The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by thossapon96, 2022-04-12 03:11:00

เล่ม 3--บทความ

เล่ม 3--บทความ





คำนำ

แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับพัฒนา

ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ในเรื่องการอ่านจับใจความ

โดยการให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติกิจกรรมที่สอดคล้องตามหลักสูตรการศึกษา

ขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ สำหรับนกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ น้ี

ประกอบด้วย แบบฝึกทักษะการอา่ นจบั ใจความ จำนวน 7 เล่ม ดังน้ี

เล่มท่ี ๑ เรื่อง การอา่ นจับใจความ ใช้เวลา 3 ชว่ั โมง

เลม่ ท่ี ๒ เรื่อง การอ่านจับใจความนทิ าน ใช้เวลา 3 ชว่ั โมง

เล่มท่ี ๓ เรื่อง การอ่านจับใจความบทความ ใช้เวลา 3 ชว่ั โมง

เล่มท่ี ๔ เรื่อง การอา่ นจับใจความสารคดี ใช้เวลา 3 ชั่วโมง

เล่มท่ี ๕ เรื่อง การอา่ นจบั ใจความบทเพลง ใช้เวลา 3 ชวั่ โมง

เล่มท่ี ๖ เรือ่ ง การอ่านจบั ใจความข่าว ใช้เวลา 3 ชั่วโมง

เลม่ ท่ี 7 เรือ่ ง การอ่านจบั ใจความคำแนะนำ ใช้เวลา 3 ชว่ั โมง

ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ สำหรับ

นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เล่มนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอนและนักเรียน

ในการพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการสร้างเจตคติ

ทด่ี ใี นการเรียนวชิ าภาษาไทยอกี ด้วย

ทศพร มัจฉา



คำชี้แจงการใชแ้ บบฝึกทักษะ(สำหรับคร)ู

แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖
เล่มที่ 3 เรื่อง การอ่านจับใจความบทความ เล่มนี้ ใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนวัดปู่เจ้า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาสุพรรณบรุ ี เขต ๑ โดยมีข้ันตอน ดังน้ี

1.แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ เล่มที่ 3 เรื่อง การอ่านจับใจความ
บทความ เล่มนี้ ใช้เวลาในการฝึก 3 ช่วั โมง

2.แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ เล่มที่ 3 เรื่อง การอ่านจับใจความ
บทความเล่มน้ี ประกอบด้วยคำช้ีแจง สาระการเรียนรู้/มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
สาระสำคญั จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ แบบทดสอบกอ่ นเรียน ใบความรู้ แบบ
ฝึกทักษะ และแบบทดสอบหลังเรยี น

3.ครูควรศึกษาเนื้อหาในแบบฝึกทักษะให้เข้าใจ เตรียมแบบฝึกทักษะ
ให้พร้อมและเพยี งพอกบั จำนวนนักเรียน

4.ครูควรชแี้ จงวิธีการใช้แบบฝึกทกั ษะให้กบั นกั เรียน
5.ครูให้นกั เรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน
6.ครูให้นักเรียนศึกษาใบความรู้และให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมให้ครบ
ทกุ กิจกรรม
7.หากนักเรียนมีปัญหาหรือขอ้ สงสยั ครูควรให้คำแนะนำแกน่ กั เรยี น
8.ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน
9.เกณฑ์การผา่ นการประเมินนักเรียนต้องได้ คะแนนจากการทำแบบทดสอบ
หลังเรียนไมต่ ำ่ กว่ารอ้ ยละ ๘๐
10.หากคะแนนจากการทำแบบทดสอบหลังเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ ให้
กลบั ไปทบทวนความรู้เพิ่มเติม และทำแบบทดสอบใหมจ่ นกว่าจะได้คะแนนไมต่ ่ำกว่า
ร้อยละ ๘๐



คำชีแ้ จงการใชแ้ บบฝึกทักษะ(สำหรบั นักเรียน)

แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖
เล่มที่ 3 เรื่อง การอ่านจับใจความบทความเล่มนี้ ใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนวัดปู่เจ้า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาสพุ รรณบรุ ี เขต ๑ โดยมีขั้นตอน ดังน้ี

1.แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ เล่มที่ 3 เรื่อง การอ่านจับใจความ
บทความเลม่ นี้ ใช้เวลาในการฝึก 3 ช่วั โมง

2.แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ เล่มที่ 3 เรื่อง การอ่านจับใจความ
บทความเลม่ น้ี ประกอบด้วยคำชีแ้ จง สาระการเรียนรู้/มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
สาระสำคญั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ แบบทดสอบกอ่ นเรียน ใบความรู้ แบบ
ฝึกทักษะ และแบบทดสอบหลังเรยี น

3.นักเรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน
4.นักเรียนต้องศึกษาเนือ้ หาจากใบความรู้ให้เข้าใจ
5.นักเรียนควรทำแบบฝึกทกั ษะอย่างรอบคอบและตง้ั ใจ
6.หากนักเรียนมีข้อสงสัยหรือไม่เข้าใจเกี่ยวกับการทำแบบฝึกทักษะให้ถาม
ครูผู้สอน
7.เมือ่ ปฏิบัติกจิ กรรมเสร็จแลว้ ให้ตรวจคำตอบจากเฉลย
8.นักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน เพ่อื วัดผลการพฒั นาการเรียนรู้
9.เกณฑ์การผา่ นการประเมินนักเรียนตอ้ งได้ คะแนนจากการทำแบบทดสอบ
หลังเรียนไม่ตำ่ กวา่ รอ้ ยละ ๘๐
10.หากคะแนนจากการทำแบบทดสอบหลังเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ ให้กลบั ไป
ทบทวนความรู้เพิม่ เติม และทำแบบทดสอบใหมจ่ นกวา่ จะได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ
๘๐



สารบัญ

คํานาํ ................................................................................................................ ก
คําชีแ้ จงการใช้แบบฝึกทักษะ(สำหรบั คร)ู ........................................................... ข
คําชีแ้ จงการใช้แบบฝึกทกั ษะ(สำหรบั นักเรียน) ................................................... ค
สาระการเรียนร/ู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด..................................................... ๑
สาระสำคัญ...................................................................................................... ๒
จดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ ...................................................................................... 3
แบบทดสอบกอ่ นเรียน เล่มท่ี 3 เรื่อง การอา่ นจับใจความบทความ................... 4
ใบความรู้ เร่อื ง บทความ................................................................................... 9
แบบฝึกทักษะท่ี ๑............................................................................................ ๑2
แบบฝึกทักษะท่ี 2............................................................................................ ๑4
ใบความรู้ เร่อื ง การอ่านจบั ใจความบทความโดยการเขยี นแผนภาพโครงเร่อื ง

และโดยการตอบคำถามจากเรอ่ื งทีอ่ า่ น.................................... ๑7
แบบฝึกทักษะท่ี 3 .......................................................................................... 21
แบบฝึกทกั ษะที่ 4 .......................................................................................... 25
ใบความรู้ เรอ่ื ง การอ่านจับใจความบทความโดยการเรียงลำดับเหตุการณ์

และการเขียนสรปุ ใจความสำคญั ............................................ 29
แบบฝึกทกั ษะท่ี 5 .......................................................................................... 33
แบบฝึกทกั ษะท่ี 6 .......................................................................................... 37
แบบทดสอบหลงั เรียน เลม่ ท่ี 3 เรือ่ ง การอา่ นจับใจความบทความ................... 41
บรรณานกุ รม.................................................................................................. 46
ภาคผนวก .................................................................................................... 47
เฉลยแบบฝึกทักษะที่ ๑................................................................................... 48
เฉลยแบบฝึกทกั ษะที่ ๒.................................................................................. 49
เฉลยแบบฝึกทักษะที่ ๓.................................................................................. 50



สารบัญ (ตอ่ )

เฉลยแบบฝึกทกั ษะที่ 4.................................................................................. 52
เฉลยแบบฝึกทักษะที่ 5.................................................................................. 54
เฉลยแบบฝึกทกั ษะที่ 6.................................................................................. 56
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน .......................................................... 58
ตารางบันทกึ คะแนนการทำเล่มแบบฝึกทกั ษะการอ่านจับใจความ.................... 59



สาระการเรียนรู้/มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วัด

สาระท่ี ๑ การอา่ น

มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่อื นำไปใช้

ตัดสนิ ใจแก้ปัญหาในการดำเนินชีวติ และมีนสิ ยั รักการอา่ น

ตัวชีว้ ดั

ท ๑.๑ ป.๖/๓ อ่านเร่อื งส้ัน ๆ อยา่ งหลากหลาย โดยจบั เวลาแล้วถาม

เก่ยี วกบั เร่อื งทีอ่ ่าน

ท ๑.๑ ป.๖/๔ แยกขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ คิดเห็นจากเร่ืองทีอ่ า่ น

ท ๑.๑ ป.๖/๕ อธบิ ายการนำความรู้และความคิดจากเรื่องที่อา่ น
ไปตดั สนิ ใจแก้ปญั หาในการดำเนินชีวติ

ท ๑.๑ ป.๖/๙ มีมารยาทในการอา่ น



สาระสำคญั

บทความเป็นงานเขียนประเภทความเรียงหรือร้อยแก้วประเภทหนึ่ง
ทีเ่ ขียนขึน้ บโทดยคมวีหามลกั ฐเปาน็นขงอางนขเอ้ขเียทน็จปจรริงะเมภักทเคขียวนามเพเรื่อียใหง้ควหารมือรู้ ร้อยแก้วให้
คำปแรนะะเภนทำหนในึ่งเรทื่อี่เงขทียั่วนขๆึ้นไโปดทยีใ่มชีห้ในลชกั ีวฐติานปขรอะจงขำ้อวนัเท็จผจู้เรขิงียนผอเู้ าขจียแนทอรากจแทครวกาม
คิดคเวหา็นมไควดิ ้ดเ้วหย็นไวด้ดัง้วนยั้นผดู้อังน่า้นันจผะอู้ต่า้อนงจจะับตใอ้จงคศวกึ าษมาขเอพงื่อบจทับคใจวาคมวาทมี่อ่าน ของได้
ถูกบตทอ้ คงวแาลมะทรีว่อด่าเนรไ็วดถ้ โูกดตย้พองิจแาลระณรวาดว่าเรข็ว้อมูลและรายละเอยี ดตา่ ง ๆ ตลอดจน
ความคิดเห็นที่ผู้เขียนแสดงนั้นถูกต้องและน่าเชื่อถือเพียงใด ผู้เขียนมี
จดุ ประสงคใ์ ด



การเปน็ นกั อ่านเรื่องสจน้ั ทดุ ี่ดปี ระสงคก์ ารเรียนรู้

ด้านความรูค้ วามเขา้ ใจ (K)

1. นักเรียนบอกความหมายของบทความได้

2. นกั เรียนบอกสว่ นประกอบของบทความได้

3. นกั เรยี นบอกประเภทของบทความได้

4. นกั เรียนบอกลกั ษณะของบทความที่ดไี ด้

5. นักเรียนเข้าใจหลักการอา่ นจับใจความบทความ

6. นักเรียนสามารถอ่านจับใจความจากบทความทีก่ ำหนดให้ได้

7. นกั เรยี นสามารถเขียนใจความสำคัญจากบทความทีก่ ำหนดให้ได้

ด้านทักษะกระบวนการ (P)

