The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานวิจัยในชั้นเรียน นางสาวเกศวลี แคนสิงห์-12565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nimkhaensing, 2022-10-09 22:34:58

รายงานวิจัยในชั้นเรียน นางสาวเกศวลี แคนสิงห์-12565

รายงานวิจัยในชั้นเรียน นางสาวเกศวลี แคนสิงห์-12565

ปีการศึกษา
2565

รายงาน
วิจัยในชั้นเรียน

เรื่อง

การพัฒนาทักษะอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ
โดยใช้ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Connectionism)

ร่วมกับการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning
สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนศึกษานารี

โดย นางสาวเกศวลี แคนสิงห์ ตำแหน่ง ครูชำนาญการ

โรงเรียนศึกษานารี
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา กรุงเทพมหานคร เขต 1
(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้ นฐาน)

รายงานวจิ ัยในชน้ั เรยี น
เรอ่ื ง การพัฒนาทกั ษะอ่านและการเขยี นภาษาองั กฤษ
โดยใชท้ ฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Connectionism)
รว่ มกับการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning
สําหรบั นักเรยี นระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 โรงเรียนศึกษานารี

ของ
นางสาวเกศวลี แคนสงิ ห์
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ โรงเรียนศึกษานารี

สาํ นักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร เขต 1
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

หัวขอ้ วิจยั : การพัฒนาทักษะอา่ นและการเขยี นภาษาองั กฤษ
โดยใชท้ ฤษฎกี ารเชือ่ มโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Connectionism)
รว่ มกบั การจัดการเรยี นการสอนแบบ Active Learning
สาํ หรับนักเรยี นระดับชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรยี นศึกษานารี

ผู้วิจัย : นางสาวเกศวลี แคนสงิ ห์
การศกึ ษาสูงสุด : ศษ.ม. การบริหารการศึกษา มหาวิทยาลยั รามคําแหง
ตาํ แหน่ง : ครู กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาตา่ งประเทศ โรงเรยี นศกึ ษานารี
ปีทท่ี าํ การวิจัย : ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565

บทคัดยอ่

การศึกษาคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์ เพ่ือศึกษาผลการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ ของ
นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้ทฤษฎีการเช่ือมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Connectionism)
ร่วมกับการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ประชากรท่ีใช้ใน
วิจัยเป็นนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนศึกษานารี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จํานวน 3 ห้อง
ท่ีเรียนในรายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ33101) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6/8
โรงเรียนศึกษานารี จํานวน 43 คน โดยสุ่มแบบเจาะจง ตัวแปรที่ศึกษามีดังน้ี ตัวแปรต้น คือ การจัดการเรียน
การสอนโดยใช้ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Connectionism) ร่วมกับการจัดการเรียน
การสอนแบบ Active Learning ตัวแปรตาม คือ ผลการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษผ่าน
ชิ้นงานและงานท่ีนําเสนอ สถิติท่ีใช้ในการศึกษา 1. สถิติท่ีใช้ในการหาประสิทธิภาพ E1/E2 และ 2. สถิติ
พน้ื ฐาน ได้แก่ ค่ารอ้ ยละ

สรุปผลการวจิ ยั

1. ผลการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษผ่านชิ้นงานและงานท่ีนําเสนอ ของนักเรียน
ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 โดยใช้ทฤษฎีการเช่ือมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Connectionism) ร่วมกับ
การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning มีค่า E1 / E2 เท่ากับ 80.29/82.45 มีค่าความเหมาะสม
อย่ใู นระดับมาก

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษผ่านชิ้นงานและงานที่นําเสนอ
ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้ทฤษฎีการเช่ือมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s
Connectionism) ร่วมกับการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning เกินเกณฑ์ร้อยละ 90.70 ซึ่งสูงกว่า
เกณฑ์ทตี่ ัง้

หวั ข้อวจิ ยั : การพัฒนาทกั ษะอา่ นและการเขียนภาษาอังกฤษ
โดยใชท้ ฤษฎีการเชอื่ มโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Connectionism)
ร่วมกับการจดั การเรยี นการสอนแบบ Active Learning
สาํ หรับนักเรียนระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนศกึ ษานารี

ผวู้ ิจยั : นางสาวเกศวลี แคนสิงห์
การศกึ ษาสูงสดุ : ศษ.ม. การบรหิ ารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยรามคําแหง

ตาํ แหน่ง : ครู กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ โรงเรียนศกึ ษานารี

