ศึกษาผลการใหบ้ ริการจัดทำบญั ชีของธุรกิจให้บรกิ ารซ่อมรถมอเตอร์ไซค์
ร้านบังเดชซอ่ มรถ กรณีศึกษา นางสมศรี จติ รหลัง
ผวู้ จิ ยั
นางสาวญัสมีน กวู ะ รหัสนกั ศึกษา 63302010020
นางสาวนรู ไลลา แบปาซา รหสั นักศกึ ษา 63302010051
หลักสูตรประกาศนยี บตั รวิชาชพี ชน้ั สงู ประเภทวิชาบรหิ ารธรุ กิจ
วิทยาลัยอาชีวศกึ ษาปัตตานี สถาบนั การอาชวี ศกึ ษาภาคใต้ 3
สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา
ก
ชือ่ เรอ่ื ง : ศึกษาผลการใหบ้ ริการจัดทำบัญชีของธุรกิจให้บริการซ่อมรถมอเตอร์ไซคร์ ้านบังเดชซ่อมรถ
กรณีศกึ ษา นางสมศรี จติ รหลัง
ช่อื ผวู้ จิ ยั : นางสาวญัสมีน กูวะ และนางสาวนรู ไลลา แบปาซา
ปีท่ีวิจยั : 2564
หนว่ ยงาน : วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษาปัตตานี
บทคดั ย่อ
รายงานการวิจัยเรื่องศึกษาผลการให้บริการจัดทำบัญชีของธุรกิจให้บริการซ่อมรถมอเตอร์ไซค์
ร้านบังเดชซอ่ มรถ กรณศี ึกษา นางสมศรี จติ รหลงั มีวตั ถปุ ระสงค์ศึกษาผลการให้บริการจัดทำบญั ชีของ
ธุรกิจให้บริการซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ร้านบังเดชซ่อมรถ กรณีศึกษา นางสมศรี จิตรหลัง เครื่องมือที่ใช้
ในการทำวิจัยครั้งนี้ คือ แบบฟอร์มการบันทึกบัญชี และแบบประเมินผลการให้บริการจัดทำบัญชี
ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ร้านบังเดชซ่อมรถ กรณีศึกษา นางสมศรี
โดยทำการเก็บรวบรวมขอ้ มูลเดือนธนั วาคม 2564
ผลการวิจัยพบว่า ความคิดเห็นที่เจ้าของธุรกิจมีต่อนักศึกษาที่ให้บริการจัดทำบัญชีของธุรกิจ
ให้บริการซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ รา้ นบังเดชซ่อมรถ กรณีศึกษา นางสมศรี จิตรหลัง ด้านความมีคุณธรรม
จริยธรรม มีสุข ด้านความรู้ ความเข้าใจนำไปใช้ และวิเคราะห์รายการค้า และด้านทักษะ โดยมี
คะแนนรวม 74 คะแนน ของคะแนนเต็ม 75 คะแนน คดิ เปน็ ร้อยละ 98.67 ซึ่งอยูใ่ นระดับดีเยี่ยม
ข
กิตติกรรมประกาศ
รายงานวิจัยฉบับนีส้ ามารถสำเร็จลุลว่ งไปได้ดว้ ยดี ด้วยความกรุณาและช่วยเหลือเป็นอย่างดี
จากคุณครูสุภาภร เลิศบุรุษ ครูผู้สอนรายวิชาโครงการที่ได้ให้คำแนะนำและตรวจทานแก้ไข
ตลอด ระยะเวลาในการดำเนนิ การ คณะผู้วจิ ยั จึงขอขอบพระคณุ เป็นอยา่ งสงู
ขอขอบคุณคุณครูสุภาภร เลิศบุรุษ คุณครูซอลีฮะห์ อับดุลซาลาม และคุณครูรสสุคนธ์ หนังสือ
กรรมการการประเมินโครงการที่ได้ให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาในการทำรายงานวิจัยได้ถูกต้อง
และเหมาะสม
ขอขอบคุณคณะผู้บริหาร รุ่นพี่ รุ่นน้อง เพื่อนๆ วิทยาลัยอาชีวศึกษาปัตตานี และ
นางสมศรี จิตรหลัง ที่ได้ให้ความร่วมมือสละเวลาในการอ่าน และตอบแบบประเมินผลการให้บริการ
จัดทำบัญชี และขอบคุณ บิดา มารดา ครู อาจารย์ทุกท่าน ที่เป็นกำลังใจ และเมตตาอบรมสั่งสอน
ให้ผูว้ จิ ยั มีความพากเพียร และประสบความสำเรจ็ ในการทำงานวิจัยฉบับนจ้ี นสำเรจ็ การศกึ ษา
คณะผวู้ ิจัย
กุมภาพันธ์ 2565
ค หน้า
ก
สารบญั ข
ค
เรือ่ ง จ
บทคดั ย่อ ฉ
กิตตกิ รรมประกาศ
สารบญั 2
สารบญั ตาราง 2
สารบัญภาพ 2
บทท่ี 1 บทนำ 2
2
1. ความเป็นมาและความสำคัญ
2. วัตถุประสงค์ของการวจิ ยั 3
3. ขอบเขตการวจิ ยั 3
4. นยิ ามศัพท์ 6
5. ประโยชนท์ ่ีคาดว่าจะไดร้ บั 33
บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ทเี่ กย่ี วข้อง 36
1. ความรูพ้ ้ืนฐานเกยี่ วกับงานวิจยั 40
1.1 ความรูพ้ นื้ ฐานเก่ียวกบั การทำบัญชี 43
1.2 กระบวนการจดั ทำบัญชี 43
1.3 ความร้ทู ั่วไปเกีย่ วกับธุรกิจบรกิ ารซ่อมรถ 43
1.4 ทฤษฎคี วามพึงพอใจ 44
2. งานวจิ ยั ทเ่ี ก่ยี วข้อง 48
บทท่ี 3 วธิ ดี ำเนินการวจิ ยั
1. รูปแบบการวิจยั 50
2. ระเบียบวิธวี จิ ยั 50
3. ข้ันตอนดำเนินการวจิ ัย 51
4. เคร่ืองมือ และเทคนิคการเก็บรวบรวมข้อมูล 53
5. การวเิ คราะห์ข้อมลู 54
บทที่ 4 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล
1. สภาพท่วั ไปเกี่ยวกับรา้ นบังเดชซ่อมรถ
2. สนิ ทรัพย์ หนี้สิน และสว่ นของเจา้ ของ (เม่ือวันท่ี 31 ธนั วาคม 2564)
3. ผังบัญชี
4. งบทดลอง
5. การดาษทำการ
ง หนา้
สารบัญ (ต่อ) 55
55
เรอ่ื ง 56
บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล (ต่อ) 56
57
6. งบกำไรขาดทนุ
7. งบแสดงฐานะการเงิน 60
8. หมายเหตปุ ระกอบงบการเงิน 60
9. งบทดลองหลงั ปิดบญั ชี 60
10. ผลการประเมนิ พฤติกรรมการใหบ้ ริการจดั ทำบัญชขี องนกั ศกึ ษา
บทท่ี 5 สรปุ ผลการวจิ ยั อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
1. สรุปผลการวจิ ัย
2. อภปิ รายผล
3. ข้อเสนอแนะ
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
- แบบเสนอโครงร่างโครงการเชงิ วจิ ัย
- ข้อมูลการบนั ทกึ บัญชี
- เครือ่ งมือท่ใี ชใ้ นการวจิ ยั
- ประมวลภาพการดำเนนิ การวจิ ัย
- ประวัติผู้วจิ ัย
- หลกั สตู รรายวชิ าโครงการ
จ หน้า
12
สารบญั ตาราง 13
14
ตารางท่ี 15
2.1 ตวั อย่างสมุดรายวันซื้อ 16
2.2 ตวั อยา่ งสมดุ รายวันส่งคืน 18
2.3 ตวั อย่างสมดุ รายวนั ขาย 19
2.4 ตวั อย่างสมุดรายวนั รับคืน 20
2.5 ตวั อยา่ งสมุดรายวันรับเงนิ 22
2.6 ตวั อย่างสมุดรายวันจ่ายเงนิ 23
2.7 ตวั อยา่ งสมดุ รายวันทว่ั ไป 51
2.8 สมุดบญั ชแี ยกประเภทท่ัวไป 57
2.9 งบทดลอง
2.10 กระดาษทำการ 6 ช่อง
4.1 ผังบญั ชี
4.2 แสดงคา่ คะแนนพฤติกรรมการใชบ้ ริการจัดทำบัญชี
ฉ
สารบัญภาพ
ภาพที่ หนา้
2.1 วงจรบัญชี 7
2.2 หลกั การบญั ชี 9
2.3 งบกำไรขาดทุน 28
2.4 งบแสดงฐานะการเงิน 29
บทที่ 1
บทนำ
1. ท่คี วามเปน็ มาและความสำคญั
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ที่ยังมีแนวโน้มรุนแรง
ต่อเนื่องของจังหวัดปัตตานี ส่งผลกระทบต่อการทำมาหากิน และรายได้ที่ลดลงของร้าน ซึ่งได้รับ
ความเดือดรอ้ นอย่างหนักจากการท่ีลกู คา้ ท่ีเคยใช้บรกิ ารหดหายไปเกือบหมด แตอ่ ยา่ งไรก็ตามรถยนต์
เป็นยานพาหนะท่ีมบี ทบาทสำคญั ในชีวิตประจำวนั ช่วยให้มคี วามสะดวกรวดเร็ว และประหยัดเวลาใน
การเดินทางทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น อย่างไรก็ตามรถยนต์เป็นสิ่งประดิษฐ์ด้าน
วิศวกรรมซึ่งมีการหมดอายุและเสื่อมสภาพ ดังนั้นจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการซ่อมแซมได้ โดยปกติ
แล้วรถยนต์เกือบทุกยี่ห้อจะมีการรับประกันคุณภาพภายในช่วงระยะเวลาหนึ่งจากบริษัทผู้ผลิตหรือ
ศนู ย์บริการของตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เมือ่ ยังอยู่ในระยะเวลารับประกันคุณภาพผใู้ ช้รถยนต์มักจะนำ
รถยนต์เข้ารับบริการตรวจสภาพ และซ่อมบำรุงที่ศูนย์บริการหากหมดระยะเวลารับประกันคุณภาพ
อาจเลือกใช้บริการจากศูนย์บริการเดิมหรือจากอู่ซ่อมรถยนต์ทั่วไป สำหรับผู้ใช้รถยนต์ที่มีฐานะดี
ก็อาจนำรถยนต์ของตนเข้ารับบริการตรวจเช็คสภาพตามศูนย์บริการซึ่งมีการรับประกันคุณภาพ
การซ่อมแซม และอะไหล่แท้ที่มีคุณภาพ และมีเครื่องมือที่ทันสมัย โดยลูกค้าจะไม่มีทางเลือกใช้
อะไหล่ยี่ห้ออื่น และส่วนมากศูนย์บริการของตัวแทนจําหน่ายมักจะเน้นการแก้ปัญหาโดยการเปลีย่ น
อะไหล่เพียงอย่างเดียวจึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงจากศูนย์บรกิ ารคอ่ นข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบ
กับอู่ซ่อมรถยนต์ทั่วไปส่วนการใช้บริการจากอู่ซ่อมรถยนต์ทั่วไปผู้ใช้บริการจะมีทางเลือกโดย
ไม่จำเป็นต้องใช้อะไหล่แท้เท่านั้น แต่สามารถเลือกอะไหล่ที่มีคุณภาพ และราคาถูกกว่าอะไหล่แท้ได้
ถึงแม้ว่าการบริการของอู่ซ่อมรถยนต์ทั่วไปอาจจะไม่ครอบคลุมเหมือนศูนย์บริการของตัวแทน
จำหน่ายจำหน่ายรถยนต์แต่อู่ซ่อมรถยนต์ส่วนมากจะมีช่างซ่อมที่ชำนาญและรู้จุดบกพร่องสามารถ
ซ่อมแซมและดัดแปลง ในกรณีที่อะไหล่ของรถบางรุ่นไม่มีจำหน่ายในท้องตลาด ซึ่งหากนำรถเข้า
ศูนย์บริการอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูง และรอคอยเป็นเวลานานเพราะอะไหล่ต้องสัง่ จากต่างประเทศ
ดงั นั้นอู่ซอ่ มรถยนต์ทว่ั ไปจงึ เปน็ ทางเลือกหนง่ึ ทส่ี ามารถตอบสนองความต้องการของผใู้ ชร้ ถยนตไ์ ด้
ข้อมูลในการดำเนินงานของธุรกิจทุกประเภทมีส่วนสำคัญในการช่วยให้เจ้ าของกิจการ
นำไปใช้ในการวางแผน และการตัดสินใจ มีหลายกิจการที่จะต้องปิดกิจการลงเนื่องจากการบริหาร
จัดการไม่ดีขาดข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เพียงพอ และทันสมัยเพื่อนำมาใช้ในการตัดสินใจ รวมถึงไม่ทราบ
ผลการดำเนินงาน และฐานะทางการเงินที่แน่ชัดหรือบันทึกไว้ในรูปของความจำหรือบันทึกไม่เป็น
ระบบจะส่งผลให้ภาพลักษณ์ของการดำเนินงานไม่น่าเชื่อถือ การจัดทำบัญชีให้เป็นระบบ และเป็น
2
ปัจจุบันจะช่วยให้ผู้ประกอบการทราบผลการดำเนินงาน ทราบฐานะการเงิน มีข้อมูลเพื่อนำไปใช้ใน
การวางแผน และตดั สนิ ใจไดเ้ ป็นอย่างดี
ดังนั้นคณะผู้จัดวิจัยจึงมีความสนใจที่จะศึกษาผลการให้บริการรับจัดทำบัญชีของธุรกิจ
รา้ นบังเดชซ่อมรถ โดยนำความรทู้ างด้านบัญชีที่จะศึกษามาเข้าไปชว่ ยเหลือในการจัดทำบัญชีจากการ
ดำเนินงานดังกล่าวจะทำให้ธุรกิจทราบถึงผลรายรับ-รายจ่าย และผลกำไรขาดทุนของธุรกิจ
ร้านบงั เดชซ่อมรถ และใหท้ ราบความพงึ พอใจทม่ี ตี ่อการรบั จดั ทำบัญชขี องธรุ กิจร้านบังเดชซอ่ มรถ
2. วตั ถุประสงค์ของโครงการ
การวิจัยครั้งมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการให้บริการรับจัดทำบัญชีของธุรกิจบริการ
ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์รา้ นบังเดชซ่อมรถ กรณศี กึ ษา นางสมศรี จิตรหลัง
3. ขอบเขตการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยประเภทสำรวจ มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาผลการให้บริการ
จัดทำบัญชีธุรกิจร้านบังเดช ซ่อมรถ กรณีศึกษา นางสมศรี จิตรหลัง โดยกลุ่มประชากรและตัวอย่าง
คอื ธุรกิจร้านบังเดช ซอ่ มรถ โดยนางสมศรี จติ รหลัง ทอี่ ยู่ 244/4 หมูท่ ี่ 4 ตำบลโคกโพธ์ิ อำเภอโคกโพธิ์
จังหวัดปัตตานี 94120 มุ่งศึกษาผลการให้บริการจัดทำบัญชีโดยระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูล
เดือนธนั วาคม 2564
4. นยิ ามศพั ท์
ธุรกิจ หมายถึง กิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้มีการผลิตสินค้าและบริการมีการซื้อขายแลกเปลี่ยน
จำหน่าย และการกระจายสินค้า และมีประโยชน์หรือกำไรจากกิจกรรมนั้นสิ่งที่สำคัญคือกำไรเพราะ
เป็นแรงจูงใจของการดำเนินงานทางธุรกิจก่อให้เกิดการแข่งขัน และการขยายตัวทางธุรกิจ
ใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้ มากยงิ่ ขึ้น
การทำบัญชี หมายถึง งานที่เกี่ยวกับการบันทึกและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประจำวันของ
รา้ นบังเดชซอ่ มรถ เพอ่ื สามารถนำข้อมูลทางบัญชมี าจดั ทำงบกำไรขาดทุน และงบแสดงฐานะการเงินได้
ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบ ซึ่งเป็นการรับรู้ของร้านบังเดชซ่อมรถ
ที่ได้รับการบริการรับจัดทำบัญชีจากนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาปัตตานี ซึ่งผู้รับบริการมีความสุข
และเกิดความพงึ พอใจเมอ่ื ไดร้ บั บรกิ าร และเกิดผลสำเรจ็ ตามความมุ่งหวัง
5. ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะได้รับ
5.1 ทำให้รา้ นบังเดชซอ่ มรถ ทราบผลรายรบั – รายจา่ ย และผลการดำเนินงาน
5.2 ทราบความพึงพอใจที่มตี อ่ การให้บริการรับจดั ทำบัญชขี องรา้ นบังเดชซ่อมรถ
5.3 ผวู้ ิจยั ได้บูรณาการความรู้สูก่ ารบริการวชิ าชีพแก่ชุมชนทอ้ งถ่ิน
บทท่ี 2
เอกสารและงานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ ง
การวิจัยเรื่องศึกษาผลการให้บริการจัดทำบัญชีของธุรกิจให้บริการซ่อมรถมอเตอร์ ไซค์
ร้านบงั เดชซ่อมรถ กรณีศึกษา นางสมศรี จติ รหลงั คณะผู้วิจยั ได้ทำการศึกษาค้นคว้ารวบรวมเอกสาร
และงานวิจยั ท่เี กย่ี วขอ้ งดงั ตอ่ ไปน้ี
1. ความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกับงานวจิ ัย
1.1 ความรู้พ้นื ฐานเก่ยี วกบั การทำบัญชี
1.2 กระบวนการจัดทำบัญชี
1.3 ความรู้ท่ัวไปเกยี่ วกบั ธุรกิจบริการซ่อมรถ
1.4 ทฤษฎีความพงึ พอใจ
2. งานวิจยั ที่เกีย่ วข้อง
โดยมรี ายละเอยี ดดงั นี้
1. ความรู้พืน้ ฐานเก่ียวกับงานวิจยั
1.1 ความร้พู ้ืนฐานเกีย่ วกับการทำบญั ชี
1.1.1 ความหมาย การบญั ชี หมายถงึ กระบวนการจดั การในสว่ นของบันทึกรายการ
ทางการค้า ได้แก่ การเขียนบันทึกรายการทางการค้า การจำแนกแยกประเภทหมวดหมู่ทางการค้า
การสรุปผลการดำเนนิ งานรวมไปถงึ การวเิ คราะห์ และการแปลความหมายข้อมูลของนกั บัญชี
ตามคำนิยามของสมาคมผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (AICPA)
มาจากคำว่า The American Institute of Certified Public Accountants ซึ่งได้ให้คำจำกัดความ
เกีย่ วกบั การบัญชีไวด้ ังนี้
การบัญชี (Accounting) เป็นศิลปะของการจดบันทึกรายการหรือเหตุการณ์
ที่เกี่ยวกับการเงินไว้ในรูปเงินตราการจัดหมวดหมู่หรือจำแนกประเภทของรายการเหล่านั้น
การสรุปผลรวมทั้งการตีความหมายของผลเหล่าน้ัน
1.1.2 การบัญชมี ีความหมายทส่ี ำคญั 2 ประการ คือ
1) การทำบัญชี (Bookkeeping) เป็นหนา้ ท่ีของผู้ทำบญั ชี (Bookkeeper)
ซงึ่ มขี ้ันตอนการปฏิบตั ดิ งั น้ี
(1) การรวบรวม (Collecting) หมายถึง การรวบรวมข้อมูลหรือ
รายการค้าทเ่ี กดิ ข้ึนประจำวนั และหลักฐานข้อมลู ท่ีเกย่ี วกับการดำเนินธุรกจิ เชน่ หลกั ฐานการซ้ือเช่ือ
และขายเชอื่ หลกั ฐานการรบั และจ่ายเงนิ เป็นต้น
4
(2) การบันทกึ (Recording) หมายถงึ การจดบันทึกรายการค้าเกิดข้ึน
แตล่ ะครงั้ ใหถ้ ูกต้องตามหลักการบัญชที ่ีรบั รองท่ัวไปพร้อมกับบันทึกข้อมูลให้อยู่ในรูปของหน่วยเงนิ ตรา
(3) การจำแนก (Classifying) หมายถึง การนำขอ้ มูลทจี่ ดบันทึกไว้
แล้วมาจำแนกให้เป็นหมวดหมู่ของบัญชีประเภทต่างๆ เช่น หมวดสินทรัพย์ หนี้สิน ส่วนของเจ้าของ
รายไดแ้ ละค่าใช้จา่ ย
