หนังสือเล่มนี้ เป็นส่วนหนึ่งในรายวิชาภาษาไทยเพิ่มเติม(ท๓๐๒๑๒) ชั้น มัธยมศึกษาปีที่๖ จำ ทำ ขึ้นเพื่อนำ เสนอเนื้อหาและเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับวรรณคดีไทย เรื่อง จันทโครพ รวมถึงผู้ศึกษาสามารถนำ ความรู้ ข้อคิดจากเรื่องไปประยุกต์ใช้ในชีวิต ประจำ วันได้ โดยผู้จัดทำ ได้รวบรวมข้อมูล เนื้อหาสาระเกี่ยวกับเนื้อเรื่องและคุณค่าที่ สำ คัญของวรรณคดีไทย เรื่อง จันทโครพ ทางผู้จัดทำ หวังว่า หนังสือเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาวรรณคดี ไทย เรื่อง จันทโครพ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามเนื้อหาสาระที่กำ หนดไว้ อันจะ ช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนมีคุณภาพและทีส่วนช่วยอนุรักษ์และสืบสานวรรณคีมรดกทางวัฒ ธรรมของชาติให้คงสืบต่อไป คำ นำ (E-BOOK) (E-BOOK) จัดทำ โดย ณพชนก กระถินทอง
เรื่อง หน้า คำ นำ สารบัญ ประวัติและที่มา แนะนำ ตัวละคร เนื้อเรื่อง บทประพันธ์ วิเคราะห์ตัวละคร ข้อคิดที่ได้รับ ประเด็นปัญหา บรรณานุกรม ก ข ๑ ๒ ๓ ๑๔ ๑๘ ๑๙ ๒๐ ๒๑ สสาารรบับั บั ญบั ญ
นางยัก ยั ษ์ นางโมรา จันทโครพ โจรป่า นางมุจลินทร์ นางยักษ์ พระฤๅษี จันทวงศ์ พระอินทร์ เจ้าของวัว แแนนะะนำนำนำนำตัตั ตั วตั วลละะคครร
ผู้แต่ง : ไม่ปรากฏผู้แต่ง คำ ประพันธ์ : โคลง ฉันทลักษณ์ : โคลงสี่สุภาพ , โคลงดั้นวิวิธมาลี วรรณคดีไทย เรื่อง จันทโครพ เป็นวรรณคดีอีกเรื่องหนึ่งที่ถูกประพันธ์โคลงและเนื้อ เรื่องมาเป็นเวลานาน และเป็นวรรณคดีที่เชื่อว่ามาจากมุขปาฐะ หรือ เรื่องที่เล่ามา ปากต่อปากในสมัยก่อน ไม่ได้อ้างอิงถึงพูดแต่งแน่ชัด แต่ปัจจุบันมีการนำ บท ประพันธ์โคลงและเนื้อเรื่องมาเรียบเรียง จัดทำ เป็นหนังสือเพื่อการเรียนรู้ และให้ ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง อย่างไรก็ตามนักวิชาการด้านวรรณคดีบางท่าน อาทิ พระยาปริยัติธรรมธาดา (แพ ตาละลักษมณ์) และ พ. ณ ประมวลมารค มีความเห็นว่า สุนทรภู่น่าจะแต่งไว้ ถึงตอนพระจันทโครพเข้าถํ้านางมุจลินท์ เพราะคำ ประพันธ์ในช่วงนี้ มีคุณค่าทางวรรณศิลป์ “ส่วนเรื่องจันทโครพนั้น ได้พิเคราะห์ดูไม่พบกลอนตอนใดที่จะเชื่อได้ว่า เป็นสำ นวนกลอนสุนทรภู่สักแห่งเดียว คำ ที่กล่าวกันก็กล่าวแต่ว่า สุนทรภู่ แต่งกับผู้อื่นอีกหลายคน จึงเห็นว่าน่าจะเป็นสำ นวนผู้อื่นแต่งตามอย่าง สุนทรภู่ หากว่าจะเกี่ยวข้องกับสุนทรภู่ก็เพียงแต่งแล้ว บางทีจะเอาไปให้ สุนทรภู่ตรวจแก้ไขจึงขึ้นชื่อว่าสุนทรภู่ได้เกี่ยวข้อง แต่ที่แท้หาได้แต่งไม่... ” ปปรระะวัวั วั ติวั ติ ติติ
