กลองยาวพน ื้บ ้ าน โพฒสิารร ู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย ค ำน ำ การแสดงกลองยาวเป็นศิลปะพื้นบ้านของชาวบ้าน ต.เขาทอง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ซึ่งโรงเรียน โพฒิสารศึกษาได้น ามาปรับวิธีการแสดงและลีลาการร่ายร าให้เหมาะกับนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาและระดับ มัธยมศึกษา การจัดท าหลักสูตรท้องถิ่นฉบับนี้ปรารถนาจะด ารงรักษาศิลปะพื้นบ้านการร ากลองยาวไว้ให้คงอยู่ ตลอดไป เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีความรักในการละเล่นพื้นบ้านและความภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมไทย ผู้เขียนขอขอบพระคุณ อาจารย์ศิวารมย์ ศิริภาพ ที่ให้ค าแนะน าตลอดจนสนับสนุนและส่งเสริมการร า กลองยาวโพฒิสารมาอย่างสม่ าเสมอ และคุณครูทุกท่านที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หวังว่าหลักสูตรฉบับนี้คงเป็น ประโยชน์แก่ผู้สนใจสืบต่อไป ( นายมนตรี เผือกจีน ) โรงเรียนโพฒิสารศึกษา อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์
กลองยาวพน ื้บ ้ าน โพฒสิารร ู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย สำรบัญ เรื่อง หน้ำ หลักสูตรการละเล่นพื้นบ้าน 1 การละเล่นพื้นบ้าน 2 สภาพปัญหา 4 ความต้องการ 4 หลักสูตรเบ็ดเสร็จการละเล่นพื้นบ้านกลองยาวโพฒิสาร 5 มูลเหตุการณ์เกิดการละเล่นพื้นบ้าน 7 ก าเนิดการละเล่นพื้นบ้านร ากลองยาว 9 รูปแบบและองค์ประกอบในการเล่นกลองยาวโพฒิสาร 10 ลีลาการเล่น 12 การแต่งกายผู้แสดง 12 เครื่องดนตรีและอุปกรณ์ในการเล่น 12 บทร้องเพลงกลองยาวโพฒิสาร 14 ท่าร าประกอบการแสดงร ากลองยาว 25 ภาคผนวก 32 บรรณานุกรม 35
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 1 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย หลักสูตรการละเล่นพื้นบ้าน การเปลี่ยนแปลงทางสภาพเศรษฐกิจสังคม ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยี การปรับเปลี่ยนปฏิรูปสังคมไปสู่ความเป็นสังคมใหม่ ประกอบกับแนวคิดใหม่ของการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มุ่งพัฒนาคนให้เป็นคนที่สมบูรณ์สามารถพัฒนาตนเองและสามารถร่วมมือกับผู้อื่นได้อย่างสร้างสรรค์ โรงเรียนโพฒิสารศึกษามุ่งสร้างนักเรียนให้เป็นผู้มีความสามารถทางด้านวิชาการ ทันต่อวิทยาการสมัยใหม่ สามารถแสวงหาความรู้ได้ตลอดชีวิต เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม กล้าแสดงออก รับฟ๎งความคิดเห็น และท างาน ร่วมกับผู้อื่นได้ปรับตนเองให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข รู้จักหน้าที่ของตนเองตลอดจนมีจิตส านึก ในการ อนุรักษ์วัฒนธรรมไทยภูมิป๎ญญาท้องถิ่น และสิ่งแวดล้อม มีความเชื่อมั่นในตนเอง และกล้าแสดงออก ในเชิงสร้างสรรค์อย่างถูกต้อง การเรียนรู้ศิลปะมุ่งให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ การคิดที่เป็นเหตุเป็นผลและการคิดสร้างสรรค์ ส่งเสริมให้ผู้เรียนตระหนักถึงบทบาทของศิลปกรรมในสังคม ในบริบทของการสะท้อนวัฒนธรรมทั้งของตนเองและ วัฒนธรรมอื่น รวมถึงความเป็นมาของรูปแบบภูมิป๎ญญาท้องถิ่น และรากฐานทางวัฒนธรรม เสริมสร้างให้ชีวิต มนุษย์เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ช่วยให้มีจิตใจที่งดงาม มีความสมดุลเป็นรากฐานของการพัฒนาชีวิตที่สมบูรณ์ เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์ การแสดงพื้นบ้าน เป็นการแสดงออกด้านศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีความส าคัญและคุณค่าต่อชุมชน เนื่องจากการแสดงเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ในการด าเนินชีวิต ตามความสนใจ ความถนัด ความสามารถและ จินตนาการตามภูมิป๎ญญาของชาวบ้านท้องถิ่น ซึ่งแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ การด าเนินชีวิตเศรษฐกิจขนบธรรมเนียมประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า การแสดงพื้นบ้านจังหวัดนครสวรรค์ตามรูปแบบดั้งเดิมนับวันจะมีน้อยลง เนื่องจาก ผู้แสดงส่วนใหญ่ชราภาพลงมากแล้ว การถ่ายทอดก็ไม่สมบูรณ์เพียงพอ ตลอดจนการขาดเวทีสนับสนุนส่งเสริม การแสดง ล้วนเป็นสาเหตุที่ท าให้สภาพการด ารงอยู่ของการแสดงพื้นบ้านจังหวัดนครสวรรค์ขาดความมั่นคง มากขึ้นในป๎จจุบัน จากเหตุผลดังกล่าว จึงต้องการที่จะศึกษารูปแบบและกระบวนท่าร า บทบาทและการจัดการแสดง พื้นบ้านจังหวัดนครสวรรค์ โดยเฉพาะที่ต าบลเขาทอง อ าเภอพยุหะคีรีจากศิลปินพื้นบ้านผู้สันทัดที่ยังเหลืออยู่ และยังคงสามารถถ่ายทอดความรู้ได้จึงได้จัดท าหลักสูตรสถานศึกษาเพื่อเป็นการสืบทอดและอนุรักษ์ ภูมิป๎ญญาท้องถิ่น ชุดการละเล่นพื้นบ้านร ากลองยาวไว้ จากบรรพบุรุษสู่เยาวชนรุ่นใหม่ต่อไป หลักสูตรการละเล่นพื้นบ้านร ากลองยาวสอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 กลุ่มสาระศิลปะ (นาฏศิลป์) สาระที่ 3 นาฏศิลป์ มาตรฐาน ศ. 3.2 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเห็นคุณค่าของ นาฏศิลป์ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมภูมิป๎ญญาท้องถิ่น ภูมิป๎ญญาไทยและสากล หน่วยการเรียนรู้ที่5 ภูมิป๎ญญาไทยและภูมิป๎ญญาท้องถิ่น 5.1 ภูมิป๎ญญาไทย 5.2 การสืบทอดนาฏศิลป์ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมพื้นบ้าน
