The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by กพร.สปสธ., 2021-03-17 04:10:40

รายงานผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการและผลงานเด่นที่สำคัญของกระทรวงสาธารณสุข ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563

2563

ค ำน ำ

สำรบัญ































































ผู้บริหารระดับสูง






ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข




Office of the Permanent Secretary




















พ.ศ.


2563











นพ.สุขุม กาญจนพิมาย



ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
































1

ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข




ประจ าปีงบประมาณ


พ.ศ. 2563




วิสัยทัศน์











พันธกิจ


















ประเด็นยุทธศาสตร์










ค่านิยม



















2

ผลงำนเด่นที่ส ำคัญ






ส ำนักงำนปลัดกระทรวงสำธำรณสุข









































































3

การจัดท าข้อตกลงการปฏิบัติราชการ


PERFORMANCE AGREEMENT: PA

ของผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2563




รฐมนตรว่าการกระทรวงสาธารณสุขและปลัดกระทรวง วัตถุประสงค์ >>> เพื่อถ่ายทอดตัวชี้วัดตาม
สาธารณสุข มีนโยบายให้ผู้บริหารทุกระดับจัดท าข้อตกลง นโยบายส าคัญของกระทรวง แผนยุทธศาสตร์ 20 ปีของกระทรวง แผนบูรณาการ
การปฏิบัตงาน (Performance Agreement: PA) โดยให้มี แผนงาน/โครงการส าคัญของกระทรวง ประเด็นข้อตกลงการปฏิบัติราชการตามนโยบายเร่งรัดลงสู่ผู้บริหาร กสธ.

การถ่ายทอดตวชี้วัดตามนโยบายส าคัญของกระทรวง ทุกระดับ


ตวชี้วัดตามแผนยุทธศาสตร 20 ปี ของกระทรวงแผน >>> มีวิธีการประเมินผลการปฏิบัติราชการตามค ารับรองฯ ผู้บริหาร กสธ. เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

บูรณาการ แผนงาน/โครงการส าคัญของกระทรวง และเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพ
สาธารณสุขและประเด็นข้อตกลงการปฏิบัตราชการตาม >>> เพื่อก ากับ ติดตามประเมินผลและรายงานผลการด าเนินงานตามค ารับรองฯ ผู้บริหาร กสธ.



นโยบายเรงรดของผู้บรหารกระทรวงสาธารณสุข และมี

เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล อันก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ของภารกิจคุณภาพ
การลงนามค ารบรองการปฏิบัตราชการ เพื่อจัดท า การให้บริการ ความพึงพอใจของประชาชนผู้รับบริการ ความคุ้มค่าของงาน


ข้อตกลงร่วมกันของผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้ง

กาหนดการตดตามความกาวหน้าผลการด าเนินงาน ผลการด าเนินงาน


(Small Success) รอบ 3, 6, 9 และ 12 เดือน
มีการถ่ายทอดตัวชี้วัดฯ ลงสู่ผู้บริหาร กสธ. ทุกระดับ
ผลการด าเนินงานตามค ารับรองฯ ของปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
จ านวน 10 ตัวชี้วัด
อัตราความส าเร็จการรักษาผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่ (เป้าหมาย ≥ร้อยละ 85)
1
ด าเนินการได้ ร้อยละ 78.4
โรงพยาบาลที่ใช้ยาอย่างสมเหตุผล (RDU)
2
(เป้าหมาย ขั้นที่ 2 ≥ ร้อยละ 50 ขั้นที่ 3 ≥ ร้อยละ 20)
ด าเนินการได้ ขั้นที่ 2 ร้อยละ 58.04 ขั้นที่ 3 ร้อยละ 29.35
ร้อยละของโรงพยาบาลที่มีระบบจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพอย่างบูรณาการ (AMR)
3 (เป้าหมาย ร้อยละ 95 ของ รพ. ระดับ A,S,M1 มีระบบการจัดการ AMR อย่างบูรณาการ
ระดับ Intermediate / อัตราการติดเชื้อดื้อยาในกระแสเลือดไม่เพิ่มขึ้นจากปีปฏิทิน 2561)
ด าเนินการได้ ร้อยละ 96.69 การติดเชื้อดื้อยาในกระแสเลือด เพิ่มขึ้น 1.71
ร้อยละของอ าเภอผ่านเกณฑ์การประเมินการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่มีคุณภาพ
4
(เป้าหมาย ร้อยละ 70) ด าเนินการได้ ร้อยละ 71.41

จ านวน อสม.ที่ได้รับการพัฒนาเป็น อสม.หมอประจ าบ้าน
5
(เป้าหมาย จ านวน 80,000 คน) ด าเนินการได้ จ านวน 84,262 คน

ร้อยละของ รพ.สต. ที่ผ่านเกณฑ์การพัฒนาคุณภาพ รพ.สต. ติดดาว
6
(เป้าหมาย รพ.สต.ผ่านเกณฑ์พัฒนาคุณภาพรพ.สต.ติดดาว ระดับ 5 ดาว สะสม ร้อยละ 75)
เลื่อนการประเมิน รพ.สต.ติดดาว ไปก่อนจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) เข้าสู่ภาวะปกติ
ร้อยละของหน่วยบริการที่เป็น Smart Hospital (เป้าหมาย ร้อยละ 80 กลุ่มเป้าหมายที่ 1 ร้อยละ 50 กลุ่มเป้าหมายที่ 2 ร้อยละ 80 กลุ่มเป้าหมายที่ 3)
7
ด าเนินการได้ [ ร้อยละ 64 กลุ่มเป้าหมายที่ 1 ] [ ร้อยละ 46 กลุ่มเป้าหมายที่ 2 ] [ ร้อยละ 85 กลุ่มเป้าหมายที่ 3 ]

