The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับตั๋วเงิน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pannapa.th, 2021-05-19 02:11:59

หน่วยที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับตั๋วเงิน

หน่วยที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับตั๋วเงิน

หนว่ ยท่ี 1 ความร้ทู ั่วไปเกี่ยวกับต๋วั เงนิ

สาระการเรยี นรู้ 1.ความหมายของตั๋วเงิน
2. ประเภทของตวั๋ เงิน
3. การคานวณวันครบกาหนดของตว๋ั เงนิ
4. การคานวณดอกเบี้ยของตว๋ั เงนิ
5. การคานวณมูลค่าเมื่อครบกาหนดของตั๋วเงนิ

ความหมายของตั๋วเงิน

ตั๋วเงินในทางบัญชี หมายถึง เอกสาร หลักฐานท่ีแสดงถึงการเป็นหน้ี
ระหวา่ งลูกหนี้และ เจ้าหนี้
ตว๋ั เงนิ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 898 บัญญัติว่า
“อนั ว่า ต๋ัวเงิน ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายน้ี มี 3 ประเภท
ประเภทหน่ึงคือ ต๋ัวแลกเงนิ ประเภทหน่ึงคอื ตั๋วสัญญาใช้เงิน ประเภท
หน่ึงคอื เชค็ ”

ความหมายของตั๋วเงิน

จากความหมายดังกล่าว พอจะสรุปลกั ษณะของต๋ัวเงินได้ดงั นี้

1 2 3 4

1. เป็นสัญญาอย่างหน่ึง 2. เปน็ หนงั สอื ตราสาร ซ่ึง 3. สามารถโอนเปลี่ยนมือได้ 4. มีวัตถุแห่งหนี้เป็นเงินตรา
โดยใช้กฎหมายเก่ียวกับ จ ะ ต้ อ ง มี ข้ อ ค ว า ม ห รื อ ด้วยการสง่ มอบหรือการสลัก คือ เงิน (Money) เท่าน้ัน
การทานิติกรรมต่างๆ มา ร า ย ก า ร ที่ ก ฎ ห ม า ย หลังโดยไม่ต้องมีการบอก จ ะ เ ป็ น สิ น ท รั พ ย์ อ ย่ า ง อ่ื น
ใช้ บั ง คับ โ ด ย อ นุโ ล ม กาหนดไว้ครบถ้วน จึงจะ กล่าว เก่ียวกับการโอนต๋ัว ไม่ได้ วัตถุแห่งหนี้ หมายถึง
ย ก เ ว้ น บ า ง ร า ย ก า ร ท่ี มี สมบูรณ์ เงนิ น้ีแกล่ กู หนแ้ี ต่อย่างใด ข้อตกลงท่ีลูกหน้ีจะต้อ ง
กฎหมายเก่ียวกับต๋ัวเงิน ปฏบิ ตั ติ ่อเจา้ หนี้เก่ียวกับการ
บัญญตั ไิ วโ้ ดยเฉพาะ ชาระหน้ี

• Infographic Style 1. ต๋วั แลกเงิน (Bill of Exchange)
2. ตวั๋ สญั ญาใช้เงนิ (Promissory Note)
ประเภทของตว๋ั เงนิ 3. เชค็ (Cheque)

ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์
มาตรา 898 ได้แบง่ ตั๋วเงินเป็น 3 ประเภท

คือ

1. ตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange)

ตัว๋ แลกเงนิ (Bill of Exchange) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 908 ได้บัญญัติ
วา่ “อันวา่ ตว๋ั แลกเงินนัน้ คือ หนังสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้สั่งจ่าย ส่ังบุคคลอีกคน
หนึ่งเรียกว่า ผู้จ่ายเงิน ให้ใช้เงินจานวนหนึ่งแก่บุคคลอีกคนหนึ่งหรือใช้ตามคาสั่งของบุคคลอีกคน
หนง่ึ ซง่ึ เรยี กว่า ผู้รบั เงนิ ”