ณ เมืองพาราณสี มีพระเจ้าพรหมทัตและพระมเหสีเป็นผู้ปกครองนคร เมือง ทั้งสองพระองค์ทรงใส่ใจสารทุกข์สุขดิบของเหล่าราษฎรอยู่เสมอบ้าน เมืองจึงมีแต่ความสงบ อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ราษฎรมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน พระเจ้าพรหมทัตและพระมเหสีทรงมีพระโอรสเพียงองค์เดียวพระนามว่า จันทโครพ เจ้าชายจันทโครพนั้นเป็นบุตรที่เชื่อฟังคำ สั่งสอนของพระบิดาและ พระมารดา เป็นบุตรที่ตั้งใจศึกษาหาความรู้เสมอ แม้ว่าจะยังทรงพระเยาว์ แต่มักเสด็จตามพระบิดาที่เสด็จออกตรวจตราความเป็นอยู่ของราษฎรดวย เสมอ เป็นบุตรเชื่อฟังคำ สั่งสอน ตั้งใจศึกษาหาความรู้ พระเจ้าพรหมทัตจึง ต้องการให้จันทโครพปกครองบ้านเมืองต่อจากตน เเนื้นื้ นื้อนื้อเเรื่รื่ รื่อรื่องง
เนื่องจากจันทโครพถือเป็นพระโอรสเพียงองค์เดียวและจะต้องปกครองเมือง พาราณสีในภายภาคหน้า จึงจำเป็นจะต้องศึกษาวิชาทุกแขนงอันเป็น ประโยชน์ต่อการปกครองของตนในอนาคต วันหนึ่งในขณะที่ทรงเพลิดเพลิน อยู่ในพระราชอุทยานนั้น พระเจ้าพรหมทัตได้ทดสอบความสามารถของ พระโอรสในวิชาฟันดาบ ยิงธนูการต่อสู้และการทหาร แต่จันทโครพนั้นไม่ ผ่านการทดสอบ พระราชาจึงทรงรับสั่งให้พระกุมารเข้าเฝ้าแล้วรับสั่งให้พระ กุมารไปศึกษาศิลปวิชาการกับพระฤๅษีในป่า พระกุมารก็ยินดีปฏิบัติตามพ ระประสงค์พระราชบิดา และเดินทางไปอยู่กับพระฤๅษี เเนื้นื้ นื้อนื้อเเรื่รื่ รื่อรื่องง
เเนื้นื้ นื้อนื้อเเรื่รื่ รื่อรื่องง จันทโครพเดินทางหลายวันจนเข้าเขตป่าหิมพานต์ เห็นอาศรมหลังหนึ่งอยู่ บนยอดเขาจึงรีบเดินฝ่าดงหนามไผ่ไปด้วยใจมุ่งมั่น แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บก็ไม่ ย่อท้อ ฝ่ายพระฤาษีรู้ว่าผู้มีบุญกำ ลังเดินทางมาหาตนจึงได้ทดสอบจันทโครพ ด้วยวิธีต่างๆ เช่น ให้สัตว์ดุร้ายนอนขวางทางและทำ ลำ ธารสายเล็กๆ ให้กลาย เป็นแม่น้ำ ขนาดใหญ่แต่ด้วยความอุตสาหะจันทโครพก็ผ่านมาได้ พระฤๅษีเห็นความตั้งใจของจันทโครพจึงยอมสอนวิซาการต่างๆ ให้กับจันทโค รพโดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือ จันทโครพต้องดูแลทำ ความสะอาดอาศรมและออก ไปหาอาหารและน้ำ ดื่มมาให้พระฤาษี วันเวลาผ่านไป จันทโครพโตเป็นชายหนุ่มรูปงาม มีสติปัญญาฉลาดหลัก แหลม มีความสามารถมากพอที่จะใช้ปกครองบ้านเมืองได้เแล้ว ถือว่าจบจาก สำ เร็จการศึกษาแล้ว พระฤๅษีจึงบอกให้จันทโครพนำ วิชาที่ได้ร่ำ เรียนมากลับ ไปดูแลบ้านเมืองต่อจากพระบิดา เจ้าชายจันทโครพก็เข้าไปกราบลาพระ อาจารย์กลับบ้านเกิดเมืองนอนของตน ว่าแล้วพระฤๅษีก็หยิบผอบเล็ก ๆ ส่ง ให้พร้อมกับกำ ชับอย่างหนักแน่น
