江戸時代 ยุคเอโดะ ซามูไรญี่ปุ่ญี่ ปุ่ น ปุ่
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) นี้ จัดทำ ขึ้นในรายภาษาญี่ปุ่น (ญ33202) เพื่อ ให้ผู้อ่านได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรมในยุคเอโดะประวัติศาสตร์ เรื่องเล่า เเละความเชื่อเกี่ยวกับเอโดะคณะผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book)เล่มนี้จะเป็นประโยชน์สำ หรับคนที่สนใจในประวัติศาสตร์ของ ประวัติศาสตร์ยุคเอโดะและได้ประโยชน์จากหนังสือ E-Book เล่มนี้ไม่มากก็น้อย preface จัดทำ โดย นางสาว ปณิตา พรมมีเดช
record ยุคเอโดะเป็นยุคที่ไดเมียว(เจ้าเมือง) ตระกูลโทะกุงะวะเป็นโชกุน ทำ การยึดอำ นาจ จากองค์จักรพรรดิ ทำ การตั้งรัฐบาลโดยใช้เมืองเอโดะ ซึ่งปัจจุบันคือเมืองโตเกียว เป็นศูนย์กลางการปกครอง เมืองเอโดะเติบโตขึ้นภายใต้การดูแลของโชกุนตระกูล โทะกุงะวะ ส่งต่ออำ นาจต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่าสองร้อยปี ซึ่งตลอดระยะเวลา นั้นองค์จักรรพรรดิยังคงประทับอยู่ที่เมืองหลวงที่เกียวโตแต่ไม่มีพระราชอำ นาจ ใด ๆ ในช่วงยุคเอโดะ เป็นช่วงที่ญี่ปุ่นปุ่ ได้หยุดพักสงครามภายในประเทศที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ต้องยกให้เป็นความดีความชอบของตระกูลโทะกุงะวะ ที่ออกสกฏที่เรียกว่า สันคินโคไท (Sankinkōtai) ตามกฎนี้ไดเมียวของแต่ละเมืองจะต้องมาประจำ การอยู่ที่เอโดะปีเปีว้นปี โดยครอบครัว ภรรยาและบุตรจะต้องอยู่ในเอโดะตลอดเวลา นั่นทำ ให้ไดเมียวของแต่ละเมืองไม่กล้าคิดต่อต้าน รัฐบาลกลาง การที่ไดเมียวของทุกเมืองต้องมาประจำ ที่เมืองเอโดะ ทำ ให้ไดเมียวแต่ละเมืองต้องนำ ซามูไรและ คนของตนเองติดตามมาอยู่ด้วย ทำ ให้ช่วงเวลาดังกล่าว เอโดะกลายเป็นเมืองที่มีประชากรหนา แน่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประมาณถึงหนึ่งล้านคน โทะกุงะวะ อิเอะยะซุ โชกุนคนแรกของตระกลูโทกุงะวะ
การเเบ่งชนชั้นในยุคเอโดะ ชนชั้นซามูไ ร เป็นที่เชื่อกันว่า รูปแบบของเหล่านักรบบนหลังม้า มือธนู และทหารเดินเท้าในช่วง ศตวรรษที่ 6น่าจะเป็นตัวบทต้นแบบของซามูไรดั้งเดิม ขณะที่จุดกำ เนิดของซามูไรสมัย ใหม่ยังเป็นปัญหาที่โต้เถียงกันอยู่ หลังจากการสู้รบในสงครามนองเลือดกับฝ่ายราชวงศ์ถังของจีน และอาณาจักรซิลลา ของเกาหลี ญี่ปุ่นปุ่ก็เข้าสู่ยุคแห่งการปฏิรูปไปทั่วทุกหัวระแหง โดยการปฏิรูปครั้งสำ คัญ ที่สุดคือการปฏิรูปไทกะ ซึ่งกระทำ โดยจักรพรรดิโคโตกุเกุมื่อ ค.ศ. 646 การปฏิรูปในครั้ง นั้น ได้เริ่มนำ เอาวัฒนธรรมการปฏิบัติและเทคนิคการบริหารต่าง ๆ ของจีนมาใช้กับกลุ่ม ชนชั้นสูงและระบบราชการของญี่ปุ่นปุ่ การที่ผู้ ที่ คผู้ นจากหลากหลายที่ (ต่าต่งเมือมืง) มาอยู่ร่ยู่ วร่มกันกัที่แ ที่ ม้ว่ม้าว่ จะมีกมีารกำ หนดชนชั้นชั้ทางสังสัคมที่ชั ที่ ดชัเจนเป็นป็๔ ชนชั้นชั้ ได้แด้ก่ ชนชั้นชั้ซามูไมูร ชนชั้นชั้ชาวนา ชนชั้นชั้ช่าช่งฝีมืฝีอมืและชนชั้นชั้พ่อพ่ค้าค้แต่ ก็ก่ก็อก่ ให้เห้กิดกิวัฒวันธรรมการบริโริภคในรูปรูแบบต่าต่ง ๆ ทำ ให้ยุห้คยุเอ โดะเป็นป็ยุคยุที่วั ที่ ฒวันธรรมราษฏรสามัญมัเจริญริรุ่งรุ่ เรือรืงที่สุ ที่ ดสุและ กลายเป็นป็วัฒวันธรรมญี่ปุ่ญี่ นปุ่ ที่เ ที่ ราคนต่าต่งชาติคุ้ตินคุ้ เคยกันกัดี เช่นช่ซูชิซูชิ ละครคาบูกิบูกิและภาพพิมพิพ์แพ์กะไม้ที่ม้เ ที่ รียรีกว่าว่ภาพอุกิอุโกิยะ
ยุคคะมะกุระ ความเฟื่อ ฟื่ งฟูข ฟู องซามูไร เดิมทีซามูไรเป็นเพียงนักรบรับจ้างให้กับองค์พระจักรพรรดิและกลุ่มชนชั้นสูง (คุ เงะ ( ญี่ปุ่น : 公家 ) เท่านั้น แต่ต่อมาอำ นาจของพวกเขาได้ก่อตัวขึ้นมาอย่าง ช้าๆ จนในที่สุดพวกเขาสามารถยึดอำ นาจของผู้ปกครองชั้นสูงไว้ได้ และก่อร่าง กลุ่มคณะที่ปกครองโดยซามูไรขึ้นมาแทน พวกเขาได้สร้างลำ ดับขั้นการบังคับ บัญชาที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ โทเรียรีว หรือรืหัวหน้าของพวกเขาขึ้นมา เพื่อทำ การ สะสมกำ ลังคนกับทรัพยากรต่างๆ และผูกพันธมิตรกับกลุ่มอื่นๆ ผู้ที่เป็นโทเรียรีวจะ มีระยะห่างเฉพาะในความสัมพันธ์ที่มีต่อองค์จักรพรรดิ และต่อสมาชิกส่วนน้อย ของหนึ่งในสามตระกูลมีระดับ ( ตระกูลฟุจิวะระ ตระกูล มินะโมะโตะ และ ตระกูลไทระ ) ในด้านระเบียบการปกครอง ตามหลักการแล้ว โทเรียรีวเหล่านี้จะ ถูกส่งไปรับตำ แหน่งเป็นผู้ปกครองหรือรืผู้พิพากษาศาลแขวงตามจังหวัดต่างๆ เป็นเวลาสี่ปี แต่ในความเป็นจริงริเมื่อพวกเขาหมดสมัยปกครองแล้ว ก็มักปฏิเสธ ที่จะกลับมาสู่เมืองหลวงอีกครั้ง และยังได้นำ ทายาทของตนมาสืบต่อตำ แหน่ง แทน เพื่อให้การทำ งานต่อเนื่องไป และให้เป็นผู้นำ ทัพออกปราบกบฏทั่วทั้งญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงตอนกลางและตอนปลายของ ยุคเฮอัง ตระกูลฟูจิฟูจิวาระ 藤原⽒ ตระกูลมินาโมโตะ ตระกูลไทระ
คริส ริ ต์ศตวรรษที่ 14 ในช่วง คริสริต์ศตวรรษที่ 13 ศาสนาพุทธ นิกายเซน ถูกเผยแพร่ไปทั่ว กลุ่มซามูไร ลัทธินี้ช่วยก่อร่างสร้างมาตรฐานแห่งประพฤติกรรมของพวก เขาขึ้นมา โดยเฉพาะพฤติกรรมการเอาชนะความกลัวตายและการสังหาร แต่สำ หรับผู้คนกลุ่มอื่นๆ แล้ว ศาสนาพุทธกระแสหลักก็ยังคงได้รับความ นิยมอยู่ ในปี พ.ศ. 1817 (ค.ศ. 1274) กุบไลข่าน แห่ง จักรวรรดิมองโกล (ปกครองจีนในนาม ราชวงศ์หยวน ) ได้ส่งกำ ลังทหารประมาณ 40,000 นาย และเรือรื 900 ลำ เพื่อมาตี ญี่ปุ่น ที่ เกาะคีวชู [3] ทาง ฝ่ายญี่ปุ่นจึงได้รวบรวมกำ ลังซามูไรประมาณ 10,000 คนเพื่อเตรียรีมต่อ ต้านการบุกรุกครั้งนี้ แต่ตลอดการบุกเข้ามา กองทหารมองโกลทั้งหมด กลับโดนโจมตีโดยพายุขนาดใหญ่หลายลูก เป็นผลให้ฝ่ายตั้งรับปลอดภัย จากการสูญเสียกำ ลังพลครั้งใหญ่ จนในที่สุดกองทหารหยวนก็ถูกเรียรีก กลับจักรวรรดิไปและการบุกรุกก็สิ้นสุดลง แต่การกระทำ ของ มองโกล ในครั้งนั้นถือได้ว่าว่เป็นเหตุการณ์ที่น่าจดจำ สำ หรับญี่ปุ่นปุ่เนื่องจากว่าว่กอง กำ ลังมองโกลกลุ่มนี้ใช้ระเบิดขนาดเล็กเป็นอาวุธวุด้วย ทำ ให้ญี่ปุ่นปุ่ได้รู้จัก กับ ระเบิด และ ดินปืน เป็นครั้งแรก
