The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by เจตรินทร์ ขาวนุ้ย, 2021-05-31 11:26:21

เอกสารประกอบการเรียน การอ่านเพื่อการศึกษาค้นคว้า ชุดที่ 1 พื้นฐานการค้นคว้า

เล่ม1 การอ่านเพื่อการศึกษาค้นคว้า

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชา ท32201 ภาษาไทยเพ่ือการศึกษาคน้ ควา้
ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5

PAGE 1 กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย โรงเรียนสตรศี รีสุริโยทยั

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ า ท32201 ภาษาไทยเพือ่ การศึกษาคน้ คว้า
ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5

บทที่ ๑ : การค,นคว,า

การคน% ควา%

การเรียนรู*ด*วยการแสวงหาข2าวสาร ข*อมูล ความรู* ความเข*าใจเกี่ยวกับข*อเท็จจริง ข*อคิดเห็น จินตนาการ ฯลฯ
ที่บนั ทกึ หรอื ใส2ในโปรแกรมไว*ในเอกสาร หนังสอื สง่ิ พิมพG แผน2 ศิลา ใบลาน ปJายโฆษณา และสือ่ อิเล็กทรอนิกสG

>> ข1อเท็จจริง

•>

>> ข1อคิดเห็น

•>

การเรียนรู*ด*วยการค*นคว*านิยมทำด*วยการอ2านและการดู การฟQง อาจอ2านหนังสือเล2มเดียวหรือดูแหล2งความร*ู
แหล2งเดียวหลายเล2ม หรืออ2านหนังสือหลายเล2ม ขณะที่อ2านก็บันทึกข*อมูลและสาระต2าง ๆ จนสามารถสรุปเปUนสาระ
ตามความเขา* ใจของตนเอง
ความมง&ุ หมายของการศึกษาค1นคว1า

๑. เพือ่ ร*ูจกั วธิ ศี กึ ษาค*นคว*าดว* ยตนเอง
๒. เพื่อส2งเสริมผูเ* รยี นใหศ* ึกษาหาความรเ*ู พมิ่ เตมิ ให*กว*างขวางและลึกซง้ึ กว2าทเี่ รยี นในชั้นเรียน
๓. เพอ่ื ส2งเสริมให*ผเ*ู รยี นมคี วามสามารถในการคน* ควา* หาความรจ*ู ากแหลง2 เรยี นร*ูต2าง ๆ
๔. เพื่อส2งเสริมใหผ* ู*เรยี นคดิ อย2างมเี หตุผลและเปนU ระบบ
๕. เพอ่ื สง2 เสริมผู*เรยี นให*มคี วามสามารถในการใชภ* าษาเพอ่ื ส่ือความร*ู ความคดิ อย2างเปUนลำดบั
ข้นั ตอน

กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรียนสตรศี รีสรุ ิโยทยั ๑

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ า ท32201 ภาษาไทยเพื่อการศึกษาคน้ คว้า
ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5

แหลง+ การเรยี นรู%

แหล2งข2าวสารข*อมูล สารสนเทศ แหล2งความรู*ทางวิทยาการและประสบการณGที่สนับสนุนส2งเสริมให*
ผู*เรียน ใฝbเรียน ใฝbรู* แสวงหาความรู*และเรียนรู*ด*วยตนเอง ตามอัธยาศัยอย2างกว*างขวางและต2อเนื่องจากแหล2ง
ต2าง ๆ เพื่อเสริมสร*างให*ผู*เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู* และเปUนบุคคลแห2งการเรียนรู* (กรมสามัญ
ศกึ ษา, ๒๕๔๔ : ๖)

“แหล2ง” หรือ “ที่รวม” ซึ่งอาจเปUนสภาพ สถานที่ หรือ ศูนยGรวมที่ประกอบด*วย ข*อมูล ข2าวสาร
ความรู* และ กิจกรรมที่มีกระบวนการ เรียนรู* หรือกระบวนการเรียนการสอน ที่มีรูปแบบแตกต2างจาก
กระบวนการเรียน การสอนที่มีครูเปUนผู*สอน หรือศูนยGกลางการเรียนรู* เปUนการเรียนรู*ที่มีกำหนดเวลา
เรยี นยืดหยุ2น สอดคล*องกับความต*องการของผูเ* รียน (จนั ทรา อ2อนระหง ,๒๕๕๐ : ๑๐)

ถิ่น ที่อยู2 บริเวณ บ2อเกิด แห2ง ที่หรือศูนยGความรู*ที่ให*เข*าไปศึกษาหาความรู* ความเข*าใจ และความ
ชำนาญ ซึ่งแหล2งเรียนรู*จึงอาจเปUนไปได*ทั้งสิ่งที่เปUนธรรมชาติ หรือสิ่งที่มนุษยGสร*างขึ้น เปUนได*ทั้งบุคคล
สิ่งมีชีวิต และไม2มีชีวิต และแหล2งเรียนรู*อาจจะอยู2ในห*องเรียนในโรงเรียนหรือนอกโรงเรียนก็ได*
(นาวรตั นG ลขิ ติ วัฒนเศรษฐ , ๒๕๔๔ : ๗๓)

ความสำคัญของแหล+งการเรยี นรู%

๑. ผู*เรียนได*เรียนรู*จากสภาพชีวิตจริง สามารถนำความรู*ที่ได*ไปใช*ในชีวิตประจำวันได* ช2วยให*เกิดการพัฒนา
คณุ ภาพชวี ิตของตน ครอบครัว ทอ* งถน่ิ

๒. ผูเ* รยี นไดเ* รียนในส่ิงท่ีมคี ณุ ค2า มคี วามหมายตอ2 ชวี ติ ทำใหเ* หน็ คณุ คา2 เหน็ ความสำคญั ของส่ิงทเี่ รียน
๓. ผู*เรยี นสามารถเช่ือมโยงความรูท* *องถ่ินสค2ู วามรูส* ากลส่งิ ทอ่ี ย2ูใกลต* ัวไปสสู2 ิ่งที่อยู2ไกลตัวได*อย2างเปUนรูปธรรม
๔. เห็นความสำคัญของการอนุรักษGและพัฒนาภูมิปQญญาท*องถิ่น วัฒนธรรม ทรัพยากร และสิ่งแวดล*อม
ในทอ* งถ่ินไดอ* ย2างต2อเนอ่ื ง
๕. มีสว2 นรว2 มในองคกG ร ท*องถ่นิ บุคคล และครอบครวั ในการพฒั นาท*องถน่ิ
๖. ได*เรียนรู*จากแหล2งการเรียนรู*ที่หลากหลาย ได*ลงมือปฏิบัติจริง ส2งผลให* เกิดทักษะการแสวงหาความรู*
เปUนบุคคลแห2งการเรยี นร*ู

กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรยี นสตรีศรีสุริโยทยั ๒

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ า ท32201 ภาษาไทยเพอ่ื การศึกษาค้นควา้
ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5

ประเภทของแหลง+ การเรียนรู%

จากการศึกษาค*นคว*าเอกสารพบว2าได*มีนักวิชาการท่ีแบ2งกลุ2มหรือประเภทแหล2งการเรียนรู*ไว*หลายลักษณะ
แต2ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปpที่ ๕ จะใช*เนื้อหาตามการแบ2งประเภทของแหล2งการเรียนรู* ของ สุมน อมรวิวัฒนG
(๒๕๔๔ : ๒๕) ซ่ึงไดจ* ำแนกแหลง2 การเรยี นรอ*ู อกเปนU ๔ ประเภท

๑. แหล&งการเรียนรู1ประเภทบุคคล ได*แก2 บุคคลทั่วไป ที่อยู2ในท*องถิ่นซึ่งสามารถถ2ายทอดองคGความรู*ให*กับ
ผู*เรียนได* เช2น ชาวนา ชาวสวน ชาวไร2 ช2างฝpมือ พ2อค*า นักธุรกิจ พนักงานบริษัท ข*าราชการ ภิกษุสงฆG ศิลปqน นักกีฬา
เปนU ตน*

