แผนการจดั การเรยี นรู้
วชิ า งานผลิตภัณฑ์และโลหะแผน่ 1
รหสั วิชา 2103-2011
หลกั สตู ร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2556
จดั ทาโดย
นาย นิธกิ ร ชฟู อง รหสั 157514280022
นาย กฏจมากัณฐ์ นพฤทธิ์ รหสั 157514280052
ชนั้ ปีท่ี 3
วชิ า หลกั และวิธกี ารจัดการเรียนรู้
สาขาวชิ า วศิ วกรรมอตุ สาหการ
ภาคการศกึ ษาท่ี 2 ปีการศึกษา 2559
เสนอ
อาจารยฤ์ ทยั ประทุมทอง
สาขาครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรม คณะครศุ าสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ิชยั
แผนการจัดการเรียนรู้
รหสั วชิ า 2103-2011 ชอื่ วชิ า งานผลิตภัณฑ์และโลหะแผ่น 1 จานวน 2 หน่วยกิต 4 ชม./สป.
หลักสูตร ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2556 ประเภทวิชา อุตสาหกรรม สาขาวิชา ชา่ งเช่อื ม
จดุ ประสงคร์ ายวชิ า
1. เพอื่ ใหเ้ ขา้ ใจหลกั การ ออกแบบ ร่างแบบ เขียนแบบ
2. เพอื่ ใหเ้ ข้าใจหลกั การ ข้ึนรูป ประกอบชิ้นงาน
3. เพ่ือให้เข้าใจหลักการ ถอดแบบคานวณวัสดุ ประมาณราคา
4. สามารถปฏบิ ตั ิงานออกแบบ ร่างแบบ เขียนแบบงานผลิตภณั ฑแ์ ละโลหะแผน่
5. สามารถปฏบิ ตั งิ านถอดแบบคานวณวัสดุ ประมาณราคา ขนึ้ รูป ประกอบชนิ้ งาน
6. มีกิจนสิ ัยท่ดี ใี นการทางานรับผดิ ชอบ ตรงตอ่ เวลา รักษาความสะอาดและปลอดภัย
สมรรถนะรายวชิ า
1. แสดงความรูเก่ยี วกบั ออกแบบรา่ งแบบ เขียนแบบ
2. แสดงความรูเกี่ยวกับหลักการ ขึ้นรูป ประกอบชิน้ งาน
3. แสดงความรูเก่ยี วกบั หลักการ ถอดแบบคานวณวัสดุ ประมาณราคา
4. ออกแบบ ร่างแบบ เขียนแบบงานผลติ ภัณฑ์และโลหะแผน่ ไดตามหลักการ
5. ถอดแบบคานวณวัสดุ ประมาณราคา ข้นึ รูป ประกอบช้ินงานไดตามแบบที่กาหนด
คาอธิบายรายวชิ า
ศึกษาและปฏบิ ัตเิ กีย่ วกบั หลกั การอ่านแบบ ออกแบบผลติ ภณั ฑ์โลหะการรา่ งแบบ เขียนแบบแผ่นคล่ี
การตัด การเขา้ ตะเข็บ การเขาขอบงาน การยา้ หมุด การบัดกรี การเจาะ การขึ้นรูป การเชือ่ มแบบความ
ตา้ นทานแบบจดุ (Spot) การถอดแบบคานวณวสั ดุ ประมาณราคา ความปลอดภยั ในการทางานโดยใช้
อุปกรณ์ถกู ต้องตามหลกั ความปลอดภัยและอาชวี อนามยั
หน่วยการเรียนรู้
รหัสวชิ า 2103-2011 ชื่อวิชา งานผลติ ภณั ฑ์และโลหะแผ่น 1 จานวน 2 หน่วยกิต 4 ชม./สป.
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2556 ระดับ ปวช.1 สาขางาน อุตสาหกรรม สาขาวิชา ชา่ งเชอื่ ม
สปั ดาหท์ ี่ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ เวลา (ชม.)
1 หนว่ ยท่ี 1 ความรูเ้ บือ้ งตน้ โลหะแผน่ 4
2-4 หน่วยท่ี 2 วสั ดุและเครือ่ งมือทีใ่ ช้ในงานโลหะแผ่น 12
5-7 หน่วยที่ 3 เทคนคิ การผลติ การออกแบบ การประมาณราคา 12
8 - 11 หนว่ ยที่ 4 ประกอบงานโลหะแผ่น 16
12 - 13 หน่วยที่ 5 การตัดและเจาะชิ้นงาน 8
14 - 15 หน่วยท่ี 6 การบัดกรี 8
16 - 17 หน่วยที่ 7 การเชอ่ื มต้านทานแบบจดุ 8
18 สอบปลายภาค 4
18 รวม 72
ตารางวเิ คราะหจ์ ดุ ประสงค์การเรียนรู้
รหสั วชิ า 2103-2011 ช่ือวชิ า งานผลิตภณั ฑแ์ ละโลหะแผน่ 1 จานวน 2 หน่วยกติ 4 ชม./สป.
ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2556 ระดับ ปวช.1 สาขางาน อตุ สาหกรรม สาขาวชิ า ช่างเชื่อม
หนว่ ย ระดับพฤติกรรมที่พึงประสงค์
ท่ี
หัวข้อย่อย พุทธพสิ ัย ทกั ษะ จติ
1 2 3 4 5 6 พสิ ัย พิสัย
4 หน่วยท่ี 4 ประกอบงานโลหะแผน่
4.1 การพับขอบ
4.2 การพบั ตะเขบ็
4.3 งานย้าหมดุ
หมายเหตุ ระดับพุทธิพิสยั 1 = ความจา 2 ความเขา้ ใจ 3 = การนาไปใช้
4 = วเิ คราะห์ 5 สังเคราะห์ 6 = ประเมนิ ค่า
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4
รหสั วิชา 2103-2011 ชื่อวชิ า งานผลติ ภณั ฑแ์ ละโลหะแผ่น 1 สอนครง้ั ท่ี 8-11
หน่วยที่ 4 ชือ่ หนว่ ย ประกอบงานโลหะแผ่น เวลา 16 ชม. สปั ดาห์ที่ 8-11
1. สาระสาคญั
ในการประกอบชนิ้ งานโลหะแผน่ เข้าดว้ ยกันหรือการเสรมิ ความแข็งแรง คงทน และถาวรให้กับผลติ ภัณฑท์ ี่
ทาจากโลหะแผ่น สามารถทาได้หลายวธิ ี ไดแ้ ก่ การแลน่ ประสาน การพับขอบงาน การพับตะเข็บ และการย้า
หมุด ฯลฯ ในบทเรียนน้ี จะกล่าวถงึ พื้นฐานประกอบโลหะแผ่นทีน่ ิยมใช้อยา่ งแพร่หลายคือ การพับขอบ การ
พบั ตะเข็บ และการย้าหมุด เพื่อเป็นประโยชน์ในการฝึกทกั ษะภาคปฏิบัติต่อไป
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
2.1 จุดประสงคท์ ่ัวไป
2.1.1. เพื่อให้มีความรู้ ความเขา้ ใจและสามารถปฏบิ ัตงิ านเก่ยี วกบั พืน้ ฐานในงานประกอบ
ชนิ้ งานโลหะแผน่
2.2 จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม
2.2.1. อธิบายชนดิ ของขอบงานโลหะแผ่นไดถ้ ูกตอ้ ง
2.2.2. ปฏิบัติการพับขอบงานโลหะแผ่นแบบต่างๆไดถ้ ูกต้อง
2.2.3. คานวณเผอ่ื ขนาดในการพับขอบงานโลหะแผ่นแบบต่างๆได้ถกู ต้อง
2.2.4. อธบิ ายชนิดของตะเข็บงานโลหะแผ่นแบบตา่ งๆได้ถกู ตอ้ ง
2.2.5. ปฏิบตั กิ ารพบั ตะเข็บงานโลหะแผน่ แบบต่างๆไดถ้ ูกตอ้ ง
2.2.6. คานวณเผ่ือตะเข็บงานโลหะแผน่ แบบตา่ งๆไดถ้ ูกตอ้ ง
2.2.7. อธบิ ายชนิดของหมดุ ย้างานโลหะแผ่นแตล่ ะชนดิ ไดถ้ ูกต้อง
2.2.8. อธิบายขั้นตอนการย้าหมุดงานโลหะแผน่ ได้ถกู ต้อง
2.2.9. ปฏบิ ตั ิการย้าหมดุ งานโลหะแผน่ ไดถ้ ูกต้อง
3. สาระการเรียนรู้
3.1 การพบั ขอบ
3.1.1 การพบั ขอบชน้ั เดยี ว.
3.1.1.1 คานวณการเผ่ือขนาดของการพับขอบชั้นเดียว.
3.1.2 การพับของสองชน้ั .
3.1.2.1 คานวณการเผอื่ ขนาดของการพบั ขอบสองช้นั .
3.1.3 การพบั เข้าขอบลวด
3.1.3.1 คานวณการเผอ่ื ขนาดของการพับเขา้ ขอบลวด
3.2 การพับตะเขบ็ .
3.2.1 ตะเขบ็ เกย.
