The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสุโขทัย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sawadee28, 2022-11-24 03:12:54

แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสุโขทัย

แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสุโขทัย

หนังสือเรียนวชิ าเลือก สาระพฒั นาสังคม

รายวชิ าแหล่งทอ่ งเทยี่ วสาํ คญั ของจงั หวดั สโุ ขทยั
รหัส สค23019

ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น

หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551

สาํ นกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจังหวดั สุโขทยั
สาํ นกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
สาํ นักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงศึกษาธกิ าร

คาํ นาํ

สํานักงาน กศน.จังหวัดสุโขทัย ได้จัดทําหนังสือเรียนรายวิชาแหล่งท่องเที่ยวที่สําคัญของจังหวัด
สุโขทัย ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เป็นรายวิชาเลือก จํานวน 1 หน่วยกิต หลักสูตรการศึกษานอกระบบ
ระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานพุทธศักราช 2551 สําหรับนักศึกษาได้ใช้ประกอบการเรียนขึ้น ซึ่งมีรายละเอียด
เกี่ยวกับเน้ือหา และกิจกรรมการเรียนรู้ สําหรับให้นักศึกษาได้ทํากิจกรรม หรือแบบฝึกปฏิบัติที่กําหนดให้
ครบถ้วน จะทําใหเ้ กิดความรู้ ความเขา้ ใจ และความสามารถตามผลการเรยี นรู้ท่ีคาดหวงั ของหลกั สตู ร

คณะผู้จัดทําหนังสือฉบับน้ีหวังว่า จะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษา ครู และผู้สนใจ ทั้งน้ีขอขอบคุณผู้
มสี ่วนรว่ มจดั ทาํ หนงั สือเรยี นฉบับน้ใี หส้ ําเรจ็ ดว้ ยดีไวใ้ นโอกาสนด้ี ้วย

นายสังวาลย์ ชาญพิชิต
ผอู้ ํานวยการสํานกั งาน กศน. จงั หวดั สโุ ขทัย

สารบัญ หนา้

คาํ นาํ 1
คาํ แนะนาํ ในการใชห้ นังสือ 15
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 34
บทที่ 1 แหล่งทอ่ งเทย่ี วเชงิ ประวัตศิ าสตร์จงั หวดั สโุ ขทัย
บทที่ 2 แหล่งทอ่ งเท่ียวเชิงอนรุ ักษ์ธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม
บทที่ 3 แหลง่ ท่องเทยี่ วเชิงวัฒนธรรม
แบบทดสอบหลังเรยี น
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน
บรรณานกุ รม
คณะผ้จู ดั ทํา

คาํ แนะนํา การใชห้ นังสอื เรียน
รายวิชาแหล่งท่องเท่ยี วทส่ี ําคญั ของจงั หวดั สโุ ขทยั รหสั วิชา สค23019
หนังสือเรียนสาระการพัฒนาสงั คมรายวชิ าเลือกแหลง่ ทอ่ งเที่ยวสาํ คญั ของจงั หวดั สโุ ขทัย
(รหัส สค 23019) เปน็ หนังสอื เรียนทจี่ ดั ทําขน้ึ สาํ หรบั ผเู้ รยี นนอกระบบ รายละเอียดดงั นี้
1. หนงั สือเรียนนีม้ ี 3 บท
บทท่ี 1 แหลง่ ท่องเท่ยี วเชิงประวัตศิ าสตรจ์ ังหวดั สโุ ขทยั
เรือ่ งท่ี 1 ประวัตศิ าสตร์จังหวัดสุโขทยั
เรอ่ื งที่ 2 อทุ ยานประวตั ิศาสตรส์ โุ ขทัย
เร่อื งท่ี 3 อุทยานประวัตศิ าสตรศ์ รีสัชนาลยั
บทที่ 2 แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วเชงิ อนุรกั ษธ์ รรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม
เรอ่ื งท่ี 1 อทุ ยานแห่งชาตริ ามคาํ แหง
เรื่องท่ี 2 อทุ ยานแหง่ ชาติศรีสัชนาลยั
เรือ่ งท่ี 3 วนอุทยานถา้ํ ลม ถา้ํ วัง
เรอ่ื งท่ี 4 เขตรกั ษาพันธุ์สัตว์ปา่ ถ้ําเจ้าราม
เรอ่ื งท่ี 5 เขื่อนสรดี ภงส์
บทที่ 3 แหลง่ ทอ่ งเที่ยวเชงิ วัฒนธรรม
เรื่องที่ 1 ชมุ ชนเคร่อื งปัน้ ดนิ เผาทุง่ หลวง
เรื่องที่ 2 ชุมชนบ้านนาตน้ จ่ัน
เรื่องที่ 3 ชุมชนทอผ้าบา้ นหาดเสีย้ ว
เรอ่ื งที่ 4 ชุมชนโบราณบา้ นตล่งิ ชนั – วงั หาด
เรอื่ งท่ี 5 ชมุ ชนเครื่องปนั้ ดนิ เผาสงั คโลก – เมืองเก่าสุโขทยั
เร่ืองท่ี 6 ชุมชนเคร่อื งปั้นดนิ เผาสงั คโลก – เมอื งเกา่ ศรีสัชนาลัย
2. ระยะเวลาในการศกึ ษา จํานวน 120 ชั่วโมง จาํ นวน 3 หนว่ ยกติ
3. วิธกี ารศึกษา
3.1 ทําแบบทดสอบกอ่ นเรียน เพ่อื ตรวจสอบความรู้ ความเขา้ ใจในรายวิชานเ้ี พียงใด
3.2 ศกึ ษาหนังสือเรียนทลี ะบท ทุกเรื่อง และทาํ กิจกรรมทา้ ยบทใหค้ รบถว้ นทกุ กิจกรรมหรือแบบฝกึ
3.3 ทาํ แบบทดสอบหลงั เรียนอกี คร้ังและตรวจใหค้ ะแนนตามเฉลยทา้ ยเล่มและนํา
คะแนนที่ได้มาเปรียบเทียบกับคะแนนก่อนเรียนว่าเพ่ิมข้ึนหรือไม่หากน้อยกว่าเดิมให้กลับไปศึกษาทบทวน
บทเรียนอีกคร้ัง หากได้คะแนนเพิ่มข้ึนจากก่อนเรียน แต่ยังไม่พอใจระดับคะแนนให้ลองกลับไปทบทวนบาง
บทเรยี นทไ่ี ม่เข้าใจเพมิ่ เติมจะชว่ ยใหน้ กั ศกึ ษามีความรู้ ความเขา้ ใจตามผลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวัง
4. นอกจากศกึ ษาจากหนังสอื เรยี นนี้แลว้ นักศกึ ษาควรหาความรเู้ พิ่มเตมิ จากแหล่งการเรยี นรู้อน่ื ๆ เช่น
เวบ็ ไซต์ หอ้ งสมุดประชาชน ผู้รใู้ นเรอ่ื งนั้นๆ เปน็ ต้น

โครงสร้างหนังสือเรยี น
รายวชิ า แหล่งทอ่ งเทย่ี วสาํ คัญของจงั หวัดสโุ ขทยั (3) รหัสวชิ า 23019

สาระสําคัญ

การจัดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยการศกึ ษามุ่งเนน้ การเรยี นรถู้ น่ิ ฐานบ้านเกดิ และประวัตศิ าสตรข์ องชนรนุ่ กอ่ น
การจดั กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามรายวิชาแหล่งท่องเท่ยี วสําคัญในจงั หวัดสุโขทยั เป็นการเรียนรทู้ เ่ี ปิดโอกาสให้ผู้เรยี น ได้
ศกึ ษาประวัตศิ าสตรส์ มยั สโุ ขทัยผ่านแหลง่ ทอ่ งเที่ยวสําคญั ในจังหวดั สุโขทัย โดยมีครเู ป็นผใู้ หค้ ําปรึกษา ต้ังแตก่ าร
เรยี นรคู้ วามเป็นมาของสมยั สุโขทยั จากอดตี จนถงึ ปัจจบุ ัน แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วเชงิ ประวัติศาสตร์ และแหล่งท่องเท่ียวเชงิ
อนรุ กั ษธ์ รรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม ตลอดจนการมสี ่วนร่วมในการวดั และประเมนิ ผล เพ่ือใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ กดิ การเรยี นรู้อยา่ ง
ยง่ั ยนื

ผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวงั
1. เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นมีความร้คู วามเข้าใจเกีย่ วกบั ประวัตศิ าสตรจ์ งั หวดั สุโขทัย
2. เพ่อื ใหผ้ ูเ้ รยี นอธิบายถึงลักษณะท่ีสาํ คญั ของแหลง่ ทอ่ งเท่ียวจังหวดั สุโขทยั ได้
3. เพ่ือส่งเสริมใหผ้ เู้ รยี นได้ฝกึ ทักษะในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ เขยี น

ขอบขา่ ยเนื้อหา
หนังสือเรยี นรายวชิ า แหลง่ ท่องเท่ียวสําคญั ของจงั หวดั สุโขทัย รหสั วิชา สค 23019 มี 3 บท ดังนี้

บทที่ 1 แหลง่ ทอ่ งเที่ยวเชงิ ประวตั ศิ าสตรจ์ ังหวัดสุโขทัย
เร่อื งที่ 1 ประวตั ศิ าสตรจ์ งั หวดั สโุ ขทัย
เรอ่ื งที่ 2 อทุ ยานประวัติศาสตร์สุโขทยั
เร่ืองที่ 3 อุทยานประวัตศิ าสตรศ์ รสี ัชนาลัย

บทที่ 2 แหล่งท่องเทย่ี วเชงิ อนรุ กั ษ์ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม
เรอ่ื งท่ี 1 อทุ ยานแหง่ ชาติรามคาํ แหง
เรอื่ งท่ี 2 อทุ ยานแห่งชาติศรสี ชั นาลยั
เรือ่ งที่ 3 วนอุทยานถํา้ ลม ถํา้ วัง
เรือ่ งที่ 4 เขตรักษาพนั ธส์ุ ัตว์ปา่ ถํ้าเจ้าราม
เรื่องที่ 5 เข่อื นสรดี ภงส์

บทที่ 3 แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วเชิงวัฒนธรรม
เร่อื งท่ี 1 ชมุ ชนเครื่องป้นั ดินเผาทุง่ หลวง
เร่ืองท่ี 2 ชมุ ชนบา้ นนาตน้ จ่ัน
เรื่องที่ 3 ชมุ ชนทอผ้าบา้ นหาดเสีย้ ว
เรื่องท่ี 4 ชมุ ชนโบราณบา้ นตลง่ิ ชนั – วงั หาด
เรอื่ งท่ี 5 ชมุ ชนเครื่องปน้ั ดนิ เผาสงั คโลก – เมืองเก่าสุโขทยั
เรื่องที่ 6 ชมุ ชนเครือ่ งปัน้ ดินเผาสังคโลก – เมืองเกา่ ศรีสชั นาลัย

กิจกรรมการเรยี นรู้
1. แบบทดสอบกอ่ น – หลังเรียน
2. ศกึ ษาหนังสอื เรยี นแต่ละบท
3. ทาํ กจิ กรรมท้ายบท
4. ตรวจสอบความร้จู ากเฉลยและแนวทางการตอบท้ายเล่ม
5. ศกึ ษาเพิ่มเติมจากแหลง่ เรียนรู้เพิ่มเตมิ

การวัดและประเมินผลการเรยี น
1. การทาํ กจิ กรรมท้ายเล่ม
2. ทดสอบหลังเรยี น

แบบทดสอบก่อนเรียน

1. พระบรมรปู พ่อขนุ รามคาํ แหงมหาราช ตัง้ ประดษิ ฐส์ ถานอยทู่ ีต่ ําบลใด

ก. ตาํ บลเมืองเกา่ ข. ตาํ บลธานี

ค. ตาํ บลคีรมี าศ ง. ตาํ บลบ้านกล้วย

2. พระเจดีย์มหาธาตุ ตงั้ อยูใ่ นวดั ใด

ก. วดั ศรีชมุ ข วดั มหาธาตุ

ค. วดั ตระพงั ตระกวน ง. วดั พระพายหลวง

3. พระเจดยี ม์ หาธาตุ ถูกออกแบบเป็นรปู ทรงใด

ก. ดอกบัวบาน ข. พมุ่ ข้าวบณิ ฑ์

ค. ดอกบวั คว่าํ ง. ทรงปราสาท

4. วดั พระศรมี หาธาตุ มีชอื่ เรยี กอกี ช่อื หนึ่งว่าอะไร

ก. วดั มหาธาตุ ข. วัดชา้ งล้อม

ค. วัดศรสี วาย ง. วัดพรปรางค์

5. โบราณสถานสําคัญอยู่บรเิ วณกลางสระน้าํ ท่มี ขี นาดใหญ่ บรเิ วณวัดสระศรี มชี ือ่ ว่าอะไร

ก. ตระพงั ทอง ข. ตระพงั น้ําวน

ค. ตระพงั ตระกวน ง. ตระพังทอง

6. ศาลตาผาแดง มลี ักษณะเป็นโบราณสถานแบบใด

ก. ศลิ ปะเขมร ข. ศิลปะแบบจีน

ค. ศลิ ปะแบบลังกา ง. ศลิ ปะแบบลพบรุ ี

7. พระอจนะพดู ไดน้ ั้น ประดษิ ฐ์สถานอยูท่ ว่ี ัดใด

ก. วดั พระปรางค์ ข. วดั ชา้ งล้อม

ค. วัดชนะสงคราม ง. วดั ศรชี มุ

8. พระพุทธอทุ ยานสโุ ขทัย มพี ระพุทธรปู จําลองจํานวนก่อี งค์

ก. 8 องค์ ข. 9 องค์

ค. 10 องค์ ง. 11 องค์

9. ลกั ษณะสถาปตั ยกรรมวหิ ารของพระพทุ ธอุทยานสุโขทัยเป็นแบบใด

ก. พระปรางค์ห้ายอด ข. พระปรางค์สามยอด

ค. พระปรางคเ์ กา้ ยอด ง. ทรงพุ่มขา้ วบณิ ฑ์

10. อุทยานประวัตศิ าสตรศ์ รสี ัชนาลยั ไดร้ ับการยกยอ่ งใหเ้ ปน็ มรดกโลก เมอ่ื ปี พ.ศ. ใด

ก. 2551 ข. 2534

ค. 2532 ง. 2531

11. อุทยานแหง่ ชาติรามคําแหง ไม่มี เนอื้ ทคี่ รอบคลมุ อยใู่ นอําเภอใด

ก. อําเภอบ้านด่านลานหอย ข. อาํ เภอเมอื งสุโขทยั

ค. อาํ เภอทงุ่ เสล่ยี ม ง. อาํ เภอคีรีมาศ

12. “อุทยานแหง่ ชาตริ ามคาํ แหง” ไดอ้ ญั เชิญสมญานามของกษตั ริยอ์ งคใ์ ด มาเปน็ ช่อื ของอทุ ยาน

แหง่ ชาติ

ก. พ่อขนุ เมง็ ราย ข. พ่อขุนรามคาํ แหงมหาราช

ค. พอ่ ขนุ ศรีอนิ ทราทิตย์ ง. พ่อขนุ บาลเมอื ง

13. พน้ื ท่ีส่วนใหญข่ องอทุ ยานแห่งชาตริ ามคําแหงปกคลุมดว้ ยปา่ ประเภทใดมากทสี่ ดุ

ก. ปา่ เบญจพรรณ ข. ปา่ ดิบแล้ง

ค. ป่าดิบเขา ง. ปา่ เต็งรงั

14. สถานท่ีใด ไม่ใช่ หลักฐานทางประวัติศาสตรท์ ีพ่ บบริเวณอุทยานแหง่ ชาติรามคาํ แหง

ก. วดั มหาธาตุ ข. ปล่องนางนาค

ค. เขอื่ นสรดี ภงส์ ง. รอยพระพุทธบาท

15. น้ําตกใดที่พบในบริเวณอทุ ยานแหง่ ชาติรามคําแหง

ก. นํ้าตกตาดเดอื น ข. นา้ํ ตกสายร้งุ

ค. นํ้าตกทลี อซู ง. น้าํ ตกตาดดาว

16. “เขาหลวง” ประกอบด้วยเทือกเขาใดบ้าง

ก. เขาพระนารายณ์ ข. เขาพระเจดยี ์

ค. เขาพระแม่ยา่ ง. ถกู ทกุ ขอ้

17. อุทยานแหง่ ชาตศิ รีสชั นาลัย มีชอ่ื เรียกอกี ชอ่ื หนึง่ คืออะไร

ก. ปา่ คา ข. ป่าดงดิบ

ค. ป่าหลวง ง. ป่าแดง

18. สถานท่ีใดเปน็ สถานทท่ี อ่ งเทย่ี วภายในอทุ ยานแห่งชาตศิ รสี ชั นาลยั

ก. ถาํ้ ค้างคาว ข. ถา้ํ เจ้าราม

ค. ถาํ้ ลม ง. ถาํ้ วัง

19. วนอทุ ยานถา้ํ ลม-ถ้ําวัง ตง้ั อยูใ่ นทอ้ งท่อี ําเภอใด

ก. อําเภอศรสี าํ โรง ข. อาํ เภอบ้านด่านลานหอย

ค. อําเภอศรนี คร ง. อาํ เภอทงุ่ เสลย่ี ม

20. ถํา้ เจา้ รามตงั้ อยูใ่ นเขตอาํ เภอใด

ก. ทงุ่ เสล่ียม-ศรีสําโรง ข. บ้านดา่ นลานหอย-อําเภอเมอื งสโุ ขทัย

ค. ทงุ่ เสลย่ี ม-สวรรคโลก ง. ครี ีมาศ-อาํ เภอเมอื งสุโขทัย

21. ชมุ ชนเครือ่ งป้ันดนิ เผาทุ่งหลวงอยูท่ อ่ี าํ เภออะไร

ก. คีรมี าศ ข. กงไกรลาศ

ค. ศรสี ําโรง ง. ศรีสชั นาลัย

22. ชาวทงุ่ หลวงใช้ดินอะไรป้ันของใชต้ า่ งๆ

ก. ดินทราย ข. ดินรว่ น

ค. ดินแดง ง. ดินเหนียว

23. ข้อใดเปน็ อาชีพเสรมิ ของชมุ ชนบา้ นนาต้นจน่ั

ก. ทอผา้ ข. จกั สาน

ค. ทําหัตถกรรมตอไม้ ง. ถูกทุกขอ้

24. ขอ้ ใดไมใ่ ชแ่ หล่งทอ่ งเทย่ี วในชุมชนบ้านนาต้นจน่ั

ก. ทอ่ งเทย่ี วเชงิ เกษตร ข. ศกึ ษาวถิ ชี ีวติ ชุมชน

ค. วัฒนธรรมประจําท้องถ่ิน ง. ไม่มขี อ้ ถูก

25. ทรัพยากรการทอ่ งเที่ยวภายในชมุ ชน ประกอบด้วยท่ใี ดบา้ ง

ก. โบราณสถาน ข. เมอื งเกา่ ศรีสชั นาลัย

ค. ภูมิปญั ญาบ้านตาวงค์ ง. ถูกทุกขอ้

26. ขอ้ ใดไมใ่ ชป่ ระเภทเครอื่ งปน้ั ดินเผา

ก. ชอ้ น ข. คนโท

ค. กานาํ้ ง. หม้อหวั ไก่

27. เอกลักษณ์ของ ชุมชนบ้านนาต้นจั่นคืออะไร

ก. ตน้ จนั่ ข. ตน้ สัก

ค. ต้นเฟ่ืองฟา้ ง. ต้นกล้วย

28. การดําเนินการของชุมชนบา้ นนาตน้ จ่ันมีการดําเนินการเปน็ กลุม่ 4 กลุม่ คอื กลุ่มใดบา้ ง

