The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ข้อสอบข้อเขียนความรู้ชั้นเนติบัณฑิต
กฎหมายแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน (พ.ศ. 2524 – พ.ศ. 2563)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อุดม งามเมืองสกุล, 2021-03-03 09:43:42

ถาม-ตอบ กฎหมายแรงงาน

ข้อสอบข้อเขียนความรู้ชั้นเนติบัณฑิต
กฎหมายแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน (พ.ศ. 2524 – พ.ศ. 2563)

รวมข้อสอบ-ธงคำตอบเนตบิ ณั ฑติ ฯ (กฎหมายแรงงาน) หน้า | 51

(ข้อ 37) นายบุญเลิศเป็นลูกจ้างของบริษัทบุญสร้าง จำกัด ทำงานมา 3 ปี

เศษ ได้รับค่าจ้างเดือนละ 30,000 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันส้ินเดือน ต่อมา
นายบุญเลิศยื่นใบลาออกต่อบริษัทบุญสร้าง จำกัดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2560
เพ่อื ใหม้ ีผลเป็นการลาออกในวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 แตบ่ ริษัทบญุ สร้าง จำกดั
อนุมัติให้นายบุญเลิศลาออกโดยมีผลในวันที่ 1 กรกฎาคม 2560 แล้ว ไม่ให้นาย
บญุ เลิศมาทำงานอกี ต่อไปและไมจ่ ่ายคา่ จา้ งให้

ใหว้ ินจิ ฉยั วา่ บริษทั บุญสรา้ ง จำกดั เลกิ จ้างนายบุญเลศิ หรือไม่ และตอ้ ง
จ่ายค่าชดเชยสินจา้ งแทนการบอกกลา่ วล่วงหน้า หรือค่าเสียหายแก่นายบุญเลิศ
หรอื ไม่ เพียงใด (พ.ศ. 2560)

ธงคำตอบ
นายจ้างหรือลูกจ้างมีสิทธิ์แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาจ้างแรงงานไดเ้ พียง
ฝ่ายเดียวโดยไม่จำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งยินยอมตกลงหรืออนุมัติ การเลิกสัญญาจ้าง
แรงงานจึงมีผลในวันที่ลูกจา้ งแจ้งไว้ คือ วันที่ 31 กรกฎาคม 2560 หลังจากลูกจ้าง
แสดงเจตนาลาออกต่อนายจ้างแล้วก็ไม่อาจถอนเจตนานั้น ตามประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 386 วรรคสอง สัญญาจา้ งแรงงานย่อมจะมีผลสิ้นสุดลงใน
วันดังกล่าว (31 กรกฎาคม 2560) แม้นายจ้างจะให้ลูกจ้างออกจากงานก่อนวัน
ดังกล่าวตามที่นายจ้างประสงค์โดยให้ลูกจ้างไม่มีความผิด ก็มีผลทำให้ลูกจ้าง

ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2544 เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้แทนสหภาพแรงงานฟาร์-อีสต์
การ์เมนท์ เท็กซ์ไทล์ มิได้ยอมรับ ซึ่งหมายความว่า จะต้องมีการเจรจาตกลงเก่ียวกับข้อเรียกร้อง
อื่น ๆ ที่เหลือต่อไปอีก ฉะนั้น การเจรจาตกลงกันในวันที่ 28 มีนาคม 2544 จึงสิ้นสุด โดยที่ไม่
สามารถตกลงกนั ได้ ต่อมาในวันที่ 29 มีนาคม 2544 ผู้แทนโจทก์ไมไ่ ปเจรจาตามนัด และไม่มีการ
เจรจาตกลงกันในวันดังกล่าว การทีผ่ ูแ้ ทนสหภาพแรงงาน ฟาร์ - อีสต์ การ์เมนท์ เท็กซ์ไทล์ ไปลง
ชื่อในบันทึกข้อตกลงตามที่ผู้แทนโจทก์ได้ตกลงไว้ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2544 นั้น ไม่มีผลทำให้
ข้อตกลงท่ีสิ้นผลไปแล้ว กลับมามีผลได้อีก จึงต้องถอื วา่ ขอ้ พิพาทแรงงานตามข้อเรียกร้องดังกล่าว
ยังเป็นข้อที่ตกลงกันไม่ได้ การใช้สิทธิแจ้งปิดงานงดจ้างของโจทก์ จึงชอบด้วย พ.ร.บ. แรงงาน
สมั พนั ธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 34 โจทก์จึงไมม่ หี นา้ ที่ตอ้ งจา่ ยค่าจา้ งใหแ้ กล่ ูกจ้าง