ร้อยละ รพศ. ผ่านเกณฑ์ ER คุณภาพ (เป้าหมาย รพศ. 34 แห่ง ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80)
8
ด าเนินการได้ รพศ. 34 แห่ง ผ่านเกณฑ์ ER คุณภาพ ร้อยละ 100
จ านวนคลินิกการให้บริการกัญชาทางการแพทย์น าร่อง (เป้าหมาย อย่างน้อยเขตสุขภาพละ 1 แห่ง)
9
ด าเนินการได้ ทั้ง 12 เขตบริการสุขภาพมีคลินิกกัญชาทางการแพทย์ 285 แห่ง และแพทย์แผนไทย 138 แห่ง
ร้อยละของเขตสุขภาพมีการพัฒนาระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
10 (เป้าหมาย เขตสุขภาพที่ 1-12 มีกลไกการบริหารจัดการ การบูรณาการ และการรายงานการประเมินผล ร้อยละ 100)
ด าเนินการได้ ทั้ง 12 เขตสุขภาพ มีกลไกการบริหารจัดการ การบูรณาการ และการรายงานการประเมินผล ร้อยละ 100 4

5

6

ITA สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข วิธีดำเนินการ



สำนกงานปลัดกระทรวงสาธารณสข ราชการบริหารสวนกลาง นำหลักการประเมินตนเอง (Self-Assessment)
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 มาปรับใช้ เพื่อให้ทราบจุดแข็งและโอกาสในการปรับปรุง (Opportunity for Improvement : OFI) ภายใต้ตัวชี้วด


ที่กำหนดและข้อคำถามตามแบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้สวนเสียภายใน (Internal Integrity and Transparency
หลักการ เหตุผล และความจำเป็น Assessment System : IIT) แบบวดการรับรู้ของผู้มีสวนได้สวนเสย ภายนอก (External Integrity and Transparency




มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2561 เห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐเข้าร่วมประเมินคุณธรรม Assessment System : EIT) และแบบตรวจการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ (Open Data Integrity and Transparency

และความโปร่งใสในการดำเนนงานของหนวยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) Assessment : OIT) และนำแนวคิดที่ใช้ในการยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนนงานของสำนกงาน




ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561-2564 โดยใช้แนวทางและเครื่องมือการประเมินตามที่สำนกงาน ป.ป.ช. กำหนด ปลัดกระทรวงสาธารณสข ราชการบริหารสวนกลาง ยึดกรอบแนวคิดหลักสำคัญ 3 ประการ คือ (1) Systematic


เป็นไปตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ความเป็นระบบของกระบวนการ ที่ทำให้การดำเนนการนนเป็นไปได้อย่างชัดเจน มีเข็มมุ่ง และสอดคล้องกัน
ั้


(พ.ศ. 2561-2580) กำหนดเป็นตัวชี้วดและค่าเป้าหมายของแผนแม่บท ฯ ในระยะแรก (พ.ศ. 2561-2565)
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สำนกงาน ป.ป.ช. กำหนดหนวยงานภาครัฐเข้าร่วมการประเมิน จำนวนรวมทั้งสน ทั่วทั้งองค์กร (2) Sustainable การแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น มุ่งเน้นการนำกระบวนการที่วางไว้อย่างเป็นระบบ
ิ้


ู่
ู่
8,301 หน่วยงาน (ในจำนวนนมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งสิ้น 7,852 หน่วยงาน) และในปีงบประมาณ ไปสการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ทั่วถึง เพื่อนำไปสความยั่งยืนขององค์กร และ (3) Measurable การกำหนดตัวชี้วด ั
ี้


พ.ศ. 2563 สำนกงาน ก.พ.ร. กำหนดการประเมินผู้บริหารองค์การ ประเด็นที่ 4 การกำกับดูแลการทุจริต เพื่อให้ได้คำตอบ การควบคุม ติดตาม และประเมินผลการดำเนนงาน รวมทั้งใช้ศึกษาเทียบเคียง (Benchmark)
โดยผลการประเมิน ITA จะส่งผลต่อการประเมินผู้บริหารองค์การในการกำกับดูแลการทุจริต เพื่อการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
วฒนธรรมการเปิดเผยข้อมูลของสำนกงานปลัดกระทรวงสาธารณสข



ราชการบริหารสวนกลาง ได้เกิดกระบวนการจัดการข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นระบบ

เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของสาธารณชน และรักษาระบบการบริหารราชการ

อย่างมีธรรมาภิบาลที่ดำเนนการอยู่ พัฒนาต่อยอดให้เท่าทันสถานการณ์การทุจริต
สามารถยับยั้งการทุจริตหรือผลประโยชนทับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเท่าทัน


ตลอดจนเป็นสวนสำคัญในการผลักดันให้เกิดทิศทางการพัฒนาและปรับปรุงการทำงาน
ภายในหน่วยงาน ในภาพรวมของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
วัตถุประสงค์ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม



1. เพื่อให้สำนกงานปลัดกระทรวงสาธารณสข ราชการบริหารสวนกลาง มีการจัดการ ผลการประเมินระดับคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนนงานของสำนกงาน




ข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นระบบในการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะให้ได้รับทราบ โดยการส่งเสริม ปลัดกระทรวงสาธารณสข ราชการบริหารสวนกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
ั้
วัฒนธรรมการเปิดเผยข้อมูล และส่งเสริมให้เกิดการตรวจสอบ โดยภาพรวมนนได้คะแนนเท่ากับร้อยละ 95.56 มีเกณฑ์ระดับผลการประเมิน (Rating Score)
2. เพื่อให้ทราบถึงช่องวางของความไม่ถูกตองในการปฏิบัติราชการ และนำไปจัดทำแนวทาง อยู่ในระดับ AA (95.00-100.00) และมีผลการประเมินระดับคุณธรรมและความโปร่งใส


มาตรการต่าง ๆ ในการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบของสำนกงานปลัดกระทรวง ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ อยู่ในอันดับที่ 1 ของส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า



สาธารณสุข ราชการบริหารส่วนกลาง จำนวน 146 หนวยงาน ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนนงาน


3. เพื่อให้การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนนงานของสำนกงาน ของสำนกงานปลัดกระทรวงสาธารณสข ราชการบริหารสวนกลาง ประจำปีงบประมาณ




ปลัดกระทรวงสาธารณสข ราชการบริหารสวนกลาง บรรลุเป้าหมาย โดยรักษาระบบ พ.ศ. 2563 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไวในแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น


การบริหารราชการอย่างมีธรรมาภิบาลที่มีอยู่และพัฒนาต่อยอดให้เท่าทันสถานการณ์การทุจริต การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ
7

ITA สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข วิธีดำเนินการ



สำนกงานปลัดกระทรวงสาธารณสข ราชการบริหารสวนกลาง นำหลักการประเมินตนเอง (Self-Assessment)
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 มาปรับใช้ เพื่อให้ทราบจุดแข็งและโอกาสในการปรับปรุง (Opportunity for Improvement : OFI) ภายใต้ตัวชี้วด


ที่กำหนดและข้อคำถามตามแบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้สวนเสียภายใน (Internal Integrity and Transparency
หลักการ เหตุผล และความจำเป็น Assessment System : IIT) แบบวดการรับรู้ของผู้มีสวนได้สวนเสย ภายนอก (External Integrity and Transparency




มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2561 เห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐเข้าร่วมประเมินคุณธรรม Assessment System : EIT) และแบบตรวจการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ (Open Data Integrity and Transparency

และความโปร่งใสในการดำเนนงานของหนวยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) Assessment : OIT) และนำแนวคิดที่ใช้ในการยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนนงานของสำนกงาน




ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561-2564 โดยใช้แนวทางและเครื่องมือการประเมินตามที่สำนกงาน ป.ป.ช. กำหนด ปลัดกระทรวงสาธารณสข ราชการบริหารสวนกลาง ยึดกรอบแนวคิดหลักสำคัญ 3 ประการ คือ (1) Systematic


เป็นไปตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ความเป็นระบบของกระบวนการ ที่ทำให้การดำเนนการนนเป็นไปได้อย่างชัดเจน มีเข็มมุ่ง และสอดคล้องกัน
ั้


(พ.ศ. 2561-2580) กำหนดเป็นตัวชี้วดและค่าเป้าหมายของแผนแม่บท ฯ ในระยะแรก (พ.ศ. 2561-2565)
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สำนกงาน ป.ป.ช. กำหนดหนวยงานภาครัฐเข้าร่วมการประเมิน จำนวนรวมทั้งสน ทั่วทั้งองค์กร (2) Sustainable การแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น มุ่งเน้นการนำกระบวนการที่วางไว้อย่างเป็นระบบ
ิ้


ู่
ู่
8,301 หน่วยงาน (ในจำนวนนมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งสิ้น 7,852 หน่วยงาน) และในปีงบประมาณ ไปสการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ทั่วถึง เพื่อนำไปสความยั่งยืนขององค์กร และ (3) Measurable การกำหนดตัวชี้วด ั
ี้


พ.ศ. 2563 สำนกงาน ก.พ.ร. กำหนดการประเมินผู้บริหารองค์การ ประเด็นที่ 4 การกำกับดูแลการทุจริต เพื่อให้ได้คำตอบ การควบคุม ติดตาม และประเมินผลการดำเนนงาน รวมทั้งใช้ศึกษาเทียบเคียง (Benchmark)
โดยผลการประเมิน ITA จะส่งผลต่อการประเมินผู้บริหารองค์การในการกำกับดูแลการทุจริต เพื่อการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
วฒนธรรมการเปิดเผยข้อมูลของสำนกงานปลัดกระทรวงสาธารณสข



ราชการบริหารสวนกลาง ได้เกิดกระบวนการจัดการข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นระบบ

เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของสาธารณชน และรักษาระบบการบริหารราชการ

อย่างมีธรรมาภิบาลที่ดำเนนการอยู่ พัฒนาต่อยอดให้เท่าทันสถานการณ์การทุจริต
สามารถยับยั้งการทุจริตหรือผลประโยชนทับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเท่าทัน


ตลอดจนเป็นสวนสำคัญในการผลักดันให้เกิดทิศทางการพัฒนาและปรับปรุงการทำงาน
ภายในหน่วยงาน ในภาพรวมของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
วัตถุประสงค์ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม



1. เพื่อให้สำนกงานปลัดกระทรวงสาธารณสข ราชการบริหารสวนกลาง มีการจัดการ ผลการประเมินระดับคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนนงานของสำนกงาน




ข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นระบบในการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะให้ได้รับทราบ โดยการส่งเสริม ปลัดกระทรวงสาธารณสข ราชการบริหารสวนกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
ั้
วัฒนธรรมการเปิดเผยข้อมูล และส่งเสริมให้เกิดการตรวจสอบ โดยภาพรวมนนได้คะแนนเท่ากับร้อยละ 95.56 มีเกณฑ์ระดับผลการประเมิน (Rating Score)
2. เพื่อให้ทราบถึงช่องวางของความไม่ถูกตองในการปฏิบัติราชการ และนำไปจัดทำแนวทาง อยู่ในระดับ AA (95.00-100.00) และมีผลการประเมินระดับคุณธรรมและความโปร่งใส


มาตรการต่าง ๆ ในการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบของสำนกงานปลัดกระทรวง ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ อยู่ในอันดับที่ 1 ของส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า



สาธารณสุข ราชการบริหารส่วนกลาง จำนวน 146 หนวยงาน ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนนงาน


3. เพื่อให้การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนนงานของสำนกงาน ของสำนกงานปลัดกระทรวงสาธารณสข ราชการบริหารสวนกลาง ประจำปีงบประมาณ




ปลัดกระทรวงสาธารณสข ราชการบริหารสวนกลาง บรรลุเป้าหมาย โดยรักษาระบบ พ.ศ. 2563 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไวในแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น


การบริหารราชการอย่างมีธรรมาภิบาลที่มีอยู่และพัฒนาต่อยอดให้เท่าทันสถานการณ์การทุจริต การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ
7

8

9

การปฏิรูปห้องฉุกเฉิน








จากสถานการณ์ ความแออัดในห้องฉุกเฉิน (ER Overcrowding) พบว่า มีผู้ป่วยที่มารับ
บริการห้องฉุกเฉิน 35 ล้านครั้ง/ปี และมากกว่า 60 % เป็นผู้ป่วยไม่ฉุกเฉิน อีกทั้งยังขาดแคลนแพทย์
ผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรที่ปฏิบัติงานในห้องฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุขจึงได้มีนโยบายการจัดระบบ

บริการห้องฉุกเฉินคุณภาพ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการที่ได้มาตรฐานอย่างมีคุณภาพลดอัตรา
การเสียชีวิตของผู้ป่วยอุบัติเหตุและผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน และลดความแออัดของผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน



วัตถุประสงค ์ 1. พัฒนาศักยภาพห้องฉุกเฉินของรพศ./รพท.ทุกแห่ง
2. ลดความแออัดในห้องฉุกเฉิน


การด าเนินการ

จัดท าแนวทางการพัฒนา











1. ประเมินห้องฉุกเฉินคุณภาพ 2. จัดบริการแยกผู้เจ็บป่วยไม่รุนแรง 3. สนับสนุนค่าบริการนอกเวลาราชการ 4. จ านวนผู้ป่วยไม่ฉุกเฉิน
(ECS คุณภาพ) และเจ็บป่วยทั่วไปจากห้องฉุกเฉิน ในอัตรา 150 บาท/ครั้ง(สปสช.) ในห้องฉุกเฉินลดลง

ก าหนดกลุ่มเป้าหมาย


 เริ่มด าเนินการวันที่ 1 ธ.ค. 2562 ในรพ.น าร่อง 21 แห่ง
(รพศ. 17 แห่ง /รพท. 1 แห่ง (รพ.จตุรทิศ)/ รพ.สังกัดกรมการแพทย์ 3 แห่ง)

 ปีงบประมาณ 2563 ขยายผลการด าเนินการเพิ่มในรพศ.ทุกแห่ง


ผลลัพธ์ที่คาดหวัง : ลดความแออัดในห้องฉุกเฉิน ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตได้รับการดูแลรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลา

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม

- จ านวนผู้ป่วยระดับ 4 และ 5 (non trauma & non emergency) ในห้องฉุกเฉิน ปีงบประมาณ 2563 ลดลงร้อยละ 20.87
เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2562
- รพศ.ทุกแห่งมีการจัดบริการผู้ป่วยที่ไม่ฉุกเฉินห้องบริการแยกจากห้องฉุกเฉินโดยเฉพาะนอกเวลาราชการ
















กองบรหารการสาธารณสุข 10

การด าเนินงานบริหารจัดการปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC)





หลักการ เหตุผล ความจ าเป็น


โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นไวรัสอบัติใหม่ที่พบว่ามีการระบาดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562


โดยรายงานครั้งแรกที่มณฑลหูเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน สามารถแพร่กระจาย จากคนสู่คนผ่านทางการไอ จาม
สัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่ง ผู้ติดเชื้อจะมีอาการหลายแบบตั้งแต่ติดเชื้อไม่มีอาการ อาการเล็กน้อยคล้ายไข้

หวัดธรรมดา อาการปานกลางเป็นปอดอักเสบ และอาการรุนแรงมากจนอาจเสียชีวิต การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19 เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในหลายประเทศทั่วโลก องค์การอนามัยโลก
)
ได้ประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public

Health Emergency of International Concern) เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2563 และแนะน าทุกประเทศให้เร่งรัด
การเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรค ส าหรับประเทศไทย ได้มีมาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรค

ตั้งแต่เริ่มพบการระบาดในประเทศจีน ตรวจพบผู้ป่วยรายแรกเป็นผู้เดินทางจากประเทศจีน โดยได้รับการตรวจยืนยันผล
เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 จากนั้นพบ การระบาดที่เป็นกลุ่มก้อนใหญ่ในสนามมวยลุมพินี สนามมวยราชด าเนิน
ซึ่งท าให้มีผู้ติดเชื้อจ านวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จนต้องมีการประกาศให้ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)


เป็นโรคติดต่ออนตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการวางมาตรการ เฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคที่เข้มข้น เพื่อจ ากัดการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)



วัตถุประสงค์




ห้การด าเนินงานบริหารจัดการ การเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างมีประสิทธิภาพ
1. เพื่อใ
2. เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ และมีแนวทางปฏิบัติด้านสาธารณสุขของหน่วยงานในสังกัด รวมถึงบูรณาการระหว่างภาคีเครือข่าย





การด าเนินการ




1. ทบทวนค าสั่งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณี โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

และค าสั่งคณะกรรมการอ านวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19

2. ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณี โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ื่
ร่วมกับผู้บริหารระดับกระทรวง และหน่วยงานภาคีเครื่อข่าย เพอติดตามและตอบสนองต่อเหตุการณ์ รวมถึงการ
ื่
ประชุมผ่านระบบ Video / Web Conference ของหน่วยงานส่วนกลาง และภูมิภาค เพอบูรณาการ การเฝ้าระวัง
ป้องกัน ควบคุมโรค
3. ผลักดันข้อสั่งการของผู้บัญชาการเหตุการณ์ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณี โรคติดเชื้อ

ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในระดับกรม เขตสุขภาพ และจังหวัด



11

การด าเนินงานบริหารจัดการปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)


ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) (ต่อ)





ผลลัพธ์ที่คาดหวัง



การด าเนินงานบริหารจัดการปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน

ด้านการแพทย์และสาธารณสุข สามารถผลักดันข้อสั่งการสู่ผู้ปฏิบัติ เพื่อลดอตราการติดเชื้อ และเสียชีวิต รวมถึง

ควบคุมการแพร่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)




ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม




การจัดการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขในการด าเนินงานบริหารจัดการปัญหาโรคติดเชื้อไวรัส

โคโรนา 2019 (COVID-19) ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ผ่านการประชุมศูนย์

ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณี โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และคณะกรรมการ

อานวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 มีการบริหารจัดการที่เป็น
ระบบ พร้อมทั้งยกระดับมาตรการ การเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค บูรณาการร่วมกันภาคีเครือข่าย อย่างมี

ประสิทธิภาพในการรองรับสถานการณ์














































12

เอกสารแนบ 2


การบรหารจัดการทรพยากรด้านการแพทย์และสาธารณสข



กรณโรคติดเชื้อไวรสโคโ

รนา 2019 (COVID-19)





หลกการ เหตผล ความจ าเปน





กองสาธารณสุขฉุกเฉน ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปนหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉนด้านการแพทย์และสาธารณสุข




ครอบคลุมภารกจรอบด้าน โดยเฉพาะการสนับสนุนและพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรในการจัดการภาวะฉุกเฉนและสาธารณภัย ทั้งระยะก่อนเกดภัย




ระหว่างเกดภัย และหลังเกดภัย ดังนั้นกองสาธารณสุขฉุกเฉนในฐานะหน่วยงานประสานกลางจึงต้องร่วมมือกับหน่วยงานที่เกยวข้องวางแผนการส ารอง
ี่
สรุปผลการด าเนินงานโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ
จัดเตรียมยาและเวชภัณฑ์ เพื่อสนับสนุน กระจาย ดูแล ก ากับและจัดส่งเวชภัณฑ์ลงพื้นที่เสี่ยง (เสี่ยงต่อการติดเช้อ/พบผู้ติดเช้อ) ตามความเหมาะสม


ด้านการแพทย์และสาธารณสุข การฝึกในส่วนที่บังคับการ (CPX)
ปีงบประ
วัตถประสงค์ ผลลพธ์ที่เกิดขึ้นจรงอย่างเปนรูปธรรม




1. เพื่อส ารองยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์เพื่อสนับสนุนให้แก่พื้นที่เสี่ยง 1. เกดระบบเชอมโยงข้อมูลการกระจายทรัพยากรระหว่างองค์การ
ื่

2. เพื่อจัดสรรวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการรองรับสถานการณ์โรคติดเช้อ เภสัชกรรมและบริษท ไปรษณย์ไทย จ ากัด ท าให้สามารถใช้ประโยชน์



ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้ทันเวลา และเหมาะสมกับสถานการณ์ ในการก ากับติดตามทรัพยากรได้
3. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขมีอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล 2. เกดการบูรณาการข้อมูลทรัพยากรระหว่างระบบ Web EOC และ

ส าหรับใช้ปฏิบัติงานในการป้องกันและควบคุมโรค Website กรมการแพทย์ ร่วมพัฒนาต่อยอดจนน าไปสูระบบ Co Ward

และ Co Lab ที่ใช้งานในปจจุบัน




การด าเนนการ 3. เกดความร่วมมือพัฒนานวัตกรรมชุด PPE ร่น “เราสู้” ซึ่งเปนชุด

PPE แบบเสื้อคลุมแขนยาวกันน ้าชนิดใช้ซ ้าได้ (Reusable Isolation
1. ประชุมคณะท างานภารกจส ารองทรัพยากรและส่งก าลังบ ารง กรณการ Gown) ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยเหมาะสมส าหรับใช้งานทางการแพทย์





