เรื่อ รื่ งเล่าจากผู้ป่วย ความเจ็บป่วยทางจิตและ ความหวังของการรอคอย , เรื่อ รื่ งหลอนแผนกจิตเวชเมืองนอก BY : รณิดา นิสะมา ม.4/7 เลขที่ 1 HTTPS://MEDIUM.COM/@BHOPPAS_/เรื่องเล่าจากหอผู้ป่วยจิตเวช-ความ เจ็บป่วยทางจิตและความหวังของการรอคอย-2018-E2B83BC61590 HTTPS://WWW.DEK-D.COM/STUDYABROAD/44729/
ความเจ็บป่วยทางจิตและความหวังของการรอคอย คงไม่มีความรู้สึ รู้ สึ กไหนที่แย่ไปกว่าการเจ็บป่วย และต้องนอนพัก รัก รั ษากับทางโรงพยาบาลช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วใช่ไหม? หากเป็นการ พักฟื้นไม่เกิน 2 สัปดาห์หลังรับ รั การรับ รั การรัก รั ษาอาจพอรับ รั ได้ เพราะ แค่ย้ายที่นอน แต่กิจวัตรทุกอย่างปรับ รั เปลี่ยนนิดหน่อยตามการดูแล ของแพทย์ แต่หากตรงกันข้ามคือมากกว่า 2 สัปดาห์ ก็เท่ากับการนับ ถอยหลังเข้าสู่ "โลกหลังความตาย" หากเป็นโรคทางร่า ร่ งกาย สำ หรับ รั โรคจิตเวชคือโรคที่เราไม่สามารถมองเห็นหรือ รื คาดคะเนอะไร ได้เลยกับสิ่งที่เรีย รี กว่าบาดแผลจากใจของผู้ป่วย นอกจากความเอาใจ ใส่ของตัวผู้ป่วย ทีมแพทย์ และคนรอบข้างที่มีส่วนสำ คัญต่อการรัก รั ษา พวกเขาจากความทรมานทางใจและการรอคอยเวลาออกจากโรง พยาบาลที่ไม่สามารถเดาได้เลยว่าผู้ป่วยนั้น นั้ ดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน
ไม่มีใครสามารถตอบได้เลยว่าเหล่าผู้ป่วยต้องพักฟื้นนานแค่ไหน ตามความเจ็บป่วยจากแรงกดดันบนพื้นฐานของความทรงจำ ที่ไม่ดีใน อดีต ความเครีย รี ด หรือ รื สถานการณ์กดดันรอบตัวที่กลายเป็นความ ทุกข์ บางคนสามารถรับ รั มือได้อย่างชาญฉลาด แต่อีกส่วนกลับไม่เป็น แบบนั้น นั้ เลย แรงกดดันได้ระเบิดกลายเป็นโซ่ตรวนพันธนาการใจ และสร้า ร้ ง ความปั่นป่วนจากสารเคมีในสมองที่ขาดความสมดุลสู่การเผชิญโรค ทางจิตเวช เช่น ความเครีย รี ด วิตกกังวล ซึมเศร้า ร้ จิตเภท ไบโพล่า หรือ รื อาจเป็นแบบผสมก็แล้วแต่สภาวะจิตใจของบุคคลคนนั้น นั้ ด้วย สิ่ง เหล่านี้เข้ามากระทบจิตใจ การดำ เนินชีวิต และสร้า ร้ งความเดือดร้อ ร้ นแก่ ตนเองหรือ รื คนรอบข้าง บางคนโชคดีสามารถต่อสู้จนสามารถหายขาดและเลิกกินยาได้ หากโชคร้า ร้ ยก็ต้องกินยาเพื่อควบคุมอาการป่วยไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ อีกไป ตลอดชีวิต แล้วหากเกินการควบคุมของผู้ดูแลก็นั่น นั่ แหละ คราวซวย ของผู้ป่วยมาถึงแล้ว ทีมแพทย์ทั้งมัดมือเท้าและจับฉีดยาเพื่อสงบสติ อารมณ์ของผู้ป่วย และยิ่งทำ ตัวมีพิรุธมากเท่าใดทีมแพทย์จะเพ่งเล็ง เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาถึงระยะเวลาการปล่อยตัวและการปรับ รั ยา หรือ รื เอาให้เข้าใจง่ายคือควบคุมทุกวิธีทางไม่ให้ผู้ป่วยระเบิดอารมณ์
