The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สามก๊ก ตอน กวนอูไปราชการกับโจโฉ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chareecream, 2021-09-16 05:17:33

สามก๊ก ตอน กวนอูไปราชการกับโจโฉ

สามก๊ก ตอน กวนอูไปราชการกับโจโฉ

สามก๊ก

ตอน กวนอูไปราชการกับโจโฉ

22

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/12

นางสาวณิชารีย์ เรืองรักษ์

ผู้แต่งสามก๊ก

ผู้เรียบเรียงต้นฉบับเรื่องสามก๊กนี้ มีชื่อว่า ล่อกวนตง
หรือหลอกว้านจง นักประพันธ์ชาวจีนผู้มีฝีมือทั้งการแต่ง
นิทาน และบทละครร้อง (งิ้ว) โดยล่อกวนตงได้นำเนื้อหา
ของตันซิ่ว (ผู้เขียนจดหมายเหตุสามก๊ก) มาแต่งใหม่
เรียกว่า สามก๊กจี่ทงซกเอี้ยนหงี ต่อมาเจ้าพระยาพระ
คลัง (หน) ได้นำสามก๊กมาแปลเป็นฉบับภาษาไทยและได้
รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรให้เป็นยอดของ
วรรณคดีประเภทนิทาน เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ผู้แปล
สามก๊กนี้ นับเป็นกวีคนสำคัญในสมัยรัตนโกสินทร์ตอน
ต้น

ที่มาของยุคสามก๊ก และวรรณคดีสามก๊ก

วรรณคดีสามก๊กในชั้นม.6 นี้ เป็นเรื่องแต่งที่อิงจาก
พงศาวดารจีนในยุคสามก๊ก (ค.ศ.220-ค.ศ.280) เริ่มต้น
ขึ้นในช่วงปลายสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ขณะที่
พระเจ้าเลนเต้เริ่มเสื่อมอำนาจจึงเกิดกบฏโจรโพกผ้า
เหลืองขึ้น ซึ่งโจรเหล่านี้ได้ทำลายทั้งสถานที่ราชการและ
ผู้คนแทบทุกพื้นที่ของประเทศ จนราชสำนักไม่อาจ
ต้านทานได้ไหว จึงมอบอำนาจทางการปกครองและการ
ทหารให้กับเจ้าเมืองต่าง ๆ เกิดเป็นช่องว่างให้แต่ละเมือง
เริ่มสะสมกองกำลังของตนเอง และเริ่มสู้รบกันเองเพื่อ
ขยายอำนาจ
หลังจากการสู้รบและความแตกแยกที่เกิดขึ้นเป็นเวลา
นาน จักรวรรดิจีนได้แบ่งแยกออกเป็น 3 แคว้น (ก๊ก)
ได้แก่ วุยก๊ก (WEI) จ๊กก๊ก (SHU) และง่อก๊ก (WU) ซึ่งเป็น
ที่มาของการสิ้นสุดราชวงศ์ฮั่น และเป็นจุดเริ่มต้นของยุค
สามก๊ก

ตัวละครสามก๊ก ตอนกวนอูไปรับราชการ
กับโจโฉ

1.โจโฉ (วุยก๊ก) : เป็นผู้ต่อกรกับเหล่าโจรโพกผ้าเหลือง
และเคยพยายามลอบฆ่าตั๋งโต๊ะ แต่ไม่สำเร็จ จึงแยก
ตัวออกมาเพื่อสะสมกำลังพล จนกลายเป็นอุปราช
แห่งวุยก๊ก โจโฉโดดเด่นเรื่องความเป็นผู้นำ เฉลียว
ฉลาด และเป็นที่ยำเกรงของลูกน้อง เขาเชี่ยวชาญ
ด้านการรบ รู้จักใช้คน และรับฟังความคิดเห็นของผู้
อื่น ทำให้สามารถครอบครองพื้นที่ของแผ่นดินจีนไว้
ได้มากที่สุด