ระบาดของโรคติดเช้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเปนความร่วมมือจากภาครัฐ และ ๑๓ บริษทเอกชนด้านสิ่งทอ


2. วางแผนและวิเคราะห์ความเสี่ยงการส ารองจัดเตรียมยาและเวชภัณฑ์ 4. ได้ Guideline กลางในการใช้อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้ปฏบัติงานใช้

เพื่อสนับสนุนพ้นที่เสี่ยง งานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยจากการติดเช้อ

3. จัดท าแผนส ารองและแผนการสนับสนุนเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ 5. สถานบริการ/โรงพยาบาลมีทรัพยากรด้านการแพทย์และ

4. กระจาย ดูแล ก ากับและจัดส่งเวชภัณฑ์ตามแผนการสนับสนุน สาธารณสุข ส าหรับป้องกัน ควบคุม ดูแล และรักษาผู้ติดเช้อได้อย่าง
5. จัดท ารายงานผลการปฏิบัติงานเสนอต่อผู้บัญชาการเหตุการณ์ เหมาะสม ทันเวลา ตอบโต้ต่อสถานการณ์
6. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขมีอุปกรณ์ป้องกัน

ั ั ส่วนบุคคล ส าหรับใช้ปฏบัติงานในการป้องกัน ควบคุมโรคจาก
ผลลพธ์ที่คาดหวง
สถานการณ์โรคติดเช้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพียงพอ และ

การบริหารจัดการทรัพยากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณโรคติดเช้อ ปลอดภัย


ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สามารถสนับสนุนทรัพยากรด้านการแพทย์
และสาธารณสุขให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถน าไปเฝ้าระวัง สอบสวน

ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเช้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

อย่างมีประสิทธภาพ ปลอดภัย ทันเวลา และเหมาะสมตามพื้นที่เสี่ยง




13

14

15

ระบบสารสนเทศเพื่อรองรับการแพร่ระบาดของโรค

COVID-19







1. หลักการและเหตุผล



องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) เป็น “ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ” เนื่องจาก
เชื้อไวรัสดังกล่าวได้มีการแพร่ระบาดไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
ตลอดจนประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขได้มีประกาศให้โรคติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นโรคอันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ
อันตราย พ.ศ. 2558
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน จึงด าเนินการพัฒนาระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ทรัพยากรสุขภาพบนอินเตอร์เน็ต (GIS Health) เพื่อรองรับการแพร่ระบาดของ
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สะท้อนให้เห็นภาพสถานการณ์ทรัพยากรสุขภาพระดับประเทศ เพื่อใช้ในการวางแผนและการบริหารจัดการทรัพยากร
สุขภาพในด้านต่างๆต่อไป
2. วัตถุประสงค์ 3. การด าเนินการ




1. เพื่อพัฒนาข้อมูลและรูปแบบการน าเสนอข้อมูลสารสนเทศเพื่อรองรับ 1. จัดท ารายละเอียดและพิจารณารูปแบบการน าเสนอข้อมูล
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้เป็น ให้เป็นปัจจุบัน
สากลและทันสมัย
ก าหนดรูปแบบโดยผู้เชี่ยวชาญพัฒนาระบบสารสนเทศ

2. เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลของสถานพยาบาลในประเทศไทยรวมภาครัฐและ 2. ภูมิศาสตร์ทรัพยากรสุขภาพบนอินเตอร์เน็ต
เอกชน สะท้อนเห็นภาพสถานการณ์ทรัพยากรสุขภาพระดับประเทศ (GIS Health)
ประสานหน่วยบริการสุขภาพในพื้นที่ในกรณีเกิดโรคระบาดติดต่อ
อันตราย แลกเปลี่ยนข้อมูลทรัพยากรสุขภาพกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ก าหนดรายการจัดเก็บข้อมูลที่ควรมีส าหรับการบริหาร
3. จัดการข้อมูลการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อ

3. เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่ออันตราย ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
และการเข้าถึงข้อมูลทรัพยากรการให้บริการด้านสุขภาพต่างๆได้อย่าง
สะดวก รวดเร็ว และทันต่อความต้องการใช้ข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการ 5. ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


4. ผลลัพธ์ที่คาดหวัง



ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ทรัพยากรสุขภาพบนอินเตอร์เน็ต
(GIS Health) บริการทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความครบถ้วน ถูกต้อง

การเชื่อมโยงข้อมูลของสถานพยาบาลทั้งประเทศภาครัฐและ
เอกชน สะท้อนเห็นภาพสถานการณ์ทรัพยากรสุขภาพ
ระดับประเทศ http://gishealth.moph.go.th/covid19/index.php
6. ปัจจัยแห่งความส าเร็จ


ความร่วมมือและการมีสวนร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ

และภาคเอกชนในเข้าถึงข้อมูลทรัพยากรการให้บริการด้านสุขภาพต่างๆ
ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และทันต่อความต้องการใช้ข้อมูล
เพื่อการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

16



CO-WARD ระบบบริหารจัดการข้อมูลผ้ปวยและทรัพยากรทางการแพทย์ในสถานการณโควิด -19




ในการบริหารจัดการการแพรระบาดของโรคติดเชือไวรัสโคโรนา 2019 ต้องอาศัยข้อมูลในการบริหารจัดการทั้งในสวนของระบบทีใช้ในการดแลผ้ปวย














