The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

มนุษย์และวิวัฒนาการของมนุษย์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ranchana.ran123, 2020-11-01 09:11:43

มนุษย์และวิวัฒนาการของมนุษย์

มนุษย์และวิวัฒนาการของมนุษย์



คำนำ

หนงั สือเลม่ น้ีจดั ทำข้ึนเพือ่ เป็นส่วนหน่ึงของวิชำคอมพวิ เตอร์ ช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่6 เพื่อใหไ้ ดศ้ ึกษำหำควำมรู้
ในเร่ืองของวิวฒั นำกำรมนุษยว์ ำ่ มีวิวฒั นำกำรเป็นมำเช่นไร และไดศ้ ึกษำอยำ่ งเขำ้ ใจเพื่อเป็นประโยชน์กบั
กำรเรียน
ผจู้ ดั ทำหวงั วำ่ หนงั สือเล่มน้ีจะเป็นประโยชนก์ บั ผอู้ ่ำน หรือนกั เรียน นกั ศึกษำ ที่กำลงั หำขอ้ มูลเร่ืองน้ีอยู่
หำกมีขอ้ แนะนำหรือขอ้ ผดิ พลำดประกำรใด ผจู้ ดั ทำขอนอ้ มรับไวแ้ ละขออภยั มำ ณ ที่น้ีดว้ ย

รัญชนำ ปันกิติ
ผจู้ ดั ทำ

สำรบัญ ข

เรื่อง หน้ำ
คำนำ
สำรบญั 1
มนุษย์ คืออะไร? 1
ววิ ฒั นำกำร คืออะไร? 2
หลกั ฐำนทำงวิทยำศำสตร์ 7
ประวตั ิกำรศึกษำวิวฒั นำกำรมนุษย์ 10
ควำมเปล่ียนแปลงทำงกำยวภิ ำค 14
กำรใชเ้ คร่ืองมือ 15
เครื่องมือหิน 17
มนุษยก์ บั ไฟ 17
กำรเปลี่ยนมำมีพฤติกรรมปัจจบุ นั 19
ววิ ฒั นำกำรของมนุษยใ์ นเร็ว ๆ น้ีและในปัจจบุ นั

1

มนุษย์และววิ ฒั นำกำรของมนุษย์

มนุษย์ คืออะไร?

มนุษย์ (ช่ือวิทยำศำสตร์: Homo sapiens, ภำษำละตินแปลวำ่ "คนฉลำด" หรือ "ผมู้ ีปัญญำ") เป็นสปี ชีส์เดียวที่ยงั มีชีวิตอยใู่ น
สกลุ Homo. ในทำงกำยวิภำค มนุษยส์ มยั ใหมถ่ ือกำเนิดข้นึ ในทวีปแอฟริกำรำว 200,000 ปี ที่แลว้ และบรรลุควำมนำสมยั
ทำงพฤติกรรม (behavioral modernity) อยำ่ งสมบรู ณ์เมื่อรำว 50,000 ปี ท่ีแลว้

ววิ ฒั นำกำร คืออะไร?

วิวฒั นำกำร ในควำมหมำยทว่ั ไป หมำยถึง กำรเปลี่ยนแปลงจำกสภำพหน่ึงไปสู่อีกสภำพหน่ึง ในลกั ษณะจองกำรคอ่ ย
เป็นคอ่ ยไปตำมลำดบั ข้นึ โดยอำศยั ระยะเวลำอนั ยำวนำน วิวฒั นำกำรของสิ่งมีชีวติ จึงหมำยถึงกำรเปลี่ยนแปลงทีละนอ้ ยจำก
สิ่งมีชีวิตด้งั เดิมสืบต่อกนั มำจนกลำยเป็นสิ่งมีชีวิตในปัจจุบนั ที่แตกตำ่ งจำกสิ่งมีชีวติ ด้งั เดิมอนั เป็นผลจำกพนั ธุกรรมและ
สิ่งแวดลอ้ ม ดอบซำนสกี (Dobzhansky) นกั พนั ธุศำสตร์และววิ ฒั นำกำรชำวรัสเซีย ไดก้ ล่ำวไวด้ งั น้ี “ววิ ฒั นำกำรของ
ส่ิงมีชีวิต คือกระบวนกำรเปล่ียนแปลง

ส่วนประกอบของพนั ธุกรรมของประชำกรที่เกิดข้นึ ต่อเน่ืองกนั โดยกำรเปล่ียนแปลงน้ีอำจเกิดข้นึ เพียงบำงส่วนหรือ
ท้งั หมดอนั เป็นผล มำจำกปฏิกิริยำที่ส่ิงมีชีวติ มีกำรปรับตวั ใหเ้ หมำะสมกบั ส่ิงแวดลอ้ ม กระบวนกำรน้ีเมื่อเกิดข้นึ แลว้ จะไม่
มีกำยอ้ นกลบั เป็นอยำ่ งเดิมอีก”

2

หลกั ฐำนทำงวิทยำศำสตร์

หลกั ฐำนทำงอณูชีววทิ ยำ

สำหรับสตั ว์ (รวมท้งั มนุษย)์ ที่ยงั มีชีวิตอยู่ หรือสำหรับสตั วท์ ่ีสูญพนั ธุแ์ ลว้ (รวมท้งั สำยพนั ธุ์ต่ำง ๆ ของมนุษย)์ แตย่ งั หำ
สำรอนิ ทรียท์ ี่ประกอบดว้ ยดเี อน็ เอได้ หลกั ฐำนทำงอณูชีววิทยำน้นั สำมำรถให้ขอ้ มูลต่ำง ๆ เก่ียวกบั วิวฒั นำกำรของมนุษย์
โดยใชป้ ระกอบร่วมกบั ขอ้ มูลซำกดึกดำบรรพแ์ ละขอ้ มลู สตั วท์ ี่มีอยใู่ นปัจจบุ นั ดงั ต่อไปน้ี คือ

- ช่วงเวลำที่สัตว์ (รวมท้งั มนุษย)์ สองพนั ธุ์ โดยเฉพำะพนั ธุท์ ่ีใกลช้ ิดกนั
- เกิดกำรแยกสำยพนั ธุ์กนั (เช่นกำรแยกสำยพนั ธุข์ องมนุษยจ์ ำกลิงชิมแปนซี) หรือ
- มีบรรพบุรุษสุดทำ้ ยร่วมกนั (เช่นมนุษยป์ ัจจบุ นั มีบรรพบุรุษหญิงร่วมกนั สุดทำ้ ยที่ 90,000-200,000 ปี ก่อน)
- ควำมสมั พนั ธ์ทำงกรรมพนั ธุร์ ะหวำ่ งพนั ธุ์สตั ว์ (รวมท้งั มนุษย)์ ท่ีสำมำรถใชใ้ นกำรสร้ำงตน้ ไมส้ ำยพนั ธุ์ (เช่น

มนุษยม์ ีควำมสมั พนั ธท์ ่ีใกลช้ ิดกบั ลิงชิมแปนซีมำกกวำ่ ลิงกอริลลำ)
- ยีนของสตั วน์ ้นั อำจแสดงลกั ษณะทำงพนั ธุกรรมที่ปรำกฏ (ซ่ึงเริ่มกำรสั่งสมหลกั ฐำนต้งั แตป่ ี ค.ศ. 2001)
- ทำงกำยภำพ (เช่นสณั ฐำนของอวยั วะตำ่ ง ๆ)
- ทำงสรีรภำพ เช่นระบบกำรทำงำนของร่ำงกำย
- ทำงพฤติกรรม

โดยท่ีสองขอ้ แรกไดช้ ่วยควำมเขำ้ ใจในเรื่องต่ำง ๆ เกี่ยวกบั วิวฒั นำกำรมนุษยใ์ หด้ ีข้นึ แลว้ และขอ้ สุดทำ้ ยอำจมีประโยชนย์ ่ิง
ๆ ข้นึ ตอ่ ๆ ไปในอนำคต

หลกั ฐำนทำงอณูชีววิทยำ ไดใ้ ห้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั วิวฒั นำกำรมนุษยม์ ีตวั อยำ่ งสำคญั ๆ ดงั ต่อไปน้ี

- สกลุ สตั วท์ ่ียงั ไมส่ ูญพนั ธุท์ ี่ใกลก้ บั มนุษยท์ ่ีสุดเป็นลิงโบโนโบ ลิงชิมแปนซี (ท้งั สองในสกุล Pan) และลิงกอริลลำ
(สกุล Gorilla) กำรหำลำดบั ดีเอน็ เอในจีโนมของท้งั มนุษยแ์ ละลิงชิมแปนซี พบวำ่ มีควำมคลำ้ ยคลึงกนั ถึง
ประมำณ 95-99% เป็นควำมคลำ้ ยคลึงกนั ที่แสดงถึงควำมมีสำยพนั ธุเ์ ป็ นพ่นี อ้ งกนั (sister taxon) หรือแมแ้ ต่อยใู่ น
สกุลเดียวกนั

- โดยใชเ้ ทคนิคท่ีเรียกว่ำ molecular clock (นำฬิกำอำศยั โครงสร้ำงโมเลกลุ ) ซ่ึงใชป้ ระเมินระยะเวลำกำรแยกสำย
พนั ธุ์ โดยวดั เวลำก่อนที่กำรกลำยพนั ธุท์ ี่ไม่เหมือนกนั ของสำยพนั ธุส์ องสำยพนั ธุ์จะส่ังสมจนมำถึงในระดบั
ปัจจบุ นั ไดม้ ีกำรพบว่ำ กำรแยกสำยพนั ธุข์ องมนุษยแ์ ละสำยพนั ธุ์ของลิงชิมแปนซี ไดอ้ ยใู่ นช่วงเวลำประมำณ 4
ถึง 8 ลำ้ นปี ก่อนซ่ึงอยใู่ นช่วงปลำยสมยั ไมโอซีน (ซ่ึงเป็นส่วนปลำยของยคุ นีโอจีน)

- จีโนมของมนุษยน์ ้นั มีท้งั ส่วนที่มกี ำรแสดงออกเป็นลกั ษณะสืบสำยพนั ธุ์ (trait) และมีบำงส่วนที่ไม่มีกำร
แสดงออก ส่วนที่ไมม่ ีกำรแสดงออกสำมำรถใชใ้ นกำรสืบหำสำยตระกลู ได้ คือในส่วนที่ไมท่ ำให้เกิดลกั ษณะ
สืบสำยพนั ธุ์ กำรกลำยพนั ธุ์แบบ Single-nucleotide polymorphism คอื มีเบสดเี อน็ เอเปล่ียนไปเบสเดียว จะสืบ
ต่อไปยงั ลูกหลำนของบคุ คลน้นั ท้งั หมด แต่ไม่มีในมนุษยก์ ลุ่มอนื่ ดงั น้นั สำยตระกูลของบคุ คลน้นั กจ็ ะสำมำรถ
ติดตำมไดส้ ่วนดีเอน็ เอในไมโทคอนเดรีย (mitochondrial DNA ตวั ยอ่ mtDNA) น้นั สืบสำยมำจำกมำรดำเทำ่ น้นั

3

จึงไม่เกิดกำรคดั เลือกทำงเพศ นอกจำกน้นั แลว้ ยงั เป็นดีเอน็ เอทเี่ กดิ กำรกลำยพนั ธุใ์ นอตั รำควำมถี่สูง ทำให้
สำมำรถใชป้ ระเมินเวลำกำรแยกสำยตระกลู (หรือสำยพนั ธุ)์ ไดด้ ี
- ผลงำนวิจยั เก่ียวกบั mtDNA หลำยงำนแสดงว่ำ หญิงที่เป็นตน้ ตระกลู ของมนุษยป์ ัจจบุ นั ท้งั หมด ซ่ึงเป็นหญิง
ที่เรียกว่ำ mitochondrial Eve (เอวำโดย mtDNA) มีชีวิตอยปู่ ระมำณ 90,000-200,000 ปี ก่อน[48][49][50] น่ำจะใน
แอฟริกำตะวนั ออกซ่ึงเป็นหลกั ฐำนท่ีใหน้ ้ำหนกั กบั ทฤษฎีกำเนิดมนุษยจ์ ำกแอฟริกำเร็ว ๆ น้ีมำกข้นึ
- ผลงำนวิจยั โดยจีโนมในปี ค.ศ. 2010 บอกเป็นนยั ว่ำ มีลำดบั ดเี อน็ เอหลำยส่วนที่มีตน้ กำเนิดจำกมนุษย์
โบรำณ Homo neanderthalensis (องั กฤษ: Neanderthal) ในดีเอน็ เอของมนุษยป์ ัจจบุ นั ทกุ เผำ่ พนั ธุ์ท่ีไม่ใช่คน
แอฟริกำ และว่ำ Neanderthal และมนุษยส์ กลุ โฮโมสกลุ อื่น ๆ เช่นกล่มุ มนุษยโ์ บรำณที่รู้จกั กนั ว่ำ Denisova
hominin (องั กฤษ: Denisovan) เป็นตน้ กำเนิดจีโนมถึง 1-10% ของจีโนมมนุษยป์ ัจจุบนั ซ่ึงบอกเป็นนยั วำ่ มีกำร
ผสมพนั ธุ์กนั ระหวำ่ งมนุษยป์ ัจจบุ นั และมนุษยโ์ บรำณเหล่ำน้ี