ก. กลุ่มโฮมสเตย์ ข. กลุ่มเฟอร์นเิ จอร์

ค. กลมุ่ จักสาน ง. ถกู ทกุ ขอ้

29. ตาํ บลทงุ่ หลวงแบง่ ออกเปน็ กีห่ ม่บู ้าน

ก. 2 ข. 3

ค. 4 ง. 13

30. อาชพี หลักของบ้านทุง่ หลวงคืออาชีพใด

ก. ทาํ นา ข. ค้าขาย

ค. ก่อสรา้ ง ง. ปลูกยางพารา

31. คําวา่ หาดเสยี้ วหมายถงึ อะไร

ก. ท่านํา้ ทแ่ี หวง่ ไป ข. แผ่นดินทถ่ี กู นํา้ กดั เซาะ

ค. ชายหาดที่ถูกน้าํ ทะเลกัดเซาะ ง. ท่าน้ําทีถ่ กู ถมดว้ ยดนิ

32. กลุ่มชนทอ่ี พยพมาอาศัยอยทู่ ี่บ้านหาดเสี้ยวคือกลุ่มชนใด

ก. ไทพวน ข. ไทใหญ่

ค. มูเซอ ง. ปากะยอ

33. ผลิตภณั ฑใ์ ดทเ่ี ป็นเอกลักษณข์ องบา้ นหาดเสย้ี ว

ก. มะปางไข่ ข. ข้าวตงั หนา้ ต้งั

ค. ผา้ ซิ่นตนี จก ง. เคร่ืองปั้นดินเผา

34. ผ้านุ่งซน่ิ ตีนดํา หมายถงึ อะไร

ก. หญิงที่เป็นสาวโสด ข. หญิงทแี่ ตง่ งานแล้ว

ค. หญงิ ที่เปน็ หม้าย ง. หญิงที่ต้งั ครรถ์

35. เครอื่ งมือใด ท่ไี มไ่ ด้ พบในชุมชนโบราณบา้ นตล่ิงชัน

ก. หอก ข. มีด

ค. ลกู ปัดแกว้ ง. โล่

36. ประเภทเครื่องป้นั สังคโลกสามารถแบ่งออกได้ตามลกั ษณะใด

ก. เนอ้ื ดนิ ข. รปู ทรง

ค. ความสงู ง. ถกู ทกุ ขอ้

37. ลวดลายท่ีพบในเครือ่ งสังคโลกสโุ ขทยั ทพี่ บมากท่สี ดุ คือลายใด

ก. ลายปลา ข. ลายไก่

ค. ลายนกยงู ง. ลายมงั กร

38. แหลง่ เตาเผาท่สี าํ คัญในจงั หวดั สุโขทยั มีกี่แหง่

ก. 2 แห่ง ข. 3 แห่ง

ค. 4 แห่ง ง. 5 แหง่

39. ลกั ษณะชามสงั คโลกใดทพี่ บจากเตาทุเรยี งสุโขทัย

ก. เนอ้ื ดนิ คอ่ นขา้ งละเอียด ชุบนํา้ สีขาว ลวดลายสเี ขียว

ข. เน้ือดนิ คอ่ นข้างละเอยี ด ชุบนา้ํ สีขาว ลวดลายสดี าํ

ค. เนือ้ ดนิ คอ่ นขา้ งหยาบ ชบุ นาํ้ สีขาว ลวดลายสีเขียว

ง. เนื้อดินคอ่ นขา้ งหยาบ ชบุ นํ้าสขี าว ลวดลายสดี าํ

40. ลักษณะใด ของเตาทเุ รียงท่ีขุดพบมากท่สี ดุ ในอําเภอศรีสชั นาลยั

ก. ทรงกลม ข. ทรงเหลยี่ ม

ค. หลังเตา่ ง. ประทุนเรือจ้าง

---------------------------------------------------------------------------------

1

บทที่ 1

แหล่งทอ่ งเทย่ี วเชิงประวตั ศิ าสตรจ์ งั หวดั สุโขทยั

ประวัติจังหวัดสโุ ขทยั

จังหวดั สโุ ขทัย เป็นท่ตี ง้ั อาณาจกั รแรกของชนชาตไิ ทยเมอ่ื ๗๐๐ ปีท่แี ล้ว คําวา่ " สุโขทัย" มาจากสองคาํ คือ
"สขุ +อุทัย" หมายความวา่ "ร่งุ อรุณแห่งความสขุ "รอยอดตี แหง่ ความรุ่งเรือง เหน็ ไดจ้ ากอทุ ยานประวตั ิศาสตรส์ ุโขทยั
และศรสี ัชนาลัย ซง่ึ เปน็ ท่ีรจู้ กั ของชาวไทยและตา่ งประเทศ ประวตั สิ โุ ขทัยเรม่ิ พ.ศ. ๑๘๐๐ เมอื่ พระยาศรีนาวนมั ถมพระ
บิดาพอ่ ขนุ ผาเมอื งไดป้ กครองเมอื งสุโขทยั เรอื่ ยมาจนสนิ้ พระชนม์ ขอมสมาดโขลญลาํ พงขา้ หลวงจากราชอาณาจกั รขอม
ได้เขา้ ยดึ ครองเมือง ขนุ บางกลางหาวและพ่อขนุ ผาเมอื งจา้ วเมืองราดได้ยึดเมอื งคืน และสรา้ งเมอื งสโุ ขทยั ขน้ึ เป็นราช
ธานี มีขนุ บางกลางหาวพระนามใหมว่ า่ พอ่ ขุนศรอี นิ ทราทิตย์ เปน็ ปฐมกษัตริย์ปกครองเมอื งสโุ ขทัย อาณาจกั รแหง่ แรก
ของประเทศไทย

ในสมัยพ่อขนุ รามคําแหงมหาราชโอรสของพอ่ ขุนศรีอนิ ทราทิตย์ ได้แผอ่ าณาจกั รออกไปกว้างขวางคลมุ เขต
ประเทศไทยเกือบหมด บ้านเมอื งเจรญิ ทกุ ด้าน ไมว่ า่ ดา้ นประวัติศาสตร์ ยทุ ธศาสตร์ กฎหมาย การปกครอง
เศรษฐกจิ ศาสนา และวัฒนธรรมประเพณี เฉพาะอยา่ งยิ่งทรงประดษิ ฐ์อักษรไทยขน้ึ เมือ่ พ.ศ. ๑๘๒๖ อักษรไทยท่ี
ทรงประดิษฐ์นี้ไดจ้ ารกึ ไว้ในแผน่ ศลิ ามากมาย ศลิ าจารึกเหล่าน้เี ปน็ หลกั ฐานสําคัญใหร้ เู้ รือ่ งเมืองสโุ ขทัยมากขึน้

ในศลิ าจารกึ บอกถึงความรุง่ เรอื งของอาณาจกั รสุโขทยั สมัยพ่อขุนรามคําแหงมหาราชวา่ มอี าณาเขตกวา้ ง
มาก ทิศเหนอื จรดเมืองแพร่ นา่ นและหลวงพระบาง ทิศใตจ้ รดนครศรีธรรมราช ทศิ ตะวนั ออกจรดเมืองเวียงจันทร์
และทศิ ตะวันตกจรดเมืองหงสาวดี การปกครองบา้ นเมอื งเป็นระบบ "พ่อปกครองลกู "ประชาชนมคี วามเปน็ อยูด่ มี ี
สิทธเิ สรีภาพดง่ั คาํ จารึกว่า "ไพรฟ่ ้าหนา้ ใสในนาํ้ มปี ลา ในนามขี า้ ว เพือ่ นจงู ววั ไปค้าข่ีมา้ ไปขาย ใครจักใครค่ ้าชา้ งคา้
ใครจักใคร่คา้ ม้าค้า"

สมยั นน้ั ชาวสุโขทัย ทาํ เกษตรกรรมเปน็ หลกั อาศยั นํา้ ทมี่ ีอย่บู รบิ ูรณท์ ํานา ทําสวน ทําไร่ มกี ารสร้าง
เขอ่ื นเกบ็ กกั นํา้ ไว้ใช้หน้าแลง้ เรยี กวา่ "ทํานบพระร่วง "ซงึ่ นกั โบราณคดีได้ศกึ ษาพบถึง ๗ แหง่ สโุ ขทยั เป็น
ศนู ย์กลางคา้ และการผลิตเคร่ืองถว้ ยชามที่เรยี กวา่ "สงั คโลก "สง่ ขายยังต่างประเทศ เช่น มาเลเซยี อนิ โดนเิ ซยี และ
บอร์เนยี ว นอกจากนนั้ ยังเป็นศูนยก์ ารค้าสนิ คา้ จากจนี เชน่ ถว้ ยชามและผ้าไหม เพอ่ื ขายในประเทศและส่งต่อ
ต่างประเทศดว้ ย หลกั ฐานทสี่ ะท้อนให้เห็นความเจรญิ มั่งค่งั ทางเศรษฐกจิ ของสโุ ขทยั ไดแ้ ก่ สมบัตทิ างวฒั นธรรม
ท่ีไดร้ ับการบูรณะข้ึนเปน็ อทุ ยานประวัติศาสตร์สุโขทยั และมรดกโลกในปจั จุบนั

สโุ ขทยั ในปจั จบุ ัน ตวั เมอื งในปัจจบุ นั นี้มใิ ชก่ รงุ สุโขทยั อนั เปน็ ราชธานีเดมิ แตเ่ ป็นเมอื งสุโขทยั ลน้ เกลา้ ฯ
รัชกาลที่ ๑ แหง่ ราชวงศ์จักรที รงยา้ ยผู้คนทัง้ หมดจากสโุ ขทัย ตง้ั เมอื งใหมท่ างฝง่ั ตะวันออกของลาํ นํ้ายมเมอ่ื พ.ศ.
๒๓๓๖ โดยหา่ งจากตัวเมืองสโุ ขทยั ที่เคยเปน็ ราชธานี ๑๒ กโิ ลเมตร พระราชดาํ ริในครัง้ นั้นมีอยวู่ า่ เมืองสโุ ขทยั เป็น

2

เมืองใหมไ่ มม่ ผี คู้ นพอจะต่อส้รู กั ษาให้พ้นจากการรุกรานจากพม่าข้าศึกได้ เมืองสุโขทัยเคยถูกยบุ เป็นอําเภอมีชือ่ ว่า
"อําเภอธาน"ี ขนึ้ อยู่กับอาํ เภอสวรรคโลก เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ จนกระทงั่ ปี พ.ศ.๒๔๘๒ ทางการจึงได้ยกฐานะเป็น
จังหวัดดังปรากฏอยจู่ นกระทง่ั ปัจจุบนั น้ี

สุโขทยั เป็นราชธานแี หง่ แรกของราชอาณาจักรไทย สิ่งสาํ คญั ทจ่ี ะตอ้ งระลกึ กค็ ือมหาราชพระองค์
แรกของไทย ไดถ้ ือกาํ เนดิ ข้นึ ณ สุโขทัยแหง่ นีพ้ ระองคท์ รงปกครองไพรฟ่ า้ ขา้ แผ่นดินใหไ้ ดร้ บั ความรม่ เยน็
เปน็ สขุ กบั ไดข้ ยายดนิ แดนออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล และเจรญิ รงุ่ เรอื งอยา่ งสูงสุดในชว่ งเวลาน้ัน จาก
รอ่ งรอยและหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ได้ช้ีใหเ้ หน็ วา่ ศิลปวัฒนธรรมของความเปน็ ไทยได้เรม่ิ ต้น ณ แหง่ น้ี
วทิ ยาการความรู้ความสามารถ และเทคโนโลยีแขนงตา่ ง ๆ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การมีภาษาและหนังสือของ
ตนเองไดบ้ ่งบอกถึงอารยธรรมอนั สูงส่งของคนไทยได้เร่มิ ขนึ้ และวิวัฒนาการเปน็ มรดกตกทอดถงึ ลูกหลาน
ไทยไดส้ บื ทอดตอ่ กันมาจนตราบเทา่ ทุกวนั นี้

อุทยานประวตั ศิ าสตรส์ โุ ขทยั

อทุ ยานประวตั ิศาสตรส์ โุ ขทัย อยู่ตรงข้ามพพิ ิธภณั ฑสถานแห่งชาติ รามคาํ แหง ห่างจากตวั
จงั หวดั สโุ ขทัยไปทางทศิ ตะวันตกประมาณ ๑๒ กิโลเมตร ถนนจรดวิถถี อ่ ง ทางหลวงหมายเลข 12 สาย
สุโขทยั -ตาก

ในอดตี เมืองสโุ ขทยั เคยเป็นราชธานีของไทยมคี วามเจรญิ รงุ่ เรอื ง เป็นศูนยก์ ลางการปกครอง ศาสนา และ
เศรษฐกจิ ภายในอทุ ยานฯ มสี ถานท่ีสําคญั ท่ีเปน็ พระราชวัง ศาสนสถาน โบราณสถาน โดยมคี เู มอื ง กําแพงเมอื ง และ
ประตูเมอื งโบราณล้อมรอบอยใู่ นรปู สี่เหลย่ี มจตรุ สั

บริเวณพ้ืนที่อทุ ยานประวัตศิ าสตร์สโุ ขทัยครอบคลุมพื้นท่ีกวา่ 70 ตารางกโิ ลเมตร และมโี บราณสถาน
สาํ คญั ท่นี ่าชมมากมาย

อัตราค่าเข้าชม นักทอ่ งเทย่ี ว ชาวไทย 10 บาท ชาวตา่ งชาติ 40 บาท หรือสามารถซ้อื ต๋วั รวมได้ ชาวไทย
30 บาท ชาวตา่ งชาติ 150 บาท โดยบตั รน้สี ามารถเข้าชมอทุ ยานฯ ตา่ ง ๆ ในจังหวดั สโุ ขทยั ได้ ภายในระยะเวลา 30
วนั เปดิ ให้ เขา้ ชมทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. (ปดิ จําหนา่ ยบัตรเวลา 18.00 น.) หมายเหตุ ตง้ั แตเ่ วลาประมาณ
19.00-21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน

3

ในกรณีทน่ี าํ ยานพาหนะเข้าเขตโบราณสถานจะต้องเสียคา่ ธรรมเนียมอกี ด้วย และท่ีบรเิ วณลานจอดรถของ
อทุ ยานฯ ศูนยบ์ รกิ ารนักทอ่ งเทย่ี วมีบรกิ าร รถราง นําชมรอบ ๆ บริเวณอุทยานฯ อัตราคา่ บริการ นักท่องเที่ยว ชาว
ไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 20 บาท นอกจากน้นั ท่ีบริเวณดา้ นหนา้ อทุ ยานฯ มีบริการ รถจกั รยาน ใหเ้ ช่าในราคาคนั ละ
20 บาท

กรณเี ขา้ ชมเป็นหมเู่ ป็นคณะ และตอ้ งการวทิ ยากรนําชม หรือนักทอ่ งเทีย่ วทีต่ อ้ งการสอบถามรายละเอียด
เพ่มิ เติม ติดตอ่ ได้ที่ ศูนย์บรกิ ารข้อมลู นกั ท่องเทยี่ วอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตําบลเมืองเกา่ อําเภอเมือง จังหวัด
สุโขทัย 64210 โทร. 0-5569-7310 การเดนิ ทาง จากตัวเมืองสโุ ขทยั นักทอ่ งเทย่ี วสามารถนัง่ รถประจําทางสายเมอื ง
เกา่ (รถสองแถว) มีรถออกทุก 20 นาที จอดรอบบรเิ วณทา่ รถใกล้ปอ้ มยามตาํ รวจมาลงที่หนา้ อุทยานฯ มี
รถออกทุก 20 นาที

พระบรมราชานุสาวรยี ์พ่อขนุ รามคําแหงมหาราช

สรา้ งข้นึ เมือ่ ปี พ.ศ. 2518 ต้งั อยรู่ มิ ถนนจรดวถิ ีถ่อง ทางทิศเหนอื ของวัด
มหาธาตุ ลกั ษณะพระบรมรปู พอ่ ขุนรามคาํ แหงมหาราชเป็นพระบรมรูปหล่อ
ดว้ ยโลหะทองเหลืองผสมทองแดงรมดาํ ขนาด 2 เทา่ ขององค์จริง สงู ๓
เมตร ประทบั นัง่ ห้อยพระบาทบนแทน่ มนงั คศลิ าบาตร พระหัตถข์ วาถอื
คัมภรี ์ พระหัตถซ์ ้ายอยใู่ นท่าทรงส่ังสอนประชาชน แทน่ ด้านซ้ายมพี านวาง
พระขรรค์ไว้ข้าง ๆ ลกั ษณะพระพักตร์เหมือนอยา่ งพระพุทธรปู สมยั สุโขทยั
ตอนตน้ ทีถ่ ่ายทอดความร้สู กึ ว่า พ่อขุนรามคาํ แหงมหาราชมีน้ําพระทยั
เมตตากรณุ ายตุ ิธรรม มคี วามเดด็ ขาดในการปกครองแบบพ่อปกครองลกู ที่
ดา้ นข้างมีภาพแผน่ จําหลกั จารึกเหตุการณ์เกี่ยวกบั พระราชกรณยี กจิ ของ
พระองค์ตามที่อา้ งถงึ ในจารกึ สโุ ขทยั

กาํ แพงเมอื งสโุ ขทยั

ตง้ั อยู่ทตี่ ําบลเมืองเกา่ ปรากฏหลักฐานในศลิ าจารึก เรียกว่า ตรบี รู มีแผนผังเปน็ รูป
ส่เี หล่ยี มผืนผา้ มีขนาดกว้าง 1,300 เมตร ยาว 1,800 เมตร กาํ แพงชั้นในเป็นศิลาแลงกอ่ บนคันดนิ
กําแพง 2 ชนั้ นอกเปน็ คูนํ้าสลบั กับคนั ดนิ นอกจากทาํ หน้าท่ีป้องกันขา้ ศึกแล้วคนู ้าํ ยงั ใช้ระบายนาํ้ ไม่ให้
ไหลทว่ มเมืองอีกด้วย ระหว่างกง่ึ กลางแตล่ ะดา้ นมปี ระตเู มอื ง และป้อมหน้าประตดู ว้ ย

4

วัดมหาธาตุ
ต้งั อยู่กลางเมอื ง เปน็ วดั ใหญ่ และวัดสาํ คญั ของกรุงสุโขทัย มีพระเจดยี ์มหาธาตทุ รงดอก

บวั ตูม หรือทรงพ่มุ ขา้ วบิณฑ์ เปน็ ศิลปะแบบสุโขทยั แท้ ตง้ั เปน็ เจดยี ป์ ระธาน ลอ้ มรอบด้วยเจดยี ์ 8 องค์
บนฐานเดยี วกนั คือ ปรางค์ศลิ าแลงต้ังอยู่ที่ทิศท้ัง 4 และเจดียท์ รง
ปราสาทกอ่ ด้วยอฐิ ท่ีไดร้ ับอทิ ธพิ ลมาจากลา้ นนา จากการ
สาํ รวจ พบวา่ บรเิ วณวัดมหาธาตมุ ีเจดยี ์แบบตา่ ง ๆ มากถงึ 200 องค์
วหิ าร 10 แห่ง ซุ้มพระ (มณฑป) 8 ซมุ้ พระอโุ บสถ 1 แหง่ ตระพงั 4
แห่ง ด้านตะวันออกบนเจดีย์ประธานมวี ิหารขนาดใหญ่ก่อดว้ ยศิลา
แลง มแี ท่นซึ่งเคยเปน็ ทปี่ ระดิษฐานพระพทุ ธรปู สํารดิ ท่ใี หญ่ทีส่ ุดใน
ประเทศไทย คอื พระศรีศากยมนุ ี ปจั จุบนั ได้รับการเคล่อื นยา้ ยไปอยทู่ ่ี
วดั สทุ ัศนฯ์ กรงุ เทพมหานคร ทีด่ ้านเหนอื และดา้ นใตข้ องเจดีย์
มหาธาตุมพี ระพทุ ธรปู ยนื ภายในซุ้มพระ เรยี กวา่ "พระอัฏฐารศ"

วัดชนะสงคราม

ต้ังอยู่ทางด้านเหนอื ของวัดมหาธาตุ ใกลก้ บั
โบราณสถานท่เี รยี กว่าหลักเมอื ง เดิมเรยี กวา่ วัดราชบูรณะ มี
ลกั ษณะเดน่ คอื เจดียท์ รงระฆังกลมขนาดใหญ่ เป็นเจดยี ์
ประธาน และมวี หิ าร โบสถ์ เจดยี ์รายตา่ ง ๆ

เนนิ ปราสาทพระรว่ ง หรือเขตพระราชวงั ในสมยั สโุ ขทัย

ตั้งอย่ทู างทศิ ตะวนั ออกตดิ กับวดั มหาธาตุ มีโบราณสถานแหง่ หนึง่ เรียกว่า เนินปราสาท
พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอย่หู ัวสนั นษิ ฐานวา่ บรเิ วณ
นเ้ี คยเปน็ ฐานปราสาทราชวัง ของกษตั ริย์เมอื งสุโขทัย กรม
ศลิ ปากรได้ขุดแต่งบรู ณะ เมื่อ พ.ศ. 2526 พบฐานอาคาร
แบบฐานบัวค่าํ บัวหงาย มลี ักษณะเป็นฐานสูงรปู
สเ่ี หล่ยี มผนื ผ้า ขนาด 27.50X51.50 เมตร มบี ันไดท่ีด้านหน้า
และด้านหลัง