๒. แหล&งการเรียนรู1ประเภทสิ่งที่มนุษยHสร1างขึ้น ได*แก2 สถานที่สำคัญทางด*านประวัติศาสตรG โบราณสถาน
สถาบันทางศาสนา พิพิธภัณฑG สถานที่ราชการ ห*องสมุด ตลาด ร*านค*า ห*างร*าน บริษัท ธนาคาร โรงมหรสพ โรงงาน
อุตสาหกรรม ถนน สะพาน เข่ือน ฝายทดน้ำ สวนสาธารณะ สนามกีฬา สนามบิน เปนU ตน*

๓. แหล&งการเรียนรู1ประเภททรัพยากรธรรมชาติ ได*แก2 ภูเขา ปbาไม* พืช ดิน หิน แร2 ทะเล เกาะ แม2น้ำ ห*วย
หนอง คลอง บงึ น้ำตก ทงุ2 นา สตั วปG าb สัตวนG ้ำ เปนU ตน*

๔. แหล&งการเรียนรู1ประเภทกิจกรรมทางสังคม ประเพณี และความเชื่อ ได*แก2 ขนบธรรมเนียมประเพณี
พ้ืนบ*าน การละเล2นพ้ืนบ*าน กีฬาพน้ื บ*าน วรรณกรรมท*องถ่ิน ศลิ ปะพ้นื บ*าน ดนตรีพื้นบา* น วิถชี วี ิตความเปUนอยู2 เปUนต*น

กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย โรงเรยี นสตรศี รสี ุริโยทัย ๓

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชา ท32201 ภาษาไทยเพ่ือการศกึ ษาคน้ คว้า
ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5

แหลง+ การเรยี นร%ูบริเวณโรงเรียน
แหลง+ การเรยี นรใ%ู นโรงเรียน

แหล&งการเรียนรู1ในโรงเรียน เดิมจะมีแหล2งเรียนรู*ที่เปUนหลัก คือ ครู อาจารยG ห*องเรียน ห*องสมุด ต2อมา
มีการพัฒนาเปUนห*องปฏิบัติการต2าง ๆ เช2น ห*องปฏิบัติการวิทยาศาสตรG ห*องปฏิบัติการทางภาษา ห*องปฏิบัติการ
คอมพิวเตอรG ห*องโสตทัศนศึกษา ห*องจริยธรรม ห*องศิลปะ เปUนต*น ตลอดจนการใช*อาคารสถานที่บริเวณและ
ส่ิงแวดล*อมในโรงเรยี น เช2น หอ* งอาหาร สนาม หอ* งนำ้ สวนดอกไม* สวนสมนุ ไพร แหล2งนำ้ ในโรงเรียน เปนU ตน*

แหลง+ การเรียนร%ใู นชมุ ชน

แหล&งการเรียนรู1ในชุมชน อาจเปUนแหล2งเรียนรู*ที่มีอยู2แล*วตามธรรมชาติ ได*แก2 แม2น้ำ ภูเขา ปbาไม* ลำธาร
กรวด หิน ทราย ชายทะเลหรืออาจเปUนแหล2งเรียนรู*ที่มนุษยGสร*างขึ้นได*แก2 โบราณสถาน พิพิธภัณฑG ห*องสมุดประชาชน
สถาบันการศึกษา สวนสาธารณะ ตลาด บา* นเรือน ทีอ่ ยู2อาศยั สถานประกอบการ เปนU ต*น

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย โรงเรยี นสตรีศรสี รุ โิ ยทัย ๔

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ า ท32201 ภาษาไทยเพอ่ื การศึกษาคน้ คว้า
ระดับช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 5

บทที่ ๒ : การสื่อสารเพ่ือการคน, คว,า

การสื่อสาร (communications) มีที่มาจากรากศัพทGภาษาลาตินว2า communis หมายถึง ความเหมือนกัน
หรือร2วมกัน การสื่อสาร หมายถึง กระบวนการถ2ายทอดข2าวสาร ข*อมูล ความรู* ประสบการณG ความรู*สึก
ความคิดเห็น ความต*องการจากผู*ส2งสารโดยผ2านสื่อต2าง ๆ ที่อาจเปUนการพูด การเขียน สัญลักษณGอื่นใด การแสดงหรือ
การจัดกิจกรรมต2าง ๆ ไปยังผู*รับสาร ซึ่งอาจจะใช*กระบวนการสื่อสารที่แตกต2างกันไปตามความเหมาะสม
โดยมวี ัตถปุ ระสงคใG หเ* กิดการรับรร*ู ว2 มกันและมปี ฏกิ ริ ยิ าตอบสนองต2อกัน โดยมีองคปH ระกอบดังนี้

ผู้ส่งสาร
สาร

ตวั กลาง/ส่อื
ผรู้ บั สาร

กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรียนสตรศี รสี ุรโิ ยทัย ๕

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ า ท32201 ภาษาไทยเพือ่ การศึกษาค้นควา้
ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5

ลกั ษณะของการส่อื สาร

การสอ่ื สารทางเดยี ว (One-way communication)

การสื่อสารสองทาง (Two-way communication)

กระบวนการส่อื สาร

Verbal Physical or
Communication Non Verbal Communication

กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรยี นสตรีศรสี ุริโยทยั ๖

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ า ท32201 ภาษาไทยเพ่ือการศกึ ษาค้นควา้
ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5

ทักษะการสื่อสาร

ทักษะการสื่อสาร หมายถึง ความสามารถในการใช*คำพูดและภาษาท2าทางเพื่อแสดงความรู*สึกนึกคิดของตน
อย2าง เหมาะสมกับสภาพวัฒนธรรมและสถานการณGต2าง ๆ โดยสามารถที่จะแสดงความคิดเห็น ความปรารถนา
ความตอ* งการ การขอรอ* ง การเตือน และการขอความชว2 ยเหลือ

การสื่อสารนั้นสามารถทำได*หลายช2องทาง เช2น การพูดคุยกันต2อหน*า การพูดคุยกันทางโทรศัพทG การพูดคุยกัน
ทางอินเทอรGเน็ต การส2งจดหมายติดต2อถึงกัน การส2งอีเมลG การส2งข*อความทางโทรศัพทGเคลื่อนที่ การมีทักษะ
ในการส่อื สารอยา2 งมปี ระสิทธิภาพ

ทักษะการสื่อสาร เปUนการติดต2อระหว2างมนุษยGด*วยวิธีต2าง ๆ ซึ่งทำให*ฝbายหนึ่งรับรู*ความหมายจากอีกฝbาย
หนึ่ง และ เกิดการตอบสนอง การสื่อสารที่เกี่ยวข*องกับนักเรียนในวิชาภาษาไทย คือ ทักษะการฟQง การพูด การอ2าน
การเขียน ล*วนเปUนทักษะที่จำเปUนสำหรับการสื่อสาร ส2วนใครจะมีความเชี่ยวชาญด*านใดมากกว2านั้น ย2อมขึ้นอยู2กับ
การเรียนรู* และฝ}กฝน แต2สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตประจำวัน คือการมีมารยาท จึงจะกล2าวถึงมารยาทของการฟQง
การพดู การอ2าน การเขียน

กล่มุ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย โรงเรยี นสตรศี รีสรุ ิโยทยั ๗

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ า ท32201 ภาษาไทยเพอื่ การศึกษาคน้ คว้า
ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5

การอา5 น

การอ&าน คือ การรับรู*ข*อความในการเขียนของตนเองหรือของผู*อื่น รวมถึงการการรับรู*ความหมายโดยใช*
อวัยวะคือ ตา แปลความหมายจากเครื่องหมายและสัญลักษณGต2าง ๆ เช2น สัญลักษณGจราจรเครื่องหมายที่แสดงบนแผน
ที่ เปUนต*น การรับรู*ข*อความ เข*าใจเรื่องราว หรือได*รับรสความบันเทิงใจตรงตามจุดประสงคGของผู*เขียนเปUนการอ2านที่ดี
และไดป* ระโยชนอG ย2างแทจ* ริง

