สสาารราานุนุ นุ ก นุ กรรมมไไททยยสำสำสำสำหหรัรั รั บ รั บ เเยยาาววชชนน เเ ล่ล่ ล่ล่ มม ที่ที่ ที่ที่33
หนังสือสารานุกรมไทยสำ หรับเยาวชน โดยพระ ราช-ประสงค์ในพระบาทสมเด็อพระเจ้าอยู่หัว ฉบับเสริม การเรียนรู้เล่มนี้ เป็นเล่มที่ ๓ หลังจากสองเล่มแรผู้อ่านให้ ความสนใจอย่างดีเกินความคาดหมายใน เล่มที่ ๓ นี้ได้กัดเลือกเรื่องที่นำ ลงรวม ๓ เรื่อง คือลำ ดับพระมหากษัตริย์ไทย สั่งคมและวัฒนธรรม ไทย และภูมิปัญปัญาชาบ้าน โคยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้อ่าน ทีเป็นเยาวชนได้มีความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของ บ้านเกิดเมืองนอนของเราในด้านด่างๆ ทั้งใบด้านสถาบัน พระมหากยัริย์ สังกมวัฒนธรรม และภูมิปัญปัณาของคนใน ท้องถิ่น เพื่อให้กระหนักถึงความสำ คัญขอ.ความเป็งชาติ ไทย และคนไหยในสมัยโลกาภิวัตน์ โครงการสารานุกรมไทยสำ หรับเยาวณนๆ ขอ ขอบคุณท่านผู้อ่านที่ให้ความสนใจหนังสือชุดนี้ และบินดี น้อมรับคำ ติชมใดๆ เพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้นในโอกาสต่อไป คำ นำ
" ...การเรียนรู้ในเรื่องราวและวิซาการสาขา ต่างๆโดยกว้างขวาง เป็นเหตุให้เกิดความรู้ ความ คิดและความฉลาด ซึ่งเป็นปัจปัจัยสำ คัญที่สุด สำ หรับชีวิตช่วยให้บุคคลสามารถสร้างประโยชน์สุข สร้าความเจริญมั่นคงให้แก่ตนเอง ทั้งแก่สังคม และบ้านเมืองอันเป็นที่พึ่งอาศัยได้ ทุกคนจึงควรมี โอกาสที่จะศึกบาหาความรู้ได้ตามความประสงค์และ กำ ลังความสามารถโคยทั่วกัน... " พระราชปรารภ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระตำ หนักจิตรถดารโหฐาน
สารบัญ ลำ ดับพระมหา กษัตริย์ไทย หน้าที่ 6-13 สังคมและ วัฒนธรรมไทย หน้าที่ 14-16 ภูมิปัญปัญาชาว บ้าน หน้าที่ 17-20
ลำ ดับ พระมหากษัตริย์ไทย ลักษณะสำ คัญประการหนึ่งของประเทศไทย คือ การมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์พระประมุขต่อเนื่องกัน มาโดยคลอดไม่ขาดสาย พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่เคารพ เทิดทูนของประชาชนชาวไทย ทั้งนี้เพราะพระองค์ทรง ประกอบพระราชกรณียกิจที่เป็นคุณประโยชน์ต่อความ มั่นคงของประเทศ และความร่มเย็นเป็นสุขของประชาชน ตลอคมาในประวัติศาสตร์ไทย
หลักฐานทางโบราณคคืบันทึกของค่างชาติ และตำ นาน ของไทย แสดงให้เห็นว่า มีรัฐโบราณหลายรัฐในทุกภูมิภาค ตั้งแต่บนผืนแผ่นดินไทยพุทธศตวรรมที่ ๓ เป็นด้นมาเช่น ลังกาสุกะ (พุทธศตวรรษที่ ๗ - ๑๔) ในภาคใต้ ทวาร วดี(พุทธศตวรรบที่ ๑๑ - ๑๖) ในภาคกลาง(พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๙) ในภาคเหนือ อิศานปุระ (พุทธ-ศดวรรษที่ ๑๒ - ๑๘) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง รัฐเหล่านี้มี กษัตริย์เป็นผู้ปกครอง เช่น พระเจ้าพรหมแห่งรัฐโยนก เชียงแสน