“ เจ้าจงเก็บไว้กับตัว แต่จงจำ ไว้ว่าเจ้าจะเปิดผอบได้ก็ต่อเมื่อถึงเมืองของ ตนแล้วเท่านั้น อย่าเปิดในระหว่างเดินทาง มิฉะนั้นเจ้าจะประสบอันตราย ถ้าไม่เชื่อฟัง ” พระฤๅษีกล่าวขึ้น “ ครับท่านอาจารย์ หลานจะเปิดผอบก็ต่อเมื่อหลานถึงบ้านเมืองของ หลานแล้วเท่านั้น ” เจ้าชายยืน ยันหนักแน่น และแล้วจันทโครพก็มุ่งหน้าเดินทางกลับบ้านเมืองของตนเมื่อถึงเวลาเสวย อาหารกลางวันก็เข้าไปนั่ง ใต้ต้นโคนร่มไม้แล้วควักห่ออาหารแห้งที่เตรียม ไว้ก่อนลาพระอาจารย์มาเสวย หลังจากเสวยเสร็จก็เกิดเคลิ้มหลับไป และก็ สุบินว่า ผอบที่พระอาจารย์ให้ไว้นั้นหลุดจากมือตนตกลงน้ำ ไปแล้ว พระ สุบินนี้เองที่กระตุ้นให้พระองค์อยากเปิดผอบดู แต่ก็ยังคงกังวลถึงคำ สั่ง ของพระอาจารย์ เเนื้นื้ นื้อนื้อเเรื่รื่ รื่อรื่องง
ในระหว่างทาง เจ้าชายหนุ่มก็ทรงครุ่นคิดถึงผอบที่ติดตัวมาตลอดเวลา และแปลกพระทัยว่าอะไรหนอที่อยู่ข้างในนั้น ยิ่งนึกก็ยิ่งอยากเปิดดูให้แน่ และในที่สุด พระองค์ก็ตัดสินพระทัยผิดคำ พูดโดยการเปิดผอบออก และ ในทันทีที่ฝาผอบถูกเปิดออก ก็มีหญิงสาวผู้เลอโฉมปรากฏออกมาจาก ผอมใบนั้น เธอส่งยิ้มหวาน ๆ ให้เจ้าชายหนุ่มผู้ซึ่งทอดพระเนตรอยู่ด้วย ความตื่นเต้นและแนะนำ ตัวนางว่า “ นายจ๋า หม่อนฉันชื่อโมราเพคะ พระฤๅษีใส่หม่อมฉันไว้ในผอบใบนี้ หม่อมฉันดีใจมากที่ได้เป็นอิสระเสียที ” ทันทีที่เห็นหญิงสาว เจ้าชายหนุ่มก็ตกหลุมรักในทันที และขอให้นางเป็น ชายาของพระองค์และแล้วทั้งคู่ก็เดินทางกันในป่า เจ้าชายจันทโครพดี พระทัยมากที่เพื่อนเดินทางแต่ในขณะเดียวกันก็ทรงกังวลว่าทำ ไมพระ ฤๅษีจึงห้ามไม่ให้เปิดผอบในระหว่างทาง ทรงครุ่นคิดเพียงลำ พังแล้วก็ สรุปเอาเองว่าพระฤๅษีอาจจะทดสอบดูว่าตนเป็นคนสอดรู้สอดเห็นหรือไม่ เท่านั้นเอง เเนื้นื้ นื้อนื้อเเรื่รื่ รื่อรื่องง
อย่างไรก็ตามสิ่งที่พระฤๅษีพูดนั้นก็ปรากฏว่ากำ ลังจะเป็นจริงแล้วพระว่า มีโจรป่าแอบซุ่มอยู่ในพุ่มไม้ใกล้ ๆ นั้น เขาแอบดูความเคลื่อนไหวของทั้งคู่ อยู่อย่างเงียบ ๆ และเมื่อได้เห็นความงามของนางโมราก็อยากได้ไปเป็น ภรรยา ช่วงเวลานั้นโมรารู้สึกกระหายน้ำ มาก คอของนางแห้งผากแต่ว่า ไม่มีน้ำ สักหยดให้นางดื่มกินได้ เจ้าชายจันทโครพก็ใช้พระขรรค์แทงเนื้อ รินพระโลหิตให้โมราดื่มกินแก้กระหาย ในขณะนั้นเองโจรป่าก็โผล่ออกมา จากพุ่มไม้ทันทีและยืนอยู่เบื้องหน้าของทั้งคู่ โจรป่ากล่าวหาทั้งคู่ว่าบุกรุก เข้ามายังถิ่นของตน แต่เจ้าชายยืนกรานว่าป่าไม้ใช่ที่ของผู้หนึ่งผู้ใดโดย เฉพาะ ชายทั้งสองจึงเกิดโต้เถียงกันอย่างรุนแรง โดยไม่พูดพร่ำ ทำ เพลงอะไรอีกต่อไป เจ้าโจรพุ่งเข้าใส่จันทโครพแล้วชกเขา ล้มลงกับพื้นก่อนที่ จันทโครพจะมีโอกาสชักพระขรรค์ออกมาเสียด้วยซ้ำ ไป ทั้งคู่ต่อสู้กันอยู่บนพื้นอยู่พักหนึ่งก่อนที่โจรป่าได้เปรียบ แต่เจ้าชายมี ทักษะในการต่อสู้ได้ดีกว่าเพราะได้รับการสั่งสอนมาจากพระฤๅษี จันทโค รพจึงสามารถผลักโจรป่าและเรียกให้ภรรยาพระขรรค์ให้ตน เเนื้นื้ นื้อนื้อเเรื่รื่ รื่อรื่องง