สาขาต่าง ๆ ของเอป (hominoid) ทย่ี งั มอี ยู่ คอื มนษุ ย์ (สกุลโฮโม) ลิงชิมแปนซแี ละลิงโบโนโบ (สกุล Pan) ลิงกอริลลา (สกลุ Gorilla) ลิง
อรุ งั อตุ งั (สกลุ Pongo) และชะนี (สกุล Hylobates) ทุกสกลุ ยกเวน้ ชะนเี รียกว่า hominid ***ใหส้ งั เกตว่า การใชค้ าว่า "Hominini"
เพ่อื รวมสกุล Homo กบั Pan นน้ั มใี ชเ้ ป็นบางที่ แต่ไมไ่ ดใ้ ชใ้ นบทความนี้

ตน้ ไม้ Mitochondrial DNA ของมนุษย์ "Mitochondrial Eve" อยูเ่ กือบบนสดุ ติดกบั ลกู ศรขาด
ๆ ทีช่ ไี้ ปท่ี "Outgroup" โดยระยะห่างจากกล่มุ ท่ีไม่ใชค่ นแอฟรกิ าเป็นตวั ชวี้ า่ สายพนั ธทุ์ างไมโทคอนเดรีย
ของมนุษยจ์ ะรวมตวั ลงทแี่ อฟริกา

4

หลกั ฐำนจำกซำกดึกดำบรรพ์

ดึกดำบรรพห์ มำยถึงส่วนที่หลงเหลืออยู่ หรือร่องรอยของพชื และสัตว์ (รวมท้งั มนุษย)์ ท่ีเกิดกำรเกบ็ รักษำไวใ้ นช้นั หิน
ส่วนซำกดึกดำบรรพช์ ่วงเปล่ียนสภำพ (transitional fossil) หรือเรียกอกี อยำ่ งหน่ึงว่ำ สปี ชีส์ในระหว่ำง (intermediate ซำก
species) เป็นซำกดึกดำบรรพข์ องสิ่งมีชีวิตท่ีมีลกั ษณะสืบสำยพนั ธุ์ (trait) ที่เหมือนกนั กบั ของท้งั สัตวก์ ลุม่ บรรพบุรุษ และ
ของสตั วก์ ลมุ่ ลกู หลำนท่ีสืบเช้ือสำยตอ่ จำกกลมุ่ บรรพบรุ ุษ เป็นหลกั ฐำนสำคญั ที่สำมำรถใชแ้ สดงและติดตำมววิ ฒั นำกำร
ของสัตว์ เม่ือดำร์วินประกำศทฤษฎีววิ ฒั นำกำรในปี ค.ศ. 1859 หลกั ฐำนทำงซำกดึกดำบรรพช์ ่วงเปลี่ยนสภำพมีนอ้ ยมำก
จนเขำไดก้ ลำ่ วไวว้ ่ำ "...เป็นขอ้ โตแ้ ยง้ ท่ีเห็นไดง้ ่ำยท่ีสุดที่สำหสั ท่ีสุดตอ่ ทฤษฎีของผม..." ต้งั แตน่ ้นั มำ ก็ไดม้ ีกำรสง่ั สม
หลกั ฐำนทำงซำกดึกดำบรรพม์ ำกมำยที่สำมำรถช่วยช้ีโครงสร้ำงกระบวนกำรววิ ฒั นำกำรของมนุษยไ์ ดอ้ ยำ่ งคร่ำว ๆ

หลกั ฐำนทำงซำกดึกดำบรรพน์ ้นั สำมำรถใหข้ อ้ มลู โดยหลกั ๆ มีตวั อยำ่ งดงั ตอ่ ไปน้ี

- ซำกดึกดำบรรพข์ องสำยพนั ธุ์มนุษย์ ซ่ึงสำมำรถช้ีกระบวนกำรวิวฒั นำกำรของมนุษยเ์ ช่น
- ลำดบั กำรววิ ฒั นำกำรทำงโครงสร้ำงจำกสตั วค์ ลำ้ ยลิง มำเป็นมนุษยป์ ัจจุบนั (ดูหวั ขอ้ "ซำกดึกดำบรรพช์ ่วง

เปล่ียนสภำพ" และ "ควำมเปล่ียนแปลงทำงกำยวิภำค")
- กำรววิ ฒั นำกำรมำเป็นสตั วส์ องเทำ้ จำกสัตวท์ ี่อยบู่ นตน้ ไม้ โดยอนุมำนจำกโครงสร้ำงกระดูก (ดู "ซำกดึกดำ

บรรพช์ ่วงเปล่ียนสภำพ" และ "กำรเดินดว้ ยสองเทำ้ ")
- กำรขยำยขนำดของสมอง โดยกะโหลกศีรษะและโครงสร้ำงกระดูก[E] (ดหู วั ขอ้ "กำรขยำยขนำดสมอง")
- ประเภทอำหำรท่บี ริโภค โดยอนุมำนจำกลกั ษณะของใบหนำ้ กรำมและฟัน[14][54] และโดยกำรวิเครำะห์

อตั รำส่วนของไอโซโทปในเคลือบฟัน (enamel)

- เคร่ืองมือหิน สิ่งประดิษฐ์ วตั ถุเคร่ืองใชอ้ น่ื ๆ และซำกดึกดำบรรพข์ องสัตวท์ ี่อยใู่ กล้ ๆ
- พฒั นำกำรของเทคโนโลยีเทยี บกบั กำลเวลำ
- สำมำรถอนุมำนถึงอำหำร ควำมเป็นอยู่ วฒั นธรรม ควำมเฉลียวฉลำด และพฤติกรรมอยำ่ งอน่ื ๆ

- ร่องรอยอ่นื ๆ
- ร่องรอยของไฟ สำมำรถบ่งกำรใชแ้ ละควบคมุ ไฟได้
- รอยเทำ้ สำมำรถบ่งกำรเดินดว้ ยสองเทำ้ อยำ่ งชดั เจน (ดหู วั ขอ้ "รอยเทำ้ จำกอดีต" และ "กำรเดินดว้ ยสองเทำ้ ")

5

กำรหำอำยุ

โดยคร่ำว ๆ แลว้ กำรหำอำยซุ ำกดึกดำบรรพแ์ บง่ ออกเป็น 3 ช่วงระยะเวลำ

- กำรหำอำยจุ ำกคำร์บอนกมั มนั ตรงั สี (radiocarbon dating) สำหรับหำอำยจุ ำกซำกสิ่งมีชีวติ นอ้ ยกวำ่ 40,000 ปี [56]
(หรือ 58,000 - 62,000[57])

- วธิ ีอื่น ๆ รวมท้งั กำรหำอำยจุ ำกธำตกุ มั มนั ตรังสี (radiometric dating) แบบอื่น ๆ สำหรับหำอำยรุ ะหวำ่ ง 40,000-
100,000 ปี

- กำรหำอำยจุ ำกโพแทสเซียมกมั มนั ตรังสี (radiopotassium dating) สำหรับหำอำยมุ ำกกว่ำ 100,000 ปี

โดยทว่ั ๆ ไปแลว้ กำรหำอำยจุ ำกธำตุกมั มนั ตรังสีเป็นเทคนิคกำรหำอำยวุ ตั ถุต่ำง ๆ เช่น หินหรือคำร์บอน โดยเปรียบเทียบ
ไอโซโทปกมั มนั ตรังสีที่เกิดเองในธรรมชำติ กบั ผลิตภณั ฑท์ ่ีเกิดจำกกำรสลำยตวั ของธำตุน้นั ท่ีมีอตั รำกำรสลำยตวั ท่ีชดั เจน
แลว้ ส่วนกำรหำอำยจุ ำกคำร์บอนกมั มนั ตรังสีน้นั เป็นไปไดเ้ พรำะส่ิงมีชีวติ มีกำรบริโภคผลิตภณั ฑข์ องพืชท่ีไดร้ ับคำร์บอน-
14 ผำ่ นกระบวนกำรสังเครำะห์ดว้ ยแสงและหยดุ บริโภคเมื่อหมดชีวติ ดงั น้นั จงึ สำมำรถใชห้ ำอำยขุ องสำรประกอบอินทรีย์
จำกซำกสิ่งมีชีวติ โดยตรง ส่วนกำรหำอำยจุ ำกโพแทสเซียมกมั มนั ตรังสีน้นั เป็นไปไดเ้ พรำะหินหลอมเหลวจำกภูเขำไฟ
(และเถำ้ ) มีธำตุน้ี ดงั น้นั จึงสำมำรถใชช้ ้นั หินเถำ้ ภเู ขำไฟที่อยเู่ หนือและใตซ้ ำกในกำรประมำณอำยซุ ำกดึกดำบรรพท์ ี่ตอ้ งกำร
ได้

ตวั อย่างซากดกึ ดาบรรพ์ช่วงเปลยี่ นสภาพ

hominin สปี ชีส์ Australopithecus afarensis เป็นสปี ชีส์ช่วงเปล่ียนสภำพ ระหว่ำงบรรพบุรุษเอปท่ีเดินดว้ ยสี่เทำ้ กบั มนุษย์
ปัจจบุ นั ที่เป็นสตั วส์ องเทำ้ ลกั ษณะสำยสืบพนั ธุ์ (trait) ของโครงกระดูกแสดงลกั ษณะเดินดว้ ยสองเทำ้ อยำ่ งชดั เจน
จนกระทง่ั ว่ำ นกั วิชำกำรบำงพวกเสนอวำ่ กำรเดินดว้ ยสองเทำ้ ตอ้ งเป็นววิ ฒั นำกำรท่ีเกิดข้ึนก่อนสปี ชีส์น้ี โดยทวั่ ๆ ไปแลว้
กระดูกเชิงกรำนเหมือนของมนุษยม์ ำกกวำ่ เอป คือ กระดูกปี กสะโพกน้นั ส้นั และกวำ้ ง ส่วนกระดูกสนั หลงั ส่วนกระเบน
เหนบ็ (sacrum) ท้งั กวำ้ งและอยดู่ ำ้ นหลงั ติดกบั ขอ้ สะโพก และมีหลกั ฐำนท่ีชดั เจนวำ่ กลำ้ มเน้ือเหยยี ดเขำ่ (Rectus femoris)
ยดึ อยกู่ บั กระดูกอยำ่ งแน่น ซ่ึงแสดงว่ำ ตอ้ งมีอริ ิยำบถท่ีต้งั ข้นึ

แมก้ ระดูกเชิงกรำนจะไมเ่ หมือนกบั มนุษยร์ ้อยเปอร์เซนต์ (คอื กวำ้ งกวำ่ โดยมีกระดูกปี กสะโพกโคง้ ยืดออกไปขำ้ ง ๆ) แต่
ลกั ษณะเหลำ่ น้ีตำ่ งจำกลิงใหญ่อน่ื ๆ อยำ่ งชดั เจน ทำใหส้ ำมำรถเดนิ ดว้ ยสองเทำ้ ไดโ้ ดยระดบั หน่ึง นอกจำกน้นั แลว้ กระดูก
ตน้ ขำยงั โคง้ เขำ้ ไปทำงเขำ่ จำกสะโพก ทำให้สำมำรถวำงเทำ้ เขำ้ ไปใกลแ้ นวก่ึงกลำงของร่ำงมำกข้ึน ซ่ึงเป็นตวั บ่งช้ีท่ีชดั เจน
ว่ำ เดินดว้ ยสองเทำ้ เป็นปกติ มนุษยป์ ัจจบุ นั ลิงอรุ ังอตุ งั และลิงโลกใหม่ (ในทวีปอเมริกำ) สกลุ Ateles ในปัจจบุ นั ลว้ นแตม่ ี
ลกั ษณะแบบน้ี นอกจำกน้นั แลว้ ส่วนเทำ้ ยงั มีหวั แม่โป้งหนั ไปทำงดำ้ นหนำ้ (adducted) ซ่ึงทำใหก้ ำรจบั ตน้ ไมด้ ว้ ยเทำ้ ยำก
หรือว่ำเป็นไปไม่ได้ นอกจำกกำรเดินแลว้ A. afarensis ยงั มีฟันทีเ่ หมือนกบั มนุษยม์ ำกกว่ำเอป เช่น มีขนำดเลก็ กวำ่ เป็นตน้