3.2.2 ตะเข็บเก่ียว
3.2.3 ตะเขบ็ ลอ็ ก
3.2.4 ตะเขบ็ ต้ัง
3.2.3 ตะเขบ็ ชน้ั เดยี ว
3.2.6 ตะเขบ็ สองชั้น
3.2.7 ตะเข็บกน้ กระป๋อง
3.3 การยา้ หมุด
3.3.1 ชนิดของหมดุ ยา้
3.3.2 รอยต่อสาหรับงานยา้ หมุด
3.3.3 ระยะหา่ งของหมดุ ย้า
3.3.4 ขนาดของรเู จาะสาหรบั งานยา้ หมุด
3.3.5 ความยาวของหมุดยา้
3.3.6 ขั้นตอนการย้าหมุด
4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ กิจกรรมนักเรยี น
1.นกั เรยี นบอกชัน้ เรียน ทาความเคารพ
กจิ กรรมครู 2.นักเรยี นน่งั ฟงั ครูบรรยาย บันทึกลงในสมุดบันทึก
1.ครูเขา้ หอ้ งเรียน ส่วนตวั
2.ครสู อนทฤษฎีโดยการบรรยายใชส้ ่อื ตา่ งๆ 3.นกั เรยี นดูครูสาธิตการปฏบิ ัติงาน
ประกอบการสอน 4.นักเรียนปฏิบตั ิงานตามทมี่ อบหมายเป็นรายบุคคล
3.ครสู าธิต การปฏบิ ัติงาน 5.นักเรยี นนางานท่ีครมู อบหมายให้ปฏิบัตมิ าสง่
4.ครมู อบหมายงานใหน้ ักเรียนปฏิบัตงิ าน
5.ครตู รวจงานตามที่มอบใหป้ ฏิบตั งิ าน
5. ส่อื และแหล่งการเรียนรู้
5.1 หนงั สอื , ตารา
5.2 ใบความรู้
5.3 ส่อื power Point
5.4 ส่อื VDO
5.5 ใบปฏิบตั งิ าน
5.6 แบบทดสอบก่อนเรยี น - หลงั เรยี น
5.7 แบบประเมนิ การปฏิบตั ิงาน
5.8 แบบฝึกหัด
6. การวดั ผลประเมนิ ผล
6.1 เครื่องมือวดั ผลประเมินผล
6.1.1 แบบทดสอบ
6.1.2 ใบปฏิบัติงาน
6.2 วิธวี ดั ผลประเมินผล
6.2.1 เก็บคะแนนจากใบปฏบิ ตั งิ าน
6.2.2 เก็บคะแนนจากแบบฝกึ หัด
6.3 เกณฑ์การวดั ผลประเมินผล
6.3.1 9 - 10 = ดมี าก
8 - 9 = ดี
7 - 8 = ปานกลาง
6 - 7 = ดี
5 - 6 = พอใช้
ตา่ กวา่ 5 = ไม่ผา่ น
6.3.2 4 - 5 = ดี
3 - 2 = พอใช้
ต่ากว่า 2 = แย่
7. เอกสารอ้างองิ /บรรณานกุ รม
อานาจ ทองแสน.2558.งานเชอ่ื มและโลหะแผ่นเบอ้ื งตน้ .ซเี อ็ดยเู คช่นั .กรุงเทพฯ
8. บนั ทึกหลังการจัดการเรียนรู้
รายวิชา....................................รหสั วชิ า...............................................สปั ดาหท์ .ี่ .................
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่.....ระดบั ชั้น..........กลุ่ม ........ สาขาวิชา ....................................
8.1 ผลการจดั การเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
8.2 ปัญหาและอปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
8.3 แนวทางแก้ไข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
8.4 ข้อเสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ใบเนื้อหาท่ี 4
รหัสวชิ า 2103-2011 ชอ่ื วชิ า งานผลิตภณั ฑแ์ ละโลหะแผน่ (1) สอนครั้งที่ 8-11
หน่วยที่ 4 ชอื่ หน่วย ประกอบงานโลหะแผน่ เวลา 16 ชม. สัปดาห์ที่ 8-11
จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม
1. อธิบายชนิดของขอบงานโลหะแผ่นได้ถกู ต้อง
2. ปฏบิ ัติพับขอบงานโลหะแผ่นแบบต่างๆได้ถูกตอ้ ง
3. คานวณเผอ่ื ขนาดในการพับขอบงานโลหะแผน่ แบบต่างๆไดถ้ ูกตอ้ ง
4. อธบิ ายชนิดของตะเข็บงานโลหะแผน่ แบบตา่ งๆไดถ้ ูกต้อง
5. ปฏบิ ตั ิการพบั ตะเขบ็ งานโลหะแผน่ แบบต่างๆได้ถกู ต้อง
6. คานวณเผ่ือตะเข็บงานโลหะแผ่นแบบตา่ งๆได้ถูกต้อง
7. อธิบายชนดิ ของหมุดยา้ งานโลหะแผ่นแต่ละชนดิ ได้ถกู ต้อง
8. อธิบายข้ันตอนการย้าหมุดงานโลหะแผน่ ได้ถูกต้อง
9. ปฏิบตั ิการยา้ หมุดงานโลหะแผน่ ได้ถกู ต้อง