เรียบเรียงโดย ผชู้ ่วยศาสตราจารยอ์ ดุ ม งามเมอื งสกลุ ห น้ า | 52

เสียหายเพียงเท่าที่ไม่ได้รับค่าจ้างจนถึงวันที่ลูกจ้างลาออกเท่านั้น มิใช่เป็นการเลิก
จ้างอันมีผลที่จะทำให้นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างที่นายจ้างเลิกจ้างโดย
ไม่ได้กระทำความผิดตามพระราชดิคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 118 และ
ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่ลูกจ้างที่นายจ้างบอกเลิกจ้างแล้ว
ให้ออกจากงานทันทีโดยไม่บอกกล่าวให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าตามพระราชบัญญัติ
คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 17 วรรคสอง และวรรคสาม เมื่อบริษัทบุญ
สร้าง จำกัด ไม่ได้เลิกจ้างนายบุญเลิศ จึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และสินจ้างแทนการ
บอกกล่าวล่วงหน้าใหแ้ ก่นายบุญเลศิ แต่การที่บริษัทบุญสร้าง จำกัด ให้นายบญุ เลิศ
ออกจากงานกอ่ นกําหนดท่นี ายบุญเลิศประสงค์ คือ วนั ท่ี 31 กรกฎาคม 2560 นัน้ มี
ผลทำให้นายบุญเลิศได้รับความเสียหายเท่าที่ไม่ได้รับค่าจ้างจนถึงวันที่ 31
กรกฎาคม 2560 บริษัทบุญสร้าง จำกัด จึงต้องจ่ายค่าเสียหายเท่ากับค่าจ้างที่นาย
บุญเลิศมีสิทธิ์ได้รับนับแต่วันที่ออกจากงานจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 (เทียบ
คำพพิ ากษาฎีกาท่ี 10161/2551)30

30 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10161/2551 โจทก์แสดงความประสงค์ลาออกจากงานต่อ
จำเลยเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2545 โดยให้มีผลวันที่ 31 กรกฎาคม 2545 เป็นการแสดงเจตนา
บอกเลิกสัญญาจ้างแรงงาน ซึ่งการเลิกสัญญาจ้างแรงงานท่ีไม่มีกำหนดระยะเวลานั้นนายจ้างหรอื
ลูกจ้างมีสิทธิแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาได้แต่เพียงฝ่ายเดียวโดยไม่จำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งยินยอม
ตกลงหรอื อนมุ ัติ จงึ มผี ลในวันท่โี จทกแ์ จ้งไว้ และไมอ่ าจถอนเจตนาน้ันไดต้ าม ป.พ.พ. มาตรา 386
วรรคสอง ดงั น้นั สญั ญาจ้างแรงงานย่อมจะมผี ลสนิ้ สุดลงในวันท่ี 31 กรกฎาคม 2545 แมจ้ ำเลยจะ
ให้โจทก์ออกจากงานก่อนถึงวันดังกล่าวตามที่โจทก์ประสงค์โดยโจทก์ไม่มีความผิด ก็มีผลทำให้
โจทกเ์ สยี หายเพยี งเทา่ ท่ีไม่ได้รับคา่ จา้ งจนถึงวันทีโ่ จทกป์ ระสงค์จะออกเท่านน้ั จึงมิใช่เป็นการเลิก
จ้างอันมีผลที่จะทำให้จำเลยต้องรับผิดจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย และ
ค่าเสียหายจากการเลิกจา้ งท่ไี มเ่ ป็นธรรมแกโ่ จทก์