จากบทบัญญัติข้างต้นจะเห็นได้ว่า ผู้ออกตั๋วแลกเงินหรือผู้ส่ังจ่ายตั๋วแลกเงินคือเจ้าหนี้ ผู้
จ่ายเงินคือลูกหน้ี ซึ่งลูกหน้ีน้ีจะต้องลงช่ือรับรองในต๋ัวจึงจะถือว่าต๋ัวฉบับน้ีสมบูรณ์ตามกฎหมาย
สว่ นผู้รบั เงนิ นั้นจะเป็นฝ่ายกาหนดว่าต๋ัวเงินฉบบั น้มี บี คุ คลเกี่ยวข้องกี่ฝา่ ย

1. ตวั๋ แลกเงิน (Bill of Exchange)

ต๋วั แลกเงนิ 2 ฝา่ ย คือ ต๋ัวเงินทผี่ ้สู ่ังจา่ ยและผูร้ ับเงนิ เป็นบุคคลคนเดยี วกนั

รูปท่ี 1.1 ต๋วั แลกเงิน 2 ฝา่ ย

จากตวั อยา่ งข้างตน้ หมายความว่า นายจรินทร์ จรงุ ใจ ได้ขายสนิ ค้าเช่อื ให้นายวรวฒุ ิ ทรงธรรม
เมือ่ วนั ท่ี 13 พฤษภาคม 25X1 เปน็ เงนิ 90,000 บาท และนายจรนิ ทรไ์ ด้จัดทาต๋วั แลกเงินขน้ึ เพื่อให้
นายวรวฒุ ิลงชอ่ื รบั รองการจา่ ยเงนิ ในวันเดียวกนั นี้

รูปที่ 1.2 แสดงการซือ้ ขายสินคา้ ด้วยต๋วั แลกเงิน 2 ฝา่ ย

ต๋ัวแลกเงนิ 3 ฝ่าย คอื ตว๋ั เงนิ ทม่ี ผี ู้เก่ยี วข้อง 3 ฝา่ ย

ได้แก่
1. ผู้สัง่ จ่าย (ผู้ออกต๋วั หรือเจา้ หน้ี)
2. ผูร้ ับรองตัว๋ (ผจู้ า่ ยเงนิ หรือลกู หนี้)
3. ผูร้ ับเงนิ

ต๋วั แลกเงนิ 3 ฝา่ ย คอื ต๋ัวเงนิ ทมี่ ีผเู้ กย่ี วข้อง 3 ฝา่ ย

รูปที่ 1.3 ต๋ัวแลกเงิน 3 ฝ่าย

จากตวั อยา่ งขา้ งตน้ หมายความวา่ บริษัท ไพศาล จากดั ได้ขายสินค้าเชื่อให้นายธเนศ วรเดช
และนายธเนศก็ได้ขายสินค้าเช่ือให้นายธนิต อบอุ่น ต่อมาเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 25X1นายธเนศ
ได้จัดทาตั๋วแลกเงินขึ้นเพื่อให้นายธนิตลงช่ือรับรองการจ่ายเงินให้แก่ บริษัท ไพศาล จากัด แทนตน
ซ่งึ นายธนติ ได้ลงชื่อรบั รองใน วันท่ี 14 พฤษภาคม 25X1 และได้คนื ตวั๋ เงนิ นใ้ี หน้ ายธเนศ ซ่ึงนายธเนศ
จะได้นาตว๋ั เงินน้ไี ปมอบให้ บริษัท ไพศาล จากัด เพือ่ หักล้างหนีส้ ินของตนในวันต่อไป

ธเนศ วรเดช

ซอื ้ สนิ ค้าเช่ือ ขายสนิ ค้าเชื่อให้

บริษทั ไพศาล จากดั จา่ ยเงินเมื่อครบกาหนด ธนิต อบอนุ่

รปู ที่ 1.4 แสดงการซือ้ ขายสินคา้ ดว้ ยต๋วั แลกเงนิ 3 ฝา่ ย

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 909 ได้กาหนดไว้วา่ ตัว๋ แลกเงนิ นัน้ จะตอ้ ง
มรี ายการดังตอ่ ไปนี้