โมราจับพระขรรค์ไว้แต่ลังเลที่จะส่งให้สามีตนเพราะไม่ต้องการให้เจ้าชาย ฆ่า โจรป่าผู้ซึ่งเป็นคนที่นางมีใจให้อยู่ด้วยเหมือนกันในตอนนี้ เมื่อไม่ สามารถจะตัดสินใจได้ในยามคับขันเช่นนี้ นางก็วางพระขรรค์ไว้ตรงกลาง ชายทั้งสอง แต่ว่าให้ด้ามหันไปทางโจรป่า ในขณะที่ด้านคมหันไปทาง สามีทั้งคู่จึงกรูกันไปแย่งอาวุธในเวลาพร้อมกัน จันทโครพถูกคมมีดบาด จึงปล่อยพระขรรค์ เป็นจังหวะที่โจรป่าได้โอกาสเพราะกำ ด้ามพระขรรค์ได้ โอกาสเพราะกำ ด้ามพระขรรค์ได้ จึงแทงเจ้าชายจันทโครพสิ้นพระชนม์อยู่ ตรงนั้นเอง ร่างของเจ้าชายนอนจมกองเลือดอยู่อย่างนั้น ตอนนี้เองที่โมรารู้สึกใจที่เห็นร่างอันไร้วิญญาณของเจ้าชายจันทโครพแต่ก็ สายเกิน ไปที่จะช่วยชีวิตให้ ฟื้นคืนมาได้ และแล้วนางก็ตามโจรป่าผู้ซึ่ง จูงมือนางนำ ทางไป หลังจากได้โมราเป็นภรรยาแล้วโจรป่าก็มาคิด ตรึก ตรองว่า หญิงผู้นี้เป็นคนชั่วร้ายเพราะแม้แต่สามีของนางก็ยังทรยศได้ ลงคอ นางฆ่าได้แม้กระทั่งชายผู้ซึ่งเสียสละเลือดให้นางดื่มกินแทนน้ำ ใน ภายภาคหน้านางก็อาจจะกระทำ แบบนี้กับเขาก็ได้ ในขณะที่โมรานอน หลับโจรป่าก็ทิ้งนางไว้ในป่าแต่เพียงลำ พัง เเนื้นื้ นื้อนื้อเเรื่รื่ รื่อรื่องง
นางโมราเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่พบสามีใหม่ โมราก็หลงทางในป่าแต่เพียงลำ พัง และรู้สึกหิวอย่างมาก นางไม่รู้ว่า จะหาอาหารอย่างไร จึงได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ ตรงนั้น ฝ่ายพระอินทร์เมื่อเล็งทิพยเนตรเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก็เสด็จลงมายังโลก มนุษย์เพื่อสอนบทเรียน แก่โมราให้เข็ดหลาบและช่วยชุบชีวิตจันทโครพแล้ว พระองค์ก็แปลงร่างเป็นเหยี่ยวคาบชิ้นเนื้อไว้ในปาก ทันทีที่เห็นชิ้นเนื้อในปากนก โมราก็ร้องเรียกขอส่วนแบ่งบ้าง แต่เหยี่ยวทำ เป็นแกล้งถามว่านางจะ ให้อะไรเป็นของแลกเปลี่ยนกับชิ้นเนื้อของตน โมราไม่ รีรอที่จะเสนอตัวเองเป็นภรรยาของสัตว์เดรัจฉานอย่าง เช่นเหยี่ยว เมื่อได้ยิน เช่นนี้ นกเหยี่ยวก็โกรธมากและทันใดนั้นก็กลายร่างเป็นพระอินทร์อย่างเดิม พระองค์ ชี้นิ้วไปที่โมราและประมาณว่า “ เจ้าเป็นหญิงชั่วร้าย แม้ว่าเจ้าจะมีสามีที่ดีแสนดีก็ยังแบ่งใจให้ชายอื่นที่ตน ไม่รู้จักมาก่อนเมื่อโจรป่าหนีไปจากเจ้าตอนนี้เจ้าตอนนี้ก็ยังยกกายให้เป็น ภรรยาของเหยี่ยวอีกเพียงเพื่อ ให้ได้มาซึ่งชื้นเนื้อเท่านั้น เจ้าพร้อมที่จะสมสู่ กับสัตว์เดรัจฉานโดยปราศจากยางอาย ” เเนื้นื้ นื้อนื้อเเรื่รื่ รื่อรื่องง
