มหาเวสสันดรชาดก
กัณฑ์มัทรี
จัดทำโดย
นางสาวณัฏฐวรรณ ณัฏฐวรรธนะ
ชั้นม.๕/๖ เลขที่ ๒๖
นำเสนอ
คุณครูสุวรรณ ชำนาญธุระกิจ
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคใต้
ประวัติผู้เเต่ง :
ผู้แต่ง เจ้าพระยาพระคลัง (หน)
ประวัติผู้แต่ง
เกิด
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายในแผ่นดินสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
หน้าที่การงาน
ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รับราชการเป็น
หลวงสรวิชิตแล้วไปเป็นนายด่านเมืองอุทัยธานีในสมัยรัชกาลที่ 1
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เลื่อนเป็นพระยาพิพัฒน์โกษาและ
เจ้าพระยาพระคลังเสนาบดีจตุสดมภ์กรมท่า
งานประพันธ์
ในสมัยกรุงธนบุรีมี อิเหนาคำฉันท์ ลิลิตเพชรมงกุฎ บท
มโหรีเรื่องกากี
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์มี สามก๊ก ราชาธิวาช ลิลิต
พยุหยาตราเพชรพวง ลิลิตศรีวิชัยชาดก ร่ายยาวมหาเวสสันดร
ชาดก กัณฑ์กุมารและกัณฑ์มัทรี
ถึงแก่อสัญกรรม พ.ศ. 2348 ในสมัยรัชกาลที่ 1
ลักษณะคำประพันธ์ :
เป็นร่ายยาว วิธีแต่งยกคาถาภาษาบาลีขึ้นเป็นหลัก แล้ว
แปลแต่งเป็นภาษาไทยด้วยร่ายยาว ภาษาบาลีที่ยกมานั้นจะยก
มาเป็นตอน ๆ สั้นบ้าง ยาวบ้างตามลักษณะเรื่อง แล้วแปลเป็น
ภาษาไทยอีกทีหนึ่ง
จุดประสงค์ในการแต่ง :
เพื่อที่จะนำหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาสอนประชาชน
ที่มาของเรื่อง :
มาจาก ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งใน
ทศชาติชาดก หรือที่เรียกว่า “พระเจ้าสิบชาติ” กัณฑ์นี้เป็นกัณฑ์ที่
9 ในทั้งหมด 13 กัณฑ์
เนื้อเรื่องย่อ :
(เฉพาะตอนที่นำมาเป็นบทเรียน : กัณฑ์มัทรี) ประกอบด้วยพระ
คาถา 90 พระคาถา เพลงพิณพาทย์ประจำกัณฑ์ คือ “ทยอยโอด”
กล่าวถึงพระนางมัทรีได้เสด็จออกจากพระอาศรมเพื่อไป
แสวงหาผลไม้เผือกมันมาเป็นอาหาร ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่
แล้ว แต่ในพระทัยของพระนางในวันนี้มีความหวาดหวั่นถึงสอง
กุมาร คือ พระชาลีและพระกัณหายิ่งนัก (เพราะเมื่อคืนนี้พระนาง
ทรงฝันร้าย แต่พอทูลให้พระเวสสันดรทรงแก้ความฝันให้พระ
เวสสันดรกลับทรงบอกว่าไม่มีอะไรร้ายแรง แต่จริงๆ แล้วมี
เพราะชูชกเดินทางมาขอสองกุมารจากพระเวสสันดรได้สำเร็จ)
เดินทางไปพลางพระนางก็ร้องไห้คร่ำครวญตลอดเวลา ผลหมาก
รากไม้ที่เคยพบเห็นอยู่มากมาย ในวันนี้กลับหายไปหมดสิ้น ทำให้
พระนางต้องเดินทางไปไกลกว่าทุกวัน และขณะที่กำลังเดินทางจะ
กลับอาศรม ก็มีเทวดาแปลงกายมาเป็นสัตว์ร้าย อาทิ ราชสีห์ เสือ
โคร่ง และเสือเหลืองขวางทางไว้ จำทำให้พระนางมัทรีกลับถึง
พระอาศรมเป็นเวลาค่ำมากกว่าทุกวัน และพอมาถึงพระอาศรม
พระนางก็เรียกหาลูกทั้งสองก็ไม่มีเสียงตอบตามหาก็ไม่พบ พระ
นางมัทรีจึงมาทูลถามพระเวสสันดร
เนื้อเรื่องย่อ :
ตอนแรกพระเวสสันดรก็ทรงทำเฉย แต่พอพระนางมัทรีเซ้าซี้ถาม
อีก พระเวสสันดรก็ทรงแสร้งทำเป็นโมโหหึงหวงต่อว่าต่อขาน
พระนางที่กลับมาถึงพระอาศรมจนมืดค่ำ ทั้งยังทรงกล่าวบริภาษ
พระนางมัทรีต่าง ๆ นานาน พระนางมัทรีได้กล่าวขออภัยโทษ
พระเวสสันดรก็ทรงทำเฉยอีก พระนางมัทรีจึงออกติดตามหาสอง
กุมารตลอดทั้งคืน พร้อมทั้งรำพึงรำพันไปตลอดเวลาด้วยความ
เศร้าโศกเสียพระทัยและความอิดโรย ทำให้พระนางมัทรีมาสลบ
ลงตรงหน้าพระอาศรมพระเวสสันดรจึงทรงแก้ไขจนพระนางฟื้ น
ขึ้นมา แล้วก็ทรงเล่าความจริง (ที่ได้ทรงมอบสองกุมารให้ไปเป็น
ข้ารับใช้ของชูชก) ให้พระนางมัทรีฟัง พระนางมัทรีจึงอนุโมทนา
ต่อบุตรทานในครั้งนี้ด้วยความปีติยินดียิ่ง บรรดาทวยเทพยดาก็
พลอยยินดีปรีดาไปกับบุตรทานในครั้งนี้ด้วย จึงพร้อมกับ
สาธุการสรรเสริญพระอินทร์ผู้เป็นเจ้าแห่งดาวดึงส์สวรรค์ ก็
มาโปรดดอกไม้ทิพย์เป็นการบูชาพระนางมัทรีด้วย
ค่านิยมที่ปรากฏในเรื่อง มหาเวสสันดรชาดก เป็นค่านิยม
เชิงโลกุตระ คือ ค่านิยมที่เหนือโลกเหนือสามัญชน เป็นค่านิยม
ของอริยบุคคลที่ปรารถนาในพุทธภูมิ คือ พระเวสสันดรซึ่งทรง
เห็นว่าการบำเพ็ญทานบารมีหรือบำเพ็ญคุณงามความดีเป็นสิ่ง
สำคัญ เป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับพระองค์เพราะเป็นสิ่งที่จะนำพระองค์
ไปสู่ความรู้แจ้งเห็นจริง (พระโพธิญาณ) อันจะทำให้พระองค์ทรง
ชี้ทางนิพพานช่วยสัตว์ทั้งหลายให้พ้นทุกข์ได้
ข้อคิดจากเรื่อง :
๑. ความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้นยิ่งใหญ่นัก แนวคิด พระนางมัทรี
มีความรัก
ในสองกุมารยิ่งนัก
๒. ผู้ที่ปรารถนาสิ่งต่างๆ อันยิ่งใหญ่จะต้องทำด้วยความอดทน
และเสียสละ
อันยิ่งใหญ่ด้วย
๓. ความชื่อสัตย์ระหว่างสามีภรรยาทำให้ชีวิตครอบครัวมีความ
สุข แนวคิด
ㆍเฉกเช่นพระนางมัทรีมีความจงรักภักดีต่อพระเวสสันดรยิ่งนัก
. ผู้มีปัญญาย่อมแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ดี แนวคิด เห็น
ได้จากพระ
เวสสันดรที่ทรงมีปฏิภาณไหวพริบเป็นเยี่ยมในการแก้ปัญหา
ㆍเฉพาะหน้า
. การบริจาคบุตรทานงบารมีเป็นสิ่งที่ยากยิ่งที่ใครจะกระทำได้
ง่ายๆ
อ้างอิง : http://e-
learning.triamudom.ac.th/courses/55/uni
t02/06.html