สาระการเรยี นร้/ู เนอ้ื หา
4. ประกอบงานโลหะแผ่น
4.1 การพบั ขอบ
งานผลิตภัณฑท์ ่ขี ้นึ รูปดว้ ยโลหะแผ่นบางจาเปน็ ตอ้ งพบั ขอบงาน เพ่อื ใหเ้ กดิ ความสวยงาม ไมม่ ีขอบมมุ
ทแ่ี หลมคม ผลิตภณั ฑม์ ี ความแขง็ แรง คงทน คงรูปไดน้ าน มอี ายุการใช้งานนาน นอกจากนย้ี งั มีการเขา้ ขอบ
ลวดสาหรบั งานที่ต้องการความแข็งแรงมากขึ้น การพบั ข้นึ รูปงานผลิตภณั ฑ์โลหะแผน่ ทาได้ 2 วธิ ี คือการพบั
ด้วยมือ และการพับดว้ ยเครอื่ งจกั ร การพับขอบงานในงานผลติ ภัณฑ์ทขี่ ้ึนรูปแลว้ เพื่อพับเพม่ิ ความแขง็ แรง
และงานผลิตภณั ฑ์มีความสวยงาม การพับขอบงานมีอยู่ 2 ลกั ษณะคือ การพับขอบงานช้ันเดียว (Single
Hem) และการพับขอบงานสองชนั้ (Double Hem)
4.1.1 การพับขอบช้ันเดยี ว(Single Hem)
เป็นการพบั ขอบงาน เพื่อเพ่มิ ความแข็งแรงให้กับผลิตภัณฑแ์ ละเพิม่ ความปลอดภัยกับผใู้ ชง้ าน เหมาะ
สาหรบั ผลติ ภัณฑ์ขนาดเล็กซ่ึงไม่ต้องการความแขง็ แรงมาก การพับขอบช้ันเดียวก็เพียงพอต่อโครงสรา้ งและ
การใช้งานของผลติ ภณั ฑน์ ้ีแลว้
4.1.1.1 คานวณการเผอ่ื ขนาดของการพับขอบช้ันเดยี ว
สตู รการหาระยะเผือ่ A=W
ถา้ กาหนดให้ A(Allowance) = ระยะเผอ่ื ของตะเข็บ
W(Width) = ความกว้างของตะเข็บท่ีต้องการ
ตวั อยา่ ง : การพับขอบงานช้ันเดียว(Single Hem)ตอ้ งการความกว้าง 5 มลิ ลเิ มตร ดงั นี้ ระยะเผื่อจึงเท่ากับ 5
มลิ ลิเมตร จากสูตร A = W
แทนคา่ A = 5 มลิ ลเิ มตร
รูปที่ 4.1 การพบั ขอบชน้ั เดียว
4.1.2 การพับขอบสองชนั้ (Double Hem)
วิธีการพบั มลี กั ษณะคล้ายกบั การพบั ขอบชั้นเดียว แต่ต้องพบั เขามาเปน็ สองชัน้ เพื่อเพ่ิมความ
แขง็ แรงใหม้ ากข้นึ ระยะเผอ่ื เทา่ กบั สองเทา่ ของตะเข็บ
4.1.2.1 คานวณการเผอ่ื ขนาดของการพับขอบ 2 ช้ัน.
A = 2×W
A(Allowance) = ระยะเผ่ือของตะเขบ็
W(Width) = ความกว้างของตะเข็บที่ต้องการ
รปู ท่ี 4.2 การพบั ขอบสองชั้น
ตัวอย่าง : การพับขอบงานสองชน้ั (Double Hem)ตอ้ งการตะเขบ็ ความกว้าง 5 มิลลเิ มตร หาระยะเผื่อของ
การพับตะเขบ็ สอง ช้นั ได้ดังนี้
จากสูตรการหาระยะเผ่ือของตะเข็บสองชั้น A = 2×W
แทนค่า A = 2× 5
A = 10มิลลิเมตร
รปู ท่ี 4.3 การพบั ของสองช้นั
4.1.3 การเข้าขอบลวด (Wired edge)
การเขา้ ขอบลวดที่ขอบงานผลติ ภณั ฑน์ ้ี เพ่ือใหช้ ิน้ งานมีความแขง็ แรงมากกวา่ การพบั ขอบสองชั้น มี
ความปลอดภยั และสวยงาม ผลติ ภัณฑท์ ่นี ยิ มการเข้าขอบลวด เช่น ถังนา้ กระป๋องหม้อก๋วยเตี๋ยว กลอ่ งโคมไฟ
เปน็ ต้น ระยะ เผ่ือในการเขา้ ขอบลวด ขึน้ อยู่กับขนาดเส้นผ่าศนู ย์กลางของลวดท่ีใช้ สาหรบั โลหะแผ่น เบอร์
24 หรอื มากกว่า นี้ ใช้สตู รหาระยะ ดังน้ี
4.1.3.1 คานวณการเผื่อขนาดของการพับเข้าขอบลวด
A = 2 1 ×D หรือ A = 2.5× D
2
เมอื่ D คือ ขนาดเส้นผา่ ศูนยก์ ลางของเส้นลวด
ตัวอย่าง : จงหาระยะเผ่ือของชิน้ งานการเขา้ ขอบลวดซ่ึงใช้ลวดเส้นผ่านศนู ย์กลาง 4 มิลลิเมตร
สูตรการหาระยะเผือ่ การเข้าขอบลวด A = 2.5× D
แทนคา่ A = 2.5× 4
A = 10 มิลลเิ มตร
ระยะเผื่อม้วนขอบลวดขนาดเสน้ ผา่ นศนู ย์กลางลวด 10 มิลลิเมตร
ระยะ 1 1 × เส้นผ่านศูนยก์ ลางของลวด
2
= 1.5× 4
= 6 มลิ ลิเมตร
การหาระยะเผือ่ การมว้ นขอบลวดเม่ืองานมีความหนา
A = W+2T
โลหะขนาด กวา้ ง 10มิลลเิ มตร หนา 3มิลลิเมตรหาระยะเผ่ือขอบลวดได้ดงั นี้