1. ปฏิบตั ิตนในการอ่านจบั ใจความได้

ดา้ นคณุ ลักษณะ (A)

๑. มีวินยั

๒. ใฝเ่ รียนรู้

๓. มีมารยาทในการอา่ น เพื่อน ๆ ควรศกึ ษา

จุดประสงคก์ ารเรยี นรใู้ ห้เข้าใจ

จะไดท้ ราบแนวทางและ

เป็นประโยชนใ์ นการเรียนรู้

๑๐

แบบทดสอบก่อนเรยี น
เล่มที่ 3 เร่อื ง การอา่ นจับใจความบทความ

กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๖
จำนวน ๑๐ ขอ้ ๑๐ คะแนน เวลา 15 นาที

คำชีแ้ จง ให้นักเรียนทำเครอ่ื งหมาย X บนคำตอบทถ่ี ูกตอ้ งที่สดุ เพียงคำตอบเดยี ว

อ่านบทความต่อไปนแี้ ล้วตอบคำถามขอ้ 1-5
มาดืม่ นมเปรีย้ วกนั เถอะ

วันนี้ "๑๐๘ เคล็ดกนิ " ขอชักชวนทุกคนให้มาดืม่ นมกัน แตค่ ราวนขี้ อให้
มาดม่ื นมเปรยี้ วแทนนมสดธรรมดาเป็นการเปลย่ี นบรรยากาศกนั บ้าง แถมยัง
ได้ประโยชนม์ ากมายที่ไมไ่ ด้จากนมสดอีกดว้ ย

นมเปรี้ยวนี้ แต่เดิมเคยเป็นนมสดมาก่อน แต่พอเติมเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็น
ประโยชน์ต่อร่างกายเข้าไป เช่น แลกโตบาซิลัสที่ช่วยย่อยอาหาร และเติมน้ำตาล
เข้าไปเพื่อให้เป็นอาหารของเชื้อจุลินทรีย์ จากนั้นก็จะเกิดการหมักตัวและย่อยนม
บางส่วน ทำให้เกดิ ความเปรยี้ วขนึ้ จนกลายเปน็ นมเปร้ียวที่เราดม่ื กนั ส่วนนมเปรี้ยว
รสผลไม้ต่าง ๆ ทม่ี ีวางขายน้ันก็มีการเตมิ สีเติมกลิ่นและรสชาติเขา้ ไป

ประโยชน์ของนมเปรี้ยวนั้นก็มีไม่น้อย โดยการดื่มนมเปรี้ยวนั้นจะช่วย
ปรับสภาพของกระเพาะอาหาร ให้มีความเป็นกรดมากขึ้น ทำให้สามารถย่อย
อาหารไดด้ ขี ้ึนด้วย อกี ทั้งการดม่ื นมเปรยี้ วน้ยี ังเป็นการเพิ่มจุลินทรีย์ท่ีเป็นประโยชน์
กับลำไส้ให้มีมากขึ้น นอกจากนั้นในนมเปรี้ยวยังมีสารที่มีคุณสมบัติในการยับยั้ง
การเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคบิด
หรือเช้ือโรคอุจจาระร่วงได้ดว้ ย นมเปรยี้ วจึงเหมาะกับผู้ท่มี ีอาการทอ้ งเสียเร้ือรัง

๑๑

เด็ก ๆ ก็ควรดื่มนมเปรี้ยวด้วยเช่นกัน เพราะกรดแลคติกในนมเปรี้ยว
จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสได้เพิ่มขึ้น มีประโยชน์
ตอ่ การเสรมิ สร้างกระดกู และฟันอกี ด้วย

ท่มี า : หนงั สือพมิ พ์ผู้จดั การ

๑. บทความดังกล่าวเป็นบทความเร่ืองอะไร
ก. การดืม่ นมเปรี้ยว
ข. ประโยชน์ของนมเปร้ียว
ค. การเลอื กดม่ื นม
ง. นม

๒. ผู้เขยี นเขียนบทความนีโ้ ดยมีจดุ มุง่ หมายเพอ่ื อะไร

ก. ขายนมเปรยี้ ว ข. บอกประโยชน์ของนมเปร้ียว

ค. เผยแพร่วิธกี ารทำนมเปร้ียว ง. เชิญชวนให้ดม่ื นมเปรี้ยว

๓. นมสดกลายเป็นนมเปร้ียวทีม่ ีประโยชน์ต่อร่างกายได้อย่างไร

ก. เติมเช้ือจุลนิ ทรีย์และน้ำตาล ข. เติมน้ำมะนาว

ค. เตมิ กรดแลคติก ง. เติมเชื้อแบคทเี รีย

๔. แลกโตบาซิลัสในนมเปร้ียวมีประโยชน์ตอ่ รา่ งกายอยา่ งไร
ก. ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร
ข. ช่วยในการย่อยอาหาร
ค. เคลือบแผลในกระเพาะอาหาร
ง. ถูกทุกขอ้

๑๒

๕. ในนมเปร้ียวมีสารท่ีช่วยยับย้ังการเจริญเตบิ โตของแบคทเี รียทท่ี ำให้เกิดโรคใด
ก. บดิ
ข. ทอ้ งร่วง
ค. ท้องเสยี เรื้อรัง
ง. ถูกทุกขอ้

อ่านบทความต่อไปนีแ้ ล้วตอบคำถามขอ้ 6-10
……………………………………..
พิเชษฐ์ ดีมาก

ปัญหาความขดั แย้ง เป็นเร่อื งธรรมดาในการอยู่ร่วมกัน หรือคบคา้ สมาคมกัน
เพราะสงั คมประกอบดว้ ยบคุ คลหลาย ๆ รปู แบบมาจากครอบครัวทต่ี า่ งกัน มี
พื้นฐานการเลี้ยงดู วัฒนธรรม ประเพณี การศึกษาการใช้ชีวิต ตลอดจนนิสัยใจคอที่
แตกต่างกัน ดังนั้นปัญหาหรือความขัดแย้งต่าง ๆ ย่อมเกิดขึ้นอยู่ได้ตลอดเวลา
เราก็อาจจะเป็นคนหนึ่งในหลายคน ที่ต้องตกเป็นผู้รับฟัง การระบายปัญหาหรือ
การเล่าถึงความขัดแย้งกับคนอื่น ๆ จากผู้ร่วมงาน จากคนใกล้ชิด จากเพื่อนสนิท
หรือผู้มารับบริการอยู่บ่อย ๆ บางครั้งเราอาจจะใช้ความเห็นส่วนตัว ดุลยพินิจ
ที่เข้าข้างตัวเอง ตอบโต้ปัญหาหรือความขัดแย้งเหล่านั้น จนอาจก่อศัตรูหรือ
เพิ่มความบาดหมาง เคียดแค้นให้ลุกลามมากขึ้นก็อาจเป็นได้ ดังนั้นการที่จะเป็น
ผู้รับฟังปัญหาที่ดีมีประสิทธิภาพได้นั้น ก็ต้องมีการเรียนรู้วิธีการรับฟังที่เหมาะสม
คอื

๑. จะรบั ฟังปัญหาอยา่ งไรไมใ่ ห้ตัวเราเครยี ด หดหใู่ จ ไมส่ บายใจ
- ตอ้ งอยู่ในอารมณท์ ่ผี ่อนคลาย ไม่กงั วลใจ พร้อมทีจ่ ะรับฟังปัญหา

ผู้อนื่
- ขณะรบั ฟังปญั หา ตอ้ งรับฟงั อย่างสงบ ไม่สรา้ งอารมณร์ ว่ มไปกับ

ผู้เล่า ต้องฟังอย่างเข้าใจ และรู้ถึงความรู้สึกและอารมณ์ของเขา แต่อย่าให้มี
อารมณ์ทุกข์โศก โกรธแค้น ร่วมกับผู้เล่า หรือรับเอาความรู้สึกเข้ามาไว้กับตัวเอง

๑๓

รับฟังอย่างมีสติมั่นคง ก็จะทำให้มองปัญหาได้ชัดแจ้งกวา่ และสามารถชี้ให้เห็นถึง

เหตุผล และแนวทางในการแก้ไขได้ดกี วา่

- ไมค่ วรรบั ฟงั ปญั หานนั้ นานเกินไป จะทำให้เราเกิดความเครียด

ได้งา่ ย ควรหาวิธลี ะมนุ ละม่อมเพ่อื ให้ยุติการเล่าเมือ่ ใช้ระยะเวลานานเกินไป

๒. จะรับฟงั ปญั หาอยา่ งไรไม่ให้เกดิ ศตั รู หรือเพม่ิ ความบาดหมางเคยี ดแคน้

ต้องรับฟังอย่างเป็นกลาง รู้จักยับยั้งชั่งใจไม่คล้อยตาม หรือส่งเสริม

ผู้เล่าและไม่กล่าวทับถมบุคคลท่สี าม โดยระลกึ ไว้เสมอว่า ไมม่ ีใครสามารถถา่ ยทอด

คำพดู ของผู้อื่นไว้ทกุ คำพูดโดยไมผ่ ิดเพีย้ น ไมม่ ีใครตีความหมายหรือ แปล

เจตนารมณ์ของผู้พูดได้อย่างถูกต้องโดยไม่ผิดเลย ทุกคนย่อมเข้าข้างตัวเองเสมอ

บางครั้งมักต่อเติมเสริมแต่ง พูดรุนแรงเกินความจริงเพราะอคติ หรือเกิด

อารมณ์ ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ผู้เล่าเกิดอคติมากขึ้น ไม่ทำให้เราเอง เกิด

ความโกรธแค้นกับผู้ที่ถูกว่ากล่าว ซึ่งอาจเป็นปัญหาสามเส้า หรือทำให้เกิดการ

แบ่งพรรคแบ่งพวก กอ่ ศัตรูข้นึ มาได้จงึ ควรจะรับฟงั ปัญหาอย่างเปน็ กลาง ดังน้ี

๒.๑ เปน็ ผู้ฟงั ทด่ี ี เพอ่ื อกี ฝา่ ยได้ระบาย และปลดปลอ่ ยอารมณ์

คบั แค้นออกมา

๒.๒ แสดงท่าทแี ละใช้คำพดู ปลอบโยน ให้อารมณ์สงบลง สัมผัส

อย่างอ่อนโยนด้วยความเขา้ ใจ จะชว่ ยให้จติ ใจของผู้เล่าดขี ้นึ บ้าง เชน่ “ใจเยน็ ๆ”

“คอ่ ย ๆ พดู ค่อย ๆ จากัน”

๒.๓ ใช้คำพดู ในทางบวกเพ่อื ลดอคติ เช่น “เขาคงไม่เจตนาทำ

แบบน้ัน” “เขาพูดลอ้ เล่นหรอื เปล่า”

๒.๔ ชีแ้ นวทางแก้ปัญหาดว้ ยความจริง เช่น การพดู ปรับ

ความเขา้ ใจกัน “ลมื มันเสียแล้วเริ่มตน้ ใหม่”

ถ้าปฏิบตั ไิ ด้ดังกล่าวมาน้ี ทา่ นกน็ ่าจะเป็นผู้ทีส่ ามารถรบั ฟังปัญหาของผู้อืน่