NMTçü

ความสำคญั ของการอา+ น

ในสมัยโบราณที่ยังไม2มีตัวหนังสือใช* มนุษยGได*ใช*วิธีเขียนบันทึกความทรงจำและเรื่องราวต2าง ๆ เปUนรูปภาพ
ไว*ตามฝาผนังในถ้ำ เพื่อเปUนทางออกของอารมณG เพื่อเตือนความจำหรือเพื่อบอกเล2าให*ผู*อื่นได*รับรู*ด*วย แสดงถึงความ
พยายามและความปรารถนาอันแรงกล*าของมนุษยG ที่จะถ2ายทอดประสบการณGของตนเปUนสัญลักษณGที่คงทนต2อ
กาลเวลา

จากภาพเขียนตามผนังถ้ำ ได*วิวัฒนาการมาเปUนภาษาเขียนและหนังสือ ปQจจุบันนี้หนังสือกลายเปUนส่ิง
ที่สำคัญยิ่งต2อมนุษยGจนอาจกล2าวได*ว2าเปUนปQจจัยอันหนึ่งในการดำรงชีวิตคนที่ไม2รู*หนังสือแม*จะดำรงชีวิตอยู2ได*ก็เปUนชีวิต
ที่ไม2สมบูรณG ไม2มีความเจริญ ไม2สามารถประสบความสำเร็จใด ๆ ในสังคมได* หนังสือและการอ2านหนังสือจึงมี
ความสำคัญอย2างยิง่

กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย โรงเรียนสตรีศรีสรุ ิโยทัย ๘

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชา ท32201 ภาษาไทยเพอื่ การศกึ ษาค้นคว้า
ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5

จดุ ประสงคข\ องการอ+าน

๑. การอ&านเพื่อหาความร1ู
การอ&านหนังสือจากหนังสือประเภทตำราทางวิชาการ สารคดีทางวิชาการ การวิจัยประเภทต&าง ๆ หรือการอ&านผ&าน
สื่ออิเล็กทรอนิกสA การอ&านจากหนังสือที่มีสาระเดียวกันควรอ&านจากผูDเขียนหลาย ๆ คน เพื่อเปGนการตรวจสอบความถูกตDอง
แม&นยำของเนื้อหา ผูDอ&านจะไดDมีมุมมองที่กวDางขึ้น มีความรอบรูDไดDแนวคิดที่หลากหลาย และไม&ควรอ&านเฉพาะในเนื้อหาวิชา
ท่ีตนชอบเทา& นนั้ ควรอา& นอย&างหลากหลายเพราะความรDใู นวิชาหน่งึ อาจนำไปช&วยเสรมิ ในอกี วิชาหน่ึงไดD
๒. การอ&านเพื่อความบนั เทงิ
การอ&านจากหนังสือประเภทสารคดีท&องเที่ยว นวนิยาย เรื่องสั้น การAตูน บทประพันธA บทเพลง แมDจะเปGนการอ&าน
เพื่อความบันเทิง แต&ผูDอ&านจะไดDความรูDที่สอดแทรกอยู&ในเรื่องดDวย การอ&านประเภทนี้มีขDอควรระวังว&าปRจจุบันหนังสือบางชนิด
มเี นอ้ื หาสาระและรูปภาพทข่ี ดั ตอ& วัฒนธรรมและจารตี ประเพณไี ทย ผDูอา& นจงึ ควรพจิ ารณาเลือกใหดD ี
๓. การอา& นเพ่อื ทราบข&าวสาร ความคดิ
การอ&านหนังสือประเภทบทความ บทวิจารณA ข&าว รายงานการประชุม ขDอควรระวังในการอ&านประเภทนี้ คือ ผูDอ&าน
มักเลือกอ&านสื่อที่สอดคลDองกับความคิดและความชอบของตน จึงทำใหDปUดกั้นการรับรูDและแนวคิดดDานอื่น ๆ ดังนั้น ถDาจะเกิด
ประโยชนAอย&างแทDจริงตDองเลือกอ&านอย&างหลากหลายไม&เจาะจงอ&านเฉพาะสื่อที่นำเสนอตรงกับความคิดของตน เพราะจะทำใหD
มีมุมมองท่กี วาD ง ขน้ึ อนั จะช&วยใหDเรามีเหตผุ ลอืน่ ๆ มาประกอบการวิจารณA วเิ คราะหAไดDลุ&มลึกมากขน้ึ
๔. การอ&านเพื่อจุดประสงคเH ฉพาะแต&ละครง้ั
การอ&านที่ไม&ไดDเจาะจง แต&เปGนการอ&านเปGนครั้งคราวในเรื่องท่ีตนสนใจหรืออยากรูD เช&น การอ&านประกาศต&าง ๆ
การอ&านโฆษณา แผ&นพับ ประชาสัมพันธA สลากยา การอ&านสมุดโทรศัพทAหนDาเหลือง การอ&านข&าวสังคม ข&าวบันเทิง ข&าวกีฬา
การอ&านประเภทนี้มักใชDเวลาไม&นานและไม&กระทำทุกวัน ส&วนใหญ&เปGนการอ&านเพื่อใหDความรูDแนะนำไปใชD หรือนำไปเปGนหัวขDอ
สนทนา บางครัง้ ก็เพือ่ ฆ&าเวลา

__________ __________

__________ __________

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรยี นสตรศี รีสุรโิ ยทยั ๙

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชา ท32201 ภาษาไทยเพ่ือการศกึ ษาคน้ คว้า
ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5

ประเภทของการอ+าน แปลความ

ประเมินคา& จับใจความ

วเิ คราะหH ใช1วิจารณญาณ
ตคี วาม

๑. การอBานแปลความ : การอ2านที่มุ2งให*เกิดความเข*าใจกับเนื้อหา เริ่มจากการแปลคำหรือศัพทGที่ไม2ร*ู

ความหมาย หรือเปUนการแปลศัพทGจากภาษาหนึ่งไปยังอีกภาษาหนึ่ง การถอดคำประพันธG แปลความหมายรูปภาพ
เครอ่ื งหมายต2าง ๆ

คชสีหG _____________________
ราชสหี G _____________________
พยัคฆG _____________________

๒. การอาB นจับใจความ : การอ2านจับใจความเปUนพ้นื ฐานของการอ2านในใจที่มุ2งคณุ คา2 ทางปQญญา

วธิ ีการอา& น
๑) สังเกตส2วนประกอบของงานเขียน เช2น ชื่อเรื่อง คำนำ วัตถุประสงคG ของผู*เขียนว2าเปUนงาน

เกย่ี วกบั อะไร และเขยี นเพอื่ อะไร
๒) วเิ คราะหGจดุ มุ2งหมายงานเขียนว2าเขยี นดว* ยวัตถุประสงคGใด
๓) จัดลำดบั เน้อื หาใหมต2 ามความสำคญั
๔) ใช*การตั้งคำถามกว*าง ๆ ว2าใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย2างไร และทำไม เพื่อหาความสัมพันธGใน

การดำเนินเรอ่ื ง

กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย ๑๐

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ า ท32201 ภาษาไทยเพ่ือการศกึ ษาคน้ ควา้
ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5

๓. การอBานตีความ : การอ2านที่ผู*อ2านจะต*องใช*สติปQญญาตีความหมายของคำและข*อความทั้งหมด

โดยพจิ ารณาถึง ความหมายโดยนัย หรือความหมายแฝงที่ผู*เขียนต*องการจะสื่อความหมาย ซึ่งทั้งนี้ผู*อ2านจะสามารถ
ตีความหมายของคำสำนวนได*ถูกต*องหรือไม2นั้นจำเปUนต*องอาศัยเนื้อความแวดล1อมของข*อความนั้น ๆ บางครั้งต*อง
อาศยั ความร1หู รือประสบการณH

