The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Dararat Sariyang, 2023-10-11 11:21:11

ผ้าซิ่นทิวมุก

ผ้าซิ่นทิวมุก

จั ง ห วั ด อุ บ ล ร า ช ธ า นี ผ้าซิ่นทิวมุก


ประวัติความเป็นมา ผ้าซิ่นทิวมุก


สิ่นทิวมุกจกดาว หรือซิ่นทิวมุกจกดาว เป็นผ้าโบราณของ เจ้านายสตรีชั้น สูงแห่งเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัย มี ลักษณะผสมผสานเทคนิคการทอคือ การวางเครือเป็น ซิ่นทิว การยกมุก และการจกดาว ถือเป็นผ้าซิ่นที่หายาก และพบที่จังหวัดอุบลราชธานีเพียงแห่งเดียว ผ้าซิ่นทิวมุกจดดาว มาทำ ความรู้จั รู้จั กผ้าซิ่นทิวมุกกัน


"สิ่นทิวมุกจกดาว" (ออกเสียงตามสําเนียงอุบล) เปนผาที่มีแหลงกําเนิดในเมืองอุบลราชธานี ในอดีตเปน ผานุงสําหรับอัญญานางหรือเจานายสตรีสายเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัย แตละคุม มีกันผืนสองผืน เทานั้น เลาสืบกันมาวาชางทอผู  ริเริ่มก็คืออัญญานางเลื่อน เชื้อสายเจานาย เมืองอุบล ในราวสมัยรัชกาล ที่ 5 ครั้นทานสิ้นวิธีการทอก็สูญหายหาคนทอไมไดไปนับหลาย สิบป จนกระทั่งมหาวิทยาลัย อุบลราชธานีรวมกับกลุมสตรีทอผาบานลาดสมดี อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ไดเริ่มโครงการฟนฟู ผาพื้นเมืองลายโบราณจังหวัดอุบลราชธานี จึงมีการฟนฟู การทอซิ่นทิวมุกจกดาวขึ้นใหม  อีกครั้งในป พ.ศ. 2551 ซิ่นทิวมุกจกดาวที่หลงเหลือในปจจุบันนั้นสวนหนึ่งจัดเก็บไวในพิพิธภัณฑสถานแหงชาติ อุบลราชธานี ประวัติผ้าซิ่นทิวมุก


ตัวอย่างลายผ้า ผ้าซิ่นทิวมุกจกดาวจังหวัดอุบลราชธานี


มีโครงสรางหลัก แบงออกเปน 2 สวนคือ สวนตัวซิ่น และหัวซิ่น เหมือนกับซิ่นทิว ซึ่งเปนผาซิ่นชนิด เดียวของอีสานที่เปนลายขวาง ซึ่งโดยปกติการวางลวดลายจะวางแนวตั้งหรือลายลอง กลาวกันวา เปนซิ่นที่ทอยากเนื่องจากตองใชสมาธิสูงในการนับเสน ใหเปนริ้วเปนทิว เสมอกันทั้งผืน แต  ซิ่นทิวมุก จกดาวจะมีลักษณะพิเศษมากกวาสิ่นทิวทั่วไปคือ ตองสืบ เครือทําเปนทิว คือเปนลายขวางอันเปน ลักษณะที่ชางชาวอีสานไมคอยถนัด แลวทํา การยกมุก ซึ่งเปนเทคนิคการทอโดยเพิ่มเสนยืนพิเศษบน กี่ทอผา ในตัวซิ่นจะเปนริ้วสี เหลืองเล็กๆขวางไปตามตัวซิ่น และใชไหมสีขาว จกเปนเสนสีขาวตั้งเรียง ถี่ จากนั้นก็ จกเปนลายดาวเล็กๆตามชอง ตอหัวดวยหัวซิ่นจกดาว โครงสร้า ร้ งลวดลายและสีสัน


ส่วนหัวซิ่น ส่วนตัวซิ่น


กรรมวิธีการทอ การทอผาซิ่นทิวเริ่มตนจากการคนเสนยืน แลวนําไปทําการแยกเสนยืน ตามที่จะทําลวดลายผา การทําลายผาซิ่นทิวจะตองมีการนับเสนไหม หรือแยกเสนไหมไปตามลายที่มีแบบอยูแลว การ นับตองมีความแมนยําเปนพิเศษ หลังจากนับเสนไหมเสร็จแลว นําเสนยืนขึงใหยาวและแยกออก เปนสีที่จะยอมหรือมัดหมี่ดวย การมัดหมี่ให  มัดตามความพองาม และสวยงามตามความตองการ ของชางทอผา แลวนําไปยอมสีที่เตรียมไว การทําผาซิ่นทิวมีปญหาอยูมาก เนื่องจากการนับเสน ไหมหรือแยกเสนไหมไม  ถูก ก็จะทําใหผาซิ่นทิวผิดดวย และวิธีที่จะแกไขจะมีการแกยากมาก เพราะความยาวของเสนยืนทําให  ลําบากหรือมัดหมี่จะไมเปนเกร็ดสวยงามตามความตองการ ผาซิ่นทิวไหมเปนผาสีสวยงามตามความงามแบบโบราณและเปนเอกลักษณเฉพาะตัว