2.เล่าปี่ (จ๊กก๊ก) : มีพี่น้องร่วมสาบานคือ กวนอู และ
เตียวหุย เล่าปี่ เป็นคนแก้ปัญหาได้รวดเร็ว รักพี่น้อง
และเป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง ก่อนหน้านี้เล่าปี่ เคย
เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว ก่อนจะสามารถครอบครองดินแดน
ที่ชื่อว่า จ๊กก๊ก ได้ในที่สุด

3.กวนอู (จ๊กก๊ก) : ครองเมืองแห้ฝือ เป็นผู้ดูแลภรรยา
ของเล่าปี่ (พี่สะใภ้) มีความโดดเด่นด้านความ
ซื่อสัตย์ และกตัญญู ซึ่งต่อมาผู้คนได้ยกย่องและบูชา
กวนอูในฐานะเทพเจ้าผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความ
ภักดี ความซื่อสัตย์ และความกตัญญู

4.เตียวเลี้ยว (วุยก๊ก) : ทหารคนสำคัญของโจโฉ มี
วาทศิลป์ รู้จักการเจรจา เป็นผู้ที่เสนอความคิดเห็น
ได้อย่างมีเหตุผล รวมทั้งเป็นผู้เกลี้ยกล่อมให้กวนอู
มาอยู่กับโจโฉ และยังทำให้กวนอูเคารพนับถือใน
ความสามารถและความซื่อสัตย์แม้จะไม่ได้อยู่ฝ่าย
เดียวกันก็ตาม

สรุปสามก๊ก ตอนกวนอูไปรับราชการกับโจโฉ

สามก๊ก ตอนกวนอูไปรับราชการกับโจโฉในบทความนี้ นับเป็นตอนที่ 22 ตามฉบับแปลของเจ้าพระยาพระคลัง (หน)
ซึ่งสรุปเนื้อหาได้ดังนี้

โจโฉต้องการยกทัพไปปราบเล่าปี่ ที่เมืองชีจิ๋ว เมื่อเล่าปี่ รู้ จึงเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือไปยังอ้วนเสี้ยวเพื่อนรัก
แต่อ้วนเสี้ยวปฏิเสธการออกรบ โดยอ้างว่ายังไม่พร้อม แต่ยินดีช่วยเหลือในทางอื่น ๆ เล่าปี่ กังวลใจมากเพราะหากออก
รบตอนนี้ กำลังพลของตนเองต้องไม่เพียงพออย่างแน่นอน เล่าปี่ จึงปรึกษาเตียวหุย ทหารผู้สาบานตนเป็นพี่น้องกับเล่า
ปี่ และกวนอู เตียวหุยเลยอาสาออกไปปล้นค่ายของฝั่ งโจโฉ เพื่อให้ฝ่ายนั้นมีเสบียงไม่เพียงพอและยุติการออกรบ

ระหว่างที่โจโฉเดินทัพมา ได้เกิดเหตุการณ์ลมพายุพัดธงชัยบนเกวียนหัก โจโฉใจคอไม่ดี เลยไปปรึกษาโหรคู่ใจซึ่ง
ทำนายไว้ว่า “ธงหักแบบนี้ต้องระวังการถูกปล้นค่ายนะ !” โจโฉได้ยินดังนั้นจึงไม่นิ่งนอนใจ รีบวางแผนรับมือไว้ก่อน
โดยแบ่งทหารออกเป็น 11 กอง 8 กองแรกให้ไปล้อมรอบค่าย 8 ทิศ ส่วนอีก 1 กองให้อยู่ในค่ายตามเดิม และอีก 2 กอง
ให้ไปดักเมืองของข้าศึกที่เมืองแห้ฝือกับเมืองชีจิ๋ว เมื่อแบ่งทหารทั้ง 11 กองเรียบร้อยแล้ว เตียวหุยก็เดินทางมาถึงค่าย
ของโจโฉ แต่แทนที่จะได้บุกปล้นค่ายตามที่มุ่งหมายไว้ตั้งแต่แรก เขาก็ดันถูกทหารที่แอบซุ้มอยู่ล้อมไว้ทั้ง 8 ทิศ เมื่อ
เตียวหุยเริ่มรู้ว่าตัวเองหลงกลอุบายของฝั่ งโจโฉ เตียวหุยเลยสู้สุดใจตีฝ่าวงล้อมหนีขึ้นเขาไป ส่วนเล่าปี่ ที่ขี่ม้าตามมานั้น
ก็ต้องตีฝ่าวงล้อมออกไปจากกองทัพของโจโฉเช่นกัน แต่เขาได้หนีไปอยู่กับอ้วนเสี้ยวเพื่อนรักแทน