และชแี้ นะแนวทางแก้ไขปญั หาไดอ้ ย่างถกู ต้องเหมาะสมแก่เขาเหล่านนั้

ท่มี า : บทความสขุ ภาพจิต โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธ์ิ

๑๔

๖. นักเรียนคิดว่าช่อื บทความทีเ่ หมาะสมที่สุดคือขอ้ ใด

ก. การฟงั ท่ดี ี ข. สุขภาพจิตที่ดี

ค. การพูดให้คนเข้าใจ ง. การลดความขัดแย้ง

๗. บทความน้เี ขียนโดยใคร

ก. โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ ข. กรมสุขภาพจิต

ค. พิเชษฐ์ ดีมาก ง. กระทรวงสาธารณสขุ

๘. ฐติ มิ า ถกู ศรรามพดู ล้อ จึงนำเรื่องไปเล่าให้เพ่อื นคนอ่นื ฟัง ใครที่เปน็
นักฟงั ท่ดี ี
ก. อญั ชนารู้สึกโกรธแทนฐิติมา
ข. สายธารบอกฐิติมาว่า “ใจเยน็ ๆ เพ่อื นล้อเล่นหรือเปล่า”
ค. ชดาพรร้องไห้สงสารฐติ มิ าที่ถกู แกล้ง
ง. คฑาวธุ ชวนธนวัต ไปชกศรราม

๙. การรบั ฟงั ปญั หาอย่างไร จะไมท่ ำให้เครยี ดหรอื หดหู่
ก. รับฟงั ปัญหาจนจบ ถึงแม้จะเป็นระยะเวลานาน
ข. รับฟังปญั หาขณะที่มีความวิตกกงั วล
ค. รับฟังและแสดงความรู้สึกเหมือนผู้เล่า
ง. รบั ฟังอยา่ งสงบ ไมส่ รา้ งอารมณ์รว่ ม

๑๐. นกั เรียนจะรับฟังปัญหาอย่างไรเพ่อื ไมใ่ ห้เกิดความบาดหมางเพิม่ ข้นึ

ก. ใช้คำพดู ในเชงิ บวกลดอคติ

ข. ใช้คำพดู ให้ผู้เลา่ รู้สึกว่าตนเองเป็นฝ่ายถกู

ค. แสดงท่าทีเหมือนกับผู้เล่า นักเรียนทำกันไดไ้ หมคะ
ง. ไมม่ ีขอ้ ถูก คะแนนนอ้ ยไมเ่ ป็นไรคะ่

มาเรียนรู้กนั ค่ะ

ตง้ั ใจนะคะ

๑๕

ใบความรู้
เร่อื ง บทความ

ความหมายของบทความ

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายของ บทความ ว่า หมายถึง
ข้อเขียนซึ่งเป็นรายงานหรือการแสดงความคิดเห็น มักตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์
วารสาร สารานุกรม เปน็ ต้น

บทความเป็นความเรียงประเภทหน่งึ มกั เปน็ การให้คำแนะนำในเร่อื งท่ัว ๆ ไป
ที่ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งมีจุดประสงค์หลายลักษณะ เช่น เพื่อแสดง
ความรู้ เสนอข้อเท็จจริง ความคิดเห็น ตั้งข้อสังเกต วิเคราะห์วิจารณ์ ฯลฯ โดยต้อง
เขียนอย่างมีหลักฐาน มีเหตุผลน่าเชื่อถือ หากมีข้อเสนอแนะใด ๆ ต้องเป็นไป
ในทางสร้างสรรค์

สว่ นประกอบของบทความ

บทความมกั ประกอบด้วยข้อความตา่ ง ๆ หลายย่อหนา้ แตล่ ะย่อหนา้
ประกอบด้วย 3 ส่วน คอื

1. ประเด็นของเร่อื งหรือหวั ข้อเรือ่ ง
2. ใจความสำคัญของเรื่อง จะปรากฏเปน็ วลหี รือประโยคกไ็ ด้
3. ขอ้ ความสนบั สนุน ซึ่งเป็นรายละเอียดสนับสนุนใจความสำคัญ
หรือส่วนละเอยี ดปลกี ย่อย ทำหน้าทอ่ี ธบิ ายให้รายละเอยี ดหรอื ตัวอย่างประกอบ
เพ่อื ให้ผู้อ่านเข้าใจเกย่ี วกบั ใจความสำคัญของย่อหนา้ น้ัน

๑๖

โครงสรา้ งเน้ือหาของบทความทกุ ประเภท ประกอบด้วยเนือ้ ความ 3 สว่ น
ดงั น้ี

1. ความนำ
2. สว่ นใจความ
3. ส่วนเน้ือความตอนลงทา้ ย

ประเภทของบทความ

เมื่อแบ่งตามเนอื้ หา บทความจะแบ่งไดเ้ ปน็ ๑๑ ประเภท ไดแ้ ก่
๑. บทบรรณาธกิ าร
๒. บทความสัมภาษณ์
๓. บทความแสดงความคดิ เห็นท่ัว ๆ ไป
๔. บทความวิเคราะห์
๕. บทความวิจารณ์
๖. บทความสารคดที ่องเทย่ี ว
๗. บทความกึง่ ชีวประวัติ
๘. บทความครบรอบปี
๙. บทความให้ความรู้ท่วั ไป
๑๐. บทความเชิงธรรมะ
๑๑. บทความวิชาการ

ลักษณะของบทความทีด่ ี

๑. น่าสนใจ กล่าวคือ ปัญหาท่นี ักเขยี นบทความยกข้ึนมากล่าวจะต้องอย่ใู น
ความสนใจของบคุ คลทั่ว ๆ ไป

๒. บทความจำตอ้ งมีขนาดสน้ั กะทดั รดั เขยี นอย่างเร้าใจ ใช้ภาษาสนั้ ๆ ง่ายแก่
การเขา้ ใจแตต่ ้องถกู ตอ้ งตามลักษณะภาษาไทยท่ดี ี

๑๗

๓. เรือ่ งทีเ่ ขียนต้องมีสาระ มีแกน่ สาร มีหลักฐาน ข้อเทจ็ จริงทพ่ี ิสูจน์ได้
๔. ผู้เขยี นตอ้ งศึกษาเร่ืองท่นี ำมาเขยี นให้รู้และเข้าใจถึงปัญหาต่าง ๆ
อย่างชัดแจ้งและจะต้องแสดงขอ้ คดิ เหน็ การขบปัญหาและทางออก ทางแก้ไขไวด้ ว้ ย

ตัวอยา่ ง การอา่ นบทความ

ผกั พ้ืนบ้าน คือ พรรณพืชพ้ืนบ้านในทอ้ งถิน่ ชาวบา้ นนำมาบริโภคเป็นอาหาร
เป็นยารักษาโรค ซึ่งมีสรรพคณุ เป็นยาสมุนไพร เนอ่ื งจากมีรสยาทห่ี ลากหลายอยู่ใน
ผกั พ้ืนบ้าน เช่น

- แก้ท้องอืด แก้ลมจกุ เสียด ขับลม เชน่ กระเทียม พริกไทย ขิง ขา่ ฯลฯ
- ขบั เสมหะ ชว่ ยระบาย เชน่ ยอดมะขามออ่ น มะนาว ฯลฯ
- บำรงุ โลหิต เชน่ มะระข้นี ก ผกั โขม สะเดา ฯลฯ
- บำรุงหวั ใจ แก้ออ่ นเพลยี เช่น เตยหอม โสน ฯลฯ
- บำรงุ เสน้ เอ็น เป็นยาอายุวัฒนะ เชน่ สะตอ ขนุนออ่ น ฟักทอง กระถิน
ฯลฯ

๑๘

แบบฝึกทักษะที่ ๑

คำชีแ้ จง อา่ นรายงานเร่อื ง “สถิติผู้ใช้เฟซบกุ๊ ของโลก” แลว้ เติมคำลงในชอ่ งว่าง
(10 คะแนน)

สถิติผู้ใชเ้ ฟซบกุ๊ ของโลก
ในปี พ.ศ.2557 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กทั่วโลกถึง 1,191

ล้านราย เฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียนนั้น ประเทศไทยมีผู้ใช้
เฟซบุ๊ก 26 ล้านราย นับว่ามากเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน
รองจากฟลิ ปิ ปนิ ส์ ซึ่งมีผู้ใช้ 36 ลา้ นราย และอินโดนีเซีย เป็น
ประเทศที่ใช้เฟซบุ๊กมากที่สุดในอาเซียน คือ มีผู้ใช้ถึง 64 ล้าน
ราย

ท่มี า : ทกั ษะการคิด (Thinking Skills)
1. รายงานน้กี ล่าวถงึ เร่ือง ......................................................................................

2. ในปี พ.ศ. 2557 ประชากรท่ัวโลกมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก....................................ลา้ นราย

3.ประเทศทใ่ี ช้เฟซบ๊กุ เป็นอนั ดับ 1 ของอาเซียน คอื .................................................

4. ในปี พ.ศ. 2557 ประเทศไทยมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก...........................................ลา้ นราย

5. ประเทศไทยมีผู้ใช้เฟซบกุ๊ นอ้ ยกว่าอันดับที่ 2 .........................................ลา้ นราย

๑๙

สถิติผใู้ ช้เฟซบุ๊กในประเทศไทย
มีรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กในประเทศไทยส่วนใหญ่

อยู่ในกรุงเทพฯ ประมาณ 14.4 ล้านราย อันดับ 2 เชียงใหม่
8.6 แสนราย อันดับ 3 ชลบุรี 5 แสนราย คนไทยที่ใช้เฟซบุ๊ก
เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 6 แสนราย ช่วงเวลาที่คนใช้เฟซบุ๊ก
มากที่สดุ คือ ช่วงเวลาบ่ายสองโมง

ทม่ี า : ทกั ษะการคิด (Thinking Skills)
6. รายงานกลา่ วถงึ เร่อื ง……………………………………………………………………………………………..
7. จงั หวดั ท่มี ีผู้ใช้เฟซบกุ๊ มากทีส่ ุดในประเทศไทย คือ ………………………………………………
8. จงั หวดั ชลบุรมี ีผู้ใช้เฟซบกุ๊ จำนวน .................................................................ราย
9. ประเทศไทย ผู้ชายใช้เฟซบุก๊ น้อยกว่าผู้หญงิ ................................................ ราย
10. เวลาท่คี นใช้เฟซบกุ๊ สงู สดุ คือ เวลา ...................................................................