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 2 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย จุดมุ่งหมาย 1. เพื่อให้นักเรียนสามารถร้องเพลงกลองยาวและบรรเลงกลองยาวได้ 2. นักเรียนสามารถร ากลองยาวซึ่งเป็นนาฏศิลป์พื้นบ้านได้ถูกต้อง 3. เพื่อให้นักเรียนได้อธิบายข้อมูลที่ถูกต้องของการละเล่นพื้นบ้านกลองยาวได้ 4. เพื่อให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มพูนด้านการละเล่นพื้นบ้านร ากลองยาวและสามารถน าไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจ าวันได้ 5. เพื่อให้นักเรียนเกิดความรักและหวงแหนในศิลปะพื้นบ้านร ากลองยาว ตลอดจนช่วยกันอนุรักษ์สืบต่อไป 6. เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวบ้านในชนบท 7. เพื่อให้นักเรียนเกิดความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมพื้นบ้านและเห็นคุณค่าของภูมิป๎ญญาท้องถิ่น ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 1. ปฏิบัติท่าทางการเคลื่อนไหวร่างกายเข้ากับจังหวะกลองยาวอย่างมีแบบแผน 2. บอกวิธีการปฏิบัติท่าร ากลองยาวจากประสบการณ์จริง 3. รับรู้และสนใจนาฏศิลป์พื้นบ้านซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมประเพณี 4. มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะการร ากลองยาว เกิดความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย 5. ชื่นชมและตระหนักในคุณค่าของร ากลองยาวซึ่งเป็นภูมิป๎ญญาท้องถิ่น 6. รับรู้และเข้าใจรูปแบบองค์ประกอบการละเล่นกลองยาวและร้องเพลงกลองยาวได้ การละเล่นพื้นบ้าน ความเป็นมาพื้นฐาน ความเหน็ดเหนื่อยจากการงานในชีวิตประจ าวัน ท าให้มนุษย์ทุกคนย่อมต้องการพักผ่อนหย่อนใจ เพื่อ ผ่อนคลายตึงเครียด การพักผ่อนหย่อนใจจึงเป็นความต้องการพื้นฐานทางจิตใจอย่างหนึ่งของมนุษย์ซึ่งสามารถ แสดงออกได้หลายลักษณะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับป๎จจัยหลายประการ เช่น ความรู้ความสามารถ ความสนใจ สถานภาพ ทางสังคม ฐานะทางเศรษฐกิจ โอกาส เป็นต้น การแสดงออกเพื่อพักผ่อนหย่อนใจนี้มีทั้งที่เป็นกิจกรรมเฉพาะตน กิจกรรมในครอบครัว และกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ๆ ในสังคมและเนื่องจากมนุษย์จ าเป็น ที่จะต้องอยู่ร่วมกัน เป็นสังคมตามสภาวะธรรมชาติของมนุษย์ แต่ละคนจึงรู้สึกว่าตนเองเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสังคม และย่อมต้องมี ความต้องการที่จะมีกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันเพื่อให้ตนเองได้รับการยอมรับจากสังคม ทั้งที่เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับ การท างาน และการสนุกรื่นเริงเพื่อพักผ่อนหย่อนใจร่วมกัน โดยเฉพาะสังคมไทยเป็นสังคมที่รักความสนุกสนานมาแต่โบราณ จะเห็นได้จากการคิดประดิษฐ์ การละเล่นต่าง ๆ อย่างมากมายพูดง่าย ๆ ก็คือมีการเล่นที่สนุกสนานกันตั้งแต่เกิดจนตายการละเล่นที่ชาวบ้านแต่ ละท้องถิ่นสามารถน ามาเล่นได้ง่ายและท าให้ผู้เล่นเกิดความสนุกสนานพอใจได้อย่างหนึ่งก็คือ “การละเล่น พื้นบ้าน”
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 3 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย ความหมายและลักษณะการละเล่นพื้นบ้าน ค าว่า “การละเล่นพื้นบ้าน” ซึ่งแต่ละคนก็ได้ให้ความหมายคล้ายๆ กันดังนี้ มนตรี ตราโมท ได้ให้ความหมายการละเล่นพื้นบ้านพอสรุปได้ว่า การละเล่นและบทร้องเพลงของ ชาวบ้านในท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งแต่ละท้องถิ่นก็ประดิษฐ์แบบแผนการร้องเพลง การร า ของตนไปตามนิยม และส าเนียง ภาษาที่เพี้ยนแปร่งแตกต่างกัน เพลงเหล่านี้ได้ฝ๎งตัวติดอยู่ในความทรงจ าของชาวบ้านติดต่อกันมาเป็นชั้น ๆ อย่างแน่นแฟูนตามถิ่นที่อยู่นั้น ๆ (มนตรีตราโมท 2497 : 50-51) ปรานี วงษ์เทศ ได้ความหมายของการละเล่นพื้นบ้านไว้ว่า หมายถึง บทเพลงร้องและบทท่าร า ที่แพร่หลายอยู่ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านเดียวกันหรือมากกว่าหนึ่งหมู่บ้านก็ได้แต่ทั้งเนื้อหา ผู้ร้อง ผู้แสดงจะมีลีลา แตกต่างกันไปตามความรู้สึกนึกคิดหรือสภาพแวดล้อมท้องถิ่นนั้น ๆ อาจเรียกแบบอย่างหรือลักษณะของ การละเล่นพื้นบ้านนี้ได้ว่า “แบบกระบวนการท้องถิ่น” แม้ว่าการละเล่นพื้นบ้านมีความแตกต่างกันไปแต่ละ ท้องถิ่น แต่ก็มีลักษณะบางประการร่วมกัน ซึ่งสรุปได้ดังต่อไปนี้ 1. การละเล่นพื้นบ้านเป็นมรดกร่วมของชาวบ้านในแต่ละท้องถิ่น การละเล่นพื้นบ้านของท้องถิ่นใด ย่อมเกิดขึ้นเพื่อความส าเริงอารมณ์ของคนในท้องถิ่นนั้น โดยชาวบ้านเป็นคนต้นคิด เป็นผู้เล่น และเป็นผู้ สืบทอด ชาวบ้านจะรับรู้เข้าใจ และมีความรู้สึกร่วมต่อการละเล่นในท้องถิ่นของตนมากกว่าคนต่างถิ่นต่างภูมิภาค เช่น คนภาคกลางหรือภูมิภาคอื่นจะดูหนังตะลุงไม่ค่อยรู้เรื่องและไม่สนุก อาจจะเพียงรู้สึกชื่นชม หรือทึ่งใน ความแปลกใหม่มากกว่าการรับรู้และเข้าใจ ทั้งนี้เนื่องจากการละเล่นชนิดนั้นๆ มิได้เป็นมรดกร่วมในท้องถิ่น 2. การละเล่นพื้นบ้านมักไม่ปรากฏผู้ต้นคิด การละเล่นพื้นบ้านแต่ละชนิดเกิดขึ้นในสังคมชาวบ้าน มาช้านาน มีการสืบทอดต่อๆ กันมาในกลุ่มชาวบ้านหลายช่วงอายุคน โดยวิธีการจดจ าและฝึกปฏิบัติเลียนแบบ และมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับยุคสมัยตามกาลเวลา ทั้งที่เป็นการปรับเปลี่ยนจากความคิดของชาวบ้านเอง และรับอิทธิพลความคิดมาจากสังคมภายนอก จึงท าให้ไม่อาจทราบได้ว่าใครเป็นต้นคิดริเริ่มการละเล่นพื้นบ้าน ชนิดนั้นๆ และใครเป็นต้นคิดของการปรับเปลี่ยนบางขั้นบางตอนของการละเล่น ด้วยเหตุนี้เมื่อกล่าวถึงประวัติ ความเป็นมาของการละเล่นชนิดต่างๆ จึงมักจะกล่าวขานกันในเชิงต านานหรือเรื่องเล่ามากกว่าจะมีหลักฐาน เชิงอ้างอิง 3. การละเล่นพื้นบ้านเป็นการแสดงออกที่สัมพันธ์กับสภาพของท้องถิ่น การละเล่นพื้นบ้านเกิดขึ้นจาก ความรู้สึกนึกคิดและการแสดงออกของชาวบ้านในแต่ละท้องถิ่น จึงย่อมมีความสอดคล้องสัมพันธ์สภาพของท้องถิ่น ทั้งที่เป็นสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและสภาพทางสังคมวัฒนธรรม เช่น ความเชื่อ ค่านิยม ประเพณี นิสัยใจคอ การท