The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

มาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ โดย สภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by vitchuda.milk, 2021-08-09 01:13:24

มาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์

มาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ โดย สภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์

มาตรฐานการให้บริการ

ของผู้ประกอบวชิ าชีพสงั คมสงเคราะห์

มาตรฐานการให้บริการ

ของผปู้ ระกอบวิชาชพี สงั คมสงเคราะห์

จดั ทาโดย สภาวชิ าชีพสงั คมสงเคราะห์

คานา

การประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ ผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์จะต้องมีการทางานร่วมกับ
บคุ ลากรและบรบิ ททางสงั คมท่ีหลากหลาย เพอ่ื ใหบ้ รรลตุ ามวตั ถปุ ระสงค์ในการป้องกันและเสริมพลังอานาจของ
บุคคล ครอบครัว กลุ่มคน หรือชุมชน และสามารถกระทาหน้าที่ทางสังคมและดารงชีวิตได้อย่างปกติสุข
มาตรฐานการให้บริการของผ้ปู ระกอบวิชาชีพสงั คมสงเคราะห์จึงเป็นเคร่ืองมือสาคัญของผู้ประกอบวิชาชีพสังคม
สงเคราะห์ ท่ีจะนาไปใช้ในการประกอบวิชาชีพให้สมกับการเป็นวิชาชีพที่ต้องใช้ความรู้ ทักษะ และความ
เช่ียวชาญในการประกอบวิชาชีพ และได้รับการยอมรับยกย่องจากสังคม รวมทั้ง พระราชบัญญัติวิชาชีพสังคม
สงเคราะห์ พ.ศ. 2556 มาตรา 6(2) กาหนดให้สภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ มีอานาจหน้าที่ในการกาหนด
มาตรฐานการใหบ้ ริการของผปู้ ระกอบวชิ าชพี สงั คมสงเคราะห์

มาตรฐานการให้บรกิ ารของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ เป็นข้อกาหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะ และ
คุณภาพที่พึงประสงค์ในการประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางสาหรับการปฏิบัติงาน เพื่อ
สรา้ งความเช่อื มัน่ ให้แก่ผูใ้ ช้บริการว่าเป็นบริการที่มีคุณภาพ และใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานท่ีมีหลักเกณฑ์
และทิศทางเดียวกัน อีกทั้งเป็นการประเมินผลการให้บริการว่ามีความถูกต้อง เท่ียงตรง เป็นธรรม อันเป็นการ
คมุ้ ครองสทิ ธิของผู้ใชบ้ ริการ

สภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ จึงได้จัดทามาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์
ข้ึน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน และพัฒนาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ อันจะนาไปสู่การให้บริการท่ีมี
คณุ ภาพ มีมาตรฐาน และเกิดประโยชนส์ งู สดุ ต่อผ้ใู ชบ้ ริการ

สภาวิชาชพี สังคมสงเคราะห์

8 มกราคม 2564

สารบญั หน้า

บทนา : มาตรฐานการใหบ้ รกิ ารของผปู้ ระกอบวิชาชพี สงั คมสงเคราะห์ 1
ที่มาและความสาคญั 1
จดุ มงุ่ หมายของมาตรฐาน 1
วัตถปุ ระสงคข์ องมาตรฐาน 2
คุณคา่ ของมาตรฐานการใหบ้ รกิ ารของผปู้ ระกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ 2
เอกสารทเี่ กย่ี วขอ้ ง 2
องค์ประกอบของมาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวชิ าชพี สังคมสงเคราะห์ 3
ผู้ใชป้ ระโยชน์จากมาตรฐาน
3
มาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสงั คมสงเคราะห์ 6
1. มาตรฐานจรรยาบรรณ 8
2. มาตรฐานความเปน็ วชิ าชพี สังคมสงเคราะห์ 10
3. มาตรฐานองค์ความรู้และการประยุกต์ใช้ในการปฏบิ ัตงิ านสงั คมสงเคราะห์ 12
4. มาตรฐานการสอ่ื สารทางวชิ าชพี 14
5. มาตรฐานการบนั ทึกขอ้ มูลเพื่อการปฏบิ ัติงานสงั คมสงเคราะห์
6. มาตรฐานการนิเทศงานเพ่อื พัฒนาวชิ าชีพ 16
18
ภาคผนวก
ผนวก ก นยิ ามศพั ท์ 20
ผนวก ข คาสงั่ แต่งตง้ั คณะอนกุ รรมการจดั ทารา่ งขอ้ บงั คบั จรรยาบรรณวชิ าชีพสังคม
สงเคราะห์ และจดั ทาร่างมาตรฐานการใหบ้ ริการของผ้ปู ระกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ 21
ผนวก ค คาสั่งแต่งตัง้ คณะทางานขบั เคลื่อนมาตรฐานการให้บริการของ
ผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์
ผนวก ง กระบวนการการจดั ทามาตรฐานและการขับเคลื่อนมาตรฐานการใหบ้ รกิ ารของผู้
ประกอบวชิ าชพี สังคมสงเคราะห์

บทนา : มาตรฐานการให้บรกิ ารของ
ผูป้ ระกอบวิชาชพี สงั คมสงเคราะห์

ท่ีมาและความสาคญั

โดยเหตุท่ีพระราชบัญญัติวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ พ.ศ. 2556 มาตรา 6(2) กาหนดให้สภาวิชาชีพ
สงั คมสงเคราะห์ มอี านาจหน้าท่ใี นการกาหนดมาตรฐานการให้บรกิ ารของผ้ปู ระกอบวิชาชพี สงั คมสงเคราะห์

สภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ จึงจัดทามาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์
อันจะเป็นกรอบทิศทางของมาตรฐานกาหนดตาแหน่งท่ีกาหนดแนวทางปฏิบัติของผู้ประกอบวิชาชีพสังคม
สงเคราะห์ เพื่อให้การปฏิบัติงานเหมาะสมกับความเป็นวิชาชีพที่มีมาตรฐานและสอดคล้องกับจรรยาบรรณ
แห่งวชิ าชพี สังคมสงเคราะห์

มาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ เป็นข้อกาหนดเก่ียวกับคุณลักษณะ
และคุณภาพท่ีพึงประสงค์ ในการประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ เป็นการยกระดับการประกอบวิชาชีพ
สังคมสงเคราะห์ ให้ได้มาตรฐานบริการ นาไปสู่การพัฒนาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ อันจะเป็นประโยชน์สูงสุด
ของผ้ใู ชบ้ รกิ าร ต่อไป

จดุ มุ่งหมายของมาตรฐาน

1. เปน็ มาตรฐานกลางทางวชิ าชีพ สาหรบั การให้บรกิ ารของผ้ปู ระกอบวชิ าชีพสงั คมสงเคราะห์นาไปสู่
การยกระดบั การปฏิบตั งิ านของวชิ าชีพสงั คมสงเคราะห์

2. เป็นกรอบทิศทางของกระทรวง/หน่วยงานในการกาหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานของผู้ประกอบ
วิชาชพี สงั คมสงเคราะห์

3. เป็นแนวทางในการกาหนดลักษณะการปฏบิ ตั งิ านของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์

วัตถุประสงคข์ องมาตรฐาน

มาตรฐานการให้บริการของผปู้ ระกอบวิชาชพี สังคมสงเคราะหม์ ีวตั ถุประสงค์ คอื
1. เพ่ือกากับให้การปฏิบัติงานวิชาชีพสังคมสงเคราะห์เป็นไปตามมาตรฐานและจรรยาบรรณแห่ง
วิชาชพี สงั คมสงเคราะห์
2. เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน การวางแผน การพัฒนาวิชาชีพ นาไปสู่การพัฒนาสมรรถนะ
และศกั ยภาพการปฏบิ ัตงิ านของผ้ปู ระกอบวชิ าชีพสังคมสงเคราะห์
3. เพื่อเป็นการประกันคุณภาพการปฏิบัติงานและการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสังคม
สงเคราะห์
4. เพ่ือคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้ใช้บริการให้เข้าถึงสิทธิและบริการท่ีมีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเป็น
ธรรมส่งผลต่อความเชื่อม่ันในระบบบริการ

1

บทนา : มาตรฐานการใหบ้ รกิ ารของ
ผปู้ ระกอบวชิ าชีพสงั คมสงเคราะห์

คุณค่าของมาตรฐานการให้บริการของผูป้ ระกอบวิชาชีพสงั คมสงเคราะห์

มาตรฐานการให้บริการฯจะเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์
เพื่อให้เกดิ การปอ้ งกนั แก้ไขปัญหาและเสริมพลงั อานาจของบุคคล ครอบครัว กลุ่มคน หรือชุมชน รวมถึงเป็น
แนวทางการดารงตนของผู้ประกอบวิชาชีพ เพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิแห่งวิชาชีพพร้อมทั้งเป็นการแสดงถึง
ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคมของหน่วยงานผ่านระบบหรือกระบวนการปฏบิ ตั ิงานตามมาตรฐานทางวิชาชพี