รวมข้อสอบ-ธงคำตอบเนตบิ ัณฑติ ฯ (กฎหมายแรงงาน) หนา้ | 53

(ขอ้ 38) บริษัทเหล็กดี จำกัด มีลูกจ้าง 100 คน ข้อบังคับเกี่ยวกับ

การทำงาน กำหนดโทษทางวินัยด้วยการตักเตือนด้วยวาจา ตักเตือนเป็นหนังสือ
พักงานไม่เกิน 7 วัน โดยไม่จ่ายค่าจ้าง และเลิกจ้าง มีการจัดตั้งคณะกรรมการ
ลูกจ้างได้ไม่เกิน 5 คน สหภาพแรงงานเหล็กดีมีสมาชิกรวม 70 คน มีมติแต่งตั้ง
นายเอก นายโท นายตรี นายจัตวา และนายประชุมลูกจ้างเป็นกรรมการลูกจ้าง
โดยนายเอก นายโท นายตรี และนายจัตวาเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน ส่วนนาย
ประชุมไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน ต่อมานายเอกละทิ้งหน้าที่ฝ่าฝืน
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้าง บริษัทเหล็กดี จำกัด มีคำสั่งพักงาน
นายเอกเปน็ เวลา 3 วัน โดยจ่ายค่าจา้ ง เพื่อดำเนินการย่ืนคำร้องต่อศาลแรงงาน
ขออนุญาตเลกิ จ้าง (พ.ศ. 2561) ให้วินจิ ฉยั ว่า

(ก) สหภาพแรงงานเหล็กดี สามารถแต่งตั้งนายประชุมเป็นกรรมการ
ลูกจา้ งในบริษทั เหล็กดี จำกัด ได้โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

(ข) กรณีที่บริษัทเหล็กดี จำกัด มีคำสั่งพักงานนายเอกเป็นการฝ่าฝืน
พระราชบญั ญัติแรงงานสมั พันธ์ พ.ศ 2518 มาตรา 52 หรอื ไม่

ธงคำตอบ
(ก) สหภาพแรงงานเหล็กดีมีสมาชกิ สหภาพแรงงานเกนิ กึง่ หนง่ึ ของจำนวน
ลูกจ้างทั้งหมด จึงมีสิทธิ์แต่งตั้งกรรมการลูกจ้างได้ทั้งคณะตามพระราชบัญญัติ
แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 45 วรรคสอง การแต่งตั้งกรรมการลูกจ้าง
ดังกล่าวสภาพแรงงานแต่งตั้งจากลูกจ้างของสถานประกอบกิจการนั้น ท่ีเป็นหรือ
ไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานก็ได้ ไม่จำต้องแต่งตั้งจากลูกจ้างที่เป็นสมาชิก
สหภาพแรงงานท้งั คณะ ดังนน้ั แมน้ ายประชมุ ไมไ่ ดเ้ ป็นสมาชิกสหภาพแรงงานเหล็ก
ดี สหภาพแรงงานเหล็กดีก็สามารถแต่งตั้งให้เป็นกรรมการลูกจ้างในบริษัทเหล็กดี
จำกดั ไดโ้ ดยชอบด้วยกฎหมาย (คำพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 8378/2550)31

31 คำพิพากษาศาลฎีกาท่ี 8378/2550 ขอ้ บงั คบั สหภาพแรงงาน น. กำหนดวา่ การประชมุ
คณะกรรมการสหภาพแรงงาน น. จะต้องมกี รรมการเข้ารว่ มประชมุ ไม่นอ้ ยกวา่ ก่ึงหน่ึงของจำนวน

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารยอ์ ุดม งามเมอื งสกลุ ห น้ า | 54

(ข) บริษัทเหล็กดี จำกัด มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน กำหนดโทษทาง
วินัย ได้แก่ ตักเตอื นด้วยวาจา ตักเตือนเป็นหนังสือ พักงานไม่เกิน 7 วัน โดยไมจ่ า่ ย
ค่าจ้าง และเลิกจ้าง การที่นายเอกฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานและบริษัท
เหล็กดี จำกัด มีคำสั่งสั่งพักงานในที่เป็นเวลา 3 วัน โดยจ่ายค่าจ้าง เพื่อดำเนินการ
ยื่นคำร้องต่อศาลแรงงานเพื่อขออนุญาตเลิกจ้างนายเอกนั้น การพักงานเช่นนี้เป็น
การสั่งให้นายเอกหยุดทำงานเป็นการชั่วคราวเพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขออนุญาต
เลิกจ้างนายเอก ไม่ถือเป็นการลงโทษทางวินัยตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานแก่
นายเอกกรรมการลูกจ้าง การกระทำของบริษัทเหล็กดี จำกัด จึงไม่เป็นการฝ่าฝืน
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 52 แต่อย่างใด (เทียบคำ
พพิ ากษาฎีกาที่ 1902-1904/2556)32