1. คาบอกชอ่ื วา่ เป็นต๋ัวแลกเงิน
2. คาสง่ั อันปราศจากเง่อื นไขใหจ้ ่ายเงินเปน็ จานวนแนน่ อน
3. ชอ่ื หรอื ยห่ี ้อผูจ้ า่ ย
4. วนั ถึงกาหนดใชเ้ งนิ
5. สถานที่ใชเ้ งิน
6. ช่อื หรือย่ีหอ้ ผูร้ ับเงินหรือคาจดแจ้งวา่ ใหใ้ ช้เงินแกผ่ ู้ถือ
7. วันและสถานทอ่ี อกต๋วั เงิน
8. ลายมอื ชื่อผสู้ ่งั จา่ ย

ถ้าต๋ัวแลกเงนิ ฉบับใด มรี ายการขาดตกบกพรอ่ งไปจากขา้ งต้นตามมาตรา 909 ถือว่า ตัว๋ แลก
เงินฉบับนน้ั ไม่สมบรู ณ์ เวน้ แตจ่ ะเขา้ ในกรณที ี่กาหนดไว้ในมาตรา 910 ดังน้ี

1. ถา้ ตว๋ั แลกเงินน้นั ไมไ่ ดร้ ะบุเวลาว่าใหใ้ ชเ้ งินเม่ือใด ให้ถือวา่ พึงใช้เงนิ เม่ือได้เห็น
2. ถ้าตั๋วแลกเงินน้ันไม่ได้ระบุสถานที่ให้ใช้เงินท่ีไหน ให้ถือเอาภูมิลาเนาของผู้จ่ายเงิน เป็น
สถานที่จ่ายเงิน
3. ถ้าตั๋วแลกเงินน้ันไม่ปรากฏสถานท่ีออกต๋ัวว่าได้ออกตั๋วจากที่ใด ให้ถือว่าตั๋วแลกเงินนั้น
ได้ออก ณ ภูมิลาเนาของผ้ทู ี่ได้สงั่ จ่าย
4. ถ้าต๋ัวแลกเงินนั้นไม่ได้ลงวันท่ีออกต๋ัวว่าได้ออกต๋ัวเม่ือใด ให้ผู้ทรงตั๋วโดยชอบด้วย
กฎหมายคนหนึ่งคนใด ทาการโดยสุจริตจดแจง้ วันท่ีถกู ตอ้ งแทจ้ รงิ ลงไปก็ได้

รปู ท่ี 1.5 ต๋วั แลกเงนิ ธนาคาร

ต๋วั แลกเงิน แบ่งเป็น 2 ชนดิ คอื

1. ต๋วั แลกเงนิ ในประเทศ (Domestic Bill) เปน็ ต๋วั เงินทจี่ ัดทาขึ้นในการชาระหนี้
โดยผู้สั่งจา่ ย ผู้จ่ายเงนิ และผู้รับเงนิ อยูใ่ นประเทศเดียวกนั

2. ต๋ัวแลกเงินต่างประเทศ (Foreign Bill) เป็นตั๋วเงินท่ีจัดทาข้ึนในการชาระหน้ี
โดยผู้สัง่ จ่าย ผู้จ่ายเงิน และผู้รบั เงินอยู่คนละประเทศ

วิธีการใช้ตั๋วแลกเงนิ จะใชช้ าระหนี้
ระหวา่ งลกู หนกี้ ับเจ้าหนี้

2. ต๋วั สัญญาใช้เงิน (Promissory Note)

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 982 ได้
บัญญัติว่า “อันว่าต๋ัวสัญญาใช้เงินน้ัน คือ หนังสือตราสารซ่ึงบุคคล
คนหนึ่งเรียกว่า ผู้ออกต๋ัว ให้คาม่ันสัญญาว่าจะใช้เงินจานวนหน่ึง
ให้แก่บุคคลอีกคนหน่ึง หรือใช้ให้ตามคาสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่ง
เรียกวา่ ผู้รับเงนิ ”