เอกสารทีเ่ กย่ี วข้อง

การจดั ทามาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์คร้ังน้ี ได้ศึกษาและทบทวน
เอกสารท่ีเก่ยี วข้องเพอ่ื นามาประกอบการพจิ ารณากาหนดกรอบแนวทางการพัฒนามาตรฐาน ได้แก่

1. พระราชบัญญัตวิ ิชาชพี สังคมสงเคราะห์ พ.ศ. 2556
2. จรรยาบรรณแหง่ วิชาชพี สังคมสงเคราะห์ พ.ศ. 2560
3. ถอ้ ยแถลงสากลว่าด้วยหลักการด้านจริยธรรมทางวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ (Global Social Work
Statement of Ethical Principles) ของสมาพันธ์นักสังคมสงเคราะห์นานาชาติ (International
Federation of Social Worker: IFSW)
4. มาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมของนักสังคมสงเคราะห์ (มสค.) ตาม
พระราชบญั ญัตสิ ่งเสรมิ การจัดสวสั ดกิ ารสังคม พ.ศ.2546 และทแี่ ก้ไขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ.2550
5. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และข้อบังคับ ก.พ. ว่าด้วยจรรยาบรรณ
ของข้าราชการพลเรอื น พ.ศ.2537

องค์ประกอบของมาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ มี

6 มาตรฐาน 29 องค์ประกอบ แบง่ เปน็
1. มาตรฐานจรรยาบรรณ มี 6 องคป์ ระกอบ
2. มาตรฐานความเป็นวิชาชพี สงั คมสงเคราะห์ มี 6 องคป์ ระกอบ
3. มาตรฐานองค์ความรู้และการประยุกตใ์ ชใ้ นการปฏิบัติงานสงั คมสงเคราะห์ มี 6 องคป์ ระกอบ
4. มาตรฐานการสือ่ สารทางวิชาชีพ มี 3 องค์ประกอบ
5. มาตรฐานการบันทกึ ขอ้ มลู เพือ่ การปฏบิ ัติงานสังคมสงเคราะห์ มี 5 องค์ประกอบ
6. มาตรฐานการนิเทศงานเพ่ือพัฒนาวชิ าชีพ มี 3 องค์ประกอบ

2

บทนา : มาตรฐานการให้บรกิ ารของ
ผ้ปู ระกอบวิชาชพี สงั คมสงเคราะห์

ผใู้ ชป้ ระโยชน์จากมาตรฐาน ได้แก่

1. ผู้ประกอบวิชาชีพสงั คมสงเคราะห์
2. หวั หน้างาน/ผ้นู ิเทศงาน/ผู้บริหารองคก์ ร
3. หน่วยงาน/องคก์ ร ที่มีผ้ปู ระกอบวิชาชพี สังคมสงเคราะห์
4. คณะกรรมการสภาวชิ าชพี สังคมสงเคราะห์
5. คณะกรรมการจรรยาบรรณ

มาตรฐานการใหบ้ รกิ ารของ
ผ้ปู ระกอบวิชาชพี สงั คมสงเคราะห์

รายละเอียดของมาตรฐานการใหบ้ รกิ ารของผปู้ ระกอบวชิ าชีพสังคมสงเคราะห์ มดี ังนี้

1. มาตรฐานจรรยาบรรณ

ผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ ปฏิบัติงานโดยยึด“หลักจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพสังคม

สงเคราะห์” ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ พ.ศ. 2556 หมวด 5 มาตรา 33 ตามประกาศของ
สภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ มี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1. จรรยาบรรณต่อตนเอง 2. จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ
3. จรรยาบรรณต่อผู้ใช้บริการ (บุคคล ครอบครัว กลุ่มคน หรือชุมชน) 4. จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมวิชาชีพและ
ผรู้ ่วมงานในวชิ าชพี อื่น 5. จรรยาบรรณตอ่ องคก์ รที่สังกดั และ 6. จรรยาบรรณตอ่ สังคม มรี ายละเอียดดงั นี้

องค์ประกอบ องค์ประกอบย่อย

1. จรรยาบรรณต่อตนเอง 1.1 ปฏิบัติงานในหน้าท่ีอย่างเต็มความสามารถ ด้วย

• ตระหนักในบทบาทหนา้ ท่ีของตนเอง และปฏบิ ัติ ความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ เสียสละและปฏิบัติตนใน
กรอบวัฒนธรรม บริบทท่ีเหมาะสม ประพฤติตนที่ไม่
หน้าทด่ี ว้ ยความซ่ือสตั ย์ เสยี สละ
• ตระหนกั ถึงการพัฒนาตนเองให้มีความรทู้ กั ษะ ก่อใหเ้ กดิ ความเสือ่ มเสยี ตอ่ ตนเองและวิชาชพี
1.2 พัฒนาตนเองให้มีความรู้ ทักษะ ความเช่ียวชาญ
ความเชยี่ วชาญ
• มีคุณธรรมประพฤตติ นอยใู่ นกรอบวัฒนธรรม และมีทัศนคติที่ดีในการปฏิบัติงานอยู่เสมอ เช่น มี
กิจกรรมเพ่ือการเรียนรู้และพัฒนาตนเองทางวิชาชีพ
และบรบิ ททีเ่ หมาะสม
อย่างตอ่ เนื่อง
3

มาตรฐานการใหบ้ ริการของ
ผูป้ ระกอบวิชาชพี สงั คมสงเคราะห์

องค์ประกอบ องค์ประกอบยอ่ ย

2. จรรยาบรรณตอ่ วิชาชพี 2.1 ปฏิบัติงานโดยยึดความถูกต้องตามหลักวิชาการด้าน

• ยึดม่ันในหลักวิชาการทางวิชาชีพสังคม สังคมสงเคราะห์และศาสตรท์ เ่ี กยี่ วขอ้ ง
2.2 รักษาเกียรติภูมิแห่งวิชาชีพ ไม่นาวิชาชีพไปแสวงหา
สงเคราะห์
• รักษาเกียรติภูมิ และส่งเสริมวิชาชีพให้ ประโยชน์เพ่ือตนเอง ผู้อ่ืน หรือหน่วยงานโดยมิชอบด้วย
กฎหมาย และกระทาในลักษณะท่ีจะก่อให้เกิดความเสื่อม
กา้ วหน้าอยู่เสมอ
• คานึงถึงมาตรฐานการให้บริการของผู้ เสยี ตอ่ วชิ าชพี สงั คมสงเคราะห์
2.3 การเขา้ ร่วมกจิ กรรมขององค์กรวชิ าชพี สังคมสงเคราะห์
ประกอบวชิ าชีพสงั คมสงเคราะห์
2.4 ได้รับการยกย่อง / รางวัล/ ประกาศเกียรติคุณที่

เก่ยี วข้องกบั วิชาชีพสงั คมสงเคราะห์

2.5 มีความรู้ ความสามารถในการจัดการความรู้ เพ่ือ

ยกระดับไปสู่งานวิชาการหรืองานวิจัยทางสังคมสงเคราะห์

และสวัสดิการสังคม และนาไปสู่การขับเคลื่อนนโยบายทาง

สังคม รวมถึงแนวทางการปฏิบัติงาน (Guideline of

practice) ท่ีก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้บริการและ

ความก้าวหน้าในวิชาชีพสงั คมสงเคราะห์

2.6 ให้ความสาคัญต่อการส่งเสริมการสอนงาน การนิเทศ

งาน และการศกึ ษาสังคมสงเคราะห์

3.จรรยาบรรณต่อผู้ใช้บริการ (บุคคล 3.1 ปฏิบัติงานโดยคานึงถึงความแตกต่างหลากหลายของ
ผ้ใู ช้บริการโดยไม่ด่วนตดั สนิ ไมม่ อี คติ และ ไมเ่ ลือกปฏิบตั ิ
ครอบครวั กลมุ่ คน หรอื ชุมชน)
• ยึดถอื ประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้บริการ โดย 3.2 มีรปู แบบกิจกรรมหรือวิธีการที่นาไปสกู่ ารเสรมิ พลัง
เคารพในสิทธิ ศักด์ิศรีและคุณค่าของ อานาจผูใ้ ชบ้ ริการ ให้เกดิ ความเขม้ แข็ง เชือ่ มน่ั และเหน็
ค ว า ม เ ป็ น ม นุ ษ ย์ ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง คุณคา่ ในตนเอง
หลากหลาย สิทธิความเป็นส่วนตัว รักษา 3.3 มีกระบวนการทางานอย่างมีส่วนร่วม เชื่อในศักยภาพ
เคารพการแสดงความคิดเห็นและสิทธิในการตัดสินใจด้วย
ความลบั ของผูใ้ ช้บรกิ าร
• ยึ ด ห ลั ก ก า ร มี ส่ ว น ร่ ว ม แ ล ะ รั ก ษ า ตนเองของผใู้ ชบ้ ริการ
สัมพันธ ภ าพ ทางวิช าชี พรว มทั้งใ ห้ 3.4 รกั ษาความลบั ของผใู้ ชบ้ รกิ าร และไม่นาขอ้ มลู ไปส่ือสาร
ความสาคัญต่อผู้ท่ีมคี วามต้องการพเิ ศษ ต่อบุคคลอ่ืน หรือเผยแพร่ต่อสาธารณะ โดยไม่ได้รับการ
• พทิ ักษ์คุ้มครอง และพัฒนาความเป็นอยู่ที่ ยินยอมจากผู้ใช้บริการและ / หรือผู้เกี่ยวข้อง เว้นแต่เพื่อ
ดีของบุคคล ครอบครัว กลุ่มคน หรือ ประโยชน์ของผู้ใช้บรกิ ารและมกี ฎหมายรองรับ

