The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษ โดยใช้วิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response: TPR) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ppammaiy, 2023-07-03 13:20:42

(Total Physical Response: TPR)

การพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษ โดยใช้วิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response: TPR) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

41 ข้อเสนอแนะของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/4 ที่มีต่อครูผู้สอน ดังนี้ 1. คุณครูสอนดีใจดี เป็นกันเอง และเข้าสอนตรงตามเวลามาก 2. คุณครูควรมีสื่อประกอบที่น่าสนใจและของรางวัลเยอะ ๆ 3. คุณครูยกตัวอย่างแบบฝึกหัดทุกครั้งเพื่อความเข้าใจในการทำแบบฝึกมากยิ่งขึ้น


บทที่ 5 สรุปผลการวิจัย อภิปรายและข้อเสนอแนะ การศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ในครั้งนี้ เพื่อพัฒนาทักษะการฟัง โดยใช้วิธีการสอนแบบ ต อ บ สน อ ง ด ้ ว ย ท่ า ทา ง (Total Physical Response: TPR) ร า ย ว ิ ชา ภ า ษ า อ ั ง ก ฤ ษ พ ื ้ น ฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ ผู้ศึกษาได้สรุปผลการศึกษาประกอบด้วยหัวข้อตามลำดับดังต่อไปนี้ 5.1 สรุปผลและอภิปรายผลการศึกษา 5.2 ข้อเสนอแนะในการศึกษา 5.1 สรุปและอภิปรายผลการศึกษา การศึกษาพัฒนาการเรียนรู้ทักษะการฟังภาษาอังกฤษ โดยใช้วิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response: TPR) รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/4 สรุปผลและอภิปรายผลการศึกษาได้ดังนี้ 5.1.1 ค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน อ15101 สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีค่าความสอดคล้องที่เหมาะสมหรือไม่ 5.1.1.1 จากวัตถุประสงค์ข้อที่ 1 เพื่อหาค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งได้ผลการวิเคราะห์จากการหาค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 8 แผนการจัดการเรียนรู้โดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ซึ่งมีค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ที่เท่ากัน ทุกแผนการจัดการเรียนรู้ คือ 1.00 และผลรวมค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของแผนการจัดการเรียนรู้ ทั้งหมด 8 แผนการจัดการเรียนรู้ คือ 1.00 5.1.1.2 จากผลการวิเคราะห์ค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของแผนการจัดการเรียนรู้ ที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งผู้ศึกษาได้นำมาตอบคำถามการศึกษาข้อที่ 1 คือ ค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีค่าความสอดคล้องที่เหมาะสมหรือไม่ จากผลรวมค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของแผนการจัด การเรียนรู้ทั้งหมด 8 แผนการจัดการเรียนรู้ คือ 1.00 ซึ่งค่าความสอดคล้องที่เหมาะสมนั้นมีค่าตั้งแต่ 0.5 – 1.00 จึงสามารถสรุปได้ว่า แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 8 แผนการจัดการเรียนรู้ มีค่าความสอดคล้อง ที่เหมาะสม