A = W+2T
= 10 + (2×3)
= 16 มลิ ลิเมตร
รปู ท่ี 4.4การเข้าขอบลวด
4.2 การพับตะเขบ็
ตะเข็บงานผลติ ภณั ฑ์โลหะแผ่น ทาหนา้ ที่ยึดชิน้ งานโลหะแผน่ ใหต้ ิดกนั หรอื ใช้ประกอบข้นึ รปู งาน
ผลติ ภัณฑ์ ตะเขบ็ งาน โลหะแผ่นมีหลายแบบ แตล่ ะแบบมีขนาดรูปรา่ งตลอดจนความสวยงามและความ
แขง็ แรง แตกตา่ งกันไป ข้ึนอยู่กบั การออกแบบงาน ผลิตภัณฑว์ ่าต้องการใชต้ ะเข็บแบบใดในการประกอบข้นึ
รูปงาน ลกั ษณะของตะเข็บท่ีพบและนยิ มใชใ้ นงานโลหะแผ่นมดี งั น้ี
4.2.1 ตะเขบ็ เกย(Lap Seam)
เป็นตะเข็บท่ีสามารถพับขึ้นรูปไดง้ ายไม่ซับซ้อน ตะเข็บจะไมย่ ดึ กันเพราะลักษณะเป็นการเกยทับกนั
ของชน้ิ งานสองชนิ้ ดงั นัน้ เม่ือตอ้ งการให้ตะเข็บเกยยึดติดกันตอ้ งนาไปบดั กรี ย้าหมดุ หรือเชื่อมจุด เพือ่ ให้
ตะเขบ็ เกยยดึ ติดกนั ตะเข็บเกยยงั แบง่ ได้หลายลักษณะตามการขน้ึ รปู เชน่ ตะเขบ็ เกยกน้ กระป๋อง ตะเขบ็ เกย
ด้านในของก้นกระปอง ตะเข็บเกยด้านใน ตะเข็บเกยดา้ นนอก
รปู ท่ี 4.5 ตะเขบ็ เกย Lap scam
4.2.2 ตะเขบ็ เกี่ยว (Plain Flat Seam)
ตะเข็บเก่ยี วมีใช้กนั โดยท่ัวไปเพอ่ื ยึดงานโลหะแผ่นแบบทรงกระบอกกลม หรืองานเหลี่ยมเขา้ ด้วยกัน
การพบั ตะเขบ็ ชนิดน้จี ะต้องพับขอบงานทัง้ สองข้างท่ีจะต้องนามาตอ่ เข้าด้วยกัน ขอบแตล่ ะข้างทีพ่ ับแล้วนาทั้ง
สองข้างมาเก่ยี วกัน ทาตะเขบ็ ล็อกให้แนน่ ติดกันโดยใช้เครื่องมือล็อกตะเข็บซึ่งเรยี กวา่ Hand Grooved หรือ
Grooving Machine ตะเขบ็ จมสองช้นั สามารถทาได้ทงั้ ด้านนอกและดา้ นในของงาน คือเรยี กวา่ Inside
Grooved Seam ผิวด้านบนของตะเขบ็ จะเรียบ ดงั รปู
ระยะเผื่อของตะเข็บเกยี่ ว (Plain FlatSeam)
A=W
B = 2W
รปู ท่ี 4.6 แสดงลักษณะตะเข็บเกยี่ ว
4.2.3 ตะเข็บล็อก(Groove Seam)
วธิ ีการสร้างตะเขบ็ ล็อกน้ัน สามารถทาได้โดยใชเ้ คร่ืองมือลอ็ กตะเข็บสาหรับการล็อกตะเข็บดว้ ยมือน้ัน
จะยา้ ดว้ ยเหล็กยา้ ตะเข็บ(Hand Grooved)ใหแ้ น่นติดกนั มี2 ลกั ษณะคือ การล็อกยา้ ตะเข็บด้านนอก(Outside
seam)ตะเขบ็ จะนนู ข้ึนมาดงั รูป
รูปที่ 4.7 แสดงการล็อกํยา้ ตะเข็บดา้ นนอก(Outside seam)
รูปท่ี 4.8 แสดงการลอ็ กํยา้ ตะเขบ็ ด้านใน(Inside seam)
รูปที่ 4.9 แสดงขั้นตอนการเขาตะเข็บล็อก
การเขยี นระยะเผ่ือความกว้างและตะเขบ็ สาหรับตะเข็บลอ็ ก(Groove Seam) สาหรบั โลหะแผน่ เบอร์
24 หรือบางกวา่ เทา่ กบั 3 คูณ ความกวา้ งของตะเข็บโลหะแผน่ ทห่ี นากว่าเบอร์ 24 เท่ากับความกว้างของ
ตะเข็บรวมความหนาของโลหะงานอีก 5 เท่า
4.2.4 ตะเขบ็ ตั้ง (Standing Seam)
ตะเข็บต้ังมีลักษณะพบั เปน็ มมุ 90 องศา ตัง้ ข้นึ กับพ้ืนผวิ งานและแผน่ งานอกี ข้างหน่งึ ที่จะต่อเขา้
ดว้ ยกัน จะพับสวมตัง้ ขน้ึ ไปตามลักษณะของFlangeแลว้ ทาการยึดให้แน่นด้วยหมุดํย้า หรือสลักเกลยี วท่ีตะเขบ็
สามารถทาการ บัดกรีตะเข็บเมอ่ื งานน้นั ต้องการให้กันน้าหรือของเหลวอยา่ งอื่น ตะเขบ็ ต้ังใช้ในงานโลหะแผ่น
ทม่ี ีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะท่อลมใหญ่ๆท่อลมระบายความร้อนและท่อระบายอากาศ เป็นต้น สามารถต่อได้ท้ังท่ี
แนวมุมและทก่ี น้ ฐาน ของงาน
ระยะเผื่อ ทั้งสองขา้ งของงานเท่ากับ 3 เทา่ ความกว้างของตะเข็บ เฉพาะสว่ นเรยี กว่า Pocket เผ่ือ
เทา่ กบั 2W และ สว่ นทพี่ บั Flange เผ่อื เทา่ กับความกวาง (W)