(4) การสรุปข้อมูล (Summarizing) เป็นการนำข้อมูลที่ได้จำแนก
ให้เป็นหมวดหมู่ดังกล่าวมาแล้วมาสรุปเป็นรายงานทางการเงิน (Accounting report) ซึ่งแสดงถึง
ผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของธุรกิจตลอดจนการได้มา และใช้ไปของเงินสด
ในรอบระยะเวลาบญั ชีหนง่ึ
2) การให้ข้อมูลทางการเงิน เพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย
เช่น ฝา่ ยบรหิ าร ผใู้ ห้กู้ เจา้ หนี้ ตัวแทนรัฐบาลนักลงทนุ เปน็ ต้น นอกจากน้ีข้อมูลทางการเงินสามารถ
นำไปใช้ประโยชน์ในการวเิ คราะห์ทางดา้ นการเงนิ การจดั ทำงบประมาณ การปรับปรงุ ระบบบัญชี เปน็ ต้น
1.1.3 วัตถปุ ระสงค์ของการบญั ชี
1) เพื่อจดบันทึกรายการค้าต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยเรียงลำดับก่อนหลัง และ
จำแนกประเภทของรายการค้าไว้อย่างสมบรู ณ์
2) เพอื่ ให้การจดบันทึกรายการค้านั้นถูกต้องเป็นไปตามหลกั การบัญชี และ
ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการบัญชี
3) เพื่อแสดงผลการดำเนินงานในรอบระยะเวลาหนึ่ง และแสดงฐานะ
ทางการเงินของกจิ การในรอบระยะเวลาหน่งึ
4) การทำบัญชีเป็นการรวบรวมสถิติอย่างหนึ่งที่ช่วยในการบริหารงาน
และให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ในการวางแผนการดำเนินงานและควบคุมกิจการให้ประสบผลสำเร็จ
ตามความมุง่ หมาย
1.1.4 ประโยชนข์ องข้อมูลการบัญชี
1) การทำบัญชี จะทำให้กิจการ ทราบผลการดำเนินงานฐานะทางการเงิน
ของธุรกิจ และความมั่นคงของธุรกิจโดยในการจัดทำบัญชีนั้นจะบันทึกบัญชีรายการต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ในการดำเนินธุรกิจ เช่น การลงทุน รายรับและรายจ่ายที่เป็นของกิจการนั้นโดยไม่นำส่วนที่เป็น
ของส่วนตัว (ส่วนของเจ้าของ) เข้ามาบันทึกด้วยเมื่อมีการบันทึกรายการต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วข้อมูลท่ี
ได้บันทึกไว้นั้นจะสามารถนำมาจัดทำเป็นรายงานทางการเงินได้ เช่น งบแสดงฐานะการเงิน และ
งบกำไรขาดทุน ซึ่งเป็นภาพสะท้อนในการดำเนินธุรกิจดังนี้คือ งบกำไรขาดทุนจะสะทอ้ นภาพผลการ
5
ดำเนินงานในรอบระยะเวลาหนึ่งๆ ว่ากิจการมีรายได้หรือค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเท่าไรมีผลกำไรหรือ
ขาดทุนนอกจากน้ยี ังชว่ ยในการประเมินถึงความสามารถในอนาคตได้อกี ดว้ ย
2) เพ่ือเป็นเครื่องมือช่วยในการวางแผน และตดั สนิ ใจของธุรกิจข้อมูลบัญชี
จะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผน และการตัดสินใจโดยประเมินจากข้อมูลเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน
และอนาคตซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของรายงานวิเคราะห์ต่างๆ อันเป็นเครื่องมือช่วยให้ผู้บริหารงาน
สามารถดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นช่วยในการพยากรณ์เหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิด
ในอนาคตได้อย่างมีทิศทาง และความเชื่อมั่นสูงสามารถนำมาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการลงทุน
ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตดังนั้นหากมีข้อมูลที่ชัดเจนถูกต้องทำให้สามารถพัฒนากิจการให้เจริญก้าวหนา้
อย่างยง่ั ยืน
3) เพื่อเป็นเครื่องมือในการวางแผนกำไร และควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัท
เนื่องจากในการทำบัญชีอย่างถูกต้องจะทำให้กิจการทราบจำนวนต้นทุน และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
และสามารถคำนวณต้นทุนของสินค้า และบริการของกิจการได้อย่างถูกต้องซึ่งจะช่วยในการตดั สินใจ
กำหนดราคาสินค้าหรือบริการของธุรกจิ ช่วยในการควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้เป็น
ไปตามประมาณการที่ได้กำหนดไว้ และสามารถนำไปวิเคราะห์ปรับปรุงรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก
รวมถึงช่วยในการวางแผนการดำเนินงานได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับทรัพยากรที่กิจการมีอยู่
นอกจากนี้การบันทึกบัญชีจะทำให้สามารถตรวจสอบหาหลักฐานในการเบิกจ่ายแต่ละครั้งจึงช่วยลด
ปัญหาในการเบิกจา่ ยซำ้ ซอ้ นได้
4) เพอื่ เปน็ เครื่องมือในการหาแหล่งเงนิ ทนุ ในการจดั ทำบญั ชีจะทำให้เราได้
รายงานทางการเงินที่ใช้เป็นสื่อกลางในการติดต่อทำงธุรกิจต่างๆ อันเป็นหลักฐานในการสร้างความ
เชื่อมั่นให้กับเจ้าหนี้ และสถาบันการเงิน เช่น เมื่อเราต้องการเงินทุนเพิ่มก็สามารถนำรายงาน
ทางการเงินนั้นไปเป็นข้อมูลประกอบในการขอสินเชื่อกับธนาคารหรือเจ้าหนี้เงินกู้โดยธนาคารหรื อ
เจ้าหนี้เงินกู้จะใช้รายงานทำงการเงินของกิจการเพื่อพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจากความน่าเชื่อถือและ
ความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ขอกู้ยืมรวมถึงกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับความเสี่ยงท่ี
ผู้ให้กู้จะได้รับอันก่อให้เกิดประโยชน์ในการที่จะทำให้กิจการจะได้รับวงเงินกู้ที่ต้องการ และจ่าย
ดอกเบ้ียในอัตราท่ีเหมาะสม
5) เพื่อให้กิจการมีระบบการควบคุมภายในที่ดี และเป็นสัญญาณเตือนภัย
ของกิจการการมีระบบบัญชีที่ดีจะทำให้มีระบบการควบคุมภายในที่ดีที่ช่วยให้กิจการป้องกัน
การทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากข้อมูลทำงบการเงินตลอดจนรายการต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะต้องมี
หลักฐานที่สามารถยืนยันถึงที่มาที่ไปซึ่งจะทำให้โอกาสที่จะเกิดการทุจริตสามารถทำได้ยากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ข้อมูลทำงบัญชีก็ยังสามารถนำมาวิเคราะห์หาสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นหาจุดบกพร่องจุดอ่อน
6
และจุดรั่วไหลได้ซึ่งจะเป็นสัญญาณเตือนภัยให้กิจการได้วางแผนเตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหา
ตา่ งๆ ท่ีอาจเกดิ ขึน้
6) เพื่อประโยชน์ในการวางแผนเพื่อเสียภาษีได้อย่างถูกต้อง และประหยัด
การจัดทำบัญชีที่ถูกต้องจะทำให้ทราบกำไรขาดทุนที่แน่ชัดสามารถวางแผนภาษีอากรได้ อย่าง
เหมาะสมประหยัด และเสยี ภาษไี ด้อยา่ งถกู ตอ้ งตามกฎหมาย
1.2 กระบวนการจดั ทำบญั ชี
1.2.1 ความหมายวงจรบัญชี
การทำบัญชีจะมีกระบวนการเริ่มต้นตั้งแต่เอกสารทางการค้านำมา
วิเคราะห์รายการค้าเพื่อจำแนกหมวดหมู่ของผลกระทบว่ามีผลต่อสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของ
เจ้าของอย่างไรจึงนำมาบันทึกบัญชีสุดท้ายจึงทำการสรุปเป็นงบการเงิน ดังนั้นการทำบัญชีจะเป็น
กระบวนการทท่ี ำซ้ำๆ กันทกุ ๆ งวดบญั ชี ซง่ึ เรียกว่า “วงจรบญั ชี”
นักวิชาการได้ให้ความหมายของวงจรบัญชี (Accounting cycle) ไว้หลาย
ทัศนะ ดงั น้ี
วงจรบัญชี หมายถึง กระบวนการในการจัดทำบัญชี เพื่อให้ได้มา
ซึง่ ข้อมลู ทางการเงนิ และสามารถจัดทำงบการเงนิ ได้ (สุวรรณา อินคล้าย, 2547, หน้า 3 - 2)
วงจรบญั ชี หมายถงึ ลำดับข้นั ตอนทำงการบัญชเี ร่ิมจากการบันทึก
รายการบัญชีที่เกิดขึ้นจนถึงการเสนอรายงานทางการเงินของรอบระยะเวลาบัญชีหนึ่งๆ (สมาคม
นักบญั ชี และผสู้ อบบญั ชรี ับอนุญาตแห่งประเทศไทย, 2538 หนา้ 5)
วงจรบัญชี หมายถึง ขั้นตอนของกระบวนการทางบัญชีที่ทำให้
ได้มาซึ่งงบการเงินในรอบระยะเวลาปีบัญชีหนึ่งๆ วงจรบัญชีนั้นจะเริ่มจากการวิเคราะห์รายการค้า
หรือเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจการบันทึกรายการในสมุดรายวันทั่วไป การผ่านรายการไปยังสมุดบัญชี
แยกประเภททัว่ ไป การจดั ทำงบแสดงฐานะการเงิน การปรบั ปรุง และแก้ไขขอ้ ผิดพลาดในสมดุ รายวัน
ทั่วไป และผ่านรายการไปยังบัญชีแยกประเภทที่เกี่ยวข้อง การจัดทำงบทดลองหลังการปรับปรุง
การจัดทำงบการเงิน (งบกําไรขาดทุน งบแสดงฐานะทางการเงิน) การปิดบัญชีในสมุดรายวันทั่วไป
และผ่านบัญชีแยกประเภททีเ่ ก่ียวข้อง และการจัดทำงบทดลองหลังการปิดบัญชี เพื่อหายอดคงเหลือ
ยกไปของสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ และนำไปเปิดบัญชีในปีบัญชีถัดไป
(เบญจมาศ อภสิ ิทธภิ์ ิญโญ, 2545, หน้า 256)
จากความหมายวงจรบัญชีดังกล่าวข้างต้นสรุปได้ว่า วงจรบัญชี
หมายถึง ขั้นตอนในการจดบันทึกรายการที่เกิดขึ้นในสมุดบัญชีต่างๆ เริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์รายการ
7
ค้า นำรายการค้ามาบันทึกบัญชีในสมุดรายการขั้นต้น สมุดรายการขั้นปลาย รายการปรับปรุง งบ
ทดลอง สรุปผลการดำเนนิ งาน และฐานะทางการเงินของกจิ การ ซงึ่ สรปุ แสดงเปน็ รปู ภาพได้ดังน้ี
วงจรบญั ชี
1
วเิ คราะหร์ ายการคา้
9 2
จดั ทำงบทดลองหลงั ปิดบัญชี บนั ทึกสมดุ รายวัน
8 3
บันทึกรายการปิดบัญชใี นสมดุ รายวนั ทว่ั ไป ผา่ นรายการไปแยกประเภท
และผ่านรายการไปยงั แยกประเภท
7 4
จัดทำงบการเงนิ : งบกำไรขาดทุน งบแสดง จัดทำงบทแสดงฐานะการเงนิ
ฐานะการเงนิ งบกำไรขาดทนุ เบด็ เสรจ็ 5
งบกระแสเงนิ สด บันทึกรายการปรบั ปรุง
และผ่านรายการไปยังแยกประเภท
6
จดั ทำงบทดลองหลังปรับปรงุ
ภาพที่ 2.1 วงจรบญั ชี
วงจรบัญชีสามารถจดั ทำได้ตามขั้นตอนดงั นี้
1) การวเิ คราะหร์ ายการค้า เรม่ิ ต้นจากเอกสารทางการคา้ ถูกนํามา
วเิ คราะห์หาผลกระทบของรายการทีเ่ กิดการเปลี่ยนแปลง
2) บันทึกสมุดรายวัน เป็นการนำผลการวิเคราะห์รายการค้า
จากขอ้ 1 มาบันทึกในสมดุ รายการขั้นต้น คือ สมดุ รายวันทวั่ ไปเรียงลำดบั ตามวนั ที่เกดิ รายการคา้
3) ผ่านรายการไปแยกประเภท สมุดรายวันทั่วไปมาผ่านรายการ
ไปยังบัญชีแยกประเภทที่เกี่ยวข้องจนครบทุกรายการแยกตามหมวดหมู่ว่าเป็นสินทรัพย์ หนี้สิน
สว่ นของเจา้ ของ รายไดห้ รอื ค่าใชจ้ ่าย แลว้ สรุปยอดคงเหลือในบัญชแี ยกประเภททกุ บัญชี
4) จัดทำงบทดลอง นำยอดคงเหลือในบัญชีแยกประเภททุกบัญชี
มาจัดทำงบทดลอง หากทำถูกต้องยอดรวมด้านเดบติ จะเทา่ กับยอดรวมดา้ นเครดิตเสมอ
5) บันทึกรายการปรับปรุง และผ่านรายการไปยังบัญชี
แยกประเภท การปรับปรุงบัญชีจะทำตอนสิ้นงวดบัญชี โดยนํารายการที่บันทึกไว้แล้วมาปรับปรุง
8
บันทึกในสมุดรายวันทั่วไปให้มียอดที่ถูกต้องหรือบางรายการยังไม่ได้ทำการบันทึกรายการที่จะถูก
นำมาบันทกึ ให้ถกู ตอ้ ง
6) จัดทำงบทดลองหลังปรับปรุง เมื่อทำรายการปรับปรุงแล้วใน
สมุดรายวันทว่ั ไปแลว้ ใหผ้ ่านรายการไปยงั บญั ชีแยกประเภทท่ีเกย่ี วข้องอีกครงั้ หนง่ึ หายอดคงเหลือใน
บัญชีแยกประเภทแลว้ นำมาจัดทำงบทดลอง
7) จัดทำงบการเงิน งบการเงินที่ต้องจัดทำ ได้แก่ งบกำไรขาดทุน
งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของเจ้าของหรืองบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ
งบกระแสเงนิ สด และหมายเหตปุ ระกอบงบการเงิน
8) บันทึกรายการปิดบัญชีในสมุดรายวันทั่วไป และผ่านรายการ
ไปยังบัญชีแยกประเภท การปิดบัญชีจะทำการปิดเฉพาะรายได้กับค่าใช้จ่ายเพื่อหากำไร (ขาดทุน)
สุทธจิ ากผลการดำเนนิ งาน
9) จัดทำงบทดลองหลังปิดบัญชี หลังปิดรายได้ และค่าใช้จ่ายแลว้
จะยังคงเหลือบัญชีสินทรัพย์หนี้สิน และส่วนของเจ้าของที่แสดงยอดคงเหลือเพื่อยกไปในปีหน้า
นำมาจัดทำงบทดลองหลังปดิ บัญชที ดสอบความถูกต้องอีกครั้งหน่งึ
1.2.2 หลักการบญั ชี
หลังจากทท่ี ำการวิเคราะหร์ ายการค้าได้ถูกต้องแล้ว สิง่ ทตี่ ้องจัดทำต่อไปก็คือ
การนำรายการดังกล่าวมาบันทึกบัญชี โดยใช้หลักการบัญชี ซึ่งนักวิชาการได้ให้ความหมายของ
หลักการบญั ชี (Double entry) ไวห้ ลายทศั นะ ดงั น้ี
หลักการบัญชี หมายถึง หลักที่ว่าการบันทึกบัญชีแต่ละรายการ
ยอดรวมทางด้านเดบิตจะต้องเท่ากับยอดรวมทางด้านเครดิตเสมอ (นิพันธ์ เห็นโชคชัยชนะและคณะ
2547 หน้า 3 - 15)
หลักการบัญชี หมายถึง หลักการบันทึกผลกระทบของรายการค้า
หนึ่งที่มีต่อสินทรัพย์หนี้สิน และส่วนของเจ้าของของกิจการในสมุดรายการขั้นต้น (สมุดรายวันทั่วไป/
สมุดรายวันเฉพาะ) คือ เมื่อเกิดรายการค้า 1 รายการจะต้องบันทึกบัญชีอย่างน้อย 2 บัญชี คือ
ด้านเดบิต และดา้ นเครดติ ในจำนวนเงินท่เี ทา่ กนั (ไพบลู ย์ ผจงวงศ์, 2547 หนา้ 33)
หลักการบัญชี หมายถึง รายการค้าทุกรายการที่เกิดขึ้นจะต้อง
นำมาลงบัญชี 2 ด้านเสมอคือ ด้านเดบิต และด้านเครดิต อาจเป็นการเดบิตบัญชีหนึ่งบัญชี และ
เครดิตบญั ชีอกี หนึง่ บญั ชีหรืออาจเดบิตบญั ชีมากกวา่ หนึ่งบัญชี และเครดติ บัญชมี ากกว่าหน่ึงบัญชีก็ได้
แตข่ ้อสำคญั ของหลักการบัญชอี ีกประการหนึง่ คือ การบันทึกรายการค้าทุกรายการ จำนวนเงินที่เดบิต
9
บัญชีทุกบัญชีรวมกันจะต้องเท่ากับจำนวนเงินที่เครคิดบัญชีทุกบัญชีรวมกัน (วัฒนา ศิวะเกื้อ
ดษุ ฎี สงวนชาติ และนันทพร พิทยะ หน้า 48)
จากความหมายหลักการบัญชีคู่ดังกล่าวข้างตน้ สรุปไดว้ ่า หลักการ
บัญชีคู่ หมายถึง หลักการบันทึกบัญชีของผลกระทบจากรายการค้าทุกรายการ โดยนําผลกระทบน้ัน
มาบันทึกในสมดุ บัญชี 2 ดา้ นเสมอ ดงั น้ี
1) ดา้ นเดบิต (Debit) หรือ สามารถใชต้ ัวย่อวา่ "Dr." เป็นด้านที่ใช้
บันทึกรายการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ การลดลงของหนี้สิน การลดลงของส่วนของเจ้าของ การลดลง
ของรายได้ และการเพ่มิ ข้นึ ของค่าใช้จ่าย
2) ด้านเครดิต (Credit) หรือ สามารถใช้ตัวย่อว่า "Cr." เป็นด้านที่
ใช้บันทึกรายการลดลงของสินทรัพย์ การเพิ่มขึ้นของหนี้สิน การเพิ่มขึ้นของส่วนของเจ้าของ
การเพ่มิ ขน้ึ ของรายได้ และการลดลงของคา่ ใชจ้ ่าย
นอกจากนี้บัญชีต่างยังต้องแสดงยอดดุล (Balance) เป็นยอด
คงเหลอื หลังจากเปรียบเทียบจำนวนเงินระหว่างดา้ นเดบิต (Dr.) กบั ดา้ นเครดติ (Cr.) ซ่ึงโดยปกติจะมี
ยอดดุลปกติอยู่ด้านเดียวกับรายการด้านเพิ่มขึ้น ดังนั้นสินทรัพย์จะมียอดดุลปกติด้านเดบิต หนี้สิน
มียอดดุลปกติด้านเครดิต ส่วนของเจ้าของมียอดดุลปกติด้านเครดิต รายได้มียอดดุลปติกด้านเครดิต
และค่าใช้จ่ายมยี อดดลุ ปกตดิ า้ นเดบิต ซ่งึ อาจสรปุ หลักการบญั ชี ดงั ภาพต่อไปน้ี
หลกั การบญั ชคี ู่
บันทกึ บัญชีด้าน Dr. บนั ทึกบญั ชดี ้าน Cr.
