เร่ือง
การอ่านอยา่ งมี
วิจารณญาณ
การอ่านอย่างมวี ิจารณญาณ
จดั ทำโดย
นำยตะกือกือ ไพรเรือนริน 63193253005-0
นำยธีรวุฒิ แก้วผู้ 63193253009-2
นำยวงศกร วนำวำทิต 63193253012-6
นำยวรี ะชัย - 63193253013-4
นำยสุนทร จันทร์หอม 63193253014-2
เสนอ
อำจำรย์วรรธนะรัตน์ ไซยวงค์
E-book เล่มนีเ้ ป็ นส่วนหน่ึงของรำยวชิ ำ GEBLC201 ศิลปะกำรใช้ภำษำไทย Arts of Using Thai Language
มหำวิทยำลยั เทคโนโลยรี ำชมงคลล้ำนนำเชียงรำย
สำรบัญ
1 ควำมหมำยของกำรอ่ำนอย่ำงมีวจิ ำรณญำณ
2 ระดบั กำรอ่ำนอย่ำงมวี จิ ำรณญำณ
3 แนวทำงและวธิ ีกำรอ่ำน
4 คำถำมทใี่ ช้ในกำรอ่ำนอย่ำงมีวจิ ำรณญำณ
5 เทคนิคในกำรอ่ำนอย่ำงมวี จิ ำรณญำณ
6 เทคนิคกำรอ่ำนอย่ำงพนิ ิจ
7 เทคนิคกำรอ่ำนแบบ SQ4R
8 ประโยชน์ของกำรอ่ำนอย่ำงมวี จิ ำรณญำณ
ควำมหมำยของกำรอ่ำนอย่ำงมวี จิ ำรณญำณ
กำรอ่ำนเป็ นทักษะสำคัญท่ีช่วยในกำรรับสำร
ต่ำงๆ กำรอ่ำนที่มีประสิทธิภำพที่ช่ วย กล่ันกรอง
ข้อมูลอื่นเป็ นประโยชน์คือกำรอ่ำนอย่ำงวจิ ำรณญำณ
ระดับกำรอ่ำนอย่ำงมวี จิ ำรณญำณ
กำรอ่ำนให้ได้ถึงควำมหมำยทส่ี ำคญั ของเนื้อหำควำม
น้ันจะค้องเป็ นกำรอ่ำนอย่ำงพินิจ สำหรับผู้อ่ำนที่ได้ไตร
ตรองแล้วอำจไม่จำเป็ นต้องทำตำมลำดบั ข้ันตอนท้ังหมด
แต่อำจเลือกบำงระดบั เพื่อให้อ่ำนตำมจุดมุ่งหมำย
หลกั กำรอ่ำนอย่ำงมวี จิ ำรณญำณ
เป็ นกำรอ่ำนอย่ำงมีกำนสังเกตุในข้อเท็จจริงและรำยละเอียดใน
เนื้อควำมน้ันท้ันนี้ในกำรสังเกตุอำจขึน้ อยู่กับเร่ืองที่สนใจด้วยดังน้ันข้ันตอน
แรกจึงเป็ นกำรสังเกตุ ต่อมำคือกำรตีควำมข้อสังเกตน้ัน
โดยใช้ หลักกำรพื้นฐำนโดยมุ่งเน้ นกำรสั งเกตุในข้ อเท็จจริ งและรำยละเอียด
และด้วยกำรหำเหตุผลดงั กล่ำวจะทำให้กำรอ่ำนต้องใช้กำรพนิ ิจที่ต้องรวบรวม
ข้อมูลด้วยควำมระมดั ระวงั และคดิ อย่ำงระมดั ระวงั ด้วย
แนวทำงและวธิ ีกำรอ่ำน
1.กำรหำจุดสำคญั อำจใช้ขดี เส้นใต้หรือทำให้เห็นเด่นชัดในข้อควำม
ควำมหมำยสำคญั ๆหรือทที่ ำให้เกดิ คำถำมตำมมำ
2.กำรสังเกต สังเกตดูว่ำข้อควำมทอ่ี ่ำนมคี วำมซับซ้อน ขดั แย้งหรือมคี วำม
เหมือนในด้ำนต่ำงๆอย่ำงไรบ้ำง ท้ังนีต้ ้องสังเกตุถงึ กำรใช้ภำษำดูเนื้อหำ
3.กำรใช้คำถำม เพ่ือท่ีจะได้เห็นแง่มุมในรูปแบบต่ำงๆ นับว่ำเป็ นกำรพยำยำม
หำคำตอบ
คำถำมท่ใี ช้ในกำรอ่ำนอย่ำงมวี จิ ำรณญำณ
