The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kanemoto Jittima, 2024-02-25 03:39:06

วิจัยเรื่องผ้าไหมสุรินทร์

เล่มวิจัย

การออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีรูปแบบ Party Wear โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากผ้าไหมสุรินทร์ นางสาวจิตติมา บรรลือทรัพย์ รหัสนักศึกษา 63126607010 ศิลปนิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาการออกแบบเครื่องแต่งกาย คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปีการศึกษา 2566


การออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีรูปแบบ Party Wear โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากผ้าไหมสุรินทร์ นางสาวจิตติมา บรรลือทรัพย์ รหัสนักศึกษา 63126607010 ศิลปนิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาการออกแบบเครื่องแต่งกาย คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปีการศึกษา 2566


ชื่อหัวข้อวิจัย การออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีรูปแบบ Party Wear โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ผ้าไหมสุรินทร์ ผู้วิจัย นางสาวจิตติมา บรรลือทรัพย์ สาขาวิชา การออกแบบเครื่องแต่งกาย อาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.สิรัชชา ส าลีทอง คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา อนุมัติให้นับศิลปนิพนธ์ฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่ง ของการศึกษาตามหลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต .................................................................. ( ผศ.ดร.เอกพงศ์ อินเกื้อ ) คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ คณะกรรมการที่ปรึกษาศิลปนิพนธ์ ...................................................................ประธานกรรมการ (ผศ.ดร.ชนกนาถ มะยูโซ๊ะ) ............................................................กรรมการ ...........................................................กรรมการ (ผศ.ดร.เตชิต เฉยพ่วง) (ผศ.สิรัชชา ส าลีทอง) ............................................................กรรมการ ...........................................................กรรมการ (ผศ.สุภาวดี จุ้ยศุขะ) (อาจารย์ ดร.เตือนตา พรมุตตาวรงค์) ..................................................................กรรมการ (ผศ.สุวิธธ์ สาดสังข์)


ก กิตติกรรมประกาศ การวิจัยเรื่อง “การออกแบบเครื่องแต่งกาย Party Wear โดยได้รับแรงบันดาลใจจากผ้าไหมสุรินทร์” ส าเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ ผู้วิจัยขอขอบคุณอาจารย์ที่ปรึกษาและอาจารย์ประจ าสาขาวิชาการ ออกแบบเครื่องแต่งกาย มหาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ที่คอยแนะน าแนวทางการออกแบบในเรื่องเทคนิค ดีเทล วัสดุและการตัดเย็บอย่างละเอียด ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือและเว็บไซต์ต่างๆเกี่ยวกับผ้าไหมสุรินทร์ ขอขอบคุณอาจารย์สุวิธธ์สาดสังข์ ที่ให้การสนับสนุน แนะน าแนวทางการด าเนินงานปรับปรุงแก้ไขใน ข้อบกพร่อง ขอบคุณที่ปรึกษาอาจารย์สิรัชชา ส าลีทอง ที่เป็นที่ปรึกษาและให้ค าแนะน าอย่างดีมาโดยตลอด สุดท้ายขอขอบพระคุณบิดามารดา ครอบครัว เพื่อนและญาติพี่น้อง ที่คอยผลักดันให้ความช่วยเหลือเป็น ก าลังใจที่ส าคัญในทุกๆด้าน จนท าให้การศึกษาวิจัยฉบับนี้ส าเร็จลุล่วงได้ด้วยดีตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ จิตติมา บรรลือทรัพย์ ผู้วิจัย


ข บทคัดย่อ หัวข้อวิจัย การออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีรูปแบบ Party wear โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก ผ้าไหมสุรินทร์ ชื่อผู้วิจัย นางสาวจิตติมา บรรลือทรัพย์ คณะ ศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปีที่ท าการวิจัย 2566 การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาเกี่ยวกับผ้าไหมสุรินทร์ เพื่อบอกเล่าความเป็นวิถีชุมชนของคน ไทยในแถบอีสานใต้ให้เป็นที่รู้จักผ่านการออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีประเภทชุด Party Wear จ านวน 5 ชุด โดยจังหวัดสุรินทร์เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีวัฒนธรรมการทอผ้าไหมมานานและได้สืบทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรม มานานจนเป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่น่าสนใจ จังหวัดสุรินทร์มีเอกลักษณ์เฉพาะของตนเองในเรื่องผ้า ไหม ตลอดจนประเพณีวัฒนธรรมต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อการผลิตและการทอ ไม่ว่าจะเป็นลวดลายของผ้าไหม การ ผลิตเส้นไหมน้อยและกรรมวิธีการทอ ผ้าทอจังหวัดสุรินทร์มีผ้าทอที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็น ด้วยการทอจากไหมน้อย การทอด้วยลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์โดยได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากกัมพูชาและ ลวดลายที่บรรจงประดิษฐ์ขึ้นล้วนมีที่มาและมีความหมายอันเป็นมงคล การใช้สีธรรมชาติในการทอ ท าให้มีสีไม่ ฉูดฉาด มีสีสันที่มีลักษณะเฉพาะและมีฝีมือการทอที่ละเอียดและประณีต จากเรื่องราวที่กล่าวนี้ ผู้วิจัยจึงน าผ้าไหมสุรินทร์เป็นแรงบันดาลใจการออกออกแบบเครื่องแต่งกาย Party Wear โดยผ่านกระบวนการออกแบบลวดลายจากลวดลายเก่าผสมกับลายใหม่ที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วย ตัวเองและทอผ้าไหมโดยชาวบ้านจังหวัดสุรินทร์มีโครงสร้างเสื้อผ้าที่ทันสมัยและมีความคิดสร้างสรรค์ในการ ใช้ผ้าซีทรูมาตัดต่อ ทอผ้าไหมจากลวดลายที่สร้างขึ้นและน าลูกปัดมาปักตามลาย เพื่อให้เกิดรายละเอียด ตกแต่งที่มีมิติและสามารถสวมใส่ได้จริง ค าส าคัญ : ผ้าไหม, อีสานใต้, ไหมน้อย, ปาร์ตี้แวร์