5.1.2 ค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของข้อสอบ รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน อ15101 สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีค่าความสอดคล้องที่เหมาะสมหรือไม่ 5.1.2.1 จากวัตถุประสงค์การศึกษาข้อที่ 2 เพื่อหาค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของแบบทดสอบ รายวิชารายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งได้ผลการวิเคราะห์จากการหาค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ จากแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 8 แผนการจัด การเรียนรู้โดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ซึ่งมีค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของแบบทดสอบตามลำดับ ดังต่อไปนี้ แบบทดสอบจากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 จำนวน 5 ข้อ จากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ซึ่งมีค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) แต่ละข้อ เท่ากับ 1.00 และแบบทดสอบจากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 จำนวน 5 ข้อ จากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ซึ่งมีค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา ( IOC) แต่ละข้อ เท่ากับ 1.00 และแบบทดสอบจากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 จำวน 5 ข้อ จากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ซึ่งค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) แต่ละข้อ เท่ากับ 1.00 และแบบทดสอบจากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 17 จำนวน 5 ข้อ จากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ซึ่งมีค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา ( IOC) แต่ละข้อ เท่ากับ 1.00 และแบบทดสอบจากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 18 จำนวน 5 ข้อ จากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ซึ่งค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) แต่ละข้อ เท่ากับ 1.00 และผลรวมค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้งหมดจำนวน 5 ข้อ มีค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา ( IOC) เท่ากับ 1.00 และแบบทดสอบจากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 27 จำนวน 5 ข้อ จากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ซึ่งค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) แต่ละข้อ เท่ากับ 1.00 และผลรวมค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้งหมดจำนวน 5 ข้อ มีค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา ( IOC) เท่ากับ 1.00 และแบบทดสอบจากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 29 จำนวน 5 ข้อ จากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ซึ่งค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) แต่ละข้อ เท่ากับ 1.00 และผลรวมค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้งหมดจำนวน 5 ข้อ มีค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) เท่ากับ 1.00 และแบบทดสอบจากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 31 จำนวน 5 ข้อ จากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ซึ่งค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) แต่ละข้อ เท่ากับ 1.00 และผลรวมค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้งหมดจำนวน 5 ข้อ มีค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) เท่ากับ 1.00 และแบบทดสอบจากแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 36 จำนวน 5 ข้อ จากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ซึ่งค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) แต่ละข้อ เท่ากับ 1.00 และผลรวมค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้งหมดจำนวน 5 ข้อ มีค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา ( IOC) เท่ากับ 1.00


42 5.1.2.2 จากผลการวิเคราะห์หาค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของแบบทดสอบวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งผู้ศึกษาได้นำมาตอบคำถามการศึกษาข้อที่ 1 คือ ค่าความสอดคล้อง เชิงเนื้อหา (IOC) ของข้อสอบรายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีค่าความสอดคล้องที่เหมาะสมหรือไม่ และผลรวมค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ของแบบทดสอบวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้งหมด 40 ข้อคือ 1.00 ซึ่งมีค่าความสอดคล้องที่เหมาะสมนั้น มีค่าตั้งแต่ 0.5 – 1.00 จึงสามารถสรุปได้ว่า แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อนี้ มีค่าความสอดคล้องที่เหมาะสม 5.1.3 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน อ15101 ทักษะการฟัง โดยวิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response: TPR) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเฉลี่ยสูงขึ้นกว่าคะแนนทดสอบก่อนเรียนหรือไม่ 5.1.3.1 จากวัตถุประสงค์การศึกษาข้อที่ 3 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกับ คะแนนทดสอบก่อนเรียน รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งผู้ศึกษาได้ทำ การนำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ที่ได้รับการตรวจสอบ จากผู้เชี่ยวชาญ ครบทั้ง 3 ท่านแล้วนั้น ไปทำการทดสอบกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนอนุบาล ชัยภูมิ ซึ่งได้ผลเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกับคะแนนแบบทดสอบก่อนเรียนตามค่าเฉลี่ย จากการทดสอบรายแผนการจัดการเรียนรู้ ซึ่งประกอบด้วยค่าเฉลี่ยจากการทดสอบก่อนเรียนคือ = 13.07 และค่าเฉลี่ยจากการทดสอบหลังเรียนโดยรวมคือ = 21.88 ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง กว่าคะแนนทดสอบก่อนเรียน และมีผลต่างค่าเฉลี่ยโดยรวมคือ +8.81 โดยผู้ศึกษาได้นำผลที่ได้ไปทดสอบ มาตรฐานด้วยการทดสอบค่าอีกครั้ง และพบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการทดสอบหลังเรียนทีค่าเฉลี่ยกับ ( = 21.88, S.D. = 2.66) เปรียบเทียบกับคะแนนทดสอบก่อนเรียนซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ( = 13.07, S.D. = 2.47) และจากการทดสอบค่าที พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงกว่าคะแนนทดสอบก่อน เรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5 5.1.3.2 จากผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกับคะแนนทดสอบก่อนเรียน ที่กล่าวมาข้างต้น ผู้ศึกษาได้นำมาตอบคำถามการศึกษาข้อที่ 3 คือ ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ร า ย ว ิ ชา ภ า ษ า อ ั ง ก ฤ ษ พื ้นฐา น อ 15101 ทั ก ษ ะ ก า ร ฟั ง โ ด ยว ิ ธ ี ก า ร สอน แบ บ ต อบสนอง ด ้ ว ย ท ่ า ท า ง (Total Physical Response: TPR) ส ำ ห ร ั บ น ั ก เ ร ี ย น ช ั ้ น ป ร ะ ถ ม ศ ึ ก ษ า ป ี ท ี ่ 5 มีค่าเฉลี่ยสูงขึ้นกว่าคะแนนทดสอบก่อนเรียนหรือไม่และผลการเปรียบเทียบ พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สูงกว่าคะแนนทดสอบก่อนเรียน ซึ่งผลต่างมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ + 8.81 และผู้ศึกษาได้นำผลการศึกษาที่ได้ไปทดสอบมาตรฐานด้วยค่าทีอีกครั้ง พบว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนสูงกว่าคะแนนทดสอบก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5