คงเปรีย รี บได้กับแผลที่ไม่มีร่อ ร่ งรอยชัดเจน เพราะอยู่ใน จิตใต้สำ นึกของผู้ป่วยแล้ว นอกเหนือจากการกินยาเพื่อควบคุมสาร เคมีในสมอง นอนหลับอย่างเพียงพอ ออกกำ ลังกายแล้ว ต้องอาศัย ความร่ว ร่ มมือร่ว ร่ มใจจากแพทย์ ผู้ป่วย และคนรอบข้างสังเกตการ เปลี่ยนแปลงผ่านการพูดคุย หรือ รื รับ รั ฟังสิ่งที่ผู้ป่วยนั้น นั้ กำ ลังทุกข์ใจ เพื่อหาหนทางแก้ไขอย่างเหมาะสมเพื่อสุขภาพจิตที่ดีแก่ผู้ป่วย แน่นอนเลยว่าการรัก รั ษานั้น นั้ มากับความทรมานจากการรัก รั ษาของ ทีมแพทย์ ทั้งปรับ รั ยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วย กิจกรรมบำ บัด การปรับ รั ชีวิตประจำ วัน และการรอคอยวันออกจากหอผู้ป่วยจิตเวชแห่งนี้ว่า นานแค่ไหน? แต่ความน่ากลัวนั้น นั้ มาจากการขาดสติเมื่อเราประสบกับ ความเจ็บป่วยจนเหล่าทีมแพทย์ต้องบังคับขู่เข็ญด้วยคำ พูดที่อาจจะ รุนแรง บางครั้ง รั้ เพื่อจับเรามัดมือเท้าให้ติดกับเตียงและฉีดยานอน หลับ ท่ามกลางการร้อ ร้ งไห้ของคนที่เรารัก รั จากความทรมานกายและใจ ของเราเอง “โรคทางจิตเวช”
การทดลองยา เหมือนกับการเสี่ยงโชคกับตัวของผู้ป่วย หากโชค ดีผู้ป่วยอาการดีขึ้น สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เหมือนที่เคยเป็น หาก โชคร้า ร้ ยผื่น สิว ขาสั่น สั่ อาเจียน เบลอ และอีกมากมายจะทำ ให้เราแทบ ใช้ชีวิตยากกว่าเดิมทั้งการเรีย รี นหรือ รื การทำ งาน จุดนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าผู้ป่วยดีขึ้นหรือ รื ไม่ตามที่คาดการณ์ หรือ รื ต้องเสียเวลาทดลองยาใหม่อีกตามความเจ็บป่วยของผู้ป่วยนั้น นั้ ก็ วัดใจกันตรงนี้ บอกเลยว่า “เหนื่อยสุดพลัง” และ “ผลาญเงินมาก” พึงสังวรก่อนว่าหาก “แพทย์และยา” ที่ท่านรัก รั ษาปัจจุบันดูแลอย่างดี ขอให้ท่านรัก รั ษาแพทย์ประจำ ตัวคนนี้ไว้ให้ดีที่สุด แต่ถ้าตรงข้าม “หนี และหนีไปให้ไกลที่สุด” เท่าที่เราสามารถวิ่งหนีไปได้ เอาชีวิตเราเป็นที่ ตั้งดีกว่าเห็นแก่สวัสดีรัก รั ษาฟรี “การทดลองยา”