6

ตวั อย่างรอยเท้าจากอดตี

ในปี ค.ศ. 1978 ทีมของนกั บรรพชีวินวทิ ยำแมรี ลีกคี พบรอยเทำ้ ของ hominin เดินดว้ ยสองเทำ้ ทีโ่ บรำณสถำน Laetoli
ประเทศแทนซำเนีย เป็นทำงยำวประมำณ 24 เมตร เป็นของ hominin 2 ตน มีอำยถุ ึง 3.6 ลำ้ นปี ก่อน ซ่ึงนกั วทิ ยำศำสตร์เชื่อ
วำ่ เป็นรอยเทำ้ ของ homonini สปี ชีส์ Australopithecus afarensis (เหมือนกบั ลซู ี่ขำ้ งบน) รอยเทำ้ จึงทำใหห้ มดควำมสงสยั ว่ำ
hominin ท่ีอำจเป็นบรรพบรุ ุษมนุษยพ์ วกน้ีเดินตวั ตรงดว้ ยสองเทำ้ จริง ๆ เพรำะไม่มีรอยใชข้ อ้ น้ิวมอื ยนั พ้นื (เช่น ในลงิ
ชิมแปนซีและกอริลลำ) นอกจำกน้นั แลว้ รอยเทำ้ ยงั ไมม่ ีรอยน้ิวแมโ่ ป้งท่ีเคล่ือนไหวไดอ้ ยำ่ งอสิ ระเหมือนกบั ของเอป แต่มี
ส่วนโคง้ เทำ้ เหมือนกบั มนุษยป์ ัจจบุ นั ส่วนท่ำทำงกำรเดินดูเหมือนจะเป็นแบบสบำย ๆ

งำนวจิ ยั ในปี ค.ศ. 2007 โดยใชก้ ำรจำลองโดยคอมพวิ เตอร์ท่ีใชข้ อ้ มูลจำกซำกดึกดำบรรพข์ อง A. afarensis และระยะห่ำง
ของรอยเทำ้ ที่พบแสดงวำ่ hominin เหลำ่ น้ีเดินดว้ ยควำมเร็วประมำณ 1.0 เมตร/วนิ ำที หรือเร็วกวำ่ น้นั ซ่ึงเป็นควำมเร็ว
ประมำณเทำ่ มนุษยป์ ัจจบุ นั ผลงำนวจิ ยั อ่ืน ๆ เช่น ในปี ค.ศ. 2010 ยนื ยนั ทฤษฎีว่ำ รอยเทำ้ น้ีเป็นของสตั วท์ ่ีมีท่ำเดินเหมือน
มนุษย์

Australopithecus รูปจำลองของรอยเทำ้ พบทโี่ บรำณสถำน Laetoli ประเทศแทนซำเนีย - นิทรรศกำรในพพิ ธิ ภณั ฑป์ ระวตั ิธรรมชำติแห่งชำติ
afarensis (ลซู ี่) แสดงอำกปั กิริยำว่ำ (สหรัฐอเมริกำ) เมืองวอชิงตนั ดี.ซี. เป็นรอยเทำ้ มีอำยุ 3.6 ลำ้ นปี ที่เกำ่ ทส่ี ุดรอยเทำ้ หน่ึงทพ่ี บ

ปกติเดินดว้ ยสองเทำ้

7

ประวัตกิ ำรศึกษำวิวฒั นำกำรมนุษย์

ก่อนดำร์วนิ

คำว่ำ Homo ซ่ึงเป็นชื่อสกลุ ทำงชีววทิ ยำของมนุษย์ เป็นคำภำษำละตินท่ีแปลเป็นภำษำองั กฤษวำ่ "human" และแปลเป็น
ภำษำไทยวำ่ มนุษย์ เป็นคำท่ีเลือกโดยนกั พฤกษศำสตร์ชำวสวีเดนคำโรลสั ลินเนียสในปี ค.ศ. 1758[67] (ผเู้ ริ่มเรียกสตั วส์ กลุ
ต่ำง ๆ โดยใชท้ วินำม) ในระบบกำรจำแนกสิ่งมีชีวติ ของเขำ คำว่ำ "human" ในภำษำองั กฤษ มำจำกคำภำษำละตินว่ำ
humanus ซ่ึงก็เป็นคำวเิ ศษณ์ของคำว่ำ homo[68] ลินเนียสและนกั วิทยำศำสตร์อ่นื ๆ ในยคุ น้นั พจิ ำรณำวำ่ วงศล์ ิงใหญเ่ ป็น
สตั วท์ ่ีใกลก้ บั มนุษยท์ ่ีสุด จำกควำมคลำ้ ยคลึงกนั โดยสณั ฐำนและโดยกำยวิภำค[69][70]

สมัยดำร์วนิ

กำรศึกษำทำงบรรพมำนุษยวทิ ยำ (Paleoanthropology) แบบปัจจุบนั กเ็ ร่ิมข้ึนในคริสตศ์ ตวรรษที่ 19 เมื่อมีกำรคน้ พบซำก
มนุษย์ Neanderthal ในปี ค.ศ. 1829 (ประเทศเบลเยยี ม) 1848 (ยิบรอลตำร์) และ 1856 (ประเทศเยอรมนี) ควำมเป็นไปไดว้ ำ่
มนุษยม์ ีบรรพบุรุษเดียวกบั พวกลิง ก็ปรำกฏอยำ่ งชดั เจนในปี ค.ศ. 1859 เมื่อชำลส์ ดำร์วินพมิ พห์ นงั สือ On the Origin of
Species (กำเนิดของสปี ชีส์) ซ่ึงเขำไดเ้ สนอไอเดียว่ำ สัตวส์ ปี ชีส์ต่ำง ๆ มีกำรววิ ฒั นำกำรมำจำกสปี ชีส์ก่อน ๆ ท่ีเป็นบรรพ
บุรุษ หนงั สือของดำร์วินไม่ไดพ้ ดู ถึงวิวฒั นำกำรของมนุษยโ์ ดยตรง แต่ไดก้ ลำ่ วไวเ้ พยี งแคน่ ้ีว่ำ "จะเกิดแสงสวำ่ งในอนำคต
เกี่ยวกบั ตน้ กำเนิดและประวตั ิของมนุษย"์

กำรอภิปรำยถึงวิวฒั นำกำรมนุษยเ์ กิดข้นึ คร้ังแรกระหวำ่ งนกั ชีววิทยำโทมสั ฮกั ซ์ลีย์ และริชำร์ด โอเวน โดยฮกั ซล์ ียเ์ สนอ
ว่ำ มนุษยม์ ีววิ ฒั นำกำรมำจำกเอปโดยแสดงควำมคลำ้ ยคลึงกนั และควำมต่ำงกนั ระหวำ่ งมนุษยแ์ ละเอป โดยเฉพำะใน
หนงั สือปี ค.ศ. 1863 ท่ีชื่อว่ำ Evidence as to Man's Place in Nature (หลกั ฐำนควำมเป็นส่วนธรรมชำติของมนุษย)์ ถึงอยำ่ ง
น้นั แมน้ กั วิทยำศำสตร์ท่ีสนบั สนุนทฤษฎขี องดำร์วนิ (เช่น อลั เฟรด วอลเลซ และชำลส์ ไลเอลล)์ ตอนแรกกไ็ ม่เห็นดว้ ยวำ่
สติปัญญำและควำมมีศีลธรรมของมนุษยส์ ำมำรถอธิบำยไดโ้ ดยทฤษฎีกำรคดั เลือกโดยธรรมชำติ แมว้ ำ่ ควำมคิดน้ีจะ
เปลี่ยนไปในภำยหลงั

ต่อมำในปี ค.ศ. 1871 ดำร์วินไดป้ ระยกุ ตใ์ ชท้ ฤษฎีวิวฒั นำกำรและกำรคดั เลือกอำศยั เพศ (sexual selection) กบั มนุษยเ์ มื่อ
เขำพมิ พห์ นงั สือ The Descent of Man, and Selection in Relation to Sex (เช้ือสำยมนุษย์ และกำรคดั เลือกโดยสมั พนั ธก์ บั
เพศ)

ซำกดกึ ดำบรรพ์ยุคแรก ๆ

ปัญหำสำคญั เก่ียวกบั ควำมถกู ตอ้ งของทฤษฎีววิ ฒั นำกำรในยคุ น้นั กค็ ือ กำรขำดแคลนหลกั ฐำนในส่วนของซำกดึกดำ
บรรพช์ ่วงเปลี่ยนสภำพระหว่ำงเอปที่เป็นบรรพบรุ ุษกบั มนุษยท์ ี่เป็นลูกหลำน ถึงแมว้ ำ่ นกั กำยวภิ ำคชำวดตั ช์ ยจู ีน ดูบวั ส์ จะ
ไดค้ น้ พบซำกดึกดำบรรพท์ ่ีปัจจบุ นั น้ีจดั ว่ำเป็นส่วนของ Homo erectus ท่ีเกำะชวำในปี ค.ศ. 1891 ท่ีนกั วิทยำศำสตร์บำง
พวกไมเ่ ห็นดว้ ยว่ำกระดูกท่ีพบท้งั หมดมำจำกบุคคลเดียวกนั นกั วทิ ยำศำสตร์ก็ยงั ตอ้ งรอจนกระทง่ั ถึงช่วงคริสตท์ ศวรรษ
1920 กวำ่ จะมีกำรพบหลกั ฐำนซำกดึกดำบรรพช์ ่วงเปล่ียนสภำพเพมิ่ ข้นึ และเร่ิมมีกำรสั่งสมเพม่ิ ข้นึ ตอ่ ๆ มำในทวีป
แอฟริกำ

8

ในปี ค.ศ. 1924 นกั กำยวภิ ำคชำวออสเตรเลียเรมอนด์ ดำร์ท ไดค้ น้ พบ hominin สปี ชีส์ Australopithecus africanus ซ่ึงเป็น
ตวั อยำ่ งตน้ แบบแรก ท่ีเรียกวำ่ Taung Child ซ่ึงเป็นทำรกเผำ่ hominini เผำ่ ยอ่ ย Australopithecina ที่คน้ พบในถ้ำแห่งหน่ึงใน
เมือง Taung ประเทศแอฟริกำใต้ ซำกมีสภำพดีเป็นหวั กะโหลกเลก็ ๆ และเป็นรูปหลอ่ ภำยในกะโหลกศีรษะ (endocranial
cast) ของสมอง ถึงแมว้ ำ่ สมองน้นั ยงั เลก็ (410 ซม3) แต่ก็มีรูปร่ำงกลมซ่ึงไม่เหมือนของลิงชิมแปนซีและกอริลลำ แต่
เหมือนกบั ของมนุษยป์ ัจจบุ นั มำกกวำ่ นอกจำกน้นั แลว้ ตวั อยำ่ งน้นั ยงั แสดงฟันเข้ียวท่ีส้นั และตำแหน่งของช่องฟอรำเมน
แมกนมั ท่ีเป็นหลกั ฐำนของกำรเดนิ ดว้ ยสองเทำ้ ลกั ษณะต่ำง ๆ เหลำ่ น้ีทำใหด้ ำร์ทมน่ั ใจวำ่ ทำรกน้นั เป็นสัตวบ์ รรพบรุ ุษมี
สองเทำ้ ของมนุษย์ เป็นสปี ชีส์ในระหวำ่ งเอปกบั มนุษย์

ซำกดกึ ดำบรรพ์จำกแอฟริกำตะวนั ออก

นกั บรรพชีวินวทิ ยำชำวองั กฤษหลุยส์ ลีกคี กำลงั ตรวจดูหวั กะโหลกจำกโกรกธำร Olduvai Gorge ประเทศแทนซำเนีย
ในช่วงระหวำ่ งคริสตท์ ศวรรษ 1960 และ 1970 มีกำรคน้ พบซำกดึกดำบรรพเ์ ป็นร้อย ๆ ซำก โดยเฉพำะจำกแอฟริกำ
ตะวนั ออกในส่วนตำ่ ง ๆ ของโกรกธำร Olduvai Gorge และทะเลสำบ Lake Turkana หวั หนำ้ นำงำนศึกษำในตอนน้นั กค็ ือ
ครอบครัวลีกคี โดยตอนแรกเป็นนกั บรรพชีวินวิทยำหลยุ ส์ ลีกคแี ละภรรยำคือแมรี ลีกคี และตอ่ จำกน้นั ก็เป็นบุตรชำยคือริ
ชำร์ดและลกู สะใภม้ ีฟ เป็นกลมุ่ ท่ีประสบควำมสำเร็จอยำ่ งสูงสุดในกำรหำซำกดึกดำบรรพ์ คือ จำกช้นั หินซำกดึกดำบรรพ์
ของโกรกธำร Olduvai Gorge และทะเลสำบ Lake Turkana พวกเขำไดส้ ่งั สมซำก hominin สำย australopithecine, มนุษย์
สกุล โฮโม ยคุ ตน้ ๆ, และแมก้ ระทง่ั ซำกของ Homo ergaster/erectus

กำรคน้ พบเหลำ่ น้ีทำให้มน่ั ใจไดว้ ำ่ แอฟริกำเป็นกำเนิดของมวลมนุษย์ ในช่วงคริสตท์ ศวรรษ 1980 ประเทศเอธิโอเปี ย
กลำยเป็นแหลง่ สำคญั ใหมข่ องบรรพมำนุษยวทิ ยำ[L] เม่ือ ดร. โดนลั ด์ โจแฮนสนั ไดค้ น้ พบ "ลูซ่ี" ซ่ึงเป็นซำกดึกดำบรรพ์
ของ hominin สปี ชีส์ Australopithecus afarensis ที่ตอนน้นั เป็นซำก hominin สมบรู ณ์ที่สุดในหมบู่ ำ้ น Hadar ใน
โบรำณสถำน Middle Awash ดำ้ นเหนือของประเทศเอธิโอเปี ยที่เป็นเขตทะเลทรำย เขตน้ีจะเป็นแหล่งของซำกดึกดำบรรพ์
ของเผำ่ hominini ใหม่ ๆ มำกมำย โดยเฉพำะทค่ี น้ พบโดยทีมของ ดร. ทิม ไวท์ ในช่วงคริสตท์ ศวรรษ 1990 เช่น
Ardipithecus ramidus (อำร์ด้)ี

นิทรรศการซากดึกดาบรรพ์ ท่ีแสดงวิวฒั นาการของสตั วว์ งศล์ ิงใหญท่ ี่ นกั บรรพชีวินวทิ ยาชาวองั กฤษหลยุ ส์ ลกี คี กาลงั ตรวจดหู วั กะโหลกจากโกรกธาร Olduvai
พพิ ิธภณั ฑว์ ทิ ยากระดกู ในเมอื งโอคลาโฮมาซติ ี ประเทศสหรฐั อเมรกิ า Gorge ประเทศแทนซาเนยี

9

กำรปฏิวัตทิ ำงพนั ธศุ ำสตร์

กำรปฏิวตั ิทำงพนั ธุศำสตร์เกี่ยวกบั กำรศึกษำวิวฒั นำกำรของมนุษยก์ ็เริ่มข้ึน เมื่อนกั บรรพชีวนิ วิทยำชำวอเมริกนั วนิ เซ็นต์ ซำ
ริก และนกั ชีวเคมีชำวอเมริกนั อลั แลน วิลสัน วดั ระดบั ปฏิกิริยำของภูมิคมุ้ กนั ที่เกิดจำกโปรตีนแอลบูมินในน้ำเลือด (serum
albumin) ในระหวำ่ งสตั วท์ ่ีเป็นคู่ (คอื ปฏิกิริยำระหว่ำงแอนติเจนคอื แอลบูมินจำกสัตวห์ น่ึง กบั แอนติบอดที ่ีสร้ำงข้ึนตำ้ น
แอนติเจนน้นั ในอกี สตั วห์ น่ึง) รวมท้งั มนุษยแ์ ละเอปจำกทวปี แอฟริกำ (คือลิงกอริลลำและลิงชิมแปนซี)[77] ระดบั ปฏิกิริยำ
สำมำรถกำหนดเป็นตวั เลขซ่ึงเป็นตวั แทนของ "ระยะห่ำงทำงภมู ิคมุ้ กนั " (immunological distance ตวั ยอ่ ID) ซ่ึงมีสัดส่วน
ตำมจำนวนควำมแตกตำ่ งกนั ของกรดอะมิโนระหว่ำงโปรตนี กำเนิดเดียวกนั (homologous protein) ของสตั วส์ ปี ชีส์ต่ำง ๆ
(ดงั น้นั ระยะห่ำงที่ใกลจ้ ึงหมำยถงึ สัตวท์ ่ีมีควำมสมั พนั ธ์กนั อยำ่ งใกลช้ ิด) โดยสร้ำงเส้นโคง้ เทียบมำตรฐำน (calibration
curve) ของ ID ระหว่ำงคู่สปี ชีส์ เทียบกบั ระยะเวลำท่ีสำยพนั ธุ์แยกออกจำกกนั ตำมที่มีหลกั ฐำนแสดงโดยซำกดึกดำบรรพท์ ่ี
ชดั เจน เสน้ โคง้ น้ีสำมำรถใชเ้ ป็น molecular clock (นำฬิกำอำศยั โครงสร้ำงโมเลกุล) เพื่อประมำณระยะเวลำที่สำยพนั ธุแ์ ยก
ออกจำกกนั ระหวำ่ งสปี ชีส์ค่ทู ี่ไมม่ ีซำกดึกดำบรรพห์ รือมีซำกที่ใหข้ อ้ มลู ไดไ้ มช่ ดั เจน

ในผลงำนวจิ ยั ทรงอทิ ธิพลปี ค.ศ. 1967 ของพวกเขำในวำรสำร Science ซำริกและวิลสันประมำณระยะเวลำที่สำยพนั ธุ์
แยกออกจำกกนั ของมนุษยแ์ ละลงิ ใหญ่ว่ำเป็น 4 ถึง 5 ลำ้ นปี ก่อน[77] ซ่ึงเป็นสมยั ท่ีคำอธิบำยโดยใชซ้ ำกดึกดำบรรพป์ ระเมนิ
ระยะเวลำน้ีที่ 10 ถึง 30 ลำ้ นปี ก่อน แตซ่ ำกดึกดำบรรพท์ ่ีพบต่อ ๆ มำ โดยเฉพำะของลูซ่ี (Australopithecus afarensis) และ
กำรตีควำมหมำยขอ้ มูลจำกซำกดึกดำบรรพท์ ่คี น้ พบก่อน ๆ ใหม่ โดยเฉพำะของไพรเมตบรรพบรุ ุษของลิงอุรังอตุ งั สกลุ
Ramapithecus ที่มีชีวติ ประมำณ 8.5-12.5 ลำ้ นปี ก่อน (สมยั ไมโอซีนกลำง-ปลำย)[M] แสดงว่ำ ค่ำประมำณท่ีต่ำกว่ำของซำ
ริกและวิลสันน้นั ถกู ตอ้ ง ซ่ึงแสดงควำมถูกตอ้ งของวธิ ีกำรวดั โดยแอลบมู ิน (แตม่ ำถึงในสมยั ปัจจบุ นั ค่ำน้นั ไดเ้ ปลี่ยนไปบำ้ ง
แลว้ ดูหลกั ฐำนทำงอณูชีววิทยำ) กำรประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ของ molecular clock ไดป้ ฏิวตั ิกำรศึกษำเก่ียวกบั วิวฒั นำกำรทำง
โครงสร้ำงโมเลกุล (molecular evolution[N])

10

ควำมเปลยี่ นแปลงทำงกำยวิภำค

ววิ ฒั นำกำรของมนุษยส์ ำมำรถกำหนดไดโ้ ดยควำมเปลี่ยนแปลงทำงสณั ฐำน (morphological) ทำงพฒั นำกำร
(developmental) ทำงสรีรภำพ (physiological) และทำงพฤติกรรม ท่ีเกิดข้ึนต้งั แตก่ ำรแยกออกจำกสำยพนั ธุข์ องลิงชิมแปนซี
กำรปรับตวั ท่ีสำคญั ท่ีสุดกค็ อื กำรเดินดว้ ยสองเทำ้ (bipedalism), กำรขยำยขนำดของสมอง (encephalization[E]), ช่วงกำร
พฒั นำและกำรเติบโตท่ียำวนำนข้นึ (ท้งั ในทอ้ งและในวยั เดก็ ) และควำมแตกตำ่ งระหว่ำงเพศ (sexual dimorphism) ท่ีลดลง
แตค่ วำมสมั พนั ธ์ต่อกนั และกนั ของควำมเปล่ียนแปลงต่ำง ๆ เหลำ่ น้ียงั เป็นเร่ืองที่ยงั ไมม่ ขี อ้ ยตุ ิ กำรเปลี่ยนแปลงทำงสัณฐำน
อนื่ ๆ ท่ีสำคญั รวมท้งั ววิ ฒั นำกำรของกำรจบั วตั ถุไดอ้ ยำ่ งแม่นยำและมีกำลงั ซ่ึงเกิดข้นึ คร้ังแรกใน Homo

กำรเดินด้วยสองเท้ำ (bipedalism)

เป็นกำรปรบั ตวั ข้นั พ้ืนฐำนของสตั วเ์ ผำ่ hominini[B] และพจิ ำรณำว่ำเป็นเหตขุ องกำรเปลี่ยนแปลงทำงโครงสร้ำงกระดูกต่ำง
ๆ ที่ hominin ทกุ ๆ สกลุ มี

เผำ่ hominini ท่ีเดินดว้ ยสองเทำ้ ทีเ่ ก่ำแก่ที่สุดพจิ ำรณำว่ำเป็นสกุล Sahelanthropus หรือไมก่ ็สกลุ Orrorin โดยมีสกุล
Ardipithecus ซ่ึงเป็นสตั วส์ องเทำ้ ท่ีมีหลกั ฐำนชดั เจนกวำ่ ตำมมำทีหลงั ส่วนลิงที่เดินโดยใชข้ อ้ นิ้วมอื คือลิงกอริลลำและลิง
ชิมแปนซีแยกออกจำกสำยพนั ธุใ์ นเวลำใกล้ ๆ กนั โดยอำจจะมีสกลุ Sahelanthropus เป็นบรรพบุรุษสุดทำ้ ยร่วมกนั กบั
มนุษย์

สตั วส์ องเทำ้ ยคุ เร่ิมตน้ เหล่ำน้ีในทสี่ ุดกว็ วิ ฒั นำกำรเป็นเผำ่ hominini เผำ่ ยอ่ ย australopithecina (องั กฤษ: australopithecine
ปกติรวมเอำสกลุ Australopithecus และ Paranthropus) และหลงั จำกน้นั จึงเป็นเผำ่ ยอ่ ย hominina ซ่ึงรวมเอำมนุษยส์ กลุ โฮ
โม เทำ่ น้นั มีทฤษฎีหลำยทฤษฎีถึงประโยชนใ์ นกำรปรับตวั ใชส้ องเทำ้ เป็นไปไดว้ ำ่ กำรเดินดว้ ยสองเทำ้ ไดร้ บั กำรคดั เลือก
โดยธรรมชำติ เพรำะว่ำ ทำใหม้ ือเป็นอิสระในกำรจบั ส่ิงของและในกำรถืออำหำร, เป็นกำรประหยดั พลงั งำนในขณะ
เดินทำง, ทำใหส้ ำมำรถวิง่ ไดแ้ ละลำ่ สตั วไ์ ดไ้ กล ๆ ทำให้เห็นไดด้ ีข้นึ และช่วยป้องกนั กำรเกิดควำมรอ้ นเกินโดยลดเน้ือที่ผวิ
ที่ถกู แสงอำทิตย์ กำรปรับตวั ท้งั หมดน้ีกอ็ ำจเพอื่ มีสภำพที่เหมำะสมยิ่งข้ึนกบั ส่ิงแวดลอ้ มท่ีเปล่ียนแปลงไปที่นกั วิทยำศำสตร์
มีสมมติฐำนต่ำง ๆ เป็นตน้ วำ่

มีป่ ำลดลง มีท่งุ หญำ้ เพิ่มข้นึ โดยเฉพำะในแอฟริกำตะวนั ออก ทำให้จำเป็นในกำรเดินดว้ ยสองเทำ้ (savanna hypothesis)

มีป่ ำที่ผสมกบั ทุ่งหญำ้ เปิ ดโอกำสให้หำกินไดท้ ้งั บนตน้ ไมแ้ ละบนพ้นื (mosaic hypothesis)

มีสิ่งแวดลอ้ มและภมู ิอำกำศที่เปลยี่ นไปอยำ่ งรวดเร็ว ทำให้จำเป็นท่จี ะตอ้ งปรับตวั ใหเ้ ขำ้ กบั สิ่งแวดลอ้ มหลำย ๆ อยำ่ งได้
(variability hypothesis)

โดยกำยวภิ ำค กำรเดินดว้ ยสองเทำ้ ตอ้ งประกอบพร้อมกบั ควำมเปลยี่ นแปลงในโครงสร้ำงกระดูก ซ่ึงไมใ่ ช่เพียงแคข่ ำท่ียำว
ข้นึ และเชิงกรำนท่ีเปล่ียนรูปร่ำงไปเทำ่ น้นั แตก่ บั ส่วนอ่นื ๆ เชน่ กระดูกสันหลงั เทำ้ กบั ขอ้ เทำ้ และกะโหลกศีรษะดว้ ย[16]
คือ กระดูกตน้ ขำเกิดวิวฒั นำกำรโดยโคง้ เขำ้ มำทำงศูนยก์ ลำงควำมโนม้ ถ่วง เขำ้ มำแนวกลำงดำ้ นต้งั ของร่ำงกำย หวั ขอ้ เขำ่
และขอ้ เทำ้ กแ็ ขง็ แกร่งยิง่ ข้ึนเพอื่ รองรับน้ำหนกั ทเ่ี พิ่มข้ึน ส่วนกระดูกสันหลงั ก็เปล่ียนไปเป็นรูป S เพอ่ื ท่ีแต่ละขอ้ จะรองรับ

11

น้ำหนกั มำกข้นึ เม่ือยืน และกระดูกสันหลงั ระดบั เอว (lumbar vertebrae) กส็ ้ันลงและกวำ้ งข้ึน ส่วนท่ีเทำ้ หวั แมโ่ ป้งกห็ นั ไป
ทำงเดียวกนั กบั นิ้วเทำ้ อ่นื ๆ ที่ส้ันลงเพ่อื ช่วยในกำรเดินไปขำ้ งหนำ้ กระดูกเทำ้ ก็เพมิ่ ส่วนโคง้ ในทำงยำว แขนท้งั ส่วนตน้
ส่วนปลำยกส็ ้ันลงเทียบกบั ขำเพื่อทำให้วง่ิ สะดวกยิง่ ข้นึ ช่องฟอรำเมน แมกนมั ซ่ึงเป็นทำงออกของไขสนั หลงั ท่ีกะโหลก
ศีรษะ กย็ ำ้ ยไปอยทู่ ำงดำ้ นลำ่ งของกะโหลกเยื้องไปทำงดำ้ นหนำ้ เทียบกบั ของลิงใหญท่ ี่เยือ้ งไปทำงดำ้ นหลงั