กรรมการทั้งหมด ซึ่งหมายถึงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการที่จดทะเบียนไว้ สหภาพ
แรงงาน น. มีคณะกรรมการตามที่จดทะเบียนไว้จำนวน 11 คน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า การ
ประชุมคณะกรรมการสหภาพแรงงาน น. เพ่อื แตง่ ต้งั โจทก์เปน็ กรรมการลกู จา้ งมีกรรมการสหภาพ
แรงงาน น. เข้ารว่ มประชมุ 5 คน จงึ ไมค่ รบองคป์ ระชมุ โจทกจ์ ึงเปน็ กรรมการลกู จ้างที่ไมช่ อบด้วย
กฎหมาย จำเลยซึ่งเปน็ นายจ้างเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไมต่ ้องขออนุญาตจากศาลแรงงานตาม พ.ร.บ.
แรงงานสมั พนั ธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 52

32 คำพิพากษาศาลฎกี าที่ 1902 - 1904/2556 การพกั งานไม่เกิน 7 วนั โดยไม่จ่ายค่าจา้ ง
เป็นโทษทางวินยั ตามข้อบังคับเกี่ยวกบั การทำงานของผู้รอ้ งซึ่งเปน็ นายจ้าง การที่ผู้ร้องมีคำสั่งพัก
งานผู้คดั คา้ นทง้ั สองซ่ึงเปน็ ลูกจา้ งและเปน็ กรรมการลูกจา้ งโดยจ่ายค่าจ้างให้ไม่เป็นการลงโทษ แต่
เป็นการสั่งให้ผู้คัดค้านทั้งสองหยุดทำงานชั่วคราวเพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขออนุญาตลงโทษผู้
คดั คา้ นท้งั สองต่อศาลแรงงานภาค 1 การกระทำของผรู้ ้องไม่เป็นการฝา่ ฝืน พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์
พ.ศ. 2518 มาตรา 52 การละทิ้งหนา้ ทท่ี เี่ ป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคบั เกี่ยวกบั การทำงานของผู้
ร้องกรณีร้ายแรงต้องเป็นกรณีลูกจา้ งมีหน้าที่ปฏิบัติที่สำคัญให้นายจ้างแล้วไมป่ ฏิบัตเิ ป็นเวลานาน
เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านท่ี 1 มีหน้าที่สำคญั อย่างไร หากออกไปจากการปฏิบัติหน้าทีแ่ ล้วจะเกิด
ความเสียหายแก่ผู้ร้องอย่างไร การที่ผู้คัดค้านที่ 1 ออกไปบอกพนักงานของบรษิ ัทรับเหมาค่าแรง
ให้ไปรวมตัวกันที่โรงอาหารซึ่งเป็นเวลาช่วงบ่ายใกล้เลิกงานแลว้ ถือไมไ่ ด้ว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบ
ข้อบังคบั เกยี่ วกบั การทำงานของผู้รอ้ งเปน็ กรณรี ้ายแรง การทีผ่ ูค้ ัดคา้ นท่ี 1 ละทิ้งหน้าท่ีแต่ยังไม่ถึง
ขนาดหรือมเี หตสุ มควรท่จี ะอนญุ าตให้เลกิ จา้ งผคู้ ัดคา้ นท่ี 1 ตามคำร้องของผูร้ อ้ ง เมื่อศาลแรงงาน