จะช่วยให้ผู้อ่ำนทำควำมเข้ำใจเนื้อหำน้ันได้มำกขนึ้ คำถำมต่อไปนีจ้ ะช่วยทำ
ควำมกระจ่ำงในยำมทอ่ี ่ำนได้มำกขนึ้ คือ
1.ควำมรู้สึกแรก
- เรำสังเกตุอะไรได้เป็ นอย่ำงแรก
- อย่ำงทส่ี องทเี่ รำเห็นคืออะไร
-สองอย่ำงน้ันมีส่วนเสริมกนั หรือขดั แย้งกนั
-ข้อควำมน้ันได้ก่อควำมรู้สึก อำรมณ์อย่ำงไรต่อเรำ
คำถำมทใ่ี ช้ในกำรอ่ำนอย่ำงมวี จิ ำรณญำณ
2.คำศัพท์
-คำไหนทส่ี ังเกตได้ก่อน ทำไม
-คำทเี่ ชื่อมกบั คำอ่ืน
-มบี ำงคำทแี่ ปลกออกไปหรือไม่
-ลองมองหำคำทไ่ี ม่คุ้น
คำถำมท่ใี ช้ในกำรอ่ำนอย่ำงมวี จิ ำรณญำณ
3.สังเกตรูปแบบ
-รูปลกั ษณ์เหมือนกบั เคยเห็นหรือไม่
-ดูวรรคตอนมอี ะไรแปลกออกไปอย่ำงไร
-มกี ำรกล่ำวยำ้ ซ้ำอะไร และมผี ลกระทบออกมำอย่ำงไร
-มสี ่วนไหนทถ่ี ูกละเลยไม่กล่ำวถึงอะไรทผี่ ู้เขยี นกล่ำวแต่หลกี เลยี่ งไป
คำถำมท่ีใช้ในกำรอ่ำนอย่ำงมีวจิ ำรณญำณ
4.มุมมอง และลกั ษณะกำรอ่ำน
-ข้อควำมน้ันทำให้ต้องมกี ำรปฏิกริ ิยำ หรือ มคี วำมคดิ ต่อเรื่องน้ันอย่ำงไร
-มสี ีและแสง ลกั ษณะเชิงกำยภำพทม่ี ผี ลต่อควำมรู้สึกต่อเรำหรือไม่และ
ทำไมเขำจงึ ใช้สี แสงอย่ำงน้ัน
คำถำมทใ่ี ช้ในกำรอ่ำนอย่ำงมีวจิ ำรณญำณ
5.สัญญำลกั ษณ์
-มกี ำรใช้อปุ มำหรือไม่ แบบไหน
-มคี ำอปุ มำแตกต่ำงกนั หลำกหลำยแบบหรือไม่ อนั ไหนสำคญั
-หำกมสี ัญลกั ษณ์แบบ เรำจะเข้ำใจในควำมหมำยที่หลำกหลำย
เทคนิคในกำรอ่ำนอย่ำงมวี จิ ำรณญำณ
กำรอ่ำนน้ันต้องพบกบั เนื้อหำในหลำยรูปแบบ ท้งั บทละคร บทเวที
บทควำม วชิ ำกำร หนังสือ ตำรำ ฯลฯ ในกำรมุ่งสนใจในประเดน็ ใดเป็ น
พเิ ศษโดยมเี ทคนิคสำคญั ตำมต่อไปนี้
เทคนิคกำรอ่ำนอย่ำงพนิ ิจ
1.เรียบเรียงข้องควำมใหม่ด้วยภำษำทง่ี ่ำย โดยอ่ำนเนื้อหำน้ันแล้วเรียน
เรียงเนื้อหำน้ันใหม่โดยกำรใช้ภำษำคำง่ำยๆ
2.ตรรกะของข้อควำมให้คดิ เกยี่ วกบั ตรรกะข้อควำมทเ่ี สนอข้อโต้เถียง
ข้อควำมทเี่ รียบเรียงใหม่แต่ละจุดแต่ละประเดน็ มกี ำรลำดบั อย่ำงลื่นไหล
หรือไม่
เทคนิคกำรอ่ำนอย่ำงพนิ ิจ
3. กำรใช้ภำษำ ว่ำคำสำคญั หรือวลสี ำคญั อะไรหำรพจิ ำรณำดูว่ำมกี ำรใช้
ภำษำอย่ำงไร มกี ำรเน้นยำ้ จุดสำคญั
4.คำซ้ำ ดูว่ำมกี ำรใช้คำซ้ำในข้อควำมเดยี วหรือไม่ และดูควำมหมำยในกำร
เปลยี่ นแปลงแต่ละคำ
5.ควำมหมำยแฝง สำมำรถหำคำทมี่ คี วำมหมำยมำกกว่ำหนึ่งในเนื้อควำม
น้ันได้หรือไม่
เทคนิคกำรอ่ำนอย่ำงพนิ ิจ