แต่ควำมเปล่ียนแปลงที่สำคญั ที่สุดอยทู่ ่ีกระดูกเชิงกรำน โดยท่ีกระดูกปี กสะโพกท่ีก่อนหนำ้ น้ียน่ื ยำวไปดำ้ นล่ำง เกิดส้นั ลง
และกวำ้ งข้ึน (ดูรูป) ซ่ึงจำเป็นเพอ่ื รองรับอวยั วะภำยในขณะยนื และเดิน ดงั น้นั hominin ที่เดนิ ดว้ ยสองเทำ้ จึงมีกระดูกเชิง
กรำนท่ีส้นั กว่ำ แตก่ วำ้ ง มีรูปร่ำงคลำ้ ยชำม จดุ ออ่ นก็คอื ช่องคลอดในหญงิ สำยพนั ธุ์มนุษยม์ ีขนำดเลก็ กวำ่ เอปท่ีเดนิ ใชห้ ลงั
กระดูกขอ้ นิ้วมือ แมว้ ำ่ จะมีกำรขยำยใหญข่ ้นึ อีกในบำงสกลุ โดยเฉพำะของมนุษยป์ ัจจบุ นั (เมื่อเทียบกบั ของ
australopithecine) เพ่ือใหท้ ำรกท่ีมีกะโหลกศีรษะใหญข่ ้นึ ผำ่ นออกมำได้ แตข่ นำดทใ่ี หญข่ ้นึ จำกดั อยทู่ ่ีดำ้ นบนของเชิงกรำน
เท่ำน้นั เพรำะว่ำ ควำมเปลี่ยนแปลงมำกกวำ่ น้ีสำมำรถเป็นอปุ สรรคแก่กำรเดินดว้ ยสองเทำ้ ได้

เชิงกรำนที่ส้ันลงและช่องคลอดทีเ่ ลก็ ลงเป็นกำรวิวฒั นำกำรเพอื่ ให้เดินดว้ ยสองเทำ้ ได้ แต่มีผลสำคญั ตอ่ กำรคลอดลูกใน
มนุษยป์ ัจจุบนั ซ่ึงยำกกว่ำในไพรเมตอืน่ ๆ คือ ในขณะออกจำกทอ้ งแม่ เพรำะว่ำส่วนต่ำง ๆ ของช่องผำ่ นเชิงกรำนมีขนำด
ต่ำง ๆ กนั ศีรษะของทำรกจะตอ้ งเยอื้ งไปทำงตะโพกของแมด่ ำ้ นใดดำ้ นหน่ึงเม่ือเริ่มเขำ้ ไปในช่องคลอด และจะตอ้ งหมนุ ไป
ในช่วงต่ำง ๆ กนั ประมำณ 90 องศำก่อนทจี่ ะออก (ดูรูป)[101] ช่องคลอดที่เลก็ ลงกลำยเป็นอุปสรรคเมื่อขนำดสมองเร่ิม
ขยำยใหญข่ ้นึ ในมนุษยย์ คุ ตน้ ๆ มผี ลทำใหม้ ีระยะกำรต้งั ครรภท์ ี่ส้นั ลง ซ่ึงอำจเป็นเหตผุ ลท่ีมนุษยใ์ หก้ ำเนิดทำรกท่ียงั ไม่
สมบรู ณ์ ผไู้ มส่ ำมำรถเดินไดก้ ่อนวยั 12 เดือนและมีกำรเจริญเติบโตท่ียดื เยื้อ เม่ือเทียบกบั ไพรเมตอนื่ ๆ ซ่ึงสำมำรถเดินไดใ้ น
วยั เดก็ กวำ่

สมองท่ีตอ้ งมีกำรพฒั นำในระดบั ที่สูงข้นึ หลงั คลอด และกำรตอ้ งอำศยั แมม่ ำกข้นึ ของเดก็ มีผลอยำ่ งสำคญั ตอ่ วงจรสืบพนั ธ์
ของหญงิ [ตอ้ งกำรอำ้ งอิง] และสำหรับนกั วิชำกำรบำงทำ่ น ต่อกำรมีคู่ครองคนเดียวทปี่ รำกฏบ่อยคร้ังในมนุษยเ์ ม่ือเทียบกบั
สกุลวงศล์ ิงใหญอ่ น่ื ๆ แมว้ ่ำ จะมีนกั วิชำกำรท่ำนอื่นท่ีมีควำมเหน็ ว่ำ กำรมีคคู่ รองคนเดียวไม่เคยเป็นส่วนของกำรสืบพนั ธุ์
หลกั ใน hominin และนอกจำกมีระยะเวลำท่ียดื เย้อื ก่อนจะถงึ วยั เร่ิมเจริญพนั ธุ์แลว้ ยงั มีกำรเกิดวยั หมดระดูอีกดว้ ย โดยมี
สมมติฐำนหน่ึงที่ช้ีว่ำ หญิงที่สูงวยั ข้นึ สำมำรถสืบสำยพนั ธข์ องตนไดด้ ีกว่ำถำ้ ช่วยดูแลลูกของลูกสำว ถำ้ เทียบกบั ตอ้ งดูแล
ลูกของตนที่มีเพิ่มอกี

ความเปลยี่ นแปลง (จากซา้ ยไปขวา) ท่มี ีสมมตฐิ านว่าจาเป็นในการจะพฒั นาจากสตั วส์ เี่ ทา้ มา
เป็นสตั วส์ องเทา้ มมุ ทกี่ ระดกู ตน้ ขายึดกบั กระดกู เชิงกรานมผี ลใหเ้ ดนิ สองเทา้ ไดส้ ะดวก

12

กำรขยำยขนำดสมอง

มนุษยส์ ปี ชีส์ต่ำง ๆ มีสมองที่ใหญ่กว่ำไพรเมตประเภทอนื่ ๆ ซ่ึงในมนุษยป์ ัจจบุ นั มีขนำดเฉลี่ย 1,330 ซม3 ใหญก่ วำ่ ของลิง
ชิมแปนซีหรือลิงกอริลลำมำกกว่ำสองเท่ำ กำรขยำยขนำดสมอง[E] เริ่มข้นึ ท่ีมนุษยส์ กุล Homo habilis ซ่ึงมีขนำดสมองที่
ประมำณ 610 ซม3 เป็นขนำดที่ใหญ่กว่ำลิงชิมแปนซีเลก็ นอ้ ย (ระหวำ่ ง 300-500 ซม3) ตำมมำดว้ ย Homo ergaster/erectus ที่
ขนำดเฉล่ีย 850 ซม3 ไปสุดท่ี Neanderthal ที่ขนำดเฉลี่ย 1,500 ซม3 ซ่ึงใหญ่กวำ่ ของมนุษยป์ ัจจบุ นั เสียอีก

นอกจำกน้นั แลว้ รูปแบบกำรพฒั นำของสมองหลงั คลอด กย็ งั แตกตำ่ งจำกเอปประเภทอนื่ ๆ อกี ดว้ ย ทำใหม้ นุษยส์ ำมำรถ
ศึกษำเรียนรู้ทำงดำ้ นสงั คมและภำษำเป็นระยะเวลำนำนในวยั เด็ก อยำ่ งไรก็ดี ควำมแตกตำ่ งโดยโครงสร้ำงสมองของมนุษย์
เทียบกบั เอป อำจจะมีควำมสำคญั ยิ่งกวำ่ ควำมแตกตำ่ งโดยขนำด

ขนำดที่ขยำยใหญ่ในแตล่ ะเขตของสมองไมเ่ ทำ่ กนั คอื สมองกลีบขมบั ซ่ึงมีศูนยป์ ระมวลผลทำงภำษำ ไดข้ ยำยใหญข่ ้นึ
มำกกว่ำเขตอ่ืน ๆ และกเ็ ป็นจริงดว้ ยสำหรับ prefrontal cortex (คอร์เทกซก์ ลีบหนำ้ ผำกส่วนหนำ้ ) ซ่ึงมีบทบำทเก่ียวกบั กำร
ตดั สินใจที่ซบั ซอ้ นและกำรควบคมุ พฤติกรรมในสงั คม (ดู executive functions) กำรขยำยขนำดของสมองเช่ือวำ่ มี
ควำมสมั พนั ธก์ บั กำรมีเน้ือสตั วเ์ พ่ิมเป็นอำหำร[107] หรือกบั กำรหุงอำหำร และมีกำรเสนอวำ่ มนุษยม์ ีเชำวน์ปัญญำท่ีสูงข้นึ
เป็นกำรตอบสนองต่อควำมจำเป็นในกำรแกป้ ัญหำทำงสงั คม (เป็นทฤษฎีที่เรียกวำ่ Social brain hypothesis) เมื่อสังคม
มนุษยม์ ีควำมซบั ซอ้ นมำกย่งิ ข้นึ

ควำมแตกต่ำงระหว่ำงเพศ

ระดบั ควำมแตกต่ำงระหว่ำงเพศ (sexual dimorphism) ท่ีลดลงในมนุษย์ จะเหน็ ไดใ้ นเพศชำยโดยหลกั คือขนำดท่ีเลก็ ลงของ
ฟันเข้ยึ วเทียบกบั เอปประเภทอนื่ ๆ ขนำดที่เลก็ ลงของสันค้ิว และควำมแขง็ แรงโดยทว่ั ไปที่ลดลง

ควำมแตกตำ่ งที่สำคญั ทำงกำยภำพอีกอยำ่ งหน่ึงทำงเพศของมนุษยก์ ค็ อื กำรมีช่วงตกไข่ที่ซ่อนเร้นในเพศหญิง คอื มนุษยเ์ ป็น
เอปประเภทเดียวท่ีเพศหญิงต้งั ครรภไ์ ดต้ ลอดท้งั ปี โดยไมม่ ีสัญญำณพเิ ศษท่ีแสดงออกทำงร่ำงกำย (เช่นควำมบวมข้ึนของ
อวยั วะเพศเมื่ออยใู่ นช่วงตกไข่) แมว้ ำ่ จะมีงำนวจิ ยั เร็ว ๆ น้ีท่ีแสดงวำ่ หญิงมกั จะมกั มีควำมคดิ และอำรมณ์ทำงเพศเพ่ิมข้ึน
ก่อนท่ีจะตกไข่

อยำ่ งไรกด็ ี มนุษยก์ ็ยงั มีควำมแตกต่ำงระหวำ่ งเพศในระดบั หน่ึง เช่นรูปแบบกำรแพร่กระจำยของขนและไขมนั ใตผ้ ิว และ
ขนำดทวั่ ไปของร่ำงกำย โดยท่ีชำยมีขนำดใหญ่กวำ่ หญิงประมำณ 15% (ขอ้ มลู ของสหรัฐอเมริกำ) ควำมเปลี่ยนแปลงเหลำ่ น้ี
โดยองคร์ วมถือกนั วำ่ เป็นผลจำกกำรเพิ่มควำมสำคญั ของกำรมีชีวิตคู่ (pair bonding) เป็นกำรแกป้ ัญหำท่ีพ่อแม่ตอ้ งเล้ียงลกู
เป็ นระยะเวลำยำวนำนยิ่งข้นึ

13

กำรปรับตวั ทำงกำยภำพอน่ื ๆ
- โครงสร้ำงของมือ ขอ้ มือ และนิ้วที่ทำให้จบั สิ่งของไดอ้ ยำ่ งมีกำลงั ยิง่ ข้นึ อยำ่ งละเอียดละออย่งิ ข้นึ อยำ่ งมีอสิ ระ
มำกข้ึน ซ่ึงมีกำรอำ้ งวำ่ เป็นกำรปรับตวั เพือ่ ทำและใชเ้ คร่ืองมือ
- โครงสร้ำงของแขนท่ีไมไ่ ดใ้ ชร้ ับน้ำหนกั จึงมีกระดูกทีต่ รงกวำ่ ส้นั กว่ำ มีกลำ้ มเน้ือที่มีพลงั นอ้ ยกวำ่ แตส่ ำมำรถ
เคลื่อนท่ีไปอยำ่ งมีอิสระกวำ่ และไดใ้ นระดบั ควำมเร็วตำ่ ง ๆ กนั มำกกว่ำ
- มีทำงเดินอำหำรท่ีส้ันกวำ่ และเลก็ กว่ำ
- ร่ำงกำยมีขนนอ้ ยลง และผมมีกำรงอกท่ีชำ้ ลง
- กำรเปลี่ยนรูปของแนวฟันจำกรูปคอ่ นขำ้ งเหลี่ยม (เหมือนอกั ษรโรมนั U) เป็นรูปโคง้ (เหมือนพำรำโบลำ)
- กำรยนื่ ออกของคำงท่ีนอ้ ยลง
- รูปร่ำงของกะโหลกศีรษะอยำ่ งอน่ื ๆ ท่ีเปล่ียนไปเช่นกะโหลกมีลกั ษณะท่ีกลมข้ึน และมีโครงจมกู ท่ีเลก็ ลง[11]
- กำรเกิดข้ึนของ styloid process ของกระดูกขมบั (เป็นกระดูกรูปร่ำงแหลมย่ืนออกมำจำกกะโหลกศีรษะใตห้ ูเพียง
เลก็ นอ้ ย)
- กำรเกิดข้ึนของกลอ่ งเสียงที่เคลื่อนตำแหน่งลงเม่ือโตข้นึ คือในเด็กวยั ตน้ อยทู่ ี่ระดบั C1-C3 ของกระดูกสันหลงั
และจะเคลื่อนลงจำกตำแหน่งน้นั เมื่อเจริญเติบโตข้นึ
- กำรเจริญเตบิ โตของส่วนตำ่ ง ๆ ในร่ำงกำยท่ีเร็วชำ้ และมีลำดบั ท่ีไมเ่ หมือนกนั และระยะเวลำที่นำนกวำ่ ที่จะเติบโต
เป็นผใู้ หญ่