พระเจ้าจันทรภาณุศรีธรรมาโศกราช แห่งรัฐตาม พรลิงก์ (นครศรีธรรมราช)รัฐทั้งหลายดังกล่าวไม่ได้อยู่โดด เดี่ยวเฉพาะตัวเอง แต่ได้มีการติดต่อค้าขาย มีความสัมพันธ์ ทางเครือญาติ รับอารยธรรมของรัฐอื่นด้วย ดังเช่น การ แพร่หลายของอารยธรรมทวารวดีเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาใน รัฐอื่นๆ ทั่วทุกภาคของไทยเมื่อขอมขยายอำ นาจ โดยเฉพาะใน สมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ ผู้ทรงสร้างนครวัด และพระเจ้า ชัยวรมันที่ ๓ ผู้ทรงสร้างนครธม หลายรัฐโบราณในภาค กลาง และภากตะวันออกเฉียงเหนือของ ผืนแผ่นดินไทยได้ตก อยู่ใต้อิทธิพล ทางการเมืองของขอม หลังจากพระเจ้า ชัยว รมันที่ ๗ สิ้นพระชนม์ เมื่อ พ.ศ. ๑๗๖๒ อาณาจักรขอมเริ่ม เสื่อมอำ นาจ เปิดโอกาสให้ดินแคนต่างๆ ตั้งตนเป็น อิสระ รัฐ สุโขทัยซึ่งมีเมืองสำ คัญ คือ ศรีสัชนาลัย - สุโขทัย จึงรวม กำ ลัง กันก่อตั้งอาณาจักรสุโขทัยขึ้นในตอน ปลายพุทธ ศตวรรษที่ ๑๘ สมัยรัฐโบราณบนผืนแผ่นดินไทย
พระนามพระมหากษัตริย์ พ.ศ.ที่ขึ้นครอง ราชย์ พ.ศ.ที่สวรรคต ๑. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ๑๗๙๒ ปีใดไม่ปรากฏ ๒. พ่อขุนบานเมือง ปีใดไม่ปรากฏ ๑๘๒๒ ๓. พ่อขุนรามคำ แหงมหาราช ๑๘๒๒ ๑๘๔๑ ๔. พระยาเลอไทย ๑๘๔๑ ๑๘๖๖ ๕. พระยางั่วนำ ถุน ๑๘๖๖ ๑๘๙๐ ๖. พระธรรมราลาที่ ๑ (ลิไทย) ๑๘๙๐ ๑๙๑๑ ๗. พระธรรมราลาที่ ๒ ๑๙๑๑ ๑๘๙๔๒ ๘. พระธรรมราลาที่ ๓ (ไสยลือไทย) ๑๙๔๒ ๑๙๖๒ ๙. พระธรรมราชาที่๔ (บรมปาล) ๑๙๖๒ ๑๙๘๑ สมัยสุโขทัย
อัน ดับ ที่ ราชวงศ์ พระนามพระมหากษัตริย์ พ.ศ.ที่ขึ้นครอง ราชย์ ๑ ราชวงศ์อู่ทอง สมเด็จพระรามาธิบดีที่๑ (พระเจ้าอู่ทอง) ๑๘๙๓-๑๙๑๒ ๒ " สมเด็จพระราเมศวร (ครั้งที่๑) ๑๙๑๒-๑๙๑๓ ๓ ราชวงศ์สุพรรรภูมิ สมเด็จบรมราชาธิราชที่ ๑ (ขุนหลวงพะงั่ว) ๑๙๑๓-๑๙๓๑ ๔ " สมเด็จพระเจ้าทองลัน (ถูกสำ เร็จโทษ) ๑๙๓๑-๑๙๓๑ ราชวงศ์อู่ทอง สมเด็จพระราเมศวร (ครั้ง ที่๒) ๑๙๓๑-๑๙๓๘ ๕ " สมเด็จพระรามาธิราช (ถูกถอดจากรราชสมบัติ) ๑๙๓๘ ๖ ราชวงศ์สุพรรรภูมิ สมเด็จพระนครินทราธิราช ๑๙๕๒-๑๙๖๗ ๗ " สมเด็จพระบรมราชาธิราช ที่ ๒ (เจ้าสามพระยา) ๑๙๖๗-๑๙๙๑ สมัยอยุธยา
๘ " สมเด็จพระบรมไตรโลก นาถ ๑๙๙๑-๒๐๓๑ ๙ " สมเด็จพระบรม ราชาธิราชที่ ๓ ๒๐๓๑-๒๐๓๔ ๑๐ " สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ๒๐๓๔-๒๐๗๒ ๑๑ '' สมเด็จพระบรม ราชาธิราชที่ ๔ (หน่อพุทธางกูร) ๒๐๗๒-๒๐๗๖ ๑๒ '' พระรัษฎาธิราช (ถูกสำ เร็จโทษ) ๒๐๗๖-๒๐๗๗ ๑๓ '' สมเด็จพระไชยราชาธิราช ๒๐๗๗-๒๐๘๙ ๑๔ '' พระยอดฟ้าฟ้หรือพระเเก้ว ฟ้าฟ้ (ถูกสำ เร็จโทษ) ๒๐๘๙-๒๐๙๑ ๑๕ '' สมเด็จพระมหาจักรพรรติ ๒๐๙๑-๒๑๑๑ ๑๖ '' สมเด็จพระมหินทราธิราช ๒๑๑๑-๒๑๑๒ ๑๗ ราชวงศ์สุโขทัย สมเด็จพระมหาธรรม ราชาธิราช ๒๑๑๒-๒๑๓๓ ๑๘ '' สมเด็จพระนเรศวร มหาราช ๒๑๓๓-๒๑๔๘