จากบทบัญญัติข้างต้นจะเห็นว่า ตั๋วสัญญาใช้เงินมีบุคคล
เกย่ี วข้อง 2 ฝา่ ย คือ ผู้ออกตวั๋ หรอื ลูกหน้ี และผรู้ บั เงนิ หรือ เจา้ หน้ี

DDDD

D

รปู ที่ 1.6 ตั๋วสญั ญาใชเ้ งนิ

จากตัวอย่างขา้ งต้น หมายความวา่ นายพเิ ชษฐ์ พริ ิยะ ได้ซอื้ สนิ คา้ เชื่อจากบริษทั ไพศาล จากัด
และได้ออกตั๋วสญั ญาใชเ้ งนิ ให้แกบ่ รษิ ทั ไพศาล จากดั เปน็ การชาระหนี้

พิเชษฐ์ พิริยะ ซอื ้ สนิ ค้าเชื่อจาก พิเชษฐ์ พิริยะ
ออกตว๋ั สญั ญาใช้เงินให้

รูปท่ี 1.7 แสดงการซอ้ื ขายสนิ ค้าด้วยตัว๋ สญั ญาใช้เงิน

ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์มาตรา 983 ได้กาหนดไวว้ า่ ต๋วั สัญญาใช้เงนิ น้นั
จะตอ้ งมรี ายการดงั ตอ่ ไปน้ี

1. คาบอกชอ่ื ว่าเป็นตัว๋ สัญญาใชเ้ งิน
2. คามั่นสัญญาอันปราศจากเงอ่ื นไขวา่ จะใชเ้ งินเป็นจานวนแน่นอน
3. วันถึงกาหนดใชเ้ งิน
4. สถานท่ใี ชเ้ งนิ
5. ชอื่ หรอื ยหี่ ้อของผ้รู ับเงิน
6. วนั และสถานท่อี อกตั๋วสญั ญาใช้เงิน
7. ลายมอื ชื่อผ้อู อกตั๋ว

เลขท่ี ............. ตั๋วสัญญาใชเ้ งิน ...................................................
Promissory Note ...................................................

(สถานท่อี อกตว๋ั )

วันท.่ี ..............................................................

.......................วนั จากวนั ท่ีในตวั๋ สัญญาใช้เงิน

ข้าพเจ้า..................................................................................................................................................

สัญญาจะจา่ ยเงนิ .............................................................บาท (...........................................................................)

อัตราดอกเบีย้ รอ้ ยละ .......................................... ต่อปี ใหแ้ ก่ ............................ ณ ...........................................

.................................................

ผอู้ อกตว๋ั

รูปที่ 1.8 ตัว๋ สัญญาใช้เงิน

เลขท่ี 235 ตว๋ั สญั ญาใชเ้ งิน
203 ถนนกรุงเทพกรฑี า แขวงหวั หมาก
เขตบางกะปี กรงุ เทพฯ

วันที่ 15 มถิ นุ ายน 25X1

หกสิบวนั นับแต่วนั นี้ ขา้ พเจา้ ขอสัญญาวา่ จะจ่ายเงนิ ให้นายนิรันดร์ คงกาเนิด

จานวน 5,000 บาท (ห้าพันบาทถ้วน) พรอ้ มดอกเบ้ยี ในอัตรา 12% ตอ่ ปี ทธ่ี นาคาร ไทยพาณชิ ย์ จากดั

สาขาหวั หมาก

วิรตั น์ สนิทใจ

รูปท่ี 1.9 ตั๋วสญั ญาใช้เงนิ

วิธีการใชต้ ั๋วสัญญาใชเ้ งิน

1. ลูกหน้ีจะจัดทาตั๋วสัญญาใช้เงินข้ึน เพ่ือชาระหน้ีค่าสินค้าหรือ
บรกิ ารใหแ้ กเ่ จ้าหน้ี
2. บุคคลใดบุคคลหนึ่งจัดทาขึ้น เพื่อเป็นหลักฐานในกรณีไปกู้ยืมเงิน
จากสถาบันการเงนิ