เม่ือกาหนด
A=W
B = 2W+T
T = Thickness หมายถงึ ความหนาของชิ้นงาน
รปู ท่ี 4.10 แสดงลักษณะของตะเข็บต้ัง
4.2.5 ตะเข็บชั้นเดยี ว (Single Seam)
ตะเข็บช้นั เดียว สามารถทาการพับได้ทัง้ ใช้เคร่ืองมือและเคร่ืองจกั รชว่ ยการพบั จะพับเป็นตะเขบ็ ให้
ลกั ษณะตัง้ โดยจะตงั้ ฉากกบั ดา้ นของงานใช้ในการตอ้ งานสองชนิ้ เขา้ ด้วยกัน และทาฝาปิดงานต่าง ๆระยะ
เผ่อื สาหรบั ตัวชิน้ งาน เท่ากบั ความกว้างของตะเข็บและอีกช้ินหนง่ึ ซ่งึ จะเปน็ สว่ นกน้ ฐาน จะเผอ่ื ไว้เทา่ กับ2เทา่
ของ ตะเขบ็ (2W)และเม่ือเข้าตะเขบ็ แล้วดังรูป
A = W + 1 นิ้ว และช่วง B = W - 1 นว้ิ
32 32
A=W
B =2W
รปู ที่ 4.11 แสดงลกั ษณะของตะเขบ็ พบั ชัน้ เดียว
4.2.6 ตะเขบ็ สองช้นั (Double Seam)
ตะเขบ็ สองชัน้ คลา้ ยกับตะเข็บพบั ช้ันเดียว แต่ตะเข็บพับสองชัน้ จะพบั เลยจากมุม 90องศา ไป จนชิด
ตดิ กบั ลาตัวของงาน ซง่ึ เป็นการเพ่มิ ความแขง็ แรงแก่ช้นิ งานมากยง่ิ ข้นึ โดยไมต่ ้องทาการบัดกรี ถ้างาน
บางอย่างที่ตอ้ งใส่นา้ หรือของเหลวอยา่ งอนื่ ต้องทาการบดั กรีด้วย
การหาระยะเผ่อื ตะเข็บสองชั้นเหมอื นกบั การพบั ตะเข็บชนั้ เดียว
A=W
B=2W
รูปที่ 4.12 แสดงระยะเผ่ือตะเข็บพบั สองชน้ั
4.2.7 ตะเข็บกน้ กระป๋อง (Double Bottom Seam)
ตะเขบ็ กน้ กระปอ๋ งเป็นตะเข็บสองชั้นทีป่ ระกอบลาตวั เข้ากับกน้ กระปอ๋ งซึง่ มีทงั้ งานกลมและงาน
เหลี่ยม เม่ือตอ้ งการเขา้ กันของงานทรงกระบอกอาจทาได้หลายวธิ ี วิธใี ชต้ ะเขบ็ ก้นเปน็ วธิ ีหนงึ่ ซ่งึ นิยมใชก้ ัน
สามารถทาได้ง่ายและรวดเรว็ โดยการยกขอบส่วนกนตง้ั ฉากแล้วสวมตวั ของงานเขา้ ด้วยกนั ซง่ึ มที ้ังสวมนอก
และสวมใน จากน้ันจึงทาการบัดกรียึดตดิ
ระยะเผ่ือของตะเข็บก้นพับขึ้นเทา่ กับความกว้างของตะเข็บ
สูตร : ระยะเผอ่ื ตะเข็บกน้ A = W
W หมายถึง ความกวา้ งของตะเข็บ
4.3 การย้าหมดุ (Reveting)
เปน็ การตอ่ ยึดชิ้นงานอีกวธิ หี น่งึ ทไ่ี ม่ทาใหว้ สั ดุบดิ ตวั จากความรอ้ น การยดึ ด้วยหมุดจะทาการเจาะ
ช้ินงานก่อนจากน้นั นาหมดุ มาสอดในรูทเ่ี จาะชน้ิ งาน เจาะจากน้นั ตดี ้วยค้อนหรือเคร่ืองมือยา้ หมุด วสั ดทุ ่ใี ชท้ า
หมุดไดแ้ ก่ทองเหลือง อะลูมิเนียมทองแดง และเหลก็ หมุดย้าประกอบด้วย 2 ส่วน คอื ส่วนหัว(Head)และ
ลาตัว(Shank)โดยความยาวของหมดุ ยา้ จะเป็นสัดส่วนคงตัวกับความโตของหมุดย้า
รูปท่ี 4.13 รปู รา่ งของหมุดย้า
4.3.1 ชนดิ ของหมดุ ย้า
หมุดยา้ สว่ นใหญท่ าจากวัสดทุ ี่สามารถยืดตัวได้ดี สามารถขึ้นรปู โดยการตอกย้าได้งา่ ย ทั้งนเี้ พราะ
ตอ้ งการยา้ หมุด ต้องใช้วธิ กี ารตเี คาะและตอกอดั ให้เป็นหัวหมุด ในขณะประกอบช้ินงาน วสั ดุท่ใี ชท้ าหมุดได้แก่
เหล็ก ทองแดง อลมู เิ นียม และอลูมเิ นยี มผสม เปน็ ตน้ หมดุ ยา้ โดยทว่ั ไปแบ่งออกเปน็ สองชนดิ คือ หมดุ ยา้
สาหรบั งานโลหะแผน่ และหมุดย้าสาหรับงานโครงสร้างละงานหม้อน้า โดยหมุดยา้ สาหรับงานโลหะแผ่นจะมี
ขนาดเส้นผา่ ศูนยก์ ลาง ไมเ่ กนิ 10 มิลลเิ มตร ส่วนหมุดย้าสาหรับโครงสรา้ งและงานหม้อน้า จะมขี นาด
เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางต้งั แต่ 10-36 มิลลเิ มตร
ในหวั ขอ้ นี้ จะกล่าวถงึ เฉพาะหมดุ ย้าตามมาตรฐานผลิตภัณฑอ์ ตุ สาหกรรมไทย ที่นิยมใช้ในงานโลหะ
