รูปแบบการเรยี นรูด้ ้วยกระบวนการ
สื บเสาะหาความรู ้
สาขาวิชาภาษาอังกฤษ คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏชยั ภูมิ
รูปแบบการเรยี นรูด้ ้วย
กระบวนการสื บเสาะหาความรู ้
รูปแบบการเรยี นรูด้ ว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
ก
คานา
หนังสือเลม่ นี้เป็นสว่ นหนงึ่ ของรายวิชาทกั ษะและเทคนคิ การสอน รหัสวิชา 5002614 จดั ทำขึ้น
เพื่อศึกษาหาความรู้ในเรื่องรูปแบบการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยเนื้อหา
ประกอบไปด้วย ความหมายและความเป็นมา แนวคิดพื้นฐาน ลักษณะสำคัญ ขั้นตอนการจัดกิจกรรม
การเรียนการสอน บทบาทผู้สอนและผู้เรียน การนำรูปแบบการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหา
ความรู้ (5E) ไปปรับใช้ใหไ้ ด้ผลดีทส่ี ุด ความแตกต่างของการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้
(5E) กับการเรยี นรู้แบบด้งั เดมิ ขอ้ ดแี ละข้อจำกัดของการจดั การเรยี นรู้ด้วยกระบวนการแบบสบื เสาะหา
ความร(ู้ 5E) สรปุ รูปแบบการเรยี นรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) และแผนการจดั การเรียนรู้
เรื่อง Spring Celebrations (Reading Skill) ทั้งนี้ เมื่อคณะผู้จัดทำได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการ
เรียนรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5e) แล้ว จึงได้นำมาประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการ
เรยี นรใู้ นรายวิชาภาษาอังกฤษ ทักษาการอา่ น สำหรับนักเรยี นระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 อีกดว้ ย
คณะผูจ้ ัดทำขอขอบพระคุณอาจารย์ ดร. รชั กร ประสีระเตสัง ทคี่ อยให้คำแนะนำในการจัดทำ
แผนการจัดการเรยี นรู้ และให้คำแนะนำในการจดั ทำหนงั สอื เลม่ นี้
สุดท้ายนี้คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน นักเรียน
นักศึกษาหรือผู้ที่สนใจ และกำลังศึกษาหาข้อมูลเร่ืองรูปแบบการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหา
ความรู้ (5E) หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทำขอน้อมรับไว้ และขออภัย
มา ณ ท่นี ด้ี ว้ ย
คณะผ้จู ัดทำ
รูปแบบการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E)
สารบัญ ข
เรือ่ ง หน้า
คำนำ ก
สารบัญ ข
รูปแบบการเรียนรดู้ ้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E) 1
1
- ความหมายของการจัดการเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) 3
- ความเปน็ มาของการจัดการเรยี นรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) 5
- แนวคดิ พน้ื ฐานของการจดั การเรียนรู้ด้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E) 6
- ลกั ษณะสำคญั ของรูปแบบการเรยี นรดู้ ้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E) 8
- ข้ันตอนการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนดว้ ยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E) 10
- บทบาทของผสู้ อนในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรดู้ ว้ ยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้(5E) 11
- บทบาทผู้เรียนในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้(5E) 12
- การนำรปู แบบการเรียนรดู้ ้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E) ไปปรับใช้ 13
- ความแตกต่างของการเรยี นรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
14
กับการเรียนรู้แบบดั้งเดมิ 16
- ขอ้ ดแี ละข้อจำกดั ของการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ด้วยสืบเสาะหาความรู้ (5E) 17
- สรุปรูปแบบการเรยี นร้ดู ้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E) 23
แผนการจดั การเรยี นรู้ดว้ ยยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) 29
สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้
บรรณานุกรม
รปู แบบการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
1
ความหมายของการจัดการเรยี นรูด้ ้วยกระบวนการ
สืบเสาะหาความรู้ (5E)
การจัดการเรียนการสอนโดยเน้นการใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้น้ัน
การศึกษาครั้งนี้ใช้คำว่า “การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (inquiry-based
learning) ซึ่ง Budnitz (2003) ได้กล่าวว่า การสืบเสาะหาความรู้เป็นแนวคิด
ทม่ี คี วามซบั ซ้อนและมคี วามหมายแตกตา่ งกันไปตามบรบิ ททใี่ ช้และผู้ทใี่ ห้คาํ จาํ กดั ความ
กรมวิชาการ (2545) อธิบายว่านักเรียนจะสร้างองค์ความรู้ด้วยตัวเอง
ผ่านกิจกรรมการสังเกต การตั้งคำถาม การวางแผนการทดลอง การสำรวจตรวจสอบ
กระบวนการแก้ปัญหาการสืบค้นขอ้ มูล การอภิปรายและการสื่อสารความรูเ้ พื่อให้ผู้อื่น
เขา้ ใจโดยกจิ กรรมตา่ ง ๆ ต้องเนน้ ใหผ้ เู้ รียนได้คิดไดม้ ีสว่ นรว่ มวางแผนลงมือปฏิบัติสืบค้น
ข้อมูล รวบรวมข้อมูล ตรวจสอบวิเคราะห์ข้อมูล สร้างคําอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลที่ได้
เพื่อนำไปสู่คําตอบของปัญหา หรือคำถามและในที่สุดนักเรียน ได้สร้างองค์ความรู้
นอกจากนกี้ ิจกรรมตา่ ง ๆ ควรสนับสนุนใหน้ ักเรียน ได้มปี ฏสิ มั พันธซ์ ่ึงกันและกัน
การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียน
เป็นสำคัญ ให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางของการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนการสอน
อย่างแท้จริง โดยวิธีให้นักเรียนเป็นผู้ค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองหรือสร้างความรู้
ด้วยตนเอง โดยที่ครูทำหน้าที่คล้ายผู้ช่วยคอยสนับสนุนชี้แนะช่วยเหลือตลอดจน
แก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเรียนการสอนและนักเรียนทำหน้าที่คล้ายผู้จัดวาง
แผนการเรียน มีความกระตือรือร้นที่จะศึกษาหาความรู้ (ภพเลาหไพบูลย์ 2542, 123;
พิมพนั ธ์เดชะคุปต์ 2544, 48; กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 2545, 37)
ดังนั้นการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (inquiry-based learning)
เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดเวลา
ให้โอกาสแก่นักเรียนได้ฝึกคิด ฝึกสังเกต ฝึกนำเสนอ ฝึกวิเคราะห์วิจารณ์ ฝึกสร้าง
องค์ความรู้เน้นการพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาด้วยวิธีการฝึกให้นักเรียน
รู้จักศึกษาค้นคว้าหาความรู้โดยครูตั้งคำถามกระตุ้นให้นักเรียนใช้กระบวนการ