ได้แก เตียงรักษาพยาบาล ประเภทตางๆ ทรัพยากรทีเกียวข้อง เชน เครืองชวยหายใจ ยา และ อุปกรณ์ความปลอดภัยสวนบุคคล สิงเหล่านีต้องมีการ

จัดเตรียมให้พอเพียง และ สามารถสนับสนนได้ทันตอสถานการณ์ การบริหารทรัพยากรให้เพียงพอและเหมาะสม ต้องอาศัยข้อมูลด้านต่างๆ เพือใช้ในการ




บริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยฐานข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการต้องมีความครบถ้วน ถูกต้องเชือถือได้ และรวดเร็วทันเวลาตอการน ามาสการบริหาร



จัดการในเชิงยุทธศาสตร์ และ การจัดการด้านนโยบาย รปแบบของการบริหารจัดการข้อมูลจ าเปนต้องอาศัยระบบฐานข้อมูล และ ระบบการการบันทึกข้อมูล

กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการบูรณาการข้อมูลผู้ป่วย COVID-19


ทั้งในเรืองการวินิจฉัยโรค (Co-Lab) , การรักษาโรค (Co-Ward) และการควบคุมปองกันโรค ให้มี


ประสิทธิภาพ รวดเร็ว ลดความผิดพลาดของข้อมูล ลดภาระงานให้กับบุคลากร เพือให้สามารถเชือมโยง
ข้อมูลไปทุกมิติ และรายงานไปยังศนย์บริหารสถานการณ์ COVID-19 (ศบค.) ได้อยางรวดเร็ว และสามารถ


บริหารจัดการสถานการณ์ได้อยางถูกต้องแม่นย า อีกทั้ง เพือใช้เปนข้อมูลส าหรับจัดสรรทรัพยากรที่ขาดแคลน



(N95, PPE, ยา 6 รายการ) ให้กับทุกโรงพยาบาล (จากงบประมาณส่วนกลาง) การจัดสรร Surgical Mask รวมไปถึงการน าข้อมูลไปใช้ในการจัดสรรเติมทรัพยากร ยา






และเวชภัณฑ์ ที่หมดไปเนืองจากการให้บริการผ้ปวย COVID-19 (ไม่ใชส าหรับกิจกรรมส่งเสริมปองกันโรคของหนวยงานหรือการให้บริการตามปกติทั่วไป) การจัดท า

ระบบเพือให้สามารถบริหารจัดการข้อมูล Inventory การรับ-จาย ระหว่าง รพ.แม่และลกข่ายได้ และเพือให้มีข้อมูลในการบริหารทรัพยากรส าหรับโรงพยาบาล รองรับ



ผ้ปวยโควิดและติดตามการสนับสนนจากส่วนกลางได้อยางรวดเร็ว




ผลการด าเนนงานในป 2563


รพ. รพ.สนาม ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน




ผ้บริหารและหนวยงานหลัก เชน กรมการแพทย์ กองสาธารณสุขฉกเฉน

บันทึกข้อมูลการให้บริการ และการเบิกจ่าย

กองบริหารการสาธารณสุข ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนถูกต้อง อย่างรวดเร็ว ในรปแบบ
ทรัพยากรทางการแพทย์ ได้อย่างสะดวก
Dashboard ที่เข้าใจได้ง่าย ชวยสนับสนนการตัดสินใจจัดสรร งบประมาณ ยา


รวดเร็ว https://co-ward.moph.go.th
เวชภัณฑ์ และทรัพยากรต่างๆ ได้ทันต่อความต้องการของ รพ.
กระทรวงสาธารณสุข มฐานข้อมลกลางและ Dashboard รายงานข้อมลการให้บริการบ าบัดรักษาผ้ปวย ผ้เสียงปวยโรคติดเช้อไวรัสโควิด-19












และข้อมลทรัพยากรทางการแพทย์ทีใช้ในสถานการณโควิด-19
17

18

19

กองกลาง ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข



หลักการ เหตุผล ความจ าเป็น
มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2561 ด้านเศรษฐกิจและ

สังคม เห็นชอบให้ด าเนินโครงการ “ท าความดี ด้วยหัวใจ ลดภัยสิ่งแวดล้อม”
มอบหมายให้ทุกหน่วยงานภาครัฐร่วมมือในการด าเนินกิจกรรมมาตรการลดและ
คัดแยกขยะมูลฝอยพร้อมกันทั่วประเทศก าหนดให้ “ผลการลดและคัดแยกขยะ

มูลฝอย” เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพขอหน่วยงานภาครัฐ

วัตถุประสงค ์

1. เพื่อให้การด าเนินการตามตัวชี้วัดในการประเมินผลการปฏิบัติราชการของหัวหน้า
หน่วยงานภาครัฐ เกิดผลส าเร็จ
2. เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของบุคลากรในสังกัดส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
(ส่วนกลาง) ในการลด และคัดแยกขยะมูลฝอยในหน่วยงาน
3. เพื่อให้ขยะมูลฝอยในพื้นที่อาคารส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขลดลง


วิธีด าเนินการ

1.มีสารจากผู้บริหารองค์กรให้บุคลากรได้รับรู้ และเข้าใจต่อ
นโยบายการลดและคัดแยกขยะมูลฝอยในหน่วยงาน