๑๙ " สมเด็จพระเอกาทศรถ ๒๑๔๘-๒๑๕๓ ๒๐ " พระศรีเสาวภาคย์ (ถูกสำ เร็จโทษ) ๒๑๕๓-๒๑๕๔ ๒๑ " สมเด็จพระทรงธรรม ๒๑๕๔-๒๑๗๑ ๒๒ " สมเด็จพระเชษฐาธิราช (ถูกสำ เร็จโทษ) ๒๑๗๑-๒๑๗๒ ๒๓ " พระอาทิตยวงศ์ (ถูกสำ เร็จโทษ) ๒๑๗๒-๒๑๗๒ ๒๔ ราชวงศ์ปราสาท ทอง สมเด็จพระเจ้าปราสาท ทอง ๒๑๗๒-๒๑๙๙ ๒๕ " สมเด็จเจ้าฟ้าฟ้ไชย (ถูกสำ เร็จโทษ) ๒๑๙๙-๒๑๙๙ ๒๖ " สมเด็จพระศรีสุธรรม ราชา(ถูกสำ เร็จโทษ) ๒๑๙๙-๒๑๙๙ ๒๗ " สมเด็จพระนารายณ์ มหาราช ๒๑๙๙-๒๒๓๑ ๒๘ ราชวงศ์บ้านพูล หลวง สมเด็จพระเพทราชา ๒๒๓๑-๒๒๔๖ ๒๙ " สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่๘ (พระเจ้าเสือ) ๒๒๔๖-๒๒๕๑
๓๐ " สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ๒๑๔๘-๒๑๕๓ ๓๑ " สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรม โกศ ๒๑๕๓-๒๑๕๔ ๓๒ " สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร (ทรงสละราชสมบัตออก ผนวช) ๒๑๕๔-๒๑๗๑ ๓๓ " สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระที่นั่งสุริยาศน์ อมรินทร์ หรือ สมเด็จ พระเจ้าเอกทัศ ๒๑๗๑-๒๑๗๒
พระนามพระมหากษัตริย์ พ.ศ.ที่ขึ้นครอง ราชย์ ๑. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฟ้จุฬาโลกมหาราช ๒๓๒๕-๒๓๕๒ ๒. สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๒๓๕๒-๒๓๖๗ ๓. สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ๒๓๖๗-๒๓๙๔ ๔. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๒๓๙๔-๒๔๑๑ ๕. สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๒๔๑๑-๒๔๕๓ ๖. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ๒๔๕๓-๒๔๖๘ ๗. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ๒๔๖๘-๒๔๗๗ ๘. พระบาทสมเด็จพระอยู่หัวอานัยมหิดล ๒๔๗๗-๒๔๘๙ ๙. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ๒๔๘๙- สมัยรัตนโกสินทร์
สังคม วัฒนธรรมไทย และ ความหมายของสังคมและวัฒนธรรม และ ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง หมายถึง คนจำ นวนหนึ่งที่อยู่อาศัย ตั้งถิ่นฐานร่วมกัน มี ความสัมพันธ์ต่อกัน กำ หนดระเบียบและกฎเกณฑ์แบ่งปันปัหน้าที่ความรับผิด ชอบ เพื่อความสงบสุขของสังคม สังคม หมายถึง วิถีชีวิตของผู้คนในสังกมซึ่งเกี่ยวข้องกับ ภาษา ความเชื่อ ศาสนา พฤติกรรมในเรื่องการกินอยู่การแต่งกาย การ แสดงออกในเรื่องศิลปะแขนงต่างๆ วัฒนธรรม
สังคมและวัฒนธรรมของชนชาติต่างๆ จะมีลักษณะเฉพาะของ ตน ซึ่งเป็นผลมาจากวิวัฒนาการอันยาวนานทางด้านประวัติศาสตร์ โดย ทั่วไปสังคมและวัฒนธรรมของชนกลุ่มใจจะเป็นเช่นไร ข่อมขึ้นอยู่กับปัจปัจัข ที่เกี่ยวข้องสำ คัญ ๓ ประการคือ สภาพแวคล้อมทางธรรมชาติ กวามเป็น อยู่ของผู้คนในสังคมและ การติดต่อสัมพันธ์กับชนกลุ่มอื่นๆ ประกอบด้วยลักษณะ ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และ ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งล้วนมีผลต่อการตั้งถิ่นฐานและการทำ มา หากิน ผู้คนที่อยู่อาศัยในบริเวณรที่าบลุ่มแม่น้ำ ที่อุดมสมบูรณ์ ย่อมมี โอกาสที่จะรวมตัวกันสร้างาบ้านเมืองที่มีขนาดใหญ่ เป็นปึกแผ่นมีกำ ลัง อำ นาจมากกว่าคผู้นที่อยู่อาศัยในท้องถิ่นทุรกันดารซึ่งต้องตั้งบ้านเรือนอยู่ กระจัดกระจายเป็นกลุ่มเล็กๆ สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ชุมชนส่วนใหญ่มักจะตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำ สายต่างๆ
ประกอบด้วยลักษณะ ทางค้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ซึ่งแสดงออกในรูปของ การประกอบอาชีพของราบ ฎร กฎหมายและกฎเกณซ์ทางสังคม วัฒนธรรมประเพณี รวมทั้ง นโยบายด้านการเมืองการปกครอง ของรัฐบาล สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นโดยกลุ่ม ชนนั้นๆ เป็นผู้กำ หนด เพื่อ ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ประกอบด้วย การติดต่อสัมพันธ์ทางการ ค้าขาย การเมือง และทางวัฒนธรรม ทำ ให้มีการค้าขาย แลกเปลี่ยน สินค้า เกิดความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจมีการขยายอำ นาจทางการ เมืองจากดินแดนหนึ่งไปยังอีกดินแดนหนึ่ง และมี การเผยแพร่ หรือแลก เปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกัน การติดต่อสัมพันธ์กับชนกลุ่มอื่น ความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคม
ภูมิปัญญาชาวบ้าน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้ความหมาย ของคำ "ภูมิปัญปัญา" ว่าหมายถึง "พื้นความรู้ความสามารถ" หากอธิบายเพิ่มเดิมให้เข้าใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น พื้นความรู้ความ สามารถ เป็นความรู้ความสามารถขั้นพื้นฐาน ที่เกิดจากความเฉลียวฉลาด ของผู้คนในกลุ่มสังคมใคสังคมหนึ่ง ซึ่งได้คิดประดิษฐ์ หรือสร้างสรรค์สิ่ง ต่างๆ ขึ้น เพื่อประโยชน์ในการรดำ รงชีวิตและการอยู่ร่วมกันภายในสังคม นั้น โดยสิ่งที่คิดประดิษฐ์หรือสร้างสรรค์ขึ้นนั้น ได้มีการถ่ายทอดจากคน รุ่นหนึ่ง ต่อไปยังคนอีกรุ่นหนึ่ง จนถึงปัจปัจุบัน ความหมายของภูมิปัญญาชาวบ้าน
เครื่องสููบน้ำ บาดาลที่ประดิษฐ์โดยใช้ภูมิปัญปัญาชาวบ้าน ภูมิปัญปัญาแบ่งออกได้เป็น ๒ ระดับ ระดับหนึ่งเรียกว่าภูมิปัญปัญา ขาวบ้าน เป็นระดับท้องถิ่น อีกระดับหนึ่งเรียกว่าภูมิปัญปัญาไทย เป็นระดับ ชาติ หรือระดับประเทศ ทั้ง ๒ ระดับมีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงกัน ภูมิภูมิปัญปัญาชาวบ้าน เป็นพื้นความรู้ความสามารถของชาวบ้าน ซึ่ง เป็นคนธรรมคาสามัญในท้องถิ่น ที่คิดประดิษฐ์ หรือสร้างสรรค์สิ่งใดสิ่ง หนึ่งขึ้น แล้วมีการสั่งสม หรือพัฒนาให้ดีขึ้นถ่ายทอดสืบต่อกันมาตาม ลำ ดับ ความรู้ความสามารถนั้นอาจแพร่กระจายไปถึงท้องถิ่นอื่นๆ ที่อยู่ ใกล้เดียง หรือมีการติดต่อสัมพันธ์กันทางสายเลือด และทางวัฒนธรรม กันก็ได้ เช่น ภูมิปัญปัญาชาวบ้านของชาวล้านนาในภาคเหนือมีหลายสิ่ง หลายอย่างที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกับภูมิปัญปัญาชาวบ้านในภาคตะวันออก เฉียงเหนือ เนื่องจากในอดีดเคยมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดและทาง วัฒนธรรม