รวมขอ้ สอบ-ธงคำตอบเนตบิ ัณฑติ ฯ (กฎหมายแรงงาน) หน้า | 55

(ข้อ 39) บริษัทเอ จำกัด เปิดกิจการจำหน่ายคอมพิวเตอร์ มีลูกจ้างทำงาน

20 คน ผลประกอบกิจการหลังดำเนินกจิ การมาได้ 5 เดือน ขาดทุนมาโดยตลอด
บริษัทเอ จำกัด จึงตกลงกับบริษัทบี จำกัด เพื่อโอนลูกจ้างทั้งหมดไปทำงานกับ
บริษัทบี จำกดั ในตำแหนง่ หน้าท่เี ดมิ ที่เคยทำกับบรษิ ทั เอ จำกัด จากนั้นบริษัทเอ
จำกัด จึงประกาศให้ลูกจ้างทั้งหมดไปรายงานตัวเพื่อทำงานกับบริษัทบี จำกัด
ภายใน 10 วัน นับจากวันประกาศ หลังจากนั้น บริษัทเอ จำกัด ได้หยุดกิจการ
เมื่อถงึ วันครบกำหนดตามประกาศดังกล่าว ลูกจ้างทั้งหมดไมได้ไปรายงานตัวกบั
บรษิ ัทบี จำกดั แต่กลบั ฟ้องคดีต่อศาลแรงงานว่าถกู บริษัทเอ จำกัด เลิกจ้าง และ
ขอให้บริษัทเอ จำกัด จ่ายคำชดเชย บริษัทเอ จำกัด ให้การต่อสู้ว่าบริษัทเอ
จำกดั ไมไ่ ด้เลิกจา้ งจงึ ไมต่ อ้ งจา่ ยคา่ ชดเชย แต่เปน็ กรณกี ารโอนตวั ลูกจา้ งทั้งหมด
ไปทำงานกับบริษทั บี จำกดั การที่ลกู จ้างท้งั หมดไม่ไปรายงานตัวตามทป่ี ระกาศจึง
เปน็ การลาออกจากงานเอง

ให้วินิจฉัยว่า ข้อต่อสู้ตามคำให้การบริษัทเอ จำกัด ฟังขึ้นหรือไม่ เพราะ
เหตุใด (พ.ศ. 2562)

ธงคำตอบ
พระราชบัญญตั คิ ุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 118 วรรคสอง บัญญัติ
ว่า "การเลิกจ้างตามมาตราน้ีหมายความว่า การกระทำใดที่นายจ้างไม่ให้ลูกจ้าง
ทำงานต่อไปและไม่จา่ ยคจ่ ้างให้ ไมว่ ่าจะเป็นเพราะเหตุสิน้ สดุ สัญญาจ้างหรือเหตุอ่ืน
ใด..." ซึ่งมสี าระสำคญั 3 ประการ คอื ประการแรก นายจา้ งไมใหล้ กู จ้างทำงานต่อไป
อันมผี ลตลอดไปเป็นการถาวร ประการที่สอง นายจ้างไมจ่ า่ ยคจ่ า้ งให้แกล่ กู จา้ ง และ
ประการที่สาม สาเหตุเนื่องมาจากสัญญาจ้างสิ้นสุดหรือเหตุอื่นใด เมื่อบริษัทเอ

ภาค 1 เห็นว่าผู้ร้องควรลงโทษดว้ ยการตกั เตอื นเป็นหนังสอื เสียก่อน ศาลแรงงานภาค 1 กส็ ามารถ
อนุญาตให้ลงโทษผู้คัดค้านที่ 1 ด้วยการตักเตือนเป็นหนังสือซึ่งเป็นโทษที่อยู่ในข้อบังคับเกี่ยวกับ
การทำงานของผู้ร้อง และเป็นโทษสถานเบากว่าการเลิกจ้างได้ ถือเป็นการใช้ดุลพินิจตามท่ี
เห็นสมควรและเหมาะสมแกพ่ ฤตกิ ารณ์แห่งคดี ไมเ่ ปน็ การพิพากษาเกินไปกว่าคำขอ

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารยอ์ ุดม งามเมอื งสกลุ ห น้ า | 56