นางโมราเมื่อตื่นขึ้นมาไม่พบสามีใหม่ โมราก็หลงทางในป่าแต่เพียงลำ พัง ทันทีที่สิ้นคำ ประมาณของพระอินทร์ร่างของโมราก็กลายเป็นชะนี พร้อม น้ำ ตานองหน้าร้องเรียกหา ผัว ผัว ผัว ผัว แล้วนางชะนีที่มีหน้าเศร้าก็โดด เข้าป่าหายไป ตั้งแต่นั้นมาชะนีก็จะร้องหาผัวอยู่ตลอดเวลา บางแห่งก็จบเนื้อ เรื่องแต่เพียงเท่านี้ แต่ก็มีบางแห่งกล่าวว่าพระอินทร์ทรงร่ายมนต์ชุบเจ้าชาย จันทโครพให้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง และทรงตรัสสอนเจ้าชาย เราคือพระอินทร์ เจ้ามีกรรมแต่หนหลัง โมราเป็นหญิงชั่วร้ายไม่เหมาะสมที่ จะเป็นคู่ครองของเจ้า หญิงที่เกิดมาเพื่อเป็นภรรยาของเจ้าแท้ที่จริงแล้วเป็น ธิดาพญานาค พระอินทร์ทรงตรัสแล้วก็หายไป เเนื้นื้ นื้อนื้อเเรื่รื่ รื่อรื่องง
จันทโครพได้เดินทางไปทางที่พระอินทร์บอก ก็พบถ้ำ หนึ่งที่มียักษ์คอยเฝ้าอยู่ จันทโครพจึงคิดว่าในถ้ำ นั้นมีเนื้อคู่ของตนอยู่จึงฆ่ายักษ์ตนนั้น แล้วเดินเข้าไป ก็พบผู้หญิงคนหนึ่งชื่อนางมุจลินทร์จึงอยู่กินกัน จันทโครพมีความคิดถึงพระ บิดาพระมารดาจึงพานางมุจลินทร์ที่ท้องอ่อนอยู่หนี เดินไปสักพักก็เหนี่อย แล้วเผลอหลับไปทั้งคู่ นางยักษ์ซึ่งอาศัยอยู่ลุ่มน้ำ บริเวณนั้น เมื่อเห็นเจ้าชาย จันทโครพก็เกิดหลงรักเลยคิดกำ จัดนางมุจลินทร์ นางยักษ์เกาศิกีจึงนำ ตัวนาง มุจลินทร์ไปฟาดกับต้นไม้แล้วเหวี่ยงไปสุดแรง จากนั้นก็ปลอมตัวเป็นนางมุจลิ นทร์ไปนอนข้างจันทโครพ และเป่ามนต์สะกดใส่จันทโครพเพื่อให้ไม่ต้องสงสัย ในตน เมื่อจันโครพเดินทางมาถึงเมืองก็ขอตัวไปพัก พอตกตอนกลางคืนนาง ยักษ์เกาศิกีก็ไปกินวัวของชาวบ้านโดยหารู้ไม่ว่าเจ้าของวัวดูอยู่ โดยนางยักษ์ ได้นำ เสื้อผ้าที่เลอะเลือดไปซ่อนไว้ เจ้าของวัวจึงไปบอกพระราชาในเช้ารุ่งขึ้น เเนื้นื้ นื้อนื้อเเรื่รื่ รื่อรื่องง
วันรุ่วขึ้นจันทโครพได้ปลุกนางยักษ์ที่แปลงเป็นนางมุจลินทร์ โดยไม่บอกเรื่อง คดีแปลกประหลาด แต่นางยักษ์ไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลยแสร้งบอกว่าไม่สบาย จันทโครพออกมาเข้าเฝ้าคนเดียว พระโหราธิบดีก็ตรวจดูดวงให้จันทโครพ แล้วบอกว่าพรุ่งนี้ให้จันทโครพพานางมุจลินทร์มาด้วย พอวันรุ่งขึ้นพระโหรา ธิบดีถามนางมุจลินทร์เกี่ยวกับเวลาที่เกิด แต่นางยักษ์ไม่รู้จึงบอกวันผิดไป พระโหราจึงบอกว่า บัดนี้ความจริงเปิดเผยแล้วเจ้าไม่ใช่คนแต่เจ้าเป็นนาง ยักษ์ นางยักษ์หน้าถอดสี จันทโครพจึงฆ่านางยักษ์เกาศิกีตายแล้วออกตาม หานางมุจลินทร์จนพบ ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็ได้กลับมาอยู่ และปกครองเมือง พรหมทัตจนกระทั่งชราภาพ และสิ้นพระชนม์อย่างสงบ พระโอรสของทั้ง สองพระองค์พระนามว่า “ เจ้าชายจันทวงศ์ ” ได้ขึ้นครองราชย์แทน และ ปกครองพระนครอย่างมีความสุขเรื่อยมา เเนื้นื้ นื้อนื้อเเรื่รื่ รื่อรื่องง