แผน่ และงานทั่วไป ซ่งึ แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท ตามลักษณะการขน้ึ รูปคือ หมดุ ยา้ ขึน้ รูปร้อน และหมุดย้าข้ึน
รปู เยน็ โดยทห่ี มดุ ย้าจะใช้ในงานโลหะแผ่น แบง่ ออกเป็น 5 แบบ คือ หมดุ ย้าหัวกลมขนาดเลก็ หมดุ ยา้ หัว
กระทะ หมดุ ยา้ หัวจมแบน และหมดุ ยา้ หัวจมนูน
รปู ท่ี 4.14 หมุดย้าขน้ึ รปู ร้อน
รปู ที่ 4.15 หมดุ ย้าขึน้ รูปเย็น
4.3.2 รอยต่อสาหรับงานย้าหมดุ
รอยต่อที่นิยมใช้ในงานย้าหมุดมี 2 ชนิด ดงั นี้
1) รอยต่อเกย คือรอยต่อที่นาช้นิ งานมาวางเกยกัน แบ่งออกเป็น 2ลกั ษณะ คือ งานยา้ หมุดรอยต่อ
เกยแถวเดยี วและงานย้าหมดุ รอยต่อเกย 2 แถว
รูปที่ 4.16 งานย้าหมุดรอยต่อเกย
2) รอยต่อชน คือรอยต่อทีน่ าชนิ้ ง่านมาชนกนั แล้วใชแ้ ผ่นปะกบรองรบั รอยต่อ แบ่งออกเป็น 2
ลักษณะ คือ รอยต่อชนแถวเดียว และรอยตอ่ ชน 2 แถว
รปู ท่ี 4.17 งานยา้ หมดุ รอยต่อชน
4.3.3 ระยะหา่ งของหมุดยา้
ระยะห่างของหมุดยา้ ข้ึนอยู่กับองคป์ ระกอบดังนี้ ขนาดของหมดุ ย้า ความหนาของแผ่นวสั ดุ ชนดิ ของ
รอยตอ่ และภาระหรือแรงที่กระทาต่อหมดุ ย้า ซึ่งสว่ นใหญ่หาได้จากการคานวณ ในบทเรียนนี้ จะกลา่ วถงึ
เฉพาะการกาหนดระยะห่างของหมุดยา้ ที่พิจารณาจากองคป์ ระกอบของขนาดหมดุ ย้าและความหนาของ
ชิน้ งาน
รปู ท่ี 4.18 การกาหนดระยะห่างของหมุดย้าในงานยา้ หมุดต่อเกย
รูปที่ 4.19 การกาหนดระยะห่างของหมุดย้าในงานย้าหมดุ ต่อชน
4.3.4 ขนาดของรูเจาะสาหรบั งานยา้ หมดุ
การเตรียมรูเจาะสาหรบั งานย้าหมดุ โดยทว่ั ไปจะเจาะรูให้โตกว่าขนาดของหมุดยา้ เล็กน้อย เพ่ือให้
สามารถสอดใสห่ มุดย้าไดง้ า่ ย และในขณะย้าหมุดจะทาให้หมุดยา้ ขยายตวั ออก เนอ่ื งจากได้รบั แรงจากการใช้
คอ้ นตอก สาหรบั ขนาดของรูเจาะสาหรบั งานยา้ หมุดหวั คร่ึงวงกลม
ขนาดหมุด (d) 1 1.4 1.7 2 2.6 3 3.5 4 5 6 7 8 9
ขนาดรเู จาะ (d1) 1.1 1.5 1.8 2.2 2.8 3.2 3.7 4.3 5.3 6.4 7.4 8.4 9.5
หมายเหตุ : ความยาวหมุดยา้ มีดงั น้ี 2,3,4,5,6,8,10,12,15,18,20,22,25,28,30,32,35,38,40,45,50,55 และ
60 มลิ ลิเมตร
ตารางที่ 4.1 ขนาดรเู จาะสาหรบั งานย้าหมุด ตามมาตรฐานเยอรมัน DIN 660
4.3.5 ความยาวของหมุดย้า
ในงานย้าหมดุ จะต้องมีการเผือ่ ขนาดความยาวของหมุดยา้ ก่อนกาย้าหมุด เพราะถา้ หมุดย้ามคี วามยาว
พอดีจะทาใหห้ วั หมุดท่ยี ้าไปได้ขนาดถูกตอ้ ง แตถ่ ้าหมุดย้าสนั้ หรือยาวเกนิ ไปก็จะทาให้หัวหมุดยา้ ทไ่ี ด้มีขนาดไม่
ถกู ต้องคือมีขนาดเล็กหรือยาวเกนิ ไป
รปู ที่ 4.รูป การเผอ่ื ความยาวของหมุดย้า
การเผื่อความยาวของหมุดย้า มดี งั น้ี
ความยาวของหมดุ ยา้ = ความหนาของชน้ิ งาน + ระยะเผ่ือยา้ ปิด
L= S + (1.5)d หรอื L=S + (1.5)d1
4.3.6 ขน้ั ตอนการยา้ หมุด
ขน้ั ตอนการย้าหมุดมดี งั น้ี
จบั ยดึ ชนิ้ งานทต่ี ้องการยา้ หมุดเขา้ ดว้ ยกันใหแ้ นน่ แล้วเจาะรูที่ชิ้นงานทัง้ 2 ชิ้นให้ได้รว่ มศูนย์กั
รูปที่ 4.รปู การเจาะรสู าหรับงานยา้ หมุด
สอดหมุดเข้าไปในรูเจาะ
รปู ที่ 4.รูป การสอดหมุดเขา้ รูเจาะ
ใช้เหล็กย้าหมุดและเหลก็ รองรบั หวั หมุดกดแผน่ ช้นิ งาน แล้วใช้คอ้ นตอกเพ่ือใหช้ ิ้นงานประกบกนั
ให้สนทิ
รปู ท่ี 4.การใช้เหล็กยา้ หมุดและเหลก็ รองรบั หัวหมดุ กดแผน่ ช้ินงานใหป้ ระกบกันสนิท
4) ใช้คอ้ นยา้ หมุดตอกยา้ หัวหมุดให้บานออกคล้ายรูปดอกเห็ด