5

วดั ตระพังเงนิ

(คําวา่ “ตระพัง” หมายถงึ สระน้ํา หรือหนองนํา้ )
เปน็ โบราณสถานสาํ คัญ ตัง้ อยบู่ รเิ วณขอบตระพังเงินด้านทศิ
ตะวันตกของวดั มหาธาตุ ห่างจากวัดมหาธาตุ 300 เมตร
โบราณสถานนไี้ ม่มีกาํ แพงแก้ว ประกอบดว้ ยเจดียท์ รงดอก
บัวตมู เปน็ ประธาน ลักษณะเด่นของเจดีย์ทรงดอกบวั ตมู คอื มี
จระนาํ ทีเ่ รือนธาตุทงั้ ส่ีดา้ นประดิษฐานพระพุทธรปู ยนื และ
พระพุทธรูปปางลีลา (จระนํา หมายถึง ชอื่ ซมุ้ ทา้ ยวิหาร หรือ
ทา้ ยโบสถ์ มักเป็นชอ่ งตัน) วิหารประกอบอยู่ด้านหน้า และ
ทางดา้ นตะวันออกของเจดียเ์ ป็นเกาะมโี บสถ์ตง้ั อยู่กลางนํา้

วัดสระศรี

เปน็ วัดทต่ี ั้งอยู่ทางทศิ ตะวนั ตกเฉียงเหนอื ของวัด
มหาธาตุ เป็นโบราณสถานสาํ คัญอยูบ่ รเิ วณกลางสระน้ําท่ีมีขนาด
ใหญ่ ชอื่ วา่ ตระพังตระกวนและส่งิ สาํ คญั ของวดั ประกอบดว้ ย
เจดยี ป์ ระธานทรงลงั กาด้านหน้าวิหารขนาดใหญป่ ระดิษฐาน
พระพุทธรปู ปนู ปนั้ ปางมารวิชยั มีเจดียข์ นาดเลก็ ศลิ ปะศรีวิชัย
ผสมลังกาต้ังอยู่ทางดา้ นทิศใต้ มีซมุ้ ระพทุ ธรูป 4 ทศิ
ด้านหน้ามเี กาะกลางน้ําขนาดย่อมเป็นทต่ี ั้งของพระอโุ บสถขนาดเล็กวัดแหง่ นี้ได้ช่ือว่าเป็นจดุ ท่ีมที ศั นียภาพท่สี วยงาม

วดั ศรีสวาย

ต้งั อยู่ทางตอนใต้ของวดั มหาธาตุ ห่างออกไปประมาณ
350 เมตร โบราณสถานทีส่ าํ คญั ตั้งอยใู่ นกําแพงแกว้
ประกอบดว้ ยปรางค์ 3 องค์ รปู แบบศลิ ปะลพบุรี ลกั ษณะของ
ปรางคค์ ่อนข้างเพรียว ตั้งอยบู่ นฐานเต้ีย ๆ ลวดลายปูนปั้น
บางส่วนเหมอื นลายบนเครอ่ื งถว้ ยจนี สมัยราชวงศห์ ยวน ไดพ้ บ
ทบั หลังสลักเป็นรปู นารายณ์บรรทมสินธ์ุ ชน้ิ ส่วนของเทวรูป และศิวลงึ คท์ ี่แสดงให้เห็นวา่ เคยเปน็ เทวสถานในศาสนา
ฮนิ ดมู าก่อน แลว้ แปลงเปน็ พทุ ธสถานโดยตอ่ เติมวิหารข้นึ ท่ดี า้ นหน้าแล้วเปน็ วัดในพทุ ธศาสนาภายหลงั

6

แหล่งโบราณคดเี คร่ืองปน้ั ดนิ เผาสโุ ขทยั (เตาทเุ รียง)

อย่ใู กล้วดั พระพายหลวง บริเวณแนวคเู มืองเก่าที่
เรียกวา่ “แมโ่ จน” เปน็ เตาเผาถ้วยชามสมยั สุโขทัย มีอายรุ าวพทุ ธ
ศตวรรษท่ี 18 ค้นพบเตาโดยรอบ 49 เตา ซึ่งสว่ นใหญ่อยบู่ ริเวณคนั คู
แมน่ าํ้ โจนดา้ นทิศเหนือ 37 เตา ดา้ นทิศใต้ข้างกําแพงเมือง 9 เตา และ
ด้านทิศตะวันออก 3 เตา เตาเผาเคร่อื งสังคโลกมีลกั ษณะคลา้ ยประทนุ
เกวียนขนาดกว้าง 1.50 - 2.00 เมตร ยาว 4.5 เมตร เคร่อื งปนั้ ดนิ เผาทพ่ี บบรเิ วณน้ีส่วนใหญเ่ ปน็ ประเภทถ้วยชาม มีขนาด
ใหญ่ นาํ้ ยาเคลือบขุ่น สเี ทาแกมเหลือง มีลายเขยี นสดี ํา สว่ นใหญท่ ําเป็นรูปดอกไม้ ปลาและจกั ร

วดั พระพายหลวง

เป็นโบราณสถานขนาดใหญม่ ีความสําคญั เป็นอันดบั สองรอง
จากวัดมหาธาตุ ผงั วดั เป็นรูปสเ่ี หล่ยี มผนื ผ้า มคี นู ํ้าล้อมรอบ 3 ชน้ั คู
ชัน้ นอกเรยี กวา่ คแู ม่โจน วดั พระพายหลวงเปน็ ศนู ยก์ ลางของชมุ ชน
โบราณสถานทเี่ กา่ แกท่ ส่ี ุดของวัด คือ พระปรางค์ 3 องค์ เป็นปรางค์
ประธานของวดั กอ่ ดว้ ยศิลาแลง ศลิ ปะเป็นเขมรแบบบายน สมยั พระ
เจา้ ชยั วรมนั ที่ 7 ดา้ นหน้าของวดั เปน็ อาคารท่ีประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ปูนปน้ั 4 อริ ิยาบถ คือนั่ง นอน ยนื เดิน

วัดศรชี ุม

ต้ังอยู่ห่างจากวัดพระพายหลวงไปทางทศิ ตะวันตกเมตรเป็นวดั ที่
ประดิษฐานพระอจนะเป็นพระพุทธรูปปูนปนั้ ปางมารวิชัยขนาดใหญ่
หน้าตกั กว้าง11.30 เมตรลกั ษณะของวิหารสร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมลักษณะ
คลา้ ยมณฑปแต่หลงั คาพังทลายลงมาหมดแล้วเหลือเพยี งผนังทั้งสด่ี า้ นผนงั แต่ละดา้ นก่ออฐิ ถือปูนอย่างแน่นหนาผนงั
ทางด้านใต้มชี อ่ งใหค้ นเขา้ ไปภายในและเดินข้ึนไปตามทางบันไดแคบๆถงึ ผนงั ด้านข้างขององคพ์ ระอจนะหรือสามารถขน้ึ
ไปถงึ สนั ผนังด้านบนได้ ภายในช่องกําแพงตามฝาผนังมภี าพเขียนเก่าแกแ่ ต่เลอะเลือนเกือบหมดภาพเขียนน้มี ีอายุเกือบ
700 ปี นอกจากนแี้ ล้วบนเพดานช่องบันไดยังมีแผ่นหนิ ชนวนขนาดใหญแ่ กะสลักลวดลายเรือ่ งชาดกต่างๆมีจํานวนท้งั หมด
50ภาพเมอ่ื เดนิ ตามช่องทางบันไดขนึ้ ไปจะโผล่บนหลงั คาวหิ ารมองเหน็ ทวิ ทัศนอ์ นั งดงามของเมอื งเก่าสโุ ขทัยได้
โดยรอบ

7

เพราะเหตใุ ดวิหารวัดศรีชุมจึงมีความเร้นลบั ซอ่ นอยอู่ ยา่ งนี้ เร่ืองน้หี ากพจิ ารณากันอยา่ งลกึ ซง้ึ
แล้วจะพบว่าพระมหากษตั ริยใ์ นราชวงศพ์ ระรว่ งทรงพระปรชี าสามารถในด้านปลุกปลอบใจทหารหาญ
และดา้ นอื่น ๆ อีกมาก เพราะผนังดา้ นข้างขององคพ์ ระอจนะมชี อ่ งเลก็ ๆ ถา้ หากใครแอบเขา้ ไปทาง
อุโมงคแ์ ลว้ ไปโผล่ท่ชี อ่ งนี้ และพดู ออกมาดัง ๆ ผทู้ อ่ี ยภู่ ายในวหิ ารจะต้องนกึ วา่ พระอจนะพดู ได้ และ
เสยี งพดู น้ันจะกงั วานนา่ เกรงขาม เพราะวหิ ารนไ้ี ม่มหี น้าต่าง แต่เดิมคงมหี ลงั คาเปน็ รูปโคง้ คลา้ ยโดม

วดั ช้างรอบ
อย่หู ่างจากประตอู อ้ ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 2.4
กิโลเมตร มโี บราณสถานท่สี ําคัญประกอบดว้ ย เจดยี ท์ รง
กลมแบบลังกา ฐานสเ่ี หล่ียมจตั รุ สั มีชา้ งโผลค่ รง่ึ ตัว มี
จํานวน 24 เชอื ก พระอุโบสถอยู่ดา้ นหน้าเจดยี ์ประธาน
และมเี จดียร์ าย 5 องค์ ลอ้ มรอบเจดยี ์ประธาน และโบสถ์
วดั สะพานหนิ

วดั นต้ี ง้ั อยู่บนเนินเขา สงู ประมาณ 200 เมตร
บรเิ วณทางเดินขนึ้ โบราณสถานมที างเดนิ ปูลาดด้วยหนิ ชนวน
จากตีนเขาข้ึนไปเป็นระยะทาง 300 เมตร สง่ิ สําคญั ภายใน
วัด ไดแ้ ก่ พระประธานเปน็ พระพุทธรปู ยืนขนาดใหญ่ เปน็ ที่
ประดษิ ฐานพระปางประทานอภยั สูง 12.50 เมตร เรยี กวา่
“พระอฏั ฐารศ”

8

เขอ่ื นสรดี ภงค์ หรอื ทาํ นบพระร่วง

ต้ังอยู่บริเวณเมอื งเกา่ ทาํ นบนเ้ี ปน็ เขือ่ นดนิ (คนั ดิน)
สาํ หรบั กนั้ นํ้าอยู่ระหวา่ งซอกเขาคือ เขาพระบาทใหญ่
และเขากวิ่ อา้ ยมา ที่สร้างขนึ้ เพ่อื กกั นาํ้ และชกั นํา้ ไปตามคลอง
สง่ นา้ํ มาเข้ากําแพงเมอื งเขา้ สระตระพังเงนิ ตระพังทอง
เพอื่ นาํ ไปใช้ในเมอื ง และพระราชวงั ในสมยั โบราณ
ซ่ึงในปัจจบุ ันกรมชลประทานได้ปรับปรุงบรู ณะ และซ่อมแซมขึ้นใหม่

วัดเชตพุ น

ศิลปกรรมทนี่ ่าสนใจของวดั คือ มณฑปทสี่ รา้ งดว้ ยหนิ ชนวน เป็นท่ี
ประดษิ ฐานพระพุทธรปู ส่ีอิรยิ าบท คอื น่งั นอน ยืน เดนิ ภายใน
มณฑปเป็นทป่ี ระดษิ ฐานพระพุทธรปู โดยมกี ารใชว้ ัสดุทงั้ อฐิ หนิ ชนวน
ศลิ าแลง ในการกอ่ สรา้ ง ส่งิ ทน่ี า่ ชมภายในวัด คอื กําแพงแกว้ ท่ี
ลอ้ มรอบมณฑปจตรุ มขุ น้สี ร้างจากหินชนวนท่มี ีขนาดใหญ่ และหนา
โดยมกี ารสกัด และบากหนิ เพือ่ ทาํ เปน็ กรอบ และซีก่ รงเลียนแบบ
เครอื่ งไม้ และยงั ไดพ้ บศลิ าจารึกทีว่ ัดน้ีหลกั ท่ี 58 จารึกในปี พ. ศ.
2057 กล่าววา่ เจา้ ธรรมรงั สสี ร้างพระพุทธรูปในวดั น้ี

วดั เจดยี ์สีห่ อ้ ง

ตั้งอยทู่ างตะวันออกของวดั เชตุพน หา่ งไปประมาณ 100 เมตร โบราณสถานท่ีน่าสนใจ คือ ท่ี

ฐานเจดีย์ประธานมีภาพปนู ปนั้ ประดับโดยรอบปนั้ เปน็ รปู บคุ คล รปู บรุ ษุ และสตรี สวมอาภรณ์ และ

เครื่องประดบั ในมือถือภาชนะ มีพรรณพฤกษางอกโผล่พน้ ออกมาทแ่ี สดงถงึ ความอดุ ม

สมบูรณ์ นอกจากนนั้ มปี ูนปน้ั รปู ช้าง และสงิ หป์ ระดบั รปู บคุ คล องคเ์ จดยี ป์ ระธานเป็นทรงระฆังกลมที่

ได้รับการบูรณะ ส่วนยอดเจดีย์ไดห้ กั พังลง

9

วัดชา้ งลอ้ ม

เปน็ โบราณสถานทีส่ าํ คญั มเี จดยี ท์ รงกลมแบบลงั กา
เป็นประธานของวดั รอบฐานเจดยี ์ประดับดว้ ย ปนู ปนั้ เปน็
รปู ช้างโผลค่ รึง่ ตัว ด้านหน้ามีฐานวหิ ารก่อดว้ ยอฐิ และยงั มี
ฐานกาํ แพงแกว้ กอ่ ดว้ ยอิฐล้อมรอบ

วัดตระพงั ทองหลาง

อยู่รมิ ถนนจรดวถิ ีถ่อง หากเดินทางมาจากจังหวดั สุโขทยั
วดั ตระพงั ทองหลางอยู่ริมซา้ ยมอื ศิลปกรรมทส่ี ําคญั คอื มณฑป
รปู สเ่ี หลีย่ มจัตรุ สั กอ่ ดว้ ยอฐิ ผนังด้านนอกประดิษฐาน
พระพุทธรูปปูนป้นั ตอนพระพุทธเจา้ เสด็จลงจากดาวดึงส์ ตอน
ประทานเทศนาโปรดพระพุทธบดิ ากับกษัตริยศ์ ากยราช และ
ตอนเสด็จโปรดนางพิมพา นับเปน็ ศิลปกรรมช้นิ เอกของสุโขทัย

อุทยานประวตั ิศาสตร์ศรีสัชนาลัย

อุทยานประวัตศิ าสตรศ์ รีสัชนาลยั ตัง้ อยู่ทต่ี าํ บลศรสี ัชนาลยั บรเิ วณท่เี รยี กว่า “แกง่ หลวง” หา่ งจากตวั
อําเภอศรสี ชั นาลัยลงมาทางอาํ เภอสวรรคโลก 11 กโิ ลเมตร หรอื หา่ งจากกรงุ เทพฯ ประมาณ 550 กโิ ลเมตร ครอบคลมุ
พ้นื ท่ใี นเขตของตาํ บลศรสี ัชนาลยั ตาํ บลสารจิตร ตําบลหนองออ้ ตาํ บลท่าชยั สว่ นตัวเมืองโบราณศรสี ัชนาลยั อยู่ในเขต
หม่บู ้านพระปรางค์ ตาํ บลศรสี ัชนาลยั มีพืน้ ทที่ ัง้ หมดประณ 45.14 ตารางกโิ ลเมตร เดมิ ช่อื วา่ “เมืองเชลยี ง” แลว้ เปล่ียน
ชอื่ เป็น “ศรีสชั นาลยั ” ในสมยั กษตั รยิ ร์ าชวงศพ์ ระรว่ งข้ึนครองกรุงสุโขทัย และได้สรา้ งเมอื งขน้ึ ใหม่เปน็ ศูนยก์ ลางการ
ปกครองแทนเมอื งเชลยี ง ในบริเวณอุทยานประวัตศิ าสตรม์ โี บราณสถาน และโบราณวัตถทุ ้ังหมด 215 แห่ง สาํ รวจค้นพบ
แล้ว 204 แห่ง

อทุ ยานฯ เปิดใหน้ ักทอ่ งเท่ยี วเข้าชมไดท้ ุกวัน ตงั้ แตเ่ วลา 08.00 - 17.00 น. อัตราค่าเขา้ ชม
ชาวไทย 10 บาท ชาวตา่ งชาติ 40 บาท หรือสามารถซอ้ื ตวั๋ รวมได้ ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150
บาท ในกรณที นี่ าํ ยานพาหนะเข้าภายในเขตอุทยานฯ เสียคา่ ธรรมเนียมอีก ราคา 10 - 50 บาท และทาง
อทุ ยานฯ มีบรกิ ารรถรางนําชมโบราณสถานท่วั บริเวณชาวไทย 10 บาท ชาวตา่ งชาติ 30 บาท หาก
นกั ทอ่ งเท่ยี วทีต่ อ้ งการขอวิทยากรนําชม หรือสอบถามรายละเอยี ดเพิม่ เติมสามารถตดิ ต่อได้ท่อี ุทยาน
ประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย อาํ เภอศรสี ชั นาลยั จังหวดั สุโขทยั 64130 โทร. 0 - 5567 - 9211

10

การเดนิ ทางรถยนตจ์ ากตวั เมอื งสโุ ขทยั ใชท้ างหลวงหมายเลข 101 เสน้ สุโขทยั -สวรรคโลก-ศรสี ัชนาลยั ไป
จนถงึ ระหวา่ งกโิ ลเมตรที่ 17 - 19 เลย้ี วซ้ายข้ามสะพานแมน่ ํ้ายม จะมที างแยกขวาเขา้ อทุ ยานฯ ไป ประมาณ
1.5 กิโลเมตร เปน็ ระยะทาง 68 กิโลเมตร หรอื รถโดยสารประจําทาง มรี ถสายสโุ ขทัย-ศรสี ชั นาลยั ออกจากทา่ รถที่
ตลาดเทศบาลไปอทุ ยานฯ ทกุ วนั นอกจากนีน้ ักทอ่ งเที่ยวสามารถใชเ้ สน้ ทางจากอําเภอสวรรคโลกไปตามทางหลวง
หมายเลข 1201 ไปจนถงึ ตําบลเมอื งเก่า บรเิ วณเชงิ สะพานข้ามแมน่ าํ้ ยมแลว้ เล้ียวซ้ายเขา้ อทุ ยานฯ อกี 2 กโิ ลเมตร รวม
ระยะทาง 22 กโิ ลเมตร

วดั พระศรรี ตั นมหาธาตุ

วดั พระศรรี ตั นมหาธาตุ หรอื วัดพระบรมธาตุเมอื งเชลียง และเรยี กอกี ชื่อว่า วดั พระปรางค์ ตั้งอยนู่ อก
กาํ แพงเมอื งเกา่ ศรสี ัชนาลยั ลงไปทางทศิ ตะวันออกเฉยี งใตป้ ระมาณ 3 กโิ ลเมตร เป็นกลมุ่ โบราณสถานขนาดใหญ่ และ
เปน็ พระอารามหลวงชัน้ ราชวรวิหาร มโี บราณสถานทส่ี าํ คญั ภายในวัด ไดแ้ ก่ ปรางคป์ ระธาน กอ่ ดว้ ยศลิ าแลงฉาบปนู
ลกั ษณะรูปแบบเปน็ สถาปัตยกรรมจดั อยูใ่ นสมัยอยธุ ยา บรเิ วณเรอื นธาตุดา้ นหน้ามบี นั ไดขน้ึ องคป์ รางคส์ ซู่ มุ้ โถง ผนงั
ภายในองค์ปรางค์พบว่ามีรอ่ งรอยจิตรกรรมฝาผนังแตล่ บเลอื นไปมาก ดา้ นหนา้ องคป์ รางคม์ ีวหิ าร ภายในประดิษฐาน
พระพุทธรปู ขนาดใหญป่ างมารวชิ ยั และทางด้านขวามพี ระพทุ ธรปู ปนู ป้นั ปางลลี าทมี่ ลี กั ษณะงดงาม กําแพงวดั เปน็
ศลิ าและแทน่ กลมขนาดใหญเ่ รียงชดิ ติดกันเป็นรปู สเ่ี หลี่ยมผนื ผ้า กว้าง 60 เมตร ยาว 90 เมตร เหนอื ซมุ้ ประตูทาํ เปน็
รูปคล้ายหลังคายอด และเหนือซมุ้ ขนึ้ ไปปน้ั ปนู เป็นรูปพระพกั ตรพ์ ระโพธสิ ตั วอ์ วโลกเิ ตศวร พระธาตุมเุ ตา อยดู่ ้านหลัง
ปรางคป์ ระธานนอกกําแพงแก้ว ลักษณะพระธาตมุ เุ ตาเป็นเจดยี ์ทรงมอญ ในการขดุ แต่งเมื่อปี พ.ศ. 2535 ไดพ้ บทองจังโก
ประดับสว่ นยอดของเจดยี ์ มณฑปพระอฏั ฐารศ อย่ดู า้ นหลงั ของพระธาตุมุเตา เดิมน่าจะเปน็ มณฑปพระสอี่ ิรยิ าบท
ตอ่ มาได้ซอ่ มแซมดัดแปลง ภายในซมุ้ คหู ามพี ระพทุ ธรปู ยืนอยู่ เดมิ มณฑปมุงหลงั คาดว้ ยกระเบอ้ื งดินเผา วหิ ารพระสอง
พ่ีน้อง อยทู่ างซา้ ยมณฑปพระอฏั ฐารศ กอ่ ดว้ ยศลิ าแลง มพี ระพุทธรปู ปนู ป้ันปางมารวชิ ัย 2 องค์ อยบู่ นแทน่ พระ จาก
การขุดคน้ ทางโบราณคดพี บวา่ ฐานวิหารสองพนี่ อ้ ง กอ่ ทบั อาคารเดิมทีก่ อ่ ดว้ ยอฐิ และดา้ นข้างทางขวาของพระวหิ ารได้
พบฐานรอย พระพทุ ธบาท โบสถ์ ต้งั อยดู่ ้านหนา้ พระวิหาร ปัจจบุ ันทางวัดไดบ้ รู ณะปฏสิ ังขรณใ์ หมท่ ั้งหลังโดยสรา้ ง
ทับโบสถ์เดิม กฏุ ิพระร่วงพระลอื หรอื เรยี กอกี ชอ่ื วา่ ศาลพระร่วงพระลือ มลี กั ษณะเปน็ มณฑป ฐานสเ่ี หลยี่ มจัตุรัส
กว้าง หลังคาทรงมณฑปก่ออฐิ ซอ้ นกนั 4 ชน้ั ภายในประดษิ ฐานรูปหลอ่ พระรว่ งพระลอื (จําลอง)