43 5.1.4 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้รายวิชา ภาษาอังกฤษพื้นฐาน อ15101 ทักษะการฟัง โดยวิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response: TPR) หรือไม่ อย่างไร 5.1.4.1 จากวัตถุประสงค์ข้อที่ 4 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ภาษาอังกฤษพื้นฐาน อ15101 ผู้ศึกษาได้ดำเนินการสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนการสอน ภายหลังการจัดการเรียนการสอนครบทั้ง 8 แผนการจัดการเรียนรู้ และนำมาวิเคราะห์และสรุปผล ซึ่งผลการตรวจสอบดังต่อไปนี้ นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอน รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/4 โดยภาพรวมมีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ ( x = 4.49, S.D.= 0.52) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดอยู่ในระดับมากที่สุด คือ ด้านครูผู้สอน ( x = 4.58, S.D.= 0.16) ข้อที่มีค่าเฉลี่ยรองลงมาอยู่ในระดับมากที่สุด คือ ด้านสื่อการสอน ( x = 4.51, S.D.= 0.13) ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยรองลงมาอยู่ในระดับมาก คือ ด้านวิธีการสอน ( x = 4.50, S.D.= 0.12) ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดอยู่ในระดับมาก คือ ด้านเนื้อหา ( x = 4.39, S.D.= 0.03) ตามลำดับ เมื่อพิจารณาการแจกแจงข้อมูลรายย่อยทั้ง 14 ข้อ สิ่งที่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/4 ให้คะแนนมากที่สุด 3 อันดับ ดังนี้ 1. เข้าสอนตรงเวลา ( x = 4.79) 2. ครูใช้วิธีการสอนที่หลากหลาย (ทำงานกลุ่ม/งานเดี่ยว) ( x = 4.65) และ 3. ตรงตามเนื้อหาและวัตถุประสงค์ ( x = 4.47) เมื่อพิจารณาการแจกแจงข้อมูลรายย่อยทั้ง 14 ข้อ สิ่งที่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/4 ให้คะแนนน้อยที่สุด 3 อันดับ ดังนี้ 1. มีสื่อประกอบการสอน ( x = 4.30) 2. มีความน่าสนใจ ( x = 4.32) 3. แบบฝึกหัดตรงตามเนื้อหา ( x = 4.37) แนวทางการปรับปรุงแก้ไขในส่วนความพึงพอใจที่นักเรียนให้คะแนนน้อยที่สุด 3 อันดับ ดังนี้ 1. สื่อการสอนมีความน่าสนใจ ผู้สอนควรใช้สื่อการสอนที่หลากหลาย อย่างเช่น สื่อเกม สื่อที่มีลูกเล่นน่าสนใจ เพื่อดึงดูดความสนใจของนักเรียน 2. ครูสอนควรหาเนื้อหาที่มีความน่าสนใจ ซึ่งอาจจะใช้สื่อทำให้เกิดความ น่าสนใจมากยิ่งขึ้น 3. ครูสอนดีและเข้าใจง่าย ผู้สอนควรเลือกเนื้อหาที่ไม่ยากหรือไม่ง่ายจนเกินไป นอกจากนี้ยังมีในส่วนของข้อเสนอแนะของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/4 สําหรับครูผู้สอนอีกด้วย ซึ่งสามารถสรุปได้หลายประเด็น คือ คุณครูสอนดี ใจดี เป็นกันเอง และเข้าสอนตรงตามเวลามาก อีกทั้งควรมีสื่อประกอบที่น่าสนใจ ของรางวัลเยอะ ๆ ทั้งนี้ยกตัวอย่างแบบฝึกหัดทุกครั้งเพื่อความเข้าใจ ในการทำแบบฝึกมากยิ่งขึ้น