ปีท่ีทาํ การวิจัย : ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565

ความเปน็ มาและความสําคญั ของปญั หา

ภาษาอังกฤษจัดเป็นภาษาท่ีมีการนําไปใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ผู้เรียนจําเป็นต้องได้รับการฝึก
ทักษะทางภาษาอังกฤษท้ัง 4 ด้าน คือ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนให้มีความสัมพันธ์กัน การจัดการ
เรียนการสอนรายวชิ าภาษาอังกฤษ 5 (อ33101) ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เปน็ การศกึ ษาเก่ียวกับอ่านออก
เสียงข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา ถูกต้องตามหลักการอ่าน ตีความ สรุปใจความสําคัญ/แก่นสาระ จากการ
ฟังและอ่านเร่ืองที่เป็นสารคดีและบันเทิงคดี กิจกรรม ข่าว เหตุการณ์และสถานการณ์ตามความสนใจ ปฏิบัติ
ตามคําแนะนําในคู่มือการใช้งานต่าง ๆ เลือกและใช้คําขอร้อง คําชี้แจง คําอธิบาย และคําบรรยาย ให้
คําแนะนํา พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอและให้ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือใน
สถานการณ์จําลองหรือสถานการณ์จริงอย่างเหมาะสมและคล่องแคล่ว อธิบาย ระบุและเขียนประโยค
ข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่าง ๆ ที่อ่าน วิเคราะห์ เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง
โครงสร้างประโยค ข้อความ สํานวน คําพังเพย สุภาษิต บทกลอน วิถีชีวิต ท่ีมาของขนบธรรมเนียมประเพณี
และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย และนําไปใช้อย่างมีเหตุผล ฝึกทักษะการสืบค้น ค้นคว้า รวบรวม
คิดวิเคราะห์ จากประเด็น หรือสถานการณ์ตามความสนใจของสังคม โดยระบุเหตุ และผล ข้อเท็จจริง
ข้อคิดเห็น จากการแสวงหาข้อมูลเพ่ิมเติม พูด เขียนและนําเสนอความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากเร่ืองที่ศึกษา
ค้นคว้าอย่างสร้างสรรค์ เผยแพร่/ประชาสัมพันธ์ ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็น
ภาษาต่างประเทศ ส่ือสารอย่างต่อเน่ือง เหมาะสมในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จําลองที่เกิดข้ึนในห้องเรียน
สถานศึกษา ชุมชนและสังคม เข้าร่วม และแนะนํากิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสมโดยเลือกใช้
ภาษา นํ้าเสียงและกริยาท่าทางเหมาะสมกับระดับของบุคคล เวลา โอกาส และสถานที่ตามมารยาทสังคมและ
วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา

โดยใช้แนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย ได้ฝึก
ทักษะการใช้ภาษาให้มากท่ีสุดทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ในสถานการณ์ที่มีโอกาสพบได้จริงใน
ชีวิตประจําวัน จัดกิจกรรมการเรียนการสอนหลากหลาย ทั้งกิจกรรมการฝึกทักษะทางภาษาและกิจกรรมฝึก

ผู้เรียนให้รู้วิธีการเรียนภาษาด้วยตนเอง โดยใช้การสื่อสารเรียนรู้ และแหล่งการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับตัวช้ีวัด
ใช้วิธีการและเคร่ืองมือวัดประเมินผลที่หลากหลายสอดคล้องกับเนื้อหาภาษา ทักษะ พฤติกรรม หรือ
คุณลักษณะทีต่ ้องการวัดและเป็นการประเมนิ ตามสภาพจริง

เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร ในการค้นคว้าหาความรู้เพ่ือ
การศึกษาต่อและประกอบอาชีพ มีความสามารถในการแก้ปัญหา ใช้ทักษะชีวิต ใช้เทคโนโลยี เป็นผู้เรียนที่
พึ่งตนเองได้ ตลอดจนมีความตระหนักในคุณค่า ภาคภูมิใจ และหวงแหนในความเป็นชาติไทย ในท้องถิ่นกรุง
ธนบุรี เป็นผู้ท่ีมีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นใน
การทํางาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ ผู้วิจัยได้ศึกษาปัญหาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในวิชา
ภาษาอังกฤษ 5 (อ33101) โดยพิจารณาจากแบบทดสอบการอ่านและการเขียนของนักเรียนระดับช้ัน
มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ปีการศึกษา 2565 พบว่า นักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ส่วนใหญ่มีข้อผิดพลาดใน
การอ่านและการเขียน ท้งั ในดา้ นของคําศพั ท์ สํานวนหลักการใช้และโครงสรา้ งของภาษา

จากความสําคัญและปัญหาดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยในฐานะครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ ได้รับมอบหมาย
ให้รับผิดชอบการสอนวิชาภาษาอังกฤษ 5 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 จึงมีความสนใจที่จะพัฒนาทักษะการ
อ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้ทฤษฎีการเช่ือมโยงของธอร์น
ไดค์ (Thorndike’s Connectionism) ร่วมกับการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning และหนังสือ
แบบเรียน “Aim High 6” เปน็ เอกสารหลกั ประกอบในการวิจยั