รู1ความหมายคำ

ความหมายโดยตรง ความหมายโดยนยั

๔. การอBานอยBางมีวิจารณญาณ การอ2านชนิดนี้เปUนการอ2านที่ค2อนข*างยาก เพราะต*องใช*การหาเหตุผล

มาใช*ในการวิจารณG
ขอ1 ควรปฏิบัติในการอา& นโดยใช1วิจารณญาณ
๑. พิจารณาความหมายของข*อความทอี่ 2าน
๒. พจิ ารณาความตอ& เน่อื งของประโยคว2ามีเหตผุ ลสอดรบั กันหรือไม2
๓. พจิ ารณาความต&อเนอ่ื งของใจความหลกั และใจความรอง
๔. แยกแยะขอ1 เทจ็ จรงิ ออกจากความคดิ เห็นและความรูส* ึก
๕. พจิ ารณาว2ามีความรเู* นอื้ หา หรอื มคี วามคิดแปลกใหมน& 2าสนใจหรอื ไม2

๕. การอBานวิเคราะหX : การอ2านชนิดนี้เปUนการอ2านเพื่อพิจารณาอย2างถี่ถ*วน เปUนการแยกแยะทำความ

เข*าใจองคปG ระกอบหรอื โครงสร*างของหนงั สือแตล2 ะประเภท
ขอ1 ควรปฏบิ ัตใิ นการอา& นวเิ คราะหH
๑. ศึกษารูปแบบของงานประพนั ธHว2าเปUนรปู แบบใด
๒. แยกเนอ้ื เรื่องออกเปUนสว2 น ๆ ใหเ* หน็ วา2 ใคร ทำอะไร ทีไ่ หน อยา2 งไร เมอ่ื ไร
๓. แยกพจิ ารณาแต&ละสว& นให*ละเอียดลงไปวา2 ประกอบดว* ยอะไรบา* ง
๔. พิจารณากลวิธีในการนำเสนอ

กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรยี นสตรศี รสี ุรโิ ยทยั ๑๑

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ า ท32201 ภาษาไทยเพ่อื การศกึ ษาคน้ ควา้
ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5

๖. การอBานเพือ่ ประเมนิ คณุ คBา

การอ2านวิธีนี้ หมายถึงการที่ผู*อ2านใช1อารมณHความรู1สึกส&วนตัว ในการประเมินค&างานเขียนซึ่งอาจจะมีเรื่อง
ของอารมณGและความรู*สึกส2วนตัวเข*าร2วมด*วย การประเมินคุณคา2 ที่ดีต*องปราศจากอารมณGและในการประเมินคุณค2าน้ัน
ต*องประเมินตามลักษณะของหนังสือด*วย เช2น ถ*าเปUนตำรา เอกสารทางวิชาการต*องประเมินในเรื่องความร*ู
การใช*ภาษา ฯลฯ ถ*าเปUนหนังสือสารคดีหรือบทความ ควรประเมินความคิดเห็นของผู*เขียน หรือหนังสือพิมพG
ตอ* งประเมินจากความนา2 เชอ่ื ถอื ของขา2 ว และอคติของผ*เู ขยี น

การอา& นประเมนิ ค&า มวี ธิ กี ารอ&านดงั น้ี
๑. พิจารณาความถูกต1องของภาษาจากเรื่องที่อ&าน ภาษาที่ไม2ถูกต*องจะทำให*เกิดความคลาดเคลื่อนไปจาก
ความหมายที่แท*จริง ความถูกต*องของภาษามีหลายลักษณะ เช2น การใช*คำผิดความหมาย การเรียงคำในประโยคผิด
การไมร2 *จู ักเวน* วรรคตอน เปนU ต*น นบั เปนU องคปG ระกอบสำคญั ตอ2 การสื่อความหมาย
๒. พิจารณาความต&อเนื่องของประโยค ว2าเปUนข*อความที่ไปกันได* ไม2ขัดแย*งกัน หรือข*อความที่ให*
ความก*าวหน*าแกก2 ัน หากข*อความใดมีเน้ือหาสบั สน ไม2เข*ากับหลกั สามขอ* นใ้ี ห*ถอื ว2าเปUนเร่อื งท่ไี ม2ควรอ2าน
๓. พิจารณาความต&อเนื่องของความหมาย ความหมายที่ต2อเนื่องต*องมีแกนหลักในการเชื่อมโยงความหมาย
เชน2 การเขียนชีวประวัติ อาจใช*ชว2 งเวลาของชีวิตเปUนแกนหลัก เปUนต*น
๔. เมอื่ อ2านแลว* ต*องแยกข1อเทจ็ จริงออกจากความคิดเห็น และความรู*สึก จากเรื่องท่อี า2 น

“ประเทศหนึ่งๆต2างมีระบอบการปกครองแตกต2างกันออกไป ประเทศรัสเซียได*ชื่อว2าเปUน
ประเทศที่ปกครองด*วยระบบสังคมนิยม ไม2มีศาสนา ไม2มีพระมหากษัตริยG ถ*าข*าพเจ*าต*องมีชีวิตอยู2
ที่น่นั คงจะอึดอดั ใจมิใชน2 อ* ย เพราะขา* พเจา* ถือวา2 ทั้งสองสถาบันน้คี อื ศูนยรG วมจิตใจของทกุ คน”

ขอ1 เทจ็ จริง ประเทศหนึ่งๆต2างมีระบอบการปกครองของตนเองไม2เหมือนประเทศอื่น ประเทศ
รัสเซยี มี การปกครองตามระบอบสงั คมนิยม ไมม2 ศี าสนา ไมม2 พี ระมหากษตั รยิ G

ขอ1 คิดเห็น / ความรส1ู กึ ถ*าขา* พเจ*าตอ* งมชี ีวิตอยู2ทนี่ นั่ คงจะอึดอดั ใจมิใชน2 อ* ย
๕. พิจารณาดูความสัมพันธHของหลักการและตัวอย&าง ว2ามีความจริงเพียงไร สมเหตุผลหรือไม2 ก2อนที่จะเชื่อ
ในเร่อื งทอี่ า2 นนั้น
๖. ประเมินข1อเท็จจริง ความคิดเห็น และความรู1สึก วิเคราะหGความเปUนไปในความคิดของผู*เขียน
กบั ความคดิ เหน็ สว2 นตวั ของเรา ผลลพั ธGแห2งการประเมนิ นนั้ จะเปUนความคิดสรา* งสรรคใG หก* ับเราหรือไม2

กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย โรงเรียนสตรีศรสี ุริโยทยั ๑๒

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ า ท32201 ภาษาไทยเพอ่ื การศึกษาค้นควา้
ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 5

การฟ^ง

การฟ]ง หมายถึงการรับสาร หรือเสียงที่ได*ยินทางหู การฟQงอย2างมีจุดมุ2งหมาย มีมารยาทและรู*จักพินิจ

พิเคราะหGเนื้อหาของสาร ที่รับว2ามีข*อเท็จจริง อย2างไร รู*จักจับใจความสำคัญ ใจความย2อย สิ่งเหล2านี้จะช2วยให*ผู*รับสาร
ไดป* ระโยชนGจากการฟQงอยา2 งเตม็ ท่ี (กระทรวงวัฒนธรรม, ๒๕๕๘)

การฟ`งมีความสำคัญมากต&อการติดต&อสื่อสารของมนุษยHในชีวิตประจำวัน ดังจะเห็นว2ามนุษยGใช*เวลาไปกับ
การฟQงมากที่สุดหากเปรียบเทียบกับการพูด การอ2านและการเขียน จอหGน ดับบลิว เคลGทเนอรG พบว2า ผู*ที่สื่อสารนั้น
มีอัตราส2วนของการใช*ทักษะทางภาษา คือ ใช*เวลาในการฟQง ๔๒% การพูด ๓๒% การอ2าน ๑๕% และการเขียน ๑๑%
ซง่ึ ทำให*เห็นวา2 การฟงQ มีความสำคัญในการกำหนดความลม* เหลวหรือความสำเร็จของการสื่อสารอยา2 งมาก