1. สนิ ทรัพยเ์ พิม่ ขนึ้ 1. สนิ ทรัพยล์ ดลง
2. หนส้ี ินลดลง 2. หน้ีสินเพ่ิมข้ึน
3. สว่ นของเจา้ ของลดลง 3. ส่วนของเจา้ ของเพมิ่ ขน้ึ
4. รายไดล้ ดลง 4. รายไดเ้ พ่มิ ข้ึน
5. ค่าใชจ้ ่ายเพ่ิมขึน้ 5. คา่ ใชจ้ ่ายลดลง
ภาพที่ 2.2 หลักการบญั ชีคู่
1.2.3 สมดุ รายการขน้ั ตน้
สมุดรายการขั้นต้น (Book of original entry) เป็นสมุดบัญชี
เบื้องต้นที่ใช้บันทึกบัญชีหลังจากได้มีการวิเคราะห์รายการค้า โดยเรียงลำดับก่อนหลังของการเกิด
รายการค้านัน้ ซ่ึงแบง่ ได้ 2 ประเภท ดงั นี้
10
1) สมุดรายวันเฉพาะ (Special journal) หมายถึง สมุดบันทึก
รายการขั้นต้นที่ใช้สำหรับบันทึกรายการประเภทใดประเภทหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งรายการน้ันมักเกิดขึ้น
บ่อยๆ หรือมีจำนวนมากวิธีนี้จะช่วยลดงาน และยังสามารถแบ่งงานให้เจ้าหน้าที่แต่ละคนรับผิดชอบ
ไดใ้ นกิจการจำหน่ายสินคา้ โดยท่วั ไปสมดุ รายวันเฉพาะทีใ่ ช้ในกจิ การมดี ังนี้
(1) สมุดรายวันซ้ือ ใช้สำหรับบันทึกรายการเกี่ยวกับ
การซือ้ สินค้าเปน็ เงินเชอื่ เทา่ นั้น ทกุ ๆ ส้นิ เดอื นจะรวมยอดสมดุ รายวนั ซ้อื แลว้ ผ่านรายการไปบัญชีแยก
ประเภททเี่ ก่ยี วขอ้ ง โดยเดบิตบญั ชีซ้อื เดบิตบญั ชภี าษีซ้ือ และเครดติ บญั ชเี จา้ หนี้
(2) สมุดรายวันส่งคืน เป็นสมุดรายวันเฉพาะที่บันทึก
เกี่ยวกับการส่งคืนสินค้า ขั้นตอนการบันทึกคล้ายกับการบันทึกในสมุดรายวันซื้อ ทุกวันสิ้นเดือน
จะรวบยอดสมุดรายวันส่งคืนแล้วผ่านรายการไปบัญชีแยกประเภทที่เกี่ยวข้อง โดยเดบิตบัญชีเจ้าหนี้
เครดติ บัญชีสง่ คนื และเครดิตภาษซี อ้ื
(3) สมุดรายวันขาย ใช้สำหรับบันทึกการขายสินค้าเป็น
เงินเชื่อเท่านั้น ทุกวันสิ้นเดือนจะรวมยอดการขายเชื่อแล้วผ่านรายการไปบัญชีแยกประเภท
ทเี่ กี่ยวขอ้ งโดย เดบิตบัญชีลูกหนี้ เครดิตบัญชีขาย และเครดิตบัญชีภาษีขาย
(4) สมุดรายวันรับคืน เป็นสมุดรายวันเฉพาะที่เปิดขึ้นมา
เพื่อบันทึกการรับคืนสินค้าที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ขั้นตอนการบันทึกคล้ายกับสมุดรายวันขายจะรวมยอด
ในวันสิ้นเดือนแล้วผ่านรายการไปบัญชีแยกประเภทที่เกี่ยวข้อง โดยเดบิตบัญชีรับคืน เดบิตบัญชี
ภาษีขาย และเครดิตบญั ชีลกู หนี้
(5) สมุดรายวันรับเงิน ใช้สำหรับบันทึกเกี่ยวกับการรับ
เงิน และการนำเงินฝากธนาคารรายการที่บันทึกในสมุดรายวันรับเงินแล้วไม่ต้องนำไปบันทึกในสมุด
รายวันทั่วไปอีกขั้นตอนการบันทึกในสมุดรายวันรับเงินจะเหมือนกับการ บันทึกในสมุดรายวันทั่วไป
โดยระบุว่าเดบิตบัญชีอะไรเครดิตบัญชีอะไร จำนวนเงินเท่าใด ทุกๆ สิ้นเดือนจะรวมยอดแล้วผ่าน
รายการไปบัญชีแยกประเภทที่เกีย่ วข้องโดยเดบิตบัญชีเงนิ สด เดบิตบัญชีเงินฝากธนาคาร เดบิตบัญชี
ส่วนลดจ่าย และเครดิตบัญชีลูกหนี้ เครดิตบัญชีขาย เครดิตบัญชีภาษีขาย ส่วนเครดิตในช่องบัญชี
อ่ืนๆ ไดผ้ า่ นไปบัญชีแยกประเภททเี่ กย่ี วข้องรายการค้านั้นเกิดขน้ึ
(6) สมุดรายวันจ่ายเงิน ใช้สำหรับบันทึกเกี่ยวกับการ
จ่ายเงิน และการจ่ายเช็คจากธนาคารสมุดรายวันจ่ายเงินจะใช้ควบคู่กับสมุดรายวันรับเงิน ทุกวันส้ิน
เดือนจะรวมยอดบัญชตี ่างๆ แล้วผ่านรายการไปบญั ชีแยกประเภทที่เกี่ยวข้อง โดยเครดิตบัญชีเงินสด
เครดิตบัญชีเงินฝากธนาคาร เครดิตบัญชีส่วนลดรับ ส่วนช่องเดบิตจะนำไปเดบิตบัญชีเจ้าหน้ี เดบิต
บญั ชีซ้ือ เดบิตบัญชีภาษซี ้อื ส่วนช่องบัญชีอ่ืนๆ ไดผ้ ่านไปเครดิตบัญชีแลว้ ต้งั แต่รายการค้าเกิดขนึ้
11
2) สมุดรายวันทั่วไป (General journal) คือ สมุดรายการขั้นต้น
ที่ใช้บันทึกรายการค้าทุกๆ รายการตามลำดับการเกิดขึ้นของเหตุการณ์นั้นๆ หากว่ากิจการดังกล่าว
ไม่ได้มีการใช้สมดุ รายวันเฉพาะแต่ถา้ หากกิจการนั้นได้ใช้สมุดรายวันเฉพาะอยูแ่ ล้ว สมุดรายวนั ทั่วไป
ก็จะทำหน้าที่บันทึกรายการต่างๆ ที่ไม่ได้ลงบันทึกในสมุดรายวันเฉพาะเล่มใดเล่มหนึ่ง รายการท่ี
จะถกู นำไปบนั ทึกรายการในสมุดรายวันทัว่ ไป มดี งั น้ี
(1) รายการเปิดบัญชี (Open entry) เป็นการบันทึก
รายการครงั้ แรกซง่ึ อาจเปน็ รายการลงทนุ ครง้ั แรกหรือเมื่อเริม่ งวดบัญชใี หม่
(2) รายการปกติอื่นๆ (Journal entry) เป็นการบันทึก
รายการค้าที่เกิดขึ้นหลังจากการลงทุนครั้งแรกหรือเริ่มงวดบัญชีใหม่ โดยบันทึกเรียงตามลำดับวันท่ี
เกิดรายการคา้
1.2.4 ประโยชนข์ องสมดุ รายการขน้ั ตน้
1) ช่วยกิจการบันทึกรายการค้าที่เกิดขึ้นเรียงลำดับก่อนหลังตาม
วันทีเ่ กดิ รายการนั้นเพ่ือไม่ให้เกดิ การหลงลมื
2) ช่วยในการวิเคราะห์รายการค้าที่จะนํามาบันทึกด้านเดบิตหรือ
เครดิตให้มีความถกู ต้องมากข้ึน
3) ช่วยให้เกิดความเข้าใจในข้อมูล และการอ้างอิงของรายการท่ี
เกดิ ข้นึ ได้ หากเกิดข้อสงสยั สามารถตรวจสอบได้
4) ช่วยกระจายความรับผิดชอบของข้อมูลที่ใช้อ้างอิงถึงกันเพื่อ
ปอ้ งกนั การทจุ ริต
1.2.5 รูปแบบของสมุดรายวันข้นั ต้น
1) สมดุ รายวันซอ้ื (Purchases journal) เป็นสมดุ บัญชีข้ันต้นที่ใช้
สำหรับจดบันทึกรายการซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อเท่านั้นถ้ามีการซื้อสินค้าที่เป็นเงินสดหรือซื้อสินทรัพย์
ประเภทอืน่ เป็นเงินเช่ือจะไม่นำมาจดบันทึกในสมุดรายวันซื้อ แตจ่ ะนำไปจดบนั ทึกในสมุดเล่มอื่นเมื่อ
การจดบนั ทึกรายการในสมุดรายวันเรยี บร้อยแล้วจะต้องทำการผา่ นรายการไปยังสมดุ ข้นั ปลาย นั่นคือ
ในแต่ละวันทำการจะต้องผ่านรายการไปยังสมุดบัญชแี ยกประเภทเจ้าหนี้แตล่ ะราย และเม่ือผ่านบัญชี
เรียบร้อยแล้วให้ย้อนไปใส่เครื่องหมาย ✓ ในช่องของการผ่านบัญชีของสมุดรายวันชื่อสินค้าด้วย
ซึ่งยอดคงเหลือของเจ้าหนี้การค้าแต่ละรายในสมุดบัญชีแยกประเภทย่อยรวมกันต้องเท่ากับยอด
คงเหลือของบัญชีเจ้าหน้ีการค้าในสมุดแยกประเภททั่วไป และทุกสิ้นเดือนกิจการต้องทำการผ่าน
รายการจากสมุดรายวันซ้ือสินค้าไปยังสมุดบัญชีแยกประเภททั่วไปที่เกี่ยวข้อง คือ บัญชีซ้ือ ภาษีซื้อ
และบัญชีเจา้ หนี้การค้า
12
ตารางท่ี 2.1 ตวั อย่างสมุดรายวันซอื้
สมดุ รายวนั ซอื้ (1)
วันที่ เลขท่ีใบกำกับสินค้า ช้อื เจ้าหนี้ หน้าบญั ชี เดบิต (7) หนา้ ........ (2)
ซื้อ ภาษซี ้ือ
(3) (4) (5) (6) เครดติ เจา้ หนี้
(8)
คำอธิบายรูปแบบของสมุดรายวันซื้อ มดี งั นี้
(1) ชอ่ื สมดุ รายวันซ้ือ
(2) หน้า แสดงหนา้ ของสมดุ รายวนั ซ้ือซ่ึงจะเรยี งลำดับไป
(3) ช่องวนั ที่ แสดง วัน เดอื น ปี ทีเ่ กิดรายการซื้อเชื่อ
(4) ช่องเลขที่ใบกำกับสินค้า สำหรับอ้างอิงเลขของ
ใบกำกับสนิ คา้ /ใบกำกบั ภาษหี รือใบส่งของทเ่ี กยี่ วกบั การซื้อ
(5) ช่องชื่อเจ้าหนี้ สำหรับบันทึกชื่อเจ้าหนี้หรือผู้ขาย
สินค้า
(6) ช่องหน้าบัญชี ใช้สำหรับการอ้างอิงถึงบัญชีแยก
ประเภทเจ้าหนี้รายการบุคคลเมื่อได้ผ่านรายการค้าแล้วให้ใช้เครื่องหมายต่อไปนี้ ✓ เป็นตัวอย่าง
แสดงการบันทึกรายการค้าในสมุดรายวนั ซื้อ การผ่านรายการไปสมดุ แยกประเภทเจา้ หนี้รายตัว และ
สมดุ แยกประเภททว่ั ไป
(7) ช่องเดบิต ใช้สำหรับบันทึกจำนวนเงินของยอดซื้อ
และภาษซี ้อื
(8) ช่องเครดิตเจ้าหนี้ ใช้สำหรับบันทึกจำนวนเงินรวม
ของบัญชเี จ้าหนี้ ซงึ่ ต้องเทา่ กบั ยอดรวมของยอดชอ้ื และภาษชี ื่อในชอ่ งเดบติ
ทัง้ นีส้ มุดรายวันซื้อของแตล่ ะกิจการอาจมีรปู แบบท่ีแตกตา่ งกันตามความเหมาะสม และความตอ้ งการ
ข้อมูล
2) สมุดรายวันส่งคืน การส่งคืน และขอลดราคาสินค้า สินค้า
ที่กิจการซ้ือมาอาจมีสินค้าที่ไม่ตรงตามสั่งหรือสินค้าชำรุดเสียหาย กิจการอาจยอมรับสินค้านั้น โดย
ขอให้ผู้ขายลดราคาให้หรืออาจส่งคืนให้กับผู้ขายโดยอออกใบขอลดหนี้เพื่อแจ้งให้ผู้ขายทราบ เมื่อ
ผู้ขายได้รับแจ้งการส่งคืนหรือขอลดราคาสนิ ค้าแลว้ ผู้ขายตกลงยนิ ยอมก็จะทำเอกสารที่เรยี กว่าใบลด
หน้ีแจ้งใหผ้ ู้ซือ้ ทราบ
13
รายการส่งคืนสินค้าหรือขอลดราคาสินค้านั้น จะมีผลตรงกันข้าม
กับรายการซื้อสินค้า ถ้ารายการส่งคืนสินค้าเกิดจากการซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อก็จะมีผลทำให้ยอดซ้ือ
ภาษีซ้ือ และเจ้าหนี้ลดลงซึ่งในทำงปฏิบัติไม่นิยมลดยอดบัญชีซื้อโดยตรง แต่จะบันทึกไว้บัญชีส่งคืน
ก่อน และเมื่อสิ้นงวดก็จะนำยอดบญั ชีส่งคืนไปจากยอดบัญชีซ้ือในงบกําไรขาดทนุ เพื่อหายอดซื้อสุทธิ
กิจการที่มีการส่งคืนสินค้าเป็นจำนวนมากๆ หรือเกิดขึ้นบ่อยๆ อาจเปิดสมุดรายวันส่งคืนสำหรับการ
บันทึกการส่งคืนสินค้าซึ่งเป็นการส่งคืนสินค้าที่ซื้อมาเป็นเงินเชื่อเท่านั้น ซึ่งเมื่อบันทึกรายการแล้ว
จะไปลดยอดเจ้าหนี้ในสมุดแยกประเภทย่อยเจ้าหนี้รายบุคคล พอสิ้นเดือนจะรวมยอดในสมุดรายวัน
ส่งคืนผ่านไปบัญชีที่เกี่ยวข้อง คือ บัญชีเจ้าหนี้ บัญชีส่งคืน และบัญชีภาษีซื้อ ในกรณีที่กิจการ
มีรายการส่งคืนสินค้าไม่มากนักก็ไม่จำเป็นต้องเปิดสมุดรายวันส่งคืนสินค้า แต่บันทึกรายการส่งคืน
ในสมุดรายวนั ทว่ั ไปแทน
ตารางที่ 2.2 ตวั อย่างสมดุ รายวันสง่ คืน
สมุดรายวนั ส่งคนื (1)
หนา้ ....... (2)
วันที่ เลขท่ใี บ ชอื่ เจ้าหน้ี หน้า เดบิต (8) เครดติ
(3) ลดหน้ี (5) บญั ชี เจ้าหน้ี ซื้อ ภาษี
(4) (6) (7)
คำอธิบายรปู แบบของสมุดรายวนั ส่งคืน มดี งั นี้
(1) ชอื่ สมุดรายวันส่งคืน
(2) หน้า แสดงหนา้ ของสมดุ รายวันสง่ คืนจะเรียงลำดับไป
(3) ช่องวนั ที่ แสดง วนั เดอื น ปี ทเ่ี กิดรายการส่งคนื สินค้า
(4) ช่องเลขที่ใบลดหนี้ สำหรับอ้างอิงเลขที่ของใบลดหน้ี/
ไมข่ อลดหนีท้ ่ีเกีย่ วกบั การส่งคืนสินคา้
(5) ช่องชื่อเจ้าหนี้ สำหรับบันทึกชื่อเจ้าหนี้หรือผู้ขาย
สนิ ค้า
(6) ช่องหน้าบัญชี ใช้สำหรับการอ้างอิงถึงบัญชีแยก
ประเภทเจ้าหนี้รายการบุคคล เมื่อได้ผ่านรายการค้าแล้วให้ใช้เครื่องหมายต่อไปนี้เป็นตัวอย่างแสดง
การบันทึกรายการค้าในสมุดรายวันส่งคืน การผ่านรายการไปสมุดแยกประเภทเจ้าหนี้รายตัว และ
สมุดแยกประเภททว่ั ไป
14
(7) ช่องเดบิตเจ้าหนี้ ใช้สำหรับบันทกึ จำนวนเงินที่ขอลดหน้ี
(8) ช่องเครดิตซ้ือ และภาษีซ้ือ ใช้สำหรับบันทึกจำนวน
เงนิ ของยอดซื้อ และภาษชี ่ือท่สี ง่ คนื สินคา้
3) สมุดรายวันขาย ในการขายสินค้าเป็นเงินเชื่อเกิดขึ้นบ่อยๆ
แทนที่จะบันทึกรายการในสมุดรายวันทั่วไปแล้วผ่านรายการไปสมุดแยกประเภททั่วไปทุกๆ ครั้งที่มี
การขายเชื่อทำให้เสียเวลาและทำซ้ำๆ กัน กิจการอาจแยกบันทึกรายการขายเชื่อไว้ในสมุดรายวัน
เฉพาะ เรียกวา่ สมุดรายวนั ขาย (Sales journal) เชน่ เดยี วกับสมดุ รายวันซ้ือแลว้ จึงผ่านยอดรวมขาย
เชื่อทั้งเดือนผ่านรายการไปเดบติ บัญชีลูกหนี้ เครดิตบัญชีขาย และบัญชีภาษีขาย เดือนละครั้งทุกวัน
ส้นิ เดือน นอกจากน้ันแลว้ ให้ผา่ นรายการขายเช่อื ไปเดบิตสมุดแยกประเภทย่อยลูกหน้ีรายบุคคลในแต่
ละวันทม่ี ีรายการขายเช่ือเกิดขึ้น
ตารางที่ 2.3 ตัวอย่างสมดุ รายวันขาย
สมุดรายวันขาย (1)
หนา้ .......(2)
ว.ด.ป. บญั ชีที่ ใบกำกบั สินคา้ / เงอ่ื นไข หน้าบญั ชี จำหนวนเงิน จำนวนเงนิ เดบติ
(3) เครดติ ใบกำกบั ภาษี (6) (7) เครดติ (8)
(4) ขาย (9) ภาษีขาย
(5) (9)