ควำมเปลย่ี นแปลงทำงพฤติกรรม
แมว้ ่ำจะมีควำมแตกตำ่ งทำงพฤตกิ รรมท่ีสำคญั หลำยอยำ่ งระหว่ำงเอปกบั มนุษย์ เช่นควำมสำมำรถในกำรใชภ้ ำษำ แต่
นกั วิชำกำรท้งั หลำยกย็ งั ไม่มีขอ้ ยตุ ิวำ่ จะสำมำรถใชอ้ ะไรเป็นเคร่ืองแสดงควำมแตกต่ำงทำงพฤติกรรมเหล่ำน้ีในบรรดำ
หลกั ฐำนทำงซำกดึกดำบรรพท์ ี่สำมำรถเห็นได้

หูชนั้ นอกและหชู น้ั กลางดา้ นขวา styloid process ของกระดกู ขมบั อยตู่ รงกลางดา้ นลา่ ง

14

กำรใช้เครื่องมือ

ส่วนย่ืน styloid process ท่ีสุดของกระดูกติดกบั ขอ้ มือ ของกระดูกฝ่ำมือชิ้นท่ีสำม ช่วยใหก้ ระดูกมือลอ็ กเขำ้ กบั กระดูกขอ้ มือ
ได้ ซ่ึงทำใหน้ ิ้วโป้งและนิ้วมืออืน่ ๆ ที่ใชจ้ บั วตั ถสุ ่ิงของอยู่ สำมำรถส่ือแรงดนั ไปท่ีมือและขอ้ มือในระดบั ที่สูงข้นึ ได้ ทำให้
มนุษยม์ ีควำมคลอ่ งแคล่วและมีกำลงั ในกำรทำและใชเ้ ครื่องมือท่ีซบั ซอ้ น ลกั ษณะพิเศษทำงกำยน้ีทำมนุษยใ์ หแ้ ตกตำ่ งไป
จำกเอปและไพรเมตที่ไมใ่ ช่มนุษยอ์ น่ื ๆ และไมพ่ บในซำกมนุษยท์ ่เี ก่ำกว่ำ 1.8 ลำ้ นปี (คอื ไมพ่ บก่อนมนุษย์ Homo
ergaster/erectus โดยประมำณ)

กำรใชเ้ ครื่องมือไดร้ บั กำรตีควำมหมำยวำ่ เป็นนิมติ ของสตปิ ัญญำ มีทฤษฎีว่ำ กำรใชเ้ ครื่องมืออำจจะช่วยกระตนุ้ ววิ ฒั นำกำร
บำงอยำ่ งของมนุษย์ โดยเฉพำะในเรื่องกำรขยำยขนำดของสมอง[E] ท่ีเป็นไปอยำ่ งต่อเนื่อง แตห่ ลกั ทำงบรรพชีวินวทิ ยำยงั
ไมส่ ำมำรถอธิบำยเหตุของกำรขยำยขนำดของสมองเป็นช่วงเวลำหลำยลำ้ นปี อยำ่ งชดั เจน แมว้ ำ่ จะเป็นอวยั วะที่ใชพ้ ลงั งำน
สูง คือ สมองมนุษยป์ ัจจบุ นั กินพลงั งำนประมำณ 13 วตั ตต์ ่อวนั หรือ 260 กิโลแคลอรี ซ่ึงเป็น 1/5 ของพลงั งำนท่ีร่ำงกำยใช้
ท้งั หมดตอ่ วนั โดยเฉล่ีย แตก่ ำรใชเ้ ครื่องมือเพ่ิมข้นึ ทำใหส้ ำมำรถแล่เอำเน้ือสัตวซ์ ่ึงมีพลงั งำนสูงได้ และช่วยใหส้ ำมำรถ
จดั กำรอำหำรพืชท่ีมีพลงั งำนสูงได้ ดงั น้นั นกั วจิ ยั จึงไดเ้ สนอว่ำ hominin ในยคุ ตน้ ๆ อำจอยใู่ ตค้ วำมกดดนั ทำงวิวฒั นำกำร
เพือ่ เพิ่มสมรรถภำพในกำรสร้ำงและใชเ้ ครื่องมือ เพื่อท่ีจะลดขนำดทำงเดนิ อำหำรที่ตอ้ งมีถำ้ ตอ้ งบริโภคอำหำรที่มีพลงั งำน
ต่ำ แลว้ ใชพ้ ลงั งำนสำหรับบริหำรทำงเดินอำหำรในกำรบริหำรสมองแทน

เวลำที่มนุษยย์ คุ แรก ๆ เร่ิมใชเ้ ครื่องมือเป็นสิ่งท่ีกำหนดไดย้ ำก เพรำะวำ่ เครื่องมือยิ่งงำ่ ย ๆ เทำ่ ไร (เช่น หินมีคม) กจ็ ะ
แยกแยะว่ำเป็นวตั ถุธรรมชำติหรือเป็นส่ิงประดิษฐ์ยำกย่งิ ข้นึ เทำ่ น้นั มีหลกั ฐำนบำ้ งวำ่ hominin สำย australopithecine
(กำเนิด 4 ลำ้ นปี ก่อน) ใชก้ อ้ นหินแตกเป็นเคร่ืองมือ เม่ือ 3.4 ลำ้ นปี ก่อน แตเ่ รื่องน้ียงั ไม่มีขอ้ ยตุ ิ[D]

ควรจะสังเกตวำ่ มีสัตวห์ ลำยสปี ชีส์ท่ีทำและใชเ้ คร่ืองมือ แต่เป็นสกลุ ตำ่ ง ๆ ของมนุษยท์ ีท่ ำและใชเ้ คร่ืองมือท่ีซบั ซอ้ น
เหนือกว่ำสัตวอ์ นื่ ๆ ท้งั หมด เครื่องมือหินเก่ำแก่ท่ีสุดท่ีชดั เจนเป็นเครื่องมือหินเทคโนโลยี Oldowan จำกประเทศเอธิโอเปี ย
อำยปุ ระมำณ 2.6 ลำ้ นปี เป็นช่ือตำมสถำนที่คือโกรกธำร Olduvai gorge ท่ีพบตวั อยำ่ งเคร่ืองมือหินเป็นคร้ังแรก ซ่ึงเกิดข้นึ
ก่อนสกลุ Homo แรกสุด คอื H. habilis ที่ 2.3 ลำ้ นปี และยงั ไมม่ ีหลกั ฐำนว่ำมีสกุล Homo ท่ีเกิดข้ึนโดย 2.5 ลำ้ นปี ก่อน แต่ว่ำ
มีซำกดึกดำบรรพข์ อง Homo ท่ีพบใกลเ้ ครื่องมือ Oldowan แมว้ ำ่ จะมีอำยปุ ระมำณเพยี ง 2.3 ลำ้ นปี (คอื เครื่องมือหินที่พบ
เก่ำแก่กวำ่ ) ซ่ึงบอกเป็นนยั ว่ำ บำงทีมนุษย์ Homo อำจจะเป็นผสู้ ร้ำงและใชเ้ ครื่องมือเหลำ่ น้ี แตเ่ ป็นเร่ืองเป็นไปไดท้ ่ียงั ไม่มี
หลกั ฐำนท่ีชดั เจน และมีนกั วิชำกำรบำงพวกที่สันนิษฐำนว่ำเป็น hominin สำย Australopithecine ท่ีสร้ำงเคร่ืองมือหินข้ึน
เป็ นพวกแรก[D]

นกั วชิ ำกำรบำงท่ำนให้ขอ้ สงั เกตว่ำ hominin สกลุ Paranthropus น้นั อยรู่ ่วมกบั สกุล Homo ในเขตท่ีพบเคร่ืองมือหิน
Oldowan เป็นคร้งั แรก ในช่วงเวลำเดียวกนั ถึงแมว้ ่ำจะไม่มีหลกั ฐำนโดยตรงท่ีบง่ วำ่ Paranthropus เป็นผสู้ ร้ำงเคร่ืองมือ แต่
ลกั ษณะทำงกำยวภิ ำคกใ็ หห้ ลกั ฐำนโดยออ้ มถึงควำมสำมำรถในเร่ืองน้ี แต่นกั บรรพมำนุษยวิทยำโดยมำกมีมติพอ้ งกนั วำ่
มนุษย์ Homo รุ่นตน้ ๆ เป็นผสู้ ร้ำงและผใู้ ชเ้ คร่ืองมือ Oldowan ที่พบโดยมำก ไมใ่ ช่ australopithecine เช่น Paranthropus คือ
อำ้ งว่ำ เม่ือพบเคร่ืองมือ Oldowan กบั ซำกมนุษย์ ก็จะพบ Homo ดว้ ย แต่บำงคร้ังจะไม่พบ Paranthropus

15

ในปี ค.ศ. 1994 มีงำนวจิ ยั ท่ีใชก้ ำยวิภำคของหวั แมม่ ือท่ีสำมำรถจบั ส่ิงของร่วมกบั น้ิวอืน่ ได้ (opposable thumb) เป็นฐำนใน
กำรอำ้ งวำ่ ท้งั สกุล Homo และ Paranthropus สำมำรถสร้ำงและใชเ้ คร่ืองมือได้ คอื ไดเ้ ปรียบเทียบกระดูกและกลำ้ มเน้ือของ
หวั แม่มือระหวำ่ งมนุษยก์ บั ลิงชิมแปนซี แลว้ พบวำ่ มนุษยม์ ีกลำ้ มเน้ือ 3 ชิ้นท่ีชิมแปนซีไม่มี นอกจำกน้นั แลว้ มนุษยย์ งั มี
กระดูกฝ่ ำมือ ที่หนำกว่ำและมีหวั กระดูกที่กวำ้ งกว่ำ ซ่ึงสำมำรถทำใหจ้ บั สิ่งของไดแ้ มน่ ยำกว่ำชิมแปนซี นกั วจิ ยั ยนื ยนั ว่ำ
กำยวิภำคปัจจุบนั ของหวั แม่มือมนุษยเ์ ป็นกำรตอบสนองทำงววิ ฒั นำกำรเก่ียวกบั กำรที่ตอ้ งทำและใชเ้ ครื่องมือ ซ่ึง hominii
ท้งั สองสปี ชีส์สำมำรถทำเครื่องมอื ได้

เครื่องมือหิน

เทคโนโลยี Oldowan - H. habilis/อื่น ๆ - ยคุ หินเก่ำต้น

กำรใชเ้ ครื่องมือหินมีหลกั ฐำนชดั เจนเป็นคร้ังแรกเมื่อ 2.6 ลำ้ นปี ก่อน[D] เมื่อ H. habilis ในแอฟริกำตะวนั ออกใชเ้ ครื่องมือ
หิน Oldowan ประเภท "มีดสับเน้ือ" ท่ีทำจำกหินกอ้ นกลม ๆ ทีท่ ำใหแ้ ตกโดยกำรตีแบบงำ่ ย ๆ ซ่ึงเป็นเครื่องหมำยบอกกำร
เริ่มตน้ ของยคุ หินเก่ำ ซ่ึงดำเนินไปจนสุดยคุ น้ำแขง็ สุดทำ้ ยที่ประมำณ 10,000 ปี ก่อน ยคุ หินเก่ำทเี่ ร่ิมที่ 2.6 ลำ้ นปี ก่อน โดย
แบง่ ออกเป็น 3 ช่วงคือ

- ยคุ หินเก่ำตน้ (Lower Paleolithic) หรือยคุ หินเก่ำล่ำง[AC]ซ่ึงยตุ ิที่ 350,000-300,000 ปี ก่อน
- ยคุ หินเก่ำกลำง (Middle Paleolithic) ซ่ึงยตุ ิท่ี 50,000-30,000 ปี ก่อน
- ยคุ หินเก่ำปลำย (Upper Paleolithic) หรือยคุ หินเก่ำบน ซ่ึงยตุ ิท่ี 10,000 ปี ก่อน

เทคโนโลยี Acheulean - H. ergaster/erectus - ยุคหินเก่ำต้น

ส่วนช่วงระหวำ่ ง 1.76 ลำ้ น-250,000 ปี ก่อนยงั รู้จกั วำ่ สมยั เทคโนโลยี Acheulean อีกดว้ ย[207] เพรำะเป็นช่วงที่ H.
ergaster/erectus เริ่มในแอฟริกำ และต่อจำกน้นั ก็แตง่ รอบ ๆ ส่วนคมให้มีรูปตำมที่ตอ้ งกำร