6.คำอปุ มำและจนิ ตภำพ พจิ ำรณำดูว่ำมคี ำอุปมำได้หรือไม่รวมท้งั พวก
รูปภำพจำได้หรือไม่ว่ำเห็นทไ่ี หนมำก่อน อำจเป็ นกำรใช้คำหรือวลซี ้ำ
7.รูปแบบ พจิ ำรณำเนื้อควำมทม่ี ลี กั ษณะทเี่ ป็ นรูปแบบหรือเป็ นทำงกำร
รูปแบบมคี วำมแตกต่ำงกนั ไป เช่น รอ้ยอก้วกบั ร้อยกรอง ดงั น้ันกำรออ่ำน
จงึ ต้องพจิ ำรณำให้สอดคล้องกบั รุปแบบของมนั ในกำรทำควำมเข้ำใจ
เทคนิคกำรอ่ำนอย่ำงพนิ ิจ
8.เกดิ อะไรขนึ้ ถ้ำหำกว่ำมบี ำงอย่ำงเกดิ ขนึ้ ในเนื้อควำมน้ันขอให้คดิ ว่ำ
องค์ประกอบส่วนน้ันมคี วำมเชื่อมโยงหรือกล่ำวซ้ำกบั อนั อ่ืน
9.ตรรกะของเหตุกำรณ์ อะไรทเ่ี กดิ ขนึ้ หรืออะไรทเ่ี กดิ ก่อนหรือเกดิ หลงั
เนื้อควำม 2 ข้ำงต้น มอี ะไรเป็ นช่องว่ำงระหว่ำงเนื้อหำ กบั บริบทของมนั
มคี วำมเป็ นตรรกะมำกน้อยเพยี งใด
เทคนิคกำรอ่ำนอย่ำงพนิ ิจ
10.ผู้พูด ขอให้คดิ ว่ำใครกำลงั กล่ำวเนื้อควำมน้ัน ผู้พูดได้กล่ำวอย่ำงแขง็
กร้ำว คุณวำงใจในผู้พดู หรื้อไม่แต่อย่ำไปเหมำว่ำผู้พดู จะพูดอะไรทไ่ี ม่จริง
บำงทอี ำจพูดไม่เก่งกส็ วำมำรถเสนอควำมจริงได้
เทคนิคกำรอ่ำนแบบ SQ4R
1.กำรอ่ำนอย่ำงคร่ำวๆ
2.กำรต้งั คำถำม
3กำรอ่ำนอย่ำงรอบคอบเพ่ือหำคำตอบ
เทคนิคกำรอ่ำนแบบ SQ4R
4.กำรจดบันทกึ
5กำรสรุปใจควำมสำคญั
6.กำรวเิ ครำะห์วจิ ำรรณ์บทท่อี ่ำน
ประโยชน์ของกำรอ่ำนอย่ำงมีวจิ ำรณญำณ
– ทำให้ผู้อ่ำนสำมำรถวิเครำะห์ได้ว่ำข้อควำมใดเป็ นกำรแสดงควำมคดิ เห็น
และข้อควำมใดเป็ นข้อเทจ็ จริงทีผ่ ู้เขียนยกมำประกอบประโยชน์ของกำร
อ่ำนอย่ำงมีวิจำรณญำณไว้ว่ำ เป็ นกำรอ่ำนอย่ำงไตร่ตรองทำให้ ผู้อ่ำน
สำมำรถแยก เนื้อหำของข้อควำมท่ีอ่ำนว่ำส่วนใดเป็ นข้อเท็จจริงส่วนใด
เป็ นข้อคิดเห็นช่วยให้ผู้อ่ำนเกิดปัญญำควำมรู้กว้ำงขวำงเข้ำใจตนเองมี
เจตคติที่ถูกต้อง สำมำรถวินิจฉัยข้อผิดถูกของเร่ืองต่ำง ๆ ได้อย่ำงมี
ประสิทธิภำพสำมำรถแกไข้ ปัญหำท่ี เกดิ ขนึ้ ได้
แบบฝึ กหดั
กจิ กรรมท่ี
ใหน้ กั เรียนเลือกอกั ษรหนา้ ความหมายของคาทางดา้ นขวามือเขียนลงในช่องวา่ งหนา้ ขอ้ ความดา้ นซา้ ยมือใหส้ มั พนั ธก์ นั
– ตวั อย่ำง ญ.เก่ำแก่
__ญ__ 0.โบรำณ ก.โอนเอียงไปทาง
ข.สนามแขง่ ขนั ทางธุรกิจ
1.กลยทุ ธ์ ค.สีแก่จดั และเน้ือขน้
2.แนวโนม้ ง.กิริยาอาการ การปฏิบตั ิตวั
3.พฤตกิ รรม จ.การยทุ ธท่ีมีเล่ห์เหล่ียม
4.สมรภมู ิ ฉ.กระบวนการการทางาน
5.เขม้ ขน้
จบการนาเสนอครบั