วัดเขาพนมเพลงิ

ต้ังอยูบ่ นยอดเขาพนมเพลิงภายในกําแพงเมือง มีโบราณสถานที่
สําคญั คอื เจดยี ์ประธานทรงกลม และมณฑปก่อด้วยศลิ าแลง ฐานสี่เหลี่ยมจตั รุ ัส
ยกพน้ื สูง หลงั คาโค้งแหลม มบี นั ไดทางขนึ้ สมู่ ณฑป ชาวบ้านเรยี กวา่ ศาลเจ้าแม่
ละอองสําลี สว่ นทางขึ้นวัดสามารถขึน้ ได้ 2 เสน้ ทาง คือ จากดา้ นหนา้ วัดแก่ง
หลวง และด้านข้างวดั ซึง่ ทางขน้ึ ได้ทําเป็นบนั ไดศิลาแลง ระหว่างทางขน้ึ ท้ังสองด้านมศี าลาทพี่ กั ดว้ ย

วดั เขาสวุ รรณครี ี 11

อยทู่ างทิศตะวันตกถัดจากเขาพนมเพลิงไปประมาณ200เมตร
โดยตง้ั อย่บู นเขาอีกยอดหนึ่งในเทือกเขาเดียวกันกลมุ่ โบราณสถานท่ี
สําคัญคือเจดีย์ประธานทรงกลมองค์ระฆังขนาดใหญก่ อ่ ด้วยศลิ าแลง
ฐานเขียงใหญ่ 5ชน้ั ใชส้ าํ หรบั เปน็ ลานประทักษิณมีซุ้มพระทั้ง4
ด้านตรงก้านฉัตรมีพระพุทธรปู ปูนปัน้ ปางลีลาเดินจงกรมรอบก้านฉัตร
เชน่ เดยี วกับวัดช้างล้อมดา้ นหลงั เจดยี ์ประธานมเี จดียท์ รงกลมลอ้ มรอบ
ดว้ ยแนวกําแพงศลิ าแลง

วัดชา้ งล้อม

อยู่ภายในกําแพงเมอื งศรสี ชั นาลัย บนทรี่ าบ
เชิงเขาด้านทิศใตข้ องเขาพนมเพลงิ โบราณสถานท่ี
สําคัญคือ เจดยี ์ประธานทรงลงั กา ต้ังอยภู่ ายในกาํ แพง
แกว้ สีเ่ หลยี่ มจตั รุ ัส ตัง้ อยบู่ นฐานประทักษิณรูป
ส่ีเหล่ยี มจตั ุรสั ที่ฐานเจดียม์ ชี า้ งปูนปัน้ ยืนหันหลงั ชน
ผนังเจดีย์อยโู่ ดยรอบ จํานวน 39 เชือก และชา้ งท่ีอยู่
ตามมมุ เจดยี ท์ ง้ั 4 ทศิ ตกแต่งเป็นชา้ งทรงเครอ่ื ง มี
ลวดลายปนู ปนั้ ประดบั ทีค่ อ ต้นขา และข้อเทา้ สว่ น
ทางดา้ นหนา้ เจดีย์ประธานมีบนั ไดข้ึนสลู่ านประทกั ษิณ
เหนือฐานประทักษณิ มซี ุ้มพระพทุ ธรูปประทบั นัง่ ปางมารวชิ ยั ผนงั ซมุ้ มรี ปู ประติมากรรมรปู ตน้ โพธ์อิ ยู่
เบือ้ งหลังพระพทุ ธรปู แต่พระพทุ ธรูปได้ถูกทําลายไปคงเหลือเพียงองค์เดียวทางด้านทิศเหนือ บรเิ วณองค์
ระฆงั ข้ึนไปเปน็ บลั ลงั ก์ ก้านฉัตรประดับด้วยรปู พระสาวกปนู ปั้นลลี านูนต่าํ จํานวน 17 องค์ วัดช้างล้อมที่
เมืองศรสี ัชนาลยั น้ี ช้างจะมีลักษณะทีเ่ ดน่ กวา่ ชา้ งปูนปั้นที่วัดอื่น ๆ คือ ยืนเต็มตัวแยกออกจากผนงั มขี นาด
สงู ใหญก่ วา่ ช้างจริง และด้านหน้ามพี ุ่มดอกบวั ปูนป้นั ประดบั ไว้ โบราณสถานภายในวัดท่ยี ังมีหลักฐาน คอื
วิหารอยูด่ ้านหนา้ เจดยี ป์ ระธาน นอกจากน้ันเปน็ วิหารขนาดเลก็ ๆ 2 หลงั และเจดียร์ าย 2 องค์

12

วดั เจดยี เ์ จ็ดแถว

ตัง้ อยู่ดา้ นหนา้ วัดชา้ งล้อม นับว่ามีความสวยงามมากกวา่
วดั อ่นื ในเมอื งสุโขทยั เพราะมีเจดยี แ์ บบตา่ ง ๆ กันมากมายที่เปน็
ศิลปะสุโขทยั แท้ และเปน็ ศิลปะแบบศรวี ชิ ยั ผสมสโุ ขทยั
โบราณสถานทสี่ ําคัญคือ เจดยี ์ประธานรปู ดอกบัวตูมอยู่ด้านหลงั
พระวหิ าร และมีเจดยี ร์ ายรวมท้งั อาคารขนาดเลก็ แบบต่าง ๆ
จํานวน 33 องค์ มกี าํ แพงแกว้ ล้อมรอบอกี ชนั้ หน่ึง นอกกําแพงมีโบสถ์ และบอ่ น้ํา เจดยี ์รายท่ีวดั เจดีย์เจ็ด
แถวมีรปู แบบท่ไี ดร้ บั บอทิ ธพิ ลศลิ ปะจากทีต่ า่ ง ๆ หลายแหง่ เช่น ลงั กา และพุกาม ดา้ นหลงั เจดีย์ประธาน
มเี จดยี ์รายทม่ี ลี กั ษณะเด่น คอื ฐานเปน็ เจดยี ส์ ีเ่ หลย่ี มจตั ุรสั ยอดเป็นทรงกลม ภายในเจดียม์ ซี ้มุ โถง สว่ นซุม้
โถงเป็นทปี่ ระดษิ ฐานพระพุทธรปู ยนื ปูนป้ัน มีภาพจติ รกรรมเป็นภาพอดตี พระพุทธเจ้า และเหล่าเทวดา
กษตั รยิ ์ ส่วนซมุ้ จรนมั ด้านหลงั ของเรอื นธาตทุ าํ เป็นพระพุทธรูปนาคปรก สาเหตทุ เ่ี รยี กวา่ วัดเจดียเ์ จ็ดแถว
เนอ่ื งจากได้พบเจดยี ์จาํ นวนมากหลายแถวภายในวดั และสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอกรมพระยาดํารงรา
ชานุภาพทรงสันนษิ ฐานว่าวดั เจดีย์เจ็ดแถวเปน็ ทป่ี ระดษิ ฐานพระอัฐขิ องพระราชวงศส์ โุ ขทัย

วัดสวนแก้วอุทยานใหญ่

ตง้ั อยภู่ ายในกําแพงเมือง ซ่ึงอยไู่ มไ่ กลจากวัดเจดีย์
เจ็ดแถวนกั โบราณสถานทสี่ ําคัญคอื เจดยี ป์ ระธานทรงกลม
ก่อด้วยศิลาแลง องคร์ ะฆงั ไดพ้ ังทลายลง ด้านหน้ามีบันไดขึ้นไปจากมุขหลังของวหิ ารไปถงึ เรือนธาตุเพอ่ื
สักการะพระพุทธรูป ดา้ นเจดยี ์ประธานมีวิหาร มมี ุขด้านหน้า และดา้ นหลัง มบี ันไดขึ้น 5 ทาง เสาวิหาร
และกาํ แพงวดั ก่อด้วยศิลาแลง

วดั สวนแกว้ อุทยานน้อย

หรือเรียกกันอกี ช่อื ว่า วัดสระแกว้ อยู่ห่างจากวัดช้างล้อม 200 เมตร
กลมุ่ โบราณสถานมีกาํ แพงแกว้ ล้อมรอบ มีประตูทางเข้าด้านหน้า และด้านหลงั
วัด มีโบราณสถานประกอบด้วย เจดีย์ประธานเป็นเจดีย์ทรงดอกบวั ตูม
ล้อมรอบดว้ ยกาํ แพงแก้ว วิหารมซี ้มุ พระตงั้ อยูด่ ้านหลังลักษณะเป็นมณฑป
หลังคามณฑปเปน็ รูปโค้งแหลม ภายในประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ประทบั นั่งปางมารวิชัย

13

วดั นางพญา

ต้ังอยู่แนวเดยี วกนั กับวัดสวนแก้วอุทยานใหญ่
เป็นวัดทม่ี ลี วดลายปนู ปั้นงดงามมาก ปรากฏอยูบ่ น
ซากผนังวิหารดา้ นตะวนั ตกเฉียงเหนอื ซึ่งเปน็ วหิ ารขนาด
เจด็ หอ้ ง ภายในวิหารตามเสาทกุ ด้านมเี ทพพนม และ
ลวดลายต่าง ๆ ทําดว้ ยสังคโลกไมเ่ คลือบ เจดียป์ ระธานของ
วัดเป็นเจดยี ์ทรงกลมต้ังอยบู่ นฐานประทักษณิ ซุ้มด้านหน้ามีบนั ไดทางขนึ้ จนถงึ ภายในโถงเจดยี ์ ตรงกลางโถงมแี กน
เจดีย์ประดบั ดว้ ยลวดลายปนู ป้นั วิหารก่อดว้ ยศลิ าแลงมีมขุ หน้า และมุขหลงั ผนงั วหิ ารเจาะชอ่ งแสง ผนังดา้ นใตม้ ี
ลวดลายปูนป้นั ลักษณะเดน่ กค็ ือ ลวดลายปนู ปนั้ ทําเปน็ กึ่งมนุษย์กึง่ วานรกาํ ลังวิง่ แตถ่ ูกทําลายไปบางส่วน
นอกจากนัน้ ยังทําเปน็ รูปลวดลายพรรณพฤกษา และรปู เทพนมเปน็ รูปแบบศลิ ปะสมัยอยุธยาตอนตน้

วดั ชมชนื่

ต้ังอยูร่ ิมแมน่ ํ้ายม ห่างจากวัดพระศรรี ตั นมหาธาตุมา
ทางทิศตะวันออกประมาณ 400 เมตร โบราณสถานท่ีสาํ คญั คอื
เจดยี ป์ ระธานทางกลมกอ่ ดว้ ยศิลาแลง วหิ ารอยู่ดา้ นหน้าเจดีย์
ประธานก่อดว้ ยศลิ าแลงขนาด 6 หอ้ ง มีมขุ ยน่ื ออกมาดา้ นหน้า
ด้านหลังพระวิหารเชื่อมตอ่ กับมณฑป คลา้ ยเป็นหอ้ งทบึ อยทู่ า้ ย
วิหาร หลงั คาใชศ้ ิลาแลงก่อเหล่ือมเขา้ หากันเป็นรูปจว่ั แหลม
ด้านหนา้ ทง้ั สองขา้ งมณฑปทําเปน็ ซ้มุ จรนมั 2 ซุม้ ดา้ นหลงั มซี มุ้
จรนัมทปี่ ระดษิ ฐานพระพุทธรูปนาคปรก แตป่ จั จุบนั ไดส้ ูญหายไปแลว้ นอกจากนี้ยงั มีลวดลายปูนป้นั ทหี่ นา้
บนั ด้านหลังมณฑป

จากการขุดค้นบรเิ วณดา้ นหน้าพระวหิ ารพบหลกั ฐานโครงกระดกู มนุษย์ จาํ นวน 15 โครง
ในระดบั ลกึ 7 - 8 เมตร อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 9 และพัฒนาจนถึงสมยั ทวารวดี ประมาณพุทธ
ศตวรรษที่ 12 - 16 และไดพ้ บกลมุ่ โบราณสถานก่อด้วยอฐิ ที่มีขนาดใหญ่ และพบเครื่องถ้วยเชลียงจาํ นวน
มาก ประมาณพทุ ธศตวรรษท่ี 17 จนเขา้ สชู่ ้นั สโุ ขทยั ทร่ี ว่ มสมยั กบั วัดชมช่นื

14

กจิ กรรม

คําชแ้ี จง ใหผ้ ู้เรียนตอบคําถามต่อไปน้ีลงในชอ่ งว่างให้สมบูรณ์

1. คาํ วา่ “สุโขทัย” มาจากคําใดและมคี วามหมายว่าอะไร

........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

2. สมัยสโุ ขทยั มกี ารปกครองอาณาจักรรูปแบบใด จงอธิบายมาพอสงั เชป

........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

3. พระพุทธรปู สําริดทีใ่ หญท่ ีส่ ดุ ในประเทศไทย พระศรศี ากยมุนี เคยประดษิ ฐานอยทู่ ่วี ัดใด

........................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................

4. วดั ศรชี ุม มลี กั ษณะพเิ ศษอย่างไร จงอธบิ ายมาพอสังเขป

........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

5. เดิม ศรสี ชั นาลัย มชี ื่อเดิมว่าอะไร...........................................................................................................

6. จุดเด่นของวดั พระศรีรตั นมหาชาติ คอื สง่ิ ใด จงอธบิ ายมาพอสงั เขป

........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

15

บทที่ 2
แหลง่ ทอ่ งเที่ยวเชงิ อนุรกั ษ์ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม

อทุ ยานแห่งชาติรามคาํ แหง

อุทยานแหง่ ชาติรามคาํ แหง มีเนอ้ื ทค่ี รอบคลมุ อยใู่ น

ทอ้ งท่อี าํ เภอบ้านด่านลานหอย อําเภอครี ีมาศ และอําเภอเมอื ง

จงั หวัดสุโขทัย เปน็ อทุ ยานแห่งชาติทางประวัติศาสตร์

ประกอบด้วยปชู นยี วัตถอุ นั เปน็ โบราณสถานสมัยกรงุ สุโขทยั เปน็

ราชธานี มสี ภาพป่าอนั อดุ มสมบรู ณ์เปน็ แหลง่ ตน้ นํ้าลําธาร

ตลอดจนมสี ภาพธรรมชาตแิ ละทวิ ทัศน์ทสี่ วยงาม เชน่ นาํ้ ตก

สายรุ้ง อทุ ยานแหง่ ชาตริ ามคาํ แหงมีเนื้อทป่ี ระมาณ 213,125 ไร่

หรือ 341 ตารางกโิ ลเมตร

กรมป่าไม้ได้ประกาศใหป้ ่าเขาหลวงเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามพระราชบัญญัตปิ ่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507

เมือ่ วันท่ี 24 เมษายน 2512 หลังจากน้นั กรมป่าไม้มหี นงั สือท่ี กส 0706/2978 ลงวนั ท่ี 21 กุมภาพันธ์ 2517 เรอื่ ง การ

เลือกพ้นื ที่เพอ่ื จัดต้ังเขตรักษาพันธสุ์ ัตวป์ ่าและอุทยานแห่งชาติ ให้จงั หวดั ทกุ จังหวัดประสานงานกบั ป่าไมเ้ ขต

ดําเนินการตรวจสอบพื้นที่ป่าไมใ้ น ท้องท่แี ตล่ ะเขตว่าบรเิ วณใดบ้างเหมาะที่จะจัดเป็นเขตรักษาพันธุ์สตั ว์ป่า หรอื

อทุ ยานแห่งชาติ จากการสาํ รวจจงั หวัดสุโขทยั ไดม้ หี นงั สอื ท่ี สท 0009/1370 ลงวนั ท่ี 15 กรกฎาคม 2517 ส่งสําเนา

หนงั สือจังหวัดทไี่ ด้ดาํ เนินการติดต่อประสานงานกับป่าไม้เขตตากมายัง กรมป่าไม้ เพ่อื ใหพ้ ิจารณาจดั ตั้งอุทยาน

แห่งชาติในบรเิ วณป่าสงวนแห่งชาตปิ ่าเขาหลวง ทอ้ งท่ีอําเภอคีรีมาศ อําเภอบ้านด่านลานหอย และอาํ เภอเมอื ง

จังหวัดสโุ ขทยั เนอ่ื งจากป่าแห่งน้ีมีทรัพยากรที่สําคญั นํ้าตก ทวิ ทัศน์ทีส่ วยงามและมีปชู นยี วัตถุ อันเปน็ โบราณสถาน

สมยั กรงุ สุโขทัยเป็นราชธานี

ในเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2518 กองอุทยานแหง่ ชาติ กรมป่าไม้ จงึ ได้มีหนังสอื ที่ 177/2518 ลงวันที่ 6

กุมภาพนั ธ์ 2518 ใหน้ ายเชาวลิต เลศิ ชยนั ตี นกั วิชาการปา่ ไม้ตรี ไปดําเนนิ การสาํ รวจหาข้อมลู ปรากฏว่าป่าเขาหลวงมี

สภาพปา่ ธรรมชาติสมบรู ณ์มีทวิ ทัศนส์ วยงามเปน็ แหลง่ ตน้ นํา้ ลาํ ธารและเปน็ สถานที่ทางประวตั ศิ าสตรส์ มยั กรงุ สุโขทยั

เหมาะสมทจี่ ะจดั ต้ังเปน็ อทุ ยานแหง่ ชาติ ดังนน้ั ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2518 กองอุทยานแห่งชาตจิ ึงเรมิ่ ดําเนนิ การจดั ต้ัง

ป่าเขาหลวงเปน็ อุทยานแห่งชาตโิ ดยใชช้ อ่ื วา่ “อุทยานแหง่ ชาติรามคําแหง” ซ่ึงไดอ้ ญั เชญิ สมญานามของพอ่ ขนุ

รามคําแหงมหาราช พระมหากษตั ริย์ไทยผทู้ รงแสนยานภุ าพเปน็ อจั ฉรยิ ะทางด้านความคิดของกรุง สโุ ขทัย มาเป็นชือ่

ของอุทยานแหง่ ชาติ เพ่อื เทดิ พระเกยี รตแิ ดอ่ งคพ์ ่อขนุ รามคาํ แหงมหาราชและเปน็ สริ มิ งคลแก่อุทยานแห่งชาติ ตลอดจน

16

เพ่อื เป็นการรําลกึ ถงึ สถานท่อี นั มีค่าทางประวตั ศิ าสตรช์ าติไทย ไดแ้ ก่ จงั หวัดสุโขทยั กรมปา่ ไมจ้ ึงได้เสนอ
คณะกรรมการอทุ ยานแห่งชาตใิ นคราวประชมุ ครง้ั ท่ี 2/2518 เมื่อวันท่ี 22 ตุลาคม 2518 เห็นชอบในหลกั การใหก้ ําหนด
พ้ืนทด่ี ังกลา่ วเปน็ อุทยานแหง่ ชาติ โดยมพี ระราชกฤษฎกี ากาํ หนดบรเิ วณทด่ี นิ ป่าเขาหลวงในท้องท่ตี ําบลบา้ นด่าน
ตําบลลานหอย อําเภอบ้านดา่ นลานหอย ตาํ บลเมืองเกา่ อําเภอเมอื งสุโขทยั และตาํ บลบา้ นป้อม ตําบลคีรีมาศ อําเภอ
ครี ีมาศ จังหวดั สโุ ขทยั ใหเ้ ปน็ อทุ ยานแห่งชาติ ซงึ่ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 97 ตอนที่ 175 ลงวันที่ 27 ตุลาคม
พ.ศ. 2523 เปน็ อทุ ยานแห่งชาตลิ าํ ดับท่ี 18 ของประเทศ