คำอธิบายรปู แบบของสมดุ รายวนั ขาย มดี งั นี้
(1) ช่ือสมุดรายวันขาย
(2) หนา้ ของสมดุ รายวนั นายเช่ือจะเรยี งลำดบั ไป
(3) วนั เดอื น ปี ท่ีเกดิ รายการขายเช่อื
(4) บัญชีที่เดบิต สำหรับบันทึกชื่อลูกหนี้หรือผู้ซื้อสินค้า
จากกจิ การ
(5) เลขที่ใบกำกับสินค้า/ใบกํากับภาษี สำหรับอ้างอิง
เลขทขี่ องใบกำกับสินค้า/ใบกํากบั ภาษีซ่ึงลกู ค้าลงนามรับสนิ ค้าในใบนี้
(6) เงอ่ื นไขการชำระเงนิ เปน็ เงื่อนไขที่กิจการให้กบั ลกู ค้า
(7) หน้าบัญชีใช้สำหรับการอ้างอิงถึงบัญชีแยกประเภท
ลูกหนี้รายการค้าเมื่อได้ผ่านรายการค้าแล้วให้ใช้เครื่องหมายต่อไปนี้ เป็นตัวอย่างแสดงการบันทึก
15
รายการค้าในสมุดรายวันขาย การผ่านรายการไปสมุดแยกประเภทลูกหนี้รายตัว และสมุดแยก
ประเภททวั่ ไป
(8) จำนวนเงนิ สำหรับบันทึกยอดขายสนิ ค้ารวมทั้งภาษีขาย
ซ่งึ เป็นยอดรวมของเจ้าหน้ี
(9) จำนวนเงนิ เครดติ สำหรับบันทกึ ยอดมา และภาษขี าย
4) สมุดรับคืน การรับคืน และลดราคาสินค้า (Sales Returns
and Allowance) สินค้าที่กิจการขายให้กับลูกค้าไปแล้ว ลูกค้าอาจขอส่งคืนสินค้าทั้งหมดหรือ
บางส่วนเพราะชำรุดเสียหาย มีตำหนิหรือไม่ตรงตามสั่งบางครั้งลูกค้าจะขอลดราคาของที่ซื้อไปหรือ
อาจจะส่งคืนส่วนที่เป็นปัญหา เมื่อกิจการยินยอมจะแจ้งให้ลูกค้าทราบโดยออก Credit Note หรือ
Credit Memorandum หรือใบหักหนี้ให้กับลูกค้า ผลของการรับคืน และจำนวนที่ยอมลดให้กับ
ลูกค้าทำใหย้ อดขาย ภาษขี าย และลูกหนี้ลดลงดว้ ย ในทางปฏบิ ัติจะเป็นบัญชรี ับคืน และจำนวนที่ลด
ให้เพื่อบันทึกรายการที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เมื่อสิ้นงวดจะนำยอดบัญชีรับคืนและจำนวนที่ลดให้ไปหักจาก
ยอดขายเพือ่ หาขายสทุ ธิ
ในกรณีที่มีการรับคืนสินค้า และจำนวนที่ลดให้มีไม่มาก นานครั้ง
จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นกิจการไม่จำเป็นจะต้องเปิดสมุดรายวันเฉพาะแต่จะนำเอารายการนี้ไป
บันทึกในสมุดรายวันทั่วไป แต่ถ้ารายการรับคืนเป็นจำนวนหลายครั้งหรือเกิดขึ้นบ่อยๆ ก็จะเปิดสมุด
รายวันรับคนื
ตารางท่ี 2.4 ตัวอย่างสมุดรายวนั รบั คนื
สมดุ รายวนั รบั คนื (1)
หนา้ ........(2)
ว.ด.ป. บญั ชีที่ ใบกำกับสินคา้ / หน้าบัญชี จำหนวนเงนิ จำนวนเงนิ เดบติ
(3) เครดติ ใบกำกับภาษี (5) (6) เครดติ (7)
(4) รบั คนื (8) ภาษขี าย (8)
คำอธิบายรปู แบบของสมดุ รายวนั รับคนื มดี งั นี้
(1) ชื่อสมดุ รายวนั รับคืน
(2) หนา้ ของสมดุ รายวนั รับคนื จะเรียงลำดับไป
(3) วนั เดอื น ปี ทเี่ กิดรายการรบั คืนสินคา้
16
(4) บัญชี เดบิต สำหรับบันทึกชื่อลูกหนี้หรือผู้ซื้อสินค้า
จากกิจการ
(5) เลขที่ใบกํากับสินค้า/ใบกำกับภาษี สำหรับอ้างอิง
เลขท่ี ของใบกำกบั สินคา้ /ใบกำกบั ภาษซี งึ่ ลูกค้าไดล้ งนามรบั สินคา้ ในใบน้ี
(6) หน้าบัญชีใช้สำหรับการอ้างอิงถึงบัญชีแยกประเภท
ลูกหนี้รายการค้าเมื่อได้ผ่านรายการค้าแล้วให้ใช้เครื่องหมายต่อไปนี้เป็นตัวอย่างแสดงการบันทึก
รายการค้าในสมุดรายวันรับคืน การผ่านรายการไปสมุดแยกประเภทลูกหนี้รายตัว และสมุดแยก
ประเภททัว่ ไป
(7) จำนวนเงินสำหรับบันทึกยอดรับคืนสินค้ารวมทั้งภาษี
ขาย ซ่ึงเป็นยอดรวมของเจ้าหนี้
(8) จำนวนเงนิ เครดิตสำหรับบันทึกรบั คนื และภาษขี าย
5) สมดุ รายวนั รบั เงนิ (Cash Receipts Journal) ธรุ กิจทีม่ รี ายการ
รับจ่ายเงินสดในแต่ละวันเป็นจำนวนมากจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีวิธีการควบคุมเงินสดที่รัดกุม ดังนั้นจึง
มักแยกรายการที่มีการรับเงินสด และการจ่ายเงินสดออกต่างหากจากกัน โดยเปิดสมุดรายวันเฉพาะ
ขึ้นมาเล่มหนึ่งต่างหากเรียกว่า สมุดรายวันรับเงิน” สำหรับบันทึกรายการรับเงินสด และการนําเงิน
ฝากธนาคาร รายการท่บี นั ทกึ ในสมุดรายวันรับเงนิ แล้วไม่ต้องบนั ทึกในสมุดรายวนั ทว่ั ไป
ตารางที่ 2.5 ตัวอย่างสมดุ รายวนั รบั เงิน
สมดุ รายวันรบั เงิน (1)
หนา้ ....... (2)
วัน เลขท่ี เดบิต เครดติ
เดอื น ใบ
ปี สำคญั ชอ่ื รายการ เงนิ ส่วนลด ลกู หน้ี (8) เลขท่ี ภาษี บัญชอี ่ืนๆ (12)
(3) (4) บญั ชี (6) สด จ่าย จำนวน ใบกำกับ ขาย
(5) (7) ธนาคาร (7) ขาย ภาษี (11) เลขท่ี จำนวน
(7) ✓ เงิน (9) เงนิ
(10)
คำอธบิ ายรปู แบบของสมุดรายวันรับเงิน มีดังน้ี
(1) ชอ่ื สมุดรายวันรบั เงนิ
(2) หนา้ ของสมดุ รายวันรบั เงนิ ซง่ึ จะเรียงตอ่ กันไป
(3) วัน เดือน ปี ท่เี กิดรายการ
17
(4) เลขที่ใบสำคัญ สำหรับบันทึกเอกสารหรือใบสำคัญ
ท่ปี ระกอบรายการ
(5) ชือ่ บัญชี สำหรับชือ่ บญั ชีทางด้านเครดติ
(6) รายการ สำหรบั อธบิ ายรายการท่เี กิดข้นึ
(7) ช่องเดบิตมี 3 ช่องประกอบด้วย บัญชีเงินสด บัญชีธนาคาร
บัญชีส่วนลดจ่าย สำหรับบันทึกการรับเงินสด การนําเงินสดฝากธนาคาร และการให้ส่วนลดกับผู้
ทีช่ ำระหนต้ี ามเงือ่ นไข
(8) ช่องเครดติ ลูกหนี้ สำหรบั บันทึกรายการลูกหนี้ท่ีชำระ
หนี้แล้วผ่านรายการไปทล่ี กู หน้ีรายบุคคล โดยใส่ ✓ เม่ือผ่านรายการเรยี บร้อย
(9) ช่องเครดิตขาย บันทีกรายการขายสนิ คา้ เป็นเงนิ สด
(10) เลขที่ใบกำกับภาษี สำหรับเก็บเอกสารท่ีเกี่ยวกับ
ภาษมี ลู ค่าเพมิ่ ตามเลขท่ี เลม่ ท่ี
(11) ช่องเครดิตภาษีขาย สำหรับบันทึกรายการภาษีขาย
สินคา้
(12) ช่องเครดิตบัญชีอื่นๆ สำหรับบันทึกรายการที่ไม่
สามารถใส่ในช่องรายการเฉพาะได้ จงึ นำมาใส่ในช่องอน่ื ๆ พรอ้ มทงั้ ผ่านรายการไปบัญชีแยกประเภท
ที่เกยี่ วข้อง โดยนำเลขที่บญั ชนี ัน้ มาใสใ่ นชอ่ งเลขทบ่ี ัญชดี ้วย
6) สมุดรายวันจ่ายเงิน (Cash Disbursements Journal) เป็น
สมุดบันทึกขั้นต้นอีกเล่มหนึ่งที่ใช้ควบคู่กับสมุดรายวันรับเงนิ เพื่อบันทึกรายการจ่ายเงนิ สด และจ่าย
เช็ค จากบัญชีเงินฝากธนาคาร การบันทึกรายการในสมุดรายวันจ่ายเงินมีวิธีปฏิบัติเช่นเดียวกับสมุด
รายวันทั่วไป กล่าวคือ ต้องบันทึกเดบิตบัญชีใด และเครดิตบัญชีใดเป็นจำนวนเงินเท่าใด ซึ่งในสมุด
รายวันจ่ายเงินนี้จะแสดงช่องเครดิตก่อนช่องเดบิตเพื่อเน้นในเรื่องการจ่ายเงินรายการไหนที่บันทกึ ใน
สมดุ รายวนั จา่ ยเงนิ แลว้ ไมต่ อ้ งบนั ทึกในสมุดรายวันท่วั ไป
18
ตารางที่ 2.6 ตัวอย่างสมุดรายวันจ่ายเงนิ
สมดุ รายวันจา่ ยเงิน (1)
หน้า.......(2)
วนั เลขที่ เดบิต เครดติ
เดือน ใบ
ปี สำคัญ ชื่อ รายการ เงิน สว่ นลด ลกู หนี้ (8) เลขท่ี ภาษี บญั ชอี นื่ ๆ (12)
(3) (4) บัญชี (6) สด รบั จำนวน ใบกำกับ ซอื้
(5) (7) ธนาคาร (7) ขาย ภาษี (11) เลขท่ี จำนวน
(7) ✓ เงนิ (9) เงิน
(10)
คำอธบิ ายรูปแบบของสมดุ รายวนั จา่ ยเงิน มดี งั นี้
(1) ชื่อสมดุ รายวันจา่ ยเงนิ
(2) หนา้ ของสมุดรายวันจา่ ยเงนิ ซ่ึงจะเรยี งต่อกนั ไป
(3) วัน เดอื น ปี ที่เกดิ รายการ
(4) เลขที่ใบสำคัญ สำหรับบันทึกเอกสารหรือใบสำคัญ
ท่ปี ระกอบรายการ
(5) ชื่อบญั ชี สำหรับชื่อบัญชีทางด้านเดบิต
(6) รายการสำหรบั อธิบายรายการทเี่ กดิ ขึ้น
(7) ช่องเครดิตมี 3 ช่องประกอบด้วย บัญชีเงินสด บัญชี
ธนาคารจ่ายเงินสด การจ่ายเช็คออกจากบญั ชีเงินฝากธนาคาร และการได้รับสว่ นลดในกรณที ี่กจิ การ
ชำระหนบ้ี ัญชีส่วนลดรับสำหรบั บนั ทึกการตามเงอ่ื นไข
(8) ช่องเดบิตเจ้าหนี้ สำหรับบันทึกรายการเจา้ หนี้ท่ีชำระ
หน้แี ล้วผ่านรายการไปที่เจ้าหนี้รายบคุ คลโดยใส่ ✓ เมื่อผา่ นรายการเรยี บรอ้ ย
(9) ช่องเดบติ ซ้ือ บนั ทึกรายการซ้ือสินค้าเป็นเงินสด
(10) เลขที่ใบกำกับภาษี สำหรับเก็บเอกสารเกี่ยวกับ
ภาษีมลู คา่ เพ่ิมตามเลขท่ี เล่มที่
(11) ช่องเดบิตภาษีซื้อ สำหรับบันทึกรายการภาษีซื้อ
สินค้า
(12) ช่องเดบิตบัญชีอื่นๆ สำหรับบันทึกรายการที่ไม่
สามารถใส่ในช่องรายการเฉพาะได้จึงนำมาใส่ในช่องอื่นๆ พร้อมทั้งผ่านรายการไปบัญชีแยกประเภท
ทเี่ กี่ยวข้องโดยนำเลขทีบ่ ัญชีนั้นมาใสใ่ นชอ่ งเลข
19
7) สมุดรายวันทั่วไป (General Journal) คือ สมุดบัญชีขั้นต้นหรือสมุด
รายวันที่ใช้จดบันทึกรายการค้าที่เกิดขึ้นทันทีทุกรายการถ้ากิจการนั้นไม่มีสมุดรายวันเฉพาะ แต่ถ้า
กิจการนั้นมีการใช้สมุดรายวันเฉพาะ สมุดรายวันทั่วไปก็จะมีไว้เพื่อบันทึกรายการค้าอื่นๆ ที่เกิดข้ึน
และไม่สามารถนำไปบนั ทึกในสมุดรายวันเฉพาะเล่มใดเล่มหนึง่ ได้
ตารางที่ 2.7 ตวั อย่างสมดุ รายวันท่วั ไป
สมดุ รายวันท่วั ไป (1)
หนา้ ......(2)
วันท่ี รายการ เลขท่ี เดบิต (6) เครติด (7)
(3) (4)
บญั ชี บาท สต. บาท สต.
(5)
คำอธบิ ายรปู แบบของสมดุ รายวันทวั่ ไป มีดังนี้
(1) เขียนคำวา่ “สมุดรายวันทวั่ ไป” กอ่ นที่จะตีแบบฟอร์ม
ของสมุดรายวันทั่วไป ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้องว่า แบบฟอร์มที่จะใช้นี้เรียกว่า “สมุด
รายวันทั่วไป” ในความเป็นจริงอาจจะไม่จำเปน็ ตอ้ งเขยี นก็ได้เพราะคำว่า “สมุดรายวันทั่วไป” จะถูก
พิมพไ์ วท้ ่หี นา้ ปกของสมุดบัญชีทีใ่ ช้เลย
(2) เขียนเลขที่หน้าบัญชีไว้ด้านขวามือ เพื่อให้ทราบว่า
รายการค้าที่นำมาบันทึกบัญชีลงในสมุดรายวันทั่วไปบันทึกอยู่ในหน้าอะไร ซึ่งตามปกติแล้วในความ
เปน็ จริงเลขหน้าบัญชีจะถกู พิมพ์ไวแ้ ลว้
(3) ตีแบบฟอร์มโดยช่องแรกให้เขียนคำว่า “วันที่” ใช้
สำหรบั บันทึกวนั เดอื น ปี ท่ีเกิดรายการค้าน้ันๆ
(4) ช่องรายการใช้บันทึกชื่อบัญชีที่เดบิต และชื่อบัญชี
ทเ่ี ครดิต และคำอธิบายรายการ
(5) ช่องเลขที่บัญชีบันทึกเลขที่บัญชีของรายการค้านั้นๆ
ทีถ่ กู นำไปบันทกึ ในสมุดบัญชขี ั้นปลาย (สมุดบัญชีแยกประเภท) ซงึ่ ในช่องน้ีจะอธิบายถึงการใช้ต่อไป
(6) ชอ่ งจำนวนเงนิ เดบิต ใช้บันทึกจำนวนเงินของรายการ
ท่ีอยู่ดา้ นเดบิต
(7) ช่องจำนวนเงินเครดิต ใช้บันทึกจำนวนเงินของ
รายการทอี่ ยู่ดา้ นเครดิต
20
8) สมุดบัญชีแยกประเภท (Ledger) เป็นสมุดบัญชีขั้นปลายที่ใช้
บนั ทกึ รายการค้าต่างๆ ท่เี กิดข้ึนโดยจำแนกออกเป็นหมวดหมเู่ พื่อสะดวกท่ีจะนำข้อมูลไปสรุปผลการ
ดำเนนิ งานและฐานะทางการเงินของกจิ การ
สมุดบัญชีแยกประเภททั่วไป (General Ledger) หรือ
บัญชีแบบมาตรฐาน เป็นสมุดที่รวบรวมหรือคุมยอดของบัญชีแยกประเภททุกบัญชี ซึ่งใช้บันทึกการ
เปลี่ยนแปลงสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ (ทุน) ต่อจากการบันทึกลงในสมุดรายวันทั่วไป
ไดแ้ ก่ บญั ชแี ยกประเภทสินทรัพย์ เช่น เงินสด ลกู หนก้ี ารคา้ สินคา้ คงเหลือ ทด่ี นิ อาคารและอุปกรณ์
เป็นตน้ บญั ชีแยกประเภทหนส้ี นิ เชน่ เจ้าหนก้ี ารค้า เงินกู้ เจา้ หนีอ้ น่ื ๆ เป็นตน้ บญั ชแี ยกประเภทสว่ น
ของเจ้าของ เช่น ทุน รายได้ ค่าใช้จ่าย และบัญชีถอนใช้ส่วนตัว รูปแบบของบัญชีแยกประเภททั่วไป
สมุดบัญชีแยกประเภททั่วไป (General Ledger) หรือบัญชีแบบมาตรฐาน (Standard account
form) มลี กั ษณะคล้ายตวั “T” จึงเรยี กวา่ T – Account
ตารางท่ี 2.8 สมุดบญั ชีแยกประเภททว่ั ไป
บัญชี.........................(1) เลขท่ี........(2)
พ.ศ. .......(3) รายการ หน้า เดบิต (6) พ.ศ. .....(3) รายการ หน้า เครดิต (7)
เดอื น วันที่ (4) บญั ชี บาท ส.ต. เดอื น วันท่ี (4) บญั ชี บาท ส.ต.