เมื่อโจโฉยึดเมืองเสี่ยวพ่าย กับเมืองชีจิ๋วได้แล้ว ก็คิดจะยึดเมืองแห้ฝือต่อ แต่เสนาธิการทหารได้เตือนโจโฉว่า ที่เมือง
แห้ฝือมีกวนอูปกครองอยู่ และคอยดูแลภรรยาของเล่าปี่ ทั้งสองคน (นางกำฮูหยิน และนางบิฮูหยิน) ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่
สะใภ้ของกวนอู อีกทั้งกวนอูยังเป็นที่ยำเกรงของผู้คนมากมาย เพราะเก่งกาจทั้งเรื่องการสงคราม และมีไหวพริบเป็น
เลิศ เสนาธิการบางคนจึงเสนอว่าให้ไปเกลี้ยกล่อมกวนอูมาเป็นพวกแทนจะดีกว่า แต่บางคนกลับไม่เห็นด้วยเพราะคิด
ว่ากวนอูต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน ระหว่างการถกเถียงของเหล่าเสนาธิการ เตียวเลี้ยว ทหารคู่ใจของโจโฉได้ขออาสาไป
เจรจากับกวนอูด้วยตนเองเพราะเตียวเลี้ยวเคยรู้จักกับกวนอูมาก่อน น่าจะช่วยเจรจาได้ไม่ยากนัก แต่ปัญหาคือ จะทำ
ยังไงให้กวนอูออกมาจากเมือง เทียหยกจึงเสนอว่าให้จ้างทหารของเล่าปี่ ที่จับได้ไปเป็นไส้ศึกในเมืองของกวนอู พร้อม
กับส่งทหารอีกกองหนึ่งไปยืนอยู่ที่หน้าเมือง

เมื่อโจโฉได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าเห็นด้วย รีบส่งทหารที่จับมาส่วนหนึ่งไปเป็นไส้ศึก ส่วนทหารอีกกองหนึ่งให้ไปยืนหน้า
ประตูเมืองคอยด่าทอกวนอู จนกวนอูทนไม่ไหว พาทหารออกมารบหน้าเมือง เมื่อกวนอูออกมา ปรากฏว่าโดนทหารจาก
ฝ่ายของโจโฉล้อมไว้เรียบร้อย กวนอูตกใจ จะหนีกลับเข้าไปในเมืองก็ไม่ได้ เลยต้องหนีขึ้นเขาไป ทำให้โจโฉยึดเมืองแห้ฝือ
ได้สำเร็จ ส่วนเตียวเลี้ยวเองก็มีโอกาสได้ไปเจรจากับกวนอูที่อยู่บนเขา ซึ่งการเจรจาครั้งนี้ กวนอูเสนอเงื่อนไข 3 ข้อ ได้แก่

1. ขอเป็นข้าขึ้นต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้เท่านั้น
2.ขอปฏิบัติดูแลพี่สะใภ้ และขอเบี้ยหวัดของเล่าปี่ มอบให้แก่พี่สะใภ้ทั้งสอง
3.ถ้ารู้ว่าเล่าปี่ อยู่ที่ใด จะไปหาในทันที

ตอนแรกโจโฉไม่ยอมรับเงื่อนไขสามข้อ แต่เตียวเลี้ยวได้เกลี้ยกล่อมโจโฉด้วยนิทานโบราณที่ชื่อว่า ‘นิทานอิเยียง’ ซึ่งมี
เรื่องราวดังนี้