จำกดั ซึ่งเปน็ นายจ้างของลูกจา้ งทั้งหมดได้หยุดกจิ การเมื่อถึงวนั ครบกำหนด 10 วัน
นับแต่วันประกาศให้ลูกจ้างทั้งหมดไปรายงานตัวกับบริษัทบี จำกัด เป็นเหตุให้
ลกู จา้ งทั้งหมดไม่ไดท้ ำงาน แมบ้ รษิ ทั เอ จำกดั จะโอนย้ายลูกจา้ งทง้ั หมดให้ไปทำงาน
กับบริษัทบี จำกัด ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ก็ต้องให้ลูกจ้างทั้งหมดยินยอมพร้อมใจ
ดว้ ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 577 วรรคหน่ึง เม่อื ไม่ปรากฎว่า
ลูกจ้างทั้งหมดยินยอมพร้อมใจด้วย โดยการไปรายงานตัวกับบริษัทบี จำกัด จึงต้อง
ถือว่าบริษัทเอ จำกดั ไมใ่ ห้ลกู จ้างทั้งหมดทำงานตอ่ ไปอันมีผลตลอดไปเป็นการถาวร
และไมจ่ ่ายคา่ จา้ งใหล้ กู จา้ งทั้งหมด อกี ทั้งบริษทั เอ จำกดั หยุดกจิ การอันเป็นเหตุอื่น
ใด เปน็ กรณบี ริษัทเอ จำกัด เลิกจ้างลกู จ้างท้ังหมด จึงตอ้ งจ่ายค่าชดเชยใหแ้ กล่ ูกจ้าง
ทั้งหมดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 118 ข้อต่อสู้ตาม
คำใหก้ ารบรษิ ทั เอ จำกัด ฟังไม่ขึ้น (เทียบคำพพิ ากษาฎีกาที่ 1766-1771/2544)33

(ขอ้ 40) บริษัทฟ้าสวย จำกัด มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานในเรื่อง

เกษียณอายุ กำหนดให้พนักงานชายและหญิงเกษียณอายุเมื่ออายุครบ 60 ปี
สวนบริษัทงานดี จำกัด มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานในเรื่องเกษียณอายุ
กำหนดใหพ้ นกั งานหญงิ เกษียณอายุเมอื่ อายุครบ 55 ปี พนักงานชายเกษียณอายุ
เมื่ออายุครบ 60 ปี

นายพรชัยทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทฟ้าสวย จำกัด ตำแหน่งหัวหน้างาน
ผลิต นางบุญพรรณทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทงานดี จำกัด ตำแหน่งผู้จัดการ
การเงนิ เม่ือนายพชยั ทำงานจนอายุครบ 60 ปี และนางบญุ พรรณทำงานจนอายุ

33 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1766 - 1771/2544 บริษัท ส.เป็นนายจ้างของโจทก์เม่ือ
บริษัทส. หยุดกิจการเป็นเหตุให้โจทก์ไม่ได้ทำงาน แม้บริษัท ส. จะโอนย้ายโจทก์ให้ไปทำงานกบั
บริษัท บ. ก็ต้องให้โจทก์ยินยอมด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 577 วรรค
หนึ่ง เมื่อโจทก์ไม่ได้ยินยอมจึงต้องถือว่าบริษัท ส. ไม่ให้โจทก์ทำงานอันมีผลตลอดไปและไม่จ่าย
ค่าจ้างให้โจทก์เนื่องจากบริษัท ส. หยุดกิจการอันเป็นเหตุอื่นใด จึงเป็นเลิกจ้างโจทก์ ต้องจ่าย
คา่ ชดเชยให้แกโ่ จทก์ตามพระราชบญั ญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 118

รวมขอ้ สอบ-ธงคำตอบเนตบิ ณั ฑติ ฯ (กฎหมายแรงงาน) หน้า | 57

ครบ 55 ปี บริษัทนายจ้างให้ลูกจ้างทั้งสองออกจากงานเพราะเหตุเกษียณอายุ
โดยจา่ ยคา่ ชดเชยให้ นายพรชยั และนางบุญพรรณตา่ งเปน็ โจทก์ฟอ้ งนายจ้างของ
ตนเป็นจำเลยต่อศาลแรงงาน อ้างว่าถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ขอให้ใช้
ค่าเสยี หายจากการเลกิ จ้างท่ีไม่เป็นธรรม นายจ้างตา่ งให้การตอ่ สู้ว่า เลิกจ้างตาม
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่ตกลงกันไว้ต้ังแต่ต้นไม่ได้กลั่นแกล้งเป็นการเลิก
จา้ งที่เป็นธรรมแลว้ ขอใหย้ กฟ้อง

หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายจ้างเลิกจ้างตามข้อบังคับเกี่ยวกบั การทำงานใน
เรื่องเกษียณอายุโดยไม่ได้กลั่นแกล้ง ให้วินิจฉัยว่า การที่บริษัทฟ้าสวย จำกัด เลิก
จ้างนายพรชัย และบริษัทงานดี จำกัด เลิกจ้างนางบุญพรรณ เป็นการเลิกจ้างที่ไม่
เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.
2522 มาตรา 49 หรือไม่ (พ.ศ. 2563)

ธงคำตอบ
กรณีบรษิ ัทฟ้าสวย จำกัด มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกำหนดให้พนักงาน
ชายและหญิงเกษียณอายุเม่อื อายคุ รบ 60 ปี เมื่อนายพรชยั ทำงานจนอายุครบ 60 ปี
บริษัทฟ้าสวย จำกัด จึงให้นายพรชัยออกจากงาน เพราะเกษียณอายุโดยจ่าย
ค่าชดเชยให้ การเลิกจ้างนายพรชัยจึงเป็นการเลิกจ้างตามข้อบังคับเกี่ยวกับการ
ทำงาน อนั เป็นการเกษียณอายุตามท่ีนายจ้างกำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครอง
แรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 1 18/1 วรรคหนึ่ง และข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน
ดังกล่าวไม่ขัดต่อกฎหมายเก่ียวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงมีผลผูกพนั
บงั คับได้ บรษิ ทั ฟา้ สวย จำกดั เลกิ จา้ งนายพรชัย เนื่องจากเกษียณอายตุ ามข้อบังคับ
เกี่ยวกับการทำงานโดยไม่ได้กลั่นแกล้ง ถือเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุอันสมควร มิใช่
เป็นการเลิกจา้ งทไ่ี ม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัตจิ ดั ต้ังศาลแรงงานและวิธีพิจารณา
คดแี รงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 (เทียบคำพพิ ากษาฎีกาท่ี 258/2545)34

34 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2545 จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากโจทก์เกษียณอายุ
ตามทีก่ ำหนดไว้ในข้อบังคับเกีย่ วกบั การทำงานของจำเลย โดยมิไดม้ กี ารกลน่ั แกลง้ โจทก์ ถอื ว่าเป็น

เรียบเรียงโดย ผูช้ ว่ ยศาสตราจารยอ์ ดุ ม งามเมืองสกลุ ห น้ า | 58

กรณีบริษัทงานดี จำกัด มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกำหนดให้พนักงาน
หญิงเกษียณอายุเมื่ออายุครบ 55 ปี พนักงานชายเกษียณอายุเมื่ออายุครบ 60 ปี
เป็นกรณีที่นายจ้างไม่ปฏิบัติต่อลูกจ้างชายและหญิงโดยเท่าเทียมกันในการจ้างงาน
ขัดต่อพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 15 ซึ่งเป็นกฎหมาย
เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานในส่วนที่
กำหนดให้ลูกจ้างหญิงเกษียณอายุเมื่ออายุครบ 55 ปีจึงเป็นโมฆะ ไม่มีผลใช้บังคับ
บรษิ ทั งานดี จำกัด เลกิ จ้างนางบุญพรณดยไม่ได้กระทำผดิ และไม่มเี หตุให้เลิกจ้างได้
ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่มีเหตุอันสมควร เป็นการ
เลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดี
แรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 (เทียบคำพิพากษาฎีกาท่ี 6011-6017/2545)35

การเลิกจ้างทมี่ ีเหตอุ ันสมควร จึงมิใชเ่ ป็นการเลิกจา้ งท่ีไม่เปน็ ธรรม ตาม พ.ร.บ. จัดต้ังศาลแรงงาน
และวิธีพิจารณาคดแี รงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 49