ทางความคิดหาเหตุผลจนค้นพบความรู้หรือแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง
ดว้ ยตนเอง
รูปแบบการเรยี นร้ดู ว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
2
สรุปเป็นหลักการเกณฑ์หรือวิธีการในการแก้ปัญหาและสามารถนําไปประยุกต์ใช้ประโยชน์
ในการควบคุมปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหรือสร้างสิ่งแวดล้อมในสภาพการณ์ ต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง
โดยมีครูเป็นผู้กำกบั ควบคมุ ดำเนินการใหค้ ำปรึกษาชี้แนะช่วยเหลือให้กำลังใจ เป็นผู้กระตุน้ สง่ เสรมิ
ให้นกั เรียนคดิ รวมทัง้ รว่ มแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ (สวุ ทิ ยม์ ูลคำและอรทยั มลู ค่า 2545, 136; สาขาชวี วิทยา
สสวท. 2547)
จากแนวคิดดงั กลา่ วสรุปความหมายของรปู แบบการเรยี นร้ดู ้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้
ไว้ว่าเป็นเทคนิคหรือกลวิธีอย่างหนึ่ง ในการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษโดยให้นักเรียนเป็นผู้
ค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์กระตุ้นให้นักเรียนมีความ อยากรู้
อยากเหน็ เสาะแสวงหาความรู้ โดยการถามคำถามและพยายามคน้ หาคำตอบ ใหน้ กั เรยี นมสี ว่ นรว่ มใน
กิจกรรมการเรียนรู้ตลอดเวลา และกิจกรรมกลุ่ม เพื่อให้โอกาสแก่นักเรียนได้ฝึกคิด ฝึกสังเกต
ฝึกนำเสนอ ฝึกวิเคราะห์วิจารณ์ ฝึกสร้างองค์ความรู้โดยท่ีครูเป็นผู้กำกับ ควบคุม ดำเนินการ
และให้คำปรึกษา เป็นผู้สนับสนนุ ชีแ้ นะช่วยเหลือ ตลอดจนแก้ปญั หาที่อาจเกิดขึ้นระหวา่ งการเรยี น
การสอน ใหก้ ำลังใจ เป็นผูก้ ระต้นุ ส่งเสรมิ ใหน้ กั เรียนคิดและเรียนรู้ดว้ ยตนเองรวมท้ังร่วมแลกเปล่ียน
เรยี นรู้กบั เพ่อื นรว่ มหอ้ งและสมาชิกภายในกลมุ่
ดังนัน้ การจดั การเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการสบื เสาะความรู้ (5E) หมายถึง การจดั การเรียนรู้ที่ให้
นักเรียนมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมการเรียนรู้ตลอดเวลาให้โอกาสแก่นกั เรียนได้ฝึกคิดวิเคราะห์ ฝึกสังเกต
ฝึกนำเสนอ ฝึกสร้างองค์ความรู้ โดยมีครูเป็นผู้กำกับ ควบคุม ดำเนินการและให้คำปรึกษาชี้แนะ
ช่วยเหลือ ใหก้ ำลังใจ เพอ่ื เปน็ การกระตุ้นส่งเสริมให้ผู้เรยี นคิดวิเคราะห์และเรียนรู้ด้วยตนเองรวมท้ัง
รว่ มแลกเปลีย่ นเรยี นรู้กับเพือ่ นร่วมหอ้ งและสมาชิกภายในกลมุ่
รูปแบบการเรยี นรู้ด้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E)
3
ความเป็นมาของการจัดการเรยี นรูด้ ้วยกระบวนการ
สืบเสาะหาความรู้ (5E)
นกั การศึกษาสองท่าน คือ J. Myron Atkin และ Robert Karplus ไดเ้ สนอแนวคดิ เกี่ยวกับ
การเรียนการสอนไว้ในปี ค.ศ. 1962 โดยมีพื้นฐานแนวคิดมาจากงานของ Robert Piaget ซึ่งเปน็
ผูบ้ ุกเบิกแนวคดิ เก่ยี วกับความฉลาดทางความคดิ และการเรียนร้ขู องนักเรียน
model การเรียนการสอนของ Karplus ในตอนแรกมีเพียง 3 ลำดับ (phases) ไดแ้ ก่
1. การสืบค้น (exploration) เปน็ การสร้างความสนใจในเรอื่ งทจ่ี ะเรยี นรู้ให้เกิดกับผู้เรียน
ให้ผเู้ รยี นไดต้ ้งั คำถามแยกแยะประเด็นท่ตี นเข้าใจหรือไม่เข้าใจจากพื้นฐานความคดิ ทตี่ นมอี ยู่
2. การนำเสนอแนวคิดใหม่ (concept introduction) โดยผู้สอนจะเป็นผู้เปิดประเด็น
และกระตนุ้ ใหม้ ีการแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ กันระหวา่ งผสู้ อนและผ้เู รียน
3. การสร้างความเข้าใจให้เกิดกับผู้เรียน (concept attainment) เป็นการเปิดโอกาส
ให้ผู้เรียนนำความรูค้ วามเขา้ ใจท่ีได้ ไปปรับใช้ในสถานการณอ์ ื่นและประเมินว่าความเข้าใจของตน
มคี วามสมบูรณถ์ กู ต้องแลว้ หรือไม่
Roger W. Bybee แห่งสถาบันศึกษาหลักสูตรวิทยาศาสตร์ชีววิทยา (The Biological
Science Curriculum Study: BSCS) ได้นำแนวคิดของ Karplus และ Tier มาปรับปรุงเป็น 5E
Instructional Model หรือบางครั้งเรียกว่า วงจรการเรียนรู้แบบ 5E (5E Learning Cycle)
ในปี ค.ศ. 1987 รูปแบบการสอนแบบ 5E นอกจากจะมีพื้นฐานมาจากแนวคิดของ Karplus
และ Tier แล้ว ยังมีพื้นฐานมาจากแนวคิดเรื่อง ปรัชญาการเรียนรู้ด้วยการทดลองของ John
Dewey, วงจรการเรียนรู้ด้วยการทดลองของ David Kolb, และทฤษฎีสร้างเสริมความรู้จากการ
ต่อยอดประสบการณ์ (constructivist theory) ซึ่งมีสมมุติฐานว่า การเรียนรู้ไม่ได้เกิดจากการ
ดูดซับความรู้ (passive absorption) แต่เกิดจากการเรียนรู้ในเชิงรุก (active learning) ผู้เรียน
ไมค่ วรเรียนรู้จากการฟังและการอา่ นเท่านน้ั แตค่ วรพฒั นาทกั ษะของตนด้วยการวเิ คราะห์ ประเมิน
แสวงหาประสบการณ์และแลกเปลย่ี น
รปู แบบการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E)
4
Karplus และ Tier ได้ร่วมกันเขียนบทความเก่ียวกับวงจรการเรยี นรู้ลงในวารสาร Science
Teacher ในปี ค.ศ. 1967 โดยได้รับการสนบั สนนุ จากโครงการปรับปรุงหลักสตู รวิชาวิทยาศาสตร์
(Science Curriculum Improvement Study: SCIS) และได้นำแนวคิดดังกล่าวไปใช้อย่าง
กว้างขวางในการจัดทำหลกั สตู รการศกึ ษาวิชาวทิ ยาศาสตร์ ความคดิ เหน็ กับเพ่อื นร่วมเรียนเก่ียวกับ
สิ่งที่ตนเข้าใจด้วย การช่วยกันแก้ไขปัญหาและวางแผนการสำรวจตรวจค้นเพื่อความเข้าใจ
จะช่วยให้เกิดการเรยี นรไู้ ดด้ แี ละมากกว่าการเรียนอยตู่ วั คนเดยี ว หรอื เรียนไปแขง่ ขันไปเพ่ือเอาชนะ
กันระหว่างเพื่อนร่วมเรียน การตั้งคำถาม สังเกต วิเคราะห์ อธิบาย หาข้อสรุป และตั้งคำถามใหม่
จะสร้างประสบการณค์ วามรู้ผา่ นการคดิ ในเชงิ ตรรกะซงึ่ เปน็ ความเขา้ ใจทีช่ ัดเจนมากกว่าการท่องจำ
จากหนงั สือตำรา
Roger W. Bybee
รปู แบบการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E)
แนวคิดพ้ืนฐานของการจัดการเรยี นรูด้ ้วย 5
กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
การจัดการเรยี นรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5e) มีรากฐานมาจากทฤษฎีของ Jean
Piagat ที่กล่าวถึง พัฒนาการทางสมองของมนุษย์ไว้ว่า ความคิดของมนุษย์ ประกอบด้วยโครงสร้าง
2 ประการ (สรุ างค์ โคว้ ตระกลู 2541, 49) คือ
1. กระบวนการดูดซึม (Assimulation) หมายถึง กระบวนการที่อินทรีย์ซึมซาบ
ประสบการณ์ใหม่ เข้าสู่ประสบการณ์เดิมที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกัน แล้วสมองก็รวบรวม
ปรับเหตุการณ์ใหมใ่ ห้เขา้ กับโครงสรา้ ง ของความคิดอันเกิดจากการเรียนร้ทู ่ีมีอยเู่ ดมิ
2. กระบวนการปรับขยายโครงสร้าง (Accommodation) เป็นกระบวนการ