ตัวอย่างการทอผ้า การแยกเส้นยืน นำ เส้นยืนมาขึง จกเป็นลายดาวเล็กๆ


การทอในปัจจุบัน ปจจุบันการทอซิ่นทิวมุกจกดาว ได  รับการรื้อฟนขึ้นใหมโดยมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และ ในภาค เอกชนคือ บานคําปุน ซึ่งเปนแหลงผลิตผาไหมชั้นดีของเมืองอุบล ได  มีการทอขึ้น มาเพื่อสืบทอด ภูมิปญญาของบรรพบุรุษชาวอุบลอยางตอเนื่อง โดยการเลือกสรร วัสดุชั้นดี เชน ไหมคําจากฝรั่งเศส เปนตน ในปพ.ศ. 2553 อาจารย ดร.คําลา มุสิกา อาจารยประจํา คณะศิลปศาสตร มหาวิทยาลัย อุบลราชธานี และผศ.ดร.วิศปตย ชัยชวย อาจารยประจํา คณะโบราณคดีมหาวิทยาลัยศิลปากร ไดรวม กันรื้อฟนการทอซิ่นทิวมุกจกดาวแบบโบราณ ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และในครั้งนั้นไดทดลองทอซิ่นทิวมุกจก ดาวสีมวงขึ้นอีกจํานวนหนึ่งดวย


ผ้าซิ่นทิวมุกจกดาวในปัจจุบัน ผาไหมชั้นดีของเมืองอุบลราชธานี


การใช้สอย ผาซิ่นทิวมุกจกดาว ถือเปนผาที่ทอไดยากยิ่ง ตองอาศัยความอุตสาหะ ในการทอ หนึ่งผืน ใชเวลา เกือบหนึ่งเดือน ดวยการผสานเทคนิคที่ลงตัวทําใหได  ลักษณะซิ่นที่เรียบหรู ทรงพลัง และบงบอกถึง เกียรติยศของผูสวมใส ดังนั้นจึงพบวาซิ่นชนิดนี้มีเพียงเจานายสตรีชั้นสูงใน เมืองอุบลเทานั้นถึงมี สิทธิ์สวมใส โดยการนุงจะสวมซิ่นอีกหนึ่งผืนไวขางใน แลวจึงนุงซิ่นทิว มุกจกดาวทับ เพื่อปองกันการ สัมผัสกับรางกายโดยตรงอันจะทําใหผาเสื่อมสภาพไดงาย ตอมาเมื่อมีการรื้อฟนการทอขึ้นใหม จึงมี การปรับประยุกตใชในโอกาสสําคัญ เชน งานสดุดี วีรกรรมเจาคําผง หรืองานพิธีการสําคัญตางๆ


Inspiration จากลายผ้า ผ้าซิ่นของเมืองอุบลราชธานี เป็นการผสมผสานของ เทคนิคการทอผ้าอย่างน้อย 3 เทคนิค คือ ยกมุก จก และขิด โดยขึ้นเครือเส้นยืนแบบซิ่นทิว เป็นลายริ้วบนผืน ผ้า มีเอกลักษณ์ คือ ลวดลายแบบลายขวางลำ ตัวซึ่ง แตกต่างจากลวดลายผ้าซิ่นส่วนใหญ่ในอีสาน ตัวซิ่นมี การเสริมเส้นยืนพิเศษ เรียกว่า ยกมุก จกลายดาว และ ขิดเป็นแถบลายริ้ว หัวซิ่นทอขัดสลับสีอาจจะมีการขิด หรือจกเป็นลาย เรียก “ดาว”


Concept จากลายผ้า หัวซิ่นจกของเจ้านานชั้นสูง มักจะนิยมทำ หัวซิ่น “จกดาว” คือ ทำ เป็นลายลักษณะคล้ายลายดอก ประจำ ยาม แต่เรียกกันว่า “จกดาว” หรือ “ลาย ดาว” ซึ่งเป็นลายหัวซิ่นจกที่ใช้แสดงสถานภาพ ทางสังคมได้อย่างหนึ่ง เพราะทำ ได้ยากต้องใช้ เวลาและความอดทนมากพอสมควร


Mood & Tone จากลายผ้า มีต้นแบบจากลายผ้าซิ่นทิวมุกจกดาวแบลายดาวเล็กๆ เป็นลายขวาง ซึ่งโดยปรกติการวางลวดลายจะวางแนวตั้ง หรือลายล่อง สีของผ้าจะมีสี แดง น้ำ เงิน เขียว อาจจะมี ใช้สีโทนร้อนหรือโทนเย็น ทำ ให้เข้าถึงได้ง่ายและ ลวดลายที่ดูสบายตา


01 02 03 Reference จากลายผ้า


01 02 03 Reference จากลายผ้า


01 02 03 Reference จากลายผ้า


สมาชิกในกลุ่ม นางสาว ภริดา เกษสังข 004 นางสาว มัชฌิมา แจงแสงทอง 010 นางสาว ดารารัตน สาริยัง 011


Click to View FlipBook Version