ลักษณะภูมปิ ระเทศ
พ้ืนท่ี ส่วนใหญข่ องอุทยานแห่งชาติรามคําแหงมภี มู ปิ ระเทศเป็นเทือกเขาขนาดใหญท่ ี่ต้ัง สงู ขึ้นไปจาก

ที่ราบคล้ายจอมปลวก ซงึ่ แยกตวั จากเทอื กเขาอื่นโดยเด่นชัด มีลักษณะเปน็ เขาสูงสลบั ซบั ซอ้ น ทอดตัวใน
แนวเหนือ-ใต้ ระหว่างจังหวัดกาํ แพงเพชรและสโุ ขทัย มภี เู ขาทีส่ ูงท่สี ดุ คอื “เขาหลวง” ประกอบด้วยเขา
นารายณ์ สูง 1,160 เมตร เขาพระเจดยี ์ สูง 1,185 เมตร เขาภคู าและเขาพระแม่ย่า สงู 1,200 เมตรจาก
ระดบั นํ้าทะเล เป็นแหลง่ ต้นนํา้ ลาํ ธารหลายสายซึ่งไหลรวมกันลงสู่แม่นํ้ายม ประกอบดว้ ย คลองตาเจก็
คลองเสาหอคลองวงั เงิน คลองเนนิ คลี คลองดว้ งงาม คลองลานทอง คลองมะซาง และคลองเพชรหงึ เปน็ ต้น

ลักษณะภูมิอากาศ
บริเวณ อทุ ยานแห่งชาตริ ามคําแหงจัดอยใู่ นภูมอิ ากาศแบบฝนตกชุกสลับแหง้ แล้งในเขตรอ้ น ฤดูรอ้ น

เรมิ่ ต้ังแต่เดอื นมนี าคมถึงเดือนพฤษภาคม มอี ากาศรอ้ น อุณหภมู ิเฉลีย่ สงู สุดอยูใ่ นช่วงเดือนเมษายน
ประมาณ 31 องศาเซลเซียส แต่อากาศเย็นในตอนกลางคนื ฤดฝู นเริ่มตงั้ แต่เดือนมถิ ุนายนถงึ เดอื นตุลาคม
มีปริมาณฝนมากในช่วงเดอื นสิงหาคม-ตลุ าคม ปรมิ าณนํา้ ฝนเฉลี่ย 1,323 มิลลเิ มตรต่อปี และฤดูหนาวเริ่ม
ตง้ั แต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดอื นกุมภาพันธ์ มีอากาศหนาวเย็นสบาย โดยเฉพาะบนยอดเขาหลวงอณุ หภูมิ
จะหนาวเยน็ ในเวลากลางคนื ชว่ งทีอ่ ากาศเย็นสบายท่ีสดุ ระหวา่ งเดือนธันวาคม – มกราคม อณุ หภูมิเฉล่ยี
ตลอดปี 27.6 องศาเซลเซยี ส

พรรณไมแ้ ละสัตว์ปา่
พน้ื ทส่ี ว่ นใหญข่ องอทุ ยานแห่งชาตริ ามคําแหงปกคลมุ ไปดว้ ยป่าเตง็ รัง รองลงมาคือ ป่าเบญจพรรณ ปา่

ดิบแลง้ และปา่ ดบิ เขา ตามลาํ ดับ
ปา่ เตง็ รงั พบตง้ั แต่พืน้ ทร่ี ะดับตํ่าขน้ึ ไป ตามไหลเ่ ขาและสันเขาทแ่ี หง้ แลง้ พน้ื ทีอ่ ยู่สูงจาก

ระดบั นา้ํ ทะเลประมาณ 140-900 เมตร ซ่งึ มีดนิ ต้นื และอุดมสมบรู ณต์ ่ํา พนั ธ์ไุ ม้ทีพ่ บได้แก่ เตง็ รัง เหยี ง
พลวง เหมือด หลวง มะเก้มิ ตาลเหลือง แขง้ กวาง รกั ขน สารภปี ่า ฯลฯ พชื พ้นื ลา่ งได้แก่ ขางครั่ง นมแมว
ย่านลเิ ภา เปง้ ปรง เป็นตน้

17

ป่าเบญจพรรณ ทีพ่ บสว่ นใหญจ่ ะอยู่ตามร่องห้วยและหบุ เขาทีช่ น้ื ปานกลาง แต่แห้งแล้งมากในชว่ งฤดู
แลง้ โดยพบตามร่องหว้ ยในบรเิ วณทีม่ ปี ่าเตง็ รงั อย่ตู ามไหล่เขาและสันเขา ตามพืน้ ท่รี อยตอ่ กบั ป่าดิบแล้งท่ี
มีสภาพความช่มุ ชืน้ นอ้ ยลง และพน้ื ที่มีความสงู จากระดบั นํา้ ทะเลประมาณ 100-800 เมตร พนั ธไ์ุ ม้ทพ่ี บ
ได้แก่ เปล้าหลวง ตนี นก เครือออน อโุ ลก ตะแบกเปลอื กบาง แดง ตะครอ้ ปอยาบ แคทรายง้วิ ปา่ เค็ด ไผ่
ไร่ ไผซ่ างนวล ฯลฯ พชื พืน้ ล่างท่พี บมากไดแ้ ก่ หวายขม กระทอื มะแฮะนก และเขิงแขง้ มา้ เปน็ ตน้

ป่าดบิ แลง้ พบตามหบุ เขาท่ีช่มุ ช้นื เกอื บตลอดทงั้ ปี จากพนื้ ลา่ งขน้ึ ไปตามภเู ขาทมี่ ีความสูงจาก
ระดบั นา้ํ ทะเล 150-900 เมตร พันธไ์ุ ม้ทีพ่ บไดแ้ ก่ ยางแดง ปอสลกั พาด คําไก่ มะไฟ เลอื ดควายใบใหญ่
เสลาดํา ดีหมี จกิ ไผ่หก ไผไ่ ร่ ไผเ่ ฮยี ะ ฯลฯ พืชพนื้ ล่างได้แก่ หวายขม หวายโปง่ หวายนิ้ว เขิงชา้ ง และว่าน
นกคมุ้ เปน็ ต้น สําหรบั พื้นทรี่ ะดบั สงู จากระดบั น้ําทะเล 900 เมตรข้ึนไปเป็นปา่ ดบิ เขา

ซึง่ กระจายอยู่เปน็ หย่อมเล็กๆ ตามยอดเขา และพบทุ่งโลง่ ทีม่ หี ญ้าปกคลมุ สลับกันอยู่ พนั ธุ์ไมท้ ่ีพบ
ไดแ้ ก่ ตองลาด จาํ ปีปา่ มนั ปลา สอยดาว ไครข้ น หม่ปี งั อบเชย ตองหอม ฯลฯ พืชพื้นล่างไดแ้ ก่ คนางใบ
หยก เขิงแขง้ มา้ กง๋ เป็นตน้

สัตว์ป่าในพ้นื ท่อี ุทยานแห่งชาติรามคาํ แหงประกอบดว้ ย เก้ง หมปู า่ ลงิ กงั ชะมดเช็ด อเี หน็ เครือ ลน่ิ
ใหญ่ ค้างคาวเล็บกดุ ค้างคาวขอบหูกลาง กระรอกทอ้ งแดง กระรอกหลากสี กระจ้อน นกเขยี วก้านตอง
หน้าผากสีทอง นกแซงแซวหางปลา นกจบั แมลงจกุ ดาํ นกปรอดเหลอื งหวั จกุ นกระจด๊ิ ธรรมดา นกกิน
แมลงอกเหลือง นกตที อง นกบัง้ รอกใหญ่ กิ้งกา่ เขาหนามสัน้ จงิ้ จกหางหนาม จ้ิงเหลนหางยาว ตุก๊ แกบา้ น
ตะกวด งลู ายสาบคอแดง งเู ขยี วหวั จงิ้ จกป่า งูเหลือม อ่ึงอา่ งบ้าน กบวา้ ก อง่ึ นา้ํ เต้า และกบหลงั ไพล เป็น
ต้น ในบริเวณแหลง่ นา้ํ พบปลาหลากชนดิ เชน่ ปลาแขยง ปลาซิวควาย ปลาสรอ้ ยขาว ปลาตะเพียนน้ําตก
ปลาเข็ม และปลากระดี่ เป็นตน้

แหลง่ ทอ่ งเท่ียว
อุทยานแห่งชาติรามคําแหง เป็นอทุ ยานแหง่ ชาติทพ่ี บหลักฐานสําคญั ทางประวัติศาสตร์มากมาย

ไดแ้ ก่ รอยพระพุทธบาท อยู่ทีเ่ ชงิ เขาถา้ํ พระบาท ปรางคเ์ ขาปจู่ า ซึ่งเป็นศิลปะเขมรสมัยบาปวน ถนนพระ
รว่ ง ทเ่ี ช่อื มระหวา่ งเมืองกําแพงเพชรผา่ นสุโขทัยไปพบกบั ศรีสชั นาลัย ซง่ึ เชอื่ ว่าสร้างข้ึนเมือ่ กวา่ 700 ปี
ก่อน ปล่องนางนาค และเขอ่ื นสรีดภงส์ ซ่ึงเปน็ ทาํ นบกน้ั น้ําในสมยั สุโขทยั นอกจากน้ี ยงั มีแหลง่ ท่องเทีย่ ว
ทางธรรมชาติทน่ี ่าสนใจดงั นี้

ดา้ นธรรมชาตทิ ่ีสวยงาม
เขาหลวง เปน็ ภเู ขาทม่ี ียอดเขาสงู ท่สี ดุ อยทู่ างดา้ นทิศใต้ของเมอื งสุโขทัย รูปพรรณสัณฐานคลา้ ย
สตรีนอนสยายผมท่ีมสี ่วนใบหนา้ เคลยี อย่กู บั เมฆหมอกตลอด เวลา บนยอดเขามีทวิ ทศั นส์ วยงามประกอบ
ไปดว้ ยยอดเขาสงู ทป่ี กคลุมด้วยทุง่ หญา้ ธรรมชาติ บรเิ วณผานารายณ์เปน็ จดุ ทสี่ ามารถไปยนื ชมทวิ ทศั น์

18

กว้างไกลของทุ่งหญา้ และผนื ป่าดงดบิ ตามรมิ หว้ ยชมุ่ ชื้น และยงั เปน็ จุดชมดวงอาทติ ยข์ ึ้นในยามเชา้ และตก
ในยามเยน็ จากทที่ าํ การอุทยานแห่งชาติมเี สน้ ทางเดินเทา้ สู่ยอดเขาหลวงระยะทางประมาณ 4 กโิ ลเมตร
โดยเปน็ เสน้ ทางด่ิงชันขึ้นที่สงู ตลอด ผทู้ ต่ี ้องการพชิ ิตยอดเขาหลวงจงึ ตอ้ งเตรยี มรา่ งกายให้พร้อม ระหวา่ ง
ทางจะพบกับสง่ิ ที่นา่ สนใจเป็นระยะๆ ช่วงแรกผ่านไปตามปา่ ดงดิบแน่นทึบ เมือ่ ถงึ ตน้ ประดใู่ หญท่ ี่ยนื ตน้
ตระหงา่ นอย่รู ิมทาง สภาพทางจะเรม่ิ ชนั ขึน้ ๆ ราวกับหนา้ ผา รวมระยะทาง 3 กโิ ลเมตร ระหวา่ งทางมีจุด
ใหพ้ ักชมทวิ ทศั น์ จนไปถงึ จุดพักท่ีเรียกว่า น้ําดบิ ผามะหาด ซ่ึงมธี ารน้ําซบั ให้แวะพกั ล้างหน้าลา้ งตา
จากน้ันทางจะลาดขึน้ จนกระทั่งถึงยอดเขาหลวง
เมอ่ื ถงึ เขาหลวง นกทอ่ งเทยี่ วสามารถทํากิจกรรมไดห้ ลากหลาย เชน่

การเดนิ ปา่ ศึกษาธรรมชาติ ชมทิวทศั น์ แค้มปป์ ง้ิ
ถํา้ นารายณ์ ตง้ั อยู่บริเวณทางข้นึ เขาหลวง หา่ งจากที่ทาํ การอุทยานแห่งชาติประมาณ 3

กิโลเมตร เดิมเปน็ ทปี่ ระดษิ ฐานของเทวรูปพระโพธิสตั ว์อวโลกิเตศวร ซงึ่ สลกั จากหนิ ทรายโบราณท่มี ีพุทธ
ลักษณะคลา้ ยรูปพระนารายณ์ จงึ ทําใหช้ าวบ้านเรียกขานเป็นชื่อถ้ํา ปัจจุบันได้ยา้ ยไปไว้ท่ีพพิ ิธภณั ฑ์สถาน
แหง่ ชาติรามคาํ แหง

ทุ่งหญา้ ธรรมชาติ บน ยอดเขาจะเป็นทุ่งหญ้าที่เกดิ ข้ึนตามธรรมชาตมิ เี นื้อท่ีประมาณ 3,000 ไร่
มีหญา้ หลายชนิดข้นึ อยูร่ วมกัน บางชนดิ เป็นพืชสมนุ ไพร โดยเฉพาะบรเิ วณสวนขวญั ไทรงาม ไทรขนาด
ใหญแ่ ผ่กิง่ กา้ นสาขาไดล้ ักษณะสวยงามเหมาะสาํ หรับนัง่ พกั ผอ่ น อย่รู ะหว่างทางขน้ึ ยอดเขาหลวง

น้ําตกลาํ เกลียว เป็น น้ําตกขนาดกลางที่มนี าํ้ ไหลตลอดปี น้ําใส โอบลอ้ มไปดว้ ยสภาพธรรมชาตทิ ่ี
สวยงามของป่าเบญจพรรณและป่าดบิ แล้งที่แทรกตัว อยเู่ ป็นระยะๆ มโี ขดหินขนาดใหญ่จํานวนมาก มี
บรรยากาศทเ่ี งยี บสงบ ร่มรืน่ เยน็ สบาย และให้ความเป็นสว่ นตวั การเดินทางใช้ทางหลวงจังหวัดหมายเลข
1319 เมอ่ื ถึงสแี่ ยกทีบ่ ้านนาสระลอยเลย้ี วซ้ายเข้าไปประมาณ 150 กโิ ลเมตร เมอ่ื ถงึ ทท่ี ําการหนว่ ยพิทักษ์
อุทยานแหง่ ชาตชิ ั่วคราว (นาํ้ ตกลาํ เกลียว) ต้องเดินเทา้ เข้าไปอกี ประมาณ 4 กโิ ลเมตร จึงจะถึงตวั นา้ํ ตกช้ัน
ที่สูงสุด ห่างจากท่ีทําการอุทยานแห่งชาติ ประมาณ 20 กโิ ลเมตร

นาํ้ ตกสายร้งุ เป็น น้ําตกขนาดใหญท่ ี่สงู ชันและสวยงาม
เกดิ จากต้นนํา้ บริเวณเขาเจดีย์มาเป็นลําธารคลองไผ่นาไหลลงมาทาง
ทศิ ตะวันตก เฉยี งใต้ มโี ตรกผาสูงชันกวา่ ร้อยเมตร มีท้ังหมด 4 ช้ัน
นํา้ ตกชัน้ บนสดุ เปน็ ชนั้ สงู ใหญ่และงดงามมาก แตต่ ้องเดินเท้าทวน
สายนาํ้ ตกข้นึ ไปประมาณ 1.2 กิโลเมตร น้ําตกสายรงุ้ มีนํา้ ตกเฉพาะ
ในฤดฝู นเทา่ นนั้ การเดนิ ทางจากอําเภอครี ีมาศ ใช้ทางหลวงแผน่ ดิน
หมายเลข 101 ไปประมาณ 16 กโิ ลเมตร แลว้ มีทางแยกเข้าสูบ่ ้าน
ใหมเ่ จรญิ ผล เข้าไปประมาณ 9 กโิ ลเมตร จะพบทางแยกเข้าไปอีก 4 กิโลเมตร

19

นา้ํ ตกหนิ ราง ตงั้ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉยี งใต้ของท่ีทําการอุทยานแหง่ ชาติ หา่ งจากทท่ี ําการ
อุทยานแหง่ ชาติประมาณ 2 กโิ ลเมตร เป็นน้ําตกขนาดเล็กมีลักษณะเปน็ ร่องหนิ ท่มี นี าํ้ ไหลลงมาเป็นทางมี
นํา้ ไหลเปน็ บางฤดู

พระรว่ งวง่ิ ว่าว ตงั้ อย่ทู ่ีตาํ บลศรีคีรีมาศ อําเภอคีรีมาศ มตี ํานานเล่าขานวา่ เดมิ บรเิ วณนเ้ี ป็น
สถานท่ที ่พี ระรว่ งมาเลน่ ว่าว เคยมปี ระเพณีสักการบชู าสบื ทอดกนั มาแตโ่ บราณ ซง่ึ เกดิ ขน้ึ จากความเชื่อ
ของชาวบ้านในพืน้ ที่ใกล้เคียง ห่างจากที่ทําการอทุ ยานแห่งชาตปิ ระมาณ 6 กิโลเมตร ณ พระร่วงว่ิงว่าวนี้
นักทอ่ งเที่ยวจะไดช้ มประวัติศาสตร์ วัฒนธรมและประเพณี

ลานพม่าลับหอก ต้ัง อยูท่ ี่ตาํ บลศรีครี มี าศ อาํ เภอครี มี าศ หา่ งจากที่ทาํ การอุทยานแหง่ ชาติ
ประมาณ
6 กิโลเมตร เปน็ ลานหินทรายขนาดใหญ่ในลาํ นาํ้ ซึง่ เดิมเป็นจดุ พกั ทพั และลับอาวธุ ของทหารพม่า ขณะท่ี
เดินทางมารบกบั ไทยในสมยั สโุ ขทัย กิจกรรมท่นี ักทอ่ งเทย่ี วสามารถทําได้คือ การเท่ียวถํา้ และศกึ ษาดา้ น
ธรณีวิทยา

สมุนไพร และวา่ น ใน พ้นื ที่อทุ ยานแห่งชาติมวี ่านและสมนุ ไพรหลายร้อยชนิด เช่น โด่ไมร่ ู้ล้ม
หอมไกลดง นางคมุ้ อบเชย หนุมานประสานกาย เสน่หส์ าวหลง หนมุ านนัง่ แท่น สบเู่ ลือด เพชรหนา้ ทง่ั
เลือดคา้ งคาว รางจดื กระวาน กําลังเสือโคร่ง ฯลฯ กจิ กรรมสําหรับนกั ทอ่ งเท่ยี วคือ การชมพรรณไม้

เสน้ ทางศึกษาธรรมชาติ อุทยานแห่งชาตริ ามคําแหงได้จดั ทาํ เส้นทางเดินป่าเพื่อศกึ ษาความ
หลากหลายของธรรมชาติไว้ 2 เส้นทาง ไดแ้ ก่

• เส้นทางศึกษาธรรมชาติ สายที่ 1 อยูห่ ่างจากที่ทาํ การอทุ ยานแห่งชาติรามคําแหง 300 เมตร
จุดเร่ิมต้นอยใู่ กลก้ บั พื้นที่กางเต็นท์ ระยะทางประมาณ 1.5 กโิ ลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชวั่ โมง ในการศึกษาสภาพ
ธรรมชาติของป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ลานสมุนไพรโบราณ ป่าเตง็ รงั ลํานํ้า สภาพปา่ ธรรมชาตทิ ่มี กี ารทดแทน
ตลอดเวลา และนาํ้ ตกหนิ ราง กิจกรรมสาํ หรับนกั ทอ่ งเทยี่ วคือ การชมพรรณไม้หายาก

• เสน้ ทางศึกษาธรรมชาติ สายที่ 2 เป็นเส้นทางที่เหมาะกบั กจิ กรรมเดินทางไกลในการศกึ ษา
ความหลากหลายทางธรรมชาติ และชมสวนสมุนไพรโบราณ จุดเร่ิมตน้ เดยี วกบั เส้นทางศกึ ษาธรรมชาติ
สายที่ 1 ระยะทางประมาณ 7 กโิ ลเมตร ใชเ้ วลาประมาณ 4 ชัว่ โมง