วัฒนธรรมการไหว้เป็นภูมิปัญปัญาไทยที่แสดงคุณค่าทางจิตใจ ส่วน ภูมิปัญปัญาไทย เป็นภูมิปัญปัญาที่ถือเป็นของคนไทยโดขรวม ทั้งประเทศ อางพัฒนามาจากภูมิปัญปัญาชาวบ้านของท้องถิ่นใดท้องถิ่น หนึ่งที่ได้รับความนิยมและแพร่หลายออกไปทั่วประเทศ หรือเป็นภูมิปัญปัญา ที่เกิดขึ้นในแวดวงของราชสำ นักบุคคลชั้นสูง และนักวิชาการก็ได้ ตัวอย่างของภูมิปัญปัญาไทยที่รู้จักกันดี ได้แก่ คนตรีไทย เครื่องแต่งกาย ไทย อาหารไทยขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ภูมิภูมิปัญปัญาชาวบ้านเป็นองค์ความรู้ต่างๆ ที่ประกอบกันเข้าเป็นวิถี การดำ รงชีวิตของผู้คนในแต่ละท้องถิ่นและแต่ละชุมชน ทั้งในด้านของการ ทำ มาหากิน การอยู่ร่วมกันในครอบครัวและในสังคม และการสร้างสรรค์ สิ่งที่ดีงามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านศิลปวัฒนธรรม ศาสนาและความเชื่อ และคุณค่าทางจิตใจภูมิปัญปัญาชาวบ้านจึงเป็นสิ่งที่ผูกพันคนในท้องถิ่นเข้า ด้วยกัน และเป็นความภาคภูมิใจของคนในท้องถิ่นนั้นๆ
เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น จะอธิบายโดยแบ่งองค์ประกอบของ ภูมิปัญปัญาชาวบ้านออกเป็น ๕ ส่วนใหญ่ๆ คือ 1.ภูมิปัญปัญาค้านการทำ มาหากิน 2. ภูมิปัญปัญาด้านการรักษาสุขภาพอนามัย 3. ภูมิปัญปัญาด้านการอยู่ร่วมกันในสังคม 4. ภูมิปัญปัญาค้านงานประเพณีทางศาสนาและการเคารพ บูชาสิ่งเหนือธรรมชาติ 5. ภูมิปัญปัญาด้านการสร้างสรรค์ทางศิลปะ องค์ประกอบของภูมิปัญญาชาวบ้าน ศิลปะการแสดงละครชาตรี ที่มีการฝึกสอนถ่ายทอดสืบต่อกันมา
ศาสตราจารย์พิเศษ คุณหญิงแม้นมาส ชวลิต ดร. คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช คณะบรรณาธิการ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ไพฑูรย์ พงศะบุตร ศาสตราจารย์เกียรติคุณคุณหญิงศรีนาก สุริยะ ศาสตราจารย์กิตติคุณ สุมน อมรวิวัฒน์ ศาสตราจารย์กิดติคุณ วิลาสางศ์ พงศะบุตร ศาสตราจารย์จารุวรรณ สินธุโสภณ นางสาวเอิบบุญ สุทธิประภา นางสุจิตรา กลิ่นเกษร นายวินัย รอดจ่าย นางสาวจินตนา ใบกาซูยี นางณัฏฐา มะระกาบนท์ คณะผู้จัดทำ สารานุกรมไทยสำ หรับเยาวชนฯ ฉบับเสริม ริ การเรีย รี นรู้ กรรมการที่ปรึกษา คณะบรรณาธิการ ผู้ประสานงานฝายธุรการ
นาย พงศ์พิพัฒน์ เพิ่มพูล ม.6 เลขที่ 1 นาย ภาณุวัฒน์ วิชาเป็ง ม.6 เลขที่ 2 นาย รามเมศ แตงเหล็ก ม.6 เลขที่ 3 นาย อณุเดช ศรีแพรแดง ม.6 เลขที่ 8 จัดทำ โดย