไม้

เริ่มด้วยโคลงสี่สุภาพ 1 บท กาพย์ยานี 12 บท โดยมีการชมไม้ 15 ชนิด
ได้แก่ แก้ว จวง จิก จำปา แต้ว บุนนาค ประยงค์ พิกุล พุดจีบ พุทธชาด ลำดวน
สาวหยุด สุกรม มะลิวัลย์ นางแย้ม

ตัวอย่าง บานแสล้มแย้มเกสร
แย้มโอษฐ์ยิ้มพริ้มพรายงาม
ชมดวงพวงนางแย้ม
คิดความยามบังอร


บทนี้เป็ นการเปรียบเทียบรอยยิ้มของนางอันเป็ นที่รักกับพวงดอกนางแย้ม
ว่า เมื่อเห็นดอกนางแย้มบานสะพรั่งงดงาม ก็นึกถึงยามที่ได้เห็นรอยยิ้มของนาง

8

ช่วงเย็น

กาพย์เห่เรือ ชมนก

เรื่อยเรื่อยมารอนรอน ทิพากรจะตกต่ำ

สนธยาจะใกล้ค่ำ คำนึงหน้าเจ้าตาตรู
เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง นกบิ นเฉี ยงไปทั้งหมู่
ตัวเดียวมาพลัดคู่ เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย

เห็ นฝู งยู งรำฟ้อน คิดบังอรร่อนรำกราย

สร้อยทองย่องเยื้องชาย เหมือนสายสวาทนาดนวยจร

สาลิกามาตามคู่ ชมกันอยู่สู่สมสมร
แต่พี่นี้อาวรณ์ ห่ อนเห็นเจ้าเศร้าใจครวญ

นางนวลนวลน่ ารัก ไม่นวลพักตร์เหมือนทรามสงวน
แก้วพี่นี้สุดนวล ดั่งนางฟ้าหน้าใยยอง

นกแก้วแจ้วแจ่มเสียง จับไม้เรียงเคียงคู่สอง

เหมือนพี่นี้ประคอง รับขวัญน้องต้องมือเบา

ไก่ฟ้ามาตัวเดียว เดินท่องเที่ยวเลี้ยวเหลี่ยมเขา

เหมือนพรากจากนงเยาว์ เปล่าใจเปลี่ยวเหลียวหานาง

แขกเต้าเคล้าคู่เคียง เรียงจับไม้ไซ้ปี กหาง

เรียมคะนึงถึงเอวบาง เคยแนบข้างร้างแรมนาน

ดุ เหว่ าเจ่ าจับร้อง สนั่ นก้องซ้องเสี ยงหวาน

ไพเราะเพราะกังวาน ปานเสียงน้องร้องสั่งชาย

โนรีสีปานชาด เหมื อนช่ างฉลาดวาดแต้มลาย

ไม่เท่าเจ้าโฉมฉาย ห่ มตาดพรายกรายกรมา

สัตวาน่ าเอ็ นดู คอยหาคู่อยู่เอกา
มือนพี่ที่จากมา ครวญหาเจ้าเศร้าเสียใจ

ปักษี มี หลายพรรณ บ้างชมกันขันเพรียกไพร

ยิ่งฟังวังเวงใจ ล้วนหลายหลากมากภาษา

9

ช่วงเย็น

กาพย์เห่เรือ ชมนก

เริ่มด้วยโคลงสี่สุภาพ 1 บท และกาพย์ยานี 12 บท สาเหตุที่เลือกชมนกใน
ช่วงเย็นเพราะเป็ นช่วงที่นกบินกลับรังพอดี โดยชมนก 10 ชนิด ได้แก่ นกไก่ฟ้า
นกแขกเต้า นกดุเหว่า นกนางนวล นกโนรี นกสร้อยทอง/ขุนทอง นกสัตวา นก
สาลิกา นกแก้ว นกยูง

ตัวอย่าง ไม่นวลพักตร์เหมือนทรามสงวน
ดั่งนางฟ้าหน้าใยยอง
นางนวลนวลน่ ารัก
แก้วพี่นี้สุดนวล


ท่อนนี้นำชื่อนกนางนวลกับคำว่า นวล ที่แปลว่านางอันเป็ นที่รักมาไว้ในวรรค
เดียวกันเพื่อเล่นคำ ส่วนการใช้คำว่า ดั่ง เป็ นการอุปมาว่า นางเป็ นคนที่ผิวนวล
และสวยเหมือนนางฟ้าเลยทีเดียว

10

ช่วงดึก

กาพย์เห่เรือ เห่ครวญ

เสียงสรวลระรี่นี้ เสียงแก้วพี่หรือเสียงใคร
เสียงสรวลเสียงทรามวัย สุดสายใจพี่ตามมา
ลมชวยรวยกลิ่นน้อง หอมเรื่อยต้องคลองนาสา

เคลือบเคล้นเห็นคล้ายมา เหลียวหาเจ้าเปล่าวังเวง

ยามสองฆ้องยามย่ำ ทุกคืนค่ำย่ำอกเอง
เสียงปี่ มี่ครวญเครง เหมือนเรียมคร่ำร่ำครวญนาน