ไดย, ิน ฟ;ง

กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรียนสตรศี รีสุรโิ ยทัย ๑๓

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ า ท32201 ภาษาไทยเพื่อการศึกษาค้นคว้า
ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5

ความมุ่งหมายในการฟงั

๑. ฟQงเพอื่ จับใจความสำคัญของสาระ และใจความรอง
๒. ฟQงเพือ่ จับใจความอย2างละเอยี ดใหเ* ข*าใจเรื่องราวตั้งแตต2 น* จนปลาย เพือ่ ย้ำความเชื่อหรือหาเหตุผลขัดแยง*
๓. ฟQงเพอ่ื ใหเ* กดิ สนุ ทรยี ภาพ ซาบซ้ึงในคณุ คา2 ทางวรรณคดี ดนตรีและคตธิ รรมท้งั หลายท้ังปวง
๔. ฟQงเพ่อื เสรมิ สรา* งสตปิ Qญญา ความร*ู จนิ ตนาการ และความคิดสร*างสรรคG เปนU การฟQงท่ีต*องใช*
วิจารณญาณ เหตุผล ความนกึ คิดประกอบ เพื่อใหเ* กดิ ความร*ูและความคิดรเิ รมิ่
๕. ฟงQ เพื่อการสนทนา และโตต* อบอย2างมปี ระสทิ ธภิ าพ

ระดับของการฟง]
ไดย` นิ

ฟ]ง

ฟง] อยาB งมี
วิจารณญาณ

กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย โรงเรยี นสตรีศรีสรุ ิโยทัย ๑๔

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชา ท32201 ภาษาไทยเพอื่ การศึกษาคน้ คว้า
ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5

การเขียน

แมว* 2าเทคโนโลยจี ะลำ้ หนา* การตดิ ตอ2 สือ่ สารทำไดส* ะดวกรวดเร็วยิง่ ขน้ึ แต2
สิ่งสำคัญที่ช2วยให*การติดต2อสื่อสารถึงกันได*อย2างเข*าใจก็คือ ภาษาเขียนที่ใช1
สื่อสารผ&านเทคโนโลยีที่ทันสมัย การเขียนมีอิทธิพลต2อการรับรู* เพราะการใช*
ภาษาเขยี นทถี่ กู ตอ* งชว2 ยใหก* ารรบั รถ*ู ูกต*องตรงตามจดุ ประสงคGของผ*ูสือ่ สาร

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ( ๒๕๔๖, หน*า ๒๐๓ ) ให*ความหมายของการเขียนว2า เขียน
เปUนคํากริยา หมายถงึ ขีดให*เปUนตัวหนังสอื หรอื เลข ขีดให*เปUนเสน* หรอื รูปวาดต2าง ๆ แตง2 หนงั สือ

วิจิตรา แสงพลสิทธิ์ และคณะ ( ๒๕๒๒, หน*า ๑๓๕ – ๑๓๖ ) ให*ความหมายของการเขียนว2า การเขียน คือ
การแสดงออกเพื่อการสื่อสารอย2างหนึ่งของมนุษยG โดยอาศัยภาษา ตัวอักษร และอุปกรณGอื่น ๆ เปUนสื่อ เพื่อถ2ายทอด
ความรสู* กึ นกึ คิด ความตอ* งการและความเขา* ใจทุกอย2างใหผ* ู*อน่ื ได*ทราบ

จุดมงุ+ หมายของการเขยี น

เลBาเรือ่ ง

อธบิ าย

แสดงความคิดเห็น

จงู ใจ

สรา` งจนิ ตนาการ

กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย โรงเรียนสตรีศรสี ุริโยทยั ๑๕

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชา ท32201 ภาษาไทยเพื่อการศึกษาค้นคว้า
ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5

องคปX ระกอบของการเขยี น

เนอ้ื หา ภาษา
รปู แบบ

รปู แบบการเขยี น ๑. การเลา2 เรื่องชีวประวตั ิ : เลา2 เร่ืองเก่ยี วกับประสบการณGของชีวิตบคุ คล
๒. การเลา2 เรอื่ งทีเ่ ปนU บนั เทิงคดี : เลา2 เร่อื งที่ผู*เขยี นแต2งขึน้
การเขยี นเลา& เรอ่ื ง ๓. การเล2าเรือ่ งสว2 นบุคคล : เล2าเร่อื งเกีย่ วกบั ประสบการณGในชีวิตของผ*เู ขียน
การเขียนอธบิ าย ๑. เปรียบเทยี บความเหมือนและความตา2 ง
การเขียนโนม1 นา1 ว ๒. เรียงความเก่ียวกบั วิธกี าร
การวเิ คราะหHวิจารณงH านเขยี น ๓. เรียงความท่ีเปUนสารสนเทศ
๑. ข*อเขียนทแ่ี สดงความคดิ เห็น ทรรศนะ หรือความเชื่อ
การเขียกานรเเลขยีา+ นเรรื่อายงงานการศกึ ษาค1นคว1า ๒. ขอ* เขยี นที่กลา2 วถึงปQญหาและการแกไ* ข
๓. ขอ* เขยี นท่ีกล2าวถงึ การสนับสนุนและการคัดคา* น
๑. การบรรยายสัน้ ๆ เกยี่ วกับตวั ละคร
๒. การสรปุ โครง
๓. การวเิ คราะหแG กน2 ของเร่ือง

เปUนข*อเขียนที่นำเสนอสารสนเทศ จากแหล2งอ*างอิงที่แตกต2างกัน
จำนวนมากและระบุแหล2งอา* งองิ นั้น ๆ ไว*ด*วย

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย โรงเรียนสตรศี รีสรุ โิ ยทยั ๑๖

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชา ท32201 ภาษาไทยเพื่อการศกึ ษาค้นควา้
ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5

การเขยี นเลาB เร่ือง

การเขียนเล2าเรื่องอาจเปUนการเขียนเกี่ยวกับประสบการณGส2วนตัวหรือเรื่องที่น2าสนใจ การเขียนประเภทน้ี
ส2วนมากใช*บรรยายโวหารและมีอธิบายโวหารประกอบ การเขียนเล2าเรื่องที่เกิดขึ้นจริงอาจไม2ต*องวางโครงเรื่องอย2าง
รัดกุมเช2นเดียวกับการเขียนประเภทอื่น อาจกำหนดโครงเรื่องอย2างง2ายๆ เริ่มต*นจากคำนำ หัวข*อเรื่องหรือลำดับ
เหตุการณG จนถงึ บทสรปุ ขอ* สำคญั อย2ูท่ีวา2 จะเขยี นอย2างไรจึงจะสามารถเลา2 ส่ิงทตี่ อ* งการให*ไดด* ที ี่สดุ เทา2 น้ัน