ข้อแตกตา่ งของต๋วั แลกเงนิ และตั๋วสัญญาใช้เงิน

ต๋วั แลกเงนิ ต๋ัวสัญญาใชเ้ งิน

1. เป็นคาสั่งให้ใชเ้ งนิ ตามนัน้ 1. เปน็ คามั่นสัญญาวา่ จะใช้เงนิ ตามน้ัน

2. มีบคุ คลเกย่ี วขอ้ ง 2 ฝา่ ย หรือ 3 ฝ่ายกไ็ ด้ 2. มีบุคคลเก่ยี วขอ้ ง 2 ฝ่ายเทา่ นนั้

3. เจ้าหน้ีเป็นผู้ออกตั๋ว โดยให้ลูกหนี้เป็นผู้รับรองการ 3. ลูกหนีเ้ ปน็ ผู้ออกตัว๋ ใหก้ บั เจา้ หนี้

จา่ ยเงิน 4. ไมตอ้ งมีการรับรองต๋ัว เพราะลกู หนี้หรอื ผจู้ า่ ยเงินเป็นผู้

4. ลูกหนี้หรือผู้จ่ายเงินต้องลงชื่อรับรองการจ่ายเงินทุก ออกตั๋วเอง

ครง้ั จึงจะสมบรู ณ์ตามกฎหมาย

3. เช็ค (Cheque)

ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 987 บัญญัติไว้ว่า “อัน
ว่า เช็ค น้ันคือ หนังสือตราสารซ่ึงบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้สั่งจ่าย ส่ังธนาคารให้
ใช้เงินจานวนหน่ึงเมื่อทวงถาม ให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง หรือให้ใช้ตามคาสั่งของ
บคุ คลอกี คนหนง่ึ เรยี กวา่ ผู้รับเงิน”

จากบทบัญญตั ขิ ้างต้นจะเห็นว่า เช็คนน้ั มผี เู้ กี่ยวขอ้ ง 3 ฝา่ ย คือ
1. ผู้ออกเช็คหรอื ผ้สู ัง่ จา่ ยเชค็

2. ธนาคาร (ผจู้ า่ ยเงิน)
3. ผู้รับเงิน
ในบางครั้งเช็คอาจจะมีบุคคลเก่ียวข้อง 2 ฝ่ายก็ได้ เช่น กรณีเบิกเงิน
มาใช้เองจะเหน็ วา่ ผ้สู งั่ จ่ายและผรู้ บั เงนิ เป็นบคุ คลคนเดยี วกัน

วธิ ีการใช้เชค็ ผทู้ ่จี ะใชเ้ ชค็ ไดน้ ัน้ จะตอ้ งเปิดบญั ชเี งินฝากกระแสรายวันกับธนาคารพาณิชย์ เม่อื
ต้องการถอนเงนิ จากธนาคารมาเปน็ ค่าใช้จา่ ยต่างๆ กจ็ ะเขยี นเช็คให้ธนาคารเป็นผจู้ า่ ยเงนิ

รูปที่ 1.10 เช็ค

ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 988 บัญญัตไิ ว้ว่า อนั วา่ เชค็ นัน้ จะต้องมี รายการ
ดงั ต่อไปน้ี

1. คาบอกช่อื วา่ เป็นเชค็
2. คาสั่งอันปราศจากเงอ่ื นไขใหใ้ ช้เงินเปน็ จานวนแนน่ อน
3. ชอื่ หรือย่หี ้อและสานกั งานของธนาคาร
4. ช่ือหรอื ย่ีห้อของผ้รู บั เงนิ หรอื คาจดแจ้งวา่ ให้ใชเ้ งนิ แกผ่ ู้ถือ
5. สถานท่ใี ช้เงนิ
6. วันและสถานท่อี อกเช็ค
7. ลายมอื ชอื่ ผสู้ ัง่ จา่ ย