ามาหากิน ฯลฯ การที่แต่ละท้องถิ่นมีสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน ย่อมส่งผลให้การละเล่นพื้นบ้านของท้องถิ่น นั้นๆ แตกต่างกันไป 4. การละเล่นพื้นบ้านมีลักษณะเรียบง่าย ตรงไปตรงมาตามแบบวิถีการด ารงชีวิตของชาวบ้าน สังคม ชาวบ้านโดยทั่วไปเป็นสังคมที่มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย มีความรู้สึกนึกคิดและใช้ชีวิตผูกพันอยู่กับธรรมชาติ ค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่มีนิสัยตรงไปตรงมา ไม่เสแสร้งหรือปรุงแต่งบุคลิกและการแสดงออกจนเกิดตัว มีลักษณะ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน สามารถร่วมมือร่วมใจกับผู้อื่นได้ดีเป็นต้น จึงส่งผลให้การละเล่นพื้นบ้านซึ่งเป็นผลของ ความคิดและการแสดงออกของชาวบ้านมีลักษณะเรียบง่าย ตรงไปตรงมาตามความรู้สึกนึกคิดและพื้นฐาน การด ารงชีวิตของชาวบ้าน ทั้งในท่วงท่าที่แสดงออกการใช้ภาษา และฉันลักษณ์ของบทร้องที่ฟ๎งแล้วเข้าใจในทันที ถ้ามีการเปรียบเทียบหรือแฝงสัญลักษณ์อย่างไร ก็สามารถแปลความหมายได้โดยไม่ยากนัก ต่อมาภายหลังเมื่อ
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 4 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย มีการสั่งสมและสืบทอดต่อมาจึงมีการปรับเปลี่ยนพัฒนาบางขั้นตอนของการละเล่นให้ประณีตและสอดรับกับ สภาพสังคมมากขึ้น 5. การละเล่นพื้นบ้านมีการสืบทอดด้วยวิธีปฏิบัติเลียนแบบและบอกเล่า การละเล่นพื้นบ้านเมื่อมีขึ้น และได้รับความนิยมแพร่หลายในท้องถิ่นใด ก็ย่อมได้รับการสืบทอดต่อๆ มากันจนเป็นมรดกวัฒนธรรมของท้องถิ่น นั้น การสืบทอดส่วนใหญ่ใช้วิธีเลียนแบบและบอกกล่าวแนะน าด้วยวาจา ไม่มีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้เพราะในสมัยก่อนสังคมชาวบ้านเป็นสังคมที่มีการศึกษาไม่สูงนัก คนที่อ่านออกเขียนได้มีอยู่น้อยมาก แม้แต่ ที่เป็นบทขับร้องประกอบการละเล่นก็ใช้วิธีการบอกกล่าวให้ท่องจ าต่อมาภายหลังเมื่อสภาพสังคมเปลี่ยนไปจึงมี การสืบทอดด้วยการเขียนการอ่านกันบ้าง แต่โดยธรรมชาติของการละเล่นพื้นบ้านการสืบทอดก็ยังคงจ าเป็น ที่จะต้องใช้วิธีการฝึกปฏิบัติเลียนแบบและการบอกกล่าวแนะน ากันด้วยวาจาอยู่มาก 6. การละเล่นพื้นบ้านเน้นความสนุกสนานเป็นหลัก โดยออกมาในรูปแบบของการใช้ถ้อยค าสองแง่ สองมุมและเว้นเสียเรื่องทุกข์ซึ่งตรงกับลักษณะคนไทยตามที่นักสังคมวิทยาเขียนถึงไว้เสมอ คือ คนไทยเป็นคน ชอบสนุกไม่ค่อยทุกข์ร้อน 7. การละเล่นพื้นบ้านมีธรรมชาติของการประสมประสานและปรับเปลี่ยน การละเล่นพื้นบ้านก็เหมือน วัฒนธรรมอื่นๆ ทั่วไป คือ มีการรับเอาแนวคิดและรูปแบบการละเล่นของชุมชนอื่นเข้ามาประสมประสาน แต่ ท้องถิ่นที่รับมาก็ได้ปรับให้เข้ากับสภาพสังคมและวัฒนธรรมของท้องถิ่นตนเอง จนในที่สุดการละเล่นนั้นๆ ก็จะมี ลักษณะเฉพาะถิ่นของตนเอง แต่การปรับเปลี่ยนของการละเล่นพื้นบ้านมักจะเป็นการปรับเปลี่ยนในส่วนปลีกย่อย บางอย่างเท่านั้น ส่วนใหญ่จะคงรักษารูปแบบหลักเอาไว้ จึงท าให้การละเล่นชนิดนั้นๆ ยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่เป็น วัฒนธรรมเฉพาะถิ่นเอาไว้ได้ สภาพปัญหา 1. ป๎จจุบันการละเล่นพื้นบ้านร ากลองยาวซึ่งก าลังจะสูญหายไป 2. ไม่มีการจดบันทึกข้อมูลที่แท้จริง 3. ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มาเปลี่ยนวิถีชีวิตของชาวบ้าน 4. ป๎จจุบันสภาพสังคม ค่านิยม ทัศนคติ และพฤติกรรมของบุคคลในอดีตถูกลืมเลือน 5. กาลเวลาท าให้การค้นคว้าเพลงพื้นบ้านของท้องถิ่นท าได้ยาก ต้องอาศัยการร่วมมือในการรวบรวมข้อมูล 6. คนรุ่นใหม่ไม่รู้จักประเพณีของท้องถิ่นที่แท้จริง ความต้องการ 1. ต้องการอนุรักษ์การละเล่นพื้นบ้านร ากลองยาว 2. ต้องการรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด 3. ต้องการใช้วิถีชีวิตของชาวบ้านยังคงด ารงอยู่ 4. ต้องการถ่ายทอดสภาพสังคม ค่านิยม ทัศนคติและพฤติกรรมที่ดีของบุคคลในป๎จจุบันและอนาคตไปสู่ รุ่นลูกหลาน จากสภาพป๎ญหาและความต้องการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าควรอนุรักษ์การเล่นพื้นบ้านและสืบทอด มรดกวัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่สืบต่อไปและการจัดการศึกษาเป็นสิ่งส าคัญที่จะท าให้สิ่งเหล่านี้คงอยู่ ผู้จัดท าจึงได้ สนใจที่จะพัฒนาหลักสูตรเพื่อเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนต่อไปดังมีรายละเอียดดังนี้
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 5 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย หลักสูตรเบ็ดเสร็จการละเล่นพื้นบ้านกลองยาวโพฒิสาร 1. หลักการของหลักสูตร เป็นหลักสูตรที่จัดท าขึ้นเพื่ออนุรักษ์การละเล่นพื้นบ้านประจ าท้องถิ่น โดยเฉพาะการร ากลองยาว ต าบล เขาทอง อ าเภอพยุหะคีรีจังหวัดนครสวรรค์ 2. จุดมุ่งหมาย 1. เพื่อให้ผู้เรียนรู้จักการอนุรักษ์การละเล่นพื้นบ้าน 2. เพื่อให้ผู้เรียนอธิบายข้อมูลที่ถูกต้องของการละเล่นพื้นบ้านได้ 3. เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านได้ถูกต้อง 4. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถแสดงท่าร าประกอบเพลงพื้นบ้านได้ถูกต้อง 5. เพื่อให้ผู้เรียนได้มีความรู้ ความเข้าใจ ความเป็นมา สภาพความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นได้ 6. เพื่อให้ผู้เรียนได้มีความรู้ ทักษะ การร ากลองยาวและทัศนคติที่ดีต่อการละเล่นพื้นบ้าน 7. เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความภาคภูมิใจ และหวงแหนในศิลปวัฒนธรรมไทย 3. โครงสร้างของหลักสูตร โครงสร้าง ที่ เนื้อหา คาบเวลาเรียน รวมคาบเรียน ทฤษฎี ปฏิบัติ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการร ากลองยาว 1 - 1 2 รูปแบบและองค์ประกอบในการเล่น - โอกาสและสถานที่เล่น - ลีลาการละเล่น - การแต่งกาย - เครื่องดนตรีและอุปกรณ์ในการเล่น - บทเพลงประกอบการร ากลองยาว 1 1 1 1 2 1 - - - - - - 1 1 1 1 2 1 3 ฝึกปฏิบัติร้องเพลงกลองยาวและตีกลอง - 8 8 4 ฝึกปฏิบัติท่าร ากลองยาว - 10 10 รวมเวลา 8 18 26 4. กิจกรรมการเรียนการสอน 1. กิจกรรมการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นส าคัญ (Child Center) 2. เน้นกระบวนการแก้ป๎ญหา (Problem Solving) 3. กระบวนการกลุ่ม 4. การอภิปราย/การให้ลงมือปฏิบัติ