๒๐

แบบฝึกทกั ษะที่ 2

คำชีแ้ จง ให้นักเรียนอ่านบทความตอ่ ไปนี้ แล้วตอบคำถามตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2

ฉลาดทำบุญเขา้ พรรษา

"บุญ" แปลว่า เครื่องชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ทำอะไรก็ตาม ถ้าช่วย
ลดละความโลภ ความเห็นแก่ตัวและอารมณ์เศร้าหมอง ทำให้จิตใจเอิบอิ่ม ก็ถือ
ว่าเป็นบุญ และจะเป็นบุญยิ่งขึ้นหากเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วย ถ้าทำแล้วสงบเย็น
เป็นประโยชน์ ขอให้มั่นใจได้ว่านั่นแหละคือบุญ บุญนั้นทำได้หลายอย่าง
หลายโอกาส โดยเฉพาะในช่วง ๓ เดือนนี้ น่คี อื วธิ ที ำบุญท่คี ุณทำได้

ทำชีวิตใหโ้ ปร่งเบา
ไม่มีเงินเลยก็สามารถทำบุญได้เหมือนกัน การทำชีวิตให้ปลอดโปร่งจาก
สิ่งเสพติด เป็นการทำบุญที่ไม่ต้องใช้เงินเลย แถมมีเงินเหลือเสียอีก แม้ไม่เข้าวัด
แต่ถ้างดเข้าบ่อน บาร์หรือสถานเริงรมย์ ก็ได้บุญเต็ม ๆ ถ้ายังละไม่ได้ ลดการดื่ม
เล่น และเท่ยี วให้น้อยลงก็ยังดี เปน็ บุญท้ังแกต่ ัวเองและครอบครวั อะไรท่ีทำให้ชีวิต
ยุ่งยาก เป็นภาระแก่ตนเอง สิ้นเปลืองเงินทองและเวลา เช่น ติดนิสัยฟุ่มเฟือย
จนเป็นหนี้สิน หรือติดอินเทอร์เน็ตจนไม่เป็นอันทำงาน และไม่มีเวลาให้ครอบครัว
เข้าพรรษาเปน็ โอกาสดที จ่ี ะลดละสง่ิ เหล่านี้
เกื้อกลู ดว้ ยแรงกาย
สละเงิน สละพฤติกรรมที่ไม่ดีแล้ว สละอีกอย่างหนึ่งที่เป็นบุญคือ
สละแรงกาย เห็นใครลำบากก็เข้าไปช่วยเขา อะไรที่เป็นงานส่วนรวมก็เข้าไปเสริม
เช่น เป็นอาสาสมัครสอนเด็กในชนบท ช่วยงานบ้านพักคนชรา อุ้มเด็กป่วย
ในโรงพยาบาล ปลกู ป่า เกบ็ ขยะตามอทุ ยาน เป็นต้น ทจ่ี ริงไมต่ ้องไปไกลก็ได้ชักชวน
เพื่อนบ้าน ร่วมแก้ปัญหาขยะในชุมชน รักษาสิ่งแวดล้อมให้สะอาด ดูแลเยาวชน

๒๑

ให้พ้นภยั ยาเสพตดิ ตรวจตราชมุ ชนให้ปลอดโจรผู้ร้าย นำ้ ท่วมกช็ ่วยกันแก้ไข ทำได้
อยา่ งน้ีคนกเ็ ปย่ี มบุญ ชุมชนก็เปีย่ มสขุ

ฝึกจิตชำระใจ
ไม่ต้องใช้เงินแต่ได้บุญอีกวิธีหนึ่งก็คือ การทำจิตรักษาใจให้เป็นกุศล
มีความสงบ ไม่ฟุ้งซ่านขุ่นเคืองขึ้งเครียด ด้วยการทำสมาธิ สมาธิไม่ใช่เรื่องลึกลบั
ไกลตัว จดจ่อจิตอยู่กับลมหายใจเข้าและออกอย่างสม่ำเสมอ ทำครั้งละ ๑๕ นาที
เช้าและเย็น หรือเวลาเครียดกับงานไม่นานจะเห็นผล ถ้าขยันขึ้นก็ทำให้นาน ๆ
เท่า ๆ กับเวลาอาบน้ำแปรงฟัน ใช้เวลาชำระกายนานเท่าไหร่ ก็พึงชำระใจ
นานเท่านั้น ชีวิตจะสมดุลและโปร่งเบาขึ้น แล้วอย่าลืมฟังธรรมบ้าง ถ้าไม่สะดวก
เข้าวัด ก็หาเทปธรรมะมาเปิดฟังยามว่างหรือตอนรถติดก็น่าจะดี หรือหาหนังสือ
ธรรมะมาอ่านทุกคืนก่อนนอนตลอด ๓ เดือน บุญแบบนี้ทำแล้วย่อมเกิดสุขทั้งแก่
ชีวติ และสงั คมอยา่ งแนน่ อน

ทม่ี า : คอลัมน์มองอยา่ งพุทธ โดย พระไพศาล วิสาโล

ตอนที่ ๑ ให้นักเรียนจับคู่ความหมายกับคำ โดยนำตัวอักษรหน้าความหมาย
เติมลงในช่องว่างหน้าคำท่สี ัมพันธก์ ัน (๕ คะแนน)

________ ๑. บญุ ก. ซึมเขา้ ไป ซาบเขา้ ไป

________ ๒. อารมณ์ ข. บุคคลท่เี สนอตวั เขา้ ทำงาน
ดว้ ยความสมคั รใจ

________ ๓. เอิบอิม่ ค. ชะลา้ งให้สะอาด

________ ๔. อาสาสมคั ร ง. ความรู้สึกทางใจท่ีเปลีย่ นแปลงไป
ตามสิ่งเรา้

________ ๕. ชำระ จ. การกระทำความดีตามหลกั คำสอน
ในพระพุทธศาสนา

๒๒

ตอนท่ี 2 ให้นกั เรียนทำเคร่อื งหมาย X บนคำตอบทถ่ี กู ตอ้ งที่สุดเพียงคำตอบเดยี ว
(๕ คะแนน)

๑. บทความดังกลา่ วเป็นบทความเร่ืองอะไร
ก. การทำบุญเข้าพรรษา
ข. เทศกาลเขา้ พรรษา
ค. การถวายของพระ
ง. การฟงั เทศน์

๒. ผู้เขยี นบทความดังกลา่ วเป็นใคร ข. คอลัมน์มองอยา่ งพทุ ธ
ก. หนังสอื พมิ พม์ ติชนรายวนั ง. พระไพศาล วิสาโล
ค. พระ

๓. การชว่ ยงานในชุมชนเป็นการทำบุญตามขอ้ ใด

ก. ฝึกจิตชำระใจ ข. ทำชีวติ ให้โปร่งเบา

ค. เก้อื กูลดว้ ยแรงกาย ง. สละทรัพยอ์ ย่างฉลาด

๔. นกั เรยี นสามารถทำบุญโดยการฝึกจิตชำระใจไดอ้ ย่างไร
ก. ปลกู ป่า
ข. ทำสมาธกิ ่อนเรียนหนงั สอื
ค. ไมเ่ ล่นเกมอนิ เทอรเ์ น็ต
ง. ถวายสังฆทาน

๕. ผู้เขียนบทความเขยี นบทความเพ่อื อะไร
ก. ให้ปฏิบัติตนทำบุญเทศกาลเขา้ พรรษาอย่างฉลาด
ข. เขียนบทความเป็นการทำบญุ
ค. บอกความหมายของการทำบุญ
ง. เชญิ ชวนให้ไปทำบุญที่วัด

๒๓

ใบความรู้

เรือ่ ง การอ่านจบั ใจความบทความ
โดยการเขียนแผนภาพโครงเรือ่ งและโดยการตอบคำถาม

การอ่านบทความ โดยทั่วไปเมื่ออ่านบทความเป็นรายย่อหน้า ผู้อ่านควร
มีความสามารถในการจับประเด็นหลักของเนื้อหา เมื่อจับประเด็นหลักสำคัญ
ของเนื้อความได้ทุกย่อหน้าแล้ว ก็จะมองเห็นความสัมพันธ์ของย่อหน้าต่าง ๆ
ท่เี รียงตอ่ กันและจับโครงเร่อื งของบทความได้ นอกจากนีผ้ ู้อ่านควรใช้วิจารณญาณ
ว่าข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ ตลอดจนความคิดเห็นที่ผู้เขียนแสดงมาว่าถูกต้อง
และนา่ เชือ่ ถือเพยี งใด รวมท้ังวิเคราะห์จุดประสงคใ์ นการเขยี นด้วย

การอา่ นจับใจความบทความโดยการเขียนแผนภาพโครงเรื่อง

แผนภาพโครงเรื่อง มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น แผนภาพความคิด แผนภาพ
ความหมาย เป็นการแสดงความรู้โดยใช้ภาพ คอื การนำข้อมลู ความรู้ ขอ้ เท็จจริง
มาจัดเป็นระบบ สร้างเป็นแผนความคิด หรือจัดความคิดมาแยก เป็นหัวข้อย่อย
โดยมีขั้นตอนการเขยี นแผนภาพโครงเรอ่ื ง ดังน้ี

๑. ตงั้ ใจอ่านเรือ่ ง
๒. อ่านแล้วจับใจความสำคัญของเรื่องโดยตอบคำถามตามประเด็นว่า ใคร
ทำอะไร ท่ไี หน เมื่อไร และผลเป็นอย่างไร
รูปแบบแผนภาพโครงเร่ือง
แผนภาพโครงเร่อื งมีหลายแบบ ในทน่ี ้ีจะขอเสนอรูปแบบท่นี ยิ มใช้ ๓ แบบ คอื
1. แผนภาพก่งิ
2. แผนภาพความคิด
3. แผนภาพการจัดความคิด
ตวั อย่าง การอา่ นจบั ใจความบทความโดยการเขียนแผนภาพโครงเรื่อง

๒๔

หลายรฐั บาลท่พี ยายามปลกู ฝังให้คนไทยนิยมซือ้ และใชข้ องไทย มีการโฆษณา
กันมากมาย เสียค่าโฆษณาไปมาก แต่ทำไปทุกครั้งก็ล้มเหลว เพราะไม่ได้ทำกัน
อย่างจริงจัง แม้แต่ผู้เป็นเจ้าของเรื่องเองก็ไม่ได้ทำอย่างที่ดีได้ ยังนิยมสินค้านอก
ของนอก ดาราท่นี ำมาโฆษณากเ็ ปน็ ดาราลกู ครง่ึ

ใคร แผนภาพโครงเรือ่ ง
ทำอะไร : รัฐบาล
ท่ไี หน : ปลกู ฝงั ให้คนไทยนิยมซอื้ และใชข้ องไทย
อยา่ งไร : ทุกท่ี
ผลเปน็ อย่างไร : โฆษณาให้คนไทยนิยมซอื้ และใชข้ องไทย
: การปลูกฝังไม่สบความสำเรจ็

22 ก.ย. - 1 ต.ค. 60

๒๕

การอา่ นจบั ใจความบทความโดยการตอบคำถามจากเรือ่ งที่อ่าน

การอ่านจับใจความสำคัญประเภทบทความเป็นการอ่านเพื่อหาสาระ
ของเรื่อง ว่าเรื่องราวที่อ่านนั้นมีสาระสำคัญ มีเนื้อความว่าอย่างไร และบทความ
เรื่องนั้น ๆ อาจมีข้อคิดคติธรรมหรือคำสอนอันเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านในประเด็น
ใดบา้ ง และจะนำขอ้ คดิ ไปใช้ได้หรอื ไม่ เพยี งใด

การอา่ นจบั ใจความบทความโดยการตอบคำถาม มีข้ันตอนการอ่าน
ดังน้ี

๑. ให้นกั เรียนฝึกอ่านอย่างรวดเร็ว โดยใช้วิธีการกวาดสายตาจากซ้ายไปขวา
เพ่อื พจิ ารณารายละเอยี ดของขอ้ ความบทความในแตล่ ะยอ่ หนา้ อยา่ งคร่าว ๆ