ทต่ี ่อเนื่องมาจากกระบวนการดดู ซึม คือ ภายหลังจากท่ซี ึมซาบของเหตกุ ารณ์ใหมเ่ ข้ามาและปรับเข้าสู่
โครงสร้างเดมิ แล้วถา้ ปรากฏว่าประสบการณใ์ หมท่ ีไ่ ด้รบั การซมึ ซาบเข้ามาให้เข้ากับประสบการณ์เดิม
ได้ สมองก็จะสรา้ งโครงสรา้ งใหม่ข้นึ มา เพ่อื ปรับใหเ้ ข้ากับประสบการณ์ใหม่
จากโครงสร้างทั้ง 2 ประการข้างRตo้นgeวrีรWยุท. ธByวbิเชeีeยรโชติ (2521, 55-56) ได้นํามาเป็นพืน้ ฐาน
ของกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ประกอบดว้ ย 4 กระบวนการ คือ
1. กระบวนการสรา้ งแนวความคดิ (concept- formation process) คือ กระบวนการ
เรียนรู้ ลักษณะนิยาม (define dattributes) ของแนวคดิ ต่าง ๆ
2. กระบวนการสรา้ งทฤษฎี (the orization process) คือ กระบวนการแกปัญหาโดย
ตงั้ ทฤษฎเี พ่อื อธิบายปรากฏการณต์ ่าง ๆ ในรปู ของความสมั พันธ์ระหวา่ งความคิดหรือตวั แปร
3. กระบวนการทดสอบและพิสูจน์ทฤษฎี (verification process) โดยการทดสอบ
และซักถาม เพ่อื ให้ไดข้ ้อมลู แล้วประเมนิ ผลสรปุ
4. กระบวนการสร้างสรรค์ (creative process) คือ กระบวนการการนําความรู้
ขั้นพื้นฐานท่ีได้มาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในรูปต่าง ๆ หลายวิธีและแนวทางใหม่ อันเป็นการนําไปสู่
การสบื เสาะหาความร้ขู ้ันต่อไป
รูปแบบการเรยี นรดู้ ้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E)
6
ลกั ษณะสาคัญของรูปแบบการเรยี นรู้
ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
การจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้นั้น มีลักษณะคล้ายกับการสอน
แบบแก้ปัญหาโดยครูเป็นผู้จัดสถานการณ์ สิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดปัญหาทําให้นักเรียนคิดแสวงหา
คําตอบ ซึ่ง Kuslan and Stone (1968, 138-140 อ้างถึง ภพ เลาหไพบูลย์ 2542, 128-129)
ได้นิยามเชิงปฏิบัติการของการสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นการจัดการเรียนรู้
ที่ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การสังเกต การวัด การประมวลค่า การทํานาย
การเปรียบเทียบ และการจําแนกประเภท โดยไม่ต้องรีบร้อนสอนให้จบตามเนื้อหา นักเรียนจะต้อง
ไม่ทราบคําตอบล่วงหน้า ควรเลือกหนังสือเรียนและคู่มือที่ถามคําถามเป็นปัญหา และเสนอแนะ
แนวทางในการหาคําตอบ แต่ไมบ่ อกคําตอบ เพอื่ ให้นกั เรียนมคี วามสนใจทจ่ี ะหาคําตอบเนื้อหาในการ
สืบเสาะหาความรู้ ไม่จําเป็นต้องต่อเน่ือง และใน กิจกรรมการเรียนรู้ต้องเน้นคําถามคําว่า “ทําไม”
ต้องระบุปัญหาให้ชัดเจน และต้องกำหนดปัญหาให้แคบพอทีจะให้นักเรียนแก้ปัญหาในชั้นเรียนได้
ช่วยกันตั้งข้อสมมติฐาน เพื่อเป็นแนวทางในการสืบเสาะหาความรู้ อีกทั้งยังช่วยให้นักเรียนมีความ
รับผิดชอบในการเสนอแนวทางการเก็บขR้อoมgูลeจrาWกก.าBรyทbดeลeอง การสังเกต การอ่าน และแหล่งข้อมูล
ที่เชื่อถือได้ มีการร่วมมือกันในการประเมิน แนวทางในการปฏิบัติ การระบุข้อจํากัด และความยาก
ให้ชัดเจนทุกครั้ง ทําการสํารวจ เก็บข้อมูล โดยช่วยกันทํางานเป็นกลุ่ม และนักเรียนสรุปข้อมูลท่ไี ด้
เพื่อเป็นประโยชน์ในการนําไปสู่การคิดวิเคราะห์เนื้อหาของบทเรียน จะเห็นได้ว่าการจัดการเรียนรู้
โดยผ่าน “การสบื เสาะหาความรู้” นกั เรียนมีสว่ นร่วมในกระบวนการเรียนรู้ โดยมีครใู ห้การสนับสนุน
และเริ่มต้นด้วยการฝึกทกั ษะที่เหมาะสม นักเรียนได้เรียนรู้เนื้อหาวิชา และฝึกการปฏิบัติ ซึ่ง Welch
(1981) ไดเ้ สนอลักษณะของการสืบเสาะหาความรไู้ ว้ 5 ประการดงั นี้
1. การสังเกต เป็นจดุ เรมิ่ ตน้ สําหรับการสืบเสาะหาความรกู้ ็คอื เนื่องจากวิทยาศาสตร์เร่ิมต้น
ด้วยการสังเกตเร่อื งหรือปรากฏการณ์ และการใช้คาํ ถามที่เหมาะสมเพ่อื นาํ ไปสกู่ ารสังเกต
2. การวัดผล เป็นคําที่ใช้อธิบายปริมาณของวัตถุและปรากฏการณ์ เป็นหลักปฏิบัติ
ที่ถูกยอมรบั ของวิทยาศาสตร์ เนอื่ งจากไดค้ ่าทางวทิ ยาศาสตรท์ แี่ ม่นยาํ และคาํ อธิบายทถี่ ูกตอ้ ง
รปู แบบการเรียนรดู้ ว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
7
3. การทดลอง เปน็ การทดสอบทีถ่ ูกออกแบบมาเพอ่ื ทดสอบคําถามและความคิด และเป็นส่ิง
ทส่ี ําคัญของวิทยาศาสตร์ การทดสอบจะเกย่ี วข้องกับคาํ ถามข้อสงั เกตและการวัด
4. การสื่อสาร ผลของการติดต่อกับชุมชนทางวิทยาศาสตร์และประชาชน เป็นภาระหน้าท่ี
ของนักวิทยาศาสตร์และเป็นสว่ นสําคัญของกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซงึ่ อาจจะกระทาํ โดย การ
เผยแพร่บทความทางวารสาร การสนทนา. กBาyรbปeรeะชRมุoแgeลrะกWารสมั มนาของผูเ้ ชียวชาญ
5. กระบวนการคิด เป็นกระบวนการอธิบายความคิดเป็นวิธีหนึ่งของการสืบเสาะหาความรู้
ทางวทิ ยาศาสตร์ เชน่ การอุปมานเหตผุ ล การกำหนดสมมติฐานและทฤษฎี รวมทง้ั การเปรียบเทยี บ
จากลักษณะการสืบเสาะหาความรู้ที่กล่าวมาข้างต้น คณะผู้จัดทำเห็นว่ามีความน่าสนใจและ
สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในรายวิชาภาษอังกฤษได้กัน
คณะผจู้ ดั ทำจงึ ไดน้ ำ “การสืบเสาะหาความรู้” มาใชก้ บั นกั เรยี นทเี่ รียนในรายวิชาภาษาองั กฤษด้วย
รูปแบบการเรียนรดู้ ้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E)
8
ข้ันตอนท่ีสาคัญของการเรยี นรูด้ ้วยกระบวนการ
สืบเสาะหาความรู้ (5E)
กระบวนการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E) ประกอบดว้ ยขัน้ ตอนทสี่ ำคัญ ดงั นี้
1. ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) เป็นการนำเข้าสู่บทเรียนหรือเรื่องที่สนใจ
ซึ่งอาจเกิดขึ้นเอง จากความสงสัย หรืออาจเริ่มจากความสนใจของตัวนักเรียนเอง หรือเกิดจาก
การอภิปรายในกลุ่ม เรื่องที่น่าสนใจ อาจมาจากเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในช่วงเวลานั้น
หรือเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับความรู้เดิมที่เพิ่งเรียนรู้มาแล้ว เป็นตัวกระตุ้นให้นักเรียนสร้างคำถาม
กำหนดประเดน็ ท่ีจะศึกษาในกรณีท่ยี งั ไมม่ ีประเดน็ ใดน่าสนใจ ครูอาจใหศ้ กึ ษาจากสอ่ื ต่าง ๆ หรือเป็น
ผู้กระตุ้นด้วยการเสนอประเด็นขึ้นมาก่อน แต่ไม่ควรบังคับให้นักเรียนยอมรับประเด็นหรือคำถาม
ที่ครูกำลังสนใจเป็นเรื่องที่จะใช้ศึกษา เมื่อมีคำถามที่น่าสนใจ และนักเรียนส่วนใหญ่ยอมรับให้เป็น
ประเด็นที่ต้องการศึกษาจึงร่วมกันกำหนดขอบเขตและแจกแจงรายละเอียดของเรื่องที่จะศึกษา
ให้มีความชัดเจนยิ่งข้ึน อาจรวมทงั้ การรวบรวมความรปู้ ระสบการณ์เดิม หรอื ความรู้จากแหล่งต่าง ๆ