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 6 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย 5. สื่อการเรียนการสอน 1. กลองยาว 2. แตรวง 3. ฉิ่ง, ฉาบ 4. กรับ, โหม่ง 5. เนื้อเพลง 6. เทป 7. เสื้อผ้าที่ใช้ในการร ากลองยาว 6. การวัดและการประเมินผล 1. ใช้การสังเกตพฤติกรรม 2. แบบทดสอบ 3. การประเมินของตนเอง 4. การแสดงออกของนักเรียนและการฝึกปฏิบัติ 5. การให้ความร่วมมือภายในกลุ่ม 7. การน าหลักสูตรไปใช้ 1. จัดให้มีการอบรมครู ที่จะท าหน้าที่สอนความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเล่นพื้นบ้านร ากลองยาว ให้กับครู ที่อยู่ในกลุ่มวิชานาฏศิลป์ถึงแนวการจัดหลักสูตร แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสูตร 2. จัดให้มีการชี้แจงประชาสัมพันธ์กับผู้เกี่ยวข้อง เช่น แจ้งให้ผู้ปกครองทราบและเข้าใจเกี่ยวกับการเรียน ก่อนการใช้หลักสูตร 3. ครูผู้สอนสามารถปรับรายละเอียดเนื้อหา ท่าร าได้เพื่อให้สอดคล้องเหมาะสมกับผู้เรียนที่มี ความสามารถแตกต่างกัน
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 7 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย มูลเหตุการณ์เกิดการละเล่นพื้นบ้าน การละเล่นพื้นบ้านเกิดขึ้นด้วยมูลเหตุต่างๆ หลายประการดังต่อไปนี้ 1. ความต้องการสนุกรื่นเริงร่วมกัน ความต้องการสนุกรื่นเริงเป็นความต้องการพื้นฐานทางจิตใจอย่างหนึ่ง ของมนุษย์ มนุษย์ทุกคนย่อมต้องการที่จะพักผ่อนหย่อนใจ เพื่อคลายความตึงเครียดหรือความเหน็ดเหนื่อย จากการท างานในชีวิตประจ าวัน และในฐานะที่ตนเองเป็นสมาชิกคนหนึ่งในสังคม ก็ย่อมต้องการที่จะได้รับ การพบปะสังสรรค์กับบุคลอื่น ๆ ที่เป็นสมาชิกในสังคมเดียวกัน จึงท าให้เกิดการละเล่นชนิดต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อสนอง ความต้องการดังกล่าวโดยตรง 2. การเฉลิมฉลองเนื่องในวาระส าคัญของบุคคลหรือส่วนรวม การละเล่นพื้นบ้านบางอย่างเกิดขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในวาระส าคัญของบุคคล ซึ่งอาจจะเนื่องด้วยประสบความส าเร็จบางอย่างในชีวิต ในโอกาสบุคคลประสบโชค หรืออาจเนื่องในวาระส าคัญบางช่วงของชีวิต ตลอดจนการเฉลิมฉลองในวาระส าคัญ ของส่วนรวมหรือชุมชน ซึ่งในวาระต่าง ๆ ทั้งบุคคลและส่วนรวมดังกล่าว ย่อมท าให้บุคคลหรือผู้คนส่วนรวม มีความรู้สึกยินดีปรีดาอย่างยิ่ง จึงมักจะมีการเฉลิมฉลองกันขึ้น และเพื่อให้การเฉลิมฉลองมีความสนุกสนาน ครึกครื้น จึงท าให้เกิดการละเล่นพื้นบ้านบางอย่างร่วมเล่นหรือแสดง และมีการน าเอาการละเล่นพื้นบ้านที่มี อยู่แล้วมาใช้เล่นเพื่อเฉลิมฉลองด้วย 3. การร่วมงานบุญการกุศลและความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ชาวไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ มีความศรัทธาสูงและเชื่อว่าการร่วมงานบุญงานกุศล และปฏิบัติตามประเพณีอันเนื่องด้วยพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ พึงกระท าด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน จึงจะได้กุศลแรงทั้งในทางพุทธศาสนาก็มิได้ห้ามพุทธศาสนิกชนจัดการละเล่น ร่วมกับการประกอบงานบุญงานกุศล การละเล่นพื้นบ้านบางอย่างจึงเกิดขึ้น 4. ความเชื่อในอ านาจเร้นลับเหนือธรรมชาติ ความเชื่อในอ านาจเร้นลับเหนือธรรมชาติเป็นความเชื่อ ดั้งเดิมของมนุษย์ทุกชาติทุกภาษา ความเชื่อนี้จึงอยู่ในทุกสังคมแม้ต่อมาเมื่อสังคมมีศาสนาและความเจริญก้าวหน้า ทางวิทยาการมากขึ้น แต่ความเชื่อเหล่านั้นยังปรากฏอยู่ไม่น้อย โดยเชื่อว่าสิ่งที่เหนือธรรมชาติที่อาจบันดาลให้คุณ และโทษแก่มนุษย์ได้ เช่น เทวดา ภูตผีปีศาจ วิญญาณบรรพบุรุษ เป็นต้น จึงมักมีพิธีกรรม เช่น ไหว้บวงสรวง เพื่อให้สิ่งเหนือธรรมชาติเหล่านี้พึงพอใจ จะได้บันดาลคุณให้แก่ตนและครอบครัว และมักจะจัดให้มีการละเล่น บางอย่างเข้าประกอบด้วย 5. ความต้องการสื่อสาร สั่งสอน และเสนอความคิดเห็นในสังคมชาวบ้าน สังคมชาวบ้านส่วนใหญ่ จะเป็นแบบชนบท ชาวบ้านจะรู้จักมักคุ้นกันดีแม้จะมีบ้านเรือนห่างไกลกัน เมื่อมีข่าวคราวอะไรก็มักจะเดินทางไป บอกต่อ ๆ กัน โดยปากต่อปาก บางครั้งแทนที่จะใช้ภาษาพูดธรรมดาก็ใช้บทกลอนแทน ซึ่งจะท่วงท านองไพเราะ จ าใจน่าฟ๎งยิ่งขึ้น ครั้นนานเข้าจึงเกิดเป็นแบบแผนและพัฒนาเป็นการละเล่นที่นิยมและสืบทอดต่อ ๆ มา เช่น เพลงกล่อมนาค และเพลงบอกของภาคใต้ ดังนั้นการศึกษาเพลงพื้นบ้านจึงเป็นการศึกษาเกี่ยวกับอารมณ์แก่นแท้ของมนุษย์เกี่ยวกับชีวิตและสังคม ของมนุษย์นั้น ๆ ดังที่ สุมามาลย์ เรืองเดช ได้กล่าว่า “การศึกษาคติชาวบ้านเป็นการศึกษาคนในแง่ความรู้สึก นึกคิด และแสดงออกทางวาจาเป็นส่วนใหญ่การศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับเพลงพื้นเมือง เพลงประกอบดนตรีและ เพลงเด็กของสังคมใดสังคมหนึ่ง ในแง่คติของชาวบ้านจะท าให้รู้จักคนในสังคมนั้น ๆ ได้ว่ามีความเป็นอยู่ นิสัยใจคอ ขนบธรรมเนียมประเพณีอย่างไร” (สุมามาลย์ เรืองเดช 2518 : 3) ในอดีตการละเล่นพื้นบ้านมีบทบาทความส าคัญ ต่อความเป็นอยู่อย่างไทย ๆ ของชาวบ้านมาก ไม่ว่าจะเป็นชีวิตประจ าวัน เช่น เพลงกล่อมเด็ก หรือเพื่อสร้าง