อ่างเก็บนํ้าคลองข้างใน เป็น แหล่งชมทศั นยี ภาพของทวิ เขา วถิ ีชีวติ ของผ้มู ีอาชีพหาปลา และใน
ฤดูหนาวจะมนี กเปด็ นา้ํ เขา้ มาอย่ใู นอ่างเกบ็ น้าํ เป็นจํานวนมาก เปน็ จุดแวะพกั ก่อนท่จี ะเดนิ ทางตอ่ ไปยังที่
ทําการอทุ ยานแห่งชาตริ ามคําแหง ประมาณ 12 กโิ ลเมตร กจิ กรรมสาํ หรับนกั ทอ่ งเท่ยี วคือ การชมทวิ ทัศน์

20

ท่ีตั้งและการเดนิ ทาง
รถยนต์
การเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาตริ ามคาํ แหงสามารถเดินทางได้ 2 เสน้ ทาง คือ

• จากกรงุ เทพฯ เดนิ ทางสู่ถนนกําแพงเพชร ทางหลวงแผน่ ดนิ หมายเลข 101 ถึงอาํ เภอครี มี าศ จังหวัด
สุโขทยั แยกซา้ ยเข้าสทู่ ท่ี ําการอทุ ยานแหง่ ชาติอกี ประมาณ 12 กิโลเมตร

บ้านพัก และค่ายพกั แรม
ท่านสามารถจองท่ีพกั ได้ด้วยตนเองผ่านทางอนิ เตอร์เนต็ www.dnp.go.th ของกรมเทา่ น้ัน (กรมไมม่ ี

ตวั แทนการจองทพี่ กั กบั ภาคเอกชนรายใดทงั้ สิ้น) จองล่วงหนา้ ได้ 60 วนั จองต่อเนอ่ื งได้ครั้งละ 3 วัน
กาํ หนดชําระเงินภายใน 2 วนั ทําการ ณ เคาน์เตอร์ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทัว่ ประเทศเทา่ น้ัน หรือ
ตดิ ต่อเจา้ หน้าทที่ ําการจองให้โดยโทรมาที่ 0 2562 0760 หรอื ติดต่อจดุ จองทีพ่ ักในสว่ นภมู ิภาค

21

อทุ ยานแห่งชาตศิ รสี ชั นาลยั (ป่าคา)

อุทยานแห่งศรีสัชนาลยั เดิมชื่อ ปา่ คา หมายถงึ ปา่ คาหลวง หรอื สนั กลางแมว่ ังช้าง ต้งั อยทู่ ่ี

บา้ นป่าคา หมู่ที่ ๖ ตาํ บลบ้านแกง่ ได้จัดตง้ั ขน้ึ ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั
ภูมพิ ลอดุลยเดชฯ เพอ่ื รักษาสภาพปา่ ที่เปน็ ตน้ นาํ้ ลําธาร และอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตไิ ว้ ครอบคลุม
พนื้ ทขี่ องอาํ เภอศรีสัชนาลยั และอาํ เภอทุ่งเสล่ยี ม มพี น้ื ทป่ี ระมาณ 213 ตารางกโิ ลเมตร และต่อมากรม
ป่าไมไ้ ด้ดําเนินการผนวกพ้นื ท่เี พิ่มเติมในทอ้ งที่อาํ เภอเถิน จงั หวดั ลาํ ปาง มพี ื้นทป่ี ระมาณ 106 ตาราง
กิโลเมตร รวมพืน้ ทที่ ั้งส้นิ 319 ตารางกโิ ลเมตร อทุ ยานฯ มีลกั ษณะเปน็ ทุ่งหญ้าคาขนาดใหญ่ เป็นต้นนาํ้
ของแมน่ ํา้ ท่าแพ สภาพพ้ืนที่โดยท่ัวไปมลี กั ษณะสัณฐานเปน็ เทือกเขา ประกอบด้วยป่าเบญจพรรณ ปา่
เต็งรงั ป่าดงดิบเขา สตั ว์ป่าทีพ่ บได้แก่ กระแต เสอื ไฟ อีเหน็ ข้างลาย เลยี งผา เตา่ ปูลู เป็นตน้ และไดร้ บั
การประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ศรสี ัชนาลยั เม่อื วนั ท่ี 8 พฤษภาคม 2524

สถานที่น่าสนใจภายในบรเิ วณอทุ ยานฯ ไดแ้ ก่
ถาํ้ ค้างคาว เป็นถํา้ ขนาดใหญท่ ม่ี หี ินงอก หินย้อยสวยงาม มเี ปน็ ทอ่ี ย่ขู องค้างคาวนบั แสนตวั

หา่ งจากท่ีทําการอุทยานฯ ประมาณ 20 กิโลเมตร
ถ้าํ ธาราวสนั ต์ โดยรอบบริเวณถํา้ จะพบกบั พรรณไม้ และสตั วป์ ่า เช่น จันทนผ์ า เสยี งผา เปน็ ต้น

ภายในถํา้ มีหินงอก หนิ ย้อย หา่ งจากทท่ี ําการอุทยานฯ ประมาณ 1.5 กโิ ลเมตร
นํ้าตกหว้ ยทรายขาว เกดิ จากลําหว้ ยทรายขาวไหลผา่ นหน้าผาหินลงส่แู อ่งน้าํ ขนาดเลก็ ตัว

นาํ้ ตกมีทั้งหมด 7 ช้นั ลดหลน่ั กันไป นา้ํ ตกทรายขาวนีอ้ ยใู่ จกลางขนุ เขา และโดยรอบมีต้นไม้นานา
พนั ธุ์ หา่ งจากที่ทาํ การอทุ ยานฯ ประมาณ 3 กิโลเมตร

22

ถํ้าคา้ งคาว เป็นถาํ้ ขนาดใหญท่ ี่มหี นิ งอก หินย้อยสวยงาม มีเป็นทอี่ ยขู่ องค้างคาวนับแสนตัว
ห่างจากที่ทําการอุทยานฯ ประมาณ 20 กิโลเมตร

ถาํ้ ธาราวสนั ต์ โดยรอบบรเิ วณถ้าํ จะพบกบั พรรณไม้ และสัตวป์ า่ เช่น จันทน์ผา เสยี งผา เปน็
ตน้ ภายในถํา้ มหี ินงอก หนิ ยอ้ ย ห่างจากท่ีทําการอุทยานฯ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร

นํ้าตกตาดดาว ต้นน้าํ เกดิ จากลาํ ห้วยแมท่ ่าแพ เปน็ นาํ้ ตกขนาดใหญ่ทมี่ คี วามสวย ตัวนํ้าตกไหล
ลงมาจากหน้าผา กว้างทส่ี ูงชนั มี 2 สาย สูงประมาณ 50 เมตร หา่ งจากทที่ าํ การอุทยานฯ ดว้ ยการ
เดินเท้าประมาณ 4 กิโลเมตร

นาํ้ ตกตาดเดือน เปน็ น้ําตกท่เี กิดจากลําหว้ ยแมท่ ่าแพ เป็นลานหนิ กวา้ ง และแอง่ น้าํ เหมาะ
สําหรบั การพกั ผ่อนหยอ่ นใจ ห่างจากทีท่ ําการอุทยานฯ ประมาณ 300 เมตร

นอกจากน้นั ทางอุทยานฯ ได้จัดทํา เสน้ ทางเดินศกึ ษาธรรมชาติ ไว้ 2 เส้นทาง

เสน้ ทางแรก ได้แก่ เสน้ ทางเดนิ ศึกษาธรรมชาติชมตะวนั เป็นเสน้ ทางท่ีอยูบ่ นไหลเขา มคี วาม
ลาดชนั ปานกลาง ผ่านรอ่ งนาํ้ ในบางช่วง ตลอดเสน้ ทางเป็นป่า เบญจพรรณ นกั ทอ่ งเที่ยวสามารถ
มองเหน็ วิวทิวทศั นข์ องอุทยานฯ และระหวา่ งเสน้ ทางสามารถชมพระอาทติ ยข์ ึ้นในตอนเช้าได้ เสน้ ทาง
เดินศึกษาธรรมชาตินม้ี ที ั้งหมด 14 สถานี แตล่ ะสถานที างอุทยานฯ ได้จดั ทาํ ป้ายส่อื ความหมายตา่ ง ๆ
ไว้เปน็ ระยะ ๆ ใช้เวลาในการเดนิ 2-3 ช่วั โมง เปน็ ระยะทางไป-กลบั 5,500 กิโลเมตร

เส้นทางทสี่ อง ได้แก่ เส้นทางเดินศกึ ษาธรรมชาติหว้ ยแม่ท่าแพ ลกั ษณะของเส้นทางเป็น
เสน้ ทางที่ตอ้ งเดนิ วนกลับ ระหวา่ งทางเดนิ สามารถพบกบั สตั วป์ า่ ได้ เช่น ผเี สื้อ เก้ง หมปู า่ กระรอก
ลักษณะของปา่ เป็นปา่ ดงดบิ แล้งผสมกบั ป่าเบญจพรรณ ใชเ้ วลาในการเดนิ ทาง 1 ชวั่ โมง เป็นระยะทาง
2 กโิ ลเมตร

อัตราคา่ เขา้ อทุ ยานฯ นกั ท่องเทย่ี ว ชาวไทย เดก็ 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท ชาวต่างชาติ เด็ก
100 บาท ผใู้ หญ่ 200 บาท

23

สถานทพี่ ัก ทางอทุ ยานฯ มบี ้านพกั ไวบ้ ริการนกั ทอ่ งเทย่ี ว จํานวน 6 หลัง พักได้ 4-8 คน
ราคา 300 - 800 บาท/คืน และทางอุทยานฯ ไดจ้ ัดสถานท่กี างเตน็ ท์ไว้สาํ หรบั นักท่องเทีย่ วทีน่ ํา
เต็นทม์ าเอง เสยี ค่าพ้นื ที่ 10 บาท/คืน หรอื จะเชา่ เต็นท์ของทางอทุ ยานฯ พกั ได้ 2-8 คน ราคา 40-
120 บาท/คืน สอบถามรายละเอียดเพ่ิมเติมไดท้ ่ีอุทยานแหง่ ชาติ ศรีสชั นาลยั ตู้ ปณ. 10 ตําบลบา้ น
แก่ง อาํ เภอศรสี ชั นาลยั จงั หวัดสุโขทัย 64130 โทร. 0-5561-9214-5 หรือทงี่ านบรกิ ารบา้ นพกั
ส่วนอทุ ยานแหง่ ชาติ กรมปา่ ไม้ บางเขน กรุงเพทฯ โทร. 0-2561-4292

การเดนิ ทาง รถยนต์ จากจังหวดั สโุ ขทยั สามารถใชเ้ ส้นทางได้ 2 ทาง เสน้ ทางแรก จากตวั
เมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 12 เส้นสุโขทยั -ตาก เลย่ี งเมืองไปประมาณ 15 กโิ ลเมตร แลว้ เลยี้ วขวาไป
ตามถนนหมายเลข 1113 มาถึงส่ีแยกสารจติ รแล้วเล้ยี วซา้ ยไปตามถนนหมายเลข 1294 เข้าสู่อทุ ยาน
ฯ รวมระยะทางประมาณ 100 กโิ ลเมตร เสน้ ทส่ี อง จากตัวเมืองใชท้ างหลวงหมายเลข 101 เส้น
สุโขทยั -ศรีสชั นาลัย ถงึ อาํ เภอศรสี ชั นาลัยให้เลีย้ วซ้ายผา่ นหน้าโรงพยาบาลศรสี ัชนาลยั ทางหลวง
หมายเลข 1035 ระยะทางประมาณ 11 กโิ ลเมตร แลว้ เลี้ยวขวาเข้าเสน้ ทางหลวงหมายเลข 1249 เข้าสู่
อทุ ยานฯ รวมระยะทางประมาณ 122 กิโลเมตร รถโดยสารประจาํ ทาง มรี ถออกจากอาํ เภอศรสี ัชนา
ลยั เปน็ รถสองแถว จอดตรงข้ามสถานตี าํ รวจ อําเภอศรีสัชนาลัย มีรถออกก่อนเทยี่ ง วันละ 1 เท่ียว ใช้
เวลาเดินทาง 50 นาที อตั ราคา่ โดยสารคนละ 30 บาท ในกรณที เ่ี ดินทางเปน็ หมู่คณะ อาจจ้างเหมา
จากทา่ รถดังกล่าวเขา้ ไปอทุ ยานฯ ได้ ราคาคา่ จ้างเหมาต่อเท่ียวประมาณ 600-800 บาท

วนอุทยานถา้ํ ลม-ถ้ําวงั
(Tham Lom-Tham Wang Forest Park)

ขอ้ มลู ทัว่ ไป
วนอทุ ยาน ถํ้าลม-ถา้ํ วงั อยใู่ นท้องทหี่ มทู่ ี่ 7 ตาํ บลนาขนุ ไกร

อาํ เภอศรสี ําโรง จงั หวดั สุโขทัย อย่ใู นเขตปา่ สงวนแห่งชาตปิ า่ แมม่ อก-
แม่พันลาํ มีเนอื้ ทปี่ ระมาณ 8,500 ไร่ กรมปา่ ไมไ้ ดป้ ระกาศจดั ตงั้ เป็น
วนอทุ ยานเมอ่ื วนั ท่ี 23 มกราคม 2526
ลกั ษณะภมู ิประเทศ

บริเวณ ป่าถํา้ ลม-ถา้ํ วัง มีสภาพพ้ืนทีเ่ ป็นภเู ขาหินปูน
เรยี งรายจากเหนือลงใต้ คอื เขาหนองหลวง เขาลกู แตก และ
เป็นพนื้ ท่ีราบรอบๆบริเวณกลมุ่ เขาหินพืชพรรณและสตั วป์ ่า

24

สภาพ ปา่ ธรรมชาติเปน็ ปา่ เบญจพรรณ 60 % ปา่ เตง็ รัง 35 % ป่าเส่ือมโทรม 5 % มีเนอื้ ทบ่ี างส่วนของปา่
เบญจพรรณมพี นั ธุ์ไม้ข้นึ อยเู่ ปน็ กลุ่มชดั เจน เป็นปา่ ไมส้ ัก ไมไ้ ผร่ วก ปา่ เตง็ รัง และพืชสมุนไพรพนั ธไุ์ ม้ทีพ่ บได้แก่ ปอ
ลาย มะพอก มะม่วงหวั แมลงวนั ยอปา่ แดง พลวง เล่ยี น มะเล่ือม มะค่าแต้ ตีนนก ไขเ่ น่า เปน็ ตน้ สตั วป์ า่ ทพี่ บไดแ้ ก่
หมี เลียงผา ลิง งู ไก่ป่า กระรอก กระแต กระตา่ ย ค้างคาว และนกชนิดต่างๆ
สถานทตี่ ิดตอ่

วนอทุ ยานถ้ําลม-ถ้ําวัง ต.ขนุ ไกร อ. ศรีสําโรง จ. สโุ ขทยั 64120 โทรศัพท์ 0 5561 3352
โทรสาร 0 5561 0635 อีเมล [email protected]
การเดินทาง
รถยนต์

เสน้ ทางการคมนาคมที่สามารถเขา้ ไปยงั วนอุทยานถ้ําลม-ถาํ้ วัง มี 2 เส้นทางดังนี้
จาก ตลาดสขุ าภิบาลอาํ เภอศรีสาํ โรง เดนิ ทางตามเสน้ ทาง 1056 ผา่ นตําบลบา้ นไร่ – บ้าน สันตสิ ุข - บ้าน
เขาดนิ - บา้ นโชกเปอื ย เขา้ สู่วนอุทยานฯ ระยะทาง 45 กิโลเมตร จากส่แี ยกปอ้ มตํารวจสวรรคโลก ไปตาม
ทางหลวงหมายเลข 1046 ผา่ นบ้านดงไทย – บ้าน ถนนพร อําเภอทงุ่ เสล่ยี ม - โรงเรยี นหัวฝาย แลว้ เล้ยี ว
ซา้ ยผ่านวดั เทพพนม – บ้านนาํ้ ดิบ – บา้ นโชกเปอื ย เข้าสู่วนอุทยานฯ

บรกิ ารด้านการขนส่ง
เช่ารถตู้
บรกิ ารเพ่อื อาํ นวยความสะดวก ใหแ้ กผ่ เู้ ดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติ วนอทุ ยาน และสถานที่

ทอ่ งเที่ยวอน่ื ๆ ซึ่งการเชา่ นเ้ี ปน็ การเชา่ รถพรอ้ มคนขบั โดยไม่รวมคา่ น้าํ มัน และค่าธรรมเนียมผา่ นทาง
ต่างๆ เน้นบรกิ ารให้เชา่ เรอื แก่ผูเ้ ดนิ ทางไปยงั อุทยานแหง่ ชาติ วนอุทยาน และสถานทท่ี อ่ งเทยี่ วทางทะเล
บรกิ าร รับ-ส่ง บรกิ ารรบั -ส่ง ให้แก่ผู้ทจ่ี ะเดนิ ทางไป-กลบั ระหวา่ งสนามบิน/สถานขี นสง่ /ท่าเรือ/สถานท่ี
พกั กบั อทุ ยานแหง่ ชาติ วนอุทยาน และ/หรอื สถานทท่ี อ่ งเท่ียวอนื่ ๆ

ตวั๋ โดยสาร
บริการจองตวั๋ โดยสารเพอ่ื เดินทางไปทอ่ งเที่ยวในอทุ ยานแหง่ ชาติ วนอุทยาน และ/หรอื สถานที่

ทอ่ งเทยี่ วอืน่ ๆ ทั้งทางเครอื่ งบิน รถโดยสาร รถไฟ และเรอื

คา่ ธรรมเนยี มการเขา้ อุทยานแห่งชาติ
ผใู้ หญ่ คนละ 20-80 บาท (ข้ึนอย่กู บั อทุ ยานฯ) เดก็ คนละ 10-40 บาท (ข้ึนอยกู่ ับอทุ ยานฯ)

กรณีเปน็ เดก็ อายุต้องต่ํากวา่ 14 ปี แตถ่ ้าอายุต่าํ กว่า 3 ปี จักไม่เรียกเก็บคา่ ธรรมเนียม กรณีเปน็ นกั เรยี น
นิสิต นักศกึ ษา ใหเ้ ก็บคา่ ธรรมเนียมในอัตราสาํ หรับเด็ก

25

เขตรกั ษาพันธ์สุ ตั ว์ปา่ ถาํ้ เจา้ ราม

ถํ้าเจา้ ราม ไดร้ บั การประกาศเปน็ เขตหา้ มลา่ สตั ว์
ปา่ เมือ่ วนั ท่ี 18 สิงหาคม พ.ศ.2532 มีเนื้อที่ประมาณ
125,000 ไร่ บรเิ วณพนื้ ทีโ่ ดยรอบถํา้ เจา้ รามนน้ั เป็นปา่
เบญจพรรณชน้ื ทม่ี ีไม้สกั ข้ึนอยู่อย่างสมบูรณ์ และยังมีสตั ว์
ปา่ ชนิดตา่ งๆ อาศัยอยใู่ นพน้ื ทค่ี ่อนข้างมาก เชน่ หมปู ่า
หมีควาย เก้ง กระจง อเี หน็ หมาป่า เสือไฟ ลิง คา่ ง และเลียงผาซึง่ เปน็ สตั วส์ งวนทีห่ ายากในปจั จบุ ัน และ
นกชนดิ ต่างๆ อีก 161 ชนิดถา้ํ เจา้ ราม เป็นถา้ํ ขนาดใหญ่ ภายในถ้าํ มอี ุโมงค์ลกึ เปน็ ทางเดนิ เข้าไป ปากถํา้
อยูท่ างทศิ ใตข้ องเขาพระรามมคี วามกว้างประมาณ 6 เมตร ตรงบริเวณท่ีกว้างที่สุดของ

ถํา้ มีความกว้างถึง 10 เมตร และบรเิ วณที่มคี วามสูงชัน
ทีส่ ดุ ประมาณ 30 เมตร ทางเดนิ ภายในถํา้ นน้ั ค่อนข้างมดื และบาง
ตอนก็เป็นเหวลกึ นกั ทอ่ งเทย่ี วจงึ ตอ้ งระมดั ระวังเปน็ อย่างมาก

ปัจจุบัน "ถ้ําเจา้ ราม" ได้กลายเปน็ สถานท่ีทอ่ งเทยี่ ว
ทางธรรมชาติอกี แห่งหน่งึ ของจังหวดั สโุ ขทยั ทมี่ ผี ูน้ ยิ มและชน่ื
ชอบการทอ่ งไพรมาเท่ยี วพักผอ่ น ตง้ั แคม้ ปไ์ ฟกนั เป็นจํานวน
มากเพื่อรอชมฝงู บินค้างคาวนบั ลา้ นตวั โฉบเฉย่ี วออกจากถ้ํา
เปน็ สายคลา้ ยกล่มุ ควนั นานนบั ช่วั โมงโดยมนี กเหยีย่ วคอยบิน
โฉบจบั คา้ งคาวกนิ เป็นระยะๆ ให้ดตู ่นื ตาตามธรรมชาตชิ ีวติ ท้งั ในช่วงพลบคํ่าและใกลฟ้ า้ สางทฝ่ี ูงค้างคาว
เหลา่ นี้บนิ กลบั เข้าถํา้