เทคโนโลยี Mousterian - Neanderthal (ยคุ หินเก่ำกลำง), H. sapiens (ยุคหินกลำงแอฟริกำ)

หลงั จำก 300,000 ปี ก่อนในช่วงยคุ หินเก่ำกลำง เทคนิคที่ละเอียดข้นึ ท่ีเรียกว่ำ Levallois technique กพ็ ฒั นำข้นึ (เป็นสมยั
Mousterian) ซ่ึงเป็นกำรตีหินเป็นลำดบั เป็นเทคนิคทใ่ี ชส้ ร้ำงหวั แหลม (points), หินขดู (scraper), หินแล่ (slicer), และเขม็
เจำะ (awl) และเช่ือวำ่ มนุษย์ Neanderthal ไดพ้ ฒั นำข้นึ ดว้ ย เพรำะพบเคร่ืองมือหินที่เก่ำแก่ที่สุดในประเทศฝร่ังเศสท่ี
ประมำณ 300,000 ปี ก่อน

16

เทคโนโลยนี ้ีก็พบในท่ีอืน่ ๆ อกี ดว้ ย คอื ท่ีเลแวนต์ บำงส่วนของแอฟริกำ เอเชียกลำง และไซบีเรีย โดยในแอฟริกำ
เทคโนโลยีกลมุ่ น้ีจะเรียกว่ำเป็นเคร่ืองมือช่วงยคุ หินกลำง (Middle Stone Age) และสัมพนั ธก์ บั มนุษยก์ ลมุ่ อนื่ ๆ ที่ไม่ใช่นี
แอนเดอร์ทำล (เพรำะไมม่ ีมนุษยก์ ลมุ่ น้ีในแอฟริกำ) เทียบกบั ในยโุ รปทเี่ ทคโนโลยีสัมพนั ธก์ บั มนุษยก์ ลุม่ นีแอนเดอร์ทำล
และเรียกว่ำเป็นเครื่องมอื ยคุ หินเกำ่ กลำง (Middle Paleolithic) ในแอฟริกำ เครื่องมือเก่ำแก่สุดมีอำยุ 276,000 ปี ก่อน โดยกำร
หำอำยทุ ี่น่ำเช่ือถือมำกท่ีสุด (ณ โบรำณสถำน Gademotta ประเทศเอธิโอเปี ย)

วัฒนธรรม Aurignacian - H. sapiens - ยคุ หนิ เก่ำกลำงและปลำย

ประมำณระหวำ่ ง 47,000-28,000 ปี ในยคุ หินเก่ำปลำย ก็เกิดวฒั นธรรม Aurignacian ในยโุ รปและเอเชียตะวนั ตกเฉียงใต้ ที่
เร่ิมมีกำรสร้ำงมีดหินยำว ทำเป็นมีด ใบมีด และส่ิว เป็นช่วงเวลำน้ีดว้ ยที่เริ่มปรำกฏสิ่งต่ำง ๆ ดงั ต่อไปน้ี คือ

- ภำพศิลป์ ในถ้ำ ที่เก่ำที่สุดพบในภำคเหนือของประเทศสเปนมีอำยกุ ว่ำ 40,800 ปี ซ่ึงอำจวำดโดย H. sapiens แต่
นกั วิทยำศำสตร์บำงพวกเสนอวำ่ อำจวำดโดย Neanderthal

- ศิลปะรูปลกั ษณ์ท้งั ของสัตวแ์ ละมนุษย์
- ท่ีเก่ำท่ีสุดของมนุษยพ์ บที่ประเทศเยอรมนี เป็นรูป 3 มิติชื่อว่ำ "Venus of Willendorf" สูง 6 ซม มีอำยุ 35,000-

40,000 ปี ก่อน เป็นศิลปะรูปลกั ษณ์ของมนุษยท์ ี่เก่ำที่สุดของโลก
- ท่ีเก่ำของสตั วพ์ บท่ีประเทศเยอรมนี เป็นรูป 3 มิตทิ ำดว้ ยงำชื่อวำ่ "Lion man of the Hohlenstein Stadel" สูง

29.6 ซม มีอำยุ 40,000 ปี เป็นศิลปะรูปลกั ษณ์ทเ่ี ก่ำท่ีสุดของโลก[216]
- เครื่องดนตรี ที่เก่ำท่ีสุดในโลกเป็นขลุ่ยทำดว้ ยงำมีอำยุ 42,000 ปี พบในประเทศเยอรมนี

ส่ิงประดษิ ฐ์เหลำ่ น้ี แสดงถึงพฤติกรรมปัจจุบนั ของมนุษยท์ ่ีปรำกฏชดั เจนในช่วงน้ี (ดูเพิ่มทหี่ วั ขอ้ [[#Behavioral
modernity[|กำรเปล่ียนมำมีพฤติกรรมปัจจุบนั ]]) ซ่ึงเป็นเหตใุ หน้ กั วิชำกำรสัมพนั ธว์ ฒั นธรรม Aurignacian กบั H. sapiens
คอื มนุษยป์ ัจจบุ นั (กลมุ่ มนุษยต์ น้ ตระกูลคนยโุ รปที่เรียกวำ่ Cro-Magnon) ที่สนั นิษฐำนว่ำ อพยพเขำ้ ไปในยโุ รปในช่วงเวลำ
น้ี และทำใหเ้ กิดกำรสันนิษฐำนท่ยี งั ไมม่ ีขอ้ ยตุ ิว่ำ มนุษย์ Neanderthal อำจจะไม่สำมำรถแข่งขนั กบั มนุษยป์ ัจจุบนั ผมู้ ี
เทคโนโลยีและพฤติกรรมที่กำ้ วหนำ้ กวำ่ เช่นน้ี แลว้ จึงทำให้สูญพนั ธุไ์ ปเม่ือประมำณ 28,000 ปี ก่อน

"หินคม" เป็นเคร่อื งมอื หนิ Oldowan ซึง่ ขวานมอื อะชเู ลยี น มีดหินเหล็กไฟจากวฒั นธรรม Venus of Willendorf พบใน
พบครง้ั แรกท่ีโกรกธาร Olduvai gorg (Acheulean) จากเทศมณฑล Aurignacian ประเทศฝร่งั เศส (ยุคหนิ ประเทศออสเตรีย เป็นตวั อยา่ งของศิลปะยคุ
เคนต์ สหราชอาณาจกั ร เป็น เกา่ ปลาย) หนิ เก่าปลายดา้ นลา่ ง
เครอ่ื งมือหนิ เหลก็ ไฟของ H.
ดา้ นล่าง
erectus/ergaster

17

มนุษย์กบั ไฟ

เดิมมนุษยม์ ีเพยี งอำหำรเทำ่ น้นั เป็นแหลง่ พลงั งำน ตอ่ มำเริ่มรู้จกั ใชไ้ ฟ ใชแ้ รงงำนสัตว์ กำรเพำะปลูก จึงเริ่มมีกำรใชพ้ ลงั งำน
เพมิ่ มำกข้ึน แตย่ งั ไม่มำกนกั มนุษยเ์ ร่ิมใชพ้ ลงั งำนอยำ่ งรวดเร็วในยคุ ปฏิวตั ิอตุ สำหกรรม มีกำรประดิษฐเ์ ครื่องจกั รกล เริ่ม
ใชถ้ ่ำนหิน พลงั น้ำ

ววิ ฒั นำกำรกำรใช้พลังงำน

- ยคุ แรกเริ่ม(ยคุ หินเก่ำ)มนุษยด์ ำรงชีวติ แบบงำ่ ย ๆ อยตู่ ำมธรรมชำติ
- ยคุ ล่ำสัตว(์ ยคุ หินใหม)่ มีกำรรวมกล่มุ เพื่อล่ำสตั ว์ รู้จกั ใชไ้ ฟลำ่ สัตว์
- ยคุ อุตสำหกรรมกำ้ วหนำ้ หลงั สงครำมโลกคร้ังท่ี 1 มนุษยใ์ ชเ้ ช้ือเพลิงน้ำมนั ถำ่ นหินและใชเ้ ทคโนโลยีมำกข้นึ ต

สำหกรรมเริ่มตน้ มีกำรประดิษฐเ์ คร่ืองจกั รไอน้ำ มนุษยเ์ ริ่มรู้จกั ใชเ้ ช้ือเพลิง
มนุษย์ รู้จกั ใชไ้ ฟเม่ือมีกำรระเบิดของภเู ขำไฟในอฟั ริกำ ซ่ึงเกิดข้นึ เม่ือประมำณ 4 แสนปี มำแลว้ นบั เป็นกำรคน้ พบทำง
วิทยำศำสตร์คร้ังแรกของมนุษย์ หลงั จำกน้นั ควำมเป็นอยขู่ องมนุษยก์ เ็ ริ่มดีข้นึ และไฟถูกนำมำใชป้ ระโยชนส์ ืบตอ่ กนั มำจน
ทกุ วนั น้ี มนุษยจ์ ดุ ไฟไดค้ ร้ังแรกเมื่อ 4 แสนปี ก่อน และช่วยให้มนุษยอ์ พยพจำกแอฟริกำมงุ่ หนำ้ สู่ยโุ รปได้ มนุษยใ์ นยคุ
แรกๆ ซ่ึงอำจจะเป็นในช่วงของ โฮโม อเิ ร็คตสั (Homo erectus) หรือโฮโม เออร์กสั เตอร์ (Homo ergaster) น้นั ไดจ้ ดั กำร
และใชป้ ระโยชนจ์ ำกไฟ แตก่ ็ยงั ไมช่ ดั เจนว่ำ มนุษยโ์ บรำณสำมำรถจุดไฟไดเ้ องหรือขโมยมำจำกกำรเกิดข้นึ เองตำม
ธรรมชำติ อยำ่ งปรำกฏกำรณ์ฟ้ำผ่ำ จำกกำรวิเครำะหห์ ินไฟ (flint) บริเวณพ้นื ทีท่ ำงโบรำณคดีตรงชำยฝั่งแมน่ ้ำจอร์แดน
รอยเตอร์ระบุวำ่ ทีมนกั วิจยั จำกมหำวทิ ยำลยั ฮิบรู (Hebrew University) เยรูซำเลม อสิ รำเอล ไดพ้ บอำรยธรรมเริ่มตน้ ซ่ึงมี
กำรเรียนรู้ท่จี ะจดุ ไฟ และนน่ั กลำยเป็นจุดเปล่ียนที่ทำใหม้ นุษยโ์ บรำณไดท้ ่องผจญภยั ในดินแดนท่ีไมร่ ู้จกั

กำรเปลยี่ นมำมพี ฤติกรรมปัจจบุ นั

ดูสำรนิเทศเพม่ิ เติมท่ี: ยคุ หินกลำง (แอฟริกำ) §Behavioral modernity และ กำรเปลี่ยนมำมีพฤติกรรมปัจจบุ นั
จนกระทงั่ ถึงประมำณ 50,000-40,000 ปี ก่อน กำรใชเ้ คร่ืองมือหินดูเหมือนจะมีกำรพฒั นำเป็นข้นั ๆ โดยในแตล่ ะกำ้ ว H.
habilis, H. ergaster/erectus, และ H. neanderthalensis จะเร่ิมตน้ ตรงที่สูงข้นึ จำกข้นั ก่อน ๆ แต่เม่ือเริ่มแลว้ กำรพฒั นำตอ่ ๆ
ไปจะเป็นไปอยำ่ งลำ่ ชำ้ ในปัจจบุ นั นกั บรรพมำนุษยวทิ ยำยงั พิจำรณำกนั อยวู่ ำ่ สปี ชีส์ของ Homo เหลำ่ น้ี มีลกั ษณะทำง
วฒั นธรรมหรือพฤติกรรมบำงอยำ่ งหรือหลำยอยำ่ ง ที่เหมือนกบั มนุษยป์ ัจจบุ นั เช่น ภำษำ ควำมคดิ ทำงสัญลกั ษณ์ท่ีซับซอ้ น
ควำมคดิ สร้ำงสรรคท์ ำงเทคโนโลยี ฯลฯ หรือไม่ เพรำะวำ่ มนุษยเ์ หลำ่ น้นั ดูเหมือนว่ำ จะคอ่ นขำ้ งอนุรักษนิยมในเรื่อง
วฒั นธรรม เพรำะรักษำไวซ้ ่ึงกำรใชเ้ ทคโนโลยแี บบงำ่ ย ๆ และรูปแบบกำรแสวงหำอำหำรเป็นช่วงระยะเวลำยำวนำน

18

ประมำณ 50,000 ปี ก่อน วฒั นธรรมของมนุษยป์ ัจจบุ นั จึงปรำกฏหลกั ฐำนว่ำเร่ิมพฒั นำเร็วข้นึ กำรเปลี่ยนแปลงมำมี
พฤติกรรมปัจจุบนั ไดร้ ับกำรกำหนดวำ่ เป็น "Great Leap Forward" (กำรกระโดดกำ้ วไกลไปขำ้ งหนำ้ ) ของคนยเู รเชีย หรือ
เป็น "Upper Palaeolithic Revolution" (ปฏิวตั ิยคุ หินเก่ำปลำย) เพรำะกำรปรำกฏอยำ่ งฉบั พลนั ของหลกั ฐำนทำงโบรำณคดี ท่ี
บง่ ถึงพฤติกรรมปัจจุบนั ของมนุษย์ แต่ว่ำ นกั วชิ ำกำรบำงทำ่ นก็พจิ ำรณำกำรเปล่ียนแปลงเช่นน้ีวำ่ เป็นไปอยำ่ งค่อยเป็นคอ่ ย
ไป โดยไดป้ รำกฏข้นึ แลว้ บำ้ งในสำยมนุษยโ์ บรำณแอฟริกำช่วง 200,000 ปี ก่อน ดงั ที่แสดงโดยหลกั ฐำนจำกถ้ำ Blamboo
Cave ในประเทศแอฟริกำใต้

ในช่วงน้ี มนุษยป์ ัจจบุ นั เริ่มฝังคนตำย[AB] ใชเ้ ส้ือผำ้ [AA] ลำ่ สัตวด์ ว้ ยเทคนิคท่ีซบั ซอ้ นข้นึ (เช่นใชห้ ลมุ พรำงเป็นตน้ ) และ
ทำงำนศิลป์ เกี่ยวกบั ภำพวำดในถ้ำ

เมื่อวฒั นธรรมเจริญข้นึ มนุษยก์ ลมุ่ ตำ่ ง ๆ กเ็ ร่ิมสร้ำงสิ่งใหม่ ๆ เสริมเขำ้ กบั เทคโนโลยีที่มีอยแู่ ลว้ สิ่งประดิษฐ์เช่น เบด็ ปลำ
ลูกกระดุม และเขม็ กระดูก มีควำมแตกตำ่ งกนั ระหว่ำงมนุษยก์ ลุ่มตำ่ ง ๆ ซ่ึงเป็นอะไรท่ีไมเ่ คยเห็นในวฒั นธรรมมนุษยก์ ่อน
50,000 ปี ก่อน คอื โดยทว่ั ๆ ไปแลว้ กลมุ่ ต่ำง ๆ ของ H. neanderthalensis ไม่ค่อยมีควำมแตกต่ำงกนั ทำงเทคโนโลยี

ในบรรดำตวั อยำ่ งท่ีสำมำรถหำหลกั ฐำนทำงโบรำณคดีไดข้ องพฤติกรรมมนุษยป์ ัจจบุ นั นกั มำนุษยวทิ ยำรวมเอำ

- กำรทำเคร่ืองมือเฉพำะกิจ เครื่องมือผสม หรือเครื่องมือที่ทำไดอ้ ยำ่ งละเอียดละออ (เช่นเครื่องมือหินที่ประกอบกบั
ดำ้ ม)

- อำวุธท่ีใชย้ ิงได้ (เช่นธนู)
- กำรเล่นเกมและดนตรี
- เรือหรือแพ
- เคร่ืองใชด้ ินเผำ
- กำรก่อสร้ำงและกำรจดั ระเบียบของที่อยู่
- เทคนิคกำรล่ำสตั วท์ ี่ซบั ซอ้ น
- กำรตกปลำ และกำรจบั สตั วเ์ ลก็ ๆ เช่นกระตำ่ ยเป็นตน้
- กำรหุงอำหำรและกำรปรุงอำหำร คอื ไม่ไดท้ ำนอยำ่ งดิบ ๆ
- กำรเกบ็ รักษำอำหำรเป็นเสบียง
- สัตวเ์ ล้ียง
- เครือขำ่ ยกำรแลกเปลี่ยนสินคำ้
- กำรไปไดใ้ นท่ีไกล ๆ
- ศิลปะรูปลกั ษณ์คอื รูปสัตวแ์ ละรูปมนุษยเ์ ป็นตน้ (เช่นภำพวำดในถ้ำ)
- กำรใชส้ ี เช่นสีดิน และเครื่องประดบั เพอื่ กำรประดบั ตกแต่งที่อยหู่ รือร่ำงกำย
- กำรฝังศพพร้อมกบั วตั ถุต่ำง ๆ

19

แตว่ ่ำกำรหำขอ้ ยตุ ิกย็ งั เป็นไปว่ำ มี "กำรปฏิวตั ิ" ที่เกิดโดยฉบั พลนั ท่ีนำมำสู่พฤติกรรมของมนุษยป์ ัจจุบนั หรือวำ่ เป็น
พฒั นำกำรที่เกิดข้นึ อยำ่ งคอ่ ยเป็นค่อยไปเริ่มตน้ ต้งั แต่ 250,000-300,000 ปี ก่อน นอกจำกน้นั แลว้ กย็ งั มีนกั วิชำกำรท่ีคดั คำ้ น
ดว้ ยว่ำ ตวั อยำ่ งพฤติกรรมปัจจบุ นั ใหค้ วำมสำคญั กบั หลกั ฐำนท่ีมใี นแอฟริกำนอ้ ยเกินไป (ซ่ึงหำยำกกวำ่ เกบ็ รักษำไวไ้ ดใ้ น
สภำพท่ีแยก่ วำ่ เพรำะภูมิอำกำศ) หรือคลุมเครือเกินไปเพรำะว่ำสำมำรถอธิบำยไดโ้ ดยเหตผุ ลอืน่ ท่ีงำ่ ยกว่ำ หรือมีปัญหำใน
กำรใชว้ ิธีและมำตรฐำนทดสอบเดียวกนั ในช่วงสมยั ต่ำง ๆ กนั นอกจำกน้นั แลว้ ก็เร่ิมจะปรำกฏหลกั ฐำนที่คดั คำ้ นทฤษฎี
"Great Leap Forward" (กำรกระโดดกำ้ วไปขำ้ งหนำ้ ) คือพบส่ิงประดิษฐท์ ่ีใชเ้ ป็นหลกั ฐำนแสดงพฤติกรรมปัจจุบนั ของ
มนุษยใ์ นแอฟริกำใตใ้ นช่วงยคุ หินเก่ำกลำง ที่เก่ำแก่กวำ่ ที่พบยโุ รป

ส่วนคำวำ่ Behavioral modernity (แปลว่ำ กำรมีพฤติกรรมปัจจบุ นั ) เป็นบญั ญตั ิภำษำองั กฤษที่ใชใ้ นมำนุษยวทิ ยำ โบรำณคดี
และสงั คมวทิ ยำเม่ือกลำ่ วถึงลกั ษณะสืบสำยพนั ธุ์ (trait) ท่ีทำมนุษยป์ ัจจบุ นั และบรรพบุรุษเมื่อไม่นำนน้ีใหต้ ่ำงจำกไพรเมตที่
ยงั มีชีวิตอืน่ ๆ และจำกสำยพนั ธุม์ นุษยท์ ่ีสูญพนั ธุไ์ ปแลว้ เป็นจดุ เริ่มตน้ ท่ีมนุษยส์ ปี ชีส์ Homo sapiens เร่ิมปรำกฏ
ควำมสำมำรถในกำรใชค้ วำมคิดเชิงนำมธรรม (ควำมคิดเชิงสัญลกั ษณ์ คือใชต้ วั แทนที่หมำยถึงส่ิงอน่ื ) และเริ่มแสดง
ควำมคดิ สร้ำงสรรคท์ ำงดำ้ นวฒั นธรรม พฒั นำกำรเหล่ำน้ีเช่ือว่ำมีควำมสัมพนั ธเ์ ก่ียวกบั กำเนิดภำษำ องคป์ ระกอบของ
พฤติกรรมปัจจบุ นั อำจจะรวมถึง เคร่ืองมือท่ีทำไดอ้ ยำ่ งละเอยี ด กำรตกปลำ กำรแลกเปลี่ยนสินคำ้ ระหวำ่ งกลุ่มท่ีไกลกนั กำร
ประดบั ตวั ศิลปะเชิงรูปลกั ษณ์ เกม (กำรละเล่น) ดนตรี กำรหุงอำหำร และพธิ ีกำรฝังศพ

วิวฒั นำกำรของมนุษย์ในเร็ว ๆ นีแ้ ละในปัจจบุ นั

กำรคดั เลือกโดยธรรมชำติก็ยงั เป็นไปในมนุษยป์ ัจจุบนั กลุ่มต่ำง ๆ ยกตวั อยำ่ งเช่น ในมนุษยก์ ลมุ่ ท่ีมคี วำมเส่ียงสูงตอ่ โรคท่ี
ทำใหอ้ อ่ นกำลงั อยำ่ งรุนแรงคอื โรคครู ุ[AD] ปรำกฏคนท่ีมียนี พรีออน "G127 V" ซ่ึงเป็นอลั ลีลเป็นยนี รูปแปรที่มีภูมิคมุ้ กนั
ตอ่ โรคมำกกวำ่ อลั ลีลท่ีไม่มีภมู ิคมุ้ กนั ควำมชุกของกำรกลำยพนั ธุ์ (หรือรูปแปรทำงกรรมพนั ธุ)์ เช่นน้ี เกิดข้นึ เพรำะกำรรอด
ชีวิตของบคุ คลผมู้ ีภูมิตำ้ นทำนโรค วิวฒั นำกำรที่พบในมนุษยก์ ล่มุ อ่นื ๆ รวมท้งั วยั เจริญพนั ธุ์ที่มีระยะยำวข้ึน บวกกบั กำรลด
ระดบั ของคอเลสเตอรอล กลูโคสในเลือด และควำมดนั เลือด

มีกำรเสนอว่ำ วิวฒั นำกำรของมนุษยไ์ ดเ้ ร่งเร็วข้นึ ต้งั แตเ่ กิดกำรพฒั นำทำงเกษตรกรรมและอำรยธรรมเมื่อ 10,000 ปี ก่อน
และน่ีทำใหเ้ กิดควำมแตกตำ่ งทำงกรรมพนั ธุ์อยำ่ งสำคญั ในกลุ่มต่ำง ๆ ของมนุษย์ กำรมีเอนไซมแ์ ลก็ เทสในวยั ผใู้ หญ่
(Lactase persistence) คือกำรที่ยงั มีกำรทำงำนของเอนไซมแ์ ลก็ เทสเพือ่ ยอ่ ยแลก็ โทสซ่ึงเป็นน้ำตำลในนมตลอดจนถงึ วยั
ผใู้ หญ่ เป็นอีกตวั อยำ่ งหน่ึงของววิ ฒั นำกำรที่เกิดข้นึ เร็ว ๆ น้ี เพรำะวำ่ โดยปกติของสปี ชีส์ตำ่ ง ๆ ในสตั วเ์ ล้ียงลกู ดว้ ยนม กำร
ทำงำนของเอนไซมจ์ ะลดลงอยำ่ งสำคญั หลงั จำกเลิกนม ประชำกรในประเทศต่ำง ๆ มียนี ผลิตเอนไซมแ์ ลก็ เทสในวยั ผใู้ หญ่
เป็นเปอร์เซ็นตท์ ่ีไมเ่ ท่ำกนั คือเริ่มต้งั แต่ชำวดตั ช์ที่ 99% จนถึงชำวไทยท่ี 2% และกลุ่มชนพ้ืนเมืองอเมริกนั ในสหรัฐอเมริกำ
ที่ 0% ซ่ึงส่วนสดั เช่นน้ีข้นึ อยกู่ บั ว่ำเป็นกลมุ่ ประชำกรทบ่ี ริโภคนมในวยั ผใู้ หญ่เป็นเวลำมำยำวนำนในประวตั หิ รือไม่

อยำ่ งไรกด็ ี ววิ ฒั นำกำรของมนุษยท์ ี่ปรำกฏเร็ว ๆ น้ีดูเหมือนจะจำกดั อยใู่ นเร่ืองภูมิตำ้ นทำนตอ่ โรคติดต่อโดยมำก เป็นโรคที่
มนุษยต์ ิดขำ้ มสปี ชีส์มำจำกสตั วเ์ ล้ียง แตเ่ พรำะไร้เหตกุ ดดนั ทำงกำรคดั เลือกโดยธรรมชำติ หรือเพรำะไร้โอกำสที่จะเกิดสปี

20

ชีส์ใหม่ เช่นโอกำสกำรอยแู่ ยกต่ำงหำกโดยไมต่ ิดตอ่ คนอน่ื นอกพ้นื ที่ วิวฒั นำกำรของมนุษยเ์ ร็ว ๆ น้ี (รวมที่ปรำกฏและไม่
ปรำกฏ) โดยมำกก็จะเป็นกำรเปลีย่ นควำมถี่ยีนอยำ่ งไมเ่ จำะจง (genetic drift) นอกจำกน้นั แลว้ ยงั ปรำกฏอีกดว้ ยว่ำ ท้งั มนุษย์
ท้งั วงศล์ ิงใหญแ่ อฟริกนั (รวมกอริลลำและชิมแปนซี) ปรำกฏกำรววิ ฒั นำกำรที่ชำ้ ลงจำกลิงสำยพนั ธุ์อื่น ๆ ซ่ึงอำจเกิดข้ึน
เพรำะแตล่ ะชวั่ อำยมุ ีควำมยำวนำนย่ิงข้ึน


Click to View FlipBook Version