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 8 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย ความบันเทิงและความสามัคคีภายในกลุ่ม แต่ในป๎จจุบันบทเพลงพื้นบ้านเหล่านี้ก าลังจะสูญหายไปด้วยสาเหตุ หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเพราะขาดการจดบันทึก หรือเพราะความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มาเปลี่ยนวิถี ชีวิตของชาวบ้านไป การศึกษาเพลงพื้นบ้านที่ยังคงเหลืออยู่ในสังคมไทยที่ก าลังเปลี่ยนแปลงไปสู่ความทันสมัยอย่างรวดเร็ว ในป๎จจุบัน จึงเป็นสิ่งจ าเป็นเพราะนอกจากจะเป็นการรวบรวมข้อมูลที่ก าลังสูญหายไปพร้อมกับกาลเวลา และการ เข้ามาของความบันเทิงแบบใหม่แล้ว ยังใช้เป็นสื่อในการศึกษาความเข้าใจสภาพสังคม ค่านิยม ทัศนคติและ พฤติกรรมของบุคคลในอดีต แต่การจะศึกษาค้นคว้าให้ครบทุกท้องถิ่นท าได้ยาก และต้องอาศัยความร่วมมือ จากบุคคลหลายฝุาย ดังนั้นโรงเรียนโพฒิสารศึกษาจึงเห็นความส าคัญของการละเล่นพื้นบ้านกลองยาว ของต าบล เขาทอง อ าเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ที่ก าลังจะสูญหายน ามาอนุรักษ์และสืบสานตราบจนทุกวันนี้
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 9 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย ก าเนิดการละเล่นพื้นบ้านร ากลองยาว “กลองยาว” เป็นมรดกทางภูมิป๎ญญาชาวบ้านที่คนรุ่นหลังสร้างไว้และสืบสานสายใย ตกทอดต่อมาจนถึง คนรุ่นลูกรุ่นหลาน ซึ่งเป็นศิลปะพื้นบ้านของคนไทยมาแต่โบราณ การละเล่นสนุกสนานเฮฮาเร้าใจ เข้าถึงชีวิตจิตใจ ของชาวบ้านอย่างแท้จริงนอกจากนี้ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นภาพของสังคมที่คลุกคลีอยู่กับพื้นดินไม่ว่า คนมีคนจน ผู้ดีหรือไพร่ จะเข้ารวมเฮฮากันได้อย่างสนิทสนมกลมกลืนไม่มีพิธีรีตองหรือแบ่งชั้นวรรณะ อันเป็นการแสดงให้เห็น ถึงวัฒนธรรมพื้นบ้านที่มุ่งแต่ความสนุกสนาน รื่นเริงมีความรัก ความสามัคคีสร้างความครึกครื้นได้เป็นอย่างดี กลองยาวโพฒิสาร เป็นการแสดงพื้นบ้านของชาวบ้าน ต.เขาทอง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ซึ่งโรงเรียน โพฒิสารศึกษาเห็นว่าเป็นศิลปะอันทรงคุณค่าแสดงถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านได้อย่างดี กลองยาวโพฒิสารจึงก าเนิดขึ้นด้วย เจตนารมณ์ดังกล่าวตั้งแต่ พ.ศ.2532 เป็นต้นมา กลองยาวโพฒิสาร มีเอกลักษณ์เฉพาะตน โดยอาจารย์มนตรี เผือกจีน ได้น าเอาท่วงท านองลีลาของกลองยาวพื้นบ้านมาปรับจังหวะ และลีลาท่าร าให้สอดคล้องกับนักเรียนระดับชั้นต่าง ๆ กลองยาวโพฒิสารจึงเป็นการแสดงที่มีจังหวะกระชับ ท่วงที ลีลาท่าร าน่ารักไปอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งการแสดงกลองยาวไม่ว่าจะเป็นการแสดง ณ ที่ใด ๆ ทุกคนจะพูดติดปากเสมอ ว่า “กลองยาวโพฒิสาร” กลองยาวโพฒิสาร เริ่มเปิดตัวต่อสาธารณชนครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2532 เป็นการต้อนรับอธิบดีศาลคดีเด็ก และเยาวชน คือ ม.ร.ว.อดุลกิตต์ กิตติยากร ซึ่งหลังจากนั้นก็แสดงในงานส าคัญต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนใน จ.นครสวรรค์ นอกจากนี้กลองยาวโพฒิสารยังได้มีโอกาสแสดงต้อนรับ ผู้มีเกียรติที่มาเยือนจังหวัดนครสวรรค์ เป็น ประจ าตลอดจนได้รับเชิญไปร่วมงานต่าง ๆ ในจังหวัดอื่น ๆ และกรุงเทพมหานครเป็นประจ า จากชื่อเสียงอันเป็น ที่เลื่องลือของกลองยาวโพฒิสารท าให้โรงเรียนได้รับเชิญให้ไปออกในรายการโทรทัศน์หลายรายการ อาทิเช่น เล็กพริกขี้หนูตามไปดู ท้าเที่ยวไทย ตะลอนเกมส์ จึงนับได้ว่ากลองยาวโพฒิสารเป็นผู้สืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรม การละเล่นพื้นบ้านของนครสวรรค์อย่างแท้จริง รางวัลที่ชาวโพฒิสารทุกคนภูมิใจกันก็คือ การได้รับรางวัลชนะเลิศ “เพลงพื้นบ้าน” จากรายการร่วมด้วยช่วยกันของการไฟฟูาฝุายผลิตแห่งประเทศไทย ชนะเลิศประเภทการแสดง งานมรดกโลกเมืองฮัลเบอร์ต้า ประเทศแคนนาดา ถึงทุกวันนี้คณะกลองยาวโพฒิสารตลอดจนบุคคลากรภายในโรงเรียนมีความรู้สึกปราบปลื้มใจเป็นอย่าง มากก็คือ เราสามารถด าเนินการเจตนารมณ์ของเราได้เป็นผลส าเร็จโดยใช้เวลานับเป็น 26 ปีแต่เราก็ไม่ท้อถอย ขอด าเนินการตามเจตนารมณ์เดิมในส่วนนี้ต่อไป เพราะเมื่อใครก็ตามเอ่ยถึงกลองยาวนครสวรรค์ จะพูดเป็นเสียง เดียวกันว่า “กลองยาวโพฒิสาร” ป๎จจุบันโรงเรียนโพฒิสาร ได้รับการถ่ายทอดกลองยาวต้นฉบับขนานแท้ โดยมีอาจารย์มนตรี เผือกจีน ลูกหลานชาวปากน้ าโพ เป็นผู้ฝึกสอนถ่ายทอดท่าร า ลีลาต้นฉบับ
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 10 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย รูปแบบและองค์ประกอบในการเล่นกลองยาวโพฒิสาร โอกาสและสถานที่ที่เล่น การเล่นกลองยาว นิยมเล่นกันในงานบุญนักขัตฤกษ์ประเพณี และความเชื่อต่าง ๆ อาทิ งานบวชนาค งานแห่พระ แห่นางแมว งานแห่เทียนพรรษา งานทอดกฐิน ทอดพระปุา งานสงกรานต์ งานลอยกระทง เป็นต้น ส่วนแหล่งผลิตกลองยาวมีอยู่ทั่วไป อาทิ บ้านสวน อ.เมืองสุโขทัย ที่ อ.ปุาโมก จ.อ่างทอง ที่รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานีจ.พระนครศรีอยุธยา และที่อื่น ๆ อีกหลายแห่ง ส่วนมากจะเป็นจังหวัดในภาคกลาง แต่กลองยาว ที่นิยมกันว่าดีมีชื่อเสียงถือว่าเป็นกลองชั้นหนึ่งต้องมาจากปุาโมก จ.อ่างทอง เพราะเป็นกลองที่แกะได้สวยงาม ได้สัดส่วน เสียงดีท าเรียบร้อยและราคาไม่แพง มีหลายชนิด ทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลางและขนาดใหญ่ รูปแบบการแปรแถวประกอบการแสดงร ากลองยาว รูปแบบการแปรแถวแบบที่ 1 หน้ากระดาน 2 แถว รูปแบบการแปรแถวแบบที่ 2 ตัว v รูปแบบการแปรแถวแบบที่ 3 ตัว U