ในปี พ.ศ. 2135 (ค.ศ. 1592) และอีกครั้งในปี พ.ศ. 2141 (ค.ศ. 1598) ไดเมียว โทะโยะโตะมิ ฮิเดะ โยะชิตัชิตัดสินใจที่จะบุกจีน (ญี่ปุ่น: 唐⼊り) และอีกทางหนึ่งก็ส่งกำ ลังซามูไรจำ นวน 160,000 คนไป บุกเกาหลี โดยใช้ความได้เปรียรีบในด้านความชำ นาญในการใช้อาวุธวุปืนเล็กยาว และการบริหริารกองทัพ ของฝ่ายเกาหลีที่แย่กว่าว่เป็นหนทางสู่ชัยชนะ ซามูไรที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในสงครามครั้งนี้ได้แก่ คะโต คิ โยะมะซะ และ ชิมะซุ โยะชิฮิโระ หลังจากนั้น การเปลี่ยนแปลงทางสังคมในด้านทรัพยากรมนุษย์ก็เป็นไปอย่างยืดหยุ่น เหมือนกับ ระบบโบราณที่ล่มสลายไปแล้วได้กลับมามีชีวิตวิใหม่อีกครั้ง เนื่องจากซามูไรต้องการที่จะคงกำ ลังทหาร ขนาดใหญ่และองค์กรที่พวกตนบริหริารเอาไว้ใว้นเขตอิทธิพลของพวกเขาเอง ตระกูลซามูไรหลาย ๆ ตระกูลที่ดำ รงอยู่จนถึงศตวรรษที่ 19 ก็ออกมาประกาศว่าว่พวกตนเป็นสายเลือดของหนึ่งในสี่ตระกูล ชั้นนำ โบราณ ซึ่งได้แก่ตก่ระกูลมินะโมะโตะ ตระกูลไทระ ตระกูลฟุจิฟุจิวะระ และตระกูลทะจิมะนะ แต่ อย่างไรก็ตาม ในหลาย ๆ กรณี ก็เป็นเรื่อรื่งยากที่จะพิสูจน์ว่าว่ต้นตระกูลของพวกเขาเป็นใครกันแน่ ยุคอะซุชิโมะโมะยะมะ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ คาโต คิโยมาซซะ สึกิโอกะ โยชิโตชิะชิ ปลายยุคอะซุชิโมะโมะยะมะ โอะดะ โนะบุนะงะ คือไดเมียวที่มีชื่อเสียงของเขตนะโงะยะ (ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียรีกว่าว่ แคว้นว้ โอะวะริ)ริและยังเป็นตัวอย่างของซามูไรที่โดดเด่นต่างจากผู้อื่นในยุคเซงโงะกุ เขาเข้ามามีบทบาทและได้วางหนทางเพื่อความสำ เร็จของเขา ไม่กี่ปีหลังจากการ รวมญี่ปุ่นปุ่อีกครั้งภายใต้ “ค่ายรัฐบาล” หรือรื “บะคุฟุ”ฟุ (คณะปกครองในระบอบ โชกุน) ใหม่
ในช่วงเวลานี้ วิถีวิถีทางแห่งความตายและเต็มไปด้วยอันตราย ได้ถูกทำ ให้ลดลง โดยการ "ปลุกให้ตื่นขึ้น" อย่างหยาบคายในปี พ.ศ. 2396 (ค.ศ. 1853) เมื่อพล เรือรืจัตวาแมทธิว เพอร์รี ได้นำ เรือรืกลไฟจำ นวนมากจากกองทัพเรือรืสหรัฐอเมริกริา มาทำ การค้ากับญี่ปุ่นปุ่ซึ่งเป็นชาติที่ถูกครอบงำ โดยนโยบายโดดเดี่ยวตัวเองอยู่ ช่วงหนึ่ง ในช่วงแรก เนื่องจากการควบคุมอย่างเข้มงวดจากโชกุน จึงมีเพียงแต่ เมืองท่าบางเมืองเท่านั้นที่สามารถทำ การค้ากับตะวันวัตกได้ การเข้ามาทำ การค้าในญี่ปุ่นปุ่ของชาติตะวันวัตกครั้งนั้นมีพื้นฐานมาจากความคิดที่ จะแข่งขันกันระหว่าว่งกลุ่มศาสนาคริสริต์โต์รมันคาทอลิกนิกายฟรานซิสกันและ โดมินิกันกับกลุ่มอื่น ๆ (เพื่อการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีปืยี ปืนเล็กยาว ซึ่งเป็นเหตุผล หลักที่ทำ ให้ซามูไรแบบดั้งเดิมต้องล่มสลายไป) ปฏิบัติการครั้งสุดท้ายของทัพซามูไรต้นตำ รับเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2410 (ค.ศ. 1867) เมื่อซามูไรจากแคว้นว้ โชชูแชูละแคว้นว้ซะสึมะสามารถเอาชนะกองกำ ลังของ โชกุนที่ได้รับการสนับสนุนจากคำ สั่งขององค์จักรพรรดิได้ ก่อนหน้านี้ไนี้ดเมียวของ ทั้งสองแคว้นว้ ได้ไปสวามิภักดิ์กับอิเอะยะซุหลังจากสงครามทุ่งเซกิงะฮะระสิ้นสุด ลง พ.ศ. 2143 (ค.ศ. 1600) ยุคเมจิ ความเสื่อมถอยของซามูไร
ผู้ที่เป็นซามูไรต่างได้รับการคาดหวังวัว่าว่จะต้องเป็นคนที่สามารถอ่านออกเขียนได้ พร้อมกับต้องมีความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ด้วย นอกจากนั้น ยังได้รับความคาดหวังวั ว่าว่จะต้องเป็นผู้ที่มีความสนใจในศิลปะด้านอื่น ๆ อย่างเช่น การเต้นรำ การเล่นโกะ งานวรรณกรรม บทกวี และชา เป็นต้น ถึงแม้ว่าว่ศิลปะเหล่านี้ไม่ได้จำ เป็นต่อพวกเขา เลยก็ตาม แต่ในประวัติวั ติศาสตร์ ซามูไรผู้ที่มีชื่อเสียงหลายคนก็ไม่ได้มีคุณสมบัติตามวุฒิวุฒิการ ศึกษาที่กล่าวไว้ข้ว้ ข้างต้น ตัวอย่างเช่น โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ ซามูไรผู้ยิ่งใหญ่ที่มี พื้นเพเป็นชาวนา ก็มีอุปสรรคสำ คัญอยู่ตรงที่เขาสามารถอ่านและเขียนได้แต่ภต่าษา ญี่ปุ่นปุ่ที่ใช้ตัวอักษรฮิรางานะเท่านั้น อีกผู้หนึ่งคือ โอดะ โดกัง บุคคลผู้ที่ปกครองเอะ โดะเป็นคนแรก ก็เคยเขียนระบายความในใจของเขาว่าว่เขาละอายใจเหลือเกินที่ได้พบ ว่าว่แม้แต่ประชาชนธรรมดายังมีความรู้ทางด้านการกวีมวีากกว่าว่ตัวเขาเอง ทำ ให้เขา รู้สึกอัปยศจนต้องยอมสละสมบัติและตำ แหน่งของเขาไปในที่สุด วัฒนธรรมซามูไร โทกิชิโร ประเพณีชุโด ชุโด ( 衆道 ) คือ ประเพณีแห่งสายใยรักที่เกิดขึ้น ระหว่าว่งซามูไรผู้แก่กล้าวิชวิากับซามูไรที่ยังไร้ ประสบการณ์ ที่เปรียรีบได้ดัง “ดอกไม้แห่งจิต วิญวิญาณของซามูไร” ที่ได้ก่อร่างสร้างพื้นฐานที่แท้ จริงริของลัทธิความงามของผู้ที่เป็นซามูไรขึ้นมา ประเพณีนี้มีความคล้ายคลึงกับประเพณีของ กรีกรี โบราณที่ชายวัยวัผู้ใหญ่มักจะมีความสัมพันธ์ทางเพศ กับเด็กผู้ชาย