ที่จะช่วยให้นำไปสู่ความเข้าใจเร่ือง หรือประเด็นท่ีจะศึกษามากขึ้น และมีแนวทางที่ใช้ในการสำรวจ
ตรวจสอบอย่างหลากหลาย Roger W. Bybee
2. ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) เมื่อทำความเข้าใจในประเด็นหรือคำถามที่สนใจ
จะศกึ ษาอย่างถอ่ งแท้แลว้ กม็ ีการวางแผนกำหนดแนวทางการสำรวจตรวจสอบ ตง้ั สมมติฐาน กำหนด
ทางเลือกที่เป็นไปได้ ลงมือปฏิบตั ิเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อสนเทศ หรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ วิธีการ
ตรวจสอบอาจท าได้หลายวิธี เช่น ทำการทดลอง ทำกิจกรรมภาคสนาม การใช้คอมพิวเตอร์
เพ่ือช่วยสร้างสถานการณ์จำลอง (simulation)การศึกษาหาข้อมูลจากเอกสารอ้างอิง
หรอื จากแหลง่ ข้อมูลต่าง ๆ เพือ่ ใหไ้ ด้มาซึง่ ข้อมลู อย่างเพียงพอทีจ่ ะใช้ในข้นั ต่อไป
3. ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) เมื่อได้ข้อมูลอย่างเพียงพอจากการสำรวจ
ตรวจสอบแล้วจึงนำข้อมูล ข้อสนเทศที่ได้มาวิเคราะห์ แปลผล สรุปผล และนำเสนอผลที่ได้
ในรูปต่าง ๆ เช่น บรรยายสรุป สร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ หรือวาดรูป สร้างตาราง ฯลฯ
การค้นพบในขน้ั น้อี าจเปน็ ไปได้หลายทาง เช่น สนบั สนนุ สมมตฐิ านท่ตี ้ังไว้โตแ้ ย้งกบั สมมติฐานท่ีตั้งไว้
หรอื ไมเ่ กี่ยวขอ้ งกับประเด็นทีไ่ ดก้ ำหนดไว้ แต่ผลท่ีได้ จะอยู่ในรูปใดก็สามารถสรา้ งความรู้และช่วยให้
เกดิ การเรยี นรไู้ ด้
รปู แบบการเรียนรดู้ ้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E)
9
4. ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) เป็นการนำความรู้ที่สร้างขึ้นไปเชื่อมโยงกับความรู้เดิม
หรือแนวคิดที่ได้ค้นคว้าเพิ่มเติมหรือนำแบบจำลองหรือข้อสรุปที่ได้ไปใช้อธิบายสถานการณ์
หรือเหตุการณ์อื่น ถ้าใช้อธิบาย เรื่องต่าง ๆ ได้มาก็แสดงว่าข้อจำกัดน้อย ซึ่งก็จะช่วยให้เช่ือมโยง
กบั เร่ืองต่าง ๆ และทำให้เกดิ ความรกู้ ว้างขวางขึ้น
5. ขนั้ ประเมิน (Evaluation)เป็นการประเมนิ การเรียนรู้ด้วยกระบวนการตา่ ง ๆ วา่ นักเรียน
มีความรู้อะไรบ้าง อย่างไรและมากน้อยเพียงใด จากขั้นนี้จะนำไปสู่การนำความรู้ ไปประยุกต์ใช้
ในเรอื่ งอ่ืน ๆ การนำความรหู้ รือแบบจ าลองไปใชอ้ ธิบายหรือประยกุ ต์ใช้กับเหตุการณ์หรือเรอ่ื งอื่น ๆ
จะนำไปสู่ข้อโต้แย้งหรือข้อจำกัดซึ่งก่อให้เป็นประเด็นหรือคำถาม หรือปัญหาที่จะต้องสำรวจ
ตรวจสอบต่อไป ทำให้เกิดเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ จึงเรียกว่า inquiry cycle
กระบวนการสบื เสาะหาความรู้จึงช่วยให้นักเรียน เกิดการเรียนรูท้ ั้งเนื้อหาหลกั และหลกั การ ทฤษฎี
ตลอดจนการลงมือปฏบิ ตั ิเพือ่ ให้ไดค้ วามรูซ้ ึง่ จะเปน็ พื้นฐาน ในการเรยี นรู้ตอ่ ไป
. Bybee Roger W
รปู แบบการเรยี นรดู้ ว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
10
บทบาทของผู้สอนในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู(้ 5E)
ส่งิ ที่ผูส้ อนควรทําในข้ันตอนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้
(5E) คือ
1. การสร้างความสนใจ (Engagement) โดยผสู้ อนควรสร้างความสนใจ สรา้ งความอยากรู้
อยากเห็น มีการตั้งคําถามเพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์ และดึงเอาคําตอบที่ยังไม่ครอบคลุม
แนวคิดหรอื เน้อื หาในส่ิงทผ่ี เู้ รยี นรู้
2. การสํารวจและค้นหา (Exploration) โดยผูส้ อนสง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี นทํางานร่วมกันเป้นกลุ่ม
ในการสํารวจ ตรวจสอบ สังเกตและฟังการโต้ตอบกันระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียน ทําการซักถาม
เพื่อนําไปสู่การสํารวจตรวจสอบ และให้เวลาผู้เรียนในการคิดข้อสงสัยตลอดจนปัญหาต่าง ๆ
และทาํ หนา้ ทใี่ ห้คําปรึกษาแก่ผู้เรียน
3. การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) โดยผู้สอนส่งเสริมให้ผู้เรียนอธิบายแนวคิด
หรือให้คําจํากัดความด้วยคําพูดของผู้เรียนเอง ให้ผู้เรียนแสดงหลักฐาน ให้เหตุผลและอธิบาย
ให้กระจ่าง และนำเสนอส่วนต่าง ๆ ของเนื้อหา โดยให้ผู้เรียนใช้ประสบการณ์เดิมของตนเอง
เป็นพืน้ ฐานในการอธบิ ายเนือ้ หา Roger W. Bybee
4. การขยายความรู้ (Elaboration) โดยผู้สอนคาดหวังให้ผู้เรียนได้ใช้ประโยชน์จากการ
นำเสนอส่วนต่าง ๆ ของเนื้อหา และอธิบายสิ่งที่เรียนรู้มาแล้ว ส่งเสริมให้ผู้เรียนนําสิ่งที่ผู้เรียน
ได้เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้หรือขยายความรู้ และทักษะในสถานการณ์ใหม่ ให้ผู้เรียนอธิบายอย่างมี
ความหมาย อ้างอิงข้อมูลที่มีอยู่ พร้อมทัง้ แสดงหลักฐานและถามคําถามผู้เรียนว่าได้เรยี นรู้อะไรบ้าง
หรอื ได้แนวคิดอะไร
5. การประเมินผล (Evaluation) โดยผู้สอนสังเกตผู้เรียนในการนําแนวคิดและทักษะใหม่
ไปประยุกต์ใช้ ประเมินความรู้และทักษะของผู้เรียน หาหลักฐานที่แสดงว่าผู้เรียนเปลี่ยนความคิด
หรือพฤติกรรม ให้ผู้เรียนประเมินการเรียนรู้และทกั ษะกระบวนการกลุ่ม ถามคําถามปลายเปิด เช่น
ทาํ ไมผเู้ รยี นจงึ คิดเช่นน้นั และผู้สอนตรวจใบงานของผูเ้ รยี นเพ่อื เปน็ การประเมินความเขา้ ใจ
สรปุ ไดว้ ่า บทบาทของครใู นการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้(5E)
ครูเป็นผู้สร้างสถานการณ์ หรือกำหนดปัญหาให้ คอยกระตุ้นนักเรียนให้มีส่วนรว่ มในการทำกจิ กรรม
เป็นผู้เตรียมความพร้อมในการจัดกิจกรรม จัดหาวัสดุอุปกรณ์เพื่ออำนวยความสะดวกในการศึกษา
คน้ คว้า เปน็ ผู้ถามคำถามและควรให้ความสนใจตอ่ คำถามของนักเรียน
รูปแบบการเรียนรดู้ ว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
11
บทบาทของผู้เรยี นในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
สิ่งทผ่ี เู้ รยี นควรทาํ ในข้นั ตอนการจัดกจิ กรรมการเรียนร้ดู ้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้
(5E) คือ
1. การสร้างความสนใจ (Engagement) โดยผู้เรียนถามคําถาม เช่น ทําไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
ฉนั ไดเ้ รยี นรู้อะไรบา้ งเก่ยี วกบั สง่ิ นี้ และแสดงความสนใจ
2. การสํารวจและค้นหา (Exploration) โดยผู้เรียนคิดอย่างอิสระแต่อยู่ในขอบเขต
ของกิจกรรม ศึกษาค้นคว้าเนื้อหาของบทเรียน เก็บรวบรวมและบันทึกข้อมูล คิดวิเคราะห์
เพอื่ หาคำตอบเพอ่ื นำเสนอข้อมูลทไ่ี ด้
3. การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) โดยผู้เรียนอธิบายเนื้อหาหรือคําตอบ
ฟังคําอธิบายของคนอื่นอย่างคิดวิเคราะห์ถามคําถามเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นได้อธิบาย ฟังและพยายาม