ชีวิตประจำ วันของเหล่าผู้ป่วย คงไม่พ้นการตื่นตามเวลามาเช็คไข้ ปัสสาวะ อุจาระ ออกกำ ลังกาย รับ รั ประทานอาหารเช้า เข้ากิจกรรม บำ บัด เล่นกับเหล่าพยาบาล ออกกำ ลังกาย สร้า ร้ งความเป็นมิตรกับผู้ ป่วยร่ว ร่ มชะตากรรม และ “ช่วงที่มีความสุขของผู้ป่วย” และไม่พ้นการ มาเยี่ยมของบุคคลที่เราคิดถึงและร้อ ร้ งไห้รอคอยเขามาตลอด จนเรา แทบอ้อนวอนขอโทรศัพท์จากเหล่าพยาบาล อยู่ในหอผู้ป่วยนั้น นั้ นอกจากโดนกักบริเริวณแล้วต้องถูกเก็บมือถือ ไม่ให้ติดโลกภายนอกได้ เพราะอาจสร้า ร้ งความเดือดร้อ ร้ นแก่ตัวเขาเอง เว้นแต่ทีมแพทย์อนุมัติเพราะเหตุผลเรื่อ รื่ งการทำ งานหรือ รื การเรีย รี น นอกหอผู้ป่วยเท่านั้น นั้ ช่วงเวลานั้น นั้ ไม่ได้มีแค่น้ำ ตาแห่งความดีใจ ยังได้ รับ รั ถึงพลังงานจากกำ ลังใจอันเต็มเปี่ยม ของกินแสนเอร็ด ร็ อร่อ ร่ ย บรรยากาศพูดคุยอย่างสนุกสนาน และเข้าใกล้ความหวังที่รอคอยสู่คำ ว่าอิสรภาพจากหอผู้ป่วยแห่งนี้มากขึ้น หากทีมแพทย์และผู้ปกครอง ตกลงกันได้ พอใกล้หมดเวลาทุกอย่างนั้น นั้ แสนเศร้า ร้ ผู้ป่วยแทบร้อ ร้ งไห้เมื่อพวก เขาเดินออกจากประตูหอผู้ป่วย แต่เรากลับตามไปกับเขาไม่ได้ ส่วน พวกเขาทำ ได้เพียงแค่ทิ้งโน้ตให้กำ ลังใจหรือ รื ของขวัญไว้ดูต่างหน้ายาม เหงาเพื่อคลายความเศร้า ร้ งจากการคิดถึงบ้านหรือ รื อิสรภาพจากการ นอนในหอผู้ป่วยเป็นเวลานานจนโลกหมุนช้าลง
“ เรื่อ รื่ งหลอนแผนกจิตเวชเมืองนอก ” ใช่เจนหรือ รื เปล่า? มีคนไข้สาวคนหนึ่งที่ป่วยด้วยโรคจิตเภทหลายชนิดและเข้ารัก รั ษาใน โรงพยาบาลจิตเวชแห่งหนึ่ง เธอมีชื่อว่าเจน (นามสมมุติ) คืนแรกที่ เจนถูกส่งมาที่โรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่กำ ลังตรวจเวรตอนกลางคืนก็ พบว่าห้องของเจนมีเลือดนองเต็มพื้น ปรากฏว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือเจน กำ ลังใช้เล็บของเธอลอกผิวหนังส่วนคางออก แต่ไม่ใช่แค่นั้น นั้ ... เพราะเธอกำ ลังลอกผิวส่วนน่องของเธอออกด้วย เช่นกัน... นอกจากนั้น นั้ เจนยังมีพฤติกรรมแปลกๆ เหมือนการบูชายัญ บางอย่าง เช่น ในทุกๆ คืนเธอจะวิ่งอย่างบ้าคลั่งในห้องเล็กๆ ของเธอ ไปๆ มาๆ เป็นรูปไม้กางเขน และแตะกำ แพงไปเรื่อ รื่ ยๆ ประมาณหลาย ชั่ว ชั่ โมงกว่าๆ ก่อนจะเข้านอนอย่างสงบ ในขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่ คอยดูแลสังเกตพฤติกรรมของเธออยู่ตลอดเวลา จนมีคืนหนึ่งเจ้า หน้าที่กำ ลังจะมาตรวจเธอก็ดันเจอเธอยืนอยู่ที่โถงทางเดิน เจ้าหน้าที่ เลยถามว่าเธอเป็นอะไรหรือ รื เปล่า? เจนตอบกลับมาด้วยเสียงและท่าที เย็นชาว่า "คุณแน่ใจเหรอว่ากำ ลังคุยอยู่กับเจน?"