ซามูไรในวัฒนธรรมสมัยนิยม ในทุกวันวันี้ จิไดเงะกิ (หรือรืละครอิงประวัติวั ติศาสตร์) ก็ ยังคงเป็นรายการหลักที่ฉายในโรงภาพยนตร์และ โทรทัศน์ขน์องญี่ปุ่นปุ่อยู่ รายการประเภทนี้มักจะมีเนื้อ เรื่อรื่งที่เกี่ยวข้องกับซามูไร รวมไปถึงเค็นจุสึ (วิชวิาดาบ) ที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับเหล่าพ่อค้าและซามูไรคนอื่นๆ ที่ชั่ว ร้าย มิโตะ โคะมง (ญี่ปุ่นปุ่: ⽔戸⻩⾨; โรมาจิ:จิMito Komon) เป็นตัวอย่างของละครชุดทางโทรทัศน์แน์นวจิ ไดเงกิ ที่โด่งดังเรื่อรื่งหนึ่งของญี่ปุ่นปุ่เป็นเรื่อรื่งราวเกี่ยว กับการเดินทางของโทะกุงะวะ มิสึกึนิ ที่ปลอมตัวเป็น พ่อค้าเศรษฐีเก่า พร้อมด้วยซามูไรไร้อาวุธวุอีกสองคนที่ ปลอมตัวเป็นผู้ติดตามของเขา เขาจะต้องพบกับปัญหา ในทุกๆ ที่ที่เขาไป และเขาจะต้องเป็นผู้แก้ปัญหาและ รวบรวมหลักฐานต่างๆ หลังจากได้หลักฐานครบถ้วน เขาจะให้ซามูไรของเขาเข้าไปปราบซามูไรและพ่อค้าที่ เป็นคนร้ายอย่างเลือดเย็น ก่อนที่จะเปิดเผยอัตลักษณ์ ที่แท้จริงริของเขาออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ในเรื่อรื่ง นี้คือ เหล่าร้ายที่มิสึกึนิสามารถเข้าไปฆ่าล้างตระกูลได้ มักจะออกมายอมแพ้เสียก่อน เพื่อหวังวัว่าว่การลงโทษ ของเขาจะไม่ลามไปถึงสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ ด้วย ชื่อเต็มของซามูไร มักจะตั้งขึ้นมาโดยการนำ เอาชื่อที่อ่านตามตัวอักษรคันจิขจิองพ่อหรือรื ปู่ขปู่องเขา มารวมกับชื่อใหม่อีกหนึ่งชื่อที่อ่านตามตัวอักษรคันจิเหมือนกัน ซึ่งตาม ธรรมดาแล้ว ซามูไรจะใช้ชื่อบางส่วนจากชื่อเต็มทั้งหมดเท่านั้น ตัวอย่างเช่น โอะดะ คะซุซะโนะซุเกะ ซะบุโระ โนะบุนะงะ (ญี่ปุ่นปุ่: 織⽥上総介三郎 信⻑) ก็คือชื่อเต็มของโอะดะ โนะบุนะงะ โดยคำ ว่าว่ โอะดะ ก็คือชื่อของตระกูลหรือรื สังกัด คำ ว่าว่คะซุซะโนซุเกะ ก็คือชื่อตำ แหน่งรองข้าหลวงประจำ แคว้นว้คะซุซะ คำ ว่าว่ซะ บุโระ ก็คือชื่อที่มีมาก่อนเข้าพิธีเก็มปุกุปุ กุ(พิธีฉลองการเจริญริวัยวั ) และคำ ว่าว่ โนะบุนะงะ ก็ คือชื่อที่ตั้งขึ้นใหม่ต่อที่เป็นผู้ใหญ่ การตั้ง ตั้ ชื่อ
ในช่วงต้นคริสริต์ศตวรรษที่สิบเจ็ด ชาวฮอลันดาและชาวอังกฤษได้เข้ามาติดต่อ ค้าขายที่เมืองนางาซากิ ซึ่งโชกุนอิเอยาซุก็ได้ให้การต้อนรับอย่างดี ด้วยเหตุที่ชาว ฮอลันดาและชาวอังกฤษเข้ามาทำ การค้าขายเพียงอย่างเดียวไม่เผยแผ่ศาสนา ในค.ศ. 1604 โชกุนอิเอยาซุมีคำ สั่งให้วิห้ลวิเลียม อดัมส์ (William Adams) ต่อเรือรื แบบตะวันวัตกให้แก่ญี่ปุ่นปุ่ครั้งแรก และอนุญาตให้ชนชั้นพ่อค้าล่องเรือรืออกไป ค้าขายยังอาณาจักรต่างๆในเอเชียตะวันวัออกเฉียงใต้ไต้ด้ เรียรีกว่าว่เรือรืตราแดงหรือรืชู อินเซ็ง ( 朱印船; โรมาจิ:จิShuinsen) ทำ ให้พ่อค้าชาวญี่ปุ่นปุ่เป็นคู่แข่งรายสำ คัญ ของชาวฮอลันดาในภูมิภาค และใน ค.ศ. 1609 โอโงโชอิเอยาซุได้ออกประกาศ อนุญาตให้บห้ริษัริษัทอินเดียตะวันวัออกของดัตช์เช์ข้ามาตั้งสถานีการค้าที่เมืองฮิราโดะ (: 平戸; โรมาจิ:จิHirado) ใกล้กับเมืองนางาซากิ และใน ค.ศ. 1613 ไดเมียวดาเตะ มาซามูเนะ (: 伊達政宗; โรมาจิ:จิDate Masamune) ได้ส่งฮาเซกูระ สึเนนางะ : ⽀倉常⻑; โรมาจิ:จิHasekura Tsunenaga) ไปเจริญริสัมพันธไมตรีกัรีกับชาติต่าง ๆ ในทวีปวียุโรป เรียรีกว่าว่คณะทูตปีเคโจ ( 慶⻑使節; โรมาจิ:จิKeichō shisetsu) การติดต่อกับชาวตะวันตกและการปิด ปิ ประเทศ เรือตราแดงหรือชูอินเซ็งะ ฮะเซะกุระ สึเนะนะงะ
อิทธิพลของลัทธิขงจื๊อและ วัฒนธรรมเก็นโรกุ ในสมัยของโชกุนโทกูงาวะ สึนาโยชิ (ญี่ปุ่นปุ่: 徳川綱吉; โรมาจิ:จิTokugawa Tsunayoshi) ศิลปวัฒวันธรรมญี่ปุ่นปุ่สมัยเอโดะเจริญริรุ่งเรือรืงถึงขีดสุด เรียรีกว่าว่สมัยเก็น โรกุ (ญี่ปุ่นปุ่: 元禄時代; โรมาจิ:จิGenroku jidai) และวัฒนธรรมเก็นโรกุ (ญี่ปุ่นปุ่: 元 禄⽂化; โรมาจิ:จิGenroku bunka) ประกอบด้วยการศึกษาอักษรศาสตร์และหลัก ปรัชญาตามลัทธิขงจื๊อ งานศิลปกรรมต่างๆ และการบันเทิงอย่างเช่นละครคะบุกิ และ ละครโนะ ทั้งสามเมืองได้แก่ เอโดะ เกียวโต และโอซากะ เจริญริขึ้นเป็นศูนย์กลางทาง วัฒวันธรรมและเศรษฐกิจ แต่ชาวญี่ปุ่นปุ่กลับมองว่าว่สมัยเก็นโรกุเป็นสมัยที่มีความเสื่อมโทรมในด้านสังคมและ จริยริธรรมมากที่สุดสมัยหนึ่ง ด้วยการเรือรืงอำ นาจของขุนนางไดเมียวฟูไฟูดในบากูฟุทำฟุทำให้มี การทุจริตริฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างกว้าว้งขวาง ดังจะเห็นได้จากเหตุการณ์โณ์รนินสี่สิบเจ็ด คน (Forty-Seven Ronins; ญี่ปุ่นปุ่: 元禄⾚穂事件; โรมาจิ:จิGenroku Akō jiken) โชกุนสึนาโยชิได้ปราบปรามและลดอำ นาจกลุ่มขุนนางฟูไฟูดอย่างหนัก และดึงกลุ่ม ขุนนางคนสนิทหรือรืโซบาโยนิน (ญี่ปุ่นปุ่: 側⽤⼈; โรมาจิ:จิSobayōnin) เข้ามามีอำ นาจ แทน โชกุนสึนาโยชิยังได้ส่งเสริมริลัทธิขงจื๊อด้วยการก่อตั้งสำ นักยูชิมะ (ญี่ปุ่นปุ่: 湯島聖堂; โรมาจิ:จิYushima Seidō) ในค.ศ. 1691 ให้เป็นสำ นักขงจื๊อประจำ ชาติของญี่ปุ่นปุ่ตลอด ช่วงสองร้อยปีในยุคเอโดะรัฐบาลโชกุนดำ เนินนโยบายปิดประเทศโดยทำ การค้าขายกับจีน และฮอลันดาในปริมริาณที่จำ กัด อิทธิพลของลัทธิขงจื้อทำ ให้สถาบันโชกุนในยุคเอโดะมิได้ เป็นเพียงผู้นำ เผด็จการทหารเพียงอย่างเดียวแต่เป็นรัฏฐาถิปัตย์ผู้ทรงธรรมและศักดิ์สิทธิ์ ตามหลักขงจื้อ โรนินสี่สิบเจ็ดคน สำ นักยูชิมะ