ทาํ ความเข้าใจเกี่ยวกับสงิ่ ท่คี รอู ธิบาย ใช้ข้อมลู ท่ีไดจ้ ากศึกษาการบนั ทึกในการอธบิ าย
4. การขยายความรู้ (Elaboration) โดยผู้เรียนอธิบายการแก้ปัญหาหรือคําตอบ
ฟังและพยายามทาํ ความเข้าใจเกยี่ วกบั สRงิ่ oทgผี่ eู้สrอWนอ. ธBบิybายeeและสรปุ เนอ้ื หาของบทเรยี นรว่ มกนั กับผูอ้ น่ื
5. การประเมินผล (Evaluation) โดยผู้เรียนทำแบบฝึกหัดร่วมกับเพื่อน ช่วยเหลือกันเมื่อ
เกิดปญั หา ตอบคาํ ถามปลายเปดิ และตอบคำถามครู เพ่ือแสดงออกถึงความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ
ความคดิ รวบยอดหรือทกั ษะ
7. บทบาทของผเู้ รยี นในกระบวนการของรูปแบบการเรยี นรดู้ ว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความร(ู้ 5E)
รปู แบบการเรยี นรู้ด้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E)
12
การนารูปแบบการเรยี นรูด้ ้วยกระบวนการ
สืบเสาะหาความรู้ (5E) ไปปรบั ใช้
Roger W. Bybee กล่าววา่ 5E model จะเกดิ ประสทิ ธิผลไดด้ ที ่สี ดุ กต็ ่อเมอื่
1. นำมาใช้กับผู้เรียนที่เริ่มเรียนรู้แนวคิดหรือเรื่องใหม่ๆ เป็นครั้งแรก เพราะผู้สอนมีโอกาส
ใชว้ งจรการเรียนรไู้ ด้เตม็ รูปแบบ
2. ให้การเรียนการสอนในแต่ละลำดับ (phase) เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้เรื่องที่เกี่ยวเนื่อง
ต่อไป การนำกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) มาใช้กับการเรียนการสอนเรื่องใดเร่ืองหนึ่ง
ที่ไม่มีส่วนต่อยอด จะทำให้ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) มีประสิทธิผลน้อยกว่าที่ควร
เพราะผู้เรยี นไม่มีโอกาสได้พัฒนาแนวคิด และยงั ปิดก้ันความสามารถในการเรียนรู้ของผเู้ รียนอีกดว้ ย
3. ไม่ควรใช้เวลาในแต่ละลำดับนานเกินไปเพราะ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
เน้นการใช้ผลสำเร็จของลำดับหนึ่งเป็นพื้นฐานในการสร้างการเรียนรู้ในลำดับถัดไป การจมอยู่กับ
ลำดับใดลำดับหนึ่งนานเกินไป ผู้เรียนอาจหมดความกระตือรือร้น หรือลืมเรื่องที่ได้ปูไว้เป็นพื้นฐาน
นอกจากนั้นความสนใจของเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ลดลงอาจส่งผลต่อการตั้งคำถาม หรือได้คำตอบ
ทีไ่ ม่ช่วยสร้างการเรียนรู้หรือแนวคดิ ใหม่Roger W. Bybee
รูปแบบการเรียนรดู้ ้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
13
ความแตกต่างของการเรยี นรูด้ ้วยกระบวนการ
สืบเสาะหาความรู้ (5E) กับการเรยี นรูแ้ บบดั้งเดิม
ความแตกต่างของการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) กับการเรียนรู้
แบบด้งั เดิม มีดงั น้ี
5E Model แนวคิดการเรยี นรู้แบบด้งั เดิม
1. กําหนดจุดประสงคก์ ารเรยี นรทู้ ี่เนน้ การRฝึกoger W. B1y. bกeําหeนดจุดประสงค์การเรียนร้ทู ่เี น้นการนาํ เสนอ
กระบวนการเรยี น ทจ่ี ะทาํ ให้ได้มาซึง่ องคค์ วามรู้ แนวคิดความรูแ้ ละขอ้ เท็จจรงิ ให้กับนักเรียนเปน็ หลกั
2. เน้นการเรียนทีใ่ ห้ผเู้ รยี นเปน็ ผูก้ ระทาํ หรอื ปฏิบัติ 2. ขาดการมงุ่ เนน้ ท่ีกระบวนการการเรยี นรู้และ
ใหเ้ กิดองคค์ วามร้มู ากกวา่ เปน็ ผ้รู ับองคค์ วามรู้ กระบวนการคิดท่จี าํ เปน็ ต่อการเรยี นรู้
3. มกั มคี วามเชอื่ ว่าผู้สอนต้องรบั ผิดชอบ ใหค้ วาม 3. มักมคี วามเชื่อว่าความสามารถในการคิดเป็นส่งิ ท่ี
สนใจ ติดตามรูปแบบวธิ ีการคดิ และการ มมี าแต่กําเนิด การให้เวลากบั การคิดเป็นการ
เปลีย่ นแปลง การคิดของผูเ้ รียนในทุกขน้ั ตอนของ เสียเวลา ดังน้นั ควรมงุ่ เนน้ ไปที่การใหเ้ น้อื หาสาระแก่
การเรียนรู้ ผเู้ รียน
รปู แบบการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E)
14
ข้อดีและข้อจากัดของการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ด้วยสืบเสาะหาความรู้ (5E) เปน็ วิธีสอนที่เหมาะกับวชิ าวิทยาศาสตร์
แต่คณ็จัดทำเห็นว่าสามรถนำมาประยุกต์ใช้กับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ในรายวิชาภาษาอังกฤษ
ในทักษาะการอ่านได้เช่นเดียวกัน โดยที่ครูเป็นผู้เตรียมสภาพแวดล้อมจัดลำดับเนื้อหา แนะนำ
หรือช่วยให้ นักเรียนประเมนิ ความกา้ วหน้าของตนเอง ส่วนนักเรียนเป็นผู้เรยี นภายใต้เงือ่ นไขของครู
นักเรียนมีอิสระในการดำเนินการทดลองและการปฏิบัติจริงอย่างเต็มท่ี (อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก
พวงทอง มีมั่งค่ัง. 2537 : 79 ; และ ภพ เลาหไพบูลย์. 2534 : 127) คณะผู้จัดทำได้สรุปข้อดี
และขอ้ จำกดั ของการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ดว้ ยสืบเสาะหาความรู้ (5E) ไว้ดงั น้ี
ขอ้ ดขี องการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูด้ ว้ ยกระบวนสบื เสาะหาความรู้ (5E)
1. นกั เรยี นมีโอกาสไดพ้ ฒั นาความคิดอย่างเตม็ ที่ ได้ศกึ ษาด้วยตนเองจึงมคี วามอยากรู้
อยตู่ ลอดเวลา
2. นักเรียนมีโอกาสได้ฝึกความคิด และฝึกการปฏิบัติ ทำให้ได้เรียนรู้วิธีการจัดระบบ
ความคิด และวิธีสืบเสาะแสวงหาความรRู้ดo้วgยeตr นWเ.อBงyทbำeใeห้ความรู้คงทนและถ่ายโยงการเรียนรู้ได้
กลา่ วคือ ทำใหส้ ามารถจดจำได้นานและนำไปใชใ้ นสถานการณใ์ หม่ไดอ้ กี ด้วย
3. นักเรยี นเป็นศนู ย์กลางของการเรยี นการสอน
4. นกั เรียนสามารถเรยี นรู้มโนทศั น์และหลกั การคิดวิเคราะหเ์ น้ือหาได้เร็วขึน้
5. นักเรียนจะเปน็ ผมู้ เี จตคตทิ ่ดี ีตอ่ การเรียนการอา่ นภาษาองั กฤษ
รูปแบบการเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
15
ข้อจำกัดของการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ด้วยกระบวนสบื เสาะหาความรู้ (5E)
1. ในการสอนแต่ละครง้ั ตอ้ งใช้เวลาในการสอนมาก
2. ถ้าสถานการณ์ที่ครูสร้างขึ้นไม่ทำให้น่าสนใจ จะทำให้นักเรียนรู้สึกเบื่อหน่าย
ถ้าครูไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่ในการสอน วิธีนี้จะมุ่งควบคุมพฤติกรรมของนักเรียนมากเกินไป
ซ่ึงจะทำให้นักเรียนไม่มโี อกาสไดส้ ืบเสาะหาความรู้ดว้ ยตนเอง
3. ในกรณีที่นักเรียนมีระดับสติปัญญาต่ำและเน้ือหาค่อนข้างยาก นักเรียนอาจจะ
ไมส่ ามารถศกึ ษาหาความรดู้ ้วยตนเองได้
4. นักเรียนบางคนที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ ทำให้ขาดแรงจูงใจที่จะศึกษาปัญหา
และนักเรียนที่ต้องการแรงกระตุ้นเพื่อให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียนมาก ๆ อาจจะพอตอบ
คำถามได้ แตน่ กั เรียนไม่ประสบความสำเรจ็ ในการเรยี นดว้ ยวิธนี ี้เท่าทีค่ วร
5. การใช้สอนแบบนี้อยู่เสมอ อาจทำให้ความสนใจของนักเรียนในการศึกษาค้นคว้า