วิธกี ารเขียนเลา& เรื่อง
๑. เตรยี มเนื้อเร่อื ง
- เลอื กเนอ้ื เรือ่ งหรอื เหตุการณทG น่ี 2าสนใจ
- เรียงลำดับเหตุการณGที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจเริ่มตั้งแต2การนำเรื่องไปสู2เหตุการณGที่ แล*วจบด*วยการสรุป
เปUนข*อคิด ขอ* เตอื นใจ ขอ* เสนอแนะหรอื ทง้ิ ใหค* ิด
- พจิ ารณาเนือ้ เรอื่ งทจ่ี ดั ละดบั ใหม* ีความสั้นยาวพอเหมาะกนั
- เลอื กใชส* ำนวนภาษาให*เหมาะสมกบั เนอื้ เรื่อง
๒. กำหนดโครงเร่ืองทีเ่ ตรียมไว1
การเตรียมโครงเร่ือง : ทีม่ า สถานที่ ผเ1ู กี่ยวขอ1 ง เหตกุ ารณทH ี่เกดิ ผลทีต่ ามมา
๓. ลงมือเรียบเรยี งเนอื้ หา
๔. ใชป1 ระโยคนำเรื่องท่ีชวนใหผ1 ู1อ&านสนใจ เช2น
- เรือ่ งนีไ้ ม2น2าจะเกิดข้ึนได* แตก2 เ็ กดิ ขึ้นแลว* เมอื่ วานนเี้ อง
- กว2าจะเกลย้ี กลอ2 มให*คุณพ2อซอ้ื เครอื่ งรบั โทรทศั นGได* จะตอ* งใชค* วามพยายามอย2างมาก
๕. นำเร่ืองไปสู&จุดสุดยอด ซ่ึงได1แก&จุดท่นี า& สนใจหรือซบั ซอ1 นที่สุดของเรือ่ ง
๖. จบเรือ่ งในลกั ษณะทชี่ วนใหผ1 1อู &านร1สู กึ ว&าข1อขัดแยง1 หรือป`ญหาตา& ง ๆ ไดค1 ลค่ี ลายไปแล1ว
๗. ใช1ถอ1 ยคำสำนวนภาษาใหเ1 หมาะสมแกเ& รือ่ งและตัวละคร
๘. ลีลาการเขยี น
- การเลือกสรรคำ ควรใชค* ำธรรมดางา2 ยๆ ก2อให*เกิดความรส*ู ึก
- ใชภ* าษาท่เี หมาะสม

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนสตรีศรีสุรโิ ยทัย ๑๗

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ า ท32201 ภาษาไทยเพื่อการศึกษาค้นคว้า
ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5

ตัวอยBางการเขยี นเลาB เร่อื ง

"... วันนั้นอากาศมืดครึ้มไปทั่ว ไม2มีแสงแดด "ชีวติ ประจำวนั ท่แี สนเหน็ดเหน่ือย
ทำให*ดูครึ้ม เยือกเย็น ลมเหนือที่เริ่มจะพัดใน เรอ่ื งบางเรอื่ งแคไ2 ด*คนคอยรบั ฟงQ
เดือนตุลาคมหยุดนิ่ง ในวันนั้นแม*ใบไม*สักใบก็ "ชวี ติ ประจำวนั ทแ่ี สนเหน็ดเหน่ือย
ไม2มีกระดิก เสียงนกเล็ก ๆ ที่เคยร*องอย2ูตาม เรือ่ งบางเรื่องแคไ2 ดค* นคอยรับฟQง
พุ2มไม*ก็เงียบหาย ธรรมชาติทั่วกรุงเทพดู กห็ ายเหนื่อยเหมอื นได*ชารGจแบต"
เหมือนจะแสดงความโศกสลด ความวิปโยค
อันยิ่งใหญ2 ชีวิตที่ได*ผ2านมาทั้งหมดดูนาน ไม2ใช2เรื่องง2ายนักที่ได*พบเจอใครสักคนที่เรา
หนักหนา สามารถพูดคุยได*ทุกเรื่อง แชรGเรื่องราวต2าง ๆ
แต2เหตุการณGวันนี้ ก็เหมือนหลักบอกระยะทาง ได*ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องที่ดี ไม2ดี เฮฮา สุข ทุกขG เศร*า
แห2งชีวิต ว2าได*ผ2านพ*นไปอีกระยะหนึ่งแล*ว เหงาใจ หากไม2มีใครสักคน เราสามารถเปUนที่
ระยะต2อไปจะเปUนอย2างไรนั้นดูมืดเหมือนกับ ชารGจแบตใหต* วั เราเองไดเ* ช2นกนั
ความมืดที่ก้นั กางอยู2ข*างหน*า..."
ความสัมพันธGประกอบด*วยคนที่นิสัยต2างกัน
นวนิยาย ส่แี ผน, ดิน บ*าง จึงทำให*มีฝbายหนึ่งเปUนไฟและฝbายหนึ่งคอย
ของ ม.ร.ว.คกึ ฤทธ์ิ ปราโมช เปUนน้ำ แต2หากเราต2างฝbายต2างทำตนให*คล*ายท่ี
ชารGจแบต ชารGจพลังงานให*แก2กันและกัน รับฟQง
และคอยอยู2ข*างๆกัน จะสามารถทำให*ชีวิตมี
กำลังใจในการก*าวต2อไป ความสัมพันธGจะยืนยาว
หรือไมน2 ั้นก็มีความรกั เปนU ตัวปพู ้นื ฐาน

"และความรกั สามารถยืดหยุน& ไดเ1 สมอ"

#Libroadkins
Libro' adkins©๒๐๑๖ quote

กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรียนสตรศี รีสุริโยทัย ๑๘

เอกสารประกอบการเรยี นรายวิชา ท32201 ภาษาไทยเพื่อการศกึ ษาค้นคว้า
ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5

การพูด

สวนิต ยมาภัย (๒๕๒๕) ได*ให*ความหมายของการพูดไว*ว2า "การพูด คือการใช*ถ*อยคำ น้ำเสียง และอากัปกิริยา
ท2าทาง เพ่อื ถา2 ยทอดความคิด ความรู* ความร*ูสกึ และความต*องการของผ*พู ูด ให*ผูฟ* Qงรับรู* และเกิดการตอบสนอง"

จากความหมายดังกล2าวนี้ จะเห็นได*ว2า การพูดเปUนการถ2ายทอดความรู*สึกนึกคิดของตนเองให*ผู*อื่นได*รับร*ู
โดยอาศัย การฝ}กฝน มิใช2เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ธรรมชาติเปUนเพียงผู*ให*อวัยวะที่ใช*สำหรับออกเสียงมาเท2าน้ัน
คนเราถ*าอวัยวะที่ใช*สำหรับออกเสียงไม2บกพร2อง ก็สามารถเปล2งเสียงออกมาได* เปUนเรื่องของธรรมชาติ แต2ที่จะเปล2ง
เสียงออกมาให*เข*าใจในหมู2ชนด*วยกันนั้น ต*องอาศัยการเรียนรู* ถึงภาษาที่ใช*พูดกันในกลุ2ม เพื่อให*พูดได*ดี
บรรลุจุดมงุ2 หมายของการพดู และใชก* ารพูดเปนU ประโยชนGในการดำรงชีวติ ได*

การพดู ก็คือพฤตกิ รรมการส่อื สารของมนุษยH โดยอาศยั ภาษา
ถอ1 ยคำ นำ้ เสยี ง ตลอดจนกิริยาทา& ทาง และอ่ืน ๆ เพ่อื ถา& ยทอด
ความรส1ู ึกนกึ คดิ ของตนแก&ผอ1ู นื่ ให1เกิดผลตอบสนองตามท่ีต1องการ