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 11 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย รูปแบบการแปรแถวแบบที่ 4 สลับฟันปลา รูปแบบการแปรแถวแบบที่ 5 หน้ากระดาน รูปแบบการแปรแถวแบบที่ 6 การเข้าซุ้ม 3 ชั้น 3 ชั้น 2 ชั้น 2 ชั้น 1 ชั้น รูปแบบการแปรแถวแบบที่ 7 การเข้าซุ้ม 4 ชั้น 4 ชั้น 2 ชั้น 2 ชั้น 1 ชั้น
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 12 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย ลีลาการเล่น การร ากลองยาวโพฒิสาร เป็นการละเล่นพื้นบ้านดั้งเดิมของชาวอ าเภอพยุหะคีรีจังหวัดนครสวรรค์ มีการร าประกอบการต่อตัวขึ้นไปสูง ๆ ขนาดต่อกลองยาวขึ้นไป 5-6 ใบ แล้วยืนร าบนกลองยาว อย่างน่า หวาดเสียว ชวนดูยิ่งนัก ผู้แสดงร ากลองยาวจะเป็นหญิงล้วน ส่วนผู้บรรเลงกลองยาวจะเป็นชายล้วน ป๎จจุบันนี้การละเล่นพื้นบ้านร ากลองยาวโพฒิสารจะมีรูปแบบการร่ายร า ตลอดจนลีลาท่าทาง และการ แต่งกายจะไม่เหมือนกลองยาวทั่ว ๆ ไป การแต่งกาย การแต่งกายผู้แสดงฝุายหญิงจะเป็นกางเกงขาสามส่วน เสื้อคอกลมมีผ้าผูกเอวและคาดหัว การแต่งกาย ผู้แสดงฝุายชาย หรือผู้ตีกลองบรรเลงเพลงกลองยาวจะนุ่งกางเกงขาสามส่วนสีเข้มเสื้อคอกลม ผ้าผูกเอว ป๎จจุบัน เพิ่มสีสันด้วยการให้ฝุายชายมีผ้าคาดหัว เครื่องดนตรีและอุปกรณ์ในการเล่นกลองยาว ประกอบด้วย ประเภทเครื่องตี ประเภทเครื่องเป่า 1. กลองยาว 1. Trumpet 2. ฉิ่ง 2. Clrinet 3. กรับ 3. Eupionium 4. ฆ้อง 4. Alto sax 5. ฉาบ 5. Tenor sax 6. กลองใหญ่
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 13 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย การเล่นร ากลองยาวจะมีดนตรีประกอบเพราะท าให้ผู้ฟ๎งเกิดความสนุกสนานกับเสียงกลองและ เสียงดนตรีแตรวง ผู้บรรเลงจะช่วยโห่ร้องและร้องบทเพลงกลองยาวอย่างสนุกสนานครึกครื้นอย่างยิ่ง ต่อมาเมื่อกรมศิลปากรน ามาประยุกต์นั้น ได้ใช้ระนาดเป็นเครื่องดนตรีประกอบการแสดง แต่การแสดง ตามหมู่บ้านในป๎จจุบัน มีการใช้เครื่องดนตรีคือ แตรวงมาประยุกต์ ให้กับการแสดงร ากลองยาว ซึ่งท าให้ผู้ฟ๎งและ ผู้บรรเลงเกิดความสนุกสนานมากกว่าการใช้ระนาดเป็นดนตรีประกอบในการแสดงร ากลองยาว กลองยาว เป็นเครื่องดนตรีประเภทหุ้มเดียวหน้าเดียว ตีด้วยมือ เป็นเครื่องดนตรีไทยเราได้แบบอย่างมาจากพม่า ราวสมัยกรุงธนบุรี หรือต้นกรุงรัตนโกสินทร์ที่ไทยกับพม่าก าลังท าสงครามกัน เวลาพักรบทหารพม่าก็เล่นกลอง ยาวกันอย่างสนุกสนาน พวกคนไทยเห็นก็จ าแบบอย่างมาเล่น ต่อมาประชาชนคนไทยตามชมบทนิยมน าเอากลองยาวมาจัดเป็นวงรวมกันหลายๆ ลูก ผสมกับฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง บางทีมีปี่ชวาเข้าร่วมตีเป็นขบวนแห่ในงานมงคลต่าง ๆ เช่น แห่นาค แห่เทียน เข้าพรรษา แห่พระ เวลาตีใช้ผ้า หรือเชือกมาผู้คล้องคอตีและถ้าดังได้เสียงที่ไพเราะจะติดข้าวสุกผสมขี้เถ้ากลางหน้าหนัง ซึ่งจะท าให้ เกิดเสียง “เทิ่งและบ่อม” อันเป็นเสียงที่รู้จักกันดีในหมู่บ้านชาวไทยในวงการดนตรีไทยน ากลองยาวมาตีเป็น เครื่องก ากับจังหวะหน้าทับในเพลงส าเนียงภาษาพม่า ส่วนประกอบของกลองยาวมีดังนี้ 1. หุ่นกลอง ท าด้วยไม้จริง เช่น ไม้มะม่วง ไม้ก้ามปูไม้ขนุนขุดแต่งให้เป็นโพรงภายใน ตอนต้นโตใหญ่ตอนกลาง เรียว ปลายบานเป็นรูปดอกล าโพง ขึ้นหน้าด้วยหนังลูกวัว รีดให้บางกลม กว้างใหญ่ขึ้นอยู่กับหน้าหุ่นกลอง ซึ่ง สามารถท าได้หลายขนาด 2. หนังขึ้นหน้า และหนังเสียด ขึ้นหน้าด้วยหนังลูกวัว ใช้หนังเสียด หรือเชือกไนล่อน เป็นสายโยงเร่งเสียง โดยร้อยผ่านไส้ละมาน ที่เจาะรอบขอบหนัง ดึงผ่านมายังลวดกลมที่คอคอดของหุ่นกลอง ที่หน้าหนังจะทารักเป็นวงกลมส าหรับติดข้าวสุก บดผสมขี้เถ้า ส าหรับน้ าหนักการติดข้าวสุกของกลอง กลองยาวนั้นส าคัญมาก ถ้าติดน้ าหนักไม่ถึง จะตีเป็นเสียง บ่อมไม่ได้ และถ้าเกินไป เสียงเทิ่งก็จะไม่ดังสดใสนอกจากนั้นเวลาตีในขบวนแห่ใช้ผ้าหรือเชือกมาผูกกลองยาว คล้องคอในลักษณะสะพาย และเพื่อให้สวยงาม จะน าผ้าสีต่างๆ มาตัดเย็บคลุมบริเวณสายโยงเร่งเสียง วิธีตีกลองยาว ท่ายืนตี จะคล้องกลองยาวสะพายไหล่ขวา ให้ปลายกลองชี้ลงพื้นทางด้านซ้าย ตีด้วยมือขวา ท่านั่งตี จะนั่งในท่าขัดสมาธิ ให้ตอนหัวอยู่บนหน้าตัก ปลายชี้ไปทางด้านซ้ายของผู้ตี ตีด้วยมือขวา หลักการตีที่เป็นพื้นฐานของกลองยาวมี3 แบบ คือ 1. เสียงเทิ่ง คือ การใช้ตีด้วยฝุามือขวา ให้นิ้วทั้งสี่เรียงชิดติดกัน สะบัดปลายข้อมือให้นิ้วทั้งสี่ลงที่หน้ากลาง ทั้งนี้ให้กลางอุ้งมืออยู่ระหว่างขอบกลอง ตีแล้วเปิดมือทันที เพื่อเสียงกังวาน 2. เสียงบ่อม คือ การตีด้วยมือขวา โดยก ามือเก็บนิ้วทั้งสี่ แล้วตีลงไปเหมือนลักษณะทุบที่บริเวณที่ติดข้าวสุก ตีแล้วเปิดมือทันที เสียงจะกังวาน 3. เสียงปฺะ คือ การตีด้วยมือขวา โดยนิ้วที่เรียงชิดติดกันกางออกเล็กน้อย ด้วยก าลังที่แรงตีลงแล้วปิดมือ โดยการกดแนบชิดนิ้วทั้งสี่ไว้กับหน้าหนัง
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 14 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย ทั้ง 3 แบบดังกล่าวถือเป็นพื้นฐานแรกของการตีกลองยาว ผู้ตีสามารถประดิษฐ์มือพลิกแพลงออกไปอีกได้ หลายอย่าง เช่น มือกราว มือสามบ่อม มือปฺะ เทิ่งปฺะ เป็นต้น นอกจากนั้นยังสามารถพลิกแพลงมือได้อีกมากมาย หลายลูก ส าหรับมือซ้าย จะตีเป็นอัตโนมัติ ด้วยปลายนิ้วทั้งสี่ โดยสลับไปกับมือขวา หรือช่วยกดหน้าหนังช่วยให้ มือขวาท าลูกพิเศษต่างๆ บทร้องเพลงกลองยาวโพฒิสาร บทร้องกลองยาวโพฒิสารมี 20 บทเพลง เช่น เพลงใครมีลูกสาว, เพลงใครมีข้าวเปลือก, เพลงใครมีดอก จิก, เพลงใครมีกล้วยหอม, เพลงใครมีมะเขือ, เพลงลูกสาวใครหนอ, เพลงต้อนไว้ ๆ, เพลงใครมีมะกอก, เพลงกลอง ยาวโพฒิสาร, เพลงใครลูกสาวสวย, เพลงใครมีข้าวเม่า, เพลงใครมีกระบวย, เพลงสวยจริง ๆ, เพลงพ่อแม่พี่น้อง, เพลงกลองยาวประวัติแม่น้ า 4 สาย และจบท้ายด้วยกลองยาวนครสวรรค์ บทเพลงที่ใช้ร้องตามเทศกาลต่างๆ ดังนั้นบทเพลงร ากลองยาวโพฒิสารจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตลอดมา บทเพลงกลองยาว จะมีเพลงที่ใช้บรรเลงกลองยาวจะประกอบไปด้วย 1. เพลงรื่นเริงกลองยาว 2. เพลงคลื่นกระทบฝ๎่ง 3. เพลงสาวเครือฟูา 4. เพลงกลองยาว 4 5. เพลงค้างคาวกินกล้วย 6. เพลงมามาร า