ในช่วช่งต้นต้คริสริต์ศต์ตวรรษที่สิ ที่ บสิแปดประเทศญี่ปุ่ญี่ นปุ่ ประสบปัญปัหาภาวะค่าค่เงินงิแข็งข็ตัวตัอันอัเนื่อนื่งมาจาก เงินงิทองที่ห ที่ มุนมุเวียวีนอยู่ภยู่ ายในประเทศญี่ปุ่ญี่ นปุ่ รั่วรั่ ไหลออกไปทางการค้าค้กับกัต่าต่งประเทศ คนสนิทนิของ โชกุนกุได้แด้ก่อก่าราอิ ฮากูเกูซกิ : 新井⽩⽯; Arai Hakuseki) และมานาเบะ อากิฟูกิสฟูะ : 間部詮房; ออกนโยบายเพิ่มพิ่ ปริมริาณเงินงิ ในระบบด้วด้ยการออกเงินงิกษาปณ์ชุณ์ดชุใหญ่ชุญ่ดชุใหม่ใม่นค.ศ. 1714 และ กำ จัดจัการนำ เงินงิ ไปใช้จ่ช้าจ่ยในการค้าค้กับกัต่าต่งประเทศ หลังลัจากที่โที่ ชกุนกุโทกูงกูาวะ อิเอิอ็ตอ็ สึงุสึงุ徳川家 継; ถึงถึแก่กก่รรมโดยปราศจากทายาทในค.ศ. 1716 ทำ ให้ตห้ระกูลกูโทกูงกูาวะสาขาหลักลัต้อต้งสูญสูสิ้นสิ้ ไป และโทกูงกูาวะ โยชิมูชิเมูนะ (徳川吉宗;) ไดเมียมีวแห่งห่แคว้นว้คีอิคีจอิากสาขาย่อย่ยของตระกูลกูโทกูงกูาวะได้ ขึ้นขึ้ครองตำ แหน่งน่ โชกุนกุโชกุนกุโทกูงกูาวะ โยชิมูชิเมูนะ ออกนโยบายการปฏิรูฏิปรูปีเปีคียคีวโฮ (享保の改⾰; ขึ้นขึ้ ในค.ศ. 1721 เพื่อพื่แก้ไก้ขปัญปัหาทางเศรษฐกิจกิตัดตัรายจ่าจ่ยที่ไที่ ม่จำม่จำเป็นป็ ส่งส่เสริมริบทบาทของข้าข้วไว้ ใช้เช้ป็นป็ สื่อสื่กลางในการแลกเปลี่ย ลี่ นสินสิค้าค้แทนเงินงิรวมทั้งทั้การผ่อผ่นคลายความเข้มข้งวดของลัทลัธิขธิง จื้อจื้ทำ ให้ชห้นชั้นชั้พ่อพ่ค้าค้มีบมีทบาทมากขึ้นขึ้และผ่อผ่นคลายการปิดปิ ประเทศทำ ให้สื่ห้อสื่และองค์คค์วามรู้ตรู้ ะวันวั ตกเข้าข้มาในญี่ปุ่ญี่ นปุ่ ได้มด้ากขึ้นขึ้เกิดกิเป็นป็รังรังากุ ( 蘭学; หรือรืศิลศิ ปศาสตร์ตร์ะวันวัตก ในสมัยมัของโชกุนกุโท กูงกูาวะ อิเอิอฮารุ (ญี่ปุ่ญี่ นปุ่ : 徳川家治 ซึ่งซึ่เข้าข้รับรัตำ แหน่งน่ ในค.ศ. 1760 อำ นาจการปกครองในรัฐรับาล โชกุนกุเป็นป็ของทานูมนูะ โอกิตกิสึงุสึงุ ⽥沼意次; เป็นป็ สมัยมัที่รั ที่ ฐรับาลโชกุนกุมีคมีวามเสรีนิรียนิมมากขึ้นขึ้ชนชั้นชั้พ่อพ่ค้าค้มีอำมีอำนาจมากขึ้นขึ้และศิลศิ ปศาสตร์รัร์งรังากุเกุจริญริรุ่งรุ่ เรือรืง แต่ก็ต่เก็ป็นป็ช่วช่งเวลาที่มี ที่ คมีวามเสื่อสื่มถอย ของคุณคุธรรมเกิดกิการทุจทุริตริติดติสินสิบนขึ้นขึ้อย่าย่งกว้าว้งขวางโดยมีทมีานูมนูะ โอกิตกิสึงุสึงุเป็นป็ศูนศูย์กย์ลาง ของความฉ้อฉ้ฉลเหล่าล่นั้นนั้ ปัญ ปั หาเศรษฐกิจสังคม และการปฏิรูป ความรุ่งเรืองของ ตลาดปลานิฮนิงบาชิ ตลาดข้าข้วเป็นป็ที่อ ที่ ยู่ขยู่ องพ่อพ่ค้าค้คนกลางขาย ข้าข้ว ซึ่งซึ่เป็นป็ชนชั้นชั้ที่มี ที่ อำมีอำนาจทางเศรษฐกิจกิมาก ในยุคยุเอโดะ
ชนชั้น ชั้ ชาวนา 農 เป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ มีหน้าที่ เพาะปลูกเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อเลี้ยงตนเองและ มอบให้แก่ชนชั้นซามูไร รัฐบาลโชกุนมีการควบคุม กำ ลังคนที่เข้างวด ชาวนาไม่สามารถเดินทาง เคลื่อนย้ายออกจากแคว้นได้หากไม่ได้รับการ อนุญาตจากไดเมียว ชนชั้น ชั้ ช่างฝีมื ฝี มื อ มีศัมีกศัดิ์ต่ำดิ์ต่ำกว่าว่ชนชั้นชั้ชาวนาตามหลักลัของลัทลัธิขธิงจื๊อจื๊ เนื่อนื่งจากชนชั้นชั้ช่าช่งฝีมืฝีอมืผลิตลิสิ่งสิ่ที่เ ที่ป็นป็ ไปเพื่อพื่ความ สวยงามเท่าท่นั้นนั้และชนชั้นชั้พ่อพ่ค้าค้หารายได้จด้าก ผลผลิตลิของผู้อื่ผู้ นอื่เพียพีงอย่าย่งเดียดีว แต่ใต่นทางปฏิบัฏิติบั ติ ในยุคยุเอโดะชนชั้นชั้ช่าช่งฝีมืฝีอมืและชนชั้นชั้พ่อพ่ค้าค้มีฐมีานะทาง เศรษฐกิจกิที่ดี ที่ ดีชนชั้นชั้พ่อพ่ค้าค้อาศัยศัอยู่ใยู่ นเมือมืง (: 町 )เช่นช่ โอซากะหรือรืเอโดะ ซึ่งซึ่อยู่นยู่ อกเหนือนืการควบคุมคุของได เมียมีวแต่อต่ยู่ภยู่ ายใต้กต้ารปกครองของรัฐรับาลโชกุนกุ โดยตรง ชนชั้นชั้พ่อพ่ค้าค้ซึ่งซึ่ร่ำ รวยมีกมีารแสดงออกทาง ฐานะโดยการใช้ขช้องหรูหรูราฟุ่มฟุ่ เฟือฟืยหรือรื ประพฤติตติน เช่นช่เดียดีวกับกัชนชั้นชั้ซามูไมูร ซึ่งซึ่เป็นป็ สิ่งสิ่ที่ผิ ที่ ดผิกฎหมาย รัฐรับาลโชกุนกุมีคมีวามพยายามในการห้าห้มปรามความ ฟุ่มฟุ่ เฟือฟืยของชนชั้นชั้พ่อพ่ค้าค้ตลอดมา
ศาสนาและวัฒนธรรม พระภิกษุฟูจิฟูจิวาระ เซกะ ผู้นำ ลัทธิขงจื้อใหม่มาสู่ญี่ปุ่นปุ่ ในยุคเอโดะ โอกีว โซไร นักปราชญืขงจื้อผู้ได้รับยกย่องว่าว่ทรงอิทธิพลทาง ความคิดมากที่สุดในปลายยุคเอโดะ ลัทธิขงจื้อใหม่ การติดต่อกับจีนและเกาหลีในช่วงการรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่นปุ่ทำ ให้ ลัทธิขง จื้อใหม่ เผยแพร่เข้ามาสู่ญี่ปุ่นปุ่ในยุคเอโดะลัทธิขงจื้อใหม่เกิดขึ้นจากนัก ปราชญ์ชาวจีนในสมัย ราชวงศ์ถัง และ ราชวงศ์ซ่ง ซึ่งนำ เอาหลักการฝึก จิตและพัฒนาตนเองของพุทธศาสนาและลัทธิเต๋าเข้ามาผสมผสานกับหลัก ปรัชญาการอยู่ร่วมกันในสังคมของลัทธิขงจื้อดั้งเดิม ลัทธิขงจื้อใหม่ในยุคเอ โดะเริ่มริ่ต้นขึ้นจากฟูจิฟูจิวาระ เซกะ เดิมเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนานิกายเซ็น ฟูจิฟูจิวาระ เซกะ มองว่าลัทธิขงจื้อมีความเป็นเหตุผลและอยู่บนพื้นฐานของ ความจริงริมากกว่าพุทธศาสนานิกายเซ็นซึ่งมีหลักการฝึกตนอยู่ในอุดมคติ และได้เรียรีนรู้ลัทธิขงจื้อใหม่สำ นักของจูซือ ในสมัยเอโดะขุนนางซามูไรที่เข้ารับราชการในรัฐบาลโชกุนต้องมีความ รู้เกี่ยวกับหนังสือทั้งสี่และวรรณกรรมคลาสสิกทั้งห้า ซึ่งเป็นหลักการ พื้นฐานของลัทธิขงจื้อ ทำ ให้ชนชั้นซามูไรผันตนเองจากนักรบในยุคเซง โงกุมาเป็นนักปราชญ์ในยุคเอโดะ แต่เดิมนั้นในญี่ปุ่นปุ่มีเพียงพระสงฆ์ และชนชั้นขุนนางในเมืองเกียวโตเท่านั้นที่สามารถเรียรีนรู้หนังสือได้ ชนชั้นซามูไรนักรบไม่รู้หนังสือแต่ในยุคเอโดะด้วยอิทธิพลของลัทธิขง จื้อทำ ให้ซามูไรรู้หนังสือ รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะรับรองสำ นักของจูซือ