๒. พยายามตง้ั คำถามจากเรอ่ื งทีอ่ ่าน โดยใช้คำถาม มีใคร ทำอะไร ทไ่ี หน
เมือ่ ไร เพราะอะไร และผลเปน็ อยา่ งไร

๓. อ่านอยา่ งพิจารณา เพ่ือตอบคำถามทีต่ ้ังไว้ แล้วสรุปเร่อื งตามความเข้าใจ
โดยการเล่าเรื่อง หรือเขียนเรอ่ื งยอ่

๔. วิเคราะหค์ วามสำคญั ของเร่อื งที่อา่ น ลกั ษณะนสิ ยั ของตัวละคร การกระทำ
ของตวั ละคร ข้อคิดที่ได้จากบทความเพ่อื เป็นแนวทางในการดำเนินชีวติ

๒๖

ตัวอย่าง การอา่ นจับใจความบทความโดยการตอบคำถาม
เข้าสู่ฤดูฝนบรรยากาศอันแสนชุ่มฉ่ำเย็นสบาย หลายคนที่สุขภาพไม่แข็งแรง

ตอ้ งเสีย่ งกบั การเจบ็ ป่วย ซึ่งโรคตาแดงเป็นหนง่ึ ในโรคยอดฮิตท่ีคนส่วนใหญ่เป็นกัน
ในช่วงหน้าฝน

แท้จริงแล้วโรคตาแดงเกิดขึ้นได้ทุกช่วงฤดูกาล แต่ในฤดูฝนท้องถนนที่เปียก
มีทั้งน้ำขัง และยานพาหนะที่สัญจรผ่านไปมาก็ดีดเด้งนำพาน้ำสกปรกกระเด็นเข้าสู่
ดวงตาของเราได้ง่ายกว่าฤดูกาลอื่น และที่สำคัญเจ้าแบคทีเรียที่ชื่อว่า อดีโนไวรัส
(Adenovirus) นน้ั เจริญเติบโตได้ดใี นชว่ งน้แี ละแฝงตัวอยู่ในน้ำสกปรกหรือฝุ่นท่ีปลิว
เข้าดวงตาจนทำให้เกิดโรคตาแดง (Pink Eye หรือ Conjunctivitis)

ทม่ี า: การป้องกนั และดแู ลโรคตาแดงในชว่ งหน้าฝนและน้ำท่วม

๑. โรคตาแดงมกั เกดิ ขนึ้ ในฤดูกาลใด
ตอบ ฤดูฝน

๒. เพราะเหตุใดโรคตาแดงจึงมักเกดิ ในฤดฝู น
ตอบ เพราะฤดฝู นนำ้ สกปรกกระเดน็ เข้าสู่ดวงตาของเราได้ง่ายกว่า
ฤดกู าลอ่นื

๓. เช้ือแบคทเี รียท่ีเป็นสาเหตขุ องโรคตาแดงเจริญเตบิ โตไดด้ ใี นแหลง่ ใด
ตอบ ในน้ำสกปรกหรือฝ่นุ

๒๗

แบบฝึกทักษะที่ 3

คำชีแ้ จง ให้นกั เรียนอ่านบทความต่อไปนีแ้ ล้วตอบคำถามตอนที่ 1 และตอนที่ 2

“คณุ หมอหนอนแมลงวัน”
วงการแพทยใ์ นสหรฐั อเมริกา และองค์การอาหารและยายอมรบั วา่
หนอนแมลงวัน เป็นหนอนที่มีประสิทธิภาพในการรักษาบาดแผลของคนไข้
โรคเบาหวาน ท่มี ีอาการหนักจากการเปน็ แผลไดด้ กี วา่ การใช้ยาหรืออปุ กรณ์
ทางการแพทย์อื่นใด ซึง่ แพทยไ์ ด้ทดลองนำหนอนแมลงวันมารกั ษาแผลคนไข้
ปรากฏว่าได้ผลดีและได้รับความนิยมในฐานะนักทำความสะอาดแผลที่ดีที่สุด
จนได้รับฉายาว่า “คุณหมอหนอนแมลงวัน” และยอมรับว่าหนอนแมลงวัน
เป็นเครื่องมือการแพทย์ที่ถูกกฎหมาย ใช้รักษาบาดแผลได้ เมื่อนำคุณหมอหนอน
ตัวจิ๋วนี้ไปใส่ไว้ที่บาดแผลคนไข้ที่เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งจะรักษาแผลไม่หาย หนอน
จะกนิ เนอื้ เยือ่ ทต่ี ายแลว้ ซึ่งขดั ขวางการเจริญเติบโตของเน้อื เยื่อใหม่ “ท่ีวิเศษท่ีสุด
ก็คือเมื่อให้หนอนแมลงวันอยู่บนแผลเพียง ๒ – ๓ วัน มันจะขับสารบางอย่าง
ออกมาฆ่าเชื้อแบคทีเรียและกระตุ้นให้เนื้อเยื่อใหม่ ๆ เจริญเติบโต” แล้วเอามัน
ออกมาปิดแผลไว้ไม่นานแผลก็จะค่อย ๆ หายสนิท หากรักษาด้วยเครื่องมือ
ทางการแพทย์ทันสมัยคุณอาจหมดเงินเป็นล้านบาทกว่าจะหาย ถ้าใช้“คุณหมอ
หนอนแมลงวัน” ในการรักษาแผลจะหายสนิทภายใน ๓ วัน โดยคุณจะเสียเงิน
ไมก่ ีพ่ นั บาทเทา่ นนั้

ทม่ี า : กองการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสขุ

๒๘

ตอนที่ ๑ ให้นักเรียนจับคู่ความหมายกับคำ โดยนำตัวอักษรหน้าความหมาย
เติมลงในชอ่ งว่างหน้าคำทส่ี มั พนั ธก์ นั (๕ คะแนน)

________ ๑. นิยม ก. ชื่อตงั้ ให้กันเลน่ ๆ

________ ๒. ทนั สมยั ข. ตามสมัยที่นิยมกัน

________ ๓. ฉายา ค. ชมชอบ, ยอมรับนับถอื , ชื่นชมยินดี

________ ๔. ปรากฏ ง. สำแดงออกมาให้เหน็

________ ๕. ทดลอง จ. ลองทำ, ลองให้ทำ, ทดสอบข้อ
สมมุติฐาน

ตอนท่ี 2 อา่ นบทความ เรื่อง คณุ หมอหนอนแมลงวัน แล้วเขยี นแผนภาพโครงเรื่อง
(5 คะแนน)

แผนภาพโครงเรื่อง

ใคร : ...........................................................................................

ทำอะไร : ...........................................................................................

ท่ไี หน : ...........................................................................................

อยา่ งไร : ...........................................................................................

ผลเป็นอย่างไร : ...........................................................................................

...........................................................................................

๒๙

คำชีแ้ จง ให้นักเรียนอา่ นบทความต่อไปนีแ้ ล้วตอบคำถามตอนที่ 1 และตอนที่ 2

“ไอโอดีน”

ไอโอดีน เป็นธาตุชนิดหนึ่งพบได้ในอาหารทะเล เช่น ปลาทู ปลากระบอก
และเกลอื ทะเล ในพ้นื ท่ที ห่ี า่ งไกลจะไมค่ ่อยพบไอโอดีน จึงทำให้ประชาชน ใน
แถบภาคเหนือและภาคอีสานเป็นโรคขาดสารไอโอดีนกันมาก ไอโอดีนเป็น
ส่วนประกอบของฮอร์โมนในต่อมไทรอยด์ มีหน้าที่ควบคุมการเผาผลาญ
ของพลังงานในร่างกาย อันตรายจากการขาดสารไอโอดีนมีตั้งแต่ทำให้สมรรถภาพ
การทำงานของอวัยวะและสภาพจิตใจด้อยลง ถ้าขาดมากจะเกิดอาการคอพอกโต
ผิดปกติ ร่างกายแคระแกร็น ไม่สวยงาม เสียบุคลิกภาพ และที่สำคัญถ้าขาด
ไอโอดีนอย่างรุนแรง ก็สามารถทำให้เป็นโรคปัญญาอ่อนได้ หรือทางภาคเหนือ
เรียกว่า “เอ๋อ” การป้องกันวิธีง่าย ๆ โดยการกินอาหารทะเลทุกวัน เช่น ปลาทู
ปลาทูเค็ม และรักษาได้ด้วยการเสริมธาตุไอโอดีนลงในเกลือ น้ำปลา น้ำดื่มและ
ยาเมด็ เสริมไอโอดนี

ท่มี า : หมอชาวบ้าน

๓๐

ตอนที่ ๑ ให้นักเรียนจับคู่ความหมายกับคำ โดยนำตัวอักษรหน้าความหมาย
เติมลงในช่องวา่ งหน้าคำท่สี มั พันธ์กัน (๕ คะแนน)

________ ๑. สมรรถภาพ ก. สารเน้ือเดียวล้วน

________ ๒. ธาตุ ข. ทำลายให้หมดส้นิ ไป

________ ๓. แกร็น ค. ความสามารถ

________ ๔. เผาผลาญ ง. ไม่เจริญเติบโตตามปรกติ

________ ๕. คอพอก จ. ชื่อโรคต่อมไทรอยด์โต ส่วนใหญ่
เกดิ จากการขาดธาตุไอโอดีน

ตอนท่ี 2 อ่านบทความ เรือ่ ง ไอโอดนี แลว้ เขยี นแผนภาพโครงเร่อื ง (5 คะแนน)

แผนภาพโครงเรื่อง

ใคร : ...........................................................................................

ทำอะไร : ...........................................................................................

ทไ่ี หน : ...........................................................................................

อย่างไร : ...........................................................................................

ผลเปน็ อย่างไร : ...........................................................................................

...........................................................................................