2. แต่งตั้งคณะท างานปฏิบัติการลด และคัดแยกขยะมูลฝอยโดยมี
ผู้บริหารองค์การเป็นประธานคณะท างาน ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
3. ส ารวจ ประเมิน และจัดเก็บข้อมูลปริมาณขยะมูลฝอย โฟม 1. ผลการด าเนินงานตามตัวชี้วัดในการประเมินผลการปฏิบัติ


บรรจุอาหารถุงพลาสติกหูหิ้วและแก้วพลาสติกแบบใชครั้งเดียว ราชการ ของหัวหน้าหน่วยงานภาครัฐ เกิดผลส าเร็จตามมติ
ของหน่วยงาน คณะรัฐมนตรี

4. ประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมสร้างความรู้ ความเข้าใจในการ 2. บุคลากรในสังกัดส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ลดและคัดแยกขยะมูลฝอยเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของบุคลากร (ส่วนกลาง) มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และมีความเข้าใจ

5. น าเสนอผลการด าเนินงานต่อผู้บริหารองค์การ และกรม เกี่ยวกับการลด และคัดแยกขยะมูลฝอยในหน่วยงาน
ควบคุมมลพิษ 3. ขยะมูลฝอยในพื้นที่อาคารส านักงานปลัดกระทรวง
สาธารณสุขลดลงตามเกณฑ์การประเมินของกรมควบคุมมลพิษ




ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม
1. ปริมาณขยะ มูลฝอย ที่ต้องส่งก าจัด เป้าหมายลดลงร้อยละ 10ลดลงร้อยละ 52.53

2. การทิ้งแก้วพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว เป้าหมายลดลงร้อยละ 30 ลดลงร้อยละ 87.80
3. การใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว เป้าหมายลดลงร้อยละ 30  ลดลงร้อยละ 79.39

4. การใช้โฟมบรรจุอาหาร เป้าหมายลดลงร้อยละ 100  ลดลงร้อยละ 100





20

ได้รับจัดสรรงบกลางส าหรับเป็นค่าตอบแทนเสี่ยงภัยแก่บุคลากรที่ปฏิบัติงานในการ
เฝ้าระวัง สอบสวน ป้องกัน ควบคุมและรักษาผู้ป่วยโควิด 19 อย่างทั่วถึงและครอบคลุม
ได้รับจัดสรรงบกลาง
วงเงิน

1,074.83
ล้านบาท
มีหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่าตอบแทน
ผลการใช้จ่าย (เบิกจ่าย)
เสี่ยงภัยของเจ้าหน้าทผู้ปปฏิบัติงานทั้งใน
ี่
1,063.20 ล้านบาท และนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข
(ร้อยละ 98.92) ให้ถือปฏิบัติในทิศทางเดียวกน ั














21

สื่อความรู้






INFOGRAPHIC







































































22



23

23

24

24

25

25

กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร





ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข


ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2563



http://opdc.moph.go.th 02-590-1018 02-590-1406












































































26

กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร





ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข


ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2563



http://opdc.moph.go.th 02-590-1018 02-590-1406












































































27

ผู้บริหารกรมการแพทย์







Department of Medical Service






















พ.ศ.


2563












นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์


อธิบดีกรมการแพทย์
































28

กรมการแพทย์







ประจ าปีงบประมาณ


พ.ศ. 2563





วิสัยทัศน์








พันธกิจ










ประเด็นยุทธศาสตร์










ค่านิยม

































29

ผลงำนเด่นที่ส ำคัญ





กรมกำรแพทย์










































































30

31

32

33

34

35

36

37

38

สื่อความรู้






INFOGRAPHIC







































































39

40

41

WUWU8f.JS1E.J111uus:u1ru 20,000 AUIO
v







u:1sJ1l1aav1u
(Hepatocellularccinoma)

1uuu:1s11M1n1ilv1nmacius1:lrui;iu
Oanl:Jru:11sE:Jmsri1J1uwlilun�
11a:wruu11uuu:1sJ


m
y _,

u:1sJne>u1v1
(Cholangiocarcinoma) mslfiSUc11SWl:I
1uuu:1s11M1i'ililv1nmaci1dm�W:)
mu1urim11�0n1s1L.lEluum..JE11111sc:>
1vsfbl1�uTi;iwlilL.ln�
vu1uu1dc:>s1u
n"ISUf110·riau,�
.5niau1§os�




wuou11�a:s1uE>1vOE>1n1svE>J sA11c;1n�1J
T
v •
numn1saoult1£\Jnwu ,du


"nuuriEAJ riEAJ5v1riEA11wa1uuus:�1 uov1t1srnauv1?nuTAsJvo1

81vFl81WUl18UlUl.1C:hHl8'1 �Olt18EAJ c;l11t18EAJ rl8'1fvl

11c1:0o1n1su0uus10ruv1n'1 2 V1'1"






• 1M5F'l°5ubsc1�u5nic1uuov101u1tln11sninv1

f
• 1MF'l::nusn1SUchlf1Uf lS�v\llj8bS8�U8nl8UU0vl°5
v
• srusJriav1n1stiu11m=inmJ88 �,
• 1MF'l::n usn1s118niauJu1111suu 10uuct1sriuu: 1sJ

' .
• 1MF1::nus�1uuv�u1�UJV8Ju:1sJ�uv1nn1sus:nuuc:nEw11a:�J118v1cfou
v J/Of
l
• SfUS'1rlU8'1f1UIIN8F'\8Ufl U fSF'lWU1s1u u�u





42


Click to View FlipBook Version