35 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6011 - 6017/2545 ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย
เป็นข้อตกลงระหว่างจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างกับลูกจ้างของจำเลยเกี่ยวกับการจ้างหรือการทำงาน
กำหนดวันและเวลาทำงาน ค่าจ้างสวัสดิการ การเลิกจ้าง หรือประโยชน์อืน่ ใดอันเก่ียวกับการจ้าง
หรือการทำงานตั้งแต่เร่ิมเข้าทำงานจนถึงออกจากงาน จึงเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตาม
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 5,10,11 ประกอบพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฯ
มาตรา 108 ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจ้างแรงงานที่มีผลผูกพันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง แต่
ขอ้ บงั คบั ดงั กล่าวกำหนดให้ลกู จา้ งหญงิ เกษยี ณอายุเมื่ออายุครบ 50 ปี และลกู จา้ งชายเกษียณอายุ
เมื่ออายุครบ 55 ปี เป็นการที่จำเลยซ่ึงเป็นนายจ้างปฏิบตั ติ ่อลกู จา้ งชายและหญิงโดยไมเ่ ท่าเทยี ม
กนั โดยไม่ปรากฏว่าลกู จ้างชายและหญิงทำงานทม่ี ีลกั ษณะหรือสภาพของงานแตกต่างกันอย่างไร
จึงขัดต่อพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฯ มาตรา 15 ซึ่งเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบ
เรียบร้อยของประชาชน ข้อบังคับดังกล่าวเฉพาะส่วนที่ให้ลูกจ้างหญิงเกษียณอายุเมื่อครบ 50 ปี
จงึ ตกเปน็ โมฆะตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 150 ไมม่ ีผลใช้บงั คับ

การที่จำเลยให้โจทก์เกษียณอายุโดยไม่ให้โจทก์ทำงานต่อไป และไม่จ่ายค่าจ้างให้
เน่อื งจากการเกษียณอายุดงั กลา่ ว จึงเปน็ การเลิกจา้ งตามพระราชบัญญตั คิ ุ้มครองแรงงานฯ มาตรา
118 วรรคสอง โดยที่โจทก์ไมไ่ ด้กระทำผิดและไม่มีเหตุให้เลิกจ้างได้ จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่มเี หตุ

รวมข้อสอบ-ธงคำตอบเนตบิ ณั ฑติ ฯ (กฎหมายแรงงาน) หนา้ | 59

อันสมควร ถอื เป็นการเลิกจ้างทไี่ ม่เปน็ ธรรมตามพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลแรงงานและวิธีพิจารณา
คดแี รงงานฯมาตรา 49

จำเลยมีข้อบงั คับเก่ียวกับการทำงานโดยกำหนดให้ลูกจา้ งหญิงเกษยี ณเม่อื อายคุ รบ 50 ปี
สว่ นลูกจ้างชายเกษยี ณเม่อื อายุครบ 55 ปี ต้ังแตเ่ ร่ิมประกอบกจิ การตลอดมาขณะโจทก์ทำสัญญา
จ้างเข้าทำงานกับจำเลยก็รับรู้และยอมผูกพันตามข้อบังคับฯ แต่ต่อมาข้อบังคับฯ ขัดต่อ
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฯ มาตรา 15 ทำให้ข้อบังคับฯในส่วนที่กำหนดให้ลูกจ้างหญิง
เกษียณอายุเม่ืออายุครบ 50 ปี ไมม่ ผี ลบงั คับต่อไป ดังนั้นการเลกิ จ้างทีไ่ ม่เปน็ ธรรมของจำเลยส่วน
หนง่ึ สืบเนอ่ื งมาจากผลของการแกไ้ ขกฎหมาย ไมใ่ ช่เกิดจากการท่จี ำเลยกลน่ั แกลง้ โจทก์แตอ่ ย่างใด
อันเป็นข้อเท็จจริงที่จะใช้ประกอบดุลพินิจของศาลแรงงานกลางว่าจะให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้า
ทำงานหรือกำหนดใหจ้ ำเลยชดใช้คา่ เสยี หายแกโ่ จทกเ์ พยี งใด จงึ สมควรยอ้ นสำนวนใหศ้ าลแรงงาน
กลางพจิ ารณาแลว้ พิพากษาใหม่ตามรูปคดี


Click to View FlipBook Version