44 5.2.4.2 จากผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจในการจัดการเรียนการสอน จากที่กล่าวมาข้างต้น ซึ้งผู้ศึกษาได้นำมาตอบคำถามการศึกษาข้อที่ 4 คือ ผลการศึกษาความพึงพอใจในการจัดการเรียนการสอน รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นอย่างไร พบว่า ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจใน การจัดการเรียนการสอน เฉลี่ยรวมทุกด้านคือ 4.49 จึงสามารถสรุปได้ว่า นักเรียนมีความพึงพอใจใน การจัดการเรียนการสอนอยู่ในระดับ มาก 5.2 ข้อเสนอแนะในการศึกษา 5.2.1 ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งนี้ 5.2.1.1 ผู้สอนควรมีสื่อการสอนที่น่าสนใจและใช้วิธีการสอนที่หลากหลาย เพื่อให้นักเรียน ไม่รู้สึกเบื่อในการจัดการเรียนการสอน และเป็นแรงกระตุ้นในการเรียนของนักเรียน 5.2.1.2 ผู้สอนควรเรียบเรียงคำพูดในการอธิบายเนื้อหาหรือคำสั่งต่าง ๆ ให้ช้าลง ไม่ควรพูด หรืออธิบายเร็วจนเกินไป เพื่อที่จะทำให้นักเรียนไม่เกิดความสับสนขณะที่จัดการเรียนการสอน 5.2.2 ข้อเสนอแนะในการนำผลการศึกษาไปประยุกต์ใช้ 5.2.2.1 การจัดการเรียนการสอนสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ทักษะภาษาอังกฤษอื่น ๆ ได้ ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนเกิดความรู้และความเข้าใจมากยิ่งขึ้น 5.2.2.2 การจัดการเรียนการสอน สามารถนำไปใช้จัดการเรียนการสอนกับระดับชั้นอื่น ๆ ได้ โดยปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับระดับชั้นนั้น ๆ 5.2.2.3 ผู้สอนควรมีการยืดหยุ่นในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามความเหมาะสมและกระตุ้น ให้นักเรียนเกิดเรียนรู้มากที่สุด 5.2.3 ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งต่อไป 5.2.3.1 การสอนรายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน (ทักษะการฟัง) สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ควรคำนึงถึงความสามารถในการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน มีสื่อช่วยในการเพิ่มความน่าสนใจ และเนื้อหาควรเหมาะสมกับระดับช่วงชั้นนั้น ๆ ไม่ยากหรือง่ายจนเกินไป 5.2.3.2 การศึกษาพัฒนาการเรียนรู้ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ผู้สอนต้องมีความเข้าใจ หลักการใช้ชุดฝึกทักษะ มีการศึกษาข้อมูลเป็นอย่างดี เพื่อที่จะพัฒนาการใช้ชุดฝึกทักษะให้เกิดประสิทธิภาพ สูงสุด


บรรณานุกรม กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2541). คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ระดับประถมศึกษา The Children’s Response TPR and Beyond. กรุงเทพฯ: คุรุสภาลาดพร้าว. https://rerujournal.reru.ac.th/wp-content/uploads/pdf กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ. กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จํากัด. https://rerujournal.reru.ac.th/wp-content/uploads/pdf จุฑามาศ สุธรรมรักษ์. (2541). การศึกษาการพัฒนาความสามารถในการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการใช้กิจกรรมตามแนวการสอนแบบโต้ตอบด้วยสรีระ. สารนิพนธ์ศศ.ม. (การสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลยัมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf ทันทิวา สุรวัตร. (2540). การเปรียบเทียบความสามารถในการฟัง – พูด และแรงจูงใจในการเรียน ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศีกษาปีที่ 4 ด้วยวิธีการสอนตามแนวการสอนเพื่อสื่อสารของคีธจอห์นสันกับวิธี สอนตามคู่มือครู. ปริญญานิพนธ์กศ.ม. (การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf นพเก้า ณ พัทลุง. (2548). การจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษระดับประถมศึกษา Teaching and Learning English at Elementary Education Level. สงขลา: มหาวิทยาลัยทักษิณ. https://rerujournal.reru.ac.th/wp-content/uploads/pdf บัญชา อึ๋งสกุล. (2545). “การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ,” หลักการ ทักษะและการปฏิบัติ. โรงเรียนบ้านโคกกุง. (2558). ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ปีการศึกษา 2558. สุรินทร์: โรงเรียนบ้านโคกกุง. https://rerujournal.reru.ac.th/wp-content/uploads/pdf พัฒนา น้อยแสงศรี. (2541). เอกสารประกอบการบรรยาย EG4753 Language Acquisition (การเรียนรู้ ภาษา). กรุงเทพฯ : คณะศิลปกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf พัชรพิมล บุญรมย์. (2538). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนโดยใช้การสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทางกับการเรียนด้วยการใช้การสอนตามแนวการสอนเพื่อการสื่อสาร. วิทยานิพนธ์ค.ม. (การประถมศึกษา). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf


มัณฑนา พันธุ์ดี. (2543). การพัฒนาความสามารถในการฟังและการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้น ประถมศึกษา ปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนโดยวิธีสอนแบบการตอบสนองด้วยท่าทาง. สารนิพนธ์ศศ.ม.(การสอน ภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf วนิดา วงจันทร์หาญ. (2532). การทดลองเปรียบเทียบวิธีสอน ที.พี.อาร์. กับวิธีการสอนปกติต่อผลการเรียนรู้ วิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. ปริญญานิพนธ์กศ.ม. (การมัธยมศึกษา) พิษณุโลก : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf ศศิธร พรหมอินทร์. (2536). การเปรียบเทียบแรงจูงใจและผลสัมฤทธิ์ในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการสอนโดยวิธีการตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response) และวิธีสอนภาษาเพื่อการสื่อความหมาย (Communicative Approach). ปริญญานิพนธ์ ศศ.ม. (การประถมศึกษา). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf สถาบันภาษาอังกฤษ กระทรวงศึกษาธิการ. (2558). คู่มือการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแนวใหม่. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก. https://rerujournal.reru.ac.th/wp-content/uploads/pdf สนธยาพรรษN ยาท่วม. (2538). การเปรียบเทียบความสามารถในการฟัง – พูดภาษาอังกฤษ และความ เชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยการสอนแบบ TPR ที่พัฒนาตามแนวอรรถฐานกับการสอน ตามคู่มือครู. ปริญญานิพนธ์กศ.ม. (การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf สุดา ชาตรีนันท์. (2528). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์แรงจูงใจ และความอดทนในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการสอนแบบ Total Physical Response ที่มีกิจกรรมเสริมและการสอน ตามคู่มือครู. ปริญญานิพนธ์กศ.ม. (การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf สุมิตรา อังวัฒนกุล. (2537). วิธีสอนภาษาอังกฤษ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : สํานักพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. ______ . (2540). แนวคิดและเทคนิควิธีการสอนภาษาอังกฤษระดับมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ : สํานักพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ______ . (2540). วิธีสอนภาษาอังกฤษ. กรุงเทพฯ : สํานักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.