จากการสํารวจค้างคาวทีอ่ าศัยอยใู่ นถํ้าเจ้ารามประมาณเกือบ 5 ล้านตัวแหง่ น้ี พบวา่ เป็นพนั ธุ์ที่กิน
แมลงหลอ่ เล้ยี งชวี ติ และเพ่อื การขยายเผ่าพนั ธุ์ มอี ยู่ 6 ชนิดดว้ ยกนั คือ คา้ งคาวเลบ็ กดุ ค้างคาวปกี ถงุ ใหญ่
คา้ งคาวหน้ายักษ์กระบังหนา้ คา้ งคาวหน้ายักษส์ ามลืบ คา้ งคาวปากยน่ และค้างคาวปกี พบใหญ่
นอกจากการเดินทางมาตัง้ แคมป์พักผ่อน เลน่ รอบกองไฟ ชมฝงู บนิ ค้างคาวนบั ล้านตัว และสอ่ งกลอ้ งมอง
สตั ว์หายากในบรรยากาศธรรมชาติที่แทจ้ รงิ พรอ้ มบันทกึ ภาพความประทับใจตามจุดชมววิ ต่างๆ ประมาณ
10 จุดแลว้ นักทอ่ งเท่ียวยงั ได้สัมผสั กับสถานท่ีประวัตศิ าสตร์กวา่ 700 ปี

เช่อื กนั ว่าถา้ํ เจ้ารามแห่งนี้ อดีตเคยเปน็ สถานที่พกั ผ่อนของพ่อขนุ รามคําแหงมหาราช และเปน็
สถานท่หี ลบภยั จากขา้ ศึกศัตรอู ีกด้วย เพราะในบรเิ วณสว่ นกลางของถํา้ เจา้ รามเป็นที่โล่งกวา้ งด้านบนมี
ปล่องแสงอาทิตย์สอ่ งลงมาได้ และสามารถบรรจคุ นได้จํานวนมาก

26

สาํ หรับนกั ท่องเท่ียวทต่ี ้องการเขา้ ชมภายในถาํ้ ควรนาํ ไฟฉาย สวมหนา้ กาก และเตรยี มเสือ้ ผา้ ไว้
ผลดั เปลี่ยน เน่อื งจากบริเวณภายในถาํ้ นั้นคอ่ นข้างมืดและมีมูลคา้ งคาวจํานวนมากซึ่งอาจฟงุ้ กระจายติดตวั
ออกมา และผทู้ ่ตี อ้ งการคา้ งคนื บริเวณหนา้ ถ้ําเพอ่ื รอชมฝูงคา้ งคาวควรเตรียมอาหาร เตน็ ท์ และเครอ่ื งนอน
ไปดว้ ยเช่นกนั

ทงั้ น้ีนักทอ่ งเที่ยวสามารถเดินทางมายัง ถาํ้ เจา้ ราม ไดโ้ ดยรถยนต์จนมาถงึ บรเิ วณหน้าถํ้าโดยใช้
เวลาประมาณ 45 นาที จากอาํ เภอบ้านดา่ นลานหอย หรอื สอบถามรายละเอยี ดเพมิ่ เตมิ ได้ ณ ทวี่ า่ การ
อาํ เภอบา้ นดา่ นลานหอย ฝ่ายปกครองและพัฒนา เบอรโ์ ทรศัพท์ 0-5568-9024

ข้อมลู เฉพาะถาํ้ เจา้ ราม
สภาพพืน้ ท่โี ดยท่วั ไป
ลกั ษณะพื้นทเี่ ป็นภเู ขาหนิ ปูน มคี วามสงู ประมาณ 400 เมตร จากระดบั นํา้ ทะเล มที รี่ าบตาม หุบ

เขา สภาพป่าเป็นปา่ ดงดิบ และปา่ เบญจพรรณ ซง่ึ เป็นตน้ กําเนิดของลําห้วยหลายสาย เช่น ห้วยไคร้ ห้วย
แม่ถันนอ้ ย หว้ ยสะเดา ซึ่งลําห้วยเหล่านีม้ ีน้าํ ไหลตลอดปี จึงทาํ ให้พนื้ ทด่ี ังกลา่ วมสี ัตว์ป่าหลายชนดิ เช่น
เกง้ เลยี งผา หมี นกชนดิ ตา่ ง ๆ และทส่ี าํ คญั คอื มคี ้างคาวปากยน่ หลายลา้ นตวั

จุดเดน่ ทนี่ ่าสนใจ
1. ชมคา้ งคาวบนิ เข้าออก จากถ้าํ เจา้ ราม จาํ นวน 4-5 ล้านตวั ใช้เวลาบนิ ออกจากถํ้า ประมาณ 1-
2 ชม. ตงั้ แต่เวลา 18.30 น. และบนิ กลับเขา้ ถ้ําตงั้ แตเ่ วลา 05.30 น
2. ชมต้นสักใหญ่ มขี นาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 700 ซม.
3. มีจุดชมววิ เพอื่ ชมภมู ิทศั น์ต่าง ๆ ประมาณ 10 จดุ

เสน้ ทางการคมนาคม
ปจั จุบนั มเี ส้นทาง รพช. ตัดเป็นแนวขนานกบั เสน้ ทางแนวเขตฯ ถ้ําเจา้ รามจากอาํ เภอทุ่งเสลี่ยม ถงึ
อาํ เภอศรสี ําโรง มีหมูบ่ า้ นท่ีสาํ คัญ คือ บา้ นน้ําดิบ บา้ นโซกเปือย บา้ นแปดหลัง โดยราษฎรมีอาชีพทําไร่
บางรายตดั ไม้และเก็บหาของปา่ เพอ่ื ยังชีพ และพื้นท่ีด้านทศิ ใตต้ ดิ กบั อําเภอบา้ นด่านลานหอย

27

เรื่องที่ 5 เขือ่ นสรดี ภงส์

สรีดภงส์ เป็นคําที่คนทอ้ งถิ่นตาํ บลเมืองเก่า อาํ เภอเมืองสโุ ขทัย ใช้เรียกรอ่ งรอยของคนั ดินโบราณ
เพื่อการชลประทานทเ่ี มอื งเกา่ สุโขทยั ซึ่ง กษัตรยิ ส์ โุ ขทยั องค์ใดองคห์ นึ่งสรา้ งข้นึ โดยทเ่ี ม่อื พบส่ิงใดทเี่ ปน็
ของเมอื งโบราณ ชาวบ้านละแวกน้ันจะอธบิ ายวา่ เปน็ ของที่พระร่วงทาํ ข้นึ หรอื เกิดขน้ึ ดว้ ยอทิ ธิฤทธ์ิของ
พระรว่ งท้งั สิน้ รอ่ งรอยคันดนิ ชลประทาน หรือ ทาํ นบพระร่วงนน้ั อยู่นอกเมืองทางทศิ ตะวนั ตกเฉียงใต้ ตรง
บริเวณทก่ี ระหนาบด้วยภูเขาสองลกู เปน็ รปู ก้ามปู คือ เขาพระบาทใหญ่ กับเขากว่ิ อ้ายมา ภูเขาทั้งสองรูปน้ี
อย่ใู นเทือกภูเขาหลวงดา้ นหลงั ตวั เมอื งสโุ ขทัยโบราณ ลึกเขา้ ไปในเทอื กเขานเ้ี ปน็ ซอกเขาอันเป็นตน้ กาํ เนิด
ของทางนํ้าเรียกว่า โซกพระรว่ งลองขรรค์ ลาํ ธารขนาดเล็กทมี่ ตี ้นกาํ เนิดจากโซกพระรว่ งลองขรรค์ จะไหล
เลาะเชงิ เขากิว่ อา้ ยมาออกมา โดยอกี ฟากหนึง่ ของฝ่งั ธารจะเปน็ ทลี่ าดชันของเชิงเขาพระบาทใหญ่

ปัจจบุ นั กรมชลประทานได้สรา้ งเข่อื นดินสูงเปน็ แนวเชือ่ ม ระหวา่ งปลายเขาพระบาทใหญก่ บั เขา
กิว่ อา้ ยมา สามารถกกั นา้ํ ที่ไหลออกมาจากโซกพระร่วงลองขรรค์ บริเวณระหว่างเขาทัง้ สองลูกจึงกลายเป็น
อา่ งเก็บนํา้ ขนาดย่อมและระบายน้าํ จาก อ่างเกบ็ นํ้าน้ีลงคลองเสาหอ ซง่ึ จะนาํ น้าํ น้ีเขา้ คเู มอื งสุโขทัยทีม่ มุ
เมืองทศิ ตะวันตกเฉยี งใต้ อันเปน็ ตาํ แหน่งท่มี รี ะดบั ความสูงของพ้ืนดินสงู ทสี่ ดุ ของเมอื งสโุ ขทยั นํา้ จากคลอง
เสาหอจะไหลลงคเู มืองด้านทศิ ตะวนั ตกและทิศใต้ จากน้นั จะไหลเข้าคเู มอื งดา้ นทศิ เหนือและทศิ ตะวันออก
ไปสู่มุมเมอื งทศิ ตะวัน ออกเฉยี งเหนือซึง่ มรี ะดับต่ําทสี่ ดุ กอ่ นทจ่ี ะไหลลงแม่นํา้ ลาํ พนั ไปลงแม่น้ํายม ทอี่ ยไู่ กล
ออกไปทางทศิ ตะวันออก ซ่งึ ในปัจจบุ ันกรมชลประทานร่วมกบั กรม ศลิ ปากรไดป้ รับปรุงบรู ณะ และ
ซ่อมแซมขน้ึ ใหม่ ใหม้ คี วามสงู และแข็งแรงกว่าเดมิ สําหรับใช้กักเกบ็ นาํ้ มคี วามสูงประมาณ 10 เมตร
สามารถกกั เกบ็ นํ้าได้ถงึ 400,000 ลูกบาศกเ์ มตร

เดิมกอ่ นท่กี รมชลประทานจะกอ่ สรา้ งเขอ่ื นกักเกบ็ น้ํา บรเิ วณนี้จะมคี ันดนิ เตยี้ ๆ สงู ประมาณ 1-2
เมตร ทอดยาวเป็นแนวขนานกนั กบั เข่ือนดนิ สรา้ งใหม่ของกรมชลประทาน มคี ําเรยี กคนั ดนิ โบราณน้วี ่า
ทาํ นบพระร่วง แต่ลักษณะคนั ดินไม่สงู นักรวมทั้งมิไดม้ สี ภาพการกอ่ สร้างท่แี ข็งแรงพอ จงึ อาจที่จะวิเคราะห์
ไดว้ ่า คันดินโบราณทีเ่ รยี กวา่ ทาํ นบพระรว่ งน้ี มไิ ด้ทําหน้าท่เี ป็นเขื่อนกกั เก็บน้ําเหมอื นกบั เขอ่ื นดินทกี่ รม
ชลประทาน มาสรา้ งไว้ ทํานบพระร่วงของเดิมจะทําหน้าท่บี ังคบั ทิศทางของน้ําทม่ี ีมากในฤดูฝน มใิ ห้ไหล
ล้นไปในทิศทางอื่นทม่ี ใิ ช่ทิศทางไปสู่เมอื งสุโขทยั แตจ่ ะทาํ หน้าท่ี เบนน้าํ ท้ังหมดทีไ่ หลมาจากเขาทง้ั สองลูกนี้
ใหไ้ หลลงไปในคลองเสาหอท้ังหมด เพ่ือนําไปสู่คเู มอื งสโุ ขทัย

28

แนวคันดนิ ทีท่ ําหน้าทเี่ บ่ียงเบนทิศทางของนาํ้ ไปยังทศิ ทางใด ทิศทางหนง่ึ ตามต้องการ ซ่งึ ทําหนา้ ที่
เหมือนกับทํานบพระรว่ งนนั้ พบโดยทว่ั ไปบนพนื้ ทีล่ าดเอยี งของภมู ิประเทศรอบเมอื งสโุ ขทัย ทพี่ บมากทีส่ ดุ อยบู่ รเิ วณ
เชงิ เขาด้านทศิ ตะวนั ตกตดิ ตอ่ ไปทางทศิ ตะวนั ตกเฉียง เหนอื ของตวั เมอื ง แต่ก็มไิ ดเ้ รยี กวา่ ทํานบพระร่วง คงมเี พียงคนั
ดนิ เปน็ แนวเชอ่ื มระหวา่ งเขาพระบาทใหญก่ บั เขากวิ่ อ้ายมาเทา่ นน้ั ที่มีชือ่ เรยี กวา่ ทํานบพระร่วง อาจจะเป็นดว้ ยว่า เหน็
เปน็ คันดนิ ชัดเจนทส่ี ดุ และชาวบา้ นแถบน้นั รจู้ ักกนั มานานแลว้ กไ็ ด้ แม้วา่ ปัจจบุ นั คนั ดินทํานบพระร่วงของเดมิ จะไม่
เหลือสภาพใหเ้ หน็ อกี แลว้ แต่เขือ่ นดินของกรมชลประทานทส่ี รา้ งขน้ึ มาใหมซ่ ่ึงทาํ หนา้ ทตี่ ่างไปจากคันดิน ของเดิม ก็ยงั
ถูกเรยี กว่า ทํานบพระร่วง แทนทาํ นบพระรว่ งแห่งน้นี กั วชิ าการหลายทา่ นไดเ้ รียกชอ่ื เปน็ สรีดภงส์ ตามชือ่ ท่ี
ปรากฏใน จารึกหลักท่ี 1 (ศิลาจารกึ พ่อขุนรามคาํ แหงมหาราช)

29

กจิ กรรมท่ี 1

จงเติมข้อความลงในช่องว่างใหถ้ กู ตอ้ ง
1. อทุ ยานแห่งชาติรามคาํ แหงมพี ้นื ที่ครอบคลมุ อําเภอ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. อทุ ยานแหง่ ชาตริ ามคําแหงมภี เู ขาทีส่ ูงท่สี ดุ คอื ภูเขาใด และมเี ขาอนื่ ๆ อกี คือเขาใดบ้าง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. อุทยานแหง่ ชาติรามคําแหง เปน็ อทุ ยานแหง่ ชาติท่พี บหลักฐานสาํ คัญทางประวตั ิศาสตร์ ไดแ้ ก่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. อุทยานแหง่ ชาตริ ามคาํ แหง มแี หล่งท่องเทยี่ วทางธรรมชาติท่นี า่ สนใจ ได้แก่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. อุทยานแห่งชาติศรสี ชั นาลัยมพี ืน้ ท่คี รอบคลมุ อาํ เภอ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
6. สตั วป์ า่ ทีพ่ บในอุทยานแหง่ ชาตศิ รสี ชั นาลยั ได้แก่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
7. วนอทุ ยาน ถา้ํ ลม-ถํา้ วงั ตง้ั อยู่ในเขตปา่ สงวนทีใ่ ด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
8. กจิ กรรมทน่ี า่ สนใจทีถ่ าํ้ เจ้ารามคือ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………

30

9. คา้ งคาวที่อาศยั อยูใ่ นถํ้าเจา้ รามพบว่าเปน็ พันธุ์ทกี่ ินแมลงหล่อเลีย้ งชีวิตและเพ่ือการขยายเผา่ พันธ์ุ มอี ยู่ 6ชนดิ
ดว้ ยกันคอื
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………

10. เขอ่ื นสรดี ภงสส์ ามารถกักเกบ็ น้ําไดจ้ าํ นวน……………………………………………………………………………

31

กิจกรรมท่ี 2

จงตอบคําตอบทถี่ กู ตอ้ งที่สดุ เพียงขอ้ เดยี ว

1. อุทยานแหง่ ชาตริ ามคําแหง ไม่มี เนอ้ื ทค่ี รอบคลุมอยใู่ นอําเภอใด

ก. อําเภอบ้านด่านลานหอย ข. อาํ เภอเมอื งสุโขทยั

ค. อําเภอทงุ่ เสลย่ี ม ง. อําเภอคีรมี าศ

2. “อุทยานแห่งชาติรามคําแหง” ไดอ้ ญั เชิญสมญานามของกษตั ริยอ์ งคใ์ ด มาเปน็ ชื่อของอทุ ยาน

แหง่ ชาติ

ก. พ่อขนุ เมง็ ราย ข. พ่อขุนรามคําแหงมหาราช

ค. พอ่ ขนุ ศรอี นิ ทราทิตย์ ง. พ่อขนุ บาลเมอื ง

3. พนื้ ทีส่ ว่ นใหญ่ของอทุ ยานแห่งชาติรามคาํ แหงปกคลมุ ด้วยป่าประเภทใดมากทีส่ ุด

ก. ปา่ เบญจพรรณ ข. ป่าดบิ แลง้

ค. ป่าดบิ เขา ง. ปา่ เต็งรงั

4. สถานท่ีใด ไมใ่ ช่ หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ท่พี บบรเิ วณอทุ ยานแหง่ ชาตริ ามคาํ แหง

ก. วดั มหาธาตุ ข. ปลอ่ งนางนาค

ค. เขอื่ นสรดี ภงส์ ง. รอยพระพทุ ธบาท

5. นํ้าตกใดทีพ่ บในบริเวณอุทยานแหง่ ชาติรามคาํ แหง

ก. นาํ้ ตกตาดเดอื น ข. นาํ้ ตกสายรงุ้

ค. นํา้ ตกทลี อซู ง. น้าํ ตกตาดดาว

6. “เขาหลวง” ประกอบดว้ ยเทือกเขาใดบา้ ง

ก. เขาพระนารายณ์ ข. เขาพระเจดีย์

ค. เขาพระแม่ยา่ ง. ถกู ทุกขอ้

7. อุทยานแหง่ ชาติศรสี ัชนาลัย มชี ่อื เรียกอีกชื่อหน่ึงคืออะไร

ก. ปา่ คา ข. ป่าดงดิบ

ค. ป่าหลวง ง. ปา่ แดง

32

8. สถานทใี่ ดเป็นสถานทีท่ ่องเทยี่ วภายในอุทยานแหง่ ชาติศรีสชั นาลยั

ก. ถาํ้ ค้างคาว ข. ถาํ้ เจา้ ราม

ค. ถํา้ ลม ง. ถํ้าวัง

9. วนอุทยานถาํ้ ลม-ถาํ้ วัง ตงั้ อยูใ่ นทอ้ งท่ีอาํ เภอใด

ก. อําเภอศรีสําโรง ข. อาํ เภอบ้านด่านลานหอย

ค. อําเภอศรีนคร ง. อาํ เภอทุง่ เสลยี่ ม

10. วนอุทยานถํา้ ลม-ถํ้าวงั มสี ภาพพืน้ ทเ่ี ป็นภเู ขาชนิดใด

ก. หนิ ปูน ข. หินทราย

ค. หินแกรนติ ง. หนิ อัคนี

11. สภาพปา่ สว่ นใหญบ่ ริเวณวนอุทยานถาํ้ ลม-ถาํ้ วงั เป็นปา่ ประเภทใด

ก. ปา่ เส่ือมโทรม ข. ป่าเต็งรัง

ค. ป่าดบิ ชื้น ง. ปา่ เบญจพรรณ

12. เส้นทางคมนาคมท่ีสามารถไปยงั วนอทุ ยานถา้ํ ลม-ถ้ําวัง มีกเ่ี ส้นทาง

ก. 1 เส้นทาง ข. 2 เสน้ ทาง

ค. 3 เส้นทาง ง. 4 เส้นทาง

13. เดก็ อายกุ ่ีปี ไมต่ อ้ ง เสยี ค่าธรรมเนยี มเขา้ ชมวนอทุ ยานถ้าํ ลม-ถ้าํ วัง

ก. 3 ปี ข. 4 ปี

ค. 5 ปี ง. 6 ปี

14. ถา้ํ เจา้ รามตั้งอยูใ่ นเขตอาํ เภอใด ข. บ้านด่านลานหอย-อาํ เภอเมอื งสุโขทยั
ก. ท่งุ เสลยี่ ม-ศรสี ําโรง ง. คีรีมาศ-อําเภอเมอื งสโุ ขทัย
ค. ทงุ่ เสลีย่ ม-สวรรคโลก

15. บรเิ วณถา้ํ เจ้ารามมสี ตั ว์ชนดิ ใดมากท่ีสดุ

ก. ผเี ส้อื ข. ค้างคาว

ค. นกนางแอน่ ง. แมลงทบั

16. พนั ธ์ไุ มท้ ีม่ คี ่าทางเศรษฐกิจท่ีพบมากในบริเวณป่าถํา้ เจ้ารามคือพันธ์ุไม้ใด