ชุมชน

4

มาตรฐานการให้บรกิ ารของ
ผู้ประกอบวชิ าชีพสังคมสงเคราะห์

องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบยอ่ ย

3.5 สร้างและรักษาสัมพันธภาพทางวิชาชีพตลอด

กระบวนการให้บริการกับผู้ใช้บริการ ไม่สร้าง

สัมพันธภาพเชิงอานาจและสัมพันธภาพส่วนบุคคลท่ี

นาไปสู่ผลกระทบ หรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการ

ปฏิบตั ิงาน

3.6 คุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ สิทธิมนุษยชน สิทธิตาม

กฎหมาย สิทธสิ วัสดกิ ารเพ่ือความมั่นคงและสวัสดิภาพ

ของผ้ใู ชบ้ ริการ

3.7 ส่งต่อการให้บริการผู้ใช้บริการในกรณีท่ีเกิน

ศกั ยภาพ หรือมขี อ้ จากดั ของผู้ให้บริการ

4.จรรยาบรรณต่อผู้รว่ มวิชาชีพและ 4.1 การปฏิบัติท่ีแสดงถึงการให้เกียรติ เคารพในสิทธิ
หน้าที่และขอบเขตความรับผิดชอบของผู้ร่วมวิชาชีพ
ผรู้ ว่ มงานในวิชาชีพอืน่
• เคารพ ให้เกียรติ สนับสนุนความร่วมมือ สงั คมสงเคราะห์ และผู้ร่วมงานในวิชาชพี อนื่
4.2 ร่วมมือ ส่งเสริม และสนับสนุนซ่ึงกันและกัน ในการ
ในการทางานเป็นเครือขา่ ย
• ร่วมขับเคล่ือนการปฏิบัติงานท่ีเป็น ปฏิบัตภิ ารกจิ เพอ่ื ให้เกดิ ประโยชน์สูงสุดตอ่ ผ้ใู ช้บริการ
ประโยชน์ต่อผ้ใู ช้บริการและวิชาชีพ 4.3 ไม่ปกป้อง ส่งเสริม หรือสนับสนุนการประพฤติผิด
ท า ง จ ริ ย ธ ร ร ม ข อ ง ผู้ ร่ ว ม วิ ช า ชี พ ใ น ห น่ ว ย ง า น เ พื่ อ

ผลประโยชน์แหง่ ตนหรือผู้กระทาการนนั้ ๆ

4.4 เคารพสิทธิการเป็นเจ้าของงานและผลงาน โดยไม่

นางานและผลงานของผู้อน่ื ไปแอบอา้ งว่าเป็นของตน

5. จรรยาบรรณต่อองค์กรทสี่ งั กดั 5.1 ส่งเสริม ปรบั ปรุง พัฒนาองค์กรให้ดาเนินนโยบาย /

• ส่งเสริม รักษา และพัฒนาองค์กรเพ่ือ การบริหารจัดการ /แนวทางปฏิบัติงานที่คานึงถึงความ
เป็นธรรมตามหลักธรรมาภิบาล และยึดผลประโยชน์
ประโยชนส์ งู สดุ ตอ่ ผู้ใช้บริการ
• มคี วามรับผดิ ชอบต่อองคก์ รทสี่ งั กัด สูงสุดของผใู้ ชบ้ รกิ าร
5.2 ใช้ทรัพยากรขององค์กรด้วยความคุ้มค่าและเกิด

ประโยชน์สงู สดุ

5.3 ไมแ่ สวงหาผลประโยชนส์ ว่ นตนจากองค์กรทสี่ ังกดั

5

มาตรฐานการใหบ้ รกิ ารของ
ผู้ประกอบวชิ าชีพสงั คมสงเคราะห์

องค์ประกอบ องคป์ ระกอบย่อย

6. จรรยาบรรณตอ่ สังคม 6.1 เข้าใจสถานการณ์ ปัญหาความต้องการ และกลไก

• มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงทางสังคม การขับเคลื่อนทางสังคมที่เก่ียวข้อง เช่น การสรุป
ท่ีจะมีผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและ บทเรียนจากประสบการณ์การทางาน และเผยแพร่ต่อ
สาธารณะ เปน็ ตน้
ความเป็นอยู่ทด่ี ีของประชาชน
6.2 มีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายในการป้องกัน แก้ไข

ฟ้ืนฟู พัฒนา หรือขับเคล่ือนทางสังคม เพ่ือให้เกิดการ

เปล่ียนแปลงท่ีดีขึ้น เช่น การพัฒนากฎหมาย นโยบาย

แผนยุทธศาสตร์ แนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสม

สอดคล้องกับสถานการณ์ปัญหาและโครงสร้างทาง

สังคม เปน็ ต้น

6.3 มีส่วนร่วมในการส่ือสารข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อ

ส า ธ า ร ณ ะ แ ล ะ สั ง ค ม เ ช่ น ก า ร จั ด เ ว ที ก า ร

ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์ต่อ

สาธารณะในรปู แบบต่างๆ เปน็ ตน้

6.4 ยอมรับและเคารพในความหลากหลายทาง

วัฒนธรรมและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมพหุ

วัฒนธรรมได้

2. มาตรฐานความเป็นวิชาชพี สังคมสงเคราะห์

มาตรฐานความเป็นวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ มี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1. สามารถปฏิบัติ
หน้าท่ีในขอบเขตความรับผิดชอบโดยคานึงถึงความมั่นคงปลอดภัย และประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้บริการ
2. สามารถปฏิบัติงานภายใต้องค์ความรู้ด้านกฎหมายวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ และกฎหมายท่ีเก่ียวข้อง
3. สามารถปฏิบัติงานในฐานะผู้ประกอบวิชาชีพ ภายใต้การใช้ดุลพินิจทางวิชาชีพ 4. การทาหน้าท่ีเป็น
ตวั แทนของวิชาชีพทงั้ ทางดา้ นวิชาการ และการปฏิบตั งิ าน 5. การทาหน้าทีใ่ นเรื่องการขับเคล่ือนนโยบายทาง
สังคมที่ส่งผลต่อผู้ใช้บริการ และ 6. ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ในกรณีเกิดภาวะวิกฤต มีรายละเอียด
ดงั นี้

6

มาตรฐานการใหบ้ ริการของ
ผู้ประกอบวชิ าชพี สงั คมสงเคราะห์

องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบยอ่ ย

1.สามารถปฏิบัติหน้าท่ีในขอบเขตความ 1.1 รู้ขอบเขตความรับผิดชอบ บทบาทหน้าท่ี และ

รับผิดชอบโดยคานึงถึงความม่ันคงปลอดภัย ขอ้ จากัดในการปฏบิ ตั ิงานของตน

และประโยชนส์ ูงสุดของผู้ใชบ้ รกิ าร 1.2 สามารถบริหารจัดการบทบาท หน้าที่ความ

รับผิดชอบของตนเอง และองค์กรให้มีการใช้ทรัพยากร

อยา่ งเหมาะสมถูกตอ้ ง

1.3 สามารถดาเนินการตามกระบวนการสังคมสงเคราะห์

ในขั้นตอนการแสวงหาข้อเท็จจริง การประเมินรอบด้าน

การวางแผน การดาเนินการตามแผน การติดตามและ

ประเมินผลบริการกับผู้ใช้บริการอย่างถูกต้อง หรือมีการ

ประชมุ รายกรณหี รือการประชมุ ทมี สหวชิ าชีพ

1.4 มคี วามรู้ ความสามารถในการประเมนิ ความเส่ียง รบั รู้

ถึงสัญญาณอันตราย ความรุนแรง การปล่อยปละละเลย

โดยใช้เคร่ืองมือที่เหมาะสมเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และ