ในสมัยของโชกุน โทกูงาวะ อิเอโยชิ ( 徳川家慶) ปีค.ศ. 1853 พลเรือรืจัตวา แมทธิว ซี. เพร์รี นำ เรือรืรบของสหรัฐอเมริกริาจำ นวนสี่ลำ ที่ชาวญี่ปุ่นปุ่เรียรีกว่าว่ "เรือรืดำ " ( 黒船 ) เข้ามา จอดปิดอ่าวอูรางะใกล้กับนครเอโดะ เรียรีกร้องให้รัฐบาลโชกุนเปิดประเทศทำ การค้าขายกับ สหรัฐอเมริกริา มิฉะนั้นจะนำ เรือรืติดอาวุธวุปืนใหญ่เข้าโจมตีเมืองเอโดะ พลเรือรืจัตวาแมทธิว เพร์ รี ใช้วิธีวิธีทางการทูตแบบเรือรืปืน (Gunboat diplomacy) ข่มขู่รัฐบาลโชกุนให้ยอมเปิด ประเทศ รัฐบาลโชกุนภายใต้การนำ ของโชกุนอิเอโยชิและ โรจู อาเบะ มาซาฮิโระ ( 阿部正 弘 ) ตื่นตระหนกอย่างมากกับการข่มขู่จากเรือรืดำ โชกุนอิเอโยชิล้มป่วยจนถึงแก่กรรมในปี เดียวกันนั้น บุตรชายของโชกุนอิเอโยชิคือ โทกูงาวะ อิเอซาดะ ( 徳川家定 ) ซึ่งสุขภาพ อ่อนแอเช่นเดียวกันขึ้นดำ รงตำ แหน่งโชกุนคนต่อมา ในปีค.ศ. 1854 โรจู อาเบะ มาซาฮิโระ ยินยอมทำ ตามข้อเรียรีกร้องของนายแมทธิวเพร์รี นำ ไปสูงการลงนามในข้อตกลงเมืองคานางา วะ โดยรัฐบาลโชกุนยอมเปิดเมืองท่า ชิโมดะ และ ฮาโกดาเตะ ให้แก่เรือรืของสหรัฐอเมริกริา เข้ามาทำ การค้าขาย เท่ากับเป็นการสิ้นสุดการปิดประเทศญี่ปุ่นปุ่าเป็นเวลาสองร้อยกว่าว่ ปี การ ที่รัฐบาลโชกุนยินยอมลงนามเปิดประเทศค้าขายนั้น มิได้ทำ เรื่อรื่งขึ้นทูลถวายฯพระจักรพรรดิ แต่อย่างใด ทำ ให้นายอาเบะ มาซาฮิโระ และรัฐบาลโชกุนถูกตำ หนิอย่างมากว่าว่กระทำ โดย พลการ จนอาเบะ มาซาฮิโระต้องลาออกจากตำ แหน่ง โรจู ไปในค.ศ. 1855 นอกจาก สหรัฐอเมริกริาแล้วรัฐบาลโชกุนยังทำ สนธิสัญญาการค้ากับประเทศตะวันวัตกอื่นๆอีกได้แก่ อังกฤษ รัสเซีย และฝรั่งเศส ปลายยุคเอโดะ: บากูมัตสึ พลเรือรืจัตวา แมทธิว ซี. เพร์รี ผู้นำ เรือรืรบของสหรัฐอเมริกริาเข้าเรียรีกร้องให้ญี่ปุ่นปุ่ เปิดปิ ประเทศเพื่อ ทำ การค้า
แนวความคิดโคกูงากุ ในยุคเอโดะซามูไรชนชั้นปกครองศึกษาลัทธิขงจื้อเป็นหลักและชื่นชมสังคมจีนโบราณว่าว่เป็นแบบ อย่างแห่งคุณธรรมและการปกครอง ในช่วงปลายยุคเอโดะเกิดแนวความคิดสวนกระแสหันมา ศึกษาและชื่นชมความเป็นญี่ปุ่นโบราณดั้งเดิม เรียรีกว่าว่แนวความคิดโคกูงากุ (: 国学;) หรือรื "ชาติ ศึกษา" ซึ่งให้ความสำ คัญกับการศึกษาประวัติวั ติศาสตร์ญี่ปุ่นปุ่โบราณซึ่งเกี่ยวข้องกับสถาบันพระ จักรพรรดิและศาสนาชินโต โทกูงาวะ มิตสึกูนิ ( 徳川光圀 ) ไดเมียวแห่งแคว้นว้มิโตะสนใจเรื่อรื่ง ประวัติวั ติศาสตร์ญี่ปุ่นโบราณและรวบรวมจัดทำ หนังสือเรื่อรื่ง "มหาประวัติวั ติศาสตร์ญี่ปุ่นปุ่" ( ⼤⽇本 史; ) ขึ้นในค.ศ. 1657 นำ ไปสู่การจัดตั้งสำ นักมิโตะ (: ⽔戸学) โทกูงาวะ มิตสึกูนิ ใช้หลักของ ลัทธิขงจื้อเข้าตีความประวัติวั ติศาสตร์ญี่ปุ่นปุ่โบราณ โดยมองว่าว่ญี่ปุ่นปุ่ในสมัยโบราณอันมีองค์พระ จักรพรรดิเป็นศูนย์กลางเป็นการปกครองที่มีธรรมภิบาลและสังคมญี่ปุ่นปุ่มีความดีงามอย่างที่ลัทธิ ขงจื้อเชิดชู ในค.ศ. 1798 โมโตโอริ โนรินริางะ (: 本居宣⻑; ) นักปราชญ์โคกูงากุ แต่ง อรรถาธิบายเกี่ยวกับโคกิจิ (: 古事記伝; ) โมโตโอริ โนรินริางะ มีความเห็นแตกต่างจากโอกีว โซไร ในขณะที่โอกิวโซไรเชิดชูจีนโบราณและลัทธิขงจื้อบริสุริสุทธิ์ โมโตโอโร โนรินริางะ ยกความสำ คัญของ ญี่ปุ่นโบราณขึ้นมา ในค.ศ. 1841 โทกูงาวะ นาริอริากิ ไดเมียวแห่งแคว้นว้มิโตะ ก่อตั้งโคโดกัง (: 弘道館; ) หรือรืสำ นัก ศึกษามิโตะทำ ให้แคว้นว้มิโตะกลายเป็นแหล่งประชุมของผู้เชิดชูสถาบันพระจักรพรรดิและต่อต้าน รัฐบาลโชกุน ลัทธิโคกูงากุมีอิทธิพลอย่างมากต่อแนวความคิดซนโน-โจอิ ซึ่งส่งผลต่อการล่มสลาย ของรัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ และมีอิทธิพลต่อลัทธิชาตินิยมในยุคเมจิสมัยต่อมา
Chasing Fireflies in the Sumida River" ภาพเขียนบนผ้าผ้ไหม ผลงานของ TEISAI HOKUBA แฟชั่นสตรีในงานศิลปะญี่ปุ่น สมัยเอโดะ ในยุคนี้เป็นสกุลช่างที่มีบทบาทและมีความ สําคัญอย่างยิ่งต่อวงการศิลปะของญี่ปุ่น และวงการศิลปะของยุโรป ผลงานของ ศิลปินในสกุลช่างนี้ได้ให้อิทธิพลต่อศิลปิน กลุ่มอิมเพรสชันนิสต์ของฝรั่งเศสใน ศตวรรษที่ 19 ทางด้านรูปแบบ อาทิ การ ใช้มิติภายในภาพเพียงแค่สองมิติ การ เสนอรูปทรงที่มีความเรียรีบง่าย การใช้เส้น ตัดเน้นกรอบนอกของรูปทรงต่าง ๆ รวม ทั้งการจัดวางองค์ประกอบของภาพใน ลักษณะซ้ายขวามีความสมดุลไม่เท่ากันใน ยุคนี้เป็นสกุลช่างที่มีบทบาทและมีความ สําคัญอย่างยิ่งต่อวงการศิลปะของญี่ปุ่น และวงการศิลปะของยุโรป ผลงานของ ศิลปินในสกุลช่างนี้ได้ให้อิทธิพลต่อศิลปิน กลุ่มอิมเพรสชันนิสต์ของฝรั่งเศสใน ศตวรรษที่ 19 ทางด้านรูปแบบ อาทิ การ ใช้มิติภายในภาพเพียงแค่สองมิติ การ เสนอรูปทรงที่มีความเรียรีบง่าย การใช้เส้น ตัดเน้นกรอบนอกของรูปทรงต่าง ๆ รวม ทั้งการจัดวางองค์ประกอบของภาพใน ลักษณะซ้ายขวามีความสมดุลไม่เท่ากัน WOMAN VIEWING THE MOON” ภาพ เขียนบนผ้าไหม ผลงานของ KUWAGATA KEISEI สัดส่วนของผู้หญิงญี่ปุ่นในสมัยเอโดะนั้น ค่อนข้างเตี้ยและท้วม ศิลปินจึงเกิดความ คิดที่จะทําให้หญิงงามตามอุดมคติของเขา นั้นให้ดูสูงโปร่ง สง่างาม อาจจะเป็นไปได้ว่าการยืดลําตัวของผู้หญิง ในภาพให้ดูชะลูดบอบบางผิดจากปกตินั้น ก็เพื่อต้องการให้การจัดวางองค์ประกอบ ของภาพดูสวยงาม การจัดกิริยริาท่าทาง การใช้เส้นของเสื้อผ้า และแม้แต่ลีลาของ รอยพับของผ้าที่ทิ้งลงมาทอดกองอยู่กับ พื้นหรือรืสะบัดพลิ้วไปด้านข้างนั้น จะทําให้ ภาพมีความงามและน่าสนใจยิ่งขึ้น