สุรพันธ์กุศลส่ง. (2543). การเปรียบเทียบความสามารถและทัศนคติในการฟัง-พูด ภาษาอังกฤษของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้รับการสอนตามแนวทฤษฎีธรรมชาติประกอบกับการจัดกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์กับการสอน ตามคู่มือครู. ปริญญานิพนธ์(การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf อารีย์สุวรรณทัศน์. (2540). การสร้างแบบฝึกหัดการฟังภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้สื่อการสอนจริง สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนโพรงมะเดื่อวิทยาคม จ.นครปฐม. วิทยานิพนธ์ศษ.ม. (การมัธยมศึกษา). นครปฐม : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf Asher, J. (1979). Learning Another Language Through Actions : The Complete Teacher’s Guide Book Los Gatos. California: Sky Oaks Publication. https://rerujournal.reru.ac.th/wp-content/uploads/pdf _____, Kusudo Anne Jo and Torre de la Rita. (1974, January - February). “Learning A Second Language Through Commands. The Second Field Test.”, The Modern Language Journal. 58(1 - 2) : 24 – 32. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf Freeman, D.L. (1986). Techniques and Principles in Language Teaching. Oxford : Pergamon Press. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf Krashen, S. and Terrel. T.D. (1983). The Natural Approach. Oxford : The Alemany Press. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf Phillips, S. (2545). กิจกรรมภาษาอังกฤษกับเด็ก = Young learners. กรุงเทพฯ: หน้าต่างสู่โลกกว้าง. https://rerujournal.reru.ac.th/wp-content/uploads/pdf Richards, J.C. and Rodders Theodore S. (1995). Approach and Methods in Language Teaching. Cambridge : Cambridge University Press. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf Rubin, D. (1990). “Teaching Elementary Language Arts 4th. New Jersey : Prentice Hall International. URL: http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf Swaffer, J. and Woodruff M. (1978). “Language for Comprehension : Focus on Reading” Modern Language Journal. 62(1) : 27 – 32. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf Vale, D. with Fuentuen, A. (1996). Teaching Children English. Cambridge :: Cambridge University Press. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf


Wang, S. (1991, December). Listening Comprehension T.P.R. as a component of Readiness for Speaking and Reading Chinese. Dissertation Abstracts International. 52/06 A : 2090. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pd Widdowson, H. (1983). Teaching Language as Communication. Oxford : Oxford University Press. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf Zunengler, J. (1993, September). “Encouraging Learner’s Conversational Participation: The Effect of Content Knowledge”, 43 (3) : 403 – 432. http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_Lan(M.A.)/Wantanee_P.pdf


ภาคผนวก ก เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา - ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ (8แผน) - ข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน - แบบทดสอบความพึงพอใจของนักเรียน


ภาคผนวก ข ผลการวิเคราะห์ข้อมูล - แบบประเมินความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) สำหรับผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบ เครื่องมือการศึกษา


ภาคผนวก ค ข้อมูลสถิติจากการวิเคราะห์ผลการศึกษา


ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการฟัง รายวิชา ภาษาอังกฤษพื้นฐาน อ15101 โดยใช้วิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response: TPR) สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากคะแนนทดสอบก่อนเรียนและผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนจากคะแนนทดสอบหลังเรียน


คะแนนวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/4 โรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ คะแนนวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน เลขที่ ชื่อ-สกุล ก่อนเรียน ร้อยละ หลังเรียน ร้อยละ 1 กฤษณวัฑ บาคำ 11 27.5 17 42.5 2 สุภากร ปังชัยภูมิ 6 15 16 40 3 กรวิชญ์ จดชัยภูมิ 14 35 18 45 4 คุณากร อุ่นกุดเชือก 14 35 15 37.5 5 ธนวิชญ์ คำชัย 15 37.5 19 47.5 6 ฐิรพงษ์ ชมภูเพ็ชร 10 25 15 37.5 7 จิรายุ พงษ์จำนงค์ 15 37.5 20 50 8 พุฒิพงศ์ ชาลีวงษ์ 11 27.5 18 45 9 พัชรกวิน จำชาติ 12 30 21 52.5 10 จิรายุ ศรีวงศ์ชัย 13 32.5 19 47.5 11 พุฒิเมธ จุลชีพ 8 20 21 52.5 12 นนธวัช ราชสีห์ 17 42.5 22 55 13 ธนภัทร ครุธฉ่ำ 16 40 19 47.5 14 อภิวัฒน์ดีกันกง 12 30 20 50 15 ณัฐภัทร วัฒโน 13 32.5 17 42.5 16 กันตวัฒน์ สินหมี่ 13 32.5 19 47.5 17 นพสร มงคล 12 30 19 47.5 18 วัชรพงษ์ จูมนาฝาย 13 32.5 20 50 19 ณัฐสิทธิ์ พรประสิทธิ์ 10 25 23 57.5 20 นนท์ปวิธ นิลโท 15 37.5 22 55 21 รัชกฎช วัฒนะ 14 35 21 52.5 22 ณฐพร พรพุทธากุล 15 37.5 20 50 23 กิตติคุณ จันทรเสาวพักตร์ 15 37.5 25 62.5 24 ภาวัติ จันทร์แก้ว 15 37.5 22 55 25 เสฎฐวุฒิ วิรุฬห์ธนกิจ 12 30 22 55 26 ธีรเดช นิยมโชค 15 37.5 24 60 27 วชิรวิทย์ ตั้งวรกิจถาวร 18 45 27 67.5 28 ชิษณุพงษ์ วันสันเทียะ 13 32.5 20 50


คะแนนวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน เลขที่ ชื่อ-สกุล ก่อนเรียน ร้อยละ หลังเรียน ร้อยละ 29 ณัฏฐชัย เกษศิลา 9 22.5 20 50 30 อุษณีย์ เชื้ออาสา 11 27.5 21 52.5 31 อุมารินทร์ แซ่ลือ 13 32.5 23 57.5 32 ณัฐนิชา ราชภักดี 15 37.5 23 57.5 33 กมลชนก ต่อสกุล 15 37.5 24 60 34 วนิดา พิไลพันธ์ 13 32.5 20 50 35 ฐิตาภา ธนูทองสัมพันธ์ 12 30 21 52.5 36 กาญจนสุดา งาคม 14 35 17 42.5 37 ศุภิสรา วงศ์บุตร 15 37.5 24 60 38 พัชราภา ปัดทุม 11 47.5 19 47.5 39 ธันญ์ณิชพัทร กว้างทะเล 10 55 22 55 40 วิมพ์วิภา เฉลาชัย 12 60 24 60 41 กนกกร เมฆอ่ำ 16 55 22 55 42 พรทิพย์ โนนศรีเมือง 16 52.5 21 52.5 รวม 549 1480 862 2155 x 13.07 35.23 20.52 51.30 S.D. 2.47 9.16 2.66 6.65


ภาคผนวก ง ภาพประกอบการจัดการเรียนรู้


Click to View FlipBook Version