ลดลง
จากการศกึ ษาข้อดแี ละข้อจำกัดของการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ด้วยกระบวนสืบเสาะหาความรู้
(5E) สามารถสรปุ ไดด้ ังนี้ Roger W. Bybee
ข้อดี ของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกระบวนสืบเสาะหาความรู้ (5E) เป็นการสอนที่เน้น
ผู้เรียนเป็นสำคัญส่งเสริมผู้เรียนได้พัฒนาความคิดอย่างเป็นระบบ โดยการสืบค้นข้อมูลและ
เสาะแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง เพอ่ื สามารถถา่ ยโยงการเรยี นรู้ ทำใหเ้ กิดเป็นการจำแบบยงั่ ยนื
ข้อจำกัด ของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกระบวนสืบเสาะหาความรู้ (5E) การเรียน
การสอนแบบนี้ใช้เวลานานในการสอนในแต่ละครั้ง อาจจะทำให้ผู้เรียนรู้สึกเบื่อ โดยเฉพาะผู้เรียน
ทม่ี ีระดบั สตปิ ัญญาตำ่ จะทำใหข้ าดแรงจูงใจในการสบื ค้นเนื้อหา ประกอบกับถ้าสถานการณท์ ค่ี รูสร้าง
ขึ้น ไม่น่าสนใจ จะทำให้ผู้เรียนเบื่อหน่ายบทเรียน และทำให้การสอนด้วยกระบวนการน้ีไม่ได้ผล
เท่าที่ควร
รูปแบบการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E)
16
สรุปรูปแบบการเรยี นรูด้ ้วยกระบวนการ
สืบเสาะหาความรู้ (5E)
รปู แบบการเรยี นรดู้ ้วยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E) ประกอบด้วยการเรียนการสอน 5
ลำดับ (phases) คือ Engagement, Exploration, Explanation, Elaboration และ Evaluation
โดยในส่วนการประเมินผล แม้จะจัดไว้เป็นลำดับสุดท้าย แต่ในทางปฏิบัตินั้น การประเมินผล
จะกระทำตัง้ แตล่ ำดับแรกและจะยงั ไม่เปลยี่ นไปสู่ลำดับถัดไปจนกว่าจะประเมนิ แลว้ ว่าผู้เรยี นมีความรู้
และความเข้าใจตามมาตรฐานหรือเปา้ หมายทก่ี ำหนดไว้ในแตล่ ะลำดบั นัน้ แล้ว
การให้การศึกษาสาํ หรับศตวรรษที่ 21 จะมีความยืดหยุ่น สร้างสรรค์ ท้าทาย และซับซ้อน
เป็นการศึกษาที่จะทําให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ท่ีเต็มไปด้วยสิ่งท้าทาย
และปัญหา รวมทั้งโอกาสและสิ่งที่เป็นไRปoไgดe้ใrหWม่.ๆByทbี่นe่าeตื่นเต้น และท้าทาย โดยการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) เป็นการเรียนการสอนที่ให้ความสําคัญ
กับผู้เรียน หรือท่ีเรียกว่า เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มีการจัดการเรียนรู้ที่ฝึกให้ผู้เรียนรู้จักค้นคว้า
หาความรู้ โดยใช้กระบวนการทางความคิดหาเหตุผล ทําให้ค้นพบความรู้ หรือแนวทางแก้ปัญหา
ที่ถูกต้องด้วยตนเอง โดยผู้สอนต้ังคาํ ถามประเภทกระตุ้นให้ผูเ้ รยี นใช้ความคิด หาวิธีการแก้ปัญหาได้
เอง สามารถนําการแก้ปญั หามาใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจาํ วันได้ ซึ่งไดเ้ สนอขน้ั ตอนในการจัดการเรยี น
การสอนเป็น 5 ขน้ั ตอน คอื ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) ขั้นสํารวจและคน้ หา (Exploration)
ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) ขั้นขยายความรู้(Elaboration) และสุดท้ายคือการ
ประเมินผล (Evaluation)
รูปแบบการเรียนรดู้ ้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
17
แผนการจดั การเรยี นรูด้ ้วยกระบวนการ
สืบเสาะหาความรู้ (5E)
การเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนสืบเสาะหาความรู้ (5E)
แผนการจดั การเรียนรู้ (5E) เรอ่ื ง Spring Celebrations
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1
รายวชิ าภาษาอังกฤษ รหัสวชิ า อ 21102 จำนวนเวลาเรียน 1 ชวั่ โมง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. สาระสำคญั
การอ่านภาษาอังกฤษเป็นทักษะหนึ่งที่มีความจำเป็นในชีวิตของนักเรียน เพราะการอ่าน
เป็นทักษะที่สร้างกระบวนการคิดวิเคราะห์จากเรื่องที่ได้อ่าน และรับรู้ความหมายของเนื้อหา พร้อมทั้ง
ใจความสำคัญของเรื่องที่อ่าน นักเรียนจึงจำเป็นต้องฝึกฝนทักษะการอ่านภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ
เพือ่ เสรมิ สร้างกระบวนการคดิ วิเคราะห์อย่างมีประสิทธภิ าพ
2. ตวั ชีว้ ดั
ข้อที่ 4 ต 1.1 ม.1/4 ระบุหัวข้อเรื่อง (topic) ใจความสำคัญ (main idea) และตอบคำถาม
จากการฟงั และอา่ นบทสนทนา นิทาน และเรอื่ งส้ัน (ต.1.1-4)
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 จุดประสงค์ปลายทาง
อ่านจับใจความสำคญั ของบทความเร่ือง Spring Celebrations แลว้ ตอบคำถามได้
3.2 จุดประสงคน์ ำทาง
- ความรตู้ ามเนอื้ หา (K: Knowledge)
1. คำศัพท์และความหมายเกี่ยวกับเรื่อง Spring Celebrations ตัวอย่างเช่น bagpipes,
fireworks, shamrocks, etc. ที่กำหนดให้ตาม Handout 1
2. บทความเรื่อง Spring Celebrations ที่กำหนดให้ตาม Handout 2
รปู แบบการเรยี นรูด้ ้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
18
- กระบวนการเรยี นรู้ (P: Procedure)
1. ฟังครูอ่านคำศัพท์และความหมายเกี่ยวกับเรื่อง Spring Celebrations ตัวอย่างเช่น
bagpipes, fireworks, shamrocks, etc. ท่กี ำหนดให้ตาม Handout 1 แลว้ ออกเสยี งตาม
2. จับกลุ่มกับเพื่อนแล้วอ่านบทความเรื่อง Spring Celebrations เพ่ือจับใจความสำคัญ
ของบทความ ใน Handout 2
3. จับกลุ่มกับเพื่อนแล้วอ่านบทความเรื่อง Spring Celebrations ใน Handout 2
แลว้ ตอบคำถามลงใน Worksheet 1 และ 2
- สมรรถนะการเรียนรู้ (C: Competency)
1. ความสามารถในการส่ือสาร
กระบวนการปฏิบตั เิ น้นทกั ษะการอ่าน
2. ความสามารถในการคิด (การคดิ วเิ คราะห์)
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ (การทำงานร่วมกับผ้อู นื่ )
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A: Attribute)
ใฝ่เรยี นรู้
4. สาระการเรียนรู้
Topic: Spring Celebrations
Vocabulary: bagpipes, fireworks, shamrocks, etc.
Function: Read the paragraph about ‘Spring Celebrations’ and answer the question.
Major skill: Reading
Minor skill: Writing, Listening, and Speaking
Integration: Social Study
รปู แบบการเรยี นรดู้ ้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
19
5. การจดั การเรยี นรู้
ข้นั ท่ี 1 ขัน้ สรา้ งความสนใจในการเรยี นรู้ (engagement)
1.1 คณุ ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรยี นและถามคำถามเพือ่ นำเข้าสบู่ ทเรยี น
1.2 คุณครูแจ้งจุดประสงค์ของการเรียนให้นักเรียนทราบว่าจะเรียนเรื่อง Spring
Celebrations และถามคำถามนักเรียนเป็นภาษาอังกฤษ เช่น Where do you celebrate the New
Year? หรอื What activities do you do in your celebration?
ขน้ั ที่ 2 ขนั้ สำรวจและคน้ หา (Exploration)
2.1 คุณครสู อนคำศัพท์เกี่ยวกับเรื่อง Spring Celebrations
2.2 คุณครูอธิบายคำสั่งว่า ให้นักเรียนจับกลุ่มกับเพื่อน กลุ่มละ 6-7 คน และอ่าน
จบั ใจความสำคัญของบทความท่ีครูมอบหมายให้
2.3 นักเรียนจับกลุ่มกับเพื่อนตามที่ครูได้มอบหมายให้ แล้วอ่านจับใจความสำคัญ
ของบทความที่ครไู ดม้ อบหมาย
ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
3.1 ให้นักเรียนส่งตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอเนื้อเรื่องที่ได้อ่าน โดยสรุปใจความ
สำคัญเปน็ ภาษาไทย
3.2 นักเรียนทไ่ี ม่ได้เปน็ ตัวแทน ต้งั ใจฟังเพ่อื นนำเสนอขอ้ มูล
ขน้ั ท่ี 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration)
4.1 ครูสรุปเน้ือหาโดยการตัง้ คำถาม และสุ่มถามนักเรียนเป็นรายบคุ คลเกี่ยวกับบทความ
ทีไ่ ดอ้ ่านและอธบิ ายเพมิ่ เตมิ
4.2 นกั เรยี นตอบคำถามครู และสรุปเนื้อหาของบทความร่วมกนั
ขน้ั ที่ 5 ข้นั ประเมิน (Evaluation)
5.1 ครูใหน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหัดเป็นกลุ่ม โดยการอา่ นบทความแล้วตอบคำถาม
5.2 นักเรียนทำแบบฝกึ หัดรว่ มกบั เพอื่ น และช่วยเหลือกนั เม่อื เกดิ ปญั หา
5.3 ครูเฉลยแบบฝึกหัด โดยการสุ่มนักเรียนออกมาตอบคำตอบของตนเอง แล้วสอบถาม
นักเรียนว่าดูจากบรรทัดที่เท่าไหร่ ครูอ่านออกเสียงประโยคที่นักเรียนตอบแล้วให้นักเรียนอ่ านตามหรือ
ให้นักเรยี นอา่ นประโยคท่ีตนเองตอบ
รูปแบบการเรียนรดู้ ว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
20
5.4 ครูแปลคำตอบของนักเรียนเป็นภาษาไทย แล้วตรวจสอบคำตอบว่าถูกต้องหรือไม่
ถ้าหากไม่ถูกต้อง ให้ครูบอกบรรทัดทีม่ ีคำตอบที่ถูกต้องอยู่ แล้วอ่านออกเสียงประโยคนั้นพรอ้ มแปลเป็น
ภาษาไทยให้นกั เรียน
5.5 ครูเกบ็ รวบรวมใบงานของนักเรียนเพื่อนำมาประเมินผลการดำเนนิ กจิ กรรมการเรียนรู้
อีกครัง้
6. การวัดและประเมนิ ผล
วิธกี ารวัด
1. สังเกตการณป์ ฏิบัตกิ จิ กรรมกลมุ่
2. ตรวจใบงาน
เครอื่ งมือ
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
2. ใบงาน 1 และ 2
3. แบบประเมินทักษะการอ่าน (Reading Skill)
4. แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
เกณฑ์การประเมนิ ทักษะการอา่ น (Reading Skill)
1. การอ่านจับใจความสำคญั
ระดับคณุ ภาพ เกณฑก์ ารประเมนิ ทกั ษะการอ่าน (Reading Skill)
ดี (2) อ่านจบั ใจความสำคญั ของเรื่องทีก่ ำหนดใหไ้ ด้ตรงประเด็น และบอกใจความสำคญั
ไดต้ รงประเดน็
ผ่าน (1) อ่านจับใจความสำคญั ของเรอ่ื งทก่ี ำหนดให้ได้คอ่ นขา้ งตรงแตไ่ มท่ ัง้ หมด และบอก
ใจความสำคัญไดบ้ า้ งแต่ไม่ทัง้ หมด
ไม่ผ่าน (0) อ่านจบั ใจความเรื่องที่กำหนดให้ไมไ่ ด้ และบอกใจความสำคญั ไมไ่ ด้
2. ความเข้าใจประโยค
ระดบั คุณภาพ เกณฑ์การประเมนิ ทกั ษะการอ่าน (Reading Skill)
ดี (2) เขา้ ใจแต่ละประโยคทอี่ ่าน และสามารถตีความหมายไดห้ ลากหลาย
ผา่ น (1) เขา้ ใจประโยคทีอ่ ่านแต่ไม่ทง้ั หมด และสามารถตคี วามหมายไดบ้ า้ งแตไ่ ม่หลากหลาย
ไม่เข้าใจประโยคทอี่ ่านเลย และไม่สามารถตีความหมายได้
ไมผ่ ่าน (0)
รปู แบบการเรยี นรดู้ ว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
21
เกณฑ์การประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (ใฝ่เรยี นรู้)
1. ต้งั ใจเรยี น
ระดบั คณุ ภาพ เกณฑก์ ารประเมนิ รายการพฤติกรรมบง่ ชี้
ดมี าก (3) มคี วามสนใจในการเรยี น และไม่สง่ เสยี งดงั
ดี (2) มีความสนใจในการเรยี น อาจส่งเสียงดังบา้ งเล็กน้อย
ผา่ น (1) ไม่ค่อยมคี วามสนใจในการเรียน และอาจส่งเสียงดงั บา้ งเล็กนอ้ ย
ไมผ่ า่ น (0) ไม่ตงั้ ใจเรียน สง่ เสียงดงั และเลน่ กับเพ่อื นในหอ้ ง
2. แสวงหาความรู้
ระดับคณุ ภาพ เกณฑก์ ารประเมินรายการพฤติกรรมบ่งชี้
ดีมาก (3) ศึกษาค้นคว้าหาความรเู้ พิ่มเตมิ จากสอื่ ในหอ้ งเรยี นเสมอ
ดี (2) ศกึ ษาคน้ คว้าหาความรู้เพ่ิมเติมจากส่อื ในหอ้ งเรยี นบ้างในบางครั้ง
ผ่าน (1) ศึกษาค้นควา้ หาความรเู้ พม่ิ เตมิ จากสอ่ื ในห้องเรยี นบา้ งในเล็กนอ้ ย
ไมผ่ ่าน (0) ไม่ศกึ ษาค้นคว้าหาความรู้เพ่มิ เตมิ จากสอื่ ในห้องเรียนเลย
7. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
1. บตั รคำศพั ท์
2. Handout 1: Vocabulary
3. Handout 2: บทความเรอื่ ง Spring Celebrations
4. Worksheet 1: Answer the question (Short answer)
5. Worksheet 2: Read the sentences and put True (T) or False (F).
รปู แบบการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E)
22
8. บันทกึ ผลหลังการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
8.1 ผลการเรียน
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
8.2 ปัญหาและอุปสรรค
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
8.3 ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางในการแก้ไข
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
ลงช่ือ …………………………………………… ผอู้ อกแบบแผนการเรยี นรู้
(………………………………………………..)
……………./…………………/……………
รปู แบบการเรียนรดู้ ว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
23
แผนการจดั การเรยี นรูด้ ้วยกระบวนการ
สืบเสาะหาความรู้ (5E) เรอ่ื ง Spring Cerebrations
Directions: Listen and repeat.
Vocabulary
Vocabulary Meaning
brilliant
traditional สุกใส/โชตชิ ่วง
costumes ตามธรรมเนียม
bagpipes เครื่องแตง่ กาย
schoolmates ปี่สก็อต
เพอ่ื นร่วมช้ันเรียน
shamrocks ดอกแฌมรอ็ ค (ตน้ ไม้ประจำชาตขิ อง
fireworks ไอรแ์ ลนด์)
medieval ดอกไมไ้ ฟ/พลุ
theatre เกยี่ วกบั ยคุ กลาง
stall โรงละคร
แผงลอย
shamrocks theatre
bagpipes
24
Directions: Make 3 groups. Then read the paragraph about
“Spring Celebrations” and answer the question in Worksheet 1,2
25
Directions: Answer the question. (short answer)
1. Which city that all the girls and boys wore traditional
Welsh costumes and sang songs?
Wales
2. Who is spring celebrations in Wales on 1st March?
………………………………………………………………………………………………………….