รูปที่ 4.รูป การใชค้ อ้ นแต่งหวั หมดุ ให้ได้รูปทรงคลา้ ยดอกเห็ด
5) ใช้เหล็กย้าหมดุ ครอบหวั หมุด แล้วใช้คอ้ นตอกเพ่อื แต่งหมดุ สาเรจ็
รปู ท่ี 4.รปู การใชเ้ หลก็ ย้าหมุดครอบหวั หมุดเพ่อื แต่งหวั หมุดสาเรจ็
แบบฝึกหดั หน่วยที่ 4
เรื่อง ประกอบงานโลหะแผน่
ตอนที่ 1 จงเลือกคาตอบท่ถี ูกต้องทสี่ ุด
1.ข้อใดไมใ่ ชข่ อบงานท่ีใชใ้ นงานโลหะแผ่น
ก.การพบั ขอบช้ันเดยี ว
ข.การพบั ขอบ 2 ชั้น
ค. ตะเขบ็ ชนั้ เดียว
ง. ขอบลวด
2.ขอ้ ใดไมใ่ ชจ่ ดุ ม่งุ หมายของการเผื่อขอบงานของผลติ ภณั ฑโ์ ลหะแผ่น
ก.ใชส้ าหรบั ประกอบช้นิ สว่ นให้ยึดกนั แน่น
ข.เพ่ือลดเวลาในการผลิต
ค.เพื่อลดความสวยงาม
ง.เพื่อความแขง็ แรง
3.ตะเข็บท่นี าขอบของช้นิ งานมาวางทับกัน เรยี กวา่ ตะเขบ็ ชนดิ ใด
ก.ตะเขบ็ เกย
ข.ตะเขบ็ เก่ียว
ค.ตะเข็บพับช้นั เดยี ว
ง.ตะเข็บพบั 2 ชัน้
4.การกาหนดระยะห่างของหมุดย้าไม่ขน้ึ อยู่กับองคป์ ระกอบใด
ก.ขนาดของหมุดย้า
ข.ความหนาของแผ่นวัสดุ
ค.ชนิดของรอยต่อ
ง.ความเรียบร้อยและความสวยงาม
5.ขนั้ ตอนแรกในการยา้ หมดุ คือ
ก.เจาะรทู ี่ชิ้นงานท้ังสองช้ินให้ไดร้ ว่ มศนู ย์กนั
ข.จบั ยึดช้ินงานที่ตอ้ งการยา้ หมุดเขา้ ด้วยกนั ใหแ้ นน่
ค.ใส่หมดุ เข้าไปในรเุ จาะ
ง.ใช้เหลก็ ยา้ หมุดและเหล็กรองรบั หัวหมุดกดแผ่นชนิ้ งาน
ตอนที่ 2 จงตอบคาถามต่อไปน้ี
1.ขอบงาน หมายถึงอะไร……………………………………………………………………………………………………………………….
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.
2.การพับขอบชัน้ เดียวมวี ัตถปุ ระสงค์เพอื่ อะไร
....................................................................................................................................................... .......................
............................................................................................................ ..................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................. .................................
3.จงอธบิ ายขัน้ ตอนการยา้ หมุดมาให้พอความเขา้ ใจ
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................................ ......
............................................................................................................................. .................................................
4.องคป์ ระกอบสาคญั ในระยะห่างของการย้าหมุดขนึ้ อยู่กับอะไรบ้าง จงอธิบาย
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.......................................................................................................................................................................... ....
............................................................................................................................. .................................................
5.รอยต่อสาหรับงานย้าหมุด มกี ่อี ย่าง มอี ะไรบ้าง จงอธิบายมาพอเขา้ ใจ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เอกสารอ้างอิง/บรรณานุกรม
อานาจ ทองแสน.2558.งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบ้อื งตน้ .กรงุ เทพฯ.ซเี อ็ดยเู คช่นั .