๓๑

แบบฝึกทกั ษะที่ 4

คำชีแ้ จง ให้นักเรียนอา่ นบทความตอ่ ไปนี้ แล้วตอบคำถามตอนที่ 1 และตอนที่ 2

ผลเสียที่เกิดจากบหุ รี่

คุณรู้หรือไม่ว่า บุหรี่ เป็นสาเหตุสำคัญอันดับสองของการเสียชีวิตทั่วโลก
ปัจจุบันพบคนสูบบุหรี่ทัว่ โลกเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ประมาณ 650 ล้านคน แต่ท่ี
น่าตกใจมากกว่า คือ ในแต่ละปีมีคนที่ไม่สูบบุรี่หลายแสนคนต้องเสียชีวิต
ด้วยโรคที่เกิดจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง โดยควันบุหรี่ในบรรยากาศ หรือ
ควันบุหรี่มือสอง เกิดขึ้นจาก 2 แหล่ง คือ ควันบุหรี่ที่ผู้สูบบุหรี่พ่นออกมาและ
ควันบุหรี่ที่ลอยจากตอนปลายของมวนบุหรี่ และทันทีที่บุหรี่ถูกจุดขึ้นการเผาไหม้
ของมวนบุหรี่จะทำให้เกิดสารเคมีที่เป็นสารพิษ ที่วงการแพทย์ระบุว่าเป็น
สารก่อมะเร็ง เช่น นิโคติน เป็นสารที่ก่อให้เกิดการเสพติดและทำให้เกิดโรคหัวใจ
ทาร์ ประกอบด้วยสารหลายชนิดเป็นละอองเหลว เหนียว สีน้ำตาลคล้ายน้ำมันดิน
เป็นสารก่อมะเร็ง ไนโตรเจนออกไซด์ เป็นก๊าซทีท่ ำลายเยื่อบหุ ลอดลมและถุงลม
ทำให้เปน็ โรคถงุ ลมโปง่ พอง ไซยาไนด์ เปน็ สารพิษท่ใี ช้เป็นยาเบอ่ื หนู เปน็ ต้น

ทม่ี า : สำนักงานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสริมสุขภาพ

๓๒

ตอนท่ี 1 นำคำทก่ี ำหนดให้เตมิ ลงในชอ่ งวา่ งให้ตรงกับความหมาย (5 คะแนน)

บรรยากาศ วงการ สาร

สาเหตุ มวน

________ ๑. สง่ิ ทีม่ ีองค์ประกอบเป็นอยา่ งเดยี วกนั
________ ๒. ลกั ษณนามของบหุ รี่
________ ๓. ตน้ เหตุ
________ ๔. กลุ่มบุคคลท่มี ีอาชพี หรือความสนใจอยา่ งเดยี วกนั
________ ๕. อากาศที่หุ้มหอ่ โลก ส่งิ ทีอ่ ยูร่ อบ ๆ ตัว

ตอนท่ี 2 อ่านบทความแล้วตอบคำถามต่อไปน้ี (5 คะแนน)

1. การสบู บุหรส่ี ่งผลกระทบต่อระบบใดของรา่ งกาย
ตอบ ..........................................................................................................

2. โรคในขอ้ ใดที่เกิดจากการสบู บหุ รี่
ตอบ ..........................................................................................................

3. สารใดในบุหรีท่ ีท่ ำให้เกิดโรคหัวใจ
ตอบ ..........................................................................................................

4. ขอ้ ความนีม้ ีจดุ ประสงคม์ ุ่งให้ความรู้แก่ใคร
ตอบ ..........................................................................................................

5. บคุ คลท่ไี ด้รับควนั บหุ รีม่ ือสองหมายถึงอะไร
ตอบ ..........................................................................................................

๓๓

คำชี้แจง ให้นกั เรียนอา่ นบทความต่อไปนี้ แล้วตอบคำถามตอนที่ 1 และตอนที่ 2

ทีม่ าของชื่อ “สม้ ตำ”

คำว่า "ส้มตำ" นั้นเกิดจากคำสองคำที่นำมาผสมกัน ได้แก่คำว่า "ส้ม"

ซึ่งเปน็ ภาษาทอ้ งถิ่นของภาคอีสาน ทม่ี ีความหมายว่า รสชาตเิ ปรยี้ ว และคำว่า "ตำ"

นั้นก็คือการใช้อุปกรณ์เครื่องครัวชนิดหนึ่งคือ สาก โดยเราจะใช้สากโขลกลงไป

เพื่อให้วัตถุดิบทั้งหมดเข้ากัน และเมื่อนำทั้งสองคำนี้มารวมกันก็จะหมายความว่า

อาหารรสเปรยี้ วที่เกดิ จากการโขลกหรือตำน่ันเอง อยา่ งไรกต็ ามตำสม้ ของคนอีสาน

นนั้ มีความหมายกว้าง ๆ คนทางภาคอสี านเรียกส้มตำวา่ ตำบกั หงุ่ หรือ ตำ

หมากหุ่ง หมากหุ่ง ก็คือมะละกอในภาษาอีสาน แล้วเรียกตำแตงกวาว่า "ตำ

หมากแตง" ตำถั่ว ก็คือ ตำถั่วฝักยาว วิธีทำก็ทำคล้าย ๆ กับส้มตำแต่ใส่ถั่วฝักยาว

แทนมะละกอ ตำละเอียดกว่า ใส่ส้มสองอย่าง คือ มะนาวและมะขามเปียก แล้วใส่

ปลาร้า บางคนก็ใส่มะกอก กินกบั ข้าวเหนยี ว ปลาป้ิงและ ผกั ดอง

ท่มี า : ใกล้หมอ

๓๔

ตอนท่ี 1 นำคำท่กี ำหนดให้เตมิ ลงในช่องวา่ งให้ตรงกับความหมาย (5 คะแนน)

ภาค อปุ กรณ์ ละเอียด

โขลก วัตถุดิบ

________ ๑. เคร่อื งมือ, เคร่อื งใช้, เครอ่ื งช่วย, เครอ่ื งประกอบ
________ ๒. สว่ น
________ ๓. ไมห่ ยาบ
________ ๔. สง่ิ ที่เตรียมไว้เพือ่ ผลิต
________ ๕. ตำให้เขา้ กัน หรอื ให้เหนียว หรือให้แหลก

ตอนท่ี 2 อา่ นบทความแล้วตอบคำถามตอ่ ไปน้ี (5 คะแนน)

1. สม้ ตำเป็นอาหารของทอ้ งถิ่นใด
ตอบ ..........................................................................................................

2. คนอสี านมกั กินส้มตำกบั อาหารชนดิ ใด
ตอบ ..........................................................................................................

3. บักหุ่ง หรอื หมากหงุ่ หมายถึงพืชชนดิ ใด
ตอบ ..........................................................................................................

4. หากตอ้ งการตำถั่วฝักยาว ต้องใส่ส้ม 2 อยา่ ง ได้แก่อะไรบา้ ง
ตอบ ..........................................................................................................

5. เพราะเหตุใด จงึ เรยี กอาหารชนดิ นีว้ ่า ส้มตำ
ตอบ ..........................................................................................................

๓๕

ใบความรู้

เรือ่ งการอ่านจับใจความบทความ
โดยการเรียงลำดบั เหตกุ ารณแ์ ละการเขยี นสรปุ ใจความสำคญั

การอา่ นจบั ใจความบทความโดยการเรียงลำดบั เหตุการณ์

การอ่านจับใจความบทความโดยการเรียงลำดบั เหตุการณ์เปน็ การเรียงลำดับ
เรื่องว่าเหตุการณ์ใดเกิดขนึ้ กอ่ นหรือหลัง

ตัวอย่าง การอ่านจับใจความบทความโดยการเรียงลำดับเหตกุ ารณ์
การเร่งการเผาผลาญด้วยการดมื่ นำ้

ในร่างกายของเรามีน้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของร่างกาย แต่ทำไมดื่มน้ำ
เป็นลิตรจึงไม่อ้วน แถมการดื่มน้ำมาก ๆ ยังช่วยลดไขมันในร่างกายได้อีกด้วย
การดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ ๘ แก้ว ทุกวันเพื่อสุขภาพที่ดี เป็นสิ่งที่เราทราบ
กนั ดแี ละการดม่ื น้ำยังช่วยในการละลายไขมันได้อกี ด้วย เพราะตามปกตแิ ล้วการด่ืมน้ำ
ในปริมาณที่ร่างกายต้องการ จะช่วยให้ตับทำงานได้เต็มที่ ซึ่งหน้าที่หลักของตับ
นั้นก็คือ ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่ตามซอกหลืบของร่างกายให้เปลี่ยน
เป็นพลังงานได้ และน้ำก็ยังเป็นตัวการสำคัญที่ช่วยให้การเผาผลาญไขมันดีขึ้น
แต่ถา้ รา่ งกายขาดนำ้ กจ็ ะทำให้ตับทำงานไมเ่ ตม็ ท่ี การเผาผลาญไขมนั กล็ ดลงดว้ ย

การดื่มน้ำน้อยจึงส่งผลให้การเผาผลาญไขมันทำได้น้อย อาหารที่กินเพิ่มเข้าไป
จะไปเพิ่มการสะสมไขมันในร่างกายมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นการพยายามดื่มน้ำให้มากขึ้น
อกี นดิ เพ่อื ช่วยลดการสะสมของไขมันกเ็ ปน็ เร่ืองท่ีน่าสนใจ

ทม่ี า : ใกล้หมอ

๓๖

ลำดับที่ 1 ร่างกายของเรามีน้ำเป็นองค์ประกอบท่สี ำคัญของร่างกาย
ลำดบั ที่ 2 การดม่ื น้ำให้ไดอ้ ย่างน้อยวันละ ๘ แก้วทำให้มีสุขภาพท่ดี ี
ลำดับที่ 3 การด่มื น้ำในปริมาณท่รี ่างกายตอ้ งการจะช่วยให้ตับทำงานได้
เต็มท่ี
ลำดบั ที่ 4 น้ำเป็นตัวการสำคัญทช่ี ว่ ยให้การเผาผลาญไขมนั ดขี ้นึ
ลำดบั ที่ 5 พยายามดม่ื นำ้ ให้มากข้ึนจะช่วยลดการสะสมของไขมันได้

๓๗

การเขียนสรปุ ใจความสำคญั

การสรุปความ คอื การเก็บใจความสำคัญของเร่อื งมาสรุป โดยตัด
คำขยายหรือพลความออกไป เหลอื แต่ใจความท่ตี อ้ งการ หรือประเด็นสำคญั
ของเรอ่ื ง

วิธีการเขยี นสรุปใจความสำคญั
๑. อา่ นเรือ่ งอย่างคร่าว ๆ พอให้รู้เร่อื ง แล้วจงึ อ่านอย่างละเอยี ดอีกครั้ง
๒. ถ้าเร่อื งที่อ่านมีหลายย่อหนา้ ควรหาประเด็นสำคัญทลี ะย่อหนา้
๓. ขณะอา่ นเรื่อง ควรตัดรายละเอยี ดของเรอ่ื งออก เช่น ตัวอย่าง สำนวน
โวหาร การอุปมาอุปไมย ข้อความเปรยี บเทียบ ตัวเลข สถิติ ฯลฯ
๔. เขียนเรียบเรียงสรุปใจความสำคัญของเร่อื งด้วยสำนวนภาษาของตนเอง
๕. ทบทวนประเด็นสำคัญวา่ ตรงกบั เน้ือเรื่องหรือไม่

ตัวอย่าง เขียนสรุปใจความสำคญั

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก แหล่งอารยธรรมดั้งเดิมของชาวราชบุรี ที่นับวัน
จะเลอื นหายไป หากจะมองถึงการคมนาคมขนส่งเพยี งอยา่ งเดยี ว คนไทย ใน
สมัยโบราณต้องพึ่งพาอาศัยแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือแม่น้ำลำคลองในการเดินทาง
เพราะมีความสะดวกในการเคลื่อนที่ขนถ่ายสินค้าได้ทีละมาก ๆ การขนส่งและ
การเดินทางของคนไทยในอดีต จึงใช้เรือเป็นพาหนะเคลื่อนที่ไปตามลำน้ำ คูคลอง
จึงก่อให้เกิดแหล่งชุมชนขึ้นตามริมฝั่งแม่น้ำ ถึงแม้ปัจจุบันการคมนาคมขนส่ง
จะเจริญก้าวหน้าไปมาก จนเราเริ่มจะไมค่ ่อยเหน็ คณุ ค่ามนั ไปเสียแลว้ แตอ่ ย่าลืมว่า
สายน้ำหลอ่ เล้ียงชีวติ เรา