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 15 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 16 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 17 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย แผนผังความคิด ร ากลองยาว เครื่องท าจังหวะ ฆ้อง ฉิ่ง ฉาบ กรับ กลองยาว บทร้อง บทเฉพาะประวัติ นครสวรรค์และ บทร้องกลองยาว ทั่วๆไป แสดงได้ ทุกโอกาส ท่าร าต่อกลอง, พรหมสี่หน้า, สอดสร้อยมาลา, ยักไหล่, จีบข้าง, นั่งไหล่, โยนกลอง ดนตรีบรรเลง - ทรัมเป็ต - ยูโฟเนียม - แคลริเน็ต - แซ็ก อันโต้
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 18 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย เยาวชนสร้างสรรค์ตามรอยพ่อ บทเพลงกลองยาวเฉลิมพระเกียรติ เมืองไทยอยู่ดีกินดี เพราะบารมีขององค์ราชา ออกตก เหนือใต้ อีสาน องค์พระภูบาลทรงมีเมตตา เสด็จเยี่ยมเยือนทุกสิ่ง ให้ที่ท ากินแก่ชาวประชา ปกครองพวกราษฎร มิให้เดือดร้อนทั่วทั้งพารา ทรงคิดโครงการต่าง ๆ ไว้เป็นแบบอย่างที่ท ากันมา แก้ไขป๎ญหาความทุกข์ ทรงให้ความสุขทุกคนถ้วนหน้า ครองราชย์ครบ 60 ปี สร้างแต่ความดีผู้คนศรัทธา พระราชด ารัสที่เคยตรัสไว้ สอนให้คนไทยตระหนักไว้ว่า ใช้จ่ายแต่พอประมาณ อย่าใช้จ่ายกันให้เกินอัตรา รู้กิน รู้ใช้ พอเพียง อย่าเที่ยวได้ก่อหนี้สินขึ้นมา สอนเศรษฐกิจพอเพียง ฟุุมเฟือยหลีกเลี่ยงประหยัดดีกว่า สิ่งไม่จ าเป็นตัดไป เศรษฐกิจเมืองไทยจะพัฒนา หลักเศรษฐกิจพอเพียง จะช่วยให้เลี้ยงตนรอดชีวา ท าตามพระราชด ารัส จะช่วยขจัดความยากนานา พระบารมีปกเกล้า ให้คนไทยเราร่มเย็นเรื่อยมา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยืนยงจ าเริญพระชันษา ไร้ทุกข์ไร้โศกไร้ภัย ทรงเป็นฉัตรชัยของไทยตลอดเวลา
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 19 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย มหกรรมเด็กไทยท าได้ มาละเหวย มาละวา กลองยาวศิลปะพื้นบ้าน เด็กไทยร่วมกันอนุรักษ์สืบมา หุยฮา....โห่ฮิ้ว การศึกษาในป๎จจุบัน เน้นการสร้างสรรค์หลายอย่างหนักหนา ให้เด็กได้คิดได้ท า สร้างกิจกรรมให้พัฒนา ความรู้ก็ต้องหาไว้ ยังต้องใส่ใจเรียนรู้วิชา ได้ความรู้จากคุณครู และแหล่งเรียนรู้อื่นอีกหนา ต้องพัฒนาตนเอง ให้เป็นคนเก่งไม่ให้น้อยหน้า กิจกรรมใดที่ดีดี ควรรีบเร็วรี่เร่งไปเสาะหา เด็กไทยจะไม่ตกยุค เรียนเล่นสนุกมีสุขหรรษา ข่าวสารที่ทันสมัย เยาวชนไทยรู้ทันถ้วนหน้า เรียนให้เก่งดีมีสุข เป็นเด็กทันยุคตลอดเวลา ยึดมั่นรักศาสน์กษัตริย์ เราปฏิบัติตนดีเรื่อยมา รู้มัธยัสถ์กตัญํู เคารพคุณครู บิดา มารดา เด็กไทยนั้นรู้หน้าที่ รู้รักสามัคคีร่วมกันตลอดมา
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 20 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย บทร้องเพลงกลองยาวโพฒิสาร จากเมืองก าแพงเร็วยิ่ง เริ่มจากแควปิงที่เริ่มไหลมา ให้คุณประโยชน์หลายสิ่ง แม่น้ าแควปิงไหลเลาะลงมา แคววังไหลมาประจบ สองแควมาพบรวมสายธารา สองสายไหลเย็นชื่นฉ่ า มายังต้นน้ าเมืองเจ้าพระยา อีกสายจากเมืองสองแคว ไหลตามกระแสแควยมไงหนา ผ่านมาก็หลายต าบล ช่างเป็นสายชลที่มีคุณค่า แควน่านก็ไหลเลาะล่อง มาตามครรลองของสายคงคา พบกันแควยมนี่ไง ที่ต าบลเกยไชยบอกให้พี่ยา พร้อมหมดสี่แควปิงวัง มารวมพร้อมพรั่งยมน่านด้วยหนา ที่หน้าตลาดปากน้ าโพ เมืองเราจึงได้เป็นต้นเจ้าพระยา กลองยาวนครสวรรค์ สนุกสนานกันจริงๆ หนา กลองยาวนี้แสนฟูเฟื่อง นี้มาจากเมืองต้นเจ้าพระยา เดิมคือเมืองปากน้ าโผล่ เป็นปากน้ าโพแล้วไงแก้วตา เป็นเมืองแม่น้ า 4 สาย ที่มารวมไหลเป็นเจ้าพระยา
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 21 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย บทร้องเพลงกลองยาวโพฒิสาร เอ้า มาละเหวย เอ้า มาละวา (มาแต่) ของเขา ของเราไม่มา ตะละลา หุย..ฮา..โห่..ฮิ้ว ใครมีลูกสาว มาแลกลูกเขย (ซ้ า) เอาวะเอาเหวย ลูกเขยกลองยาว ตะละลา ใครมีดอกจิก มาแลกดอกจอก ใครมีข้าวตอก มาแลกข้าวเม่า ผู้หญิงข้าวจ้าว ผู้ชายข้าวเหนียว ตะละลา ใครมีมะเขือ มาแลกแตงกวา ใครมีลูกหว้า มาแลกลูกหวาย ลูกเมียใครหาย ก็เป็นลูกกลองยาว ตะละลา ต้อนไว้ ๆ เอาไปบ้านเรา เอาไปหุงข้าว ให้พ่อเรากิน ถ้าพ่อไม่อยู่ ให้ปูุเรากิน ตะละลา กลองยาวโพฒิสาร (อาละลา) (ซ้ า) สมัครสมานสามัคคีกัน พวกเราล้วนน้องพี่ทั้งนั้น แสนจะสุขสันต์การละเล่นไทย ๆ เอ้าหุย...ฮา...โห่...ฮิ้ว ใครมีข้าวเม้า มาแลกข้าวตอก ใครมีสินสอด ก็บอกเขาไป ผู้ชายมือไว ผู้หญิงไม่มอง ตะละลา สวยจริง ๆ ผู้หญิงกลองยาว ขอเป็นเจ้าสาว แก้หนาวได้ไหม ผู้หญิงมีไฝ ผู้ชายมีปาน ตะละลา ใครมีข้าวเปลือก มาแลกข้าวสาร ใครมีของหวาน มาแลกของคาว ผู้หญิงหน้าขาว ผู้ชายหน้าด า ตะละลา ใครมีกล้วยหอม มาแลกกล้วยไข้ ใครมีไข่ไก่ มาแลกไข่เป็ด ผู้หญิงเป็นเพชร ผู้ชายเป็นพลอย ตะละลา ลูกสาวใครหนอ คุณพ่อช่างป๎้น จะไปไหนกัน ให้ฉันช่วยไหม วันนี้ใคร ๆ ก็เป็นเพื่อนกลองยาว ตะละลา ใครมีมะกอก มาแลกมะดัน ใครมีของขวัญ มาแลกของขาย
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 22 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย สาว ๆ นัดหมาย กับไอ้หนุ่มกลองยาว ตะละลา ใครมีลูกสาว มาแลกลูกชาย ใครมีวัวควาย มาแลกที่นา สนุกจริงหนา พ่อตาใจดี ตะละลา ใครมีกระบวย มาแลกกระบอก ใครมีเคล็ดขัดยอก ก็ออมาร า ผู้หญิงหน้าง้ า ผู้ชายไม่มอง ตะละลา พ่อแม่พี่น้อง มาร้องกลองยาว ปะแปูงหน้าขาว ก็สาวทั้งสิ้น ผู้หญิงแลบลิ้น ผู้ชายปลิ้นตา ตะละลา