เทคนิคยุคเอโดะเพื่อทำ ให้ ดวงตาดูตี่เล็ก เทคนิคการทอดสายตา แม้การหรี่ตรี่าจะทำ ให้ตาดูตี่เล็กลงได้อย่าง ชัดเจน แต่มันทำ ให้เห็นตีนกาชัด และดู เหมือนการจ้อง เพ่งมอง ซึ่งอาจติดเป็น ความเคยชิน ทำ ให้เสียบุคลิก จึงเกิดวิธีวิธี การที่เรียรีกว่า เมะฮะจิบุ (⽬⼋分) คือ วิธีวิธี การทอดสายที่หากยืนอยู่ ให้มองไปยังพื้น ด้านหน้าที่ห่างออกไปจากปลายเท้า ประมาณ 1.8 เมตร หรือรืหากนั่ง ให้ทอด สายตามองในระยะที่ห่างออกไปประมาณ 90 ซม. ซึ่งคล้ายการก้ม ทำ ให้เปลือกตาดู มีพื้นที่มากกว่าความเป็นจริงริทำ ให้ตาดู เล็กลงนั่นเอง และหากมีดวงตาที่โต ดวงตาก็จะไม่กลายเป็นจุดเด่นอีกด้วย ทาแป้งทาหน้าสีขาวหนาๆ รอบดวงตา โดยเฉพาะบนเปลือกตา แต่บริเริวณ กลางเปลือกตาบนให้ทาแป้งบางๆ แล้วทา(อายแชโดว์)สีแดงทับบางๆ ให้ ยาวถึงหางตา โดยให้กินพื้นที่ไปยัง ด้านล่างของหางตาเล็กน้อย ซึ่งการ ทาแป้งหนา และการทาสีแดงที่คล้า อายแชโดว์ในปัจจุบันบางๆ ทำ ให้ เปลือกตาดูใหญ่ โดดเด่น ตาดูเล็กลง แต่ไม่ควรทาสีแดงหนาจนเกินไปเพราะ จะทำ ให้ดวงตาโดดเด่นเกินไป โกนคิ้ว ชาวเอโดะมักโกนคิ้วตั้งแต่ยัง เด็ก ทำ ให้คิ้วบาง แล้วจึงค่อยวาดคิ้ว ขึ้นใหม่ให้สูงกว่าตำ แหน่งเดิม หรือรื โกนคิ้วด้านล่างออก แล้วเขียนคิ้วให้ สูงขึ้น เพื่อทำ ให้ดวงตาดูเล็ก 1. 2. เ ท ค นิ ค ก า ร เ เ ต่ ง ห น้ า
สีน้ำ เ งินในโ ลกที่ล่ อ ง ล อยสมัยเ อ โดะ สมัยเอโดะ (1603 – 1868) ถือได้ว่าว่เป็นช่วงเวลารอยต่อระหว่าว่งสมัยกลางและสมัยใหม่ของ ประเทศญี่ปุ่นปุ่บ้านเมืองในสภาวะหลังสงครามนำ ไปสู่นโยบายการจัดระเบียบควบคู่ไปกับการ พัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ทั้งในด้านการปกครอง เศรษฐกิจ ตลอดจนศิลปวัฒวันธรรม ความ เจริญริของเมืองหลวงแห่งใหม่นี้ค่อย ๆ หล่อหลอมวิถีวิถีชีวิตวิของผู้คนในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนขึ้น มา กระทั่งมีคำ เรียรีกขบวนการเคลื่อนไหวดังกล่าวที่ปรากฏให้เห็นผ่านทางผลงานจิตรกรรมและ ภาพพิมพ์ว่าว่ “อุคิโยะ” (Ukiyo) อันหมายความถึงโลกที่ล่องลอย บทความนี้มุ่งศึกษาความนิยม ของสีน้ำ เงินในสมัยเอโดะผ่านภาพพิมพ์อุคิโยะเอะ หลักฐานชิ้นสำ คัญที่ได้ทำ การบันทึกภาพรวม ของช่วงเวลาดังกล่าวไว้ โดยมีสมมติฐานว่าว่บทบาทอันโดดเด่นของสีน้ำ เงินเป็นผลมาจากเงื่อนไข ทางสังคมเรื่อรื่งชนชั้น ค่านิยม และวัฒวันธรรมการบริโริภค โดยใช้วิธีวิธีการศึกษาวิเวิคราะห์ ประวัติวั ติศาสตร์ของภาพพิมพ์ญี่ปุ่นปุ่ข้อมูลเกี่ยวกับสังคมวัฒวันธรรม และลักษณะทางทัศนศิลป์ของ ภาพพิมพ์อุคิโยะเอะจำ นวน 15 ชิ้น ผลการศึกษาพบว่าว่สีน้ำ เงินนั้นมีความสัมพันธ์กับวิถีวิถีชีวิตวิของ ผู้คนและวัฒวันธรรมญี่ปุ่นปุ่อย่างลึกซึ้งมาเป็นเวลายาวนาน จนกระทั่งกลายมาเป็นปัจจัยสำ คัญใน การสร้างสรรค์ภาพพิมพ์อุคิโยะเอะ อันเปรียรีบเสมือนภาพแทนของโลกที่ล่องลอย โลกของความ สำ ราญ โลกที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขและความงามที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว โดยมีที่มา จาก 3 ปัจจัย ได้แก่ 1. การรับรู้สีน้ำ เงินของชาวญี่ปุ่นปุ่ที่เป็นไปคนละทางกับเรื่อรื่งศาสนาหรือรืสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ 2. สีน้ำ เงินเคยเป็นหนึ่งในสีต้องห้ามสำ หรับสามัญชนในสมัยโบราณ และ 3. การสอดรับ กันระหว่าว่งความนิยมในสีน้ำ เงินทั้งจากศิลปินผู้สร้างสรรค์และจากความต้องการของตลาด
การแต่งงานของชาวเอโดะมี 3 ประเภท 1 แต่งข้าวคือผู้ชายแต่งเข้าบ้านผู้หญิงมีการทำ ในชนบท 2 แต่งออกคือผู้หญิงแต่งเข้าบ้านผู้ชายมากทำ กันในหมู่ชั้นพ่อค้า 3 แต่งแล้วออกไปด้วยกันคือคนทั่วไปแต่งงานปั๊บก็จะไปเช่าบ้านที่เรียกว่า นาหายะ 1 พ่อแม่เจ้านายจัดให้ชนชั้นซามูไรและพ่อค้าเขาไม่ได้แต่งเพราะรักแต่งเพราะ การเมืองธุรกิจ 2 ลูกสาวช่างฝีมือจะถูกล็อคตัวไว้ให้แต่งงานกับศิษย์เอก 3 ผ่านแม่สื่อแม่รับ 4จับกันตามปกติสรุปคือยิ่งเป็นคนชนชั้นสูงมีอิสระในการรักใครหรือจะ แต่งงานจะยิ่งน้อยมากมีบันทึกเอาไว้ว่าส่วนใหญ่แล้วบ่าวสาวชนชั้นสูงจะเจอ หน้ากันครั้งแรกวันแต่งงานนี่แหละ ในยุคเอโดะนั้นแม้เซ็กส์ไลฟ์เขาจะวุ้วหู้วแค่ไหนแต่การเดทนั้นต้องทำ โดยรับรับ เท่านั้นเพราะถือว่าการไปเดทกันคือน่าอายเลยมีน้ำ ชารับที่เรียกว่ามาจีบหรือใด ในหนุ่มสาวนัดกันเต็มไปหมดสรุปก็คือจีบของชาวเอเชียคือเขาไม่เดินจับมือเขา ไม่ไปกินขนมดูมหรสพ เเต่เขาจะเปิดห้องกันและต้องมาแอบคบกันการเกี้ยวพาราสีผ่านจดหมายซึ่ง มากมีอาชีพทำ หน้าที่ส่งจดหมายลับลับเรียกว่าภูมิศรีใดสมัยเอโดะผู้หญิง แต่งงานก่อนอายุ 19 หรือเกิน 20 ขึ้นจะขึ้นคานส่วนผู้ชาย 15 ขึ้นไปสมัยเอโดะ ชายโสดเยอะมากเพราะสัดส่วนชายหญิงไม่ค่อยสัมพันธ์กันส่วนพิธีแทบจะไม่ แตกต่างจากสมัยนี้ การเเต่งงานกันในยุคเอโดะ