ทม่ี า : นฤมล วิจติ รรัตนะ

๓๘

เขียนสรุปใจความสำคญั
คนไทยในสมัยโบราณต้องพึ่งพาอาศัยแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือแม่น้ำ
ลำคลองในการเดินทาง จึงก่อให้เกิดแหล่งชุมชนขึ้นตามริมฝั่งแม่น้ำ
การคมนาคมที่เจริญก้าวหน้าในปัจจุบัน ทำให้คนเราไม่เห็นคุณค่า
ของแหลง่ น้ำ

๓๙

แบบฝึกทกั ษะที่ 5

คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านบทความ เรื่อง เกาลัดคั่วในเม็ดทราย แล้วตอบคำถาม
ตอนที่ 1 และตอนที่ 2

เกาลดั คั่วในเม็ดทราย

เกาลัดคั่วที่เห็นมากแถวเยาวราช มักจะมีเม็ดสีดำเล็ก ๆ คั่วรวมอยู่ด้วย
หลายคนคิดว่าเป็นเมล็ดกาแฟ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เจ้าเม็ดสีดำเล็กนั้นคือเม็ดทราย
ขนาดประมาณ ๓ – ๕ มิลลิเมตร เป็นทรายที่ใช้ในการก่อสร้างหรือที่เห็นตามตู้ปลา
สีออกน้ำตาล พ่อค้าจะนำเอาทรายแห้งใส่ลงไปในกระทะใบใหญ่ พอทรายร้อนระอุได้ท่ี
จนเป็นสีดำ ก็จะนำเอาลูกเกาลัดใส่ลงไป บางร้านเติมน้ำตาลทรายคั่วรวมกันให้ได้
รสหวาน บางเจ้าเพิ่มกลิ่นหอมด้วยการใส่เมล็ดกาแฟคั่วรวมไป เหตุผลที่ต้องใช้
เม็ดทราย ก็เพราะเมด็ ทรายช่วยเก็บความร้อนไว้ได้ ซึง่ ดนี ักสำหรับการทำให้เกาลัดสุก
ถึงเนื้อผลด้านใน เพราะหากสังเกตกันดี ๆ เนื้อผลของเกาลัดนั้นจะไม่ติดกับเปลือก
ดังนั้นการใช้ทรายที่ร้อนระอุตลอดเวลาจะช่วยให้เนื้อเกาลัดค่อย ๆ สุก แต่ต้องหมั่นคน
เพื่อไม่ให้เกาลัดไหม้ ซึ่งจะคั่วกันนานราว ๓๐ – ๔๐ นาที เม็ดทรายนั้นใช้ได้นานกว่า ๑
เดือน เรียกว่าคั่วเกาลัดได้หลายกระทะจนทรายที่เป็นเม็ดเริ่มป่นเป็นผงนั่นแหละ
จึงจะเปลย่ี นไปใช้เมด็ ทรายชุดใหม่

ท่มี า : ใกล้หมอ

๔๐

ตอนท่ี 1 ให้นักเรียนใช้พจนานกุ รมหาความหมายของคำทีก่ ำหนด (5 คะแนน)
1. คัว่ หมายถึง ............................................................................

2. ระอุ หมายถึง ............................................................................

3. สงั เกต หมายถึง ............................................................................

4. หมน่ั หมายถึง ............................................................................

5. เกาลดั หมายถึง ............................................................................
............................................................................

ตอนท่ี 2 เรียงลำดบั เหตกุ ารณ์โดยใส่หมายเลขลงในช่องว่างหนา้ ขอ้ ความ

(5 คะแนน)

 เติมนำ้ ตาลทรายค่ัวรวมกับเกาลัดให้ได้รสหวาน
 นำทรายแห้งใสล่ งในกระทะใบใหญ่
 หม่ันคนเกาลดั เพื่อไม่ให้ไหม้ โดยใช้เวลาประมาณ ๓๐-๔๐ นาที
 ทรายที่เป็นเมด็ เริ่มป่นเป็นผงจึงเปลย่ี นเม็ดทรายชุดใหม่
 ทรายร้อนระอุจนเป็นสีดำก็นำเอาลกู เกาลดั ใส่ลงไป

๔๑

คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านบทความ เรื่อง การตักบาตร แล้วตอบคำถาม
ตอนที่ 1 และตอนที่ 2

การตักบาตร

การตักบาตร เป็นการเตรียมอาหารคาวหวานเพื่อใส่ในบาตรให้แก่
พระภิกษุสงฆ์ที่มารับบิณฑบาตในตอนเช้า เมื่อก่อนคนไทยนิยมตักบาตรทุกวัน
แต่ในปัจจุบันด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบขึ้น ทำให้บางคนเลือกตักบาตรเฉพาะ
ในบางโอกาส เช่น วันครบรอบวันเกิด วันปีใหม่ และวันมงคลต่าง ๆ เพื่อเป็น
การเสริมบุญให้กับตนเอง เริ่มจากตักข้าวก่อน ตามด้วยกับข้าวและของหวาน
เมือ่ พระสงฆป์ ิดฝาบาตร ให้วางดอกไม้ซึ่งส่วนมากนยิ มใช้ดอกบวั และดอกดาวเรือง
วางลงบนฝาบาตร แล้วนั่งพนมมือรับพรจากพระสงฆ์ หลังจากนั้นก็กรวดน้ำ
เพอ่ื อทุ ิศสว่ นกุศลให้แกเ่ จ้ากรรมนายเวรและผู้ล่วงลับเปน็ ลำดบั สุดทา้ ย

ท่มี า : ศาสนาและพธิ กี รรม(การตักบาตร)

๔๒

ตอนท่ี 1 ให้นกั เรียนใช้พจนานุกรมหาความหมายของคำที่กำหนด (5 คะแนน)

1. นิยม หมายถึง ............................................................................

2. วถิ ชี ีวติ หมายถึง ............................................................................

3. โอกาส หมายถึง ............................................................................

4. อุทิศ หมายถึง ............................................................................

5. กุศล หมายถึง ............................................................................

ตอนท่ี 2 เรียงลำดับเหตกุ ารณ์โดยใส่หมายเลขลงในช่องว่างหนา้ ขอ้ ความ

(5 คะแนน)

 เมื่อก่อนคนไทยนิยมตกั บาตรทกุ วัน
 ตกั ข้าวก่อนตามด้วยกบั ขา้ วและของหวาน แล้ววางดอกไม้

บนฝาบาตร

 นัง่ พนมมือรับพรจากพระสงฆ์และกรวดน้ำ
 การตักบาตรเป็นการเตรียมอาหารคาวหวานให้แก่พระภิกษสุ งฆ์
 ปจั จุบนั บางคนเลือกตักบาตรเฉพาะในบางโอกาส

๔๓

แบบฝึกทกั ษะที่ 6

คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านบทความ เรื่อง ประโยชน์ของนม แล้วตอบคำถามตอนท่ี 1
และตอนท่ี 2

ประโยชนข์ องนม
ในปัจจุบันเรามักจะพบโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ให้คนดื่มเครื่องดื่มที่เป็น
อาหารเสริมอยู่เสมอ ซึ่งมีหลายประเภท หลายผลิตภัณฑ์มีความจำเป็นและ
ไม่จำเป็นต่อร่างกาย เครื่องดื่มนมก็เป็นเครื่องดื่มอาหารเสริมชนิดหนึ่งที่มี
ความจำเป็นต่อร่างกาย เพราะมีส่วนประกอบของแร่ธาตุอาหารหลายอย่าง ได้แก่
คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และแร่ธาตุ อาหารดังกล่าวนี้จะไป
ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายและมีส่วนช่วยทำให้ร่างกาย
เจริญเติบโตแขง็ แรงและมีพลานามยั สมบรู ณย์ ิง่ ข้นึ

ท่มี า : ใกล้หมอ

๔๔

ตอนท่ี 1 ให้นกั เรียนใช้พจนานกุ รมหาความหมายของคำทีก่ ำหนด (5 คะแนน)
1. ประโยชน์ หมายถึง ............................................................................

2. โฆษณา หมายถึง ............................................................................

3. ผลติ ภณั ฑ์ หมายถึง ............................................................................

4. พลานามยั หมายถึง ............................................................................

5. เสริมสรา้ ง หมายถึง ............................................................................

ตอนท่ี 2 อ่านบทความขา้ งต้นแล้วเขียนสรปุ ใจความสำคัญ (5 คะแนน)
เขียนสรปุ ใจความสำคญั

...................................................................................................................
...................................................................................................................
...................................................................................................................
...................................................................................................................
..
...................................................................................................................
.

๔๕

คำชีแ้ จง ให้นักเรียนอ่านบทความ เร่ือง “รถยนต”์ ปจั จัยที่ 5 ของนักธรุ กิจ
แล้วตอบคำถามตอนท่ี 1 และตอนที่ 2

“รถยนต์” ปัจจัยที่ 5 ของนกั ธรุ กิจ

รถยนต์นับได้ว่าเป็นพาหนะที่จำเป็นสำหรับธุรกิจ เพราะนักธุรกิจไม่ต้องการ
ใช้เวลามากในการเดินทาง การใช้เวลาน้อยหรือการเพิ่มความสะดวกรวดเร็วได้
มากเท่าไรก็ยิ่งจะเป็นการเพิ่มกำไรให้นักธุรกิจได้มากเท่านั้น ซึ่งนอกเหนือจาก
ความจำเป็นพื้นฐานคือ ปัจจัย ๔ อันได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรคและ
เครอ่ื งน่งุ ห่ม อาจกล่าวได้ว่ารถยนต์ คอื ปจั จยั ที่ ๕ ของนักธรุ กิจ

ทม่ี า : หนงั สอื พมิ พ์ผู้จดั การ

๔๖

ตอนท่ี 1 ให้นักเรียนใช้พจนานกุ รมหาความหมายของคำทีก่ ำหนด (5 คะแนน)
1. พาหนะ หมายถึง ............................................................................

2. ธุรกิจ หมายถึง ............................................................................

3. สะดวก หมายถึง ............................................................................

4. กำไร หมายถึง ............................................................................

5. ปัจจัย หมายถึง ............................................................................

ตอนท่ี 2 อา่ นบทความขา้ งต้นแล้วเขียนสรุปใจความสำคญั (5 คะแนน)

เขียนสรุปใจความสำคญั
...................................................................................................................
...................................................................................................................
...................................................................................................................
...................................................................................................................
.
...................................................................................................................
.