การคานวณวนั ครบกาหนดของต๋ัวเงิน

วิธกี ารคานวณวันครบกาหนดของตวั๋ เงินมี 2 วธิ ี คอื

1. คานวณวนั ครบกาหนดอายตุ ๋ัวทจ่ี ะชาระเงิน
2. คานวณดอกเบยี้ ของต๋วั เงิน

การคานวณวันครบกาหนดอายุตั๋วที่จะชาระเงิน เน่ืองจากต๋ัวบางฉบับผู้ออกต๋ัวหรือ ผู้สั่งจ่ายต๋ัวมิได้
กาหนดวันครบกาหนดอายุต๋ัวท่ีจะชาระเงินไว้ชัดเจนว่า ต๋ัวฉบับน้ันจะครบกาหนด ในวันใด เพราะฉะนั้นจึง
จาเป็นต้องคานวณวันครบกาหนดของตว๋ั ดงั กลา่ ว
ถ้าต๋ัวเงนิ มกี าหนดระยะเวลาเปน็ วนั ใหเ้ รม่ิ นับถัดจากวันทอ่ี อกต๋ัวจนถงึ วันครบกาหนด (ไมน่ บั วันออกตวั๋ )

ตวั อยา่ ง 1.1 ตั๋วเงนิ ลงวันที่ 17 มิถนุ ายน กาหนด 60 วนั ให้หาวันครบกาหนดชาระเงนิ

วิธคี านวณ เดอื น มถิ นุ ายน (30 - 17) = 13 วนั

กรกฎาคม = 31 วัน

สงิ หาคม = 16 วนั
(วนั ครบกาหนด)

วัน รวม = 60

เพราะฉะนนั้ วนั ครบกาหนดชาระเงิน คอื วนั ที่ 16 สงิ หาคม

หมายเหตุ การนบั วนั ปกติให้นับถดั จากวนั ออกตัว๋ เวน้ แต่ จะระบไุ วเ้ ปน็ อยา่ งอื่น เชน่ ให้นบั จากวันรับรองตวั๋

ตัวอยา่ ง 1.2 ตวั๋ เงนิ ลงวันที่ 17 สิงหาคม กาหนดเวลา 30 วัน นบั จากวันรับรองต๋ัว ซึ่งลงชื่อ รับรองต๋ัวใน
วนั ที่ 18 สงิ หาคม ให้หาวันครบกาหนดชาระเงนิ

วิธีคานวณ เดือน สงิ หาคม (31 - 18) = 13 วัน

กนั ยายน = 17 วนั (วันครบกาหนด)

รวม = 30 วนั

เพราะฉะน้ัน วันครบกาหนดชาระเงิน คอื วันที่ 17 กนั ยายน

ถ้าตว๋ั เงินมกี าหนดระยะเวลาเปน็ เดอื น วนั ครบกาหนดของตว๋ั เงนิ จะเป็นวันที่เดียวกัน กับวันท่ีออก
ตวั๋ (วันชนวัน) ยกเว้น วนั สิ้นเดอื น ถา้ ส้ินเดอื นท่คี รบกาหนดมวี ันทน่ี ั้น กใ็ หใ้ ชว้ ันนน้ั (วนั ชนวัน) แต่ถ้าไม่มี
ให้ถอื วันสดุ ทา้ ยของเดอื นนั้นแทน

ตวั อย่าง 1.3 กาหนดเวลาของต๋วั เงนิ วนั ครบกาหนด

ลาดบั วันท่ีออกตั๋วเงิน 3 เดอื น 15 พ.ค.
1. 15 ก.พ. 1 เดือน 28 ก.พ.
2. 28 ม.ค. 1 เดือน 28 ก.พ.
3. 31 ม.ค. 1 เดือน 28 มี.ค.
4. 28 ก.พ. 3 เดอื น 1 ส.ค.
5. 1 พ.ค.

การคานวณดอกเบี้ยของตว๋ั เงนิ

ในกรณีชาระหนีส้ ินระหว่างกันนั้น ถา้ ตวั๋ เงินกาหนดอตั ราดอกเบี้ยไว้ ผจู้ า่ ยเงนิ จะตอ้ ง ชาระ
เงนิ ตามเงนิ หน้าตว๋ั พร้อมทัง้ ดอกเบยี้ เมื่อถึงวนั ครบกาหนด

สตู รในการคานวณดอกเบย้ี ด = ตxปxอ
100

ต = ดอกเบ้ยี

อ = เงนิ ตน้

= ระยะเวลา (ปี)

= อตั ราดอกเบ้ยี

ถ้าต๋ัวเงินกาหนดระยะเวลาเป็นวัน ในการคานวณดอกเบี้ยให้แปลงจานวนวันของต๋ัวเงิน
ให้มรี ะยะเวลาเป็นปี โดยหารด้วย 365 หรือ 360 ซ่ึงใช้หลักเกณฑ์ 1 ปี = 365 วัน แต่เพื่อความสะดวก
ในการคานวณอาจจะใช้ปที างธรุ กิจ คือ 1 ปี = 360 วันกไ็ ด้
ตวั อย่าง 1.4 นายจรัญออกตว๋ั สัญญาใช้เงนิ จานวน 60,000 บาท ตั๋วลงวนั ที่ 24 มิถุนายน

กาหนดระยะเวลา 60 วัน อัตราดอกเบีย้ 15% ต่อปี
การคานวณดอกเบ้ยี จะเป็นดังนี้ ดอกเบย้ี = 60,000 x 60 x 15

365 100
= 1,479.45 บาท

ถ้าต๋ัวเงินกาหนดระยะเวลาเป็นเดือน สาหรับต๋ัวเงินที่มีระยะเวลาเป็นเดือน ให้ใช้เกณฑ์
1 ปี = 12 เดือน

ตวั อยา่ ง 1.5 นายจรญั ออกตวั๋ สญั ญาใช้เงนิ จานวน 60,000 บาท ต๋วั ลงวันท่ี 24 มิถุนายน

กาหนดระยะเวลา 3 เดอื น อัตราดอกเบี้ย 15% ต่อปี

การคานวณดอกเบย้ี จะเป็นดงั นี้ ดอกเบย้ี = 60,000 x 3 x 15

12 100

= 2,250 บาท

ถ้าตวั๋ เงินกาหนดระยะเวลาเป็นปี

ตวั อยา่ ง 1.6 นายจรัญออกตว๋ั สัญญาใชเ้ งินจานวน 60,000 บาท ตวั๋ ลงวนั ท่ี 24 มิถนุ ายน
กาหนดระยะเวลา 3 ปี อตั ราดอกเบ้ยี 15% ตอ่ ปี

การคานวณดอกเบยี้ ตอ่ ปจี ะเปน็ ดงั นี้ ดอกเบี้ย = 60,000 x 1 x 15
= 12 100

9,000 บาท

หมายเหตุ ถ้ากาหนดจา่ ยดอกเบยี้ ปีละครัง้ นายจรัญจะต้องจา่ ยดอกเบีย้ ในวนั ที่ 24
มถิ นุ ายน ปลี ะ 9,000 บาท

การคานวณมลู คา่ เมอื่ ครบ ในการคานวณมูลค่าเมอื่ ครบกาหนดของ
กาหนดของตว๋ั เงนิ ตั๋วเงนิ จาแนกไดต้ ามชนดิ ของตว๋ั เงิน ได้แก่ ตว๋ั
เงนิ ชนิดมดี อกเบี้ย และตว๋ั เงินชนิดไม่มีดอกเบยี้
วิธคี านวณแบง่ เปน็ 2 กรณี คือ

1. มูลคา่ เมอ่ื ครบกาหนดของตั๋วเงิน
ชนดิ มีดอกเบ้ยี หมายถึง จานวนเงนิ หนา้ ต๋วั บวก
ดว้ ยดอกเบีย้ ของตัว๋ เงนิ สาหรับระยะเวลาท่ีถือตัว๋
เงินไว้ในมือ

ตวั อยา่ ง 1.7 กิจการมีตัว๋ เงนิ รับฉบับหนง่ึ จานวน 60,000 บาท ตว๋ั ลงวันที่ 24 มถิ ุนายน 25X1