องคป\ ระกอบของการพูด

ฉัตรสุวรรณ ตนั นะรัตนG (๒๕๒๙:๖) กลา2 วถึงองคปG ระกอบสำคัญของการพูดว2ามสี วนประกอบดงั น้ี
๑. ผู1พูด คือบุคคลที่จะทำให*การพูดประสบความสำเร็จ ผู*พูดที่ดีนอกจาก จะมีบุคลิกภาพที่เหมาะสมแล*ว
ต*องมีความสามารถในการถ2ายทอดความรู*ไปยังผู*ฟQงได*ตรงตามเปJาหมาย รู*จักใช*ภาษา น้ำเสียง และอากัปกิริยาต2าง
ๆ เหมาะสมกลมกลืนกับเนื้อหาที่พูดมีความรู*ในหัวข*อที่จะพูด รวมทั้งรู*จักสังเกตและสามารถเข*าใจถึงปฏิกิริยาของผู*ฟQง
ได*เปUนอย2างดี
๒. ผู1ฟ`ง คือ ผู*รับสารอาจหมายถึงบุคคลเพียงคนเดียวหรือหลายคนก็ได* ผู*ฟQงที่ดีจะต*องรู*ว2าผู*พูดพูดถึงเรื่อง
อะไร สิ่งที่พูดหมายความว2าอย2างไร มีความน2าเชื่อถือมากน*อยเพียงใด รวมทั้งสามารถวิเคราะหGได*ว2าการพูดครั้งนั้น ๆ
มคี วามสมบูรณหG รือไม2เพยี งใด
๓. เนื้อหาสาระ หมายถึง สารที่ผู*พูดส2งไปยังผู*ฟQงโดยผ2านทางประสาท สัมผัส เนื่องจากการพูดจะบรรลุ
จดุ ประสงคGหรอื ไม2นั้น จะตองขึ้นอยกู2 ับเนื้อหาของสารและการทำความเข*าใจของผู*ฟงQ เปUนสำคญั
๔. เครื่องมือในการสื่อความหมาย หมายถึง สื่อหรือสิ่งที่ช2วยถ2ายทอดความร*ูความรู*ความคิดของผู*พูด
ไปยงั ผู*ฟงQ

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรยี นสตรศี รสี ุริโยทยั ๑๙

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ า ท32201 ภาษาไทยเพอื่ การศกึ ษาคน้ ควา้
ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5

วัตถปุ ระสงค\ของการพูด

สุรยี มG าศ บุญฤทธร์ิ 2งุ โรจนG (๒๕๓๘:๑๒) กล2าวถึงความม2งุ หมายของการพดู ไว* ๔ ประการ ดังนี้
๑. การพูดเพอื่ ใหค1 วามร1ู ความคิด ความเข1าใจ
ผู*พูดต*องการให*ข*อมูลที่เปUนความจริง มีเหตูผล อ*างอิง และพิสูจนGได* ต*องมีรายละเอียดพอควรอาจจะมีความคิดเห็น
ของผูพ* ดู แทรกลงไปด*วย
๒. การพูดเพอ่ื จงู ใจ
การพูดเพื่อจูงใจเปUนการพูดที่ต*องการให*ผู*ฟQงเห็นคล*อยตาม เชื่อถือ อาจถึงขั้นเปลี่ยนแปลงความคิด หรือการโฆษณา
ชวนเชอ่ื ตา2 ง ๆ
๓. การพูดเพ่อื ใหค1 วามบันเทิง
การพูดเพื่อให*ความบันเทิง เปUนการพูดเพื่อสร*างความสนุกสนาน บันเทิงอารมณG ผู*พูดจะต*องมีความเข*าใจใน
เรื่องที่พูดเปUนอย2างดีและมีศิลปะในการพูดอย2างสูง มีความเปUนกันเองกับผู*ฟQง ไม2พูดเรื่องเคร2งเครียดหรือน2า
หวาดเสียวมีการใชโ* วหารและสำนวนคำคมสรา* งความบันเทิงใจแกผ2 ูฟ* งQ ด*วย
๔. การพดู เพื่อแสดงความคิดเหน็ ต&อเรอื่ งราวใดเรื่องราวหนึ่ง
การพูดเพื่อแสดงความคิดเห็นต2อเรื่องราวใดเรื่องราวหนึ่ง ที่ผู*พูดต*องการให*ผู*ฟQงสนใจและมีความคิดเห็น
คล*อยตามเพื่อประโยชนGอย2างใดอย2างหนึ่ง ผู*พูดต*องมีความรู*ความเข*าใจในเรื่องที่จะแสดงความคิดเห็นอย2างกว*างขวาง
ผ*พู ูดตอ* งมกี ลวธิ ีการนำเสนอที่ดี จงึ จะสามารถสร*างความเข*าใจและชักจงู ใจจากผฟู* Qงไดเ* ปUนอยา2 งดี

การพูดใหส% มั ฤทธิ์ผล

วิเคราะหHผูฟ1 `ง ใช1ภาษาทเี่ ข1าใจง&าย

- เพศ ทำให(ผูพ( ดู ทราบความคิด รสนิยม ความสนใจ - ใชภ( าษาท่ีเหมาะกับเรื่องที่จะพดู
- วยั วยั ที่แตกต>างกัน ทำใหผ( ฟ(ู Aงมพี ้นื ความรตู( า> งกนั - ตลกได( แต>ไมห> ยาบโลน
- ความสนใจ ความเขา( ใจ และสมาธติ >างกัน - ผกู ประโยคหลายๆ แบบ เพอ่ื ใหน( >าสนใจย่งิ ขึน้
- พ้นื ความรCแู ละประสบการณK แต>ละคนไมเ> หมอื นกัน
ใชศ1 ลิ ปะการแสดง
ใหเ1 กียรตผิ ฟ1ู ง`
การแสดงการพูดเปQนตัวปรุงแต>งการพูดที่เตรียม
- ใชค( ำพูดสุภาพ น้ำเสียงน>ุมนวล เนื้อหาไวอ( ยา> งดีแลว( ให(ดขี ้นึ
- พูดอย>างเต็มใจและจริงใจ
- สบตาผ(ฟู Aงอย>างทวั่ ถึง
- แววตาแสดงความเปนQ มิตร

กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรียนสตรีศรีสุรโิ ยทัย ๒๐

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชา ท32201 ภาษาไทยเพอ่ื การศกึ ษาค้นควา้
ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5

การพูดอธบิ ายและยกตัวอยา+ ง

คำว2า “อธิบาย” พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ( 2546 : 1324 ) ได*ให*ความหมายไว*ว2า
ก. ไขความ , ขยายความ , ช้ีแจง

ฉะนั้นจึงพอสรุปได*ว2า การพูดอธิบาย คือ การชี้แจงนั่งเอง ซึ่งเปUนการพูดที่มุ2งให*ผู*ฟQงเข*าใจเรื่องราวใดเรื่องราว
หนึ่งอย2างถูกต*องชัดเจน โดยมุ2งที่จะบอกว2าสิ่งนั้น ๆ มีลักษณะมีสภาพหรือข*อเท็จจริงเปUนอย2างไร ซึ่งผู*เขียนให*
รายละเอียด เหตุผล ทชี่ ดั เจนน2าเช่ือถอื

วัตถุประสงค\ของการพดู อธบิ าย

เพือ่ ให*ผฟ*ู Qงได*รับความร*แู ละความเขา* ใจ ในเร่อื งทีอ่ ธบิ ายอย2างละเอียด ชดั เจน ถูกตอ* ง ตรงตามที่ผพู* ดู
อธบิ ายต*องการ

วิธีการอธบิ าย

๑. ในการพูดอธิบายเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มีวิธีการพูดที่แตกต2างกันออกไป แล*วแต2เรื่องที่พูดอธิบาย เช2น
อาจอธิบายด*วยการให*คำจำกัดความอธิบายลำดับขั้นตอน อธิบายด*วยการยกตัวอย2าง อธิบายด*วยการเปรียบเทียบ
หรืออธบิ ายดว* ยการช้ีถึงสาเหตุและผลลัพธทG ่ี และในบางเรอื่ งอาจใช*การพดู หลายๆ วิธี รวมกันได*

๒. ใช*ภาษาพูดง2าย ๆ ไม2ใช2คำศัพทGที่ต*องแปลคำโดยไม2จำเปUน พูดให*กระชับ ชัดเจน อาจใช*ภาษาพูด
มาพูดอธิบายได* เพ่ือใหค* ลา* ยกบั การพดู คยุ กัน ซ่งึ จะทำให*ผูอ* า2 นเข*าใจเร่ืองทีจ่ ะอธบิ ายไดเ* รว็ ยิ่งขนึ้

๓. พูดอธบิ ายอยา2 งตรงไปตรงมา ไมอ2 *อมคอ* มวกวนสบั สน ตอ* งพดู ไปตามลำดับขัน้ ตอน