บทประพันธ์ที่นักวิชาการวรรณคดี มีความเห็นว่าสุนทรภู่น่าจะแต่งไว้ถึง ตอน พระจันทโครพเข้าถํ้านางมุจลินท์ เพราะคำ ประพันธ์ในช่วงนี้มีคุณค่าทาง วรรณศิลป์ ดังคำ กลอนบรรยายความงดงามภายในถํ้านางมุจลินท์ ความว่า แสงสว่างวามแวมแจ่มจำ รัส จำ รูญแสงนพรัตน์วิเชียรฉาน วิเชียรฉายลายเลื่อมศิลาลาน ศิลาล้วนชัชวาลสว่างพลอย สว่างพลามตามเพลิงศิลาลาด ศิลาแลเดียระดาษดั่งพู่ห้อย เป็นฟองหินสินธุก็หยดย้อย ก็หยาดหยั่งดั่งพลอยดาดกระเด็น ล้วนประดับซับซ้อนเป็นรูปสัตว์ เป็นรูปสิงห์ยืนหยัดอยู่แลเห็น เป็นทีหงส์ปีกหางเหมือนอย่างเป็น เหมือนอย่างปั้นไว้เล่นประหลาดตาที่ลางแห่งก็เหมือนแกล้งไปกั้นห้อง เป็นช่องช่องตะละฉากกำ บังฝา เป็นที่อาสน์ลาดเลี่ยนสำ อางตา แผ่นศิลาหลากหลายสลับกัน ที่สีแดงแสงสุกดั่งน้ำ ครั่ง ที่ลังก้อนสีเขียวก็เขียวขัน ที่สีขาวขาวช่วงดั่งดวงจันทร์ เป็นสีมันหมอกเมฆประราคำ ที่สีเหลืองเรืองรองดั่งทองแท่ง ที่ลางแห่งดูดำ ก็ดำ ขำ มีดวงแก้วสุริยกานต์ลอยประจำ ในท้องถํ้ามิได้รู้ว่าราตรี บบททปปรระะพัพั พั นพั นธ์ธ์ ธ์ธ์
เนื้อหาของเรื่องจันทโครบนื้ แสดงให้เห็นโทษของการคบหญิงกาลกิณี พร้อมทั้งคำ สอนที่มีคุณค่าต่อการดำ เนินชีวิต แทรกด้วยนิทานปรัมปราหรือตำ นานที่เล่าขานเกี่ยว กับเรื่องราวของสัตว์ ซึ่งทำ ให้วรรณคดีเรื่องนี้มีลักษณะเด่นน่าสนใจมากขึ้น เช่น ตำ นานของชะนี ซึ่งกล่าวไว้ในตอนที่พระอินทร์สาปนางโมราว่า กูเป็นเจ้าดาวดึงส์วิมานมาศ อันสัญชาติหญิงร้ายไม่หมายสมาน กูรู้เช่นว่ามึงนี้กาลีพาล จะประจานไว้ให้ทั่วทั้งโลกา หญิงกาลกิณีกาลีทวีป จนสิ้นชีพมิให้ชายเสน่หา ให้ฝูงค่างกลางดงเป็นภัสดา ชาวโลกาจึงเรียกชะนีนาง ให้สมจิตแพศยามึงฆ่าผัว ทั้งกายตัวก็ให้คล้ายกับกายค่าง พอขาดคำ อำ มรินทร์ที่สาปนาง สารพางค์กายกลับไปฉับพลัน ทั้งแข้งขาหน้าเนื้อแต่พื้นขน ก็วิ่งซนเข้าป่าพนาสัณฑ์ อันภูษาผ้าผ่อนไม่มีพัน แต่กายนั้นเปลี่ยวเปล่าไปกลางไพร ให้คลับคล้ายคลับคลาภาษาคน ที่บาปตนฆ่าผัวนั้นนึกได้ ที่เคยมีความอายให้หายไป ขึ้นไต่ไม้ทรมานประจานตัว ครั้นสิ้นสายสุริยแสงแดงอากาศ รำ ลึกชาติขึ้นมาได้ว่าเลือดผัว เที่ยวร่ายไม้ห้อยโหนแล้วโยนตัว ร้องเรียกผัวเสียงชัดภาษาคน นั่นแลชะนีจึ่งไม่มีตัวผู้ผัว เพราะหญิงชั่วสาระยำ ทุกแห่งหน ได้เชยค่างต่างเพศเป็นผัวตน ด้วยเดิมคนต้องคำ อำ มรินทร์ บบททปปรระะพัพั พั นพั นธ์ธ์ ธ์ธ์