ค Title Design Party Wear Dresses inspiration from the Surin Silk Author Miss.Jittima Banluesap Faculty Fine and Applied Art University Suan Sunandha Rajabhat University Year 2023 ABSTRACT The objective of this research is to study Surin silk. To tell the community way of life of Thai people in the southern northeastern region. To be known through the design of 5 sets of women's Party Wear clothing. Surin Province is a province that has a long tradition of silk weaving and has passed it down as a cultural heritage for a long time until it has its own unique identity that is interesting. Surin Province has its own unique style when it comes to silk. as well as various cultural traditions which affects production and weaving Whether the pattern of silk Production of silk threads and weaving methods Woven fabric Surin province has unique and outstanding woven fabric. whether it is by weaving from little silk Woven with a unique pattern It has been influenced by culture from Cambodia and the intricately crafted patterns all have their origins and have auspicious meanings. Using natural dyes in weaving Makes the color not flashy It has unique colors and meticulous weaving. From this story The researcher therefore took Surin silk as inspiration for designing Party Wear clothing through a process of designing patterns from old patterns mixed with new patterns created by himself and silk woven by villagers in Surin province. There is a modern clothing structure and creativity in using mesh fabric to edit. Weaving silk from the created pattern and embroidering beads according to the pattern. To create decorative details that have dimensions and can actually be worn. Keywords : Silk, Southern Isaan , Cocoon, Party Wear


ง สารบัญ บทที่ หน้า กิตติกรรมประกาศ ก บทคัดย่อ ข ABSTRACT ค สารบัญ ง สารบัญภาพ ช สารบัญตาราง ญ บทที่ 1 บทน า 1 1.1 ที่มาและความส าคัญ 2 1.2 ปัญหาของงานวิจัย 2 1.3 วัตถุประสงค์ของงานวิจัย 2 1.4 ขอบเขตของงานวิจัย 2 1.5 วิธีการด าเนินงานวิจัย 2 1.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2 1.7 นิยามศัพท์ 3 บทที่ 2 วรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง 4 2.1 ประวัติความเป็นมาของผ้าไหมสุรินทร์ 5 2.2 ผ้าไหมมัดหมี่ที่นิยมในจังหวัดสุรินทร์ 6 2.2.1 มัดหมี่โฮล 6 2.2.2 มัดหมี่อันปรม 7 2.2.3 มัดหมี่ลายต่างๆ 7 2.3 ผ้าไหมที่นิยมทอ 9 2.3.1 ผ้าโฮล 9 2.3.2 ผ้าลายลูกแก้ว 9 2.3.3 ผ้าสมอ 10 2.3.4 ผ้าอันปรม 11 2.3.5 ผ้าสาคู 11 2.3.6 ผ้ามัดหมี่ทอลายสัตว์ 12 2.4 ลายผ้าอัตลักษณ์ประจ าจังหวัดสุรินทร์ 14 2.5 ลักษณะเด่นของผ้าไหมสุรินทร์ 18 2.6 วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทอผ้าไหม 19


จ สารบัญ (ต่อ) หน้า 2.7 ขั้นตอนการทอผ้าไหม 21 2.8 วัสดุธรรมชาติที่น ามาใช้ในการย้อมไหม 23 2.9 แหล่งผ้าไหมเมืองสุรินทร์ 26 2.10 การน าผ้าไหมไปใช้ประโยชน์ 27 บทที่ 3 การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล 28 3.1 การวิเคราะห์ข้อมูล 29 3.1.1 การวิเคราะห์โครงสร้างของเครื่องแต่งกายส าหรับสุภาพสตรีในรูปแบบชุด 29 Party Wear 3.1.2 การวิเคราะห์ผ้า 32 3.2 กระบวนการรวบรวมข้อมูลทางการตลาดและการตั้งเกณฑ์ในการวิเคราