The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

คู่มือ

คู่มือ

นางสาว สธุ มี นต์ นิรธุ

2

เรือ่ ง คู่มือการปฏิบัตงิ านของเลขานุการ

เสนอ
ครปู รยี า ปนั ธิยะ

จดั ทำโดย
นางสาวสธุ ีมนต์ นริ ุธ
เลขที่ 21 สบล. 63.1
สาขาวิชาการเลขานกุ าร

คู่มอื การปฏบิ ัติงานของเลขานกุ าร เลม่ น้เี ป็นสว่ นหนึง่ ของ
วชิ า 30203-2004 การจัดการเอกสารอเิ ล็กทรอนิกส์
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
วิทยาลยั อาชีวศกึ ษาลำปาง



คำนำ

คู่มือการปฏิบัติงานเลขานุการฉบับนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจหลักของงานเลขานุการ
ซ่ึงข้าพเจ้า สุธีมนต์ นริ ุธ นกั ศึกษา สบล.63.1 สาขาวิชาการเลขานกุ าร วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษาลำปาง ได้จัดทำ
เพื่อจัดเก็บข้อมูลความรู้ เกี่ยวกับหลักการ แนวทาง เทคนิค ขั้นตอน วิธีการปฏิบัติงานเพื่อถ่ายทอด
ใหผ้ ปู้ ฏบิ ตั หิ น้าท่ี เลขานกุ าร ไดน้ ำไปประยุกตใ์ ช้ อันจะเป็นประโยชน์ตอ่ การปฏิบตั งิ านให้มีประสิทธิภาพมาก
ยิ่งขน้ึ

ข้าพเจ้า ตระหนักดีว่า การปฏิบัติหน้าที่ “เลขานุการ” เป็นภารกิจที่ต้องมีความเข้าใจในบทบาท
หนา้ ที่ ความรอบรู้ และความรบั ผดิ ชอบ ดังนั้นจึงหวงั วา่ ค่มู อื ปฏิบตั ิงานเล่มนีจ้ ะเป็นประโยชน์แก่ผู้ปฏิบัติงาน
เลขานกุ าร เพือ่ ส่งผลให้การปฏบิ ตั ิงานเลขานุการสำเรจ็ ลุลว่ งด้วยดแี ละมีประสทิ ธิภาพ

ขอขอบคุณ บิดา มารดา ครู อาจารย์ และคุณครูปรียา ปันธิยะ ครูผู้สอน มา ณ ที่นี้ด้วย
ผิดพลาดประการใด ขา้ พเจา้ ขอรับไว้แต่เพียงผ้เู ดยี ว

สธุ มี นต์ นิรุธ
สาขาวชิ าการเลขานุการ

สารบัญ ข

คำนำ หน้า
สารบญั ก
ค่มู อื การปฏิบัตงิ านเลขานุการ ข

การนัดหมาย 1
การใช้ E-mail 3
ความหมายของ E-mail 3
รูปแบบของอเี มล 4
รูปแบบชือ่ Email Address 5
คำย่อท่พี บไดบ้ ่อย ๆ ใน E-mail 5
ประโยชน์ของ E-Mail 6
การจดวาระการประชมุ 6
รูปแบบการจดวาระการประชุม 7
ตวั อย่าง 9
การตดิ ตอ่ ประสานงาน 21
วตั ถุประสงคข์ องการประสานงาน 21
ประโยชนข์ องการประสานงาน 21
องค์ประกอบของการประสาน 22
ปจั จยั ทช่ี ่วยให้เกดิ การประสานงานท่ดี ี 23
ข้อแนะนำในการทำงานรว่ มกบั หนว่ ยงานอืน่ เพือ่ การประสานงาน 23
การประสานงานดว้ ยหนงั สือ 24
การตดิ ต่อดว้ ยตนเอง 24
ข้อจำกัดทเ่ี ป็นอปุ สรรคของการประสานงาน 25
อปุ สรรคของการประสานงาน 25
อ้างองิ 26



1

คูม่ อื การปฏบิ ตั งิ านเลขานุการ

การนดั หมาย

การนัดหมาย (Appointment) เลขานุการจะต้องรับผิดชอบในการจัดการนัดหมาย ตลอดจน
การบันทึกนัดหมายนั้นไว้ เพราะเปน็ สิ่งท่ีจาํ เป็น และต้องกระทำอย่างรอบคอบไม่ควรใช้วิธีจดจํา เพราะอาจ
เกดิ ข้อผดิ พลาดได้ ซ่ึงมขี ้อควรปฏิบตั ิดังน้ี

1. วิธีการนดั หมาย
2.1 การนดั หมายดว้ ยตนเอง คอื ผู้ที่ประสงคจ์ ะขอพบผบู้ รหิ ารมาติดตอ่ ด้วยตัวเอง
2.2 การนัดหมายทางโทรศัพท์ คอื ผทู้ ป่ี ระสงค์จะขอพบผบู้ รหิ ารมไิ ด้มาดว้ ยตนเอง
2.3 การนัดหมายทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) คือ ผู้ที่ประสงค์จะขอพบผู้บริหาร

ใช้เทคโนโลยีด้านการสื่อสารเข้ามาช่วยในการนัดหมาย แต่การนัดหมายในลักษณะนี้ หากผู้บังคับบัญชา
หรอื เลขานกุ าร ไมไ่ ดเ้ ปดิ จดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (E-mail) ก็อาจจะทำให้พลาดการติดตอ่ ได้

2. รปู แบบการลงตารางนัดหมาย
เม่อื เลขานุการได้นาํ เรียนให้ผูบ้ รหิ ารทราบเกี่ยวกับการนัดหมาย และผบู้ ริหารประสงค์ให้บุคคล

เข้าพบ ดังนั้น เลขานุการจำเป็นต้องลงการนัดหมายในการตารางนัดหมาย ซึ่งระบบที่เลขานุการผู้บริหาร
มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ ดำเนนิ การ มี 2 รปู แบบ ดงั น้ี

2.1 การลงตารางนัดหมายในสมุดนัดหมาย
2.2 การลงตารางนัดหมายในระบบ Online ที่ http://www.google.com/calendar/render
ดังภาพตวั อยา่ ง

ภาพท่ี 1.1 ตารางนดั หมายในระบบ Online

ภาพที่ 1.1 การลงตารางการนัดหมาย

2

3. หลักเกณฑ์การขอเขา้ พบ
3.1 การนัดหมายจากบุคคลภายนอก ตอ้ งขอทราบรายละเอียด ชอ่ื นามสกลุ เร่ืองที่ต้องการนัด

หมาย วนั เวลาทข่ี อนดั หมาย รวมถึงสถานทตี่ ิดต่อกลับและหมายเลขโทรศพั ท์ด้วย ทั้งน้ี เพอื่ สอบถามและนัด
หมายวันเวลา และเพอ่ื ให้ตรงกบั ความประสงคข์ องผู้บริหารในการรบั ทราบนัดหมายดว้ ย

3.2 การขอนัดหมายให้ผู้บริหารพบบุคคล ซึ่งสวนใหญ่จะเป็นบุคคลที่มีระดับสูงกว่าผู้บริหาร
ดังนั้น ผ้ทู าํ หนา้ ท่ีเลขานกุ ารจะต้องขอคำปรกึ ษาจากผบู้ รหิ ารและเพือ่ จดั กำหนดวนั เวลาท่สี ะดวกในการขอนดั
หมายอย่างน้อย เวลาซึ่งอาจจะระบเุ วลาท่ีแน่นอนหรือช่วงเวลา เพื่อให้เขาเลือกไดส้ ะดวกขึ้นเช่น “วันจันทร์
ที่ 10 เวลา 11.00 น. หรอื วนั อังคารที่ 11 เวลา 11.00 น.” หรอื “วนั จันทร์ท่ี 10 ช่วงเช้าหรือบ่ายก็ได้”

3.3 กรณีทมี่ บี ุคคลมาติดตอ่ โดยมิไดน้ ดั หมาย ผูท้ ําหนา้ ทีเ่ ลขานกุ ารจะตอ้ งสอบถามกอ่ นว่าบคุ คล
ท่มี าตดิ ต่อไดม้ ีการนัดหมายไว้ล่วงหน้าหรือไม่

3.4 กรณีที่มิได้มีการนัดหมายไว้ และผู้บริหารอยูในสำนักงาน ผู้ทําหน้าที่เลขานุการจะต้อง
เป็นผู้ตัดสินใจเบอ้ื งต้นวา่ สมควรใหพ้ บผบู้ ริหารหรอื ไม่ โดยการตัดสินใจน้นั ไมค่ วรดูจากการแตง่ กายของบุคคล
นั้น หากพิจารณาแล้วว่า บุคคลนั้นไม่สมควรให้เข้าพบ ผูท้ ําหน้าที่เลขานกุ ารจะต้องอธิบายหรือใช้คําพูดให้
เข้าใจว่า ผู้บริหารติดภารกิจอย่างอื่นอยู่ก่อนแล้ว ยังไม่สามารถให้เข้าพบได้ ดังนั้น อาจให้ฝากข้อความ
หรือเอกสารไว้ เพื่อให้ผู้บริหารพจิ ารณาและกำหนดวันนัดหมายในภายหลัง โดยจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหน่งึ
เป็นต้น ส่วนในกรณีที่พิจารณาแล้วว่าสมควรจะนําเรียนผู้บริหารเพื่อพิจารณาอนุญาตให้เข้าพบหรือไม่
ผู้ทําหน้าที่เลขานุการควรจะขอทราบชื่อของผู้มาติดต่อรวมถึงเรื่องที่ขอเข้าพบด้วย เพื่อนําเรียนผู้บริหาร
พิจารณา

3.5 กรณีที่ไม่ได้มีการนัดหมายไว้ และผู้บริหารไม่อยู่ในสำนักงานควรขอทราบชื่อและธุระ
ของผมู้ าตดิ ต่อ และบันทกึ นาํ เรียนใหผ้ บู้ ริหารทราบในภายหลงั

3.6 กรณีที่ได้มกี ารนัดหมายไวล้ ว่ งหน้า ผู้ทําหน้าที่เลขานุการต้องทำหน้าที่นาํ เข้าพบตามเวลา
หรือกอ่ นเวลาหากผูบ้ ริหารสะดวกและไม่มีภารกจิ อ่ืน และผู้ทําหน้าท่ีเลขานุการควรทกั ทาย โดยการเอ่ยนาม
ของผู้ที่มาติดต่อ จะทำให้เขารู้สึกว่าได้รับความสนใจและเอาใจใส่ ทำให้เกิดการประทับใจต่อการต้อนรับ
ของเรา เช่น สวัสดีค่ะ คุณ......ที่นัดไว้ใช่ไหมคะ เชิญนั่งรอสักครู่ค่ะ ดิฉันจะนําเรียนให้ท่านทราบว่าคุณ.....
มาถงึ แล้ว เป็นตน้

3.7 การเรยี นใหผ้ ูบ้ ริหารทราบถึงกำหนดนัดหมาย หากผู้บรหิ ารอยูตามลำพัง อาจเรียนโดยตรง
ด้วยวาจา แต่หากทานกําลังมีแขกหรือมีประชุม ให้ใช้วิธีเขียนบันทึกสั้น ๆ นําเรียน โดยอาจแนบนามบัตร
ของผูเ้ ขา้ พบไปใหผ้ บู้ รหิ ารทราบดว้ ยก็ได้

3.8 กรณีที่ผู้นัดหมายไว้หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบ ใช้เวลาเกินที่นัดหมาย หรือเวลาท่ี
สมควรมาก และผูบ้ ริหารมีภารกิจอืน่ ที่ต้องทำต่อ ควรโทรศพั ทห์ รือเขยี นบนั ทึกส้ัน ๆ เรียนให้ผูบ้ รหิ ารทราบ

3.9 ผู้ทําหน้าที่เลขานุการ จะต้องสามารถจดจําชื่อ และจำบุคคลได้อย่างแม่นยํา
เพอ่ื เปน็ ประโยชนต์ อ่ การตอ้ นรับท่เี หมาะสม และดยี ิ่งข้ึนในโอกาสต่อไป

4. การเล่ือนนัดหมายและการยกเลกิ นดั หมาย
4.1 กรณีที่ผู้บริหารมีความประสงค์เลื่อนนัดหมาย ผู้ทําหน้าที่เลขานุการจะต้องรีบประสาน

กับหน่วยงานหรอื บุคคลให้ทราบโดยด่วน เพือ่ จดั เวลานัดหมายใหม่
4.2 กรณีที่ผู้เข้าพบมีความประสงค์เลื่อนนัดหมาย ผู้ทําหน้าที่เลขานุการจะต้องขอทราบ

รายละเอียดและเหตุผลในการขอเลื่อนนัดหมาย รวมถึงวัน เวลา ที่ประสงค์จะเข้าพบใหม่ เพื่อนําเรียน
ใหผ้ ้บู ริหารทราบ และพจิ ารณาตอ่ ไป

3

4.3 กรณีมีการยกเลิกการนัดหมายไม่ว่าจะเป็นความประสงค์ของผู้บริหารหรือผู้ขอเข้าพบ
ผู้ทาํ หน้าทีเ่ ลขานุการจะตอ้ งรีบประสานและรายงานใหผ้ ู้บริหารและผู้ขอเขา้ พบทราบโดยดว่ น โดยแจ้งเหตุผล
ในการยกเลิกนดั หมายให้ทราบ
หมายเหตุ : ขอ้ ผิดพลาดในการนัดหมายอาจเกดิ ขึน้ ไดจ้ ากสาเหตุ ดังนี้

- ผู้บริหารหรอื ผู้ขอเข้าพบไดต้ ิดตอ่ นดั หมายกนั โดยตรง และอาจไม่ได้แจง้ ให้เลขานกุ ารทราบ
- เล่ือนวนั นัดหมายโดยไมไ่ ดแ้ จ้งเลขานุการ (ทง้ั นี้อาจถอื วา่ ผู้บรหิ ารทราบแลว้ )
- แจ้งเลือ่ นนัดหมายกะทนั หัน
- ไมไ่ ด้ยนื ยนั การนดั หมายอกี ครัง้ ก่อนถึงวนั นดั หมาย
- ไมไ่ ด้ลงเวลานดั หมายในตารางนดั หมายใหเ้ ปน็ ปจั จุบัน

การใช้ E-mail

ภาพท่ี 2.1 การใช้ E-mail
E-mail ถือเป็นสิ่งพื้นฐานที่ใชใ้ นการสื่อสาร ทั้งแบบเป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการ อีกทั้งยังเป็น
การส่อื สารไรพ้ รมแดนทไ่ี มเ่ คยจางหายไปกบั โลกเทคโนโลยีสมัยใหมอ่ กี ด้วย เพราะไมว่ ่าจะผา่ นมากย่ี คุ สมยั E-
mail กย็ งั คงเป็นสิง่ จำเป็นท่ตี อ้ งใชใ้ นการตดิ ตอ่ สอ่ื สารอยู่ดี
E-mail คืออะไร
Electronic-Mail หรือที่หลายคนรู้จักกันในเชื่อ E-Mail คือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ที่ใช้
ในการรับ-ส่ง สือ่ สารกันระหวา่ งบุคคล ซึง่ จะทำการรับ-ส่งผา่ นเครอื ข่ายกลาง น่นั ก็คอื อนิ เตอร์เน็ต (Internet)
โดยการใช้งานเหมือนกับการส่งจดหมายผ่านไปรษณีย์ปกติ คือต้องทำการเขียนข้อความภายใน โดยมีช่ือ
ของผูส้ ่ง ชื่อของผู้รับ จากนั้นคลกิ คำสั่งเพื่อสง่ ขอ้ ความออกไปหาผู้รับ โดยทั้งชื่อผู้สง่ และชื่อผู้รับจะต้องผ่าน
การลงทะเบียน ที่เรียกกันว่า E-mail Address หากกรณีเป็นข้อความที่ผู้รับไม่ได้อนุญาต ข้อความนั้น
จะถูกเรียกวา่ Spam

4

รปู แบบของอีเมล
เมอ่ื คลกิ ไปทตี่ ัวเลือกเพอ่ื เขยี นอีเมลจะพบวา่ มีสว่ นประกอบ 2 ส่วนแยกกันไว้อยา่ งชัดเจน คอื
1. ส่วนหวั หรอื Header มีลกั ษณะเป็นช่องวา่ ง ใหก้ รอกรายละเอยี ดลงไป โดยขอ้ มูลท่ีต้องกรอก
คล้ายกับการจ่าหน้าซองจดหมาย จะประกอบไปด้วย

- ที่อยอู่ เี มลของผสู้ ง่ ซงึ่ ในปัจจุบนั อาจไมป่ รากฏให้เหน็
- ที่อย่อู ีเมลผรู้ บั
- หวั ขอ้ เนือ้ หาภายใน เพื่อใหผ้ ูร้ บั สามารถเขา้ ใจครา่ ว ๆ ถึงหัวขอ้ เรื่องของการสอ่ื สารครงั้ น้ี
2. ส่วนเนอื้ ความ หรือ Body เปน็ สว่ นของเนอ้ื หาทสี่ ามารถพิมพ์ขอ้ ความลงไปได้ เหมือนการพิมพ์
ใน Word อกี ทัง้ ยงั สามารถแนบไฟล์เอกสาร รูปภาพ วีดีโอ หรือลิงคข์ อ้ มลู ตา่ ง ๆ ไปกบั อเี มลเพื่อส่งถงึ ผ้รู บั ได้
รูปแบบการใชง้ านอีเมล
1. การใช้งานแบบปิด หรือ Offline ซึ่งเป็นการใช้งานโดยที่ไม่ต้องทำผ่านเครือข่ายกลาง
(อินเตอร์เน็ต) ซึ่งสามารถทำได้ โดยการดาวน์โหลดดึงข้อมูลในอีเมลมาเก็บไว้ในโปรแกรม หรือภายใน
คอมพิวเตอร์ก่อน เมื่อมีข้อความเข้ามาในอีเมล ทำให้สามารถเปิดดูข้อมูลอีเมลบนเครื่องได้ตลอดเวลา
ถงึ แม้จะไม่มีการเช่อื มตอ่ กบั เครอื ข่ายกลางก็ตาม แตอ่ ย่างไรก็ตามการใช้งานแบบปิดก็ยังมีข้อเสียอยู่ นั่นก็คือ
เมอ่ื ไมม่ ีการเชื่อมตอ่ กบั เครือขา่ ยกลาง หากมีข้อความหรืออีเมลใหม่เขา้ มาก็จะไมม่ ที างทราบขอ้ มูลได้
2. การใชง้ านแบบเปดิ หรือ Online เปน็ การใช้งานแบบปกตทิ ี่ใช้กัน นัน่ คือท้ังผรู้ ับและผู้สง่
มีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายกลางไว้อยู่ ทำให้สามารถรับหรือส่งอีเมลได้เลยทันที ส่วนข้อเสียของการใช้งาน
แบบนี้ ขึ้นอยู่กับการเชื่อมต่อกับเครือข่ายกลาง หากการเชื่อมต่อเกิดปัญหา ก็จะทำให้การรับและส่งอีเมล
มีปัญหาตามไปด้วย
3. การใชง้ านแบบ ยกเลกิ การเช่อื มต่อ หรอื Disconnected เปน็ การผสมกันระหวา่ งการใช้
งานแบบปดิ และแบบเปิด โดยจะอาศยั การเก็บข้อมลู หรืออเี มลเขา้ มาในโปรแกรมกอ่ น ใหผ้ ู้รบั สามารถใช้งาน
แบบปิดเพื่อลดภาระของการเชื่อมต่อ และการทำงานของคอมพิวเตอร์ จากนั้นเมื่อผู้รับต้องการที่
จะแก้ไขข้อความ หรือส่งอีเมลเพื่อตอบกลับผู้ส่ง ก็จะมีการสลับการใช้งานเป็นแบบเปิดให้มีการเชื่อมต่อ
กับเครือขา่ ยกลาง เพือ่ สามารถส่งอีเมลตอบกลับหาผู้สง่ ได้

ภาพที่2.2 รูปแบบการใชง้ านอีเมล

5

รูปแบบชื่อ Email Address
ในการสมัคร Email Address จะมีการกรอกข้อมูลส่วนตัว ทั้งชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด และ ที่อยู่
เพื่อเปน็ การยนื ยันตัวตนของผู้ใช้งาน ในส่วนของชื่อจะเปน็ ตามรปู แบบเดยี วกัน
ส่วนแรก your name คอื ขอ้ ความหรอื ชอื่ ทสี่ ามารถตั้งขึ้นได้ จะสอดคลอ้ งกบั ช่อื ตนเองหรือ ไม่ก็ได้
แต่ชื่อที่ตั้งขึ้นต้องไม่ซ้ำกับชื่อที่มีอยู่ก่อนแล้ว เครื่องหมาย @ สำหรับกั้นระหว่างชื่อกับชื่อเว็บไซต์
domain.com คือ ชื่อเว็บไซต์ที่ใช้ในการสมัครเพื่อให้ได้ Email Address มา ยกตัวอย่างเช่น gmail.com
outlook.com, yahoo.com และ hotmail.com เปน็ ตน้

ภาพที่ 2.3 รปู แบบชื่อ Email
คำยอ่ ทพ่ี บได้บ่อย ๆ ใน E-mail
ส่วนมากคำย่อที่ปรากฏภายในอีเมล จะเป็นคำปกติที่ใช้สื่อสารกันในชีวิตประจำวัน คำย่อเหล่าน้ี
สว่ นมากเป็นภาษาอังกฤษ บางคำต้องมีการเรียนรเู้ พ่ือใหส้ ามารถนำไปใช้อยา่ งถกู ต้อง
- TBA ยอ่ มาจาก To be announced หมายถึง จะประกาศใหท้ ราบภายหลงั
- TBD ยอ่ มาจาก To be determined หมายถึง จะกำหนดทีหลงั
- TBC ยอ่ มาจาก To be confirmed หมายถงึ จะยนื ยนั กลบั มาภายหลงั
- BTW ยอ่ มาจากBy the way หมายถงึ อยา่ งไรก็ตาม หรือ อีกอย่างหนงึ่
- FYI ยอ่ มาจาก For you information หมายถงึ เรยี นใหท้ ราบ แจง้ ใหท้ ราบ หรอื เป็นข้อมลู
- CC ย่อมาจากCarbon copy หมายถงึ สง่ สำเนาถงึ เป็นการส่งโดยใหร้ ับทราบไม่จำเป็นต้องตอบกลบั
- FW ยอ่ มาจาก Forwarded message หมายถงึ การสง่ อเี มลทไี่ ด้รบั มาแล้วให้คนท่เี กย่ี วข้อง
- RE ย่อมาจาก Reply หมายถงึ การตอบกลบั อเี มล

6

ประโยชน์ของ E-Mail
ประโยชน์ของการใช้ E-mail คือมีความรวดเร็วและสามารถส่งข้อความไปหาบุคคลใดก็ได้ทั่วโลก
สามารถรบั และส่งไดท้ ้ัง ข้อความ ไฟล์เอกสาร ไฟลร์ ปู ไฟล์วีดีโอ หรอื ลงิ ค์ขอ้ มูลต่าง ๆ ทำใหป้ ระหยดั คา่ ใชจ้ ่าย
ลดการใช้กระดาษและวสั ดุส้ินเปลอื งไดเ้ ปน็ อย่างดี ทงั้ ยังสามารถสมคั รใช้ Email Address ในการทำธุรกรรม
ต่าง ๆ บนเครือข่ายกลางได้ เช่น Internet Banking, Social Network เป็นต้น เพื่อเป็นการยืนยันตัวตน
ของบคุ คลได้อกี ดว้ ย ท่สี ำคญั ผู้สง่ สามารถส่งเอกสารไดไ้ ม่จำกัด ประหยดั เวลาในการสง่ เพราะสง่ ต่ออเี มลกันได้
และสามารถสง่ ถึงผู้รบั ไดห้ ลายคนพรอ้ มกนั
E-Mail นั้นเป็นเทคโนโลยีที่มีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะมีทั้งความสะดวก
ประหยัดทรัพยากรและยังสามารถใช้ยืนยันตัวตนของผู้ใช้งานได้อีกด้วย จึงถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งในการทำ
ธรุ กรรมตา่ ง ๆ บนโลกเครือขา่ ยอนิ เตอรเ์ นต็ และเปน็ เทคโนโลยที ยี่ ังคงอยตู่ ลอดกาลอีกดว้ ย

ภาพท่ี 2.5 ประโยชน์ของ E-mail

การจดวาระการประชมุ

รายงานการประชุม คือ การบันทึกความคิดเห็นของผู้มาประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมและมติ
ของทป่ี ระชุมไวเ้ ป็นหลกั ฐาน ดังนั้น เมอ่ื มีการประชมุ จึงเปน็ หน้าท่ขี องฝา่ ยเลขานุการที่จะต้องรับผดิ ชอบจดั ทำ
รายงานการประชุม ปัญหาของการเขียนรายงานการประชมุ ทพ่ี บบอ่ ยคอื ไม่รวู้ ธิ กี ารดำเนินการประชุมทถ่ี ูกตอ้ ง
ไม่รู้จะจดอยา่ งไร ไม่เข้าใจประเด็นของเร่ือง ผู้จดบันทึกการประชมุ จะต้องรู้วิธคี ิดก่อนเขียน รู้ลำดับความคดิ
รู้โครงสรา้ งความคดิ ร้อู งคป์ ระกอบเน้อื หา จะทำให้เขียนไดเ้ ข้าใจง่าย ไมส่ บั สนวกวน

7

รปู แบบ ให้จดั รปู แบบดังต่อไปนี้
แบบรายงานการประชมุ

รายงานการประชมุ ……………………………………………………
ครง้ั ท…ี่ ………………..

เมอื่ …………………………….
ณ……………………………………………………………………………….

————————————-
ผมู้ าประชุม……………………………………………………………..……………………………………
ผู้ไม่มาประชมุ (ถ้าม)ี …………………………………………………………………………………….
ผู้เขา้ รว่ มประชุม (ถ้าม)ี ………………………………………………………………………………….
เร่มิ ประชุมเวลา………………………………………
(ขอ้ ความ) ……………………………………………………………………………………………..............................................…….
………………………………………………………………………………………………………………................................................
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เลกิ ประชมุ เวลา……………………………………
ผูจ้ ดรายงานการประชมุ

รายงานการประชุม : ให้ลงชื่อคณะที่ประชุม หรือชื่อการประชุมนั้น เช่น “รายงานการประชุม
คณะกรรมการ……………..”

คร้งั ที่ : การลงครั้งทท่ี ปี่ ระชมุ มี 2 วิธี ที่สามารถเลอื กปฏบิ ตั ิได้ คือ
1. ลงคร้ังทท่ี ี่ประชุมเปน็ รายปี โดยเร่ิมครง้ั แรกจากเลข 1 เรยี งเปน็ ลำดบั ไปจนสน้ิ ปปี ฏทิ นิ ทับเลขปี
พทุ ธศกั ราชท่ีประชุมเม่อื ขนึ้ ปีปฏิทินใหม่ให้ เร่ิมครง้ั ที่ 1 ใหม่ เรยี งไปตามลำดบั เช่น ครงั้ ที่ 1/2564
2. ลงจำนวนคร้งั ทป่ี ระชุมทง้ั หมดของคณะทป่ี ระชมุ หรือการประชมุ น้นั ประกอบกับคร้ังท่ีที่ประชุม
เปน็ รายปี เชน่ ครั้งท่ี 36-1/2564
เมื่อ : ให้ลงวัน เดอื น ปี ที่ประชมุ โดยลงวนั ท่ี พร้อมตัวเลขของวันท่ี ชอื่ เต็มของเดอื นและตวั เลขของ
ปีพทุ ธศักราช เช่น เมือ่ วันท่ี 1 พฤศจิกายน 2544
ณ : ให้ลงช่ือสถานที่ ทีใ่ ช้เปน็ ท่ีประชมุ
ผูม้ าประชมุ : ให้ลงชื่อและ/หรอื ตำแหนง่ ของผู้ไดร้ บั แต่งต้งั เปน็ คณะท่ปี ระชมุ ซ่ึงมาประชุม ในกรณี
ที่เป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนหน่วยงาน ให้ระบุว่าเป็นผู้แทนของหน่วยงานใด พร้อมตำแหน่งในคณะ
ที่ประชุม ในกรณีที่เป็นผู้มาประชุมแทนให้ลงชื่อผู้มาประชุมแทนและลงด้วยว่ามาประชุมแทนผู้ใด
หรือตำแหนง่ ใด หรอื แทนผแู้ ทนหน่วยงานใด
ผู้ไม่มาประชมุ : ให้ลงช่ือหรือตำแหน่งของผู้ท่ีได้รับการแตง่ ตัง้ เป็นคณะที่ประชุม ซึ่งมิได้มาประชมุ
โดยระบุให้ทราบว่าเป็นผู้แทนจากหน่วยงานใด พรอ้ มทงั้ เหตุผลทไี่ ม่สามารถมาประชุม ถ้าหากทราบดว้ ยกไ็ ด้
ผ้เู ขา้ รว่ มประชุม : ใหล้ งชอ่ื หรอื ตำแหนง่ ของผู้ทมี่ ิไดร้ ับการแตง่ ตัง้ เปน็ คณะทีป่ ระชุม ซง่ึ ได้เข้ามาร่วม
ประชุม และหนว่ ยงานที่สังกดั (ถา้ ม)ี
เรม่ิ ประชมุ : ใหล้ งเวลาท่เี รม่ิ ประชมุ
ข้อความ : ให้บันทึกข้อความที่ประชุม โดยปกติดให้เริ่มด้วยประธานกล่าวเปิดประชุมและเรื่อง
ท่ปี ระชมุ กับมตหิ รือข้อสรุปของที่ประชมุ ในแตล่ ะเรื่อง ประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ดงั น้ี

8

วาระที่ 1 เรอ่ื งที่ประธานแจง้ ให้ทป่ี ระชุมทราบฃ
วาระท่ี 2 เร่อื งรบั รองรายงานการประชมุ (กรณเี ปน็ การประชุมทไ่ี ม่ใช่การประชุมครง้ั แรก)
วาระท่ี 3 เรือ่ งท่ีเสนอใหท้ ี่ประชุมทราบ
วาระที่ 4 เรอ่ื งที่เสนอใหท้ ่ีประชมุ พจิ ารณา
วาระท่ี 5 เรอื่ งอนื่ ๆ (ถ้ามี)
เลิกประชุมเวลา : ใหล้ งเวลาทเ่ี ลิกประชุม
ผจู้ ดรายงานการประชมุ : ใหเ้ ลขานุการหรอื ผซู้ ่ึงไดร้ บั มอบหมายใหจ้ ดรายงานการประชมุ ลงลายมอื
ช่ือ พรอ้ มทง้ั พิมพ์ช่อื เต็มและนามสกุล ไวใ้ ต้ลายมอื ชื่อในรายงานการประชมุ ครัง้ นน้ั ดว้ ย
สว่ นประกอบของขอ้ ความในแต่ละเรอ่ื ง ควรประกอบด้วยเนือ้ หา 3 ส่วน คอื
ส่วนท่ี 1 ความเป็นมา หรอื สาเหตทุ ท่ี ำใหต้ ้องมกี ารประชมุ พจิ ารณาเร่อื งนัน้ ๆ
ส่วนท่ี 2 ความคิดเหน็ หรือขอ้ อภิปรายตา่ ง ๆ ซ่ึงคณะทปี่ ระชุมไดแ้ สดงความคดิ เห็นหรือไดอ้ ภปิ ราย
ในเรื่องดงั กลา่ ว
สว่ นท่ี 3 มติท่ีประชมุ ซงึ่ ถอื เปน็ สว่ นสำคญั ท่ีจำเปน็ ต้องระบุใหช้ ัดเจน เพอื่ จะได้ใช้เปน็ หลกั ฐาน
หรอื ใชเ้ ป็นแนวทางในการปฏบิ ตั ิตอ่ เรอ่ื งต่าง ๆ ทีไ่ ด้ประชุม
การจดรายงานการประชมุ อาจทำได้ 3 วิธี คือ
วธิ ีท่ี 1 จดรายละเอียดทกุ คำพูดของกรรมการ หรือผู้เขา้ รว่ มประชมุ ทุกคน พรอ้ มดว้ ยมติ
วธิ ที ี่ 2 จดย่อคำพูดทีเ่ ป็นประเด็นสำคญั ของกรรมการหรือผเู้ ข้ารว่ มประชมุ อนั เป็นเหตุผลนำไปสู่มติ
ของท่ปี ระชุม พรอ้ มด้วยมติ
วธิ ีที่ 3 จดแต่เหตุผลกบั มติของที่ประชุม การจดรายงานการประชุมโดยวิธใี ดน้นั ให้ท่ปี ระชุมนัน้ เอง
เปน็ ผู้กำหนด หรือให้ประธานและเลขานุการของทปี่ ระชุม ปรึกษาหารือกนั และกำหนด
การรบั รองรายงานการประชมุ อาจทำได้ 3 วธิ ี คอื
วิธีท่ี 1 รับรองในการประชุมครั้งนนั้ ใช้สำหรบั กรณีเรอ่ื งเรง่ ด่วนให้ประธานหรอื เลขานุการของท่ี
ประชุม อ่านสรปุ มติทปี่ ระชุมพจิ ารณารบั รอง
วิธีท่ี 2 รับรองในการประชุมครั้งตอ่ ไป ใหป้ ระธานหรอื เลขานุการ เสนอรายงาน การประชมุ ครงั้ ท่ี
แล้วมาให้ทปี่ ระชุมพิจารณารบั รอง
วธิ ที ี่ 3 รบั รองโดยการแจง้ เวยี นรายงานการประชมุ ใช้ในกรณีที่ไมม่ ีการประชมุ ครง้ั ตอ่ ไป หรอื มีแต่
ยงั กำหนดเวลาประชุมครง้ั ต่อไปไม่ได้ หรอื มรี ะยะเวลาหา่ งจากการประชุมคร้งั น้ันมาก ใหเ้ ลขานุการส่งรายงาน
การประชมุ ไปให้บุคคล ในคณะท่ปี ระชุมพจิ ารณารบั รองภายในระยะเวลาทก่ี ำหนด

9

ตัวอย่างเชิญประชมุ

10

ตัวอยา่ งระเบยี บวาระการประชุม

11

ตัวอยา่ งรายงานการประชมุ

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

การตดิ ต่อประสานงาน

การติดตอ่ สอ่ื สารให้เกิดการร่วมมือในการปฏบิ ตั ิงาน มคี วามสอดคลอ้ งกัน สรา้ งระเบยี บในการทำงาน
ใหเ้ ป็นไปในทิศทางเดยี วกนั การดําเนินงานราบรน่ื ไม่เกิดการทำงานซ้ำซอ้ น ขดั แยง้ หรือเหล่อื มลำ้ กนั เพ่ือให้
การ ปฏิบตั ิงานบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคอ์ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ

ภาพท่ี 4.1 การตดิ ตอ่ ประสานงาน
วตั ถปุ ระสงค์ของการประสานงาน
การประสานงานเกิดจากความต้องการให้งานเกิดผลสำเร็จมีคุณภาพตามมาตรฐานเป็นไปตาม
ขอ้ กาํ หนด ประหยดั เวลา ทรพั ยากรในการปฏิบัตงิ าน มีความ สะดวกราบร่ืน และไมเ่ กดิ ปัญหาขอ้ ขดั แย้งซึ่งใน
การประสานงานแต่ละครง้ั มวี ตั ถุประสงคเ์ ฉพาะ ดังนี้

1. แจ้งผเู้ กีย่ วข้องทราบ หรอื ขอความช่วยเหลือ และเพื่อรกั ษาไวซ้ ่งึ ความสมั พันธ์อันดี
2. ขอคาํ ยินยอมหรอื ความเหน็ ชอบ
3. เพอ่ื ให้เกดิ ความเขา้ ใจตรงกัน
4. ขจัดข้อขดั แย้งในการปฏบิ ตั งิ านและเพ่ิมประสทิ ธภิ าพประสทิ ธิผลในการดาํ เนนิ งานขององค์กร
5. ชว่ ยให้การดาํ เนนิ งานเป็นตามแผน และทำใหเ้ กิดการดําเนินงานอย่าง รอบคอบมากยง่ิ ข้นึ
6. ใช้ตรวจสอบอปุ สรรคและซกั ถามปญั หาข้อสงสยั ทเี่ กิดขน้ึ ระหว่างการ ดําเนินงาน
7. เพอื่ ใหง้ านบรรลเุ ปา้ หมายทต่ี ง้ั ไว้
ประโยชนข์ องการประสานงาน
1. ช่วยให้การทำงานบรรลุเปา้ หมายไดอ้ ยา่ งราบร่นื รวดเรว็
2. ช่วยประหยัดเวลาในการทำงาน
3. ชว่ ยประหยัดงบประมาณ วสั ดอุ ปุ กรณใ์ นการดําเนนิ งาน
4. ชว่ ยให้ทกุ ฝ่ายเข้าใจถงึ นโยบายและวัตถปุ ระสงค์ขององคก์ ร
5. ช่วยสรา้ งความสามคั คแี ละความเขา้ ใจในหมคู่ ณะ
6. เสรมิ สรา้ งขวญั กาํ ลงั ใจของผ้ปู ฏบิ ัตงิ าน
7. ช่วยลดข้อขัดแยง้ ในการทำงาน
8. สง่ เสรมิ ผปู้ ฏิบัตงิ านใหร้ จู้ กั การทำงานเปน็ ทีม และเพ่มิ ผลสำเรจ็ ของงาน
9. เกิดความคิดสรา้ งสรรค์ และมกี ารปรบั ปรุงอยเู่ สมอ
10. ปอ้ งกันการทำงานซ้ำซอ้ น
11. ช่วยให้การดําเนินงานเปน็ ไปอย่างมีประสทิ ธิภาพ

22

องคป์ ระกอบของการประสาน
การประสานงานอาจพจิ ารณาองคป์ ระกอบทส่ี ำคญั ไดด้ ังนี้

1. ความร่วมมือจะตอ้ งสร้างสมั พนั ธภาพในการทำงานโดยอาศัยความเขา้ ใจ หรือการตกลงรว่ มกนั
ในการรวบรวมกาํ ลังความคดิ วธิ กี าร เทคนคิ และระดมทรัพยากรเพือ่ สนับสนุนการดําเนินงาน

2. จังหวะเวลาจะต้องปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละคนตาม
กาํ หนดเวลาท่ีตกลงกนั ใหต้ รงเวลา

3. ความสอดคล้อง พจิ ารณาความพอเหมาะพอดี ไมท่ ำงานซ้ำซ้อนกัน
4. ระบบการสอ่ื สาร จะตอ้ งมีการสอ่ื สารทเ่ี ขา้ ใจตรงกนั อยา่ งรวดเร็ว และ ราบร่นื
5. ผู้ประสานงานจะต้องสามารถดึงทุกฝ่ายเข้าร่วมทำงานเพื่อตรงไปสู่จุดหมายเดียวกันตามท่ี
กำหนด

ภาพที่ 4.2 องคป์ ระกอบของการประสานงาน
วัตถปุ ระสงค์ของงาน
ปจั จัยที่มผี ลตอ่ ประสทิ ธภิ าพในการประสานงาน

1. ตอ้ งมกี ารกำหนดหน้าทีก่ ารงานของแตล่ ะสว่ นงานให้ชัดเจน
2. มีระบบการตดิ ตอ่ ส่ือสารทม่ี ีประสทิ ธภิ าพ ทั้งน้ี เทคโนโลยีการสอื่ สาร ที่ทันสมัยเปน็ ปจั จยั ท่ีมี
ผลโดยตรงตอ่ ประสทิ ธิภาพในการประสานงาน
3. การร่วมมอื กันของผปู้ ฏบิ ัตงิ านในการทำงานรว่ มกนั ช่วยให้เกดิ แรงจูงใจ และขวัญกาํ ลงั ใจของ
ผปู้ ฏิบตั งิ าน
4. มีการประชมุ ทมี งาน เพ่ือกำหนดแนวทางการทำงานในการประสานงาน ร่วมกนั ควบค่กู บั การ
ฝึกอบรมพฒั นาทมี งานเพื่อใหท้ ีมงานมคี วามเข้าใจไปในทศิ ทาง เดยี วกัน
5. การมอบอำนาจการตดั สนิ ใจในบางระดบั ให้กบั ผทู้ ําหน้าทปี่ ระสานงาน เปน็ การเพมิ่ คุณคา่ ของ
ผ้ทู าํ หนา้ ทีใ่ หเ้ กิดความม่ันใจและมคี วามคิดรเิ รมิ่
6. การสนบั สนุนการทำงานโดยการมอบเงนิ รางวลั หรอื ของขวัญ เป็นการ กระตนุ้ ใหเ้ กดิ ความ
กระตอื รอื ร้น และสร้างขวัญกําลังใจให้แกผ่ ้ปู ฏบิ ัตงิ าน

23

ปัจจยั ท่ชี ว่ ยให้เกิดการประสานงานท่ีดี
1. ต้องมรี ะบบการติดต่อส่อื สารทีด่ ี

2. ความร่วมมอื ของผูป้ ฏิบตั ิงาน (เป็นไปตามอัตโนมัต)ิ
3. ขวญั กําลงั ใจของคนในองค์การ
4. ผบู้ ังคับบญั ชาหรอื ผบู้ ริหารตอ้ งเป็นผทู้ ม่ี คี วามสามารถ

5. การวางแผนงานที่ดี
ขอ้ แนะนำในการทำงานรว่ มกับหนว่ ยงานอน่ื เพอ่ื การประสานงาน

1. พยายามผกู มิตรในโอกาสแรก

2. หลกี เล่ยี งการนนิ ทาว่ารา้ ยหัวหน้าคนงาน
3. ไมโ่ ยนความผิดไปให้ผอู้ ืน่
4. สรรเสริญหวั หนา้ คนงานอ่นื เม่ือเขาทำความดี

5. ชว่ ยเหลือเมอ่ื มเี หตุฉุกเฉนิ
6. เมอื่ มีงานเกี่ยวข้องกบั หนว่ ยงานอืน่ ควรแจง้ ใหเ้ ขาทราบ
7. รบั ฟังคำแนะนาํ

8. ความเหน็ ของคนอื่น แมเ้ ราจะไมเ่ หน็ ด้วยก็ควรฟงั

ภาพที่ 4.8 ขอแนะนำในการทำงานรว่ มกบั หนว่ ยงานอืน่

ขอแนะนำในการทำงานรว่ มกับหน่วยงานอื่นเพื่อการประสานงานรวมมือระหวา่ งหน่วยงาน
1. ศึกษาเรยี นรขู้ ้ันตอนและวธิ ีการปฏบิ ัตงิ านของหน่วยงานที่เกย่ี วเน่ืองกนั
2. รบั ทราบปญหาอปุ สรรคจุดแข็งจุดออ่ นของหน่วยงานท่ีตองประสานงาน
3. สร้างความคุ้นเคยกบั หวั หนาหนว่ ยงานอ่ืนมีการรวมประชุมหารอื หา ขอกำหนดท่เี ปน็ ท่ยี อมรับ

ระหว่างกนั อาจจดั ให้มกี ารประชมุ สงั สรรค์และ สนั ทนาการรวมกัน
4. เมอ่ื เกดิ เหตกุ ารณเขาใจผิด หรอื มีขอผิดพลาด ใหรบี คนหาสาเหตแุ ละรวม กนั ชว่ ยกนั แกไข
5. มีการวางระบบการตดิ ตามผลการปฏิบัตงิ านระหวางกนั เพอ่ื สรา้ งความรบั รู้ ร่วมกัน

24

การประสานงานด้วยหนังสอื
ใชใ้ นกรณที ี่เปน็ งานประจำที่ท้ังสองหนว่ ยงาน ทราบระเบียบปฏบิ ตั ิอย่แู ลว้ มแี นวทางปฏบิ ัติ ดังน้ี

1. หากเป็นเรอ่ื งใหม่ ควรประสานทางโทรศัพท์กอ่ น
2. ตวั อยา่ งของเรื่องท่อี าจต้องมีหนงั สือตามไปหลงั ประสานงานทางโทรศัพท์ แล้ว เช่น ขอทราบ
ขอ้ มูล ขอหารอื ขอทราบความตอ้ งการ ขอรบั การสนบั สนุน ขอความ อนเุ คราะห์ ฯลฯ
3. หนงั สือทจ่ี ะสง่ ควรตรวจสอบให้ถูกต้องตามระเบยี บงานสารบรรณ
4. การร่างหนังสือขอรับการสนับสนุน ขอความอนุเคราะห์ หรือขอความ ร่วมมือ ควร
ประกอบด้วย

- เหตุท่ีมีหนงั สอื มา
- ใช้ประโยคที่สื่อถึงการให้ความสำคัญกบั หน่วยงานท่ีขอรับการ สนับสนุน/ความอนุเคราะห์
หรือแจ้งความจําเป็นและเร่ืองรางทตี่ ้องการขอความร่วมมือ
- ตั้งความหวงั ทีจ่ ะไดร้ ับการสนับสนุน/ความอนเุ คราะห์หรอื ได้รับความ รว่ มมือ
- แสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ
5. เมื่อได้รับการสนับสนุน การอนุเคราะห์ แล้ว ควรมีหนังสือไปขอบคุณ หน่วยงานนั้น ๆ
เพื่อรักษาความสมั พันธ์อนั ดีไว้สำหรับโอกาสต่อไป

ภาพที่ 4.10 การติดต่อดว้ ยตนเอง
การติดตอ่ ด้วยตนเอง
เป็นการประสานงานที่ดี เพราะได้พบหน้า ได้เห็น บุคลิกลักษณะ สีหน้า ท่าทาง ของผู้ติดต่อ
และมีเวลาในการทำความเข้าใจกนั ไดอ้ ยา่ ง พอเพยี ง การตดิ ตอ่ ด้วยตนเอง มีขอ้ เสยี คอื ใชเ้ วลามาก การติดต่อ
ด้วยตนเองส่วนใหญ่ จะเป็นกรณีที่สำคัญ เช่น เรื่องการกำหนดนโยบาย หรือมีรายละเอียดมาก
เป็นการให้เกียรติ สร้างความรูส้ ึกที่ดี และเป็นการใหค้ วามสำคญั แก่อกี ฝา่ ยหน่ึงในการมาตดิ ตอ่ ประสานงาน
ด้วยตนเอง ซ่ึงมีแนวทางการปฏบิ ัติ ดงั นี้

1. เตรยี มขอ้ มลู หรอื หัวข้อหารอื ใหพ้ รอ้ ม ขอ้ มลู ดงั กล่าวอาจมีการบนั ทกึ ส้ัน ๆ หรอื พมิ พ์
รายละเอยี ด สง่ E-mail ไปล่วงหน้า เพอ่ื ใหอ้ กี ฝ่ายไดเ้ ตรยี มข้อมูลในเบอ้ื งตน้ ได้

2. หากสรปุ ขอ้ หารือไดแ้ ลว้ ควรจัดสง่ เอกสารเพือ่ ยนื ยันอีกคร้ัง

25

ข้อจำกัดทีเ่ ป็นอปุ สรรคของการประสานงาน
1. กำหนดอำนาจหน้าท่ีความรับผิดชอบของหน่วยงานและบุคคลไม่ชัดเจน ส่งผลทำใหเกิดการ

กา้ วก่ายอำนาจหนา้ ทก่ี ารงานระหว่างกนั
2. ความแตกต่างด้านต่าง ๆ ของบคุ คลการขาดมนุษยส์ มั พันธ์อาจทำให้ขาดความเข้าใจอันดี

ตอ่ กันระหว่างผ้ปู ฏิบตั ิงาน
3. การขาดระบบการตดิ ต่อสอ่ื สารที่ดเี ทคโนโลยีการส่ือสารไม่ทนั สมยั หรือแตกตา่ งกนั มาก
4. ความแตกต่างกันในเทคนิคและวิธีปฏิบัติงานในแต่ละหน่วยงานต่างกันรวมทั้งสภาพ

และสิง่ แวดลอ้ ม
5. การดำเนินนโยบายและประสิทธิภาพของหน่วยงานต่างกัน

ภาพท่ี 4.12 อุปสรรคในการประสานงาน
อปุ สรรคของการประสานงาน

1. ขาดความเขา้ ใจอันดตี อ่ กันระหว่างผปู้ ฏิบตั งิ าน
2. การขาดผ้บู งั คับบญั ชาท่มี ีความสามารถ
3. การปฏบิ ัติงานไมม่ ีแผน
4. การก้าวกา่ ยหนา้ ทง่ี านกัน
5. การขาดการตดิ ตอ่ สอ่ื สารที่ดี
6. การขาดการนิเทศงานท่ดี ี
7. ความแตกตา่ งกันในสภาพและสง่ิ แวดลอ้ ม
8. การดำเนนิ นโยบายต่างกัน
9. ประสทิ ธภิ าพของหน่วยงานต่างกนั
10. กำหนดอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบและอำนาจไมช่ ัดเจน
11. ระยะทางติดต่อหา่ งไกลกัน
12. เทคนคิ และวิธีปฏิบตั ิงานในแต่ละหนว่ ยงานต่างกัน

26

อา้ งอิง

www.general.psu.ac.th การนดั หมาย [ระบบออนไลน์] แหล่งท่มี า :
http://www.general.psu.ac.th/pdf/ManualSecretary.pdf (3 กนั ยายน 2564 )

www.1belief.com การใช้ E-mail [ระบบออนไลน์] แหลง่ ทม่ี า :
https://www.1belief.com/article/what-is-email/?fbclid=IwAR1GozQJeVaaEJmVX-
enO8zctC-6w3XeghAa6haWzvgzjTUomeGQiyAVet8 (3 กนั ยายน 2564 )

th.jobsdb.com การจดวาระการประชุม [ระบบออนไลน]์ แหลง่ ทม่ี า : https://th.jobsdb.com/th-
th/articles (3 กันยายน 2564 )

https://ddc.moph.go.th การติดต่อประสานงาน [ระบบออนไลน]์ แหลง่ ที่มา :
https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor2//%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%
E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84 (3 กนั ยายน 2564 )


Click to View FlipBook Version