ตวั อยา& ง : ไข&ตkนุ วุ1นเส1น ตน1 ทุนตำ่ ทำกนิ แกจ1 น

สูตรในการทำ “ไข่ตุ๋น” ที่เจ็กจุ่นขายในราคาโถละ 30 บาท จะใช้ไข่ไก่ 2 ฟอง หมูสับ 50 กรัม วุ้นเส้น
เหน็ ทอดหั่น กระเทยี มเจียว ผกั ช้ี พรกิ ช้ฟี า้ สกุ ( แดง )

เขามีเทคนิคในการทำหรือปรุง โดยเอาไข่ไก่ตีเข้ากับน้ำซุป ( น้ำต้มกระดูกหมูหรือกระดูกไก่ก็ได้ ) โดยใช้
สูตรน้ำซุปครึ่งแก้วต่อไข่ไก่ 2 ฟอง ( มากไปไข่ตุ๋นเหลว น้อยไปไข่ตุ๋นแข็งกระด้างไม่ดี ) ตีจนเข้ากัน จากนั้นก็ใส่
ซอสซีอิ๊วขาว พรกิ ไทย ( ไม่ใสน่ ้ำปลาจะทำใหเ้ กิดกลิน่ คาว )

เมื่อเครื่องปรุงไข่ตุ๋นเสร็จแล้วเอาวุ้นเส้นใส่เข้าไปคนให้เข้ากัน แล้วเอาเห็ดหอม พริกชี้ฟ้า ใส่เข้าไป
คล้าย ๆ กับโรยหน้าแล้วนำไปนึ่งในซึ้งนานประมาณ 20 นาที ไข่ตุ๋นก็จะสุกพอดีรับประทานพอยกออกมาจาก
ซึ้งแล้วโรยด้วยผักชี ตักกินร้อนๆ อร่อย…เป็นอาหารเสริมสุขภาพตามคำขวัญที่ว่า … บริโภคไข่ไก่ พลานามัย
สมบรู ณ์ ( ขอ้ สำคัญอยา่ ใส่ผงชูรส )

ปญQ ญา เจรญิ วงศ.G “ทำไดไ* ม2จน.” ไทยรฐั , ๒๑ กุมภาพันธG ๒๕๔๖ , หน*า ๗

กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรียนสตรีศรีสุรโิ ยทยั ๒๑

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ า ท32201 ภาษาไทยเพอื่ การศกึ ษาค้นควา้
ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5

กระบวนการสรา% งทักษะสมั พนั ธท\ างภาษา

คือ กลวิธีอันสัมพันธGกับการใช*ภาษาเพื่อการสื่อสารให*สัมฤทธิ์ผล วิธีการคือนำทักษะการฟQง พูด อ2าน เขียนมา
สัมพันธGกบั ทกั ษะ “การคิด” แลว* ถอดรหสั (Decode) สาระสำคญั ของสาร

การแปลความ : กระบวนการที่มุ2งให*ผู*อ2านเข*าใจถ*อยคำและสาระของสารนั้นอย2างกว*าง ๆ เช2น ทราบนิยาม
ของคำ เปUนตน*

การถอดความ : การกล2าวซ้ำความเดิมโดยเปลี่ยนภาษาให*เข*าใจง2ายยิ่งขึ้น การถอดความไม2จำเปUนต*องแปล
ทุกตวั อักษรแตพ2 ยามยามเกบ็ ความเดิมไว*อย2างครบถ*วน

การย2อความ : การเกบ็ ใจความสำคญั ของเร่ืองแลว* เรยี บเรียงข้นึ ใหมด2 *วยสำนวนภาษาของตนเอง
การจบั ใจความ : การเข*าใหถ* งึ สาระสำคญั แนวคดิ สำคัญของผเ*ู ขียน
การสรปุ ความ : การอ2านที่ต2อเนื่องจากการอ2านจับใจความสำคัญ เมื่อผู*อ2านสามารถจับใจความได* ย2อมสรุป

ประเดน็ สำคัญของการอ2านแตล2 ะคร้งั ได*
การขยายความ : การอ2านเพื่อขยายความคิดของผู*อ2านให*ลึกซึ้งกว*างไกลมากยิ่งกว2าข*อความท่ีอ2านพบ

ทั้งนี้อาจขยายได*โดยเพิ่มเหตุผล ข*อเท็จจริงหรือการยกตัวอย2างประกอบเพื่อให*ชัดเจนและ
เข*าใจงา2 ย

กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย โรงเรียนสตรีศรสี ุริโยทัย ๒๒

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ า ท32201 ภาษาไทยเพอื่ การศกึ ษาคน้ คว้า
ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5

บันทึกเพม่ิ เตมิ
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………

กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย โรงเรยี นสตรศี รีสุรโิ ยทยั ๒๓

เอกสารประกอบการเรยี นรายวชิ า ท32201 ภาษาไทยเพอื่ การศกึ ษาค้นคว้า
ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 5

เอกสารอ`างอิง

กองเทพ เคลอื บพณชิ กลุ . การใช้ภาษาไทย. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์, 2542.
กอบกาญจน์ วงศว์ สิ ิทธ.ิ์ ทักษะภาษาเพือ่ การส่ือสาร. กรงุ เทพฯ: โอเดียนสโตร์, 2551.
กสุ มุ า รกั ษมณ.ี ทกั ษะการสอ่ื สาร. กรงุ เทพฯ: อักษรเจริญทัศน์, ๒๕๓๖.
คณะกรรมการวชิ าภาษาไทยเพื่อการส่อื สาร ศูนย์วชิ าบูรณาการ. ภาษาไทยเพอื่ การสือ่ สาร. พิมพค์ รง้ั ท่ี 7. กรุงเทพฯ :

มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์, 2554.
คณาจารย์ภาควิชาภาษาไทย คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร.์ การใชภ้ าษาไทย 2 . พมิ พ์ครัง้ ท่ี 4.

กรงุ เทพฯ : มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, 2542.
จิรวัฒน์ เพชรรัตน,์ อัมพร ทองใบ. ภาษาไทยเพอ่ื การส่ือสาร. กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร์, 2555.
วจิ ิตร อาวะกุล. เพ่อื การพูด การฟัง และการประชมุ ทดี่ .ี พิมพค์ รง้ั ท่ี 3. กรงุ เทพฯ: ไทยวัฒนาพานชิ , 2534.
สเุ มธ แสงนิม่ นวล. พดู อย่างไรให้สมั ฤทธิผ์ ล. พมิ พ์ครงั้ ที่ 6. กรงุ เทพฯ: บคุ๊ แบงก,์ 2545.
อนุช อาภาภริ ม. การสือ่ สาร : ความพยายามแสวงหาสื่อเพ่ือสาธารณะในโลกยุคไรพ้ รมแดน. กรุงเทพฯ :

มูลนิธิศูนย์สื่อเพ่อื การพัฒนา, 2545.
โอภส์ แก้วจำปา. ภาษาไทยเพื่อการส่ือสารธรุ กจิ . พิมพค์ ร้งั ท่ี 2. กรงุ เทพฯ: โอเดียนสโตร,์ 2553.
Krubow. การอา่ นแปลความ ตคี วาม ขยายความ. [ออนไลน์]. ๒๕๕๓. แหล่งทม่ี า

http://kubow3847.blogspot.com/2010/06/blog-post_06.html. [23 เมษายน 2562]

กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรียนสตรีศรสี รุ ิโยทัย ๒๔

เอกสารประกอบการเรียนรายวชิ า ท32201 ภาษาไทยเพ่ือการศึกษาค้นคว้า
ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย โรงเรียนสตรีศรสี ุรโิ ยทัย
สำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษากรุงเทพมหานคร เขต ๒

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนสตรีศรสี รุ ิโยทัย ๒๕


Click to View FlipBook Version