“ เรื่อ รื่ งหลอนแผนกจิตเวชเมืองนอก ” คนไข้กับลูกตา 2 ข้าง เรื่อ รื่ งนี้เป็นเรื่อ รื่ งเล่าของสมาชิกเว็บไซต์ REDDIT.COM ที่มีชื่อ ว่า NEVERGOTCHALLENGER เล่าว่าสมัยที่แม่ของเขากำ ลัง เรีย รี น ป.โท และทำ งานอยู่ในแผนกจิตเวชในโรงพยาบาลและกำ ลังเข้า เวรอยู่ในกลางดึกคืนหนึ่ง เธอสังเกตเห็นว่าประตูห้องคนไข้เปิดอยู่ทั้ง ที่จริงริๆ แล้วประตูห้องคนไข้ทุกห้องควรจะปิดตามปกติ เมื่อเห็นดังนั้น นั้ เธอจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ และพบว่ามีขาของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งยื่นออกมา จากประตูห้อง เมื่อมองเข้าไปในห้อง สิ่งที่เธอเห็นคือคนไข้หญิงที่ป่วย เป็นโรคจิตหลังคลอดกำ ลังนั่ง นั่ ขัดสมาธิอยู่บนพื้น ในมือเธอถือลูกตา ทั้ง 2 ข้างที่เพิ่งควักออกมาจากเบ้าตาด้วยมือเปล่าของเธอเอง... เธอประติดประต่อเรื่อ รื่ งราวได้ว่าเจ้าหน้าที่คนที่กำ ลังนอนอยู่บน พื้นนั้น นั้ หัวใจวายกระทันหันเพราะเป็นคนเข้ามาเห็นเหตุการณ์ก่อน จึง รีบ รี ปั๊มหัวใจและตะโกนร้อ ร้ งขอความช่วยเหลือในขณะที่หญิงคนนั้น นั้ ก็ยัง คงนั่ง นั่ นิ่งเฉยถือลูกตาทั้ง 2 ข้างของเธออยู่ในมือ
“ เรื่อ รื่ งหลอนแผนกจิตเวชเมืองนอก ” รู้เ รู้ วลาตาย ในแผนกคนไข้ระยะสุดท้ายมักจะมีเรื่อ รื่ งเล่าแปลกๆ อยู่เสมอ พยาบาลคนหนึ่งเล่าว่าผู้ป่วยระยะสุดท้ายทุกๆ คนมักจะมีเช็คลิสต์ หรือ รื รายการที่อยากทำ ก่อนตาย และทุกๆ คนก็จะตั้งใจพยายามทำ รายการเหล่านั้น นั้ ให้สำ เร็จ ร็ นอกจากนั้น นั้ พยาบาลมักจะเห็นผู้ป่วยเหล่านี้ คุยกับใครสักคนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในจินตนาการหรือ รื เพื่อนที่เกิดขึ้น จากอาการประสาทหลอน เมื่อเอ่ยปากถามว่าคุยกับใคร คนไข้มักจะ ตอบเหมือนๆ กันว่าเป็นใครสักคนที่ตายไปแล้ว (เช่น ญาติๆ หรือ รื พ่อ แม่พี่น้อง) และพอถามว่าคุยอะไรกัน พวกเขาก็จะตอบว่าคนที่เขาคุย ด้วยจะมาพาตัวพวกเขาไปในวันพรุ่ง รุ่ นี้ เวลานี้ (วัน/เวลาแล้วแต่คนไข้จะ พูด) และสิ่งที่แปลกและน่ากลัวที่สุดคือคนไข้เหล่านั้น นั้ จะเสียชีวิตตาม วัน/เวลาที่เขาบอกกับพยาบาลทุกครั้ง รั้
“ เรื่อ รื่ งหลอนแผนกจิตเวชเมืองนอก ” นักถ่มน้ำ ลาย เรื่อ รื่ งนี้อาจไม่มีเหตุการณ์สยองทรมานตาเท่าไหร่ แต่การกระทำ ของคนไข้รายนี้ก็น่ากลัวไม่แพ้คนอื่นๆ คือมีคนไข้คนหนึ่งป่วยเป็น HIV แบบ POSITIVE และเป็นจิตเภทชนิดหวาดระแวงเพราะเขาจะ คิดอยูตลอดว่าพยาบาลทุกคนในโรงพยาบาลพยายามจะฆ่าเขา ทุกครั้ง รั้ ที่พยาบาลหรือ รื เจ้าหน้าที่ที่จะต้องเข้าไปตรวจหรือ รื คอยดูแลเขาจะถูกเขา ถ่มน้ำ ลายใส่ แต่ไม่ใช่น้ำ ลายธรรมดานะคะ เพราะเขาจะกัดลิ้นจนเลือด ไหลและถ่มน้ำ ลายที่เป็นเลือด (ที่มีเชื้อ HIV) ใส่หน้าและใส่ปากทุกคน หลังจากนั้น นั้ เจ้าหน้าที่ทุกคนเลยต้องใส่หน้ากากและถุงมือก่อนจะเข้าไป หาเขาเพื่อการป้องกัน