จัดการปัญหาได้รวดเร็วและทันการณ์ หรือมีระบบการ

บรหิ ารความเสี่ยง

2. สามารถปฏิบัติงานภายใต้องค์ความรู้ด้าน 2.1. มีความรู้ในกฎหมายวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ และ

กฎหมายวิชาชีพสังคมสงเคราะห์และกฎหมาย กฎหมายทเ่ี ก่ียวข้อง

ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง 2.2 มีความสามารถในการนากฎหมายวิชาชีพสังคม

สงเคราะห์และกฎหมายท่ีเก่ียวข้อง ไปปฏิบัติงานเพ่ือให้

เกดิ ประโยชนส์ งู สดุ แก่ผูใ้ ช้บริการ

3. สามารถปฏิบัติงานในฐานะผู้ประกอบ 3.1 ปฏบิ ตั ิงานตามกระบวนการสังคมสงเคราะห์ โดยการ

วิชาชพี ภายใตก้ ารใชด้ ลุ พนิ จิ ทางวิชาชีพ คิดวิเคราะห์ อย่างมีเหตุผลตามหลักการ ค่านิยม และ

จรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ

3.2 สามารถใช้ข้อเท็จจริงและดุลพินิจทางวิชาชีพ

โดยเฉพาะในประเด็นท่ีมีความสลับซับซ้อน และแสวงหา

ทางเลือกที่เหมาะสมในการให้บริการด้วยแนวคิดเชิง

บูรณาการ

3.3 การทางานร่วมกับสหวิชาชีพหรือเครือข่ายโดยใช้

ขอ้ มูลประกอบการตดั สินใจ

7

มาตรฐานการใหบ้ รกิ ารของ
ผปู้ ระกอบวชิ าชพี สงั คมสงเคราะห์

องคป์ ระกอบ องค์ประกอบยอ่ ย

4. การทาหน้าท่ีเป็นตัวแทนของวิชาชีพ 4.1 มีส่วนร่วมในกิจกรรม การปฏิบัติงานและแสดงความ

ทั้งทางดา้ นวิชาการ และการปฏบิ ัตงิ าน คดิ เหน็ ทีส่ ะท้อนความเป็นวชิ าชีพ

5. การทาหน้าท่ีในเรื่องการขับเคลื่อน 5.1 มคี วามสามารถในการวิเคราะห์ วางแผนและผลักดันการ

นโยบายทางสังคมทีส่ ง่ ผลตอ่ ผ้ใู ชบ้ ริการ จัดการนโยบายสังคมเพื่อลดช่องว่าง หรือความเหลื่อมล้าทาง

สังคม ให้เกิดความเป็นธรรมทางสังคมแก่ผู้ใช้บริการทุก

กลุ่มเป้าหมาย

6. ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ใน 6.1 มีรูปแบบการทางานเม่ือเกิดภาวะวิกฤตท่ีชัดเจน

กรณเี กดิ ภาวะวกิ ฤต ผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์สามารถบริหารจัดการ

รวมถึงให้บริการแก่ผู้ใช้บริการได้อย่างถูกต้อง และรวดเร็ว

ทันต่อความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้บริการในสถานการณ์

นน้ั ๆ

3. มาตรฐานองค์ความรู้และการประยกุ ตใ์ ชใ้ นการปฏบิ ตั งิ านสงั คมสงเคราะห์

มาตรฐานองค์ความรู้และการประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ มี
6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.ปฏิบัติงานภายใต้กรอบกฎหมายสาคัญท่ีเกี่ยวข้องกับงานสังคมสงเคราะห์
2. เข้าใจและตระหนักถึงความหลากหลายทางสังคม วัฒนธรรมท่ีมีผลต่อการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์
3. เข้าใจและตระหนักถึงบริบททางสากล และบริบทแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตประชาชน 4. เข้าใจ
และเชือ่ มโยงแนวคิด ทฤษฎี องค์ความรตู้ ่างๆ และสามารถประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์
5. มกี ารนาความรูด้ า้ นการวิจัย และการจัดการความรู้ เพ่ือพัฒนาการปฏิบัติงานและสร้างนวัตกรรมทาง
วิชาชีพสังคมสงเคราะห์ และ 6.การนาเทคโนโลยีมาใช้ในการสื่อสาร และปฏิบัติงานได้หลากหลาย
รปู แบบโดยคานงึ ถึงจรรยาบรรณแหง่ วิชาชีพสังคมสงเคราะห์ มีรายละเอยี ดดงั นี้

8

มาตรฐานการให้บริการของ
ผปู้ ระกอบวชิ าชพี สงั คมสงเคราะห์

องค์ประกอบ องคป์ ระกอบยอ่ ย

1.ปฏิบัติงานภายใต้กรอบกฎหมายสาคัญท่ี 1.1 มีความรู้ ความเข้าใจกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติที่

เกยี่ วข้องกับงานสงั คมสงเคราะห์ เกย่ี วข้องในการปฏิบัตงิ านกับกลุม่ เปา้ หมายของหนว่ ยงาน

และสามารถอ้างอิงหลกั กฎหมายได้อยา่ งถกู ต้อง

1.2 สามารถใช้อานาจหน้าที่ของผู้ประกอบวิชาชีพสังคม

สงเคราะห์หรือการเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใต้กรอบ

และขอบเขตของกฎหมายที่เก่ียวขอ้ ง

2. เข้าใจและตระหนักถึงความหลากหลาย 2.1 มีความเข้าใจบริบทและนัยสาคัญทางวัฒนธรรมต่อ

ท า ง สั ง ค ม วั ฒ น ธ ร ร ม ที่ มี ผ ล ต่ อ ก า ร ความหลากหลายทางด้านอายุ ภาษา ความพิการ สภาพ

ปฏบิ ัติงานสงั คมสงเคราะห์ ทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทาง

เศรษฐกิจหรือสังคม เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ ความเชื่อทาง

ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง การศึกษาอบรม เพศ

สภาพ เพศวิถี อัตลักษณ์ และการแสดงออก ฯลฯและ

ผลกระทบท่ีมีต่อการจัดบริการรวมทั้งมีแนวทางการ

จดั บรกิ ารอยา่ งเหมาะสม

3. เข้าใจและตระหนักถึงบริบททางสากล 3.1 เข้าใจและตระหนักถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงของ

และบริบทแวดล้อม ท่ีมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิต บริบทสากลและบริบทแวดล้อมที่มีผลต่อประชาชน ซึ่งมี

ประชาชน ผลตอ่ การปฏบิ ตั ิงานสงั คมสงเคราะห์

3.2 สามารถวิเคราะห์ วิพากษ์โครงสร้างทางสังคม

นโยบาย กฎหมาย และการบริหารที่เกี่ยวข้องกับอานาจ

และความไม่เป็นธรรม

3.3 เข้าใจและตระหนักรู้เกี่ยวกับความเปล่ียนแปลงเชิง

นโยบายที่มีผลกระทบต่อประชาชนกลุ่มต่างๆ รวมทั้ง

กล่มุ เป้าหมายท่มี คี วามต้องการพเิ ศษ

4. เข้าใจและเช่ือมโยงแนวคิด ทฤษฎี องค์ 4.1 สามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ วิเคราะห์ในการ

ความรู้ต่าง ๆ และสามารถประยุกต์ใช้กับ ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์อย่างถูกต้อง และสอดคล้อง

การปฏบิ ตั ิงานสงั คมสงเคราะห์ กบั บริบท

9

มาตรฐานการใหบ้ รกิ ารของ
ผู้ประกอบวชิ าชีพสังคมสงเคราะห์

องค์ประกอบ องค์ประกอบย่อย

5. มีการนาความรู้ด้านการวิจัย และการ 5.1 ผู้ทาวิจัยต้องผ่านการอบรมจริยธรรมการวิจัยในคน

จัดการความรู้เพ่ือพัฒนาการปฏิบัติงานและ และงานวิจัยต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการ

สร้างนวัตกรรมทางวชิ าชีพสงั คมสงเคราะห์ จริยธรรมการวิจัยในคน หรือคณะกรรมการการวิจัยท่ี

เกย่ี วข้อง

5.2 สามารถจัดการความรเู้ พื่อพัฒนาการปฏิบัติงานและ

น า ผ ล ก า ร วิ จั ย ไ ป ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ ห รื อ น วั ต ก ร ร ม จ า ก

ผลงานวิจยั ไปใชป้ ระโยชน์

5.3 สามารถเผยแพร่ ถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ได้จากการ

วิจัยเพื่อแลกเปล่ียนองค์ความรู้ เพิ่มสมรรถนะต่อผู้ร่วม

ประกอบวชิ าชีพสังคมสงเคราะห์

6. การนาเทคโนโลยีมาใช้ในการส่ือสาร และ 6.1 มีความรู้และสามารถนาเทคโนโลยีไปใช้ในการ