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 23 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย บทร้องกลองยาวตามเทศกาลต่าง ๆ ชนะเลิศเพลงพื้นบ้านในรายการ ร่วมด้วยช่วยกัน หัวข้อ “คนไทยรุ่นใหม่ใช้ไฟไม่เปลือง” ท านอง…..ร ากลองยาว โรงเรียนโพฒิสารศึกษา อ.เมืองนครสวรรค์จ.นครสวรรค์ โห่…………………………………….. มาละเหวย มาละวา ทั้งหนุ่มทั้งสาวพวกเราก็มา ตะละลา หุย ฮา โห่ ฮิ้ว กลองยาวโพฒิสาร มาช่วยสร้างสรรค์ให้สังคมไทย ไฟฟูานั้นมีคุณค่า ประหยัดกันหนาอย่าใช้เรื่อยไป ทีวีอย่าดูให้ดึก ขอโปรดจงนึกเพราะมันเปลืองไฟ ตู้เย็นอย่าเปิดใช้นาน สอนลูกสอนหลานช่วยประหยัดไฟ รีดผ้าอย่ารีดบ่อย ๆ รีดทีระน้อยมันจะเปลืองไฟ (เธอจ๊ะ ๆ เธอจ๋า (ซ้ า) จงเห็นคุณค่าของการใช้ไฟ) หากจะประหยัดไฟฟูา เปิดแอร์นั้นหนาอย่าให้เย็นเกินไป อย่าใช้หม้อข้าวไฟฟูา ใหญ่เกินอัตราท าให้เปลืองไฟ หลอดไฟใช้หลอดประหยัด อย่าใช้ไฟวัตต์ที่มากเกินไป (เธอจ๊ะ ๆ เธอจ๋า (ซ้ า) จงเห็นคุณค่าของการใช้ไฟ) ใช้ไฟตามความจ าเป็น อย่าท าเหมือนเล่นเปิดทิ้งเอาไว้ เครื่องใช้ไฟฟูาทุกอย่าง อย่าเสียบปลั๊กค้างเพราะจะเปลืองไฟ ใช้ไฟให้ใช้หลอดผอม ประหยัดและออมกว่าหลอดใหญ่ ๆ โลกจะสว่างโสภา เพราะมีไฟฟูาทุกคนจ าไว้ ไฟดับโลกจะมืดมิด พวกเราจงคิดช่วยประหยัดไฟ เราคนรุ่นใหม่ ร่วมใจสักนิด เสร็จธุรกิจ จงช่วยปิดไฟ จะได้มีใช้ ตลอดเวลา
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 24 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย เนื้อร้องกลองยาววันภาษาไทย โห่.......................... หุยฮา......โห่ฮิ้ว..... กลองยาวโพฒิสาร มาช่วยสืบสานวัฒนธรรมไทย เป็นการแสดงพื้นบ้าน ที่โพฒิสารแสนภาคภูมิใจ อนุรักษ์วัฒนธรรม เป็นสิ่งสูงล้ าควรท ากันไว้ ภาษาเป็นอีกสิ่งหนึ่ง เราควรซาบซึ้งกับภาษาไทย ภาษาเป็นเอกลักษณ์ ให้คนรู้จักถึงความเป็นไทย พ่อขุนราม ท่านทรงคิดค้น พวกเราทุกคนมีอักษรใช้ อย่าใช้ภาษาให้ผิด จะพูด เขียน คิด จงจ าใส่ใจ เธอจ๊ะ เธอจ๊ะ เธอจ๊ะ (ซ้ า) จงเห็นคุณค่าของภาษาไทย ร้อยกรองอ่านให้ไพเราะ ฟ๎งแสนเสนาะและประทับใจ อ่านไทยให้ถูกวรรคตอน ร้อยแก้วหรือกลอนให้ถูกเข้าไว้ การเขียนหนังสือไทยนั้น วรรณยุกต์ การันต์ อย่าใส่เรื่อยไป สะกดกันให้ถูกต้อง หนังสือมันฟูองว่าเก่งแค่ไหน เขียนผิดความหมายจะเปลี่ยน แปลแล้วจะเพี้ยนไม่ตรงอย่างใจ จึงขอให้เยาวชน ช่วยกันฝึกฝนเรื่องภาษาไทย เขียนอ่านอย่างชาญฉลาด ให้ดูเปรื่องปราดสมความเป็นไทย ภาษาสมบัติของเรา มีมาก่อนเก่าจงรักษาไว้ อย่าให้สูญหายกลายค า สมบัติสูงล้ าเหนือสิ่งอื่นใด ยี่สิบเก้ากรกฎา ที่จัดขึ้นมาวันภาษาไทย ให้เราช่วยกันอนุรักษ์ ซาบซึ้งตระหนักจ าไว้ในใจ ภาษาเป็นสิ่งมีค่า เพราะบ่งบอกว่าเราคือชาติไทย กอ ขอ กอ กา อะ อา อิ อี จัตวา โท ตรี คืออักษรไทย ที่เราภูมิใจ กันตลอดมา
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 25 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย ท่าร าประกอบการแสดงร ากลองยาว 1. ท่าร าจีบปรกข้าง 2. ท่าร าพรหมสี่หน้า
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 26 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย 3. ท่าร าปรบมือ 4. ท่าร า จีบข้าง
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 27 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย 5. ท่าร ายักไหล่ 6. ท่าร าต่อกลอง 1 ชั้น
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 28 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย 7. ท่าร าตั้งวง 8. ท่าร านั่งไหล่
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 29 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย 9. ท่าร าปีนหลัง 10. ท่าร าสี่ทิศ
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 30 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย 11. ท่าร าคว่ ากลอง - หงายกลอง 12. ท่าร าตบกลอง
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 31 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย 13. ท่าร าต่อกลอง 2 ชั้น 14. เข้าซุ้ม 4 ชั้น
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 32 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย ภาคผนวก
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 33 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 34 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย
กลองยาวโพฒิสาร หน้า 35 กลองยาวพื้นบ้าน โพฒิสารรู้ค่า เผยแพร่ต่อประชา รักษาความเป็นไทย บรรณานุกรม กฤษณา คงยิ้ม. การวิเคราะห์เพลงประกอบการแสดงพื้นบ้านจากต าบลเขาทอง อ าเภอ พยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์. นครสวรรค์ : สุดช่างศิลป์, 2539 กฤษณา คงยิ้ม. เพลงปฏิพากย์วัฒนธรรมดนตรีและภาพสะท้อนสังคมของชาวบ้าน ต าบลเขาทอง อ าเภอ พยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์. นครสวรรค์: สวรรค์วิถี, 2540 ประพี เทพธรานนท์. การแสดงและการละเล่นพื้นเมืองของไทยในภาคกลาง : กรมศาสนาการพิมพ์, 2522. ปราณี วงษ์เทศ. การละเล่นพื้นเมืองของไทย : ไทยมิตรการพิมพ์,2521. สุนันทา โสรัจจ์. โขนละครฟูอนร าการละเล่นพื้นเมือง โรงพิมพ์ พิฆเนศ : กรุงเทพฯ 2516. ศูนย์วัฒนธรรมนครสวรรค์ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมวิทยาลัยครูนครสวรรค์ หนังสือเมืองปากน้ าโพ นครสวรรค์. สวรรค์วิถี, ม.ป.ท. อเนก นาวิกมูล. เพลงนอกศตวรรษ โรงพิมพ์เรือนแก้ว, 2521.