“ เรื่อ รื่ งหลอนแผนกจิตเวชเมืองนอก ” เลื่อย เรื่อ รื่ งเล่าจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจิตเวชว่า วันหนึ่ง คนไข้คน หนึ่งเดินเข้ามาหาเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลในสภาพแขนทั้ง 2 ข้างขาด วิ่น โดยคนไข้คนนั้น นั้ เป็นคนใช้ "เลื่อย" เลื่อยแขนตัวเองออก (เลื่อย ข้างนึงออกแล้วอีกข้างทำ ยังไง พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน) เพราะอยากฆ่า ตัวตาย แต่หลังจากนั้น นั้ คนไข้ก็ถูกส่งไปรัก รั ษาและแพทย์ก็ต่อแขนของ เขาให้กลับเข้าที่เหมือนเดิมถึงแม้ว่าอาจใช้งานไม่ได้เหหมือนเดิมแล้ว ก็ตาม แต่สิ่งที่ประหลาดที่สุดคือเจ้าหน้าที่ทุกคนสงสัยว่ามันจะแย่ ขนาดไหนเชียวที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในความคิดที่อยากจะเลื่อยแขนตัวเองอ อกเนี่ย? หลังจากรัก รั ษาตัวได้ไม่นาน คนไข้คนนั้น นั้ ก็ฆ่าตัวตายตามความ ตั้งใจของเขาในที่สุด
“ เรื่อ รื่ งหลอนแผนกจิตเวชเมืองนอก ” แม่คนใหม่ เภสัชกรสาวคนหนึ่งเล่าถึงตอนที่เธอได้เข้าไปทำ งานในแผนก จิตเวชที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งว่า ทุกๆ ครั้ง รั้ ที่ออกเวรเธอจะต้องไป พร้อ ร้ มรถเข็นที่เต็มไปด้วยยา และด้วยความที่เป็นผู้หญิงตัวเล็กเลย จำ เป็นต้องมีพยาบาลผู้ชายหรือ รื พนักงานรัก รั ษาความปลอดภัยเดินไป กับเธอด้วยเพื่อป้องกันหากมีเหตุเกิดขึ้น แต่ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่แย่ มากๆ เกิดขึ้นกับเธอเลย นอกเสียจากคนไข้บางรายเสียชีวิตกระทันหัน หรือ รื บางคนอาจจะอาละวาดเป็นบางครั้ง รั้ แต่นอกเหนือจากนั้น นั้ มีเรื่อ รื่ งราวของเด็กชายวัย 9 ขวบคนหนึ่ง เด็ก ชายคนนี้มีผิวสีซีด ผมสีดำ และดวงตาโตสีเขียว เด็กชายคนนี้มักจะ ทักทายเธอด้วยความสุภาพและน่ารัก รั เช่น ถามเธอว่า "สบายดีไหม ครับ รั " หรือ รื "เป็นอย่างไรบ้าง" นอกจากนั้น นั้ มักจะปากหวานคอยชม เภสัชกรสาวคนนี้อยู่เสมอ รวมๆ แล้วเด็กคนนี้ดูโตกว่าวัยและดูมีความ คิดเป็นผู้ใหญ่มาก เมื่อเภสัชกรสาวคนนี้เจอเขาบ่อยขึ้นก็เริ่มริ่รู้สึ รู้ สึ กปลื้ม ในความสุภาพเรีย รี บร้อ ร้ ย ทุกๆ ครั้ง รั้ ที่ออกเวรเธอเลยแอบหวังอยากเจอ เขาอีก