เนื้อหาของเรื่องจันทโครพนื้ มีการสอดแทรกคติและหลักคำ สั่งสอนที่มีคุณค่าต่อ กุลบุตร ดังนี้ จึ่งกล่าวรสพจนาตถ์สนองคำ หลานจงจำ ไว้หนาตาจะสอน อันพระขรรค์ศิลป์ชัยอย่าไกลกร จะนั่งนอนกุมกอดไว้กับกาย อันฉ้อชั้นเมืองแมนแดนมนุษย์ จะสิ้นสุดฤษยานั้นอย่าหมาย แม้นมีของป้องกันอันตราย ไว้ห่างกายก็จะเกิดไพรีกวน อนึ่งการโลกีย์ทั้งสี่ข้อ ประโลมล่อสามัญให้ผันผวน คือหลงรักนารีมีกระบวน กับหลงชวนเชยชื่นที่รูปงาม ทั้งเสภาดนตรีเป็นสี่สิ่ง ใครรักนักมักกลิ้งลงกลางสนาม หนี่งอุบายหลายเล่ห์ในสงคราม อย่าหมิ่นความควรระมัดระวังองค์ถึงศึกวายสุริยฉายไม่ยอแสง เร่งระแวงระวังไว้อย่าใหลหลง จะเรียนรู้อย่าละเลิงบันเทิงทะนง อย่าอวดองค์กล้าหาญในการดี จะครองสัจจงอุตส่าห์รักษาสัจ จงบำ หยัดอย่างงาราชหัตถี เจ้าจงจำ คำ ตาไปธานี จะเป็นที่สรรเสริญจำ เริญพร บบททปปรระะพัพั พั นพั นธ์ธ์ ธ์ธ์
บบททปปรระะพัพั พั นพั นธ์ธ์ ธ์ธ์ ๑.ตัวอย่างบทประพันธ์ที่มีคุณค่าด้านวรรณศิลป์ในการประพันธ์ตอน จันทโครพเรียน ศิลปศาสตร์กับพระฤาษี ในท้องธารลานแลล้วนกรวดแก้ว บ้างพรอยแพรวพร่างพรายเป็นหลายสี มัจฉาว่ายรายเรียงในวารี ประกอบมีปทุมมาศดาษดา เป็นเหง้างอกดอกแซงขึ้นแฝงฝัก พรรณผักขึ้นสลับกับบุปผา ทั้งก้ามกุ้งบัวผันสันตะวา ยื่นระย้าทอดยอดไปตามธาร ที่หว่างเขาเงาเงื้อมชะโงกโกรก ชลกระโชกสาดซัดฉะฉัดฉาน เป็นบทประพันธ์ที่มีการใช้สัมผัสพยัญชนะและสัมผัสสระที่โดดเด่นเกือบทุกวรรค ๒.ตัวอย่างบทประพันธ์ที่มีคุณค่าด้านความเชื่อในการประพันธ์ตอน จันทโครพเรียน ศิลปศาสตร์กับพระฤาษี หน่อกระษัตริย์ปรนนิบัติพระนักสิทธิ์ สำ ราญจิตปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ พระโคดมบรมเรืองญาณ สอนกุมารสังวัธยายมนต์ ว่าคาถาอาคมของพรหมเมศ ซึ่งวิเศษจำ ได้ไม่ขัดสน ประสิทธิทดลองละเลิงตน การประจญข้าศึกก็เจนใจ เป็นบทประพันธ์ที่มีความเชื่อสังคมไทยในสมัยอดีต ที่เชื่อว่ามีการใช้คาถาอาคมและของวิเศษ
จันทโครพเป็นเจ้าชายจากเมืองพาราณสี ได้ร่ำ เรียนวิชาต่างๆจากพระฤๅษีตั้งแต่เมื่อยังเด็กอายุได้ ปี จึงมีวิชาความรู้ติดตัวอยูมาก แต่ไม่เชื่อฟังคำ ที่พระฤๅษีบอกว่า ห้ามเปิดผอบก่อนถึงเมือง จึงทำ ให้เกิดปัญหาตามมา จนถึงแก่ชีวิต ควรจะเชื่อฟังคำ ที่พระฤๅษีได้บอกแต่แรก วิวิ วิเวิเคครราาะะห์ห์ ห์ ตัห์ ตั ตั วตั วลละะคครร นนาางงโโมมรราา นางโมรามีหน้าตาและรูปโฉมที่งดงาม และมีลักษณะนิสัย ที่เป็นเชิงลบ เป็นหญิงหลายใจ ไม่ซื่อสัตย์ต่อจันทโครบ ด้วยความที่นางโมราเกิดจากการปลุกเสก และอยู่ในผอบ ไม่ได้ถูกอบรบสั่งสอนเรื่องศีลธรรม จึงตัดสินใจผิดพลาด และผิดศีลธรรม โจรป่า จัจันนททโโคครรพพ โจรป่าเป็นคนที่ผิดศีลธรรม เกิดไปหลงรักเมียคนอื่น จึงคิดอยากแย่งมาเป็นเมียของตน เมื่อได้ผลประโยช น์ของตนก็คิดหนีไปได้ง่ายๆ เพราะตนกลัวว่า จะถูกฆ่าเหมือน จันทโครพผู้เป็นผัวเก่านางโมรา