ปฏิบัติงานไดห้ ลากหลายรูปแบบ โดยคานึงถึง สื่อสารและการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ โดยยึดม่ันใน

จรรยาบรรณแหง่ วชิ าชพี สังคมสงเคราะห์ จรรยาบรรณแห่งวิชาชีพสงั คมสงเคราะห์

4. มาตรฐานการส่ือสารทางวิชาชพี

มาตรฐานการสื่อสารทางวิชาชีพ มี 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 1. การส่ือสารเพื่อสร้าง
สัมพันธภาพเชิงวิชาชีพ 2. รูปแบบการส่ือสารที่สร้างสรรค์และส่งเสริมการปฏิบัติงานกับกลุ่มคนที่
หลากหลาย และ 3. การส่ือสารเพือ่ ส่งเสริมประสิทธิภาพในการทางานเป็นทีม มรี ายละเอียดดงั นี้

10

มาตรฐานการใหบ้ รกิ ารของ
ผู้ประกอบวิชาชพี สังคมสงเคราะห์

องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบยอ่ ย

1 . ก า ร ส่ื อ ส า ร เ พ่ื อ ส ร้ า ง 1.1 สื่อสารเชิงบวก โดยปราศจากอคติ และรักษาความลับ เพื่อ

สัมพันธภาพเชิงวิชาชีพ บรรลุเป้าหมายในการปฏิบัตงิ าน

1.2 ทางานเชิงรุก เพ่ือแสวงหาข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์ รวมทั้งเพ่ือ

เป็นคนกลางในการสือ่ สารให้กบั ผใู้ ชบ้ ริการและทีมสหวิชาชีพ

1.3 ตระหนกั และยึดหลักจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพในการแสดงความ

คดิ เหน็ ผา่ นชอ่ งทางการสือ่ สาร รูปแบบตา่ งๆ อย่างเหมาะสม

2. รปู แบบการสอื่ สารท่ีสร้างสรรค์ 2.1 สามารถใช้ทักษะการสื่อสารแบบวัจนภาษาและอวัจนภาษา

และส่งเสริมการปฏิบัติงานกับ อย่างเหมาะสมกบั ผู้ใชบ้ ริการ และผูม้ สี ่วนเกีย่ วข้อง

กลมุ่ คนทีห่ ลากหลาย 2.2 มกี ารตระหนักในการแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางการสื่อสาร

รปู แบบตา่ งๆ อย่างเหมาะสม

2.3 ส่ือสารโดยยึดหลักสันติวิธี สามารถเจรจาต่อรองไกล่เกลี่ย

ประนปี ระนอม จัดการความขัดแย้ง และ/หรือบาบัดรักษา เยียวยา

และฟื้นฟู เพือ่ ให้เกดิ การเปลีย่ นแปลงอย่างมีเปา้ หมาย

3. การสือ่ สารเพ่ือส่งเสริมประ 3.1 ผใู้ ช้บริการมสี ว่ นรว่ มตดั สินใจในกระบวนการปฏบิ ัตงิ าน

สทิ ธิ ภาพในการทางานเปน็ ทีม 3.2 สามารถส่ือสาร จูงใจเพ่ือให้ทีมเข้าใจ ยอมรับ และให้ความ

ร่วมมอื ในการทางานหรือปฏบิ ตั งิ านใหเ้ กดิ ผลสัมฤทธต์ิ ามเป้าหมาย

3.3 ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ร่วมกับเพ่ือนร่วมงาน สหวิชาชีพ

และภาคีเครือข่าย ด้วยการให้เกียรติ ซื่อสัตย์ ยอมรับในบทบาท

หนา้ ที่ โดยมงุ่ ประโยชน์สูงสุดของผ้ใู ช้บรกิ าร

[1]วัจนภาษา (Verbal Communication) หมายถึง ภาษาถ้อยคา ได้แก่ คาพูดหรือตัวอักษรท่ี
กาหนดใช้ร่วมกันในสังคม ซ่ึงหมายรวมทั้งเสียง และลายลักษณ์อักษร ภาษาถ้อยคาเป็นภาษาที่มนุษย์
สรา้ งข้นึ อยา่ งมรี ะบบ มีหลักเกณฑท์ างภาษา หรือไวยากรณ์ซึ่งคนในสังคมต้องเรียนรู้และใช้ภาษาในการ
ฟัง พูด อ่าน เขียน และคิด การใช้วัจนภาษาในการสื่อสารต้องคานึงถึงความชัดเจนถูกต้องตามหลัก
ภาษา และความเหมาะสมกับลกั ษณะการส่อื สาร ลักษณะงาน เป้าหมาย สอ่ื และผู้รบั สาร

[2]อวัจนภาษา (Non verbal Communication) หมายถงึ เป็นการสื่อสารโดยไม่ใช้ถ้อยคา ท้ังท่ี
เปน็ ภาษาพูดและภาษาเขยี น เป็นภาษาที่มนุษย์ใช้ส่ือสารกัน โดยใช้อากัปกิริยา ท่าทาง น้าเสียง สายตา
หรือใช้วัตถุ การใช้สัญญาณ และส่ิงแวดล้อมต่าง ๆ หรือแสดงออกทางด้านอ่ืนท่ีสามารถรับรู้กันได้
สามารถแปลความหมายได้และทาความเข้าใจต่อกนั ได้

11

มาตรฐานการให้บรกิ ารของ
ผ้ปู ระกอบวิชาชีพสงั คมสงเคราะห์

5. มาตรฐานการบนั ทกึ ข้อมูลเพ่อื การปฏิบัตงิ านสังคมสงเคราะห์

มาตรฐานการบันทึกข้อมูลเพื่อการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์มี 5 องค์ประกอบ ได้แก่
1. การบันทึกการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์บนฐานความรู้ ค่านิยม จรรยาบรรณ และหลักการของ
วิชาชีพสังคมสงเคราะห์ 2. การบันทึกการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ ถูกต้อง ชัดเจน 3. การบันทึกการ
จัดบริการสาหรับกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการพิเศษ 4. การบันทึกตามกาหนดเวลา และ 5. การใช้
ประโยชนจ์ ากบนั ทกึ การปฏิบตั ิงาน มรี ายละเอยี ดดังนี้

องคป์ ระกอบ องค์ประกอบย่อย

1. การบันทึกการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ 1.1 บันทึกการปฏิบัติงานกับกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ระดับ

บนฐานความรู้ ค่านิยม จรรยาบรรณ และ รายบุคคล กลุ่ม ชุมชน โครงการ หรือภาระงานอ่ืนๆที่

หลกั การของวชิ าชีพสงั คมสงเคราะห์ ไ ด้ รั บ ม อ บ ห ม า ย จ า ก ห น่ ว ย ง า น โ ด ย ใ ช้ ค ว า ม รู้

กระบวนการ วิธีการและจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพสังคม

สงเคราะห์

2. การบันทึกการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ 2.1 บันทึกข้อมูลอย่างเป็นระบบ ถูกต้อง ครอบคลุม

ถกู ต้อง ชดั เจน กระชบั ชดั เจน

2.2 บันทึกโดยจาแนกข้อมูล ข้อเท็จจริง และความ

คิดเห็น

2.3 ช้ีแจงวัตถุประสงค์การบันทึก การจัดเก็บ และใช้

ข้อมูลโดยได้รับการยินยอมจากผู้ใช้บริการ กรณี

ผู้ใช้บริการไม่อยู่ในภาวะท่ีให้คายินยอมได้สามารถให้ผู้

แทนทช่ี อบดว้ ยกฎหมายดาเนินการแทน

3 . ก า ร บั น ทึ ก ก า ร จั ด บ ริ ก า ร ส า ห รั บ 3.1 บันทึกแสดงการประเมินในรายละเอียดด้านความ

กลุ่มเป้าหมายที่มีความตอ้ งการพเิ ศษ ต้องการพิเศษของผใู้ ชบ้ รกิ าร

4. การบนั ทึกตามกาหนดเวลา 4.1 บันทึกข้อมูล ข้อเท็จจริงให้ทันการณ์อย่างช้าไม่เกิน

48 ช่ัวโมงทาการ นบั แตก่ ารปฏบิ ัตงิ านแตล่ ะคร้งั

12

มาตรฐานการให้บรกิ ารของ
ผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์

องคป์ ระกอบ องค์ประกอบยอ่ ย
5. การใช้ประโยชนจ์ ากบันทกึ การปฏิบัติงาน 5.1 นาข้อมูลบันทึกการปฏิบัติงานมาใช้ในการ
วิเคราะห์ การตัดสินใจ วางแผน การปฏิบัติงาน นิเทศ