กาหนดเวลา 60 วัน อตั ราดอกเบ้ีย 15% ต่อปี

การคานวณวนั ครบกาหนด

เดอื น มิถนุ ายน (30-24) = 6 วัน

กรกฎาคม = 31 วนั

สงิ หาคม = 23 วนั (วันครบกาหนด)

รวม = 60 วัน

วนั ครบกาหนดชาระเงินคอื วนั ที่ 23 สงิ หาคม 25x1

การคานวณดอกเบ้ยี ของต๋วั เงิน = เงินหนา้ ตัว๋ x ระยะเวลาของตว๋ั เงนิ x อัตราดอกเบี้ย
= 60,000 x 60 x 15
365 100
= 1,479.45 บาท

ตัวอย่าง 1.7 กจิ การมตี ั๋วเงนิ รบั ฉบบั หนึง่ จานวน 60,000 บาท ตวั๋ ลงวนั ท่ี 24 มิถนุ ายน 25X1
กาหนดเวลา 60 วัน อัตราดอกเบยี้ 15% ต่อปี

การคานวณมลู คา่ เม่อื ครบกาหนดของต๋วั เงิน
การคานวณมลู คา่ เมื่อครบกาหนดของตวั๋ เงนิ = เงินหน้าตว๋ั + ดอกเบ้ียของตั๋วเงนิ

= 60,000 + 1,479.45
= 61,479.45 บาท

2. มลู คา่ เมอ่ื ครบกาหนดของตัว๋ เงินชนดิ ไม่มดี อกเบี้ย หมายถึง จานวนเงินหน้าตั๋ว เมอื่ ถงึ วนั ครบ
กาหนดตามระยะเวลาในต๋วั

จากตวั อย่าง 1.7 ถ้าเป็นตั๋วเงินรับชนดิ ไม่มีดอกเบ้ยี มูลคา่ ของตัว๋ เงนิ เมอื่ ครบกาหนด ในวันที่ 23
สิงหาคม 25X1 จะมคี ่าเท่ากับจานวนเงนิ หนา้ ตว๋ั คือ 60,000 บาท

สรุป หนว่ ยที่ 1

ตั๋วเงนิ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 898 แบ่งเป็น 3 ประเภท คอื
ตัว๋ แลกเงิน (Bill of Exchange)
ตว๋ั สัญญาใช้เงนิ (Promissory Note)
เชค็ (Cheque)

ตัว๋ แลกเงิน แบ่งเป็น 2 ชนดิ คอื
1. ตว๋ั แลกเงินในประเทศ (Domestic Bill)
2. ตวั๋ แลกเงินตา่ งประเทศ (Foreign Bill)
ตวั๋ แลกเงนิ จะมีบคุ คลท่ีเก่ยี วข้องหรอื คสู่ ญั ญา อาจจะเปน็ 2 ฝ่าย หรอื 3 ฝา่ ย

ก็ไดซ้ ่งึ ผ้อู อกตั๋วแลกเงินน้นั จะเปน็ เจา้ หนี้โดยออกให้ลูกหนเี้ ป็นผ้รู ับรองการจา่ ยเงิน

สรุป หนว่ ยท่ี 2

ต๋ัวสญั ญาใชเ้ งนิ จะมบี ุคคลเก่ยี วขอ้ ง 2 ฝ่ายเทา่ นัน้ ซึ่งผูอ้ อกต๋วั สัญญาใช้เงนิ นน้ั จะเปน็ ลูกหนี้
เชค็ ผู้ที่จะใช้เชค็ ได้น้นั จะตอ้ งเปิดบญั ชีเงนิ ฝากกระแสรายวันกับธนาคารพาณิชยซ์ ่ึงเช็คนน้ั จะ
มบี คุ คลเกยี่ วข้อง 2 ฝา่ ย หรือ3 ฝา่ ยกไ็ ด้
การคานวณวนั ครบกาหนดของต๋วั เงิน มี 2 วิธี คือ

คานวณวันครบกาหนดอายตุ ๋ัวทจ่ี ะชาระเงนิ
คานวณดอกเบี้ยของตวั๋ เงนิ


Click to View FlipBook Version