วรรณคดีไทย เรื่อง จันทโครพ ให้ข้อคิดสอนใจมากมาย บางข้อคิดได้รับมาจาก ลักษณะหรือจุดเด่นของตัวละครนั้น บางข้อคิดได้รับมาจากที่สิ่งที่ตัวละครอาจ ทำ พลาดไป ตัวผู้อ่านสามารถนำ มาปรับใช้ในชีวิตได้ ดังนี้ 1.เราควรรู้จักยอมรับเมื่อทำ สิ่งที่ผิดพลาด 2.หากรู้ว่าตนนั้นผิดควรกล่าวขอโทษ 3.รู้จักตอบแทนบุญคุณต่อผู้มีพระคุณเมื่อมีโอกาส 4.ผู้ประสบความสำ เร็จมักขยันหมั่นเพียร และอดทนต่อความยากลำ บาก 5.หากจะกระทำ สิ่งใดให้พึงนึกถึงข้อดีข้อเสียเสมอ (คิดให้ดีก่อนลงมือทำ ) 6.กระทำ สิ่งใดอย่าคิดว่าผู้อื่นไม่รู้ ความลับไม่มีในโลก ข้ข้ ข้ อข้ อคิคิ คิ ดคิ ดที่ที่ ที่ไที่ได้ด้ ด้ รัด้ รั รั บรั บ
ปปรระะเเด็ด็ ด็ นด็ นปัปัปั ญปั ญหหาา ปัญหาที่พบระหว่างการค้นคว้าหาข้อมูล ระหว่างการค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อใช้เป็นเนื้อหา พบว่า ๑. แหล่งข้อมูลส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาในเรื่องไม่ครบถ้วน และมักพบเป็นเนื้อหาที่ ถูกย่อไว้แล้ว และแหล่งที่เนื้อหาเต็มเรื่องจะเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ที่วางจำ หน่ายและมีลิขสิทธิ์ ๒. ภาพประกอบมีค่อนข้างน้อย ทั้งตัวละครและฉาก ๓. ระหว่างสืบค้นหาข้อมูลพบว่าแหล่งข้อมูลส่วนใหญ่เป็นแหล่งข้อมูลที่เก่า ไม่ใช่แหล่งข้อมูลใหม่ จึงมีน้อย ๔.ด้วยเหตุที่แหล่งข้อมูลนั้นมีน้อย จึงใช้เวลาสืบค้นข้อมูลเป็นเวลานาน ปัญหาที่พบจากขั้นตอนลงมือทำ เล่ม ระหว่างอยู่ในขั้นตอนการทำ เล่ม พบว่า ๑. เมื่อรวบรวมข้อมูลและถึงขั้นตอนทำ เล่มแล้ว พบว่าข้อมูลที่ได้รวบรวมมา เนื้อหาน้อย ต้องสืบค้นเพิ่มเติมหลายรอบ ๒. เพราะภาพประกอบน้อย เนื้อหาไม่ครบจึงทำ ยากและค่อนข้างลำ บาก
บบรรรรณณาานุนุนุ ก นุ กรรมม ชลลดา ชะบางบอน. (2549). จันทโครพ (ฉบับการ์ตูน). สืบค้นเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2566 , จาก https://images-seed.com/ ws/Storage/PDF/552284/021/5522840215260PDF.pdf ผ่องเพ็ญ อาชาเทวัญ (2553). จันทโครพ วรรณคดีก่อนนอน. สืบค้นเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2566 , จาก https://images-se-ed.com /ws/Storage/PDF/552284/021/5522840217271PDF.pdf ณัฐนภา ต้นงาม (2552). จันทโครพ ครูบ้านนอก สืบค้นเมื่อ 14 ธันวาคม 2566 , จาก https://kroobannok.com/blog/15324 Blog. สยาม ภัทรานุประวัติ (2537). จันทโครพ, โคลง. สืบค้นเมื่อ 24 มกราคม 2567 , จาก https://www.sac.or.th/ databases/thailitdir/detail.php?meta_id=322 (2559). นิทานพื้นบ้าน เรื่องจันทโครพ. สืบค้นเมื่อ 24 มกราคม 2567 , จาก https://nitanstory.com/chanthakorop/ NITAN STORY ชลภักดิ์ คงกำ เนิด. วรรณคดีมีคุณค่า(๑). สืบค้นเมื่อ 24 มกราคม 2567 , จาก https://dltv.ac.th/utils/files/ 137878download