อิเยียง เป็นมือสังหารมากความสามารถ รับราชการอยู่กับคิเป๊กผู้สนับสนุนและดูแลอิเยียงอย่างดีมาตลอด ทำให้อิเยียง
ภักดีต่อคิเป๊กเสมอมา จนกระทั่งคิเป๊กถูกเซียงจูฆ่าตาย อิเยียงผู้ภักดีจึงแก้แค้นด้วยการพยายามลอบสังหารเซียงจู ซึ่งการ
ลอบสังหารครั้งแรกไม่สำเร็จ แต่เซียงจูก็ยอมปล่อยอิเยียงไปเพราะรู้สึกนับถือในความกตัญญูของอิเยียงต่อมาเพื่อนของอิ
เยียงแนะนำให้เขาแฝงตัวเข้าไปรับใช้เซียงจู เพื่อลอบสังหารอีกครั้ง แต่เขากลับปฏิเสธ เพราะคิดว่าการรับใช้เซียงจูนับ
เป็นการทรยศหักหลังคิเป๊กเช่นกัน ต่อมาอิเยียงได้พยายามสังหารเซียงจูแบบซึ่งหน้าอีกครั้ง แต่ก็ถูกจับได้ และยอมให้เซี
ยงจูสังหารตน โดยให้เหตุผลว่าเซียงจูก็มีบุญคุณที่ยอมปล่อยเขาไปครั้งก่อนเช่นกัน แต่ก่อนตาย อิเยียงขอเสื้อของเซียงจู
มาฟันให้ขาด เพื่อแสดงถึงความซื่อสัตย์และการแก้แค้นให้คิเป๊ก เมื่อเขาฟันเสื้อของเซียงจูเรียบร้อยก็ชักกระบี่มาเชือดคอ
ตนเองตาย ทำให้เซียงจูและเหล่าทหารที่เห็นเหตุการณ์รู้สึกเศร้าสลดใจ แต่ก็นับถือความซื่อสัตย์กตัญญูของอิเยียงในเวลา
เดียวกัน

ภาพนิทานอิเยียงตอนฟันเสื้อของเซียงจู

เตียวเลี้ยวเล่านิทานเรื่องนี้โดยหวังว่าหากโจโฉชุบเลี้ยงกวนอูอย่างดีแล้วโจโฉจะได้เป็นดังคิเป๊กผู้มีพระคุณ ส่วนกวนอู
จะได้ป็นดั่งอิเยียงผู้ซื่อสัตย์กตัญญู เมื่อโจโฉได้ฟังดังนั้น ก็ยอมรับเงื่อนไขทั้งสามข้อ ส่วนกวนอูก็ยอมมาอยู่กับโจโฉตามข้อ
ตกลง

ระหว่างนั้นโจโฉพยายามซื้อใจกวนอูด้วยวิธีต่าง ๆ แต่กวนอูก็ยังคงหนักแน่นและภักดีต่อเล่าปี่ เพราะได้สาบานตนกันไว้
แล้ว อย่างเหตุการณ์ที่โจโฉชวนกวนอูมากินโต๊ะ (การกินเลี้ยงบนโต๊ะ ด้วยอาหารอย่างดี) โจโฉสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าของ
กวนอูทั้งเก่าและขาดจึงมอบเสื้อใหม่ให้กวนอู แต่กวนอูกลับใส่เสื้อตัวใหม่ไว้ข้างใน ตัวเก่าไว้ข้างนอก โดยให้เหตุผลว่า
อยากจะใส่เสื้อเก่าที่เล่าปี่ ให้ไว้ข้างนอกเพื่อดูต่างหน้า และไม่อยากให้ผู้คนครหาว่าได้หน้าแล้วลืมหลัง หรือตอนที่โจโฉให้
ม้าเซ็กเธาว์แก่กวนอู กวนอูก็ดีใจมากเพราะเมื่อรู้ว่าเล่าปี่ อยู่ที่ไหนจะได้ใช้ม้าพละกำลังมากตัวนี้ขี่ไปหาเล่าปี่ ให้ได้เร็วที่สุด
ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ทำให้โจโฉน้อยใจเป็นอย่างมาก แต่กวนอูก็ได้ให้เหตุผลว่า แม้โจโฉจะมีบุญคุณกับตนมาก แต่เล่าปี่ มี
บุญคุณกับตนมาก่อนและกวนอูก็ได้สาบานตนเป็นพี่น้องกับเล่าปี่ ไปแล้ว เมื่อรู้ว่าซื้อใจกวนอูไม่ได้ ซุนฮกจึงเสนอโจโฉว่า
ให้เลี้ยงกวนอูไว้ และไม่ต้องให้กวนอูทำอะไร กวนอูจะได้ไม่ต้องแทนคุณแก่โจโฉ และอยู่กับโจโฉต่อไปได้โดยไม่เกิดความ
ขัดแย้งกัน