๔๗

แบบทดสอบหลงั เรยี น
เลม่ ที่ 3 เร่อื ง การอ่านจับใจความบทความ

กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๖
จำนวน ๑๐ ขอ้ ๑๐ คะแนน เวลา 15 นาที

คำชีแ้ จง ให้นกั เรียนทำเครอ่ื งหมาย X บนคำตอบท่ถี กู ตอ้ งทีส่ ุดเพยี งคำตอบเดยี ว

อา่ นบทความตอ่ ไปนแี้ ล้วตอบคำถามขอ้ 1-5
……………………………………..
พิเชษฐ์ ดีมาก

ปญั หาความขัดแย้ง เปน็ เรอ่ื งธรรมดาในการอย่รู ่วมกัน หรือคบคา้ สมาคมกัน
เพราะสงั คมประกอบดว้ ยบุคคลหลาย ๆ รปู แบบมาจากครอบครวั ทต่ี ่างกนั มี
พื้นฐานการเลี้ยงดู วัฒนธรรม ประเพณี การศึกษาการใช้ชีวิต ตลอดจนนิสัยใจคอที่
แตกต่างกัน ดังนั้นปัญหาหรือความขัดแย้งต่าง ๆ ย่อมเกิดขึ้นอยู่ได้ตลอดเวลา
เราก็อาจจะเป็นคนหนึ่งในหลายคน ที่ต้องตกเป็นผู้รับฟัง การระบายปัญหาหรือ
การเลา่ ถึงความขัดแย้งกับคนอื่น ๆ จากผู้ร่วมงานจากคนใกล้ชิดจากเพื่อนสนิทหรือ
ผู้มารับบริการอยู่บ่อย ๆ บางครั้งเราอาจจะใช้ความเห็นส่วนตัว ดุลยพินิจที่เข้าข้าง
ตัวเอง ตอบโต้ปัญหาหรือความขัดแย้งเหล่านั้น จนอาจก่อศัตรูหรือเพิ่มความ
บาดหมาง เคียดแค้นให้ลกุ ลามมากขึน้ ก็อาจเปน็ ได้ ดังนนั้ การท่จี ะเป็นผู้รับฟังปัญหา
ท่ดี มี ีประสทิ ธภิ าพไดน้ นั้ กต็ อ้ งมีการเรียนรวู้ ิธีการรับฟงั ท่เี หมาะสม คอื

๑. จะรับฟังปัญหาอย่างไรไม่ให้ตัวเราเครยี ด หดห่ใู จ ไม่สบายใจ
- ตอ้ งอยู่ในอารมณ์ท่ผี อ่ นคลาย ไมก่ งั วลใจพร้อมทีจ่ ะรบั ฟงั ปญั หา

ผู้อน่ื
- ขณะรับฟังปัญหา ต้องรับฟังอย่างสงบ ไม่สร้างอารมณ์ร่วมไปกับ

ผู้เล่า ต้องฟังอย่างเข้าใจ และรู้ถึงความรู้สึกและอารมณ์ของเขา แต่อย่าให้มี

๔๘

อารมณ์ทุกข์โศก โกรธแค้น ร่วมกับผู้เล่า หรือรับเอาความรู้สึกเข้ามาไว้กับตัวเอง

รับฟังอย่างมีสติมั่นคง ก็จะทำให้มองปัญหาได้ชัดแจ้งกว่า และสามารถชี้ให้เห็นถึง

เหตุผล และแนวทางในการแก้ไขได้ดีกวา่

- ไม่ควรรับฟังปัญหานั้น นานเกินไป จะทำให้เราเกิดความเครียด

ได้งา่ ย ควรหาวิธีละมุนละมอ่ ม เพอ่ื ให้ยุติการเลา่ เมื่อใช้ระยะเวลานานเกนิ ไป

๒. จะรบั ฟังปญั หาอยา่ งไรไมใ่ ห้เกดิ ศตั รู หรือเพ่มิ ความบาดหมางเคยี ดแคน้

ต้องรับฟังอย่างเป็นกลาง รู้จักยับยั้งช่ังใจไม่คล้อยตาม หรือส่งเสริม

ผู้เลา่ และไม่กลา่ วทับถมบุคคลทส่ี าม โดยระลกึ ไว้เสมอว่าไมม่ ีใครสามารถถ่ายทอด

คำพดู ขอองผู้อน่ื ไวท้ กุ คำพูดโดยไมผ่ ิดเพีย้ น ไมม่ ีใครตีความหมายหรือ แปล

เจตนารมณ์ของผู้พูดได้อย่างถูกต้องโดยไม่ผิดเลย ทุกคนย่อมเข้าข้างตัวเองเสมอ

บางครั้งมักต่อเติมเสริมแต่งพูดรุนแรงเกินความจริงเพราะอคติหรือ เกิด

อารมณ์ ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ผู้เล่าเกิดอคติมากขึ้น ไม่ทำให้เราเองเกิด ความ

โกรธแคน้ กบั ผู้ท่ถี ูกวา่ กล่าว ซึง่ อาจเป็นปัญหาสามเส้า หรือเกดิ ให้เกิด การ แบ่ง

พรรคแบ่งพวก ก่อศัตรขู ้นึ มาได้จงึ ควรจะรับฟังปญั หาอย่างเป็นกลาง ดงั น้ี

๒.๑ เป็นผู้ฟังที่ดี เพื่ออีกฝ่ายได้ระบาย และปลดปล่อยอารมณ์คับแค้น

ออกมา

๒.๒ แสดงท่าทแี ละใช้คำพดู ปลอบโยน ให้อารมณส์ งบลงสมั ผสั อยา่ ง

อ่อนโยนด้วยความเข้าใจ จะช่วยให้จติ ใจของผู้เล่าดขี ้นึ บ้าง เช่น “ใจเยน็ ๆ”

“คอ่ ย ๆ พดู คอ่ ย ๆ จากัน”

๒.๓ ใช้คำพดู ในทางบวกเพ่อื ลดอคติ เช่น “เขาคงไม่เจตนาทำแบบนนั้ ”

“เขาพูดล้อเลน่ หรือเปล่า”

๒.๔ ชีแ้ นวทางแก้ปัญหาด้วยความจริง เชน่ การพดู ปรับความเขา้ ใจกนั

“ลมื มันเสยี แลว้ เริม่ ตน้ ใหม่”

ถ้าปฏิบัติไดด้ งั กลา่ วมานี้ ทา่ นกน็ ่าจะเป็นผู้ทีส่ ามารถรบั ฟงั ปญั หาของผู้อืน่

และชแี้ นะแนวทางแก้ไขปญั หาไดอ้ ยา่ งถกู ต้องเหมาะสมแกเ่ ขาเหลา่ นน้ั

ท่มี า : บทความสขุ ภาพจิต โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธ์ิ

๔๙

1. บทความน้ีเขยี นโดยใคร ข. กรมสขุ ภาพจิต
ก. โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธ์ิ ง. กระทรวงสาธารณสขุ
ค. พิเชษฐ์ ดีมาก

2. ฐติ มิ า ถกู ศรรามพูดล้อ จงึ นำเร่อื งไปเลา่ ให้เพื่อนคนอ่นื ฟัง ใครทีเ่ ปน็ นกั ฟังท่ดี ี
ก. อญั ชนารู้สึกโกรธแทนฐิติมา
ข. สายธารบอกฐิติมาว่า “ใจเย็น ๆ เพื่อนล้อเล่นหรอื เปลา่ ”
ค. ชดาพรร้องไห้สงสารฐติ มิ าทีถ่ กู แกล้ง
ง. คฑาวุธชวนธนวัตไปชกศรราม

3. นกั เรียนคิดว่าชอ่ื บทความทีเ่ หมาะสมทีส่ ดุ คือขอ้ ใด

ก. การฟังทด่ี ี ข. สุขภาพจิตท่ดี ี

ค. การพูดให้คนเขา้ ใจ ง. การลดความขดั แย้ง

4. นกั เรียนจะรับฟงั ปัญหาอย่างไรเพ่อื ไมใ่ ห้เกิดความบาดหมางเพิ่มข้ึน
ก. ใช้คำพดู ในเชงิ บวกลดอคติ
ข. ใช้คำพูดให้ผู้เลา่ รู้สึกวา่ ตนเองเปน็ ฝ่ายถูก
ค. แสดงทา่ ทีเหมือนกับผู้เลา่
ง. ไม่มีขอ้ ถูก

5. การรับฟงั ปัญหาอย่างไร จะไม่ทำให้เครยี ดหรอื หดหู่
ก. รบั ฟังปัญหาจนจบถึงแม้จะเป็นระยะเวลานาน
ข. รับฟงั ปญั หาขณะทีม่ ีความวิตกกงั วล
ค. รับฟังและแสดงความรู้สึกเหมือนผู้เลา่
ง. รับฟังอย่างสงบ ไมส่ รา้ งอารมณร์ ่วม

๕๐

อ่านบทความตอ่ ไปนแี้ ล้วตอบคำถามขอ้ 6-10
มาดื่มนมเปรี้ยวกันเถอะ

วันนี้ "๑๐๘ เคลด็ กนิ " ขอชกั ชวนทกุ คนให้มาด่มื นมกัน แต่คราวน้ีขอให้
มาด่มื นมเปรยี้ วแทนนมสดธรรมดาเปน็ การเปลย่ี นบรรยากาศกนั บ้าง แถมยังได้
ประโยชนม์ ากมายท่ไี มไ่ ด้จากนมสดอกี ด้วย

นมเปรี้ยวนี้แต่เดิมเคยเป็นนมสดมาก่อน แต่พอเติมเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็น
ประโยชน์ต่อร่างกายเข้าไป เช่น แลกโตบาซิลัส ที่ช่วยย่อยอาหาร และเติมน้ำตาล
เข้าไปเพื่อให้เป็นอาหารของเชื้อจุลินทรีย์ จากนั้นก็จะเกิดการหมักตัวและย่อยนม
บางสว่ น ทำให้เกดิ ความเปรีย้ วขึน้ จนกลายเป็นนมเปร้ียวทีเ่ ราดม่ื กัน ส่วนนมเปรี้ยว
รสผลไม้ต่าง ๆ ที่มีวางขายนั้นก็มีการเติมสีเติมกลิ่นและรสชาติเข้าไป

ประโยชน์ของนมเปรี้ยวนั้นก็มีไม่น้อย โดยการดื่มนมเปรี้ยวนั้นจะช่วย
ปรับสภาพของกระเพาะอาหาร ให้มีความเป็นกรดมากขึ้น ทำให้สามารถย่อย
อาหารได้ดีขึ้นด้วย อีกทั้งการดื่มนมเปรี้ยวนี้ยังเป็นการเพิ่มจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์
กับลำไส้ให้มีมากขึ้น นอกจากนั้นในนมเปรี้ยวยังมีสารที่มีคุณสมบัติในการยับยั้ง
การเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคบิด
หรือเชื้อโรคอุจจาระร่วงได้ด้วย นมเปรี้ยวจึงเหมาะกับผู้ที่มีอาการท้องเสียเรื้อรัง

เด็ก ๆ ก็ควรดื่มนมเปรี้ยวด้วยเช่นกัน เพราะกรดแลคติกในนมเปรี้ยว
จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสได้เพิ่มขึ้นมีประ โยชน์ต่อ
การเสรมิ สร้างกระดกู และฟนั อีกดว้ ย

ท่มี า : หนังสือพมิ พ์ผู้จดั การ

6. นมสดกลายเป็นนมเปรยี้ วทีม่ ีประโยชนต์ ่อรา่ งกายได้อย่างไร

ก. เติมเชื้อจุลนิ ทรียแ์ ละน้ำตาล ข. เติมน้ำมะนาว

ค. เตมิ กรดแลคติก ง. เติมเชื้อแบคทเี รีย


Click to View FlipBook Version