(5) (5)
คำอธบิ ายรูปแบบของสมดุ แยกประเภททั่วไป มดี งั น้ี
(1) ชื่อบัญชีเป็นบัญชีแยกประเภทแต่ละบัญชีให้อยู่
กง่ึ กลางเพ่อื ท่ีจะบอกวา่ เปน็ บัญชีอะไร
(2) เลขที่บัญชี ของสมุดบัญชีแยกประเภท ให้อยู่มุม
ดา้ นขวาของกระดาษ เพื่อบอกว่าบญั ชแี ยกประเภททีบ่ ันทึกอยูน่ ี้เป็นบัญชหี มวดใด และลำดับท่ีเท่าไร
ซ่งึ มาจากสมดุ รายวนั ท่ัวไป
(3) ช่องวัน เดือน ปีที่เกิดรายการค้าขึน้ ตามที่บันทึกไว้ใน
สมดุ รายวันทั่วไปโดยเรยี งตามลำดบั กอ่ นหลงั
(4) ช่องรายการบันทึกชื่อบัญชีแยกประเภทอื่นทีสัมพันธ์
กบั รายการท่ีบันทึกไว้
21
(5) ช่องหน้าบัญชีบันทึกหน้าบัญชีของสมุดรายวันทั่วไป
เพอ่ื อา้ งองิ และสะดวกในการค้นหา
(6) ชอ่ งจำนวนเงนิ เดบดิ บันทกึ จำนวนเงินเงนิ ของรายการ
คา้ ทเ่ี กิดขน้ึ
(7) ช่องจำนวนเงินเครดิตบันทึกจำนวนเงินของรายการ
คา้ ทเี่ กิดขึน้
9) งบทดลอง (Trial Balance) คือ สิ่งที่จัดทำขึ้นเพื่อพิสูจน์ความ
ถูกต้องของการจดบันทึกบัญชีว่าได้บันทึกถูกต้องตามหลักการบัญชีคู่หรือไม่ ซึ่งงบทดลองนี้เป็นงบ
ที่กิจการจัดทำ ขึ้นก่อนที่จะบันทึกรายการปรับปรุงเพื่อให้การจัดทำงบทดลองมีความสะดวก
และรวดเรว็ ยง่ิ ขน้ึ จงึ ควรท่จี ะหายอดคงเหลือของบัญชตี า่ งๆ ในสมดุ บญั ชแี ยกประเภททัว่ ไปกอ่ น โดย
ใช้ดนิ สอดำเพือ่ หายอดคงเหลอื (Pencil Footing)
(1) ขั้นตอนการหายอดคงเหลือในบัญชีต่างๆ ของแต่ละ
บัญชี
(1.1) รวมจำนวนเงินทั้งหมดในช่องเดบิต แล้ว
เขียนด้วยดนิ สอลงในช่องเดบิตชดิ กับเสน้ บรรทดั สุดทา้ ยต่อจากจำนวนเงนิ ของบัญชนี ้นั ๆ
(1.2) รวมจำนวนเงินทั้งหมดในช่องเครดิต แล้ว
เขยี นดว้ ยดินสอดำลงในชอ่ งเครดติ ชดิ กบั เสน้ บรรทัดสุดท้ายต่อจากจำนวนเงนิ ของบญั ชีนนั้ ๆ
(1.3) หาผลต่างระหว่างจำนวนเงินในช่องเดบิต
และเครดติ ดงั น้ี
(1.4) ถ้ายอดรวมเดบิตมากกว่ายอดรวมเครดิต
ผลตา่ งท่ีเกิดขึน้ เรียกว่า “ยอดคงเหลือเดบติ ” (Debit Balance)
(1.5) ถ้ายอดรวมเครดิตมากกว่ายอดรวมเดบิต
ผลต่างที่เกดิ ขน้ึ เรยี กว่า “ยอดคงเหลือเครดิต (Credit Balance)
(1.6) ถ้ายอดรวมเดบิตเท่ากับยอดรวมเครดิต
ไมม่ ียอดคงเหลือก็ไมต่ อ้ งนำไปลงในงบทดลอง
(1.7) ถ้าในบัญชีแยกประเภทมีเพียงรายการ
เดียวหรือด้านเดยี วให้ถือวา่ รายการน้นั เป็นยอดคงเหลือไมต่ ้องรวมด้วยดนิ สอ
(2) ประโยชน์ในการจดั ทำงบทดลอง
22
(1.1) ช่วยในการพิสูจน์ความถูกต้องของการ
บันทกึ บญั ชี ตามหลักการบัญชีคูว่ ่าได้ทำการบันทึกทงั้ ด้านเดบิต และเครดติ ถกู ตอ้ งหรือไม่
(1.2) ชว่ ยให้สามารถทราบแล้วแก้ไขข้อผิดพลาด
ได้ทนั ทว่ งที
(1.3) ใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำงบการเงินเพื่อ
แสดงใหถ้ ึงผลคอื การจัดทำงบกำไรขาดทุน และงบแสดงฐานะการเงนิ
(1.4) ใช้เป็นข้อมูลในการปิดบัญชี เมื่อสิ้นรอบ
ระยะเวลาบัญชี
ตารางที่ 2.9 งบทดลอง
ชือ่ กจิ การ................................(1)
งบทดลอง (2)
วันที่...............................................................(3)
ชอื่ บัญชี (4) เลขท่ี เดบติ (6) เครดติ (7)
บญั ชี (5) บาท สต. บาท สต.
คำอธิบายรปู แบบของงบทดลอง มดี งั น้ี (8) (9)
กระดาษ
ได้ มาจากสมุดบัญชแี ยกประเภท (1) เขยี นชื่อกิจการ
(2) เขียนคำว่า “งบทดลอง" ไว้ตรงกึ่งกลาง
(3) วนั เดอื น ปี พ.ศ. ท่จี ัดทำงบทดลอง
(4) ช่องชื่อบัญชีใช้สำหรับเขียนชื่อบัญชีต่างๆ ท่ี
(5) ชอ่ งเลขที่บญั ชี
(6) ช่องจำนวนเงนิ ทางด้านเดบิต
(7) ชอ่ งจำนวนเงนิ ทางดา้ นเครดติ
(8) ยอดรวมจำนวนเงินดา้ นเดบิต
(9) ยอดรวมจำนวนเงนิ ด้านเครดิต
23
10) กระดาษทำการ (Work sheet) หมายถึง แบบฟอร์มซึ่งเป็น
เครื่องมือที่ช่วยในการจัดเตรียมทำงบการเงินให้สะดวกรวดเร็วขึ้น และไม่ผิดพลาด โดยกระดาษทำ
การจะมดี ้วยกันหลายชนิด เช่น ชนิด 6 ช่อง 8 ช่องหรือ 10 ชอ่ ง เป็นตน้
กระดาษทำการเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การแบ่งแยกบัญชีต่างๆ ใน
งบทดลองไปจัดทำงบกำไรขาดทุน และงบแสดงฐานะการเงิน โดยจะนำหมวดรายได้ และคา่ ใช้จ่ายไป
จัดทำงบกำไรขาดทุนเพื่อแสดงผลการดำเนินงาน และทำบัญชีหมวดสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของ
เจ้าของไปจดั ทำงบแสดงฐานะการเงนิ เพื่อแสดงฐานะการเงนิ ของกจิ การ
(1) ประโยชน์ของกระดาษทำการ
(1.1) ทำให้ทราบผลการดำเนินงานสำหรับ
ระยะเวลาหน่งึ ว่ามีกำไรสทุ ธิหรอื ขาดทุนสทุ ธิเปน็ จำนวนเงนิ เท่าใด
(1.2) แสดงให้เห็นฐานะการเงินของกิจการว่ามี
สินทรพั ยห์ น้ีสนิ และสวนของเจา้ ของเปน็ จำนวนเงินเทา่ ใด
(1.3) ช่วยให้การจัดทำงบการเงิน สะดวก และ
รวดเรว็ ขนึ้
(1.4) ช่วยในการตรวจสอบความถูกต้องของการ
จัดทำงบการเงิน
(2) รปู แบบของกระดาษทำการชนดิ 6 ชอ่ ง
การจัดทำกระดาษทำการสามารถทำได้หลายรูปแบบ
ขึน้ อย่กู ับความตอ้ งการของแต่ละกิจการทีม่ ลี ักษณะการประกอบธุรกจิ ที่แตกตา่ งกนั
ตารางที่ 2.10 กระดาษทำการ 6 ช่อง
ช่อื กจิ การ................................(1)
กระดาษทำการ (2)
สำหรับระยะเวลา...................ส้ินสดุ วันท.่ี ...........................(3)
ช่อื บญั ชี (4) เลขท่ี งบทดลอง (6) งบกำไรขาดทนุ (7) งบแสดงฐานะทำงการเงิน
บัญชี เดบติ เครดติ เดบิต เครดติ (8)
(5)
เดบติ เครดติ
24
คำอธบิ ายรปู แบบของกระดาษทำการ 6 ชอ่ ง มดี งั นี้
(1) ชอื่ กิจการ
(2) ขอ้ ความทร่ี ะบวุ า่ “กระดาษทำการ”
(3) รอบระยะเวลาบัญชีและงวดบัญชที ่จี ัดทำ
(4) ช่องชื่อบญั ชี
(5) ช่องเลขทบ่ี ญั ชี
(6) ช่องงบทดลองแบ่งออกเป็นบ้านเดบิตและ
เครดติ
(7) ช่องงบกำไรขาดทุนแบ่งออกเป็นด้านเดบิต
และเครดิต
(8) ช่องงบแสดงฐานะการเงินแบ่งออกเป็นด้าน
เดบติ และด้านเครดิต
(3) ขั้นตอนในการจัดทำกระดาษทำการ 6 ช่อง มีวิธี
ปฏิบัติ ดงั น้ี
(3.1) ส่วนหัวของกระดาษ การแบ่งเป็น 3
บรรทัด เขียนตามลำดับดงั น้ี
- บรรทัดท่ี 1 เขยี นช่ือกิจการ
- บรรทัดที่ 2 เขยี นว่า กระดาษทำการ
- บรรทัดที่ 3 เขียนว่า สำหรับรอบ
ระยะเวลาบญั ชที กี่ ระดาษทำการแสดง
(3.2) นำยอดคงเหลือของบัญชีแยกประเภทหรอื
ลอกงบทดลองทไ่ี ด้จัดทำไว้แลว้ มาแสดงในกระดาษทำการของช่ือบัญชี ชอ่ งเลขทีบ่ ัญชี ช่องงบทดลอง
แล้วรวมเงนิ ชอ่ งเดบิตและเครดิต ซ่ึงท้งั 2 ช่องจะตอ้ งเท่ากนั
(3.3) นำจำนวนเงินในช่องงบทดลองไปใส่ที่ช่อง
งบกำไรขาดทุน ชอ่ งงบแสดงฐานะการเงิน ดงั นี้
(3.3.1) บัญชหี มวดสนิ ทรพั ย์ นำไปใส่ใน
ช่องงบแสดงฐานะการเงินด้านเดบิต
(3.3.2) บัญชีหมวดหนี้สิน นำไปใส่ใน
ช่องงบแสดงฐานะการเงินดา้ นเครดติ
25
(3.3.3) บัญชีหมวดสวนของเจ้าของ
(ทนุ ) นำไปใสใ่ นช่องแสดงฐานะการเงนิ ดา้ นเครดิต
(3.3.4) บัญชีหมวดส่วนของเจ้าของ
(ถอนใชส้ ่วนตวั ) นำาไปในช่องงบแสดงฐานะการเงินด้านเดบติ
(3.3.5) บัญชีหมวดรายได้ นำไปใส่ใน
ช่องงบกำไรขาดทนุ ดา้ นเครดิต
(3.3.6) บัญชหี มวดคา่ ใชจ้ ่าย นำไปใสใ่ น
ชอ่ งงบกำไรทุนชอ่ งเดบิต
(3.4) รวมยอดเงินในช่องเดบิต และเครดิตของ
งบกำไรขาดทนุ และงบแสดงฐานะการเงนิ
(3.5) หาผลต่างระหว่างช่องเดบิต และเครดิต
ของ งบกำไรขาดทุน ถ้ายอดรวมดา้ นเครดิตมากกว่าด้านเดบดิ ผลตา่ งกค็ ือ กำไรสทุ ธิ ให้เขยี น
จำนวนเงนิ กำไรสุทธใิ นช่องกำไรขาดทุนด้านเดบิต และในชอ่ งงบแสดงฐานะการเงินด้านเครดติ แต่ถ้า
ยอดรวมด้านเดบิตมากกว่าเครดิตผลต่างก็คือขาดทุนสุทธิให้เขียนจำนวนในช่องงบกำไรขาดทุนด้าน
เครดติ และชอ่ งงบแสดงฐานะการเงนิ ดา้ นเคบิต
(3.6) รวมยอดเงินในช่องงบกำไรขาดทุน และ
งบแสดงฐานะการเงินดา้ นเดบิต และด้านเครดติ จะตอ้ งเทา่ กันเสมอ
11) งบการเงิน (Financial Statement) ตามมาตรฐานการบัญชี
ฉบับที่ 1 หมายถึง งบการเงินที่จัดทำขึ้นเพื่อสนองความต้องการของผู้ใช้งบการเงินซึ่งไม่อยู่ในฐานะ
ทจี่ ะเรยี กร้องให้กจิ การจดั ทำรายงานท่มี กี ารดัดแปลงตามความต้องการของข้อมูลท่ีเฉพาะเจาะจง
ตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 1 เรื่อง การนำแสดงงบการเงิน
โดยงบการเงินฉบับสมบูรณ์มีจุดมุ่งหมายของงบการเงินเป็นการนำเสนอฐานะการเงิน และผลการ
ดำเนินงานทางการเงินของกิจการอย่างมีแบบแผนเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับฐานะการเงินผล
การดำเนินงาน และกระแสเงินสดของกิจการ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจของผู้ใช้
งบการเงินกลุ่มต่างๆ นอกจากนี้งบการเงินยังแสดงถึงผลการบริหารงานของฝ่ายบริหาร ซึ่งได้รับ
มอบหมายให้ดูแลทรัพยากรของกจิ การเพื่อท่ีจะบรรลุวตั ถปุ ระสงค์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 1 (ปรับปรุง 2555) จะมี
การปรับปรุงเป็นมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 1 (ปรับปรุง 2557) ต่อไป แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่องบ
การเงินของกิจการเจา้ ของคนเดียวประเภทธรุ กจิ บริการ ซึ่งมาตรฐานการบัญชฉี บบั น้ีจะมกี ารปรบั ปรุง
26
จากฉบับ ปี 2555 โดยปรับปรุงเฉพาะย่อหน้า การเพิ่มบทนำ และปรับปรุงการอ้างอิงมาตรฐานการ
รายงานทางการเงนิ ฉบบั อืน่ เทา่ นน้ั สว่ นสาระสำคญั ยงั คงเหมือนเดมิ
(1) จุดม่งุ หมายของงบการเงนิ
งบการเงินเป็นการนำเสนอฐานะการเงิน และผลการ
ดำเนินงานทางการเงินของกิจการอย่างมีแบบแผน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับ
ฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน และกระแสเงินสดของกิจการ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเชิง
เศรษฐกิจของผู้ใช้งบการเงินกลุ่มต่างๆ นอกจากนี้งบการเงินยังแสดงถึงผลการบริหารของฝ่าย งบ
ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลทรัพยากรของกิจการเพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว การเงินต้องให้
ข้อมลู ทกุ ข้อดังตอ่ ไปนี้เกยี่ วกบั กิจการ
(1.1) สินทรัพย์
(1.2) หน้ีสิน
(1.3) สว่ นของเจ้าของ
(1.4) รายได้ และค่าใช้จ่าย รวมถึงผลกำไรและ
ขาดทุน
(1.5) เงินทุนที่ได้รับจากผู้เป็นเจ้าของ และการ
จัดสรรส่วนทนุ ให้ผเู้ ป็นเจา้ ของในฐานะที่เปน็ เจา้ ของ
(1.6) กระแสเงินสด ข้อมูลเหล่านี้ และข้อมูลอื่น
เปดิ เผยในหมายเหตุประกอบงบการเงินช่วยผู้ใช้งบการเงินในการคาดการณ์เก่ียวกับจังหวะเวลา และ
ความแนน่ อนที่กจิ การจะกอ่ ให้เกดิ กระแสเงินสดในอนาคตของกิจการ
(2) งบการเงนิ ฉบบั สมบูรณ์
งบการเงินฉบับสมบูรณ์ (The complete financial
statement) ตามมาตรฐานการบญั ชปี ระกอบดว้ ย
(2.1) งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันสิ้นงวด
(Statement of the complete position)
(2.2) งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จสำหรับงวด
(Statement of comprehensive income)
(2.3) งบแห่งการเปลี่ยนส่วนของเจ้าของสำหรับ
งวด (Statement of changes in shareholders’equity)
(2.4) งบกระแสเงินสดสำหรับงวด (Cash flow
statement)
27
(2.5) งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันต้นงวดของ
งวด ทนี่ าํ มาเปรียบเทยี บงวดแรกสุด เมอื่ กิจการได้นำนโยบายการบัญชีใหม่มาถือปฏิบัติย้อนหลัง
หรือการปรับงบการเงินย้อนหลังหรือเมื่อกิจการมีการจัดประเภทรายการในงบการเงินใหม่กิจการ
อาจจะใช้ ชื่ออ่ืนสำหรบั งบการเงนิ นอกเหนือจากทร่ี ะบุในมาตรฐานการบัญชีฉบบั ท่ี 1 น้ี
(3) ขัน้ ตอนการจดั ทำงบการเงนิ ประกอบดว้ ยดังนี้
(3.1) จัดทำงบกําไรขาดทุน การจัดทำงบกำไร
ขาดทุนของกิจการเจ้าของคนเดียวประเภทธุรกิจการบริการในทางปฏิบัติจะจัดทำเฉพาะงบกำไร
ขาดทนุ จาํ แนกคา่ ใชจ้ ่ายตามหนา้ ท่ี - ชัน้ เดียวและงบกำไรขาดทนุ จำแนกค่าใชจ้ า่ ยตามหนา้ ทหี่ ลายชั้น
รวมท้ังหมายเหตปุ ระกอบงบการเงนิ เทา่ นนั้
(3.2) ขนั้ ตอนการจดั ทำงบกำไรขาดทุน
- เขยี นหัวงบกำไรขาดทนุ ตรงกลาง
- บรรทัดที่ 1 ของกิจการ
- บรรทัดที่ 2 เขียนคำว่า “งบกำไร
ขาดทนุ ”
- บรรทัดที่ 3 เขียนรอบระยะเวลา
จดั หางบกำไรขาดทนุ
(3.3) เขียนคําว่า “รายได้” แล้วนำบัญชีหมวด
หารายได้มาใส่ในกำไรขาดทุน ถ้ามีมากกว่า 1 รายการให้แสดงการรวมยอดรายได้ทั้งหมดด้วยตาม
รูปแบบงบกำไรขาดทุนจําแนกค่าใช้จ่ายตามลักษณะของค่าใช้จ่าย และงบกำไรขาดทุนจําแนก
คา่ ใชจ้ ่ายตามหน้าท่ี เขยี นคำว่า “คา่ ใชจ้ า่ ย แลว้ ทำบญั ชี
(3.4) เขียนคําว่า “รายได้” แล้วนำบัญชีหมวด
ค่าใช้จ่ายมาใส่ในงบกำไรขาดทุนถ้ามีค่าใช้จ่ายมากกว่า 1 รายการให้แสดงการรวมยอดค่าใช้จ่าย
ทั้งหมดด้วยตามรูปแบบงบกำไรขาดทุนจำแนกค่าใช้จ่ายตามลักษณะของค่าใช้จ่าย และงบกำไร
ขาดทุนจําแนกคา่ ใชจ้ ่ายตามหน้าที่
(3.5) หาผลต่างระหว่างยอดรวมของรายได้
และยอดรวมของคา่ ใช้จ่าย
- ถ้ายอดรวมของรายได้มากกว่ายอด
รวมของค่าใชจ้ ่ายผลต่างเรียกวา่ “กำไรสุทธิ
- ถ้ายอดรวมของค่าใช้จา่ ยมากกวา่ ยอด
รวมของรายไดผ้ ลตา่ งเรียกวา่ “ขาดทนุ สทุ ธิ
28
รา้ นอารยี า
งบกำไรขาดทนุ
สำหรบั ระยะเวลา 1 ปี ส้นิ สุดวันท่ี 31 ธันวาคม 25x6
รายได้ 354,800
รายไดจ้ ากการขาย 5,250
บวก รายไดค้ า่ เช่า
รวมรายได้ทง้ั ส้ิน 360,050
ค่าใช่จ่าย 157,080 256,280
ต้นทุนขาย (รายละเอียด 2) 99,200 103,770
คา่ ใช้จ่ายในการขายและการบริหาร (รายละเอยี ด 3)
รวมคา่ ใช่จา่ ย 1,725
102,045
กำไรกอ่ นหกั ตน้ ทุนการเงนิ และภาษีเงนิ ได้
หัก ดอกเบี้ยจ่าย XX
102,045
กำไรก่อนหกั ภาษเี งินได้
หกั ภาษเี งนิ ได้
กำไรสุทธิ
ภาพท่ี 2.3 งบกำไรขาดทนุ
11) จัดทำงบแสดงฐานะการเงนิ
การจัดทำงบแสดงฐานะการเงินตามกรมพัฒนาธุรกิจ
การค้าจะมีรปู แบบเดยี ว คอื แบบรายงานซ่งึ จะแบง่ รายการออกเปน็ 2 สว่ น คอื
(1) ส่วนที่หนึ่ง จะแสดงรายการเกี่ยวกับ
สนิ ทรัพย์ทั้งหมดเรียงกันลงมาตามลำดับแลว้ ทำการรวมยอดเงินของสนิ ทรัพยท์ ั้งหมด
(2) ส่วนที่สอง จะแสดงรายการหนี้สิน และส่วน
ของเจ้าของเรียงกันลงมาเช่นเดียวกันแล้วทำการรวมยอดหนี้สินและทุน ซึ่งยอดรวมทั้งสองส่วน คือ
ด้านสนิ ทรัพย์ หนส้ี นิ และส่วนของเจ้าของจะตอ้ งเท่ากนั ดังนี้
(2.1) เขียนหัวกลางกระดาษโดยจะ
ประกอบด้วย 3 บรรทดั
- บรรทัดท่ี 1 เขยี นชอ่ื กิจการ
- บรรทัดท่ี 2 เขียนว่า “งบ
แสดงฐานะการเงิน”
- บรรทดั ที่ 3 เขียนวันที่ทจ่ี ดั ทำ
งบแสดงฐานะการเงิน
- เขียนคําว่า "สินทรัพย์" ไว้กลาง
กระดาษแลว้ นำบัญชหี มวดสินทรพั ยม์ าใส่ และรวมยอดสินทรัพย์ทัง้ หมด
29
- เขียนคำว่า “หนี้สิน และส่วนของ
เจ้าของ" ไว้กลางกระดาษแล้วให้นำบัญชีหมวดหนี้สินมาใส่ และรวมยอดหนี้สินทั้งหมดต่อจากนั้นให้
บัญชีหมวดส่วนของเจ้าของมาใส่ และนำยอดรวมของส่วนของเจ้าของรวมกับยอดรวมหนี้สินทั้งหมด
ซึ่งจะต้องเท่ากับยอดรวมของสินทรัพย์รูปแบบงบแสดงฐานะการเงินของกิจการเจ้าของคนเดียว
ประเภทธุรกิจบริการที่ประยุกต์จากรูปแบบของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน (แบบ 1) ตามประกาศของ
กรมพฒั นาธุรกจิ การค้า มีดังนี้
เทศบาลเมืองลำพนู
งบแสดงฐานะกานรเงิน
ณ วันท่ี 31 มีนาคม 2561
ทรัพยส์ นิ ตามงบทรัพยส์ ิน หมายเหตุ 1,256,887,266.70
สินทรัพย์ 3 82,508,426.53
สนิ ทรัพยห์ มนุ เวยี น 4 13,661,112.43
เงินสด เงนิ ฝากธนาคาร 1,374,034.00
เงินฝาก ก.ส.ท.