“ เรื่อ รื่ งหลอนแผนกจิตเวชเมืองนอก ” แมลง ณ โรงพยาบาลจิตเวชแห่งหนึ่ง ผู้หญิงวัยกลางคนมานั่ง นั่ ให้ สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเธอเพิ่งถูกส่งเข้ามา สิ่งที่ทำ ให้ดูขัดหู ขัดตา ก็คือเธอติดพลาสเตอร์แ ร์ ละพันผ้าพันแผลเต็มแขนไปหมด ที่ แปลกกว่านั้น นั้ ปากและหูของเธอถูกปิดด้วยเทปใสจนเจ้าหน้าที่สงสัยว่า จะพูดและฟังยังไง? แถมนอกจากนั้น นั้ เธอยังดูไม่ค่อยสบายตัวอยู่ ตลอดเวลา เธอนั่ง นั่ ยุกยิกขยับตัวไปมาตลอดการสัมภาษณ์ และเมื่อ พยาบาลถามคำ ถามกับเธอ เธอก็จะค่อยๆ ลอกเทปกาวที่ปิดปากเธอ ออกเพื่อตอบคำ ถาม และติดกลับไปอย่างรวดเร็ว ร็ เมื่อพูดเสร็จ ร็ ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้รู้ว่ รู้ ว่ า หญิงคนนี้หวาดระแวงอยู่ตลอดเวลาว่า มีแมลงกำ ลังไต่อยู่ทั่วร่า ร่ งกายของเธอและพยายามจะเข้าไปในตัวของ เธอ พวกเทปใสและผ้าพันแผลต่างๆ ที่เธอติดและพันไว้ตามตัวก็มีไว้ เพื่อกันแมลงเข้านั่น นั่ เอง และที่เธอไม่สามารถนั่ง นั่ อยู่เฉยๆ ได้ก็เพราะว่า เธอรู้สึ รู้ สึ กว่าแมลงไต่ตัวอยู่ตลอดเวลา ที่แย่ที่สุดก็คือเธอรู้ตั รู้ ตั วอยู่เสมอว่า ความจริงริมันไม่ได้มีแมลง แต่จิตใต้สำ นึกของเธอก็คอยหลอกหลอน เธออยู่เสมอว่ามันมีแมลง ประมาณว่าเธอรู้ค รู้ รึ่ง รึ่ หนึ่งว่ามันไม่น่าจะเป็น จริงริ ไม่มีจริงริๆ หรอก แต่อีกครึ่ง รึ่ หนึ่งเธอก็เชื่อซะสนิทว่ามันมีอยู่จริงริ !
“ เรื่อ รื่ งหลอนแผนกจิตเวชเมืองนอก ” แมลง แต่วันหนึ่งเมื่อพวกพยาบาลเห็นเธอคุยกับเด็กคนนี้เลยมาเตือน เธอและเล่าว่าเมื่อสมัยที่เด็กชายคนนี้เรีย รี นอยู่ชั้น ชั้ อนุบาลเขาเคยตีสนิท กับครูสาวคนหนึ่ง สนิทมากจนถึงขั้น ขั้ เรีย รี กครูคนนั้น นั้ ว่า "แม่" และเขียน โน้ตหาคุณครูคนนี้ว่าเขาอยากเป็นลูกของคุณครูจริงริๆ ทั้งๆ ที่เด็กชาย คนนี้ก็มีครอบครัว รั ที่ปกติดี ไม่ได้ขาดอะไร ครูสาวคนนี้เลยหาวิธีพูดกับ เขาว่าเธอคงเป็นแม่ให้เขาไม่ได้หรอก เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น นั้ แล้วแม่ จริงริๆ ของเขาก็จะเสียใจแน่ๆ แต่ใครจะไปรู้ว่ รู้ ว่ าด้วยคำ พูดแค่นี้จะทำ ให้ เด็กชายคนนั้น นั้ กลับไปที่บ้านและฆ่าแม่ของตัวเองโดยการปาดคอขณะที่ เธอหลับ... ด้วยเหตุนั้น นั้ เจ้าหน้าที่ทุกคนในแผนกจิตเวชจึงมีกฎห้ามมีปฏิสัมพันธ์ กับเขามากเกินไป เพื่อป้องกันเหตุการณ์ประหลาดๆ แบบนั้น นั้ ไม่ให้เกิด ขึ้นอีก
เรื่อ รื่ งเล่าจากผู้ป่วย ความเจ็บป่วยทางจิตและ ความหวังของการรอคอย , เรื่อ รื่ งหลอนแผนกจิตเวชเมืองนอก