ห น ้ า | 0 เครื่องดนตรีชาติพันธุ์ม้ง จังหวัดพิษณุโลก ผู้เขียน : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ว่าที่ร้อยตรี ดร.โสภณ ลาวรรณ์ อาจารย์ประจ าภาควิชาดนตรี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
ห น ้ า | 1 เครื่องดนตรีชาติพันธุ์ม้ง จังหวัดพิษณุโลก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ว่าที่ร้อยตรี ดร.โสภณ ลาวรรณ์ งานวิชาการเรื่อง “เครื่องดนตรีชาติพันธุ์ม้ง จังหวัดพิษณุโลก” เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยดนตรีชาติพันธุ์ ม้งจังหวัดพิษณุโลก Music of Hmong Ethnic in Phitsanulok Province. มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาดนตรีของ กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ในจังหวัดพิษณุโลก น าลงฐานข้อมูลด้านวัฒนธรรมของคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เขตภาคเหนือมีของประเทศไทยมีกลุ ่มชาติพันธุ์หลายชนเผ ่า มีวิถีชีวิตวัฒนธรรมประเพณีที่ คล้ายกัน อาชีพการปกครอง ความเชื่อ ถึงแม้จะมีลักษณะที ่คล้ายกัน ในแต ่ละเผ่าก็ยังมีเอกลักษ์เฉพาะที่ สามารถสังเกตุได้ถึงความเป็นตัวตนของแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์นั้น ๆ อาทิ เรื่องการแต่งกาย ดนตรี อาหาร ภาษา และพิธีกรรมความเชื่อ กลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงหรือชาวเขา สามารถที่จะพอจ าแนกได้จ านวน 13 กลุ่ม ได้แก่ กะเหรี่ยง ม้ง เย้า ลีซู ลาหู่ อาข่า ลั๊วะ ถิ่น ขมุ จีนฮ่อ ตองซู คะฉิ่น และ ปะหล่อง ด้วยความคล้ายกันของกลุ่ม ชาติพันธุ์และเอกลักษณ์เฉพาะเผ ่านี้เอง ดารณี พลอยจั ่น (2559). ได้กล ่าวถึงกลุ ่มชาติพันธุ์เกี ่ยวกับการ ท ่องเที ่ยวสร้างสรรค์ในพื้นที่ของกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นการท่องเที่ยวรูปแบบหนึ่งที่นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต ภาษา ความเป็นอยู่และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยวโดยการมีส่วน ร ่วมกับชุมชนได้อย ่างใกล้ชิด กลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทยนั้นมีหลากหลายและยังคงทุนเดิมทางวัฒนธรรม ยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมไว้อย่างดีหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์นั้นคือ ชาวเขาเผ่าม้ง ซึ่งปัจจุบันกระจัด กระจายอยู ่ใน 13 จังหวัดทางภาคเหนือใน ประเทศไทย (ประสิทธิ์ ลีปรีชา, 2548) คือ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แม่ฮ่องสอน แพร่ ล าปาง ก าแพงเพชร เลย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และตาก และอยู่บริเวณ ภูเขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและบนพื้นที่สูงในจังหวัดภาคกลาง ดนตรีม้งในประเทศไทย บริบททางพื้นที่ข้างต้นจะพบมากในภูมิภาคทางตอนเหนือของประเทศไทย ด้วยการท าอาชีพการเกษตรเลื่อนลอย จึงท าให้กลุ่มชาติพันธุ์ม้งมีการย้ายถิ่นฐานเพื่อประกอบอาชีพ แต่ก็ยังคง น าเอาวัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิตติดตามมาด้วยเรียกว่าการเคลื่อนที่ทางวัฒนธรรม ดนตรีม้งในจังหวัดพิษณุโลก จากการทบทวนวรรณกรรม และส ารวจพื้นที่วิจัยเบื้องต้นพบว่า ประชากรชาติพันธุ์ม้งอาศัยอยู่ที่บ้านน้ าจวง อ าเภอชาติตระการ และบ้านห้วยน้ าไซ อ าเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก และยังพบว่านอกจาก “เก้ง” (แคนม้ง) ดนตรีประกอบพิธีศพ ยังพบเครื่องดนตรีอีกหลายชนิด อีกทั้งยังพบปรากฏการทางดนตรีจากอดีตสูปัจจุบันที่มี การปรับตัวให้เขากับสังคม และมีการสืบทอดเพื่อต่อลมหายใจให้กับดนตรีม้งยังคงอยู่ในอนาคตต่อไป จะ เห็นว่า ในมิติของเครื่องดนตรีม้ง นอกจาก “เก้ง” หรือ “เขล้ง” ที่หลายท่านรู้จัก ยังปรากฏเครื่องดนตรีอื่นที่ น่าสนใจ ของกลุ่มชาติพันธุ์ม้งนั้นยังไม่มีผู้เข้าถึง เกี่ยวกับที่มาของเครื่องดนตรี ลักษณะ ระบบเสียง วิธีการบรรเลง
ห น ้ า | 2 โอกาสในการบรรเลง รวมไปถึงความเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของชาวม้ง จากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลภาคสนาม ระหว่าง ปี 2564 – 2565 ได้รับความอนุเคราะห์จาก ผู้ใหญ่บ้านทั้งสองหมู่บ้านเป็นชาวม้ง ซึ่งสามารถเป็นผู้น าทางเก็บ ข้อมูล คือ ผู้ใหญ่ใจ แซ่ย่า ผู้ใหญ่บ้านห้วยน้ าไซ และผู้ใหญ่วา แซ่หยาง ผู้ใหญ่บ้านน้ าจวง พบเครื่องดนตรี ทั้งหมด 5 ชนิด ดังนี้ ชิ้นที่ 1 เก้ง (แคนม้ง) หรือ เขล้ง ถือว่าเป็นเครื่องดนตรีที่มีความเก่าแก่มากที่สุดของชาวม้ง มีอายุ ประมาณ 3,000 ปี เก้งท าจากไม้ไผ่เฉพาะสายพันธุ์ที่น ามาจากจีน ผู้ใหญ่ใจ แซ่ย่า (2565, 6 กรกฎาคม) ได้กล่าว ว่า เก้งม้งเป็นเครื่องดนตรีพิเศษส าหรับชาวม้งเท่านั้น สามารถพูดได้หรืออีกในนึงคือการเป่าแทนค าพูดใน ภาษาม้งได้ ด้วยลักษณะพิเศษนี้ “เก้ง” จึงเป็นเครื่องดนตรีที่ใช้สื่อสารกับวิญญาณผู้ตายได้เก้ง เป็นเครื่องดนตรี ประเภทเป่า มีลิ้นท าจากทองเหลืองหรือเงินตีเป็นแผ่นบางแล้วฝังไปที่เนื้อไม้ประกอบกับเต้า ในไม้ไผ่หนึ่งล าจะมี 1 เสียง เก้งม้งมีทั้งหมด 7 เสียง ทั้งมือซ้ายและมือขวา มือซ้ายคือเสียง ดี๋ตือ ดี๋บู ดี๋กาบู มือขวาคือเสียง ดี๋หลั๊วะ ดี๋ไหล่ ดี๋กาไหล่ และมีเสียงโดรน (Drone) ที่อยู่ผสมกับเสียงดี๋หลั๊วะอีก 1 เสียง แต่เดิมเป็นเครื่องดนตรีที่ใช้ใน งานศพเท่านั้นร่วมกับจั๊วะ (กลอง) เพื่อประกอบพิธีกรรมใช้บรรเลงตั้งแต่มีการเสียชีวิตและในขั้นตอนพิธีกรรม