ลกู หน้ีเงนิ ยมื เงนิ งบประมาณ 60,755.14
ลกู หน้ีค่าภาษี 1,798,194.90
ลูกหน้ีเงนิ ยมื เงินสะสม 99,402,523.00
รวมสนิ สินทรพั ยห์ มุนเวยี น
สินทรัพยไ์ ม่หมุนเวยี น 47,968,150.00
ทรพั ยส์ นิ เกิดจากเงนิ กู้ 47,968,150.00
รวมสนิ ทรพั ยไ์ มห่ มนุ เวยี น 147,370,67300
รวมสินทรัพย์
ภาพท่ี 2.4 งบแสดงฐานะการเงิน
13) การปิดบัญชี (Closing entries) หมายถึง วิธีปฏิบัติเพื่อโอนปิด
บัญชีรายได้ และค่าใช้จ่ายไปเข้าบัญชีกำไรขาดทุน และโอนปิดบัญชีกำไรขาดทุนไปเข้าบัญชีส่วน
ของเจา้ ของ รวมทั้งการปิดบัญชีถอนใช้สว่ นตวั (ถ้ามี) ไปเขา้ บัญชีส่วนของเจ้าของ (ทุน)
โดยจะเป็นการทำให้ยอดรวมของด้านเดบิตเท่ากับยอดรวมของด้าน
เครดิตของแต่ละหมวดบัญชี เช่น บัญชีแยกประเภทมียอดคงเหลือด้านเดบิตจะต้องบันทึกทางด้านเดบิต
ด้วยจำนวนเงินที่มียอดคงเหลือ เช่น บัญชีเงินเดือนหรือบัญชีเงินสดในทางตรงกันข้ามถ้ากิจการมี
ยอดคงเหลือทางด้านเครดิตในบัญชีแยกประเภท เช่น เจ้าหนี้หรือบัญชีรายได้ค่าบริการเมื่อเวลากิจการ
ตอ้ งการปดิ บญั ชีแยกประเภทท่ีต้องนำยอดเงินคงเหลือไปปิดดา้ นเดบิต
การบันทึกรายการปิดบัญชี ปกติแล้วจะกระทำเมื่อตอนสิ้นงวดหรือ
สิ้นรอบระยะเวลาบัญชี เช่น 1 ปี จะทำการบันทึกรายการปิดบัญชีโดยการโอนยอดดุลบัญชีรายได้ และ
ยอดดุลบัญชีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทุกบัญชีโอนไปบัญชีที่เปิดขึ้นใหม่ คือ บัญชีกำไรขาดทุนซึ่งเป็นบัญชี
ชั่วคราวเพื่อทำการเปรียบเทียบ และคำนวณหาผลกำไรขาดทุนจากกการดำเนินงานประจำงวดบัญชีน้ัน
30
เนื่องจากผลกำไรจะทำให้ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น และผลขาดทุนจะทำให้ส่วนของเจ้าของลดลงหลังจาก
นัน้ จึงโอนปดิ บัญชกี ำไรขาดทุนเข้าไปบัญชสี ่วนของเจ้าของ
(1) ขั้นตอนการปิดบัญชีการปิดบัญชีจะบันทึกตามหลักการ
บันทึกบัญชปี กติ คือ จะทำการบันทึกในสมุดรายวันทว่ั ไปแลว้ ผ่านไปยังบัญชีแยกประเภทดังน้ี
(1.1) บันทึกรายการปิดบัญชีประเภทรายได้ และ
ประเภทค่าใช้จ่ายในสมุดรายวันทัว่ ไป
(1.2) ผ่านรายการปิดบัญชีในสมุดรายวันทั่วไป ไป
ยังบญั ชแี ยกประเภทท่ีเกี่ยวข้อง การปิดบญั ชมี ขี น้ั ตอนดังนี้
- บนั ทกึ รายปดิ บัญชใี นสมุดรายวนั ทวั่ ไป
- บันทึกรายการปิดบัญชีในหมวดรายได้
เขา้ บญั ชีกำไรขาดทุน
- บันทึกรายการปิดบัญชีในหมวด
ค่าใช้จา่ ยเข้าบัญชีกำไรขาดทุน
- บันทึกรายการปิดบัญชีกำไรขาดทุน
บญั ชีสว่ นของเจ้าของ (ทนุ )
- บันทึกรายการปิดบัญชีถอนใช้ส่วนตัว
เขา้ หรอื เงนิ ถอนเข้าบัญชที นุ
(1.3) ขั้นตอนที่ 2 ผ่านรายการปิดบัญชีจากสมุด
รายวันท่วั ไป ไปยงั สมุดบญั ชีแยกประเภทท่วั ไป
(1.4) ขั้นตอนที่ 3 การปิดบัญชีสินทรัพย์ หนี้สิน
และส่วนของเจ้าของในสมดุ บญั ชีแยกประเภทท่วั ไป
(1.5) ขั้นตอนที่ 4 การจัดทำงบทดลองหลังการ
ปิดบญั ชี
(2) การปิดบัญชีในสมุดรายวันทั่วไป
การบันทกึ รายการปิดบัญชีในสมุดรายวันทวั่ ไป มีข้ันตอน
ปฏบิ ตั ิดงั นี้
(2.1) การปิดบัญชีในหมวดรายได้เข้าบัญชีกำไร
ขาดทนุ ปกติบญั ชีรายได้จะมยี อดดุลทางด้านเครดิต เม่ือบันทกึ ปดิ บญั ชีก็จะบนั ทึกในด้านตรงกันข้าม
คือด้านเดบิต เมื่อบัญชีรายได้ถูกโอนไปบัญชีกำไรขาดทุนแล้ว ยอดดุลหรือยอดคงเหลือของบัญชี
31
รายได้จะหมดไปหรือคงเหลือเปน็ ศูนย์ โดยจะเดบิตรายได้ และเครดิตกำไรขาดทุน (หรอื สรุปผลกำไร
ขาดทุน)
(2.2) การบัญชีหมวดค่าใช้จ่ายไปเข้าบัญชีกำไร
ขาดทุน ปกติบัญชีค่าใช้จ่ายจะมียอดดุลทางด้านเดบิต เมื่อบันทึกปิดบัญชีก็จะบันทึกในด้านตรงกัน
ข้าม คือ ด้านเครดิตเช่นเดียวกันเมื่อบัญชีค่าใช้จ่ายแต่ละบัญชีถูกโอนไปบัญชีกำไรขาดทุนแล้ว
ยอดดุลหรือยอดคงเหลือของบัญชีค่าใช้จ่ายแต่ละบัญชีจะหมดไปหรือคงเหลือเป็นศูนย์ โดยจะเดบิต
กำไรขาดทนุ (หรอื สรุปผลกำไรขาดทนุ ) และเครคดิ คา่ ใช้จา่ ย
(2.3) การปิดบัญชีกำไรขาดทุนไปเข้าบัญชีส่วน
ของเจ้าของ (ทุน) เมื่อโอนปิดบัญชีรายได้ และบัญชีค่าใช้จ่ายเข้าบัญชีกำไรขาดทุนแล้วให้ทำการ
เปรียบเทียบ หาผลต่างระหว่างด้านเดบิตกับด้านเครดิตในบัญชีกำไรขาดทุน ถ้าด้านเครดิต (รายได้)
สูงกว่าดา้ นเดบติ (คา่ ใชจ้ า่ ย) แสดงว่ามผี ลกำไรเกดิ ขึ้น แตถ่ ้าด้านเดบติ (คา่ ใช้จา่ ย) สูงกว่าด้านเครดิต
(รายได)้ ก็แสดงว่ามีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน การบนั ทึกบัญชีจะเปน็ ดงั น้ี
(2.4) ถ้ายอดรวมด้านเดบิตของบัญชีกำไร
ขาดทุนมากกว่ายอดรวมด้านเครดิตผลต่างของยอดรวมทั้งสองคือ ขาดทุนสุทธิ ซึ่งทำให้ส่วนของ
เจ้าของ (ทุน) ลดลง โดยจะเดบิตบัญชีทุนเจา้ ของกิจการ และเครดิตบัญชีกำไรขาดทุนเท่ากับจำนวน
ผลขาดทุนสทุ ธินัน้
(2.5) ถ้ายอดรวมด้านเครดิตของบัญชีกำไร
ขาดทุนมากกว่ายอดรวมด้านเดบิตผลต่างของยอดรวมทั้งสองคือ กำไรสุทธิ ซึ่งทำให้ส่วนของเจา้ ของ
(ทนุ ) เพ่ิมขึ้น โดยจะเดบิตบญั ชีกำไรขาดทุน และเครดิตบัญชีทุนเจ้าของกิจการเท่ากับจำนวนผลกำไร
สทุ ธิ
(2.6) การปิดบัญชีถอนใช้ส่วนตัวไปเข้าบัญชีทุน
บัญชีถอนใช้ส่วนตัวซึ่งมียอดดุลเดบิตจะโอนปิดบัญชีโดยเดบิตบัญชีทุนเจ้าของกิจการ และเครดิต
ถอนใช้สว่ นตัว เนื่องจากบญั ชีถอนใช้สว่ นตัวทำใหท้ นุ ของกิจการลดลง
(3) การผา่ นรายการปิดบัญชีจากสมุดรายวนั ทัว่ ไปไปสมุด
บัญชแี ยกประเภท
เมื่อปิดบัญชีในสมุดรายวันทั่วไปแล้ว ก็จะผ่านรายการไป
บัญชีแยกประเภทที่เกี่ยวข้องรวมทั้งอ้างอิงเลขที่บัญชีด้วย ได้แก่ บัญชีแยกประเภทรายได้
กำไรขาดทุน และถอนใช้สว่ นตวั เป็นต้น ซึ่งจะมีผลทำให้บัญชเี หล่านั้นถูกปดิ ไปในท่ีสุด ซึ่งเรียกบัญชี
แยกประเภทเหลา่ นว้ี ่าบญั ชใี นนาม (Nominal accounts)
32
(4) การปดิ บญั ชแี ยกประเภทท่วั ไป
(4.1) การปดิ บัญชแี ยกประเภททั่วไป แบ่งเปน็ 2
ข้ันตอนได้แก่
- ขั้นตอนที่ 1 การผ่านรายการปิดบัญชี
จากสมดุ รายวันทวั่ ไป ไปบัญชีแยกประเภทท่วั ไป
- ขั้นตอนที่ 2 การหายอดคงเหลือ
(Balancing) ของบัญชีที่มียอดคงเหลืออยู่จะมีเพียง 3 หมวดเท่านั้น คือ หมวดสินทรัพย์ หนี้สิน และ
ส่วนของเจ้าของบัญชีแยกประเภทจะเหลือเฉพาะบัญชีสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของงบัญชี
แท้ (Realaccounts) โดยจะหายอดคงเหลอื ของบัญชีเหล่าน้นั เพ่อื นำไปจดั ทำงบแสดงฐานะการเงิน
- การหายอดคงเหลือยกไป (Balancing
the account เพอ่ื นำยอดคงเหลือในงวดบัญชีปัจจบุ นั ยกไปบันทึกในงวดบัญชหี น้า จงึ ต้องคำนวณหา
ยอดดุลหรือยอดคงเหลือแต่ละบัญชีในบัญชีแยกประเภทแล้วบันทึกในช่องรายการว่า “ยอดยกไป”
และใส่จำนวนยอดคงเหลือในชอ่ งจำนวนเงิน เมื่อเริ่มรอบระยะเวลาบัญชีใหม่ก็จะบันทึกรายการเปิด
บัญชีโดยบันทึกในช่องรายการว่า “ยอดยกมา” และใส่จำนวนเงินในช่องจำนวนเงิน ซึ่งจะเท่ากับ
“ยอดยกไป” แต่จะบันทึก คนละด้านกับยอดยกไปและทำเครื่องหมาย ✓ (Check Mark) ในช่อง
หนา้ บัญชขี องรายการยอดยกไป และยอดยกมาเป็นการอ้างอิงโดยหายอดคงเหลือยกไป และยกมาใน
งวดบัญชีใหมห่ รือปิดให้หมดถา้ บัญชีน้ันไมม่ ียอดคงเหลอื เลย
14) งบทดลองหลังปิดบัญชี ( After closing trial
balance) คืองบทดลองที่จัดทำขึ้นหลังจากปิดบัญชีเมื่อสิ้นงวดบัญชีแล้ว บัญชีที่แสดงในงบทดลอง
จะประกอบดว้ ยบัญชีแท้ (Real accounts) ได้แก่ บญั ชสี ินทรพั ย์ หน้สี ิน และสว่ นของเจ้าของเท่านั้น
โดยยอดเดบิตต้องเทา่ กับยอดเครดติ เสมอ
(1) การทำงบทดลองหลงั ปิดบญั ชีมวี ธิ ีการ ดงั น้ี
(1.1) เขียนหัวงบทดลอง
(1.2) เขียนชื่อบัญชีลงในช่องชื่อบัญชี
โดยเรยี งตามผังบัญชี และเขยี นเฉพาะบัญชที ่มี ยี อดคงเหลอื
(1.3) เขียนเลขที่บัญชีลงในของเลขท่ี
บัญชี
33
(1.4) เขียนจำนวนเงินลงในช่องเดบิต
หรือเครดิตแล้วแต่ลักษณะของบัญชี โดยยอดคงเหลือในบัญชีแยกประเภททั่วไปตรงยอดยกไปหรือยอด
ยกมา
(1.5) รวมยอดท้ัง 2 ของซงึ่ จะได้เท่ากนั
การจัดหางบทดลองหลังปิดบัญชี จะนำยอด
คงเหลอื ของบัญชแี ยกประเภทหมวดสินทรัพย์ หน้ีสิน และสว่ นของเจ้าของมาจัดทำงบทดลองหลังปิด
บัญชีเพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของการบันทึกรายการทางบัญชีอีกครั้งหนึ่ง ยอดคงเหลือของบัญชี
ท่ปี รากฏในงบทดลองหลังปิดบัญชกี ็คอื ยอดคงเหลอื ที่จะยกไปเร่ิมตน้ ในงวดบญั ชใี หมต่ อ่ ไป
1.3 ความรู้ทัว่ ไปเกย่ี วกบั ธรุ กิจบรกิ ารซอ่ มรถ
1.3.1 ความรูเ้ ก่ยี วกบั ธุรกิจท่เี ลอื กศกึ ษา
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกบั งานด้านการซอ่ มแซมรถมอเตอร์ไซคจ์ ะมขี ั้นตอนดงั นี้
1) เรมิ่ จากการท่ลี ูกค้านำรถเข้ามาพร้อมกบั บอกอาการของรถ
2) จากนั้นเราก็จะต้องวินิจฉัยจากอาการว่ามันเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไรซ่ึง
เราจะใช้วิธกี ารทดลองหรือลองสตารท์ เครือ่ ง และสังเกตการทำงานของจุดต่างๆ ซึ่งขั้นตอนนี้จะเปน็
ขั้นตอนที่ใช้ประสบการณ์ของช่างซ่อมเป็นอย่างมากในการที่จะวินิจฉัยอาการของรถว่ามีสาเหตุมา
จากอะไรถ้าเราวนิ จิ ฉยั ได้ถูกตอ้ งตรงจุดเรากจ็ ะซ่อมได้เรว็ ลูกค้าก็จะมีความสุข
3) เมื่อวินิจฉัยแล้วก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการรื้อ ซ่อม เปลี่ยนอะไหล่ ฯลฯ ซึ่งก็
จะมีทั้งการใช้เครื่องมือ และการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วยเช็คช่วยซ่อม เนื่องจากว่า
เครือ่ งยนต์ของรถมอเตอร์ไซค์ในปัจจุบันมีการใช้ระบอิเล็กทรอนิกสเ์ ยอะขนึ้
4) เมื่อรื้อ ซ่อม เปลี่ยน ฯลฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ทำการประกอบ
ชิ้นส่วนต่างๆ เข้าไปให้เหมือนเดิม และนำรถของลูกค้าไปทดลอง จากนั้นก็ส่งรถคืนให้ลูกค้าส่วนงาน
ซ่อมบำรงุ ท่ัวไปก็มีขั้นตอนคลา้ ยๆ กัน เพียงแตเ่ ราไม่ต้องทำการวนิ จิ ฉัยอาการเพยี งแคพ่ ูดคุยกับลูกค้า
ว่าต้องการ ให้เราเปลี่ยนอะไรบ้างหรือเราจะแนะนำให้เขาเปลี่ยนอะไรบ้าง ซึ่งถ้าเรามีความรู้มี
ประสบการณ์มากพอที่จะแนะนำลูกค้าเกี่ยวกับรถของในด้านต่างๆ ได้มากลูกค้าก็จะรู้สึกประทับใจ
และไว้วางใจเรามากขน้ึ
นางสมศรี จิตรหลัง ได้อาศัยอยู่ที่จงั หวัดสตูลมาตั้งแต่กำเนิด เมื่ออายุ 15 ปี ได้ย้าย
มาอยู่กับพี่สาวที่จังหวัดปัตตานี และได้มาศึกษา ณ โรงเรียนโพธิ์คีรีราชศึกษาจนสำเร็จการศึกษา
มัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งพี่สาวของนางสมศรีได้เปิดร้านขายอะไหล่รถมอเตอร์ไซค์ และนางสมศรีได้ช่วย
พสี่ าวดูแลรา้ น แลว้ พบรกั กบั นายเดช หวังนรุ กั ษ์ (สามี) จงึ ไดต้ กลงแตง่ งานกนั เมื่ออายุ 24 ปี แลว้ ยา้ ย
34
ออกมาเปิดร้านซ่อมรถเป็นของตนเม่ืออายุ 35 ปี ในปีพ.ศ. 2547 จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 17 ปี
ตง้ั อยู่ท่ี 244/4 หมู่ 4 ตำบลโคกโพธ์ิ อำเภอโคกโพธ์ิ จงั หวดั ปัตตานี
1.3.2 ความรู้เกย่ี วกับแหลง่ เรยี นรภู้ ายนอก
1) ความหมายของการบรกิ าร
การบริการ คือ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้
ความหมาย “บริการ” หมายถึงปฏบิ ตั ิรบั ใช้หรอื ใหค้ วามสะดวกตา่ งๆ ดงั นัน้ การให้บริการจงึ หมายถึง
งานที่มีผู้คอยช่วยอำนวยความสะดวกซึ่งเรียกว่า “ผู้ให้บริการ” และ “ผู้มารับบริการ” ก็คือผู้มารับ
ความสะดวก
“การบริการ” ไม่ใช่สิ่งที่มีตัวตน แต่เป็นกระบวนการหรือกิจกรรมต่างๆ
ที่เกิดขึ้นจากการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่ต้องการใช้บริการ (ผู้บริโภค/ลูกค้า/ผู้รับบริการ) กับ ผู้
ให้บริการ (เจ้าของกิจการ/พนักงานงานบริการ/ระบบการจัดการบริการ) ในการที่จะตอบสนองความ
ต้องการอย่างใดอย่างหน่ึงใหบ้ รรลผุ ลสำเรจ็ ความแตกต่างระหว่างสินคา้ หรือการบริการตา่ งก็ก่อให้เกิด
ประโยชน์ และความพึงพอใจแก่ลูกค้าที่มาซื้อ โดยที่ธุรกิจบริการจะมุ่งเน้นการกระทำที่ตอบสนอง
ความต้องการของลูกค้าอันนำไปสู่ความพึงพอใจที่ได้รับบริการนั้น ในขณะนี้ธุรกิจทั่วไปมุ่งขายสินคา้
ท่ีลูกคา้ ชอบ และทำให้เกดิ ความพงึ พอใจท่ีไดเ้ ปน็ เจ้าของสินคา้ น้ัน (จิตตนิ ันท์ เตชะคุปต์, 2549)
“การบริการ" เป็นกิจกรรมการกระทำ และการปฏิบัติที่ผู้ให้บริการจัดทำ
ข้นึ เพ่อื เสนอขาย และสง่ มอบสผู่ ู้รับบรกิ ารหรอื เปน็ กิจกรรมทจี่ ดั ทำขึ้นรวมกบั การขายสนิ ค้าเพื่อสนอง
ความต้องการ และสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้รับบริการอย่างทันทีทนั ใด ลักษณะของการบริการมีทัง้
ไม่มีรูปร่างหรือตัวตนไม่สามารถสัมผัสหรือจับแตะต้องได้ และเป็นสิ่งที่เสื่อมสูญสลายได้ง่าย
แต่สามารถนำมาซื้อขายกันได้ ซึ่งองค์กรแต่ละองค์กรที่มีการแข่งขันกันสูงไม่ว่าจะด้านกลยุทธ์ต่างๆ
โปแกรมที่นําเสนอหรือโปรโมชั่นพิเศษสุด สุดท้ายแล้วผู้บริโภคจะเลือกใช้บริการนั้นก็คือการบริการ
หลังการขายซึง่ เป็นสิ่งท่ีองค์กรต่างๆ นำมาใช้เป็นกลยุทธ์ในการบริการหลงั การขาย และเป็นตัวเลือก
ทีด่ ใี นการเข้าใชบ้ ริการ
“การบริการ” ตรงกับภาษาอังกฤษว่า “Service" ในความหมายที่ว่าเป็น
การกระทำที่เปี่ยมไปด้วยความช่วยเหลือ การให้ความช่วยเหลือการดำเนินการที่เป็นประโยชน์