คุณค่าที่ได้รับ

ด้านเนื้อหา

เป็นประโยชน์ต่อราชการในสมัยรัตนโกสินทร์ เพราะในยุคสมัยนั้น
ยังมีสงครามและการสู้รบกับดินแดนต่าง ๆ สามก๊กจึงเป็นวรรณคดี
ที่เปรียบเสมือนตำราที่ถ่ายทอดกลยุทธ์การทำสงคราม ไม่ว่าจะ
เป็นการบริหารจัดการคน การทำงาน การวางแผนให้แยบคายต่าง

เป็นแบบอย่างในการแปลหนังสือ เพราะสำนวนภาษายังอ่านเข้าใจ
ง่ายและสละสลวย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ซึ่งนับว่าเป็น
วรรณคดีแปลแสนคลาสสิกของคนหลายยุคสมัยเลยทีเดียว

ด้านวรรณศิลป์

การใช้สำนวนเปรียบเทียบที่คมคาย เพิ่มอรรถรสในการอ่าน และ
ทำให้เข้าใจความคิดและความรู้สึกของตัวละครได้อย่างชัดเจน
บทสนทนาที่มีวาทศิลป์ มากกว่าบทสนทนาโต้ตอบกันทั่วไป คือ
การสอดแทรกแง่คิดหรือความคมคายเข้าไปในประโยคในบท
สนทนานั้นด้วย
มีการแต่งแบบนิทานซ้อนนิทาน เห็นได้จากการสอดแทรกนิทาน
โบราณอย่าง ‘นิทานอิเยียง’ เพื่อเป็นตัวอย่างเรื่องความซื่อสัตย์
และกตัญญู ซึ่งนับเป็นกลวิธีการแต่งที่ซับซ้อนมากขึ้น และทำให้ผู้
อ่านได้เรียนรู้นิทานโบราณของจีนอีกเรื่องหนึ่งไปด้วย

ด้านสังคม

สะท้อนค่านิยมเรื่องความซื่อสัตย์และกตัญญู เห็นได้จากตัวละคร
ในเรื่องที่ยกย่องการกระทำของอิเยียงที่ภักดีจนยอมแก้แค้นพร้อม
สละชีวิตเพื่อคิเป๊ก รวมทั้งการยกย่องกวนอูผู้ภักดีต่อเล่าปี่
สะท้อนความเชื่อเรื่องโชคลาง และโหราศาสตร์ เห็นได้จากตอนที่
โจโฉเชื่อและวางแผนตามคำทำนายของโหรที่บอกว่า ธงหักแสดง
ถึงการปล้นเสบียงในค่ายของโจโฉ
สะท้อนกลยุทธ์การทำสงครามที่มากกว่าการสู้รบ แม้สงครามจะมี
ภาพลักษณ์ของการเสียเลือดเนื้อและใช้กำลัง แต่ในเรื่องกลับมีการ
ใช้กลยุทธ์การวางแผน ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งทหารเป็น 11 กองของ
โจโฉ การใช้ผู้ที่มีคุณสมบัตินักการทูตอย่างเตียวเลี้ยวเพื่อเจรจาให้
กวนอูมาเป็นพวก มากกว่าจะใช้วิธีการสู้รบ หรือการใช้กลยุทธ์
ไส้ศึกและทหารเพื่อหลอกให้กวนอูออกมารบ


Click to View FlipBook Version