ล่วงสามยามปลายแล้ว จนไก่แก้วแว่วขันขาน

ม่อยหลับกลับบันดาล ฝันเห็ นน้องต้องติ ดตา

เพรางายวายเสพรส แสนกำสรดอกโอชา
อิ่ มทุ กข์อิ่ มชลนา อิ่ มโศกาหน้านองชล

เวรามันแล้ว จึงจำแคล้วแก้วโกมล

ให้แค้นแสนสุดทน ทุกข์ถึงเจ้าเศร้าเสียดาย
งามทรงวงดั่งวาด งามมารยาทนาดกรกราย

งามพริ้มยิ้มแย้มพราย งามคำหวานลานใจถวิล

แต่เช้าเท่าถึงเย็น กล้ำกลืนเข็ญเป็ นอาจิณ
ชายใดในแผ่นดิน ไม่เหมือนพี่ที่ตรอมใจ

11

ช่วงดึก

กาพย์เห่เรือ เห่ครวญ

ประกอบด้วยโครงสี่สุภาพ 2 บท (เริ่มต้นและปิ ดท้ายอย่างละบท) และกาพย์
ยานีอีก 8 บท กล่าวถึงความรัก ความคิดถึงที่มีต่อนางสนม

ตัวอย่าง

งามทรงวงดั่งวาด งามมารยาทนาดกรกราย
งามพริ้มยิ้มแย้มพราย งามคำหวานลานใจถวิล

บทนี้กล่าวถึงความงามของนางสนม ที่งามดั่งภาพวาด อีกทั้งมารยาท บุคลิก
การเดิน รอยยิ้มและคำพูดต่าง ๆ ก็ยังงดงามด้วยเช่นกัน

12

การนับเวลาแบบยาม
สมัยโบราณ

คำว่า " ยาม "
ยาม เป็นคำภาษาบาลีที่เรานำมาใช้ในภาษาไทย
เป็นการนับเวลากลางคืนในประเทศไทยสมัยโบราณ คำว่า “ยาม”
ในภาษาบาลีจะออกเสียงว่า “ยา-มะ”
คำว่า “ยาม” ที่เรานับกันตามแบบไทย ๆ กับ “ยาม” ของแขกตามที่ปรากฏ
ในบาลีนั้นแตกต่างกัน ทั้งนี้เพราะคืนหนึ่งเราแบ่งเป็น 4 ยาม ยามละ 3 ชั่วโมง

4 ยาม ยามละ 3 ชั่วโมง

ตั้งแต่ย่ำค่ำ คือ 18 นาฬิกา ถึง 3 ทุ่ม (21 นาฬิกา) เป็นยามที่ 1

หลังจาก 21 นาฬิกา หรือ 3 ทุ่ม ไปถึง 24 นาฬิกา หรือ เที่ยงคืน
เราเรียกว่า ยาม 2 หรือ 2 ยาม
หลัง 24 นาฬิกา ไปถึงตี 3 (3 นาฬิกา) เราเรียกว่า ยาม 3
และหลังจากตี 3 ไปจนย่ำรุ่ง หรือ 6 นาฬิกา เราเรียกว่า
ยาม 4 ซึ่งเป็นยามสุดท้ายของคืน

ยามตามคติบาลี

วรรณคดีไทยถือตามคติสันสกฤตว่า คืนหนึ่งมี 4 ยาม ยามหนึ่งมี 3
ชั่วโมง แต่คติที่ปรากฏในวรรณคดีบาลีรวมถึงวรรณคดีบาลีที่แปลแต่ง
เป็นภาษาไทยว่าไว้ต่างกัน คือกำหนดว่า คืนหนึ่งมี 3 ยาม ยามหนึ่งมี 4
ชั่วโมง เรียกยามทั้ง 3 ช่วงนี้ตามลำดับว่า ปฐมยาม (อ่านว่า ปะ -ถม-มะ
-ยาม) ทุติยยาม (อ่านว่า ทุ -ติ-ยะ -ยาม) และปัจฉิมยาม (อ่านว่า ปัด-
ฉิม-มะ -ยาม) ตามลำดับ

คื นหนึ่ งมี 3คยืนาหมนึ่งยมี
า3 มยาหม นยึ่างมหมีนึ่ 4 ชั่ วชั่วโโมมงง

งมี 4

ปฐมยาม หรือ ยยาามมแที่ร2กไได
ด้้แแกก่่ชช่่ววงงเเววลลาา2128..0000--0222..0000นน..
ทุติยยาม หรือ

ปัจฉิมยาม หรือ ยามสุดท้าย ได้แก่ช่วงเวลา 02.00-06.00 น.

สมาชิกกลุ่ม

นางสาวสู่ขวัญ พระตลับ เลขที่1 ม.6/6

นางสาวมณีวรรณ แสงหนู เลขที่4 ม.6/6

นายกษิดิศ กรสังข์ เลขที่5 ม.6/6

นายพรหมพิริยะ สถาพรพานิช เลขที่10 ม.6/6

นางสาวปนัดดา ฉายวัฒนา เลขที่17 ม.6/6

นางสาวปราณปริยา คล้ายรัศมี เลขที่18 ม.6/6

นายชิษณุพงศ์ เจตน์อัศวภิรมย์ เลขที่23 ม.6/6

นางสาวกัณฑณัฎฐ์ วราคงคาเย็น เลขที่24 ม.6/6

นางสาวภัทรภา มีรุ่งเรือง เลขที่28 ม.6/6


Click to View FlipBook Version