(จติ ตินันท์ เดชะคปุ ต์, 2540.) ซ่งึ ความหมายอกั ษรภาษาองั กฤษ 7 ตัวนี้ คือ
S = Smiling & Sympathy ยิ้มแย้ม และเอาใจเขามาใส่ใจเราเห็นอกเห็นใจ
ต่อความลำบากยุง่ ยากของผู้มารบั การบรกิ าร
E = Early Response ตอบสนองต่อความประสงค์จากผู้รับบริการอย่าง
รวดเร็ว
R = Respectful แสดงออกถงึ ความนับถือให้เกียรตผิ รู้ ับบรกิ าร
V = Voluntariness Manner การให้บริการที่ทำอย่างสมัครใจเต็มใจ
ทำไมใ่ ช่ทำงานอยา่ งเสียไม่ได้
35
I = Image Enhancing การรักษาภาพลักษณ์ของผู้ให้บริการ และ
ภาพลกั ษณ์ขององค์กร
C = Courtesy ความออ่ นน้อม ออ่ นโยน สุภาพ และมมี ารยาทดี
E = Enthusiasm ความกระฉับกระเฉง กระตือรือร้นขณะให้บริการ และ
ให้บริการมากกวา่ ผู้รบั บรกิ ารคาดหวงั เอาไว้
สรุปได้ว่า การบริการหมายถึงงานที่ปฏิบัติรับใช้หรืองานที่ให้ความสะดวก
ต่างๆ เกิดจากการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่ต้องการใช้บริการกับผู้ให้บริการในรูปแบบกิจกรรม
ผลประโยชน์หรือความพึงพอใจที่ผู้ขายจัดทำขึ้นเพ่ือสนองความต้องการแกผ่ ู้บริโภค และเพื่อส่งเสริม
การขายใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ
2) ความสำคัญของการบรกิ าร
การบริการที่ดีจะช่วยให้กิจการประสบความสำเร็จในที่สุด ดังนั้น
ความสำคัญของการบริการสามารถแบ่งเป็น 2 ประเด็น (มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2543: 14-16)
ดังนี้
(1) ความสำคัญตอ่ ผู้ใหบ้ ริการ แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ
- งานบริหารบุคลากรที่ปฏิบัติงานบริการโดยเฉพาะผู้
ทใี่ ห้บริการส่วนหน้าเนื่องจากเป็นบุคคลท่ปี ฏิสัมพันธ์กับผู้มารับบริการโดยตรงเร่ิมต้ังแต่การต้อนรับผู้
ที่เข้ามาติดต่อจนกระทั่งบริการต่างๆ สิ้นสุดลง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการบริการจะช่วยให้
ผปู้ ฏิบัตงิ านบริการตระหนักถึงการปฏบิ ตั ติ นต่อผ้รู ับบริการด้วยจติ สำนึกของการใหบ้ ริการ และพฒั นา
ศกั ยภาพมีดงั น้ี
- รับรู้เป้าหมายของการให้บริการที่ถูกต้องโดย
มุ่งเน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางของการบริการด้วยการกระทำเพื่อการตอบสนอง ความต้องการ
ของลูกคา้ และทต่ี ัวลกู ค้าหรือทำใหล้ ูกค้ามาใชบ้ ริการพึง่ พอใจเปน็ สำคัญ
- เข้าใจและยอมรับพฤติกรรมของลูกค้าหรือผู้
ทใ่ี ช้บรกิ าร
- ตระหนักถึงบทบาท และพฤติกรรมของการ
บริการที่ผู้บริการพึงปฏิบัติซึ่งเป็นภาพลักษณ์เบือ้ งต้นที่สามารถทำให้ผู้รับบริการประทับใจใชบ้ ริการ
จนเป็นลกู คา้ ประจำ
- วิเคราะห์ความต้องการของผู้รับบริการ และ
คุณลักษณะของการบริการที่สร้างความประทับใจแก่ผู้รับบริการรวมทั้งการแก้ปัญหาเฉพ าะหน้า
ซึ่งเกิดขึ้นตลอดเวลา และจำเป็นต้องอาศัยการฝึกฝนทักษะในการแก้ปัญหาเพื่อมิให้ผู้รับบริการเกิด
ความไม่พอใจในการบรกิ ารได้
- ผู้ประกอบการ ปัจจุบันผู้ประกอบการทีผ่ ลิตสินค้า และ
บรกิ ารตา่ งตระหนักถึงความสำคญั ของการบริการมากข้ึน และหันมาใหบ้ ริการเป็นกลยุทธ์การแข่งขัน
36
ทางการตลาดที่นับวันจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการบริการจะช่วยให้
ผู้บริหารการบริการสามารถสร้างความเป็นเลิศในการดำเนินการบริการด้วยคุณภาพของการบริการ
ท่ียอดเยี่ยมได้ ดังน้ี
- ตระหนักถึงความสำคัญของลูกค้าเป็นอันดับ
แรก และรู้จักสำรวจความต้องการของลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้า และบริการต่างๆ เพื่อนำข้อมูลมา
ใชว้ างแผน และการปรบั ปรุงการดำเนินงานได้อยา่ งเหมาะสม
- เห็นความสำคัญของบุคลากรซึ่งมีบทบาท
สำคญั ท่ีจะดงึ ผ้บู รโิ ภคใหม้ าเปน็ ลูกค้าประจำขององคก์ รด้วยการสนบั สนนุ และเพมิ่ ขดี ความสามารถใน
การพัฒนาศักยภาพในการบริการอย่างทั่วถึงทั้งในด้านความรู้ และทักษะการบริการที่มีคุณภาพมี
ประสิทธิภาพโดยมุ่งเนน้ การพัฒนาบุคลากรท่มี คี ณุ ภาพ การสรา้ งเอกลักษณใ์ นการบรกิ าร
- เขา้ ใจกลยทุ ธก์ ารบรกิ ารตา่ งๆ ที่สามารถใชเ้ ป็น
กลยุทธ์ทำงการตลาดที่ประทับใจ การบริหารองค์การที่มีประสิทธิภาพ และการใช้เทคโนโลยี
การบรกิ ารที่ทนั สมยั
- วิเคราะห์ปัญหาข้อบกพร่อง แนวโน้มของการ
บริการเพ่ือการปรบั ปรงุ แก้ไข และทำหนดทศิ ทำงของการบริการท่ีตลาดต้องการได้
(2) ความสำคัญต่อผู้รบั บรกิ าร ถงึ แมธ้ ุรกจิ บริการจะใหค้ วามสำคัญ
อย่างมากกับลูกค้าหรือผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจเลือกซื้อหรือใช้บริการต่างๆ และพยายาม
ทุกวิถีทางที่จะสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า ดังนั้นลูกค้าจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้บทบาท
และขอบเขตความเป็นไปได้ของการใช้บริการที่เหมาะสมด้วยความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริการ
จะช่วยให้ผู้ใช้บริการเข้าใจกระบวนการบริการ และสามารถคาดหวังการบริการที่จะได้รับอย่างมี
เหตุผลตามข้อจำกดั ของสถานการณท์ ีเ่ กดิ ขนึ้
- รับรู้และเข้าใจลักษณะของงานบริการว่าเป็นงานหนัก
ที่จะต้องพบกับคนจำนวนมาก และตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้มารับบริการอยู่
ตลอดเวลาอันสง่ ผลให้การบริการบางครัง้ อาจไม่รวดเรว็ ทันกับความตอ้ งการของผู้รบั บริการทุกคนใน
เวลาเดียวกันได้ ซึ่งผู้ใช้บริการจำเป็นต้องคาดหวังการบริการในระดับที่มีความเป็นไปได้ตามลักษณะ
ของงานบรกิ ารตา่ งๆ
- ตระหนักถึงพฤติกรรมที่พึงประสงค์ของผู้ใช้บริการผู้
ที่แสดงเจตนาในการรับบริการควรมีมารยาทที่ดี และใช้คําพูดที่ชัดเจนเข้าใจง่ายในการระบุความ
ต้องการการบริการเมื่อผู้ให้บริการเข้าใจ และเสนอการบริการที่ถูกใจผู้รับบริการที่จะทำให้เกิด
ความรูส้ ึก และทศั นคติท่มี ีต่อการบรกิ าร
37
1.4 ทฤษฎคี วามพึงพอใจ
1.4.1 ความหมายของความพงึ พอใจ
ความพึงพอใจ (Satisfaction) ได้มีผู้ให้ความหมายของความพึงพอใจไว้หลาย
ความหมายด้วยนี้
กู๊ด (Good, 1973) กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถึง สภาพ คุณภาพหรือระดับ
ความพงึ พอใจซึง่ เป็นผลมาจากความสนใจต่างๆ และทศั นคตทิ ี่บุคคลน้ันมีตอ่ สง่ิ น้นั
โอลิเวอร์ (Oliver, 1997) ได้ให้ความหมายของความแห่งพอใจคือการตอบสนอง
แสดงถึงความรู้ประสงค์ของลูกค้าเป็นวิจารณญาณของลูกค้าที่มีต่อสินค้าและบริการ ความพึงพอใจ
มีมมุ มองทแ่ี ตกตา่ งกันแล้วแตม่ ุมมองของแตล่ ะคน
โวลแมน (Wolman, 1973) กล่าววา่ ความพงึ พอใจ หมายถึง ความรู้สกึ ทม่ี ีความสุข
เมอ่ื ไดผ้ ลสำเร็จสามจุดมงุ่ หมาย ความต้องการหรอื แรงจงู ใจ
เคลิร์ก (Quirk, 1987) ความพึงพอใจหมายถึงความรู้ที่มีความสุขหรือความพอใจ
เมอ่ื ได้รบั ความสำเรจ็ หรอื ไดร้ ับสง่ิ ทต่ี อ้ งการ
ฮอร์นบี (Hornby, 2000) ความพึงพอใจหมายถงึ ความรสู้ กึ ท่เี ม่ือประสบความสำเร็จ
หรอื ไดร้ บั สิง่ ท่ตี อ้ งการให้เกิดขึน้ เป็นความรสู้ ึกที่พอใจ
วิรุฬ พรรณเทวี (2542, หน้า 111) ได้ให้ความหมายความพึงพอใจ หมายถึง
ความรสู้ ึกภายในจิตใจของมนุษยท์ ี่ไม่เหมือนกันขนึ้ อยู่กบั แต่ละบุคคลว่าจะคาดหวังกับสิ่งหนึ่งอย่างไร
ถ้าคาดหวังหรือมีความตั้งใจมาก และได้รับการตอบสนองด้วยจะมีความพึงพอใจมาก แต่ในทาง
ตรงกันข้างอาจผิดหวังหรือไม่พึงพอใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อไม่ได้รับการตอบสนองตามที่คาด หวังไว้ทั้งนี้
ข้นึ อย่กู บั สง่ิ ท่ีตนต้งั ใจไวว้ า่ มมี ากหรือนอ้ ย
สรุ ิยะ วริ ิยะสวสั ดิ์ (2530, หน้า 42 อา้ งถงึ ใน ปราการ กองแก้ว, 2546, หนา้ 17) ได้
ให้ความหมายความพึงพอใจหลังการให้บริการของหน่วยงานของรัฐของเขาว่าระดับผลที่ได้จากการ
พบปะสอดคล้องกับปัญหาที่มีอยู่หรือไม่ ส่งผลดี และสร้างความภูมิใจเพียงใด และสร้างความภูมิใจ
เพียงใด
สาโรช ไสยสมบัติ (2534, หน้า 18 อ้างถึงใน ปราการ กองแก้ว, 2546, หน้า 17)
ความพึงพอใจเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ช่วยทำให้งานประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้า
เป็นงานที่เกี่ยวกับการให้บริการ นอกจากผู้บริหารจะดำเนินการให้ผู้ทำงานเกิดความพึงพอใจในการ
ทำงานแล้วยังจำเป็นต้องดำเนินการที่จะทำให้ผู้ใช้บริการเกิดความพึงพอใจด้วยเพราะความ
เจริญก้าวหน้าของการบริการเป็นปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งที่เป็นตัวบ่งชี้ถึงจำนวนผู้มาใช้บริการ
ดังน้ันผู้บรหิ ารทชี่ าญฉลาดจึงควรอย่างยิ่งที่จะศึกษาใหล้ ึกซึ้งถงึ ปจั จยั และองค์ประกอบต่างๆที่จะทำ
ใหเ้ กดิ ความพงึ พอใจทง้ั ผปู้ ฏิบัติงาน และผู้มาใช้บริการ
ราณี เชาวนปรีชา (2538, หน้า 18 อ้างถึงใน วฤทธิ์ สารฤทธิคม, 2548, หน้า 31)
กลา่ ววา่ ความพึงพอใจ หมายถงึ ความร้สู กึ หรอื ทัศนคติของบุคคลทม่ี ีต่อส่ิงใดสิง่ หน่ึงหรือปัจจัยต่างๆ
38
ที่เกี่ยวข้องความรู้สึกพึงพอใจจะเกิดเมื่อความต้องการของบุคคลที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือปัจจัยต่างๆ
ของบุคคลได้รับการตอบสนองหรือบรรลุตามจุดมุ่งหมายในระดับหนึ่ง ความรู้สึกดังกล่าวจะลดลง
หรือไม่เกิดขึ้น หากความต้องการหรือจุดมุ่งหมายนั้นไม่ได้รับการตอบสนองความพึงพอใจต่อการใช้
บรกิ ารจึงเปน็ ความรู้สกึ ของผู้ที่มารับบริการมีต่อสถานบริการตามประสบการณ์ที่ได้รับจากการเข้าไป
ติดตอ่ ขอรับบรกิ ารในสถานบริการน้ันๆ
อรรถพร คําคม (2546, หน้า 29) ได้สรุปว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ทัศนคติหรือ
ระดบั ความพึงพอใจของบุคคลต่อกิจการรมต่างๆ ซึง่ สะทอ้ นให้เหน็ ถึงประสิทธิภาพของกิจกรรมนั้นๆ
โดยเกดิ จากพ้นื ฐานของการรบั รู้ ค่านยิ ม และประสบการณ์ที่แตล่ ะบุคคลจะไดร้ ับ ระดับของความพึง
พอใจจะเกิดขนึ้ เม่อื กจิ กรรมนั้นๆ สามารถตอบสนองความต้องการแก่บุคคลนน้ั ได้
วฤทธิ์ สารฤทธิคาม (2548, หน้า 32 อ้างถึงใน รัตนศักดิ์ สารพัฒน์, 2551, หน้า 6)
ไดใ้ หค้ วามหมายความพงึ พอใจว่า เป็นปฏกิ ิริยาด้านความรสู้ กึ ต่อส่งิ เรา้ หรอื ส่ิงกระตนุ้ ท่แี สดงผล
จากการตรวจเอกสารข้างต้นสรุปได้ว่าความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกที่ดีหรือ
ทัศนคตทิ ด่ี ขี องบุคคล ซึ่งมกั เกดิ จากการได้รับการตอบสนองตามทีต่ ้องการก็จะเกิดความร้สู ึกท่ีดีต่อสิ่ง
นั้นตรงกนั ข้ามหากความตอ้ งการของตนไม่ได้รับการตอบสนองความพงึ พอใจกจ็ ะเกิดขึ้น
1.4.2 แนวคดิ เก่ยี วกบั ความพงึ พอใจ
อุทัยพรรณ สุดใจ (2545) ได้กล่าวถึง ความพึงพอใจว่า เป็นความรู้สึกรักชอบยินดี
เต็มใจหรือมีเจตคติที่ดีของบุคคลต่อสิง่ ใดสิ่งหนึ่งความพอใจจะเกิดเมื่อได้รับตอบสนองความต้องการ
ทั้งด้านวัตถุ และด้านจิตใจความพึงพอใจเป็นเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึก และทัศนะของบุคคล
อันเนื่องมาจากสิ่งเร้า และสิ่งจูงใจโดยอาจเป็นไปในเชิงประเมินค่าว่าความรู้สึกหรือทัศนคติต่อส่ิง
เหล่าน้ันเปน็ ไปในทางลบหรอื บวก
ราชบัณฑิตสถาน (2546) ได้กล่าวถึง ความหมายของคำว่า ความพึงพอใจ ดังน้ี
คำว่า “ฟัง” เป็นคำกริยาอื่น หมายความว่า ยอมตาม เช่น พึงใจ และคำว่า “พอใจ” หมายถึง ผมชอบ
ชอบใจ
กชกร เป้าวรรณ และคณะ (2550) ได้กล่าวถึง ความหมายของความพึงพอใจ
ว่าส่งิ ทคี่ วรจะเปน็ ไปตามความต้องการความพึงพอใจเป็นผลของการแสดงออกของทัศนคติของบุคคล
อีกรูปแบบหนึ่ง ซ่ึงเป็นความรสู้ ึกเอนเอียงของจิตใจที่มปี ระสบการณ์ที่มนุษย์เราได้รับอาจจะมากหรือ
น้อยก็ได้ และเป็นความรูส้ กึ ที่มีตอ่ สิง่ ใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นไปได้ทั้งทางบวก และทางลบแต่ก็เมื่อได้สิง่ นัน้
สามารถตอบสนองความต้องการหรือทำให้บรรลุจุดมุ่งหมายได้ก็จะเกิดความรู้สึกบวกเป็นความรู้สึก
ที่พึงพอใจแต่ในทำงตรงกันข้ามถ้าสิ่งนั้นสร้างความรู้สึกผิดหวังก็จะทำให้เกิดความรู้สึก ทางลบเป็น
ความรสู้ กึ ไม่พงึ พอใจ
Applewhite (1965) ได้กลา่ วถึง ความพึงพอใจ เป็นความรสู้ ึกส่วนตัวของบุคคลใน
การปฏิบัติงาน ซ่งึ รวมไปถงึ ความพงึ พอใจเป็นความรสู้ กึ ส่วนตัวของบุคคลในการปฏิบัติงาน ซึ่งรวมไป
39
ถึงความพึงพอใจในสภาพแวดล้อมทางกายภาพด้วยการมีความสุขที่ทำงานร่วมกับคนอื่นที่เข้ากันได้
มีทศั นคติท่ดี ตี อ่ งานด้วย
1.4.3 แนวคดิ การสรา้ งความพงึ พอใจ
นิคม เอี่ยมสะอาด (2539 หน้า 27) กล่าวไว้ว่า การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง
ลูกค้ากับผู้ขายนั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายแต่ผู้ให้บริการจะต้องได้รับการอบรม
และชี้แจงให้ทราบถึงนโยบาย และแนวทางในการปฏิบัติให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีโดยมีแนวทางการ
พัฒนาลูกค้าสัมพันธ์ 14 ประการ ดงั น้ี
1) รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับลูกค้าการประกอบธุรกิจใดๆ ก็ตามมักจะ
ต้องมีการบิดหมายในการให้บริการต่างๆ เช่น บริการหลังการขายหรือบางครั้งถ้าสินค้าเปน็ เร่ืองของ
การบริการทไ่ี มส่ ามารถจับต้องได้ถ้าลูกค้ามปี ัญหาใดก็ตามองค์กรหรือผ้บู ริการจะต้องใหค้ วามสนใจใน