ก. ไม้ไผ่ ข. ไมส้ กั

ค. ยูคาลปิ ตสั ง. ไม้ยาง

33

17. ถํ้าเจา้ รามไดร้ ับการประกาศเป็นเขตสงวนพันธ์ุสตั ว์ปา่ เมอื่ ใด

ก. 16 สิงหาคม 2532 ข. 17 สิงหาคม 2532

ค. 18 สงิ หาคม 2532 ง. 19 สิงหาคม 2532

18. ในอดีตเชื่อกันวา่ ถํา้ เจ้ารามมีความสาํ คญั อย่างไร

ก. เป็นท่ีหลบภยั จากขา้ ศึกศตั รู ข. เปน็ สถานทฝี่ งั ศพของกษตั ริย์

ค. เป็นทอี่ าศยั ของมนษุ ย์ยุคโบราณ ง. เป็นสถานท่ีพกั ผอ่ นของนายพราน

19. ถ้าํ เจา้ รามมีจุดเด่นที่ดึงดูดนกั ท่องเท่ยี วอยา่ งไร
ก. สามารถชมฝูงบนิ คา้ งคาวนับลา้ นตัว ข. มตี ้นสกั ขนาดใหญ่
ค. มจี ุดชมวิวเพอื่ ชมภูมิทัศน์ตา่ งๆ หลายจดุ
ง. ถกู ทกุ ขอ้

20. กิจกรรมใดอีกบา้ งทน่ี ักทอ่ งเท่ยี วสามารถทําไดท้ ถี่ ้าํ เจ้าราม นอกจากชมฝูงบินค้างคาวนบั ลา้ นตัว

ก. ต้งั แคมปพ์ ักผ่อน ข. เล่นรอบกองไฟ

ค. ส่องกลอ้ งมองสัตว์ทีห่ ายาก ง. ถูกทุกขอ้

34

บทที่ 3
แหล่งทอ่ งเท่ียวเชงิ วฒั นธรรม

1. ชุมชนเคร่ืองปน้ั ดินเผาทุ่งหลวง

เครอื่ งปั้นดินเผา มคี วามผกู พันกบั การดํารงชีวิตของมนุษยม์ าตัง้ แต่ สมัยก่อนประวัตศิ าสตร์
เพราะมนุษยไ์ ดใ้ ช้เปน็ เครอื่ งใช้ไมส้ อยในชวี ิต ประจาํ วนั บรรจอุ าหารและสิง่ ของ ฉะนั้นจงึ ได้มีการประดิษฐ์
คดิ คน้ และปรบั ปรงุ เทคโนโลยตี ่าง ๆ อย่ตู ลอดเวลา จากการสาํ รวจแหลง่ โบราณ คดใี นประเทศไทย พบวา่
นบั ตง้ั แตร่ าวพุทธศตวรรษท่ี 15-16 เป็นตน้ มา ในพน้ื ทีข่ องราชอาณาจกั รไทยได้ปรากฏแหล่งเตาเผาตัง้
กระจัดกระจาย อยู่มากมายหลายแหง่ รวมท้ังไดม้ กี ารค้นพบเครื่องป้นั ดินเผาเป็นจาํ นวน มากมายหลาย
ชนดิ ทั้งท่ผี ลติ จากแหล่งเตาเผาในราชอาณาจักรไทยและ ทผ่ี ลติ จากแหล่งเตาในตา่ งประเทศ ซ่งึ ไดถ้ ูกนํามา
เพ่อื ใชส้ อยและจาํ หนา่ ย ใหก้ ับกลุม่ ชนบางกล่มุ เครือ่ งป้นั ดนิ เผาเหล่าน้ถี ูกผลติ และตกแตง่ ดว้ ย เทคนคิ และ
ลวดลายทแ่ี ตกตา่ งกันออกไปตามความสามารถของช่างใน แต่ละทอ้ งถ่นิ หรอื ตามสภาพท่ตี ง้ั ทางภูมศิ าสตร์
ของแต่ละชมุ ชน ซงึ่ บางแหง่ อาจมแี หลง่ ดินทอี่ ุดมสมบูรณเ์ อ้ืออํานวยต่อการผลติ เครอ่ื งปั้น ดินเผา
นอกจากน้ี จากการทีช่ มุ ชนบางแหง่ มีพ้นื ที่ติดตอ่ กนั หรือมกี าร ทําการค้ารว่ มกนั จงึ ทาํ ใหอ้ ทิ ธิพลตา่ ง ๆ
สามารถส่งผ่านไปยงั อกี ชมุ ชน หนึง่ ไดอ้ ยา่ งงา่ ยดายกอ่ ให้เกิดการแลกเปลีย่ นศิลปะและเทคโนโลยซี งึ่ กนั
และกัน

ต่อมาจงึ มีพฒั นาการของตนเอง ท่แี ตกต่างออกไปชุมชนบางแหง่ ก็อาจ มีพฒั นาการทางการผลติ ที่
เปน็ ของตนเอง โดยมิไดร้ บั อิทธิพลจากภายนอก ซง่ึ ในระยะแรกจะผลิตขน้ึ เพื่อใชใ้ นกลุม่ ชนของตนเอง
ก่อนตอ่ มาจงึ สามารถ พัฒนาจนกลายเป็น อุตสาหกรรมทยี่ งิ่ ใหญ่ และมกี ารสง่ ไปจาํ หนา่ ยเปน็ สนิ ค้า ออก
ใหแ้ กช่ ุมชนใกล้เคยี ง

35

บ้านทุ่งหลวง เป็นหมู่บา้ นหนึ่งในตาํ บลทงุ่ หลวงอาํ เภอคีรีมาศ จ.สโุ ขทยั อยหู่ า่ งจากตัวเมอื งสโุ ขทัย

ประมาณ 17กโิ ลเมตร เป็นแหล่งผลิตเครอื่ งป้นั ดนิ เผาท่ีมีชือ่ เสยี งของจังหวัดสโุ ขทัย ชาวบ้านทงุ่ หลวง
ยึดการทําเครอ่ื งปัน้ ดินเผาเป็นอาชีพหลัก โดยมีการผลติ มากกว่า 200 ครวั เรอื นแทบทกุ ครัวเรอื นจะผลติ
เครื่องปน้ั ดินเผากันใต้ถนุ บา้ น โดยใช้กรรมวธิ ีการผลิต ทีไ่ ดร้ บั การถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ โดยการนําดินท่ขี ดุ จากทอ้ ง
นารอบหม่บู ้าน มาหมักแช่นาํ้ ไว้ 1 วัน 1 คนื แลว้ นํามาผสมทรายในอัตราส่วน 2:1 จากน้ันจงึ นํามานวดด้วยเครือ่ ง (ใน
อดีตใช้วิธยี ํ่าด้วยเท้า) แลว้ จึงนํามาป้ัน ซึง่ มดี ้วยกนั 4 วิธี คือ การตขี นึ้ รูปด้วยแปน้ หมุน
การหล่อนํ้าสลปิ และการปัน้ ดว้ ยมอื จากนั้นจงึ นํามาเขยี นฉลุลาย เสร็จแล้วจงึ เอาเขา้ เตาเผาประมาณ 4 ชวั่ โมง แล้ว
ปล่อยทง้ิ ไว้อีก 1-2 วนั ซ่ึงระยะเวลาท่ใี ช้จะแตกตา่ งกันไปข้นึ อยู่กบั ชนิดของผลติ ภณั ฑ์ เตาทใี่ ช้มีท้ังแบบเตาสุมซ่ึง
เปน็ วิธที ีช่ าวบ้านใช้กนั มาแตด่ ้งั เดิม หรือ เตาแบบอุโมงคท์ มี่ ีการพัฒนาขึ้นมาระดบั หนง่ึ และแบบเตาแกส๊

เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาทงุ่ หลวง

เป็นผลิตภณั ฑ์ประเภทเคร่ืองป้ันดินเผาไม่เคลอื บ
จาํ พวกของประดบั เคร่ืองใชส้ อยในชีวติ ประจาํ วนั เชน่
กระถาง หมอ้ ดิน โอ่ง คนโท กานํ้า หมอ้ หัวไก่ และของ
ประดับตกแต่งตา่ งๆ ซ่ึงจดั เป็นผลติ ภัณฑ์สินคา้ OTOP
(หนง่ึ ตาํ บลหนึ่งผลิตภณั ฑ์) จากการรวมกลมุ่ ของชาวบา้ นและการสนบั สนนุ จากเทศบาลตําบลทุ่งหลวง จึงเกดิ ชุมชน
เครอ่ื งปั้นดนิ เผา ที่เป็นศลิ ปะโบราณทส่ี ืบทอดกนั มา ตลอดจนการนําศลิ ปะสมยั ใหมเ่ ข้ามาผสาน ทาํ ใหผ้ ลติ ภณั ฑ์
เครอื่ งป้นั ดนิ เผาทงุ่ หลวงเปน็ ทรี่ ้จู กั และได้รบั การยอมรบั ทว่ั ไป

2. ชุมชนบ้านนาตน้ จนั่

ชุมชนดงั้ เดมิ อพยพมาจากเมอื งเหนือ
และเมอื งลับแล ภาษาทใี่ ช้เปน็ ภาษาเหนอื หมูบ่ ้านนา
ต้นจ่ันเป็นหม่บู ้านเล็กๆ มตี น้ จ่ันข้ึนอยมู่ ากมาย
จงึ ตงั้ ช่ือหมู่บ้านวา่ บ้านนาตน้ จัน่ บา้ นนาตน้ จน่ั
สามารถมองเห็นไดช้ ัดเจนจากบนดอย ประชากร
มี 270 ครัวเรือน ประกอบอาชีพทํานา ทําสวน
ผลไม้ ปลกู กลว้ ย ลางสาด ทุเรยี น ตามฤดกู าล
อาชพี เสรมิ คือ อาชีพทอผ้า จกั สาน ทําหตั ถกรรม
ตอไมช้ มุ ชนอยู่กันแบบพ่แี บบน้อง เออ้ื อาทรต่อกัน มีการช่วยเหลอื เกอื้ กลู กนั มกี ารนับถือศาสนาพทุ ธ มี
ความเช่ือเร่อื งผี และขอ้ ปฏบิ ัตขิ ้อต่าง ๆ ทบ่ี รรพบุรษุ ไดก้ อ่ ไว้

36

2.1 แหล่งท่องเทย่ี วภายในชมุ ชน
2.1.1 ท่องเท่ยี วเชงิ เกษตร
2.2.2 ศกึ ษาวถิ ีชีวิตชมุ ชน
2.2.3. วัฒนธรรมประจําท้องถิ่น
2.2.4. ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ

2.2 กจิ กรรมและการบริการดา้ นการทอ่ งเทีย่ วของชมุ ชน
2.3 ทรพั ยากรการทอ่ งเทีย่ วภายในชุมชน ประกอบด้วย โบราณสถาน เมอื งเกา่ ศรีสชั นาลยั
เตาเผาโบราณ ภมู ิปญั ญาบ้านตาวงค์ ภมู ปิ ัญญาบา้ นครู

2.4 กิจกรรมการทอ่ งเทยี่ วภายในชุมชน
2.4.1 พาํ นักโฮมสเตย์
2.4.2 ใสบ่ าตรพระตอนเชา้
2.4.3 การทาํ ผา้ หมักโคน
2.4.4 การทําตกุ๊ ตาบาโหนทบ่ี ้านตาวงศ์
2.4.5 เก็บผกั ผลไมต้ ามฤดูกาล
2.4.6 การทอผา้

2.5 เอกลกั ษณข์ องชมุ ชน
ชุมชนบา้ นนาตน้ จ่นั มตี ้นจั่นเป็นเอกลักษณ์

และชาวบา้ นจะแต่งกายดว้ ยผ้ายกดอกผ้าถงุ โบราณ

37

2.6 การจัดการท่องเทยี่ วของชุมชน
2.6.1 รปู แบบการบรหิ ารจดั การ การดําเนินการของชุมชนบา้ นนาตน้ จั่นมีการดําเนนิ การ

เป็นกลุ่ม4กลมุ่ คือกลุ่มทอผา้ กลุ่มโฮมสเตย์ กล่มุ เฟอรน์ ิเจอร์ กลุ่มจักสานแต่ละกล่มุ จะมปี ระธานคณะกรรมการดแู ลทกุ
ๆอยา่ งสมาชิกในชุมชนมีส่วนร่วมในกจิ กรรมทุกคร้งั เวลามนี กั ท่องเทย่ี วเข้ามาตวั แทนกลมุ่ แตล่ ะกลุ่มจะมาชว่ ยกัน
ต้อนรบั มีการแบ่งรายได้สว่ นหน่ึงจากแตล่ ะกลุ่มใหช้ ุมชนเพอื่ ใช้เป็นค่าบรหิ ารจัดการสว่ นกลาง

2.6.2 การจัดการทรพั ยากรการท่องเทยี่ วและการใช้ประโยชน์ จะช่วยกันดูแลจัดการ
ส่งิ แวดลอ้ มใหใ้ ช้ประโยชน์ได้อยา่ งยง่ั ยนื

2.6.3 ลักษณะนกั ทอ่ งเท่ยี ว นกั ท่องเที่ยวมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

3.ชมุ ชนทอผา้ บ้านหาดเสยี้ ว

ประวตั คิ วามเป็นมา คาํ ว่า "หาดเสี้ยว" หมายถงึ ท่านาํ้ ทีม่ ีหาดเสี้ยว คอื แหวง่ ไป ประกอบกับ

หาดทรายมตี น้ สม้ เสี้ยว (ตน้ กาหลง) ใหญ่ เป็นเคร่ืองหมาย และตรงกับชอ่ื ในถน่ิ ฐานเดมิ จงึ ต้ึงชื่อตําบลว่า
ตําบลหาดเสีย้ ว บา้ นหาดเส้ยี ว อาํ เภอศรีสชั นาลัย เปน็ แหล่งจําหน่ายผา้ ทอพ้นื เมือง เชน่ ซิ่นตีนจก ผา้ ขาวม้า ผ้า
คลุมตา่ งๆ ผ้าทอหาดเสยี้ วเปน็ ผา้ ทม่ี ีลวดลายสวยงามและมีช่ือเสยี งมาก เกือบทุกบา้ นจะมีกี่ทอผา้ ตั้งอยู่

ไทพวนหรอื ลาวพวน เปน็ กลมุ่ ชนทอ่ี พยพมาจากเมอื งพวนแขวงเชยี งขวางของ สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตย
ประชาชนลาว มาตง้ั ถิน่ ฐานอยู่ในภาคเหนอื ของประเทศไทย และในภาคกลางบางจังหวดั ชาวไทยเช้อื สายพวนใน
ประเทศไทยท่ีมกี ารทอผ้าจกกนั มากที่สดุ คอื กลมุ่ ท่ีต้งั ถ่ินฐานอยทู่ ตี่ ําบลหาดเสี้ยว อาํ เภอศรสี ชั นาลัย จงั หวดั
สโุ ขทยั อาํ เภอฟากทา่ อําเภอลบั แล และอําเภอท่าปลา จังหวัดอตุ รดติ ถ์ อาํ เภอตะพานหิน จงั หวดั จิตร
กลุ่มไทพวนในภาคกลางท่ยี งั คงมกี ารทอผ้าจกกนั อย่บู ้างคอื กลมุ่ ท่ีอยใู่ นจังหวัดสพุ รรณบรุ ีซงึ่ ยงั มีการทอกันเป็น
กล่มุ เลก็ ๆ ประปรายไมก่ ่ีครอบครัวเท่านน้ั ซ่งึ มีลายผา้ ดังตอ่ ไปนี้

38

ผา้ จกไทพวนบ้านหาดเสีย้ ว

กลมุ่ ผสู้ บื เช้ือสายไทพวนในชุมชนหาดเสีย้ ว
อาํ เภอศรสี ัชนาลยั จงั หวัดสโุ ขทยั เปน็ กลมุ่ ทีร่ กั ษาวัฒนธรรม
ขนบธรรมเนียมประเพณกี ารทอผา้ ไวเ้ ป้นอย่างดี ผา้ มีบทบาท
สําคัญในชีวติ ชาวหาดเสย้ี วตั้งแตก่ ารเร่มิ ต้นชวี ติ

ผา้ ห่มตาแดง เป็นของกํานัลทเี่ พือ่ นบ้านมอบใหส้ ําหรับ
เด็กออ่ น เด็กคนหน่ึงๆ กว่าจะเตบิ โตต้องใช้ผ้าห่มตาแดงถงึ 9 ผืน

ผา้ ขาว เป็นการตอบแทนคุณหมอตําแยทที่ ําคลอดให้
ผ้ากราบ เปน็ ผ้าท่มี ารดาต้องเตรียมไวใ้ หล้ กู ชายเม่ืออายุครบบวช และในพิธีบวชกต็ อ้ งมผี า้ ประดบั
ประดาช้างท่ีรว่ มขบวนอกี ดว้ ย
นอกจากนี้ยังมผี า้ ห่อคมั ภีร์ ผ้ากง้ั ผูห้ ญงิ หาดเสีย้ วจงึ ตอ้ งทอผ้าเตรียมไว้สาํ หรับสมาชกิ ทกุ คนของ
ครอบครวั เพื่อใชใ้ นการดําเนนิ ชวี ติ ตลอดไปผ้าแตล่ ะชนิดมีความหมายเป็นส่อื ทางสังคมของชาวไทพวน
เปน็ เครอ่ื งบ่งบอกสถานภาพของผู้สวมใส่

1) นงุ่ ผ้าซ่นิ ตีนดําหมายถึงคนท่แี ต่งงานแล้ว
2) นุง่ ผา้ ซิน่ ตีนแดง ซน่ิ ตนี จกหมายถึงสาวโสด
3) คนรุ่นหนุม่ จะใช้ผา้ ขาวม้าสสี ดใสมีจกรปู ช้าง รปู ม้า
4) ผู้สูงอายุจะใชแ้ ต่ผา้ ขาวมา้ สเี ขม้ ไมม่ ลี วดลาย

การทอผ้าของชาวหาดเส้ยี วมีไว้สําหรับ “นุ่งหม่ ” โดยแท้ ผ้าซน่ิ จัดเป็นผ้าทม่ี กี ารทอแพร่หลายทสี่ ุด
ทั้งในสว่ นทที่ อขายและทอนุง่ เอง ผา้ ซ่นิ หาดเสย้ี วมแี บบและลวดลายสีสันต่างๆ มากมาย แต่ละชนิดจะมีช่อื
เรยี กเฉพาะแตกตา่ งกนั ออกไปถึง 16 ชนิด ผหู้ ญิงนุ่งผ้าซ่นิ ซึ่งมชี อ่ื เรยี กทีแ่ ตกต่างกัน

ผา้ ที่ทอเพ่ือใช้ในโอกาสพเิ ศษต่างๆ น้ีโดยมากเปน็ การทอจก ชาวบา้ นท่ตี ําบลหาดเสี้ยวจึงมี
ความสามารถในการทอผ้าจกและสบื ทอดกนั มาจนปัจจบุ ัน การทอผ้าจกโดยเฉพาะการทอเปน็ ซ่ินตีนจกทาํ
กันอยา่ งแพรห่ ลายทัง้ ในบา้ นหาดเสี้ยวบ้านหาดสูง บ้านใหม่ และบ้านแมร่ าก ผา้ ทผ่ี ลติ ในบรเิ วณหมู่บา้ น
เหล่านร้ี ู้จักกนั ทวั่ ไปวา่ ”ผา้ หาดเส้ยี ว”อาจเป็นเพราะเปน็ แหลง่ กลางในการซ้อื ขายผา้ ทอพื้นบา้ นแมผ้ ้าทท่ี อ
จากเขตอืน่ ของสโุ ขทยั ท่ีมขี ายอยู่ในบรเิ วณหาดเสี้ยวกม็ ักถูกเรียกรวมไปวา่ เปน็ ผา้ หาดเส้ยี วดว้ ยผ้าทอหาด
เสี้ยวในปจั จบุ ันยังคงรกั ษาลักษณะเฉพาะถ่ินเฉพาะกล่มุ ชนไว้ แล้วลวดลายสีสนั ในปัจจบุ นั จะพัฒนาไปตาม
ความตอ้ งการของตลาด ส่งิ ทีย่ งั คงอยคู่ ือองค์ประกอบหลกั ของลวดลาย ซง่ึ มลี กั ษณะแสดงใหเ้ หน็ รูปแบบ
ของผ้าทอของชาวไทยเชอ้ื สายพวนในบริเวณภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย โดยมีลกั ษณะของ
ลวดลายดงั น้ี


Click to View FlipBook Version