วัตถปุ ระสงคข์ องการวจิ ัยและพฒั นา

เพื่อศึกษาผลการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ ของนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษา
ปีท่ี 6 โดยใช้ทฤษฎีการเช่ือมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Connectionism) ร่วมกับการจัดการเรียน
การสอนแบบ Active Learning

ขอบเขตของการวจิ ยั และพัฒนา

1. ตัวแปรท่ีศกึ ษามดี งั น้ี

1.1 ตัวแปรต้น คือ การจัดการเรียนการสอนโดยใช้ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์
(Thorndike’s Connectionism) ร่วมกบั การจดั การเรยี นการสอนแบบ Active Learning

1.2 ตัวแปรตาม คือ ตัวแปรตาม คือ ผลการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ
ผา่ นชิ้นงานและงานที่นําเสนอ

2. ระยะเวลาท่ใี ช้ในการศึกษา จาํ นวน 20 คาบ

คาํ นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ

1. การจัดการเรียนการสอนโดยใช้ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Connectionism)
หมายถึง การนํากฎทองคําของ ธอร์นไดค์ หรือ Golden Rules มาประยุกต์ใช้ในด้านการเรียนการสอนดังน้ี
คือ 1. เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลองผิดลองถูกด้วยตนเอง 2. สํารวจความพร้อมหรือการสร้างความพร้อมทางการ
เรียนให้แก่ผู้เรียน การสอนให้ผู้เรียนเกิดทักษะ ต้องให้ผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจในเรื่องนั้น ๆ อย่างถ่อง
แท้ และต้องให้ผู้เรียนฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและสม่ําเสมอ การให้ผู้เรียนได้รับผลที่น่าพึงพอใจ จะช่วยให้การ
เรียนการสอนประสบความสําเรจ็

2. ผลการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษผ่านช้ินงานและงานที่นําเสนอ หมายถึง
คะแนนของนักเรียนที่ได้จากการทดสอบระหว่างเรียนและหลังเรียน ผ่านการนําเสนองานของเพ่ือนในช้ันเรียน
โดยใช้แบบทดสอบท่ีผู้วิจัยสร้างขึ้นจากการวิเคราะห์หลักสูตรและผ่านการวิเคราะห์แบบทดสอบจาก
ผเู้ ชยี่ วชาญ

วิธดี ําเนนิ การวจิ ยั

ขั้นตอนการดําเนินการ

1. จัดทําแผนการจัดการเรียนรู้การจัดการเรียนรู้โดยใช้ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s
Connectionism) รว่ มกบั การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning

2. ดาํ เนนิ การสอนตามแผนการจัดการเรยี นรู้จํานวน 20 คาบ

3. ทําแบบทดสอบระหว่างเรียนเพ่อื หาคา่ E1 และทําแบบทดสอบทา้ ยหน่วยเพอ่ื หาคา่ E2

ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง

ประชากรท่ีใช้ในวิจัยเป็นนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนศึกษานารี ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา
2565 จาํ นวน 3 ห้อง ทเ่ี รยี นในรายวิชาภาษาองั กฤษ 5 (อ33101)

กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6/8 โรงเรียนศึกษานารี จํานวน 43 คน โดยสุ่มแบบ
เจาะจง

เครื่องมือทีใ่ ชใ้ นการวิจยั /เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล

1. แบบทดสอบระหว่างเรียน คะแนนเต็ม 10 คะแนน จํานวน 4 ชุด เป็นข้อสอบปรนัย 4 ตัวเลือก
จํานวน 10 ข้อ และขอ้ สอบอัตนยั จาํ นวน 10 ขอ้

2. แบบทดสอบท้ายหน่วย คะแนนเต็ม 20 คะแนน จํานวน 2 ชุด เป็นข้อสอบปรนัย 4 ตัวเลือก จํานวน
40 ข้อ

เกบ็ รวบรวมข้อมูล

1. เก็บคะแนนระหว่างเรียน คะแนนเตม็ 10 คะแนน จํานวน 4 ชุด

2. เก็บคะแนนสอบทา้ ยหนว่ ย จํานวน 20 คะแนน 2 ชุด

การวิเคราะหข์ ้อมูล

1. สถติ ทิ ีใ่ ช้ในการหาประสิทธภิ าพ (E1/E2) โดยใชเ้ กณฑ์ E1/E2 80/80 เปรียบเทยี บผลการพัฒนา
ทักษะการเขยี นภาษาองั กฤษไดอ้ ยา่ งถกู ต้องโดยสมั พันธ์กบั บรบิ ทของเร่อื งของนกั เรยี น

2. สถิตพิ ืน้ ฐาน ไดแ้ ก่ ค่ารอ้ ยละ

ผลการวจิ ัยและพัฒนา

จากการศึกษาผลการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ ของนักเรียนระดับชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Connectionism) ร่วมกับการ
จดั การเรียนการสอนแบบ Active Learning ไดผ้ ลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลดังน้ี