การให้บริการเมื่อมีการนัดหมายจะให้บริการเมื่อใดก็ตามหรืออย่างไรก็ตามองค์กรนั้นจะต้องทำตาม
การนัดหมาย หรือข้อตกลงนั้นๆ โดยไม่บิดพลิ้ว และควรให้บริการอย่างรวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ
และอยา่ งมีมติ รภาพด้วยสีหน้าย้ิมแย้มแจ่มใสมีความนอบนอ้ มโดยไมม่ ีการบ่นถึงความเหน่ือยยากหรือ
สิ้นเปลืองต่างๆ การกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นกฎข้อแรกที่ผู้ให้บริการจะต้องถือเป็นกฎเกณฑ์ในการ
ใหบ้ ริการลกู ค้า
2) ตอบรับโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาอย่างรวดเร็วภายในไม่เกิน 5 นาที การรับ
โทรศพั ทข์ า้ ถือวา่ เปน็ การทำลายภาพลกั ษณ์ และความน่าเช่ือถอื ของบริษัท
3) การตอบรับในเรื่องได้รับเอกสารหรือหลักฐานต่างๆ ภายใน 2 วัน
เอกสารบางอย่างท่ีส่งมายังบริษัทอาจจะไมจ่ ำเป็นต้องตอบแตเ่ อกสารที่เกย่ี วกับการขอให้บริการหรือ
สอบถามบริการหรอื ข้อแนะนำตา่ งๆ ที่มีตอ่ บริษทั ควรจะไดร้ บั การตอบรับทนั ทภี ายใน 2 วัน อาจจะมี
เอกสารบางอยา่ งท่ไี มส่ ามารถตอบได้ภายใน 2 วันนัน้ ผู้บริการจะต้องมีการต้ังเป้าหมายท่ีแน่ชัดว่าจะ
เสร็จเมื่อใดเจ้าของหรือบุคคลอ้างถึงในจดหมายหรือเอกสารนั้นควรจะเป็นผู้ตอบหรือมีลายเซ็น
ท่แี สดงวา่ ไดต้ อบแล้วมใิ ชผ่ ู้อ่นื ตอบ
4) ไมค่ วรให้ลกู ค้ารอคอยนานเกนิ 5 นาที การใหล้ กู คา้ รอนานเป็นการสร้าง
ความรู้สึกที่ไม่ดีต่อลูกค้าเปน็ การสูญเสียทางเศรษฐกิจของลูกค้าทั้งน้ีเพราะลูกค้าจะรู้สึกว่าบรกิ ารนั้น
มีราคาแพงทั้งที่ไม่มีตัวเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นการที่ผู้ให้บริการสามารถให้บริการอย่างรวดเร็วจึง
เปน็ ปจั จัยหนงึ่ ในการสร้างความพงึ พอใจ
5) ผู้ให้บริการทุกคนต้องมีทัศนคติที่ดีต่อลูกค้าการติดต่อหรือทำธุรกิจ
กับทุกครั้งผู้ให้บริการจะต้องให้เกียรติแก่ลูกค้าแสดงกิริยามารยาที่ดีกับลูกค้าและต้อ งแสดงความ
อ่อนหวานราบรื่นหูตลอดจนคำขอบคุณที่ให้ลูกค้าซึ่งพบว่ามีมนต์ขลังในการดึงดูดลูกค้าให้กลับมาใช้
บริการอกี
6) เมื่อมีสิ่งบกพร่องเกิดขึ้นรับไปหาลูกค้าก่อนที่ลูกค้าจะมาหาความ
ผิดพลาดหรอื ข้อบกพร่องบางประการเป็นสง่ิ ท่เี กิดขน้ึ ได้เสมอ เชน่ บริษัทไดใ้ หส้ ัญญาแกล่ กู ค้าวา่ จะส่ง
40
มอบของภายในระยะเวลาหนึ่งหรือการสัญญาว่าจะซ่อมสินค้าท่ีซ้ือไปใหเ้ สร็จภายในเวลาท่ีกำหนดแต่
ไม่สามารถทำได้เนื่องจากเหตุสุดวิสัยต่างๆ ในสถานการณ์ที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ให้บริการจะต้องรีบ
ติดต่อ และแจ้งให้ลูกค้าทราบก่อนที่ลูกค้าจะพบหรือทราบว่าผู้ให้บริการไม่สามารถทำตามที่ลูกค้า
คาดหวงั ไดก้ ารกระทำเชน่ นจี้ ะสามารถลดความรู้สกึ ที่ไมด่ ขี องลูกคา้ ได้
7) ระบบการทำงานจะต้องมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งหมายถึง ระบบการ
ให้บริการต่างๆ จะต้องอยู่ในสภาพดีทำงานได้ตลอดเวลา เช่นเครื่องรับโทรศัพท์ เครื่องทำน้ำอุ่นหรอื
ลิฟท์ของโรงแรมจะต้องอยูใ่ นสถานภาพที่ทำงานไดต้ ลอดเวลา การตรวจสอบตลอดเวลาหากมปี ัญหา
ต้องได้รับการแก้ไขทันทีถ้าสภาวะทางด้านลบเหล่านี้เกิดขึ้นอันเนื่องจากความไม่น่าเชื่อถือของระบบ
ย่อมจะมีภาพลักษณท์ ี่ดีต่อองค์กร และยังสร้างความไม่พงึ พอใจใหแ้ กล่ ูกคา้ หรือผูร้ ับบริการ
8) การแก้ไขปญั หาหรือข้อผิดพลาดทุกด้านอยา่ งรวดเร็ว หมายถึง การที่ไม่
ควรให้ความผิดพลาดในเรื่องเดียวกันเป็นครั้งที่สอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกค้ารายเดียวกัน เช่น
ลูกค้าแจ้งว่ายอดเงินฝากผิดพลาดหรือสะกดชื่อหรือนามสกุลผิดพลาดธนาคารก็ยังไม่สามารถแก้ไข
ปญั หานั้นไดท้ ันทียงั คงมีความผิดพลาดนั้นๆ เกดิ ขึน้ เหมือนเดมิ
9) พนักงานทุกคนจะต้องเป็นผู้รู้ คือ รู้ข้อมูลที่จำเป็น และสำคัญเกี่ยวกับ
งานสินคา้
10) พนักงานที่ต้องติดต่อทำงานหรือให้บริการลูกค้าจะต้องเป็นผู้สามารถ
ตัดสินใจเพ่ือการตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยมีอสิ ระจากการตำหนิของผู้บริหารนอกจากนี้
ผูใ้ หบ้ ริการจะต้องมีการเอาใจใสว่ ่าลกู ค้ามคี วามพงึ พอใจเพยี งใด
11) ในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ หรือบริการพิเศษเล็กๆ หลักการข้อนี้สามารถสร้าง
ไดท้ ั้งความพึงพอใจ และความสมั พันธก์ ับลูกค้า เช่น การแจกหรอื แถมเม่ือซื้อสนิ ค้าภายในวงเงนิ หน่ึง
2. งานวิจยั ท่เี ก่ยี วขอ้ ง
ปภัสรา โพยนอก แสงคำ สมสร้อย และอินทิราพร จอมคำสิงห์ (2558). บริการทำบัญชี
ของธุรกิจบริการ กรณีศึกษา : ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ คุณชนากร กันฉาย โครงการวิชาชีพ
มีวัตถุประสงค์เพื่อนำความรู้จากรายวิชาต่างๆ และทักษะวิชาชีพมาประยุกต์ใช้ในการทำโครงการ
และบริการสังคมอยา่ งมีประสิทธิภาพเพ่ือไดร้ ับความรู้ และประสบการณ์ตรงเกีย่ วกับการดำเนินธุรกิจ
จากแหล่งเรียนรู้ที่เลือกศึกษา และแหล่งเรียนรู้ภายนอกอื่นเพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำเทคโนโลยี
มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานด้านบัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลการบริการทำบัญชีธุรกิจ
ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ กรณีศึกษา : คุณชนากร กันฉาย พบว่าเจ้าของกิจการที่เข้าร่วมโครงการ
ความคิดเห็นต่อการรับบริการทำบัญชีโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ถือได้ว่าการจัดทำโครงการ
บริการทำบัญชีในครั้งนี้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่วางไว้ ซึ่งจะเห็นได้จากการทำงานอย่างมีระบบ
ปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้องมีการประสานงานระหว่างสถานศึกษา และสมาชิกในกลุ่มรวมถึง
อาจารย์ที่ปรึกษา และเจ้าของกิจการให้ความร่วมมือที่ดีในด้านการให้ข้อมูลเกี่ยวกับกิจการ
41
ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ โดยผู้จัดทำโครงการ สามารถนำความรู้ด้านบัญชีไปประยุกต์ใช้ในโครงการ
อย่างมีประสิทธิภาพในการจัดทำโครงการ ครั้งนี้ผู้ศึกษาได้นําความรู้จากรายวิชากระบวนการจัดทำ
บัญชีมาประยุกต์ใช้ในการจัดทำเอกสารทางการบัญชี เช่นการออกแบบฟอร์มต่างๆ ในการทำบัญชี
คือสมุดรายวันทั่วไป บัญชีแยกประเภท งบทดลองกระดาษทำการ 6 ช่อง งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ
งบแสดงฐานะการเงนิ รายงานการตรวจนบั สินค้าคงเหลือ ใบสาํ คัญรบั - ใบสำคัญจ่าย ใบเสร็จรับเงิน
การแยกประเภทเอกสาร การจัดเก็บเอกสารการตรวจสอบบัญชี เอกสารประกอบการลงบัญชี
และการจัดหมวดบัญชี วิชาการบัญชีนําความรู้มาประยุกต์ใช้ในการตรวจเช็คสินค้าคงเหลือส้ินงวด
ปลายงวด การจัดทำแบบฟอร์มเอกสารการลงบญั ชี การเก็บรกั ษา และการรบั ของจากการซื้อวัสดุแต่
ละครั้ง และนำโปรแกรม Microsoft Word 2013 มาใช้งานในการจัดพิมพ์รปู เล่มโครงการวิชาชีพให้
สวยงามจัดเอกสารให้เป็นระเบียบ และจัดเรียงหน้าเอกสารได้อย่างสวยงาม โปรแกรม Microsoft
PowerPoint 2013 เพื่อใช้ในการนำเสนอโครงการ และโปรแกรม Microsolt Excel 2013 มาใช้ใน
การสร้างตารางรวมทัง้ มีทักษะด้านการทำงานเป็นกลุ่ม การมอบหมายให้สมาชิกในกลุม่ การวางระบบ
เอกสาร และจดั ทำเอกสารทำงบัญชี สามารถใช้งานได้จริง และสามารถตรวจสอบได้มีความรอบคอบ
และรัดกุมเก่ยี วกบั การจัดทำบัญชี และออกแบบเอกสารทางบัญชใี หส้ อดคลอ้ ง และสัมพนั ธก์ ับกิจการ
วางแผน และแก้ไขปัญหาจากการทำงานดว้ ยหลักการ และเหตผุ ล
วิกานดา คำนวณเดช สาธิตา นาควิจิตร์ และสุพัตรา บัวแผ่น (2558). บริการทำบัญชี
ของธุรกิจร้านซ่อมรถ กรณีศึกษา : ร้านเอกการช่าง คุณกรกมล เปียธัญญา โครงการวิชาชีพน้ี
มีวัตถุประสงค์ทำความรู้จากรายวิชาต่างๆ และทักษะวิชาชีพมาประยุกต์ใช้ในการทำโครงการ
และบริการสังคมอย่างมีประสิทธิภาพได้รับความรู้ และประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ
จากแหล่งเรียนรู้ที่เลือกศึกษา และแหล่งเรียนรู้ภายนอกอื่น และให้ผู้เรียนสามารถนำเทคโนโลยี
มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานด้านบัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลการบริการทำธุรกิจซ่อมรถ
กรณีศึกษา : ร้านเอกการช่าง คุณกรกมล เปียธัญญา พบว่าเจ้าของกิจการที่ร่วมโครงการบริการ
ทำบัญชีในครั้งนี้มีความพึงพอใจเป็นอย่างมากเพราะได้ทราบถึงฐานะการเงินที่แท้จริงของกิจการที่
ทำอยู่อย่างถูกต้องทำให้เจ้าของกิจการสามารถบริหารการเงินและสิ่งต่างๆ ภายในกิจการได้อย่าง
มีประสิทธิภาพและคุณกรกมลได้ออบแบบสอบถาม และมีความคิดเห็นต่อการบริการทำบัญชี
ซึ่งอยู่ในระดับดีมากที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการความรู้จากรายวิชาต่างๆ และทักษะ
วิชาชีพมาประยุกต์ใช้ในการทำโครงการ และบริการสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ เช่นการออก
แบบฟอร์มต่างๆ ในการทำบัญชี คือ สมุดรายวันทั่วไป แยกประเภท งบทดลอง กระดาษทำการ 8 ช่อง
งบกาํ ไรขาดทนุ งบแสดงฐานะการเงิน ใบสําคัญรับ ใบสําคัญจา่ ย และใบเสร็จรับเงินมาประยุกต์ใช้ให้
เข้ากับการให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ยังได้นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน
ด้านบัญชมี าใช้ในการทำเอกสารให้มีความสวยงามเรยี บร้อย และถูกต้องตามหลักวิธีการนำโปรแกรม
Microsoft PowerPoint 2010 มาใช้ในการนำเสนอข้อมูลให้มีความน่าสนใจ และให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
อกี ดว้ ย
42
เทพธงชัย เพียรโคตร นิตยา แสนโพธ์ิ และพรพรรณ วรรณทอง (2558). โครงการบริการ
ทำบัญชีของธุรกิจร้านจำหน่ายอะไหล่รถจักรยานยนต์ กรณีศึกษา : นายมาโนช มาลมณ์พันธ์โครงการ
วิชาชีพน้ีมีวัตถุประสงค์นำความรู้จากรายวิชาตา่ งๆ และทักษะวิชาชีพ มาประยุกต์ใช้ในการทำโครงการ
และบริการสังคมอย่างมีประสิทธิภาพได้รับความรู้ และประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ
จากแหล่งเรียนรู้ที่เลือกศึกษา และแหล่งเรียนรู้ภายนอกอื่น และให้ผู้เรียนสามารถนำเทคโนโลยี
มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานด้านบัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลการดำเนินบริการทำบัญชีของธุรกิจ
ร้านจำหน่ายอะไหล่รถจักรยานยนต์กรณีศึกษา : นายมาโนช มาลมณ์พันธ์ พบว่าเจ้าของกิจการมีความ
พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะได้ทราบถึงผลการดำเนินงานเจ้าของกิจการท่ีแท้จริงโดยมีวิธีการทำบัญชี
อย่างเป็นข้ันตอนทำให้เจ้าของกิจการมีการวางแผนการเงิน และบริหารการเงินของธุรกิจได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ โดยคุณมาโนช มาลมณ์พันธ์ ได้มีความคิดเห็นต่อการบริการทำบัญชีของนักศึกษา
ซ่ึงอยู่ในระดับดีมากที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการสร้างความรู้จากรายวิชาต่างๆ และทักษะ
วิชาชีพมาประยุกต์ใช้ในการทำโครงการ และบริหารสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการพิจารณา
วงจรบัญชี 9 ขั้นมาประยุกต์ใช้เข้ากับกิจการที่บริการทำบัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท้ังนี้ยังได้
นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานด้านบัญชีในการจัดทำเอกสารให้ถูกต้องตามหลักบัญชี
มีการนำโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2010 มาใช้ในการนำเสนอข้อมูลให้มีความหน้าสนใจ
ไดอ้ ย่างง่ายอีกด้วย
บทที่ 3
วิธีดำเนนิ การวจิ ยั
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยประเภทวิจัยเชิงสำรวจ วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการให้บริการ
จัดทำบัญชีของร้านบังเดชซ่อมรถ กรณีศึกษา นางสมศรี จิตรหลัง โดยมีวิธีการดำเนินการตามลำดับ
ดงั นี้
1. รปู แบบการวจิ ัย
2. ระเบียบวิธวี ิจยั
3. ขัน้ ตอนดำเนนิ การวจิ ัย
4. เคร่ืองมอื และเทคนิคการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
5. การวเิ คราะหข์ อ้ มูล
โดยมรี ายละเอยี ด ดังน้ี
1. รปู แบบการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยประเภทวิจัยเชิงสำรวจ วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการให้บริการ
จัดทำบัญชีของรา้ นบงั เดชซ่อมรถ กรณศี กึ ษา นางสมศรี จติ รหลงั
2. ระเบียบวิธวี ิจยั
2.1 ประชากร
ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ เจ้าของร้านบังเดชซ่อมรถ โดยนางสมศรี จิตรหลัง
ตำบลโคกโพธ์ิ อำเภอโคกโพธ์ิ จงั หวดั ปัตตานี
2.2 กลุม่ ตวั อย่าง
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ เจ้าของร้านบังเดชซ่อมรถ โดยนางสมศรี จิตรหลัง
ตำบลโคกโพธิ์ อำเภอโคกโพธิ์ จงั หวัดปตั ตานี
3. ขัน้ ตอนดำเนนิ การวิจยั
3.1 ประชุมชีแ้ จง
3.2 แต่งต้งั คณะทำงาน
3.3 ศึกษาขอ้ มูลท่เี กย่ี วข้อง
3.4 เขยี นโครงการ
3.5 ขออนมุ ัตโิ ครงการ
3.6 ดำเนินการ