เมื่อถึงยุคเอโดะธุรกิจขายตึกก็ฟื้นฟูชาวนาชาวไร่ยินดีจ่ายเงินซื้ออึหรือเอา ผักแลกกับอึจึงมีอาชีพชื่อ “ชิโมโกเอไก” เกิดขึ้นโดยเขาจะไปตามบ้านต่างๆ แล้วอาสาทำ ความสะอาดหรือขอซื้อไปขายต่อเรทการขายอึอยู่ที่ราคาของ ซามูไรหรือคนชั้นสูงพ่อค้าต่างๆจะแพงกว่าอึดของคนธรรมดาว่ากันว่าอึด ของคนชั้นสูงจะทำ ปุ๋ย ปุ๋ ได้ดีกว่าของคนธรรมดาและในที่สุดเขาก็ได้รู้จัก กระดาษชำ ระสักทีสิ่งที่เรียกว่าอาซากุสะคามิคือกระดาษเนื้อเยื่อๆที่เป็นกระ ดาษรีไซเคิล ในยุคโจมง (14000ปีก่ ปีก่อนค.ศ 300 ปีก่ ปีก่อนค.ศ) จากหลักฐานพบว่าในแหล่งโบราณคดีสุสานหอยจังหวัดภูเก็ตมีการค้นพบร่องรอย ห้องน้ำ ยุคโจมงพบว่าคนสมัยนั้นเขาปลดทุกข์การลงแม่น้ำ และขอใช้เศษภาชนะดิน เผาเนื้อดินอุดตูดคือเขาเจอฟอสซิลมนุษย์และพบปะติดเศษภาชนะดินเผา ยุคอาสีกะ (ค.ศ538-710) คนก็อย่างนี้ยมปลดทุกข์ลงแม่น้ำ อยู่แต่มีการพัฒนาคือมี การขุดทางน้ำ จากแม่น้ำ เข้ามาแล้วสร้างรั้วสร้างอาคารครอบห้องสุขาเช่นนี้เรียกว่า คาวายะ เมื่อมาถึงยุคเฮเซตันก็เกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ของวงการห้องน้ำ พอได้มีการประดิษฐ์ ฮิราโกะหรือกระโถนพกพาที่ทำ จากไม้หรือเครื่องปั้นดินเผาทำไมถึงเรียกกระโถนพก ภาพเพราะในสมัยเฮฮันปราสาทราชวงศ์หรูแค่ไหนก็ไม่มีห้องน้ำ เหล่าหญิงต่างๆเวลา ปวดหนักปวดเบาก็บอกนางกำ นัลอย่างไรก็ตามคนที่มีโอกาสใช้ฮิบาโกะเนี่ยต้องเป็น คนชั้นสูงเท่านั้นคนทั่วไปไม่มีเงินซื้อและในตอนนั้นใช้ไม้แทนการใช้กระดาษทิชชู่นัก โบราณคดีได้พบซูกิหรือชูโกกุว่ากันว่าก็ยังใช้ห้องน้ำ แบบเดิมมาเรื่อยๆกระทั่งมายุคคุ ระเขาพบว่าการเอาอึไปรดน้ำ ต้นไม้ทำ ให้ได้ผลผลิตดีมากก็เลยเริ่มขายอึกันและมีการ สร้างห้องน้ำ สาธารณะเพื่อผลิตอึไปทำ ปุ๋ยปุ๋ด้วย นวัตกรรมห้องน้ำ “ยุคโจมง-เอโดะ”
จากการสำ รวจประชากรปี ค.ศ 1733เมืองเอโดะมีประบาการาวๆ536,000คน ผู้หญิง 196,000คน เปลว่าชาวเมือง63%เป็นผู้ชาย เริ่มต้นปี เคโซที่8(ค.ศ2603) “โตกุกาวะ อิเอยาสึ” ได้รับการแต่งตั้งเป็นปฐมโชกุนแห่งตระกูล กุกาวะ แรงงานและชาวฝีมือจำ นวนมากจึงย้ายเข้า มาในเมืองเอโดะเพื่อทำ งานส่วนซามูไรย้ายตามนายเหนือหัวเข้ามาด้วยทำ ให้เมืองเอโดะมี ประชากรมากกว่า 1 ล้านคน 830,000เป๋นป๋ผู้ชาย เมื่อสัดส่วนประชากรผู้หญิงไม่เท่ากับผู้ชายผู้หญิงมีอำ นาจในการต่อ รองและมีอำ นาจในการเลือกสรรผู้ชายที่เหมาะสมที่สุดมาเป็นคู่รักดังนั้นชายหนุ่มก็พัฒนา หน้าที่การงานเก็บเงินถ้าผู้ชายชวนฉันพ่อค้าที่เป็นคนโตหรือซามูไรจะไม่ค่อยมีปัญหากับพวก นี้เท่าไหร่พวกเขาสามารถแต่งงานได้ตั้งแต่อายุ 17 ถึง 24 ส่วนใหญ่พ่อแม่หามาให้การ แต่งงานใน 2 ชนชั้นไม่ได้เกิดจากความรักรวมดำ รงเพื่อตะกูลธำ รงกิจการเมืองเท่านั้นแต่ใน ชนชั้นพ่อค้าจะลำ บากมากกว่าในการหาหญิงมาแต่งงานพ่อพ่อแม่หวังส่งคนออกจากบ้าน ตั้งแต่ 10 ถึง 11 ขวบเพื่อไปหางานทำ หาประสบการณ์และตั้งตัวเอาเองไม่ใช่แค่ชนชั้นพ่อค้า แต่เป็นชาวนาหรือช่างฝีมือต้องไปสมัครงานซึ่งทำ งานช่วงแรกๆไม่มีเงินเดือนให้แต่มีอาหาร 3 มื้อในระหว่างนั้นต้องฝึกสกิลทำ งานไปพอ 15-17 ปีถ้ปีถ้าสกิลดีขยันขันแข็งแรงก็จะได้เกมปุ๊บปุ๊ หรือเกินผมหน้าม้าเข้าสู่ความเป็นหนุ่มและสามารถขอแต่งงานได้ค่าเฉลี่ยการแต่งงานครั้ง แรกของผู้ชายอยู่ที่ 18.8 ปีผู้ปีผู้หญิง 15.3 ปีใปีนเอโดะผู้หญิงนั้น Popular แม้เลือกไม่เอาผู้ชายที่ เคยอย่ามาก่อนเขาจีบกันโดยการมีเพศสัมพันธุ์ ทำ ไมเมืองเอโดะจึงได้ชื่อว่า เป็นเมืองเเห่งชายโสด
C O F F E E ก า เ เ ฟ ใ น ยุ ค เ อ โ ด ะ ที่จริงกาแฟเข้ามาในญี่ปุ่น ปุ่ ตั้งแต่ยุคเอโดะโดยพ่อค้าชาวฮอลันดาถ้าว่ามัน ไม่ได้แพร่หลายเข้าสู่คนญี่ปุ่น ปุ่ สักเท่าไหร่โดยดื่มแค่บริเวณเกาะติด 15 จังหวัดนางาซากิเท่านั้นในทุกปีจ ปี ะมีงานที่เรียกว่า โฮรันดะโซกัตสึ หรือปี ใหม่ดัดซ์ ในงานจะมีอาหารตะวันตกแบบคอร์สจัดเลี้ยงโดยในงานไม่ได้มีเพียงชาว ดัตช์แต่ยังมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลมาเลี้ยงในใบเมนูที่หลงเหลือมาจน ปัจจุบันบอกว่ามีกาแฟอยู่ในเมนูด้วยนั่นแปลว่าคนญี่ปุ่น ปุ่ ได้ดื่มกาแฟในยุค มีแค่เจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้นชาวฮอลันดาบันทึกว่าคนญี่ปุ่น ปุ่ ไม่ชอบกลิ่น หอมและรสของกาแฟนี่อาจเป็นหนึ่งเหตุผลที่ยังไม่แพร่หลายในยุคนั้นและ ในยุคนั้นกาแฟถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมตะวันตกซึ่งญี่ปุ่น ปุ่ ที่ กำ ลังปิดปิประเทศอยู่นั้นไม่ค่อยอยากให้วัฒนธรรมตะวันตกแพร่หลายในปี เมจิที่ 21 พ. ศ. 1888 หรือนาชิมูระนักเขียนนอกจาก US หลังเรียนจบเขา ก็กลับญี่ปุ่น ปุ่ เปิดปิร้านกาแฟร้านแรกที่ญี่ปุ่น ปุ่ ที่อุเอโนะ ร้านว่าคาฮิซาดัง เสียดายที่ช่วงแรกกาแฟไม่เป็นที่นิยมมากนักเขาจึงปิดปิ ร้านกาแฟได้แพร่หลายไปในญี่ปุ่น ปุ่ อย่างจริงจังก็เข้ายุคไทโชยุคของทันจิโร่ และผองเพื่อนและช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กาแฟหายไปจากญี่ปุ่น ปุ่ ช่วงนึง เพราะเป็นเครื่องดื่มของศัตรูก่อนจะกลับมาแพร่เผยในปี 1950 ในฐานะ ทูตแห่งสันติภาพ
ได้เปิดปิ โรงอาบน้ำ สาธารณะขึ้นที่ เซนนิคาเมะบาชิ ปัจจุบันคือมารุโนะ อุอิจโจเมะ หรือบริเวณสถานีรถไฟเกียวโตในปัจจุบันโดยมุ่งหวังให้แรงงานที่อาศัยอยู่ตามห้อง เช่าที่ไม่มีห้องน้ำ อาบได้มาอาบน้ำ ผ่อนคลายและเมื่อเข้าสู่ยุคเอโดะโชกุนได้ทำ การ ขยายพื้นที่ปราสาทเอโดะและต่อเติมเมื่อมีการต่อเติมก็ย่อมมีแรงงานและช่างฝีมือ จำ นวนมากเข้ามาในเมืองมีประชากรล้นหลามเพราะก็ทำ งานหนักและลงอาบน้ำ ใน ตอนนั้นไม่ได้มีไว้อาบน้ำ อย่างเดียวยังมีไว้ดื่มชาพบปะสังสรรค์ค่าบริการก็ไม่ได้แพง ช่วงปลายปีค ปี. ศ. 1610 ศูนย์บริการเตโชก็เปลี่ยนไปบางแห่งมีสาวมาช่วยท่านชาย อาบน้ำ รวมถึงอย่างอื่นด้วยสาวๆเหล่านี้เรียกว่ายูนะที่มีอยู่และให้บริการก็จะเรียกว่า ยูนะฟุโระ แน่นอนว่าผิดกฎหมายแต่รัฐบาลทำ อะไรไม่ได้เพราะเหล่านี้ทำ ให้ เศรษฐกิจดีขึ้นทำ ให้เศรษฐกิจในเมืองเอโดะขับเคลื่อนไปได้ดีรัฐบาลเลยยอมหลับตา ข้างนึงทำ เป็นไม่รู้ไม่เห็นสบู่ของชาวเอโดะจริงๆคือลูกกับบุคคลมันคือถุงผ้าด้านใน ภายในบรรจุรำ ข้าว ส่วนชาวเอโดะ ก่อนยุคเอโดะในปีเ ปี ท็นโชที่19 อิเสะ โยอิจิ คนปัจจุบันต่างกันในเรื่องอาบน้ำ คือสมัยนี้ธรรมเนียมในการใช้ห้องน้ำ แบบญี่ปุ่น ปุ่ คือต้องล้างตัวแล้วค่อยลงไปแช่ในสมัยเอโดะกับการเราจะ แช่น้ำ แล้วค่อยมาล้างตัวเขาบอกว่าแช่น้ำ ร้อนก่อนขัดขี้ไคลจะออกง่าย กว่าแต่ทำ ให้น้ำ สกปรกมากและโรคระบาดมันผ่านจากน้ำ จริงๆคนมี เงินตระกูลชั้นสูงซามูไรพวกนี้มีเงินมากมายเขาจะมีห้องอาบน้ำ ในบ้าน แต่น้อยมากที่จะมีการไปอาบน้ำ ลงน้ำ สำ หรับชาว เอโดะ มันไม่ได้แค่ อาบนำ เเต่ มันเพื่อเข้าสังคมเขาเลยไปอาบน้ำ กั
หวยกำ เนิดขึ้นในญี่ปุ่น ปุ่ ช่วงปีค ปี.ศ 1624 หรือต้นเอโดะ ณวัดมิโนยาม่า เรียว ฮันนิโอยาม่าเรียวฮันจิตั้งอยู่ในจังหวัดโอซาก้าในปัจจุบัน 1.ให้สาธุชนที่มาไหว้พระในวันปีใปี หม่เขียนชื่อตัวเองใส่กระดาษแล้วหย่อนไป ในกล่อง 2 ในวันที่ 7 เดือน 1 วันหวยออกพระจะใช้ไม้ปลายแหลมทิ่มลงไปในกล่อง 3 ครั้ง 3 คนทั้งสามนั้นจะได้รางวัลแต่ไม่ใช่เงินแต่เป็นเครื่องรางโชคดีที่จะ ช่วยคุ้มครองตลอดปีพิ ปี พิธีนี้มีชื่อว่า โทมิเอะ ซึ่งไม่ใช่การพนันเป็นการเสี่ยง โชคว่าใครจะโชคดีโดยเริ่มขึ้นในคศ 1 730 ในสมัยโชกุนโยชิมูระตอนนั้น รัฐบาลฝืดเคืองมากรัฐบาลเลยเปลี่ยนพิธีจากเดิมเขียนชื่อก่อนก็ให้เป็นซื้อ สลากจากนั้นใครถูกรางวัลก็หักเงิน 10% จากบันทึกทางการบอกว่าการ ออกสลากครั้งแรกทางขึ้นที่วัดนินนาจิเมืองเกียวโตและวัดโกโคจิเมืองเอโดะ ถ้าวัดหรือศาลเจ้าไหนอยากจัดกิจกรรมด้วยหน่วยก็ให้ไปลงทะเบียนกับ ทางการเพราะถึงวันหวยออกทางการก็จะส่งคนมาจัดงานและควบคุมฝูงชน วิธีการเล่นหวยคืออย่างแรกไปซื้อโทมิฟุดะ โดยราคาถูก 1 แผ่น คือแผ่นจะ มี 2 ด้านด้านหนึ่งเขียนว่าวันที่ออกสถานที่ออกด้านหลังเขียนจำ นวนเงินที่ จะได้รับรางวัลมีบันทึกไว้ว่าช่วงกลางๆยุคเอโดะหรือ ค.ศ 1764 ถึง 1772 หวยบูมมากจะมีการออกหวยทุกๆ 3 วัน ในยุคเอโดะ หวย
ช า ว เ อ โดะ ศาสตร์เร์เห่ง ห่ การซักซักิโมโน เขว่ากันว่า สักครั้งควรมีสักครั้งที่เลาะด้วยกิโมโนออกมาให้หมดเเล้วค่อย เอามาหยิบกลับให้เป็นเหมือนเดิม ความเยียมของกิโมโนคือทังลำ แขนลำ ตัวเเล้วก็ปกต่างๆตัดเป็นเส้นตรงถ้าเอาทุกชิ้นมาเย็บรวมกัน จะกลายเป็น ผ้ายาวๆฝืนหนึ่ง คือไม่มีเศษผ้าทิ้งเลยเลาะให้กลายเป็นผืนยาวๆเเล้วเอา ไปซัก จากนั้นนำ มาขึงเเบบยาวๆ เรียกว่า”ขึงเเบบชันชิ” พอผ้าเเห้งก็กลับ มาเย็บเข้าเป็นเเบบเดิมการซักเเบบอาราอิฮา จะทำ ห้เศษผง รอยต่างๆรอยเย็บออกได้ เเล้วทำ ให้กิโมโนกลับมาเหมือน ใหม่ บกิโมโนเป็นผ้าไหมที่ชนชั้นสูงเขาใส่กัน
เทียนในยุคนั้นเป็นของราคาเเพง ไม่ใช่ทุกคนจะมีเทียนใช้กัน ในย่านเริงริรมย์ ซามูไรระดับสูง ร้านอาหารใหญ่ๆ หรือรืพ่อค้า รวยๆ เเล้วคนทั่วไปใช้ น้ำ มันปลาซาดีน เเทนน้ำ มันตะเกียง เทียนในสมัย เ อ โดะ คนเอโดะนิยมนอนกันตั้งเเต่ฟ้ามืด เพราะประหยัดเเล้วเทียนราคาเเพง หลังจากจุดจะมีน้ำ ตาเทียนละลาย เอา ไปขายได้ นอกจากน้ำ มันปลาซาดี นเเล้ว ยังใช้น้ำ มันปลาวาฬ นอกจากนี้ น้ำ มันปลาต่างๆนิยมน้ำ มันคาโนล่า ด้วยเพราะว่าว่กลิ่นน้อย เเถมสว่าว่งกว่าว่ ปลาอื่น ในช่วง (1804-1818)น้ำ มัน คาโนล่ามีราคา 1ลิตร 3พันบาท!
คำ ถาม? 1.โทะกุงะวะ อิเอะยะชุ เป็นโชกุนคนเเรกของตระกูลอะไร อิมะยะ ปังคุง โทกุงะวะ อะกิมินา ไดเมียว 1. 2. 3. 4. 2. ลัทธิที่ช่วยก่อสร้างมาตรฐานเเห่งประพฤติกรรม เช่น การเอาชนะความกลังคือลัทธิใด ลัทธิขงจื้อ ลัทธิคอมมิวนิสต์ ศาสนาพุทธ นิกายเซน ลัทธิเบค่อนเกรียม 1. 2. 3. 4. 3. บุคคลที่ปกครองเอโดะเป็นคนเเรกคือใคร โอดะ โดกัง ชุโด โยะชิฮิโระ คะโต คิโยะ มะชะ 1. 2. 3. 4. 4. ได้ส่งอาเซกูระ สึเนนางะ ไปเป็นทูตมีชื่อว่าว่คณะ อะไร 1. คณะเปโซรา 2. คณะทูตปีเ ปี คโจ 3.คณะทูตานุทูต 4. คณะทูตทูตะรา
เพราะทางสัมคมชนชั้น ค่านิยม และวัฒนธรรม เพราะเป็นทางด้านการปกครอง เพราะเป็นเศรษฐกิจ เพราะเป็นความเจริญ 1. 2. 3. 4. คำ ถาม? 5. ทำ ไมสาวชาวเอโดะถึงมักโกรคิ้วตั้งเเต่เด็ก 1. เพราะจะทำ ให้ดวงตาเล็ก 2. เพราะทำ ให้เปล่ือกตาดูใหญ่ 3. เพราะทำ ให้คิ้วเด่น 4. เพราะจะมีหนุ่มชอบ 6. ทำ ไมสีน้ำ เงินถึงมีความสัมพันธ์กับวิถีวิถี ชีวิตวิของผู้คน 7. นาหายะ คืออะไร การเเต่งเข้าบ้านผู้ชาย การถูกล็อคตัวเเต่งงาน การเเต่งงานปุ๊บปุ๊ไปเช่าบ้าน การจีบผ่านเเม่สื่อ 1. 2. 3. 4. 8. อาชีพชิโมโดเอไก คืออาชีพอะไรในยุคเอโดะ 1. ธุรกิจการขายอึ 2. การผลิตอึไปขาย 3. การขายกระดาษชำ ระ 4. การต่อเรทราคาอึ
คำ ถาม? 9. อายุอท่าไหร่ผู้ชายยุคเอโดะถึงออกจากบ้านไปหางานทำ 1.10-11 ปี 2.13-14 3.16ขึ้นไป 4. 18ปัขึ้น 10.ส่วนใหญ่คนระดับชนชั้นซามูไรใช้น้ำ มันเทียนใช้น้ำ มัน อะไรในการจุดไฟ น้ำ มันปลาวาฬ น้ำ มันคาโนล่า น้ำ มันปลาซาดีน น้ำ มันหอย 1. 2. 3. 4.
โทกุงะวะ ศาสนาพุทธ นิกายเซน โยะชิฮิโระ คณะทูตปีเคโจ เพราะทำ ให้ดวงตาเล็ก 1. 2. 3. 4. 5. 6. เพราะทางสังคมชนชั้น ค่านิยม และวัฒวันธรรม 7.การเเต่งปุ๊บ ปุ๊ ไปเช่าบ้าน 8.ธุรกิจการขายอึ 9.10-11ปี 10.น้ำ มันปลาซาดีน เฉลย
น า ง ส า ว ป ณิ ต า พ ร ม มี เ ด ช เ ล ข ที่ 1 3 ม.6 / 7