ตารางที่ 1 ผลการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ ของนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษา
ปีท่ี 6 โดยใช้ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Connectionism) ร่วมกับการจัดการเรียนการ
สอนแบบ Active Learning

การทดสอบ คะแนนรวม E1/E2 ค่าประสทิ ธภิ าพ
คะแนนระหวา่ งเรยี น 1381 E1=80.29 80.29/82.45
คะแนนท้ายหน่วย 1401 E2=82.45

จากตารางท่ี 1 พบว่าประสิทธิภาพของการจดั กจิ กรรมการเรยี นรเู้ ท่ากบั 80.29/82.45 ซงึ่ สงู กว่าเกณฑ์ 80/80

ตอนที่ 2 ผลการศึกษาคะแนนการทดสอบท้ายหน่วย บทที่ 1-4 โดยใชแ้ บบทดสอบทา้ ยหน่วย จํานวน 40
ขอ้ ดังตารางที่ 2

ตารางท2่ี จํานวนนกั เรียนที่มผี ลการสอบทา้ ยหนว่ ย คะแนนเต็ม 40 คะแนน บทท่ี 1-4

คะแนน เกณฑ์ ความถ่ี หมายเหตุ

0-19 ตํ่ากว่า 50% - -
20 ร้อยละ 50 -
21-24 ร้อยละ 60 - -
25-28 รอ้ ยละ 70 4
29-32 รอ้ ยละ 80 20 -
33-36 ร้อยละ 90 18
37-40 รอ้ ยละ 100 1 9.30 ×100=4.65%
46.51
รวม 43 คน
41.86

2.33

100

จากตารางที่ 2 พบว่าจํานวนนกั เรยี นที่มผี ลการสอบทา้ ยหนว่ ย บทที่ 1-4 ท่ีสงู กวา่ เกณฑร์ อ้ ยละ 80 มี
จํานวน 39 คน คิดเป็นร้อยละ 90.70 ซึง่ สูงกวา่ ที่เกณฑ์ตัง้ ไว้

สรุปผลการวิจัย

1. ผลการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษผ่านช้ินงานและงานท่ีนําเสนอ ของนักเรียน
ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Connectionism) ร่วมกับ
การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning มีค่า E1 / E2 เท่ากับ 80.29/82.45 มีค่าความเหมาะสม
อยใู่ นระดับมาก

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษผ่านชิ้นงานและงานที่นําเสนอ
ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 โดยใช้ทฤษฎีการเช่ือมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s
Connectionism) ร่วมกับการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning เกินเกณฑ์ร้อยละ 90.70 ซึ่งสูงกว่า
เกณฑ์ที่ตั้ง

ข้อเสนอแนะ

1. ครคู วรใช้วิธีการสอนทีห่ ลากหลาย ซ่งึ ขนึ้ อยกู่ ับปญั หาเฉพาะหนา้ ตวั ผู้เรยี น

2. ครูเตรียมส่อื การสอนท่เี หมาะสมกบั เนอ้ื หา หลากหลายรปู แบบ เพือ่ ใหผ้ ู้เรียนมีพฒั นาการ ในการ
เรยี นรู้ได้เต็มความสามารถ

3. ครคู วรใช้เทคโนโลยีทีท่ ันสมัยมาประยกุ ต์ในการออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน

ภาคผนวก
- ตารางแสดงคะแนนระหวา่ งเรียนและทา้ ยหนว่ ย
- แบบประเมนิ การเขียน / การนําเสนอ

ตาราง แสดงคะแนนระหว่างเรยี นและคะแนนท้ายหน่วย บทท่ี 1-4

ระหวา่ ง ทา้ ย ระหวา่ ง ท้าย
เลขที่ เรียน หนว่ ย
เลขท่ี เรยี น หนว่ ย
(40) (40)
1 34 31 (40) (40)
2 33 31
3 35 32 23 34 36
4 32 32
5 33 32 24 35 36
6 33 31
7 36 31 25 32 34
8 34 35
9 27 34 26 36 33
10 35 34
11 31 32 27 33 30
12 30 31
13 27 32 28 30 31
14 32 32
15 34 36 29 31 31
16 30 36
17 32 36 30 32 29
18 30 35
19 32 37 31 29 31
20 30 36
21 35 36 32 31 34
22 35 36
33 33 36

34 28 25

35 30 30

36 31 28

37 27 28

38 30 30 E1= . ×100 = 80.29%

39 31 31 E2= . ×100 = 82.45%
40 38 35

41 35 31
42 30 32

43 35 32 ประสิทธภิ าพเท่ากับ

80.29/82.45 (E1/E2)


Click to View FlipBook Version