งาน และประเมนิ ผล
5.2 ผู้ปฏิบัติงานได้รับการอบรมและพัฒนาทักษะใน

การบันทึกการปฏบิ ตั ิงานได้อยา่ งถูกต้อง
5.3 รักษาความลับและความปลอดภัย ในการบันทึก
รูปแบบต่าง ๆ เช่น เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ และ
การสื่อสารต่าง ๆ รวมถึงการสารองข้อมูล ส่งต่อ

แบง่ ปนั ข้อมูลโดยใช้ดลุ พินจิ ทางวิชาชีพ เป็นต้น
5.4 เอกสาร ข้อมูลรายบุคคลต้องเก็บรักษาไว้ในที่
ปลอดภัย สามารถสืบค้นได้ ไม่ต่ากว่า 10 ปี กรณี
ผู้ใช้บริการเป็นเด็ก ควรจัดเก็บจนกระท่ังผู้ใช้บริการ

อายเุ กนิ 18 ปี หรอื ตามนโยบายของหน่วยงาน
5.5 การเชื่อมโยงและเข้าถึงขอ้ มูลผู้ใชบ้ รกิ ารในวิชาชีพ
สังคมสงเคราะห์เพื่อประโยชน์และประสิทธิภาพใน
การใหบ้ ริการ

13

มาตรฐานการใหบ้ รกิ ารของ
ผู้ประกอบวิชาชีพสงั คมสงเคราะห์

6. มาตรฐานการนเิ ทศงานเพ่อื พฒั นาวชิ าชีพ

มาตรฐานการนิเทศงานเพ่ือพัฒนาวิชาชีพ มี 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 1. ผู้ให้การนิเทศ
งาน ผู้รับการนิเทศงาน เข้าใจความสาคัญ บทบาท ความมุ่งหมายและหน้าท่ีของการนิเทศงาน 2. การ
พัฒนากระบวนการนิเทศงาน และ 3. สนับสนนุ การนเิ ทศงานสงั คมสงเคราะห์ มรี ายละเอียดดงั น้ี

องค์ประกอบ องค์ประกอบยอ่ ย

1.ผู้ให้การนิเทศงาน ผู้รับการนิเทศงาน 1.1 ผู้มีสว่ นในการนิเทศงาน เขา้ ใจความสาคญั บทบาท
เขา้ ใจความสาคัญ บทบาท ความมุ่งหมาย ความมุ่งหมาย และหนา้ ท่ขี องการนเิ ทศงาน
และหน้าทขี่ องการนิเทศงาน
1.2 มีการเรียนรูร้ ่วมกันในกระบวนการนิเทศงาน เชน่ การ

ประชมุ รว่ ม การปรกึ ษาหารอื การสรุปบทเรียนระหวา่ ง

ผู้ให้การนเิ ทศ ผู้รบั การนิเทศงาน และผูม้ สี ว่ นเกี่ยวข้อง

2.การพฒั นากระบวนการนเิ ทศงาน เปน็ ตน้
2.1 ค้นหาความต้องการ ออกแบบการเรียนรู้ การจัดทา
คู่มือการนิเทศงาน กาหนดวัตถุประสงค์ แผนการนิเทศ

ดาเนินการ กากับติดตาม และประเมินผลความสาเร็จ

และผลการเรยี นรู้

3. การสนับสนุนการนิเทศงานสังคม 3.1 หน่วยงานควรมีนโยบาย และระบบการนิเทศงานการ

สงเคราะห์ ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ และสนับสนุนการนิเทศงาน

แก่ผู้ปฏิบัติงานและผู้ฝึกปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์

นักศึกษาสังคมสงเคราะห์ ผู้ช่วยงานสังคมสงเคราะห์และ

อาสาสมคั รสงั คมสงเคราะห์

การนิเทศงานถอื เปน็ ส่วนสาคัญของการฝึกอบรมและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจาเป็น
ต่อการพัฒนาทักษะทางวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ การนิเทศงานที่ดีจะช่วยในการคุ้มครองพิทักษ์สิทธิของ
ผู้ใช้บริการ และเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือให้ผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ในการสร้างหลักประกันที่จะ
ดาเนนิ การไดต้ ามมาตรฐานทางวชิ าชีพและให้บริการได้อยา่ งมีคุณภาพ

14

มาตรฐานการใหบ้ ริการของ
ผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์

การนิเทศงานถอื เป็นส่วนสาคัญของการฝึกอบรมและการเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง ซ่ึงจาเป็น
ต่อการพัฒนาทักษะทางวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ การนิเทศงานที่ดีจะช่วยในการคุ้มครองพิทักษ์สิทธิของ
ผู้ใช้บริการ และเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือให้ผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ในการสร้างหลักประกันที่จะ
ดาเนินการไดต้ ามมาตรฐานทางวิชาชพี และให้บรกิ ารไดอ้ ย่างมคี ณุ ภาพ

การนเิ ทศงานสงั คมสงเคราะห์ หมายถึง กระบวนการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างผู้ให้การ
นิเทศกับผู้รับการนิเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือปรับปรุงและพัฒนาการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ให้มี
คณุ ภาพ เพอ่ื ประโยชนข์ องผใู้ ช้บริการ

หลักการสาคัญของการนิเทศงานคือ การนิเทศท่ีมีส่วนร่วมในกระบวนการนิเทศทั้งจาก
ผู้ให้การนิเทศ และผู้รับการนิเทศ ก่อให้เกิดการพัฒนาการเรียนรู้ และทักษะการปฏิบัติงานท่ีมีคุณภาพ
รูปแบบการนิเทศ มีท้ังการนิเทศเป็นรายบุคคล นิเทศเป็นกลุ่ม ข้ึนอยู่กับความเหมาะสมในแต่ละ
สถานการณ์

ผู้ให้การนิเทศงานสังคมสงเคราะห์ หมายถึง ผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์รับ
อนุญาตท่ีมีประสบการณ์ด้านการทางานและได้รับการมอบหมายจากหน่วยงานให้เป็นผู้นิเทศงานสังคม
สงเคราะห์

ผู้รับการนิเทศ หมายถึง ผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ นักศึกษาสังคมสงเคราะห์
อาสาสมัครด้านสังคมสงเคราะห์ และผู้ปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ในกระบวนการฝึกปฏิบัติ เพ่ือ
ประกอบการขอขน้ึ ทะเบียนเป็นผปู้ ระกอบวชิ าชพี รบั อนุญาต

15

ภาคผนวก

ภาคผนวก
ผนวก ก
นยิ ามศพั ท์

คาศพั ท์ คาจากัดความ

1. รายงานการปฏิบตั งิ าน รายงานผลความกา้ วหน้าการปฏิบตั ิงานของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์

(Report) ภายใต้กรอบระยะเวลาและเงื่อนไขท่ีหน่วยงานกาหนด อันหมายรวมถึงการ

ปฏิบัตงิ านทั้งในระดบั บุคคล ครอบครวั กล่มุ คน ชมุ ชน หรือโครงการ

2. บนั ทกึ การปฏิบัตงิ าน การบันทึกข้อมูล ข้อเท็จจริงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรเก่ียวกับผู้ใช้บริการ

(Case record) รายบคุ คล ครอบครวั กลุ่มคน ชุมชน หรือโครงการ โดยระบุสภาพปัญหา การ

ประเมินสภาวะผู้ใช้บริการ การวินิจฉัย การจัดทาแผนดาเนินการการให้ความ

ช่วยเหลือ การประสานงาน ประสานทรัพยากร การกากับและติดตามการ

ดาเนินงานตามแผน การประเมินเพ่ือส่งต่อ หรือการวางแผนยุติบริการบันทึก

การปฏิบัติงาน ถือเป็นแหล่งข้อมูลที่สาคัญเกี่ยวกับระบบดาเนินการของ

ผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ในการทางานกับผู้ใช้บริการ ซึ่งสามารถ

นาไปใช้ในการจัดการรายกรณี การสอื่ สารและประสานงานระหวา่ งวิชาชีพเพ่ือ

เป็นหลักประกันเชิงคุณภาพของมาตรฐานการให้บริการ สะท้อนถึงความ

รับผิดชอบที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมท้ังเป็นประโยชน์ในการวางแผน

ปรบั ปรุงดา้ นงบประมาณ สนับสนนุ การนเิ ทศงานและงานวิจยั

3. การทบทวนหลงั การประเมินและทบทวนแนวทาง วิธีการทางานในการตอบสนองต่อ

ปฏิบัตงิ าน สถานการณ์ปญั หาของผู้ใชบ้ ริการ เป็นวิธกี ารเชิงสรปุ บทเรยี นในการค้นหาและ

(After action review) บันทึกแนวทางปฏิบัติที่ดีและข้อท้าท้ายในการแก้ไขปัญหานั้น ๆ ทั้งด้าน