3. Where is James’ spring celebrations, how?
………………………………………………………………………………………………………….
4. Who has watched some medieval street theatre in London
last year?
………………………………………………………………………………………………………….
5. When is St George’s day?
………………………………………………………………………………………………………….
26
Directions: Read the passage about ‘Spring Celebrations’ and put
True (T) or False (F) correctly.
Ex T On 1st March and last year’s celebrations in Cardiff
were brilliant.
F St George’s Day is on 27th April.
1. ………… St David’s Day is on 17th march.
2. ………… People play bagpipes on St George’s Day.
3. ………… Hug had roast lamp and potatoes on St David’s Day.
4. ………… Sam watched a concert on St George’s Day.
5. ………… A stall that served roast beef and Yorkshire puddings.
27
แบบประเมนิ ทักษะการอา่ น (Reading Skill)
คำช้แี จง ครผู ู้สอนตรวจใบงาน (Worksheet 1, 2) ของนกั เรยี นในระหว่างเรยี น
แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ งที่ตรงกับระดบั คะแนน
รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
ทักษะการอ่าน 21 0
(Reading Skill) 1. การอา่ นจบั ใจความสำคัญ
2. ความเขา้ ใจประโยค
ระดับและเกณฑ์การใหค้ ะแนน
1. การอา่ นจบั ใจความสำคญั
ระดบั คณุ ภาพ เกณฑก์ ารประเมินทักษะการอา่ น (Reading Skill)
ดี (2) อา่ นจับใจความสำคญั ของเรอ่ื งที่กำหนดให้ไดต้ รงประเดน็ และบอกใจความสำคญั
ได้ตรงประเดน็
ผ่าน (1) อ่านจับใจความสำคัญของเร่ืองที่กำหนดใหไ้ ด้คอ่ นขา้ งตรงแตไ่ ม่ท้งั หมด และบอก
ใจความสำคญั ไดบ้ า้ งแตไ่ ม่ทั้งหมด
ไมผ่ ่าน (0) อา่ นจับใจความเร่อื งที่กำหนดใหไ้ มไ่ ด้ และบอกใจความสำคญั ไมไ่ ด้
2. ความเขา้ ใจประโยค
ระดับคุณภาพ เกณฑก์ ารประเมินทักษะการอา่ น (Reading Skill)
ดี (2) เขา้ ใจแตล่ ะประโยคที่อ่าน และสามารถตีความหมายได้หลากหลาย
ผ่าน (1) เข้าใจประโยคท่ีอ่านแตไ่ ม่ท้ังหมด และสามารถตีความหมายไดบ้ ้างแตไ่ ม่
หลากหลาย
ไม่ผา่ น (0) ไมเ่ ข้าใจประโยคทอ่ี ่านเลย และไม่สามารถตีความหมายได้
28
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
คำชี้แจง ครูผูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น
แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดับคะแนน
คุณลกั ษณะอนั รายการประเมิน ระดบั คะแนน 0
พงึ ประสงค์ 321
ใฝ่เรยี นรู้ 1. ตงั้ ใจเรียน
2. แสวงหาความรู้
ใฝเ่ รียนรู้ เกณฑ์การประเมินรายการพฤติกรรมบง่ ช้ี
1. ตั้งใจเรียน มคี วามสนใจในการเรียน และไม่ส่งเสียงดัง
มคี วามสนใจในการเรยี น อาจส่งเสยี งดังบา้ งเลก็ น้อย
ระดบั คณุ ภาพ ไม่คอ่ ยมคี วามสนใจในการเรียน และอาจส่งเสยี งดังบ้างเล็กน้อย
ดมี าก (3) ไมต่ งั้ ใจเรียน สง่ เสยี งดงั และเลน่ กบั เพ่ือนในห้อง
ดี (2)
ผ่าน (1)
ไม่ผา่ น (0)
2. แสวงหาความรู้
ระดับคณุ ภาพ เกณฑ์การประเมนิ รายการพฤติกรรมบ่งช้ี
ดีมาก (3) ศกึ ษาค้นคว้าหาความร้เู พ่ิมเตมิ จากสื่อในห้องเรยี นเสมอ
ดี (2) ศกึ ษาค้นคว้าหาความรูเ้ พมิ่ เตมิ จากส่อื ในห้องเรียนบา้ งในบางคร้ัง
ผ่าน (1) ศกึ ษาคน้ คว้าหาความรู้เพ่มิ เตมิ จากสอ่ื ในห้องเรียนบา้ งในเลก็ นอ้ ย
ไมผ่ า่ น (0) ไม่ศึกษาคน้ ควา้ หาความรูเ้ พ่ิมเตมิ จากสื่อในหอ้ งเรยี นเลย
บรรณานกุ รม 29
ความหมายของการเรยี นร้แู บบสืบเสาะหาความรู้ (5E) สบื คน้ 29 มกราคม 2565.
จาก https://soreda.oas.psu.ac.th/files/743_file_Chapter2.pdf?fbclid=I
ดร.ปยิ นันท์ สวัสดิ์ศฤงฆาร. (2563). ความเปน็ มาของการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)
สบื คน้ 29 มกราคม 2565. จาก https://drpiyanan.com/2020/07/29/5e-instructional-model/
แนวคดิ พื้นฐานในการเรียนรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ (5E) สืบคน้ 29 มกราคม 2565.
จาก https://soreda.oas.psu.ac.th/files/743_file_Chapter2.pdf
ลักษณะสำคญั ของรปู แบบการเรยี นรูด้ ว้ ยกระบวนการสบื เสาะหาความร้(ู 5E) สืบค้น 29 มกราคม
2565. จาก https://soreda.oas.psu.ac.th/files/743_file_Chapter2.pdf
กระบวนการเรียนรูแ้ บบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry) 5E สืบค้น 29 มกราคม 2565.
จาก http://www.thaischool.in.th/_files_school/84101600/workteacher/84101600_1_20210404-
210214.pdf?fbclid=IwAR0l6J_lInm-_aQYxilDBfDfT3nefTEz4MM6m4O9gmGAg0iSKKs2m0LTlB0
จรรยา โทะ๊ นาบุตร. บทบาทของผู้สอนในกระบวนการของรปู แบบการเรียนรดู้ ว้ ยกระบวนการสืบ
เสาะหาความรู้(5E) สบื คน้ 29 มกราคม 2565.
จาก https://www.kroobannok.com/news_file/p20114860835.pdf
บทบาทของผเู้ รียนในกระบวนการของรูปแบบการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการสบื เสาะหาความรู(้ 5E)
สืบค้น 29 มกราคม 2565. จาก https://www.kroobannok.com/news_file/p20114860835.pdf
การใช้กระบวนการเรยี นรสู้ ืบเสาะหาความรู้ (5E) สืบค้น 29 มกราคม 2565.
จาก http://online.anyflip.com/kausl/ekug/mobile/index.html
จรรยา โทะ๊ นาบุตร. ความแตกต่างของการเรียนรู้แบบ 5E กบั การเรยี นรู้แบบดงั้ เดิม สืบคน้ 29
มกราคม 2565. จาก https://www.kroobannok.com/news_file/p20114860835.pdf
ขอ้ ดีและข้อจำกัดของการจัดการเรียนรแู้ บบสบื เสาะหาความร(ู้ 5E) สืบค้น 29 มกราคม 2565.
จาก http://da-inquiry-cycles.blogspot.com/p/blog-page_18.html?m=1
ดร. ปิยนนั ท์ สวัสด์ิศฤงฆาร. (2563) สรปุ การจัดการเรยี นร้ดู ว้ ยกระบวนการสบื เสาะหาความร(ู้ 5E)
สืบค้น 29 มกราคม 2565. จาก https://drpiyanan.com/2020/07/29/5e-instructional-model/]
จรรยา โท๊ะนาบุตร จากhttps://www.kroobannok.com/news_file/p20114860835.pdf
สาขาวชิ าภาษาองั กฤษ คณะครุศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยราชภัฏชยั ภมู ิ
จัดทำโดย
1. นำงสำวทิพย์เกษร นนท์กลำง 611505109
2. นำงสำวนัฐฑิฌำ
3. นำงสำวกมลชนก เชยสูงเนิน 611505112
4. นำงสำวชดิ ชนก
5. นำงสำวอชริ ญำ กล้ำขยัน 611505201
หินส้ ม 611505206
ทัดวรพงศ์ 611505226
นักศึกษำชน้ั ปีท่ี 4
เสนอ
อำจำรย์ ดร. รชั กร ประสีระเตสัง
รำยวิชำทักษะและเทคนิ คกำรสอน
รหัสวิชำ 5002614
ภำคเรยี นที่ 2 ปีกำรศึกษำ 2564