ต่างๆ จนน าไปฝั่ง เนื่องจากเก้งดนตรีม้งมีความส าคัญและมีคุณค่าทางวัฒนธรรม ปัจจุบันชาวม้งได้พัฒนาการ บรรเลงเก้ง นอกจากใช้บรรเลงในงานศพแล้ว ยังน าเก้งมาบรรเลงในงานรื่นเริง เช่น งานปีใหม่ม้ง ในทุก ๆ ปีเพื่อ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากการท่องเที่ยวธรรมชาติแล้ว ยังมีทางเลือกให้มาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในงานปีใหม่ม้งได้ อีกทางเลือกหนึ่ง ภาพที่ 1 นายเปรี๊ยะท้ง ฤทธิ์เนติกุล (แซ่ลี) กับเก้งหรือแคนม้ง ที่มา : โสภณ ลาวรรณ์ บันทึกเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565
ห น ้ า | 3 ชิ้นที่ 2 จ้ าบล่าย เป็นเครื่องดนตรีประเภทเป่า ท าจากไม้ไผ่ซาง มีความยาว 45 เซนติเมตร มีลิ้นท าจาก ทองเหลือง ไม้ไผ่ซางถูกเจาะเพื่อน าลิ้นทองเหลืองฝังลงในเนื้อไม้ และใช้น้ าเต้าลูกเล็กเป็นตัวเก็บลม พร้อมเจาะรู ไม้ซางจ านวน 6 รู ไล่ระดับเสียงจากต่ าไปสูงจ านวน 7 เสียงเทียบได้กับเสียงโน้ต คือ โด เร มี ฟา ซอล ลา และที เสียงของจ้ าบล่ายดังก้องไประหว่างหุบเขา ซึ่งเป็นพื้นที่ธรรมชาติสลับกับพื้นที่ทางการเกษตร เป็นเครื่องดนตรีที่ พกพาสะดวกเมื่อเวลาพักผ่อนระหว่างท าไร่ท าสวนก็สามารถน ามาบรรเลงได้ ภาพที่ 2 จ้ าบล่าย ประกอบกับลูกน้ าเต้า เป็นกล่องเสียง ภาพที่ 3 จ้ าบล่าย น าลูกน้ าเต้าออก ภาพที่ 4 จ้ าบล่าย เมื่อน าลูกน้ าเต้าออกจะปรากฏ ลิ้น ที่ท าจากทองเหลือฝังอยู่ในตัวไม้ซาง ที่มาภาพที่ 2,3,4 : โสภณ ลาวรรณ์ บันทึกเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 ชิ้นที่ 3 จา เป็นเครื่องดนตรีประเภทดีด ท าจากทองเหลืองหรือเงิน ตีเป็นแผ่นบาง ท าให้มีลิ้นตรงกลาง มีขนาดยาวประมาณ 7 - 9 เซ็นติเมตร เวลาบรรเลงใช้สอดเข้าไปในกระพุ้งแก้ม โดยใช้มือที่ไม่ถนัดจับไว้ และใช้ มือที่ถนัดดีดให้เป็นเสียง ลักษณะเสียงจะเป็นค าพูดที่สามารถสื่อสารกันเข้าใจระหว่างหนุ่ม จา เป็นเครื่องดนตรีที่ มีเสียงเบา เวลาจะบรรเลงต้องไปที่หน้าต่างห้องนอนของหญิงสาว ดีดจา ให้เขาฟังแล้วบอกความในใจให้เขารับรู้ ภาพที่ 5 จา เครื่องดนตรีเกี้ยวสาว พร้อมกล่องปักลายเอกลักษณ์ชาวม้ง ที่มา : โสภณ ลาวรรณ์ บันทึกเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565
ห น ้ า | 4 ชิ้นที่ 4 กัวะ (กรับ) และ เจี๊ยะเหน่ง ซึ ่งเจี๊ยะเหน ่งเป็นเครื ่องดนตรี ส ่วนกัวะเป็นส ่วนประกอบ ส าหรับเสี่ยงทาย กัวะท าจากเหง้าไม้ไผ่มีลักษะคล้ายเซ้งปวยของชาวจีนมี 2 ชิ้น เรียกรวมว่า 1 คู่ ด้านหนึ่งเรียบ อีกด้านหนึ่งมน มีความยาวประมาณ 10 เซ็นติเมตร กว้างประมาณ 4 - 5 เซ็นติเมตร ใช้ส าหรับการเสี่ยงทาย สื่อสารกับวิญญาณบรรพบุรุษ ในระหว่างการร้องเพลงบอกกล่าวเนื้อความต่างๆ กับวิญญาณก็จะเขย่าเจี๊ยะเหน่ง ให้จังหวะไปเรื่อยๆ เจี๊ยะเหน่งเป็นเครื่องดนตรีให้จังหวะ ใช้เขย่าท าจากโลหะคล้ายเหรียญจีน ทรงกลมมีรูตรง กลาง ร้อยเรียงกันในลวดกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 40 - 45 เซนติเมตร เมื่อผู้น าจิตวิญญาณร้องสวด เนื้อความก็จะเขย่าเจี๊ยะเหน่งไปเรื่อย เมื่อเห็นสมควรแล้วก็จะใช้กัวะโยนเพื่อเสียงทายว่าส าเร็จหรือไม่ หากไม่ ส าเร็จก็จะเริ่มร้องสวดใหม่จนกว่าวิญญาณจะพอใจและผลออกมาส าเร็จ ใช้ทั้งงานมงคลและอวมงคล ภาพที่ 6 กัวะ เครื่องมือเสี่ยงทาย ที่มา : ชินวัตร อ่อนสุ่น บันทึกเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 ภาพที่ 6 เจี๊ยะเหน่ง เครื่องดนตรีสื่อวิญญาณ ที่มา : ชินวัตร อ่อนสุ่น บันทึกเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 ชิ้นที่ 5 “จั๊วะ”(กลอง) ใช้ในงานศพงานอวมงคลหรืองานศพเท่านั้น เป็นเครื่องดนตรีประเภทตี ขึ้นหุ่น กลองด้วยไม้เบญจพรรณ ขึงหน้าด้วยหนังวัวทั้งสองหน้า มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 30 - 50 เซนติเมตร ใช้ตีให้จังหวะระหว่างหมอเก้ง (แคนม้ง) เป่าเก้งท าพิธีสื่อสารกับวิญญาณ จากการสัมภาษณ์ผู้ใหญ่วา แซ่หยาง (2565, 24 ธันวาคม) ได้กล ่าวว่า จั๊วะ เมื ่อเสร็จสิ้นงานศพแล้วจะแยกชิ้นส่วนระหว่างหนังกลองกับตัวหุ่น กลองไว้คนละที่ เมื่อเกิดการเสียชีวิตในหมู่บ้านถึงจะน าหนังกลอง กับหุ่นกลองมาประกอบเข้าด้วยกัน เพื่อมี ความเชื่อว่า หากน าหนังกลองกับหุ่นกลองประกอบกันเมื่อใดจะเกิดการเสียชีวิตของคนในหมู่บ้าน
ห น ้ า | 5 ผลจากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลภาคสนามในครั้งนี้ เป็นการเก็บข้อมูลเพื่อน ามาผ่านกระบวนการวิจัยเชิง คุณภาพ ในเชิงดนตรีชาติพันธุ์วิทยา ซึ่งในงานวิชาการชิ้นนี้มุ่งศึกษาในเรื่องเครื่องดนตรีของกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง เป็นหลัก ตรงกับ ศรัณย์ นักรบ. (2557). ได้กล่าวไว้ว่า ดนตรีชาติพันธุ์วิทยาเป็นศาสตร์ที่พัฒนามาจากการศึกษา ดนตรีวิทยา (Musicology) ตามแนวคิดตะวันตก ซึ่งดนตรีวิทยาเป็นการศึกษาในเนื้อหาสาระส าคัญของตัวดนตรี เป็นหลักโดยเฉพาะอย่างยิ่งบทเพลงเนื้อหาสาระการประพันธ์หรือศิลปิน ต่อมาในช่วงหลังจึงมีกันศึกษาดนตรี พื้นเมืองต่าง ๆ มากขึ้น เรียกว่าดนตรีชาติพันธุ์วิทยา (Society for Ethnomusicology) โดยการศึกษาดนตรี เพื่อให้เข้าใจวัฒนธรรมให้มากขึ้น ในงานวิชาการนี้มุ่งศึกษาเครื่องดนตรีของกลุ่มชาติพันธุ์ม้งเป็นสาระส าคัญ เพื่อเชื่อมโยงกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี รวมไปถึงคติความเชื่อของกลุ่มคนในสังคมชาวม้ง เพื่อให้ได้ องค์ความรู้ ความเข้าใจในวิถีชีวิตของชาวม้ง ซึ่งมีการสืบทอดกันมานับพันปี จนถึงปัจจุบัน ความเชื่อเป็น สิ่งจ าเป็นที่สามารถสร้างแรงจูงใจส าหรับการด าเนินชีวิตของชาวม้ง ซึ่ง ลีคึก ฤทธิ์เนติกุล. (2540). ได้กล่าวไว้ว่า จักวาลวิทยาหรือความเชื่อ ชาวม้งยังจ าเป็นต้องมีความเชื่อกับสิ่งเหนือธรรมชาติ วิญญาณต่าง ๆ ต้องมีการเซ่น ไหว้ ถือว่าเป็นสิ่งจ าเป็นส าหรับการด าเนินชีวิต และสอดคล้องกับ ประทีป นักปี่. (2562). ได้กล่าวเกี่ยวกับ ความส าคัญของดนตรีกับพิธีกรรมของชาวอิวเมี่ยนไว้ว่า ดนตรีของชาวเมี่ยนถูกใช้เป็นเครื่องมือที่ส าคัญในการ ประกอบพิธีผู้บรรเลงดนตรีจะต้องมีความรู้ความเข้าในขั้นตอนต่าง ๆ ของพิธีและเป็นผู้ควบคุมพิธีตั้งแต่เริ่ม จนกระทั่งจบพิธีเพื่อให้พิธีเกิด ความศักสิทธิ์เป็นสิริมงคลต่อวิถีชีวิตชาวเมี่ยน ซึ่งจะเห็นได้ว่ากลุ่มชาติพันธุ์ไม่ว่าจะ เป็นม้ง หรือเมี่ยน ถือว่าดนตรีเป็นสิ่งส าคัญส าหรับการสื่อสารกับสิ่งเหนือธรรมชาติ และยังมีความจ าเป็น ทรงคุณค่า เป็นมรดทางวัฒนธรรมให้สังคมปัจจุบันได้รับรู้ถึงความเข้มแข็งของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเฉพาะกลุ่มชาติ พันธุ์ม้งในจังหวัดพิษณุโลก อ้างอิง ใจ แซ่ย่า (2565, 6 กรกฎาคม). ความเชื่อเรื่องการเป่าเก้งสื่อสารภพของวิญญาณ. (โสภณ ลาวรรณ์, ผู้สัมภาษณ์) ดารณี พลอยจั่น (2559). ทุนทางวัฒนธรรมของชาวเขาเผ่าม้งกับกลยุทธ์ส่งเสริม การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ วารสารวิชาการ นวัตกรรมสื่อสารสังคม ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 ประทีป นักปี่. (2562). ดนตรีชาวเมี่ยนในอาเภอคลองลาน จังหวดก าแพงเพชร. ก าแพงเพชร. สักทอง : วารสาร มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (สทมส.) ประสิทธิ์ลีปรีชา. (2548). ม้ง: หลากหลายชีวิตจากขุนเขาสู่เมือง. เชียงใหม่ : โรงพิมพ์มิ่งเมือง. วา แซ่หยาง (2565, 24 ธันวาคม). ข้อก าหนดของการตีจั๊วะ(กลอง)ของชาวม้ง. (โสภณ ลาวรรณ์, ผู้สัมภาษณ์). ลีคึก ฤทธิ์เนติกุล. (2540). การปรับตัวกับวิถีชีวิตใหม่ในชุมชนเมืองของชาวเขาเผ่าม้ง : กรณีศึกษา เขตอ าเภอเมืองเชียงใหม่. (รายงานการวิจัย). ศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัด เชียงใหม่ กรมประชาสงเคราะห์ : ส านักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ. ศรัณย์ นักรบ. (2557). ดนตรีชาติพันธุ์วิทยา. กรุงเทพมหานคร : ส านักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ห น ้ า | 6
ห น ้ า | 7 หน่วยท านุบ ารุงศิลปวัฒนธรรม คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โทรศัพท์ 0 5596 2021 E-mail: [email protected]