ความสาเร็จและปัญหาท่ีเกิดข้นึ

4. การทบทวนกรณศี ึกษา การประมวลสรุปผลการดาเนินงานของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์

(Case review) ที่ปฏิบัติงานกับผู้ใช้บริการรายบุคคล ครอบครัว กลุ่มคน หรือชุมชน โดยการ

ทบทวน วิเคราะห์ และสังเคราะห์ ข้อเท็จจริงของผู้ใช้บริการ ข้ันตอน

กระบวนการในการทางาน การวางแผนบริการ การทางานร่วมกับทีมสห

วิชาชีพ พร้อมการประเมิน วิเคราะห์ ให้เห็นจุดแข็งและข้อท้าทายในการ

ทางาน และการจดั การปญั หาอุปสรรคที่เกิดข้ึน รวมถึงข้อเสนอแนะ ท่ีสะท้อน

ความสามารถและศกั ยภาพของผปู้ ระกอบวชิ าชีพสงั คมสงเคราะห์

5. ผปู้ ระกอบวชิ าชีพสังคม บุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพที่ต้องใช้ความรู้ และทักษะทางสังคมสงเคราะห์ใน

สงเคราะห์ (Licensed การปฏิบัตหิ น้าทีเ่ กย่ี วกบั การป้องกันและการแก้ไขปัญหาของบุคคล ครอบครัว

social worker) กลุ่มคน หรือชุมชน เพ่ือให้กระทาหน้าท่ีทางสังคมและดารงชีวิตได้อย่างปกติ

สขุ (พรบ.วชิ าชพี สงั คมสงเคราะห์ พ.ศ. 2556 ,น.2)

16

คาศพั ท์ คาจากัดความ

6. ผใู้ ช้บรกิ าร(Client บุคคล ครอบครัว กลุ่มคน ชุมชน หรือกลุ่มเป้าหมายในรายโครงการ

/Service user) ทีผ่ ูป้ ระกอบวิชาชีพสงั คมสงเคราะหป์ ฏบิ ตั งิ าน

7.การประชุมปรกึ ษารายกรณี กระบวนการทางานร่วมกันระหว่างวิชาชีพเดียวกัน หรือวิชาชีพต่างๆที่

(Case conference) เก่ียวข้อง ในการประเมินความต้องการจาเป็นของผู้ใช้บริการ ประสาน

ความร่วมมือ ดาเนินการช่วยเหลือ จัดสรรทรัพยากร ติดตามประเมินผล

โดยดาเนนิ การใน 2 ลกั ษณะคือ (1) กาหนดวัตถุประสงค์ แผนบริการ และ

ดาเนินการรว่ มกนั หรือ (2) ขอคาแนะนาจากผู้มีประสบการณ์/ผู้เชี่ยวชาญ

แต่ละวชิ าชีพเฉพาะดา้ น

8.แผนการดูแล/แผนบริการ การวางแผนบริการ โดยนาข้อเท็จจริง และผลการประเมินสภาวะมา

(Service plan/Care plan) วิเคราะห์วินิจฉัย เพื่อกาหนดเป้าหมายที่เป็นลาดับความสาคัญของการ

จัดบริการ และวางแผนบริการเพื่อนาไปสู่การแก้ปัญหา การบาบัดฟ้ืนฟู

การคุ้มครอง หรือการป้องกันตามสถานการณ์ที่เหมาะสม แผนบริการอาจ

นาเสนอเป็นแผนเฉพาะหน้า หรือแผนระยะส้ัน ระยะยาว ให้สอดคล้องกับ

สภาพปัญหาและความต้องการของผู้ใช้บริการ ซ่ึงหมายรวมทั้งปัจเจก

บุคคล ครอบครัว กลุ่มคน หรือชุมชนการจัดทาแผนบริการน้ันผู้ประกอบ

วิชาชีพสังคมสงเคราะห์ควรวางแผนร่วมกับผู้ใช้บริการ และทีมสหวิชาชีพ

เพราะจะช่วยให้แผนบริการมีความสอดคล้องเหมาะสมกับข้อเท็จจริง และ

บรบิ ทของผใู้ ช้บริการ

9.แผนพฒั นารายบุคคล การวางแผนที่สอดคล้องกับปัญหา หรือความต้องการเฉพาะรายของ

(Individual development ผูใ้ ชบ้ รกิ ารในระดับปัจเจกผ่านกระบวนการทางสังคมสงเคราะห์ โดยมีการ

Plan -IDP) ต้ังเป้าหมายท้ังระยะสั้น ระยะยาวเพื่อตอบสนองปัญหาและความต้องการ

ที่แตกต่างกัน เป็นแผนการจัดบริการรายบุคคล ระหว่างผู้ใช้บริการกับ

ผู้จัดการรายกรณีหรือทีมงาน แผนพัฒนารายบุคคลเป็นแผนท่ีเกิดจากการ

ทางานร่วมกัน ระหว่างผู้ใช้บริการ ครอบครัว สหวิชาชีพ ผู้ปฏิบัติงาน เพ่ือ

ทาให้เกิดแนวทางการปฏิบัติงานท่ีชัดเจน เป็นรูปธรรม และทาให้มี

หลกั ประกันในการตดิ ตาม กากบั จนส้นิ สุดการทางาน

10. แบบบรรยายลกั ษณะงาน การระบุหน้าที่ความรับผิดชอบและลักษณะงานที่แต่ละวิชาชีพ หรือแต่ละ

(Job description) ตาแหน่งงานต้องดาเนินการ เป็นการอธิบายขอบเขตรายละเอียดของงาน

ถึงหน้าที่ความรับผิดชอบโดยระบุช่ือ ตาแหน่งงาน คาสรุปเก่ียวกับงาน

หน้าทีง่ านหลัก งานรอง และความสมั พันธ์กบั สายงานอนื่ ๆ

11. ภาวะวกิ ฤต (Crisis) สถานการณ์ในภาวะวิกฤตหรือภาวะฉุกเฉินอันเน่ืองมาจากภัยพิบัติตาม

ธรรมชาตแิ ละภัยพิบัตทิ ่ีเกิดจากผลการกระทาของมนษุ ย์

17

ผนวก ข

คาสง่ั สภาวชิ าชีพสังคมสงเคราะห์
ท่ี 2/2561

เร่ือง แตง่ ตง้ั คณะอนุกรรมการจดั ทารา่ งขอ้ บังคับว่าดว้ ยจรรยาบรรณวชิ าชีพสงั คมสงเคราะห์
และจัดทารา่ งมาตรฐานการใหบ้ ริการของผู้ประกอบวชิ าชีพสังคมสงเคราะห์

ตามพระราชบัญญัตวิ ิชาชพี สังคมสงเคราะห์ พ.ศ. 2556 กาหนดให้สภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ ใน
ฐานะองค์กรนิติบุคคล มีหน้าท่ีในการควบคุมมาตรฐาน จรรยาบรรณ ส่งเสริมและพัฒนาวิชาชีพสังคม
สงเคราะห์ ตลอดจนให้ความช่วยเหลือหรือบริการทางสังคมท่ีเก่ียวข้องกับวิชาชีพสังคมสงเคราะห์
(พระราชบัญญัติวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ พ.ศ. 2556 มาตรา 5) โดยสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์มีหน้าที่
กาหนดมาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ และจัดทาข้อบังคับว่าด้วย
จรรยาบรรณแห่งวชิ าชีพสงั คมสงเคราะห์ ดังนั้น ผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ต้องประกอบวิชาชีพให้
เป็นไปตามข้อบังคับท้ังต้องดารงตนและปฏิบัติตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ด้วย
(พระราชบัญญัตวิ ิชาชีพสังคมสงเคราะห์ พ.ศ. 2556 มาตรา 32, 33)

เพื่อให้การพิจารณาจัดทาเร่ืองข้อบังคับจรรยาบรรณวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ และมาตรฐานการ
ให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ มีกระบวนการพิจารณาอย่างรอบด้าน และบรรลุตาม
อานาจหน้าท่ีตามกฎหมายวชิ าชพี สังคมสงเคราะห์ จงึ ขอแต่งต้งั คณะอนุกรรมการจดั ทารา่ งข้อบังคับว่าด้วย
จรรยาบรรณวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ และจัดทาร่างมาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสังคม
สงเคราะห์

โดยมอี งค์ประกอบและอานาจหน้าท่ดี ังต่อไปน้ี

องค์ประกอบ

1. รองศาสตราจารย์อภญิ ญา เวชยชยั ทปี่ รกึ ษา
2. ดร.ทพิ าภรณ์ โพธิถ์ วลิ ประธานอนุกรรมการ
3. นางสาวจนิ ตนา นนทะเปารยะ อนุกรรมการ
4. นายชนิ ชยั ชี้เจริญ อนกุ รรมการ
5. อาจารยน์ วลใย วัฒนกลู อนกุ รรมการ
6. นางณัฐวดี ณ มโนรม อนุกรรมการ
7. นางสาวภูษา ศรีวิลาศ อนกุ รรมการ
8. นางลัดดา เบญจเตชะ อนุกรรมการ
9. นางสาวบญุ ล้อม กานต์ศกั ด์ิสราญ อนุกรรมการ
10. นางสาวสมศิริ บุญศริ ิ อนกุ รรมการ
อนกุ รรมการ
11. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วไิ ลภรณ์ โคตรบงึ แก อนกุ รรมการ
12. นางเพลนิ พิศ จนั ทรศกั ดิ์ อนุกรรมการ
13. นางพรทวิ า ทองหล่อ

18

14. นางสาวสิชากาณจ์ ศไิ พบุณณากาณจ์ อนกุ รรมการ
15. นางเยาวเรศ คามะนาด อนุกรรมการ
16. นางสาวพรประภา สนิ ธุนาวา อนกุ รรมการ
17. นางลดั ดา จรี ะกุล อนกุ รรมการ
18. นางปัทมา ชาญเชยี่ ว อนุกรรมการ
19. นางรัศมี สวุ รรณหงส์ อนุกรรมการ
20. นายยทุ ธศักดิ์ รงุ่ เรืองนรา อนกุ รรมการ
21. นางสาวสมพรทพิ ย์ สขุ วโรดม อนุกรรมการ
22. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์อญั มณี บรู ณกานนท์ เลขานกุ ารคณะอนกุ รรมการ
23. อาจารย์ ดร.ธันยา รุจเิ สถียรทรัพย์ ผ้ชู ว่ ยเลขานกุ ารคณะอนกุ รรมการ

อานาจหน้าที่
1. จัดทารา่ งขอ้ บงั คบั วา่ ดว้ ยจรรยาบรรณวิชาชีพสังคมสงเคราะห์
2. เสนอร่างขอ้ บงั คับว่าดว้ ยจรรยาบรรณวิชาชีพสงั คมสงเคราะหผ์ ่านเวทปี ระชาพิจารณ์
3. จัดทารา่ งมาตรฐานการให้บริการของผปู้ ระกอบวิชาชีพสงั คมสงเคราะห์

ทงั้ น้ีต้งั แตบ่ ดั น้เี ปน็ ตน้ ไป

สัง่ ณ วันท่ี 10 มนี าคม พ.ศ. 2561

รองศาสตราจารย์อภิญญา เวชยชัย
(นายสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์)

19

ผนวก ค
คาส่ังสภาวชิ าชพี สงั คมสงเคราะห์

ที่ 5/2563

เร่อื ง แตง่ ต้ังคณะทางานขับเคลอ่ื นมาตรฐานการให้บรกิ ารของผู้ประกอบวชิ าชีพสังคมสงเคราะห์
เพอ่ื ให้การดาเนินการขับเคล่ือนมาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ สามารถ
นาไปปฏบิ ัตใิ นหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเน่ือง มีประสิทธิภาพ สภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์จึงแต่งต้ังคณะทางาน
ขบั เคลือ่ นมาตรฐานการให้บริการของผูป้ ระกอบวิชาชพี สังคมสงเคราะห์ ดงั นี้

องค์ประกอบ
1. รองศาสตราจารย์อภญิ ญา เวชยชัย
ทปี่ รึกษา
2. ดร.ทิพาภรณ์ โพธ์ิถวิล
ทีป่ รึกษา
3.ผู้ช่วยศาสตราจารย์อญั มณี บูรณกานนท์
ประธาน
4. นางสาวแรมรงุ้ วรวธั
รองประธาน
5. นางสาววาสนา เกา้ นพรัตน์
คณะทางาน
6. นายอนกุ ลู ปดี แกว้
คณะทางาน
7. นางลัดดา จรี ะกลุ
คณะทางาน
8. นางวรรภา ลาเจยี กเทศ
คณะทางาน
9. นางฉตั ณฑี ศิลากลุ
คณะทางาน
10. นางสาวพรประภา สินธนุ าวา
คณะทางาน

11.นางอมุ าภรณ์ ผ่องจติ ต์ คณะทางาน

12. ผแู้ ทนกระทรวงกลาโหม คณะทางาน

13.ผแู้ ทนกระทรวงการพฒั นาสังคมและความม่นั คงของมนุษย์ คณะทางาน
14. ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย
คณะทางาน
15. ผแู้ ทนกระทรวงยตุ ิธรรม
คณะทางาน
16. ผู้แทนกระทรวงแรงงาน
คณะทางาน
17. ผแู้ ทนกระทรวงศึกษาธิการ
คณะทางาน
18. ผู้แทนกระทรวงสาธารณสขุ
คณะทางาน
19. ผู้แทนกรงุ เทพมหานคร
คณะทางาน
20. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ธนั ยา รุจเิ สถียรทรัพย์
เลขานกุ าร
21. นางภูษา ศรีวลิ าศ
ผู้ชว่ ยเลขานุการ

อานาจหนา้ ที่

1. สง่ เสรมิ ใหห้ น่วยงานท่เี กย่ี วขอ้ ง นามาตรฐานการใหบ้ ริการของผู้ประกอบวิชาชีพสงั คมสงเคราะห์ไปใช้ปฏบิ ัติ

2. ประสานความเขา้ ใจหนว่ ยงาน ในการจดั ทามาตรฐานการใหบ้ รกิ ารของผปู้ ระกอบวชิ าชีพสังคมสงเคราะห์

3. จัดทารายงานการประชุม และรายงานผลการดาเนินงานตามมาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพ

สังคมสงเคราะห์ ตอ่ คณะกรรมการสภาวชิ าชีพสงั คมสงเคราะห์

ส่ัง ณ วันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563

ผชู้ ่วยศาสตราจารยอ์ ญั มณี บรู ณกานนท์ 20
นายกสภาวชิ าชีพสงั คมสงเคราะห์

ผนวก ง

กระบวนการการจัดทามาตรฐานและการขับเคลือ่ นมาตรฐานการให้บรกิ ารของผ้ปู ระกอบวชิ าชีพ
สงั คมสงเคราะห์ โดยสรปุ ดังนี้

1) การจัดทามาตรฐานการใหบ้ ริการของผปู้ ระกอบวชิ าชพี สังคมสงเคราะห์
สภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ ได้ต้ังแต่งคณะอนุกรรมการจัดทาร่างข้อบังคับจรรยาบรรณวิชาชีพ
สังคมสงเคราะห์ และจัดทาร่างมาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ (คาสั่งที่
2/2561.) ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้ดาเนินการจัดทาร่างมาตรฐานฯ ฉบับดังกล่าวข้ึน พร้อมท้ังได้จัดให้มี
การรับฟังความคิดเห็นต่อร่างมาตรฐานฯน้ัน จากหลายภาคส่วนและหลายรูปแบบ ได้แก่ (1) การแสดง
ความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ (2) การร่วมให้ความคิดเห็นจากผู้แทนแต่ละหน่วยงาน/กระทรวง เมื่อวันท่ี 1
พฤษภาคม 2562 ณ โรงแรมกานต์มณี พาเลซ รวมท้ัง (3) การรับฟังความคิดเห็นจากเวทีสภาวิชาชีพ
สัญจร ภาคเหนอื ประจาปี 2563 เมอื่ วนั ที่ 5-6 มีนาคม 2563 ณ โรงแรมฮอลิเดย์การ์เด้น จังหวัดเชียงใหม่
จากนั้นจึงนาผลจากการรับฟังความคิดเห็นทั้งหมดมาปรับปรุงและพัฒนา มาตรฐานการให้บริการของผู้
ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะหใ์ หม้ ีความเหมาะสม

2) การขับเคลอ่ื นมาตรฐานการให้บรกิ ารของผปู้ ระกอบวิชาชีพสงั คมสงเคราะห์
ในการขับเคล่ือนมาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์นั้น สภาวิชาชีพ
สังคมสงเคราะห์ มีบทบาทหน้าที่ในการส่งเสริมให้นามาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสังคม
สงเคราะห์ไปสู่การปฏิบัติให้บังเกิดผลต่อการพัฒนาวิชาชีพให้มีมาตรฐานการให้บริการ สภาวิชาชีพสังคม
สงเคราะห์ จงึ ได้แต่งตงั้ คณะทางานขับเคล่อื นมาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพสังคมสงเคราะห์
(คาส่ังท่ี 5/2563) เพ่ือเป็นกลไกการดาเนินงานขับเคลื่อนมาตรฐานการให้บริการของผู้ประกอบวิชาชีพ
สังคมสงเคราะหใ์ หบ้ งั เกิดผลตอ่ ไป

21

สภาวิชาชพี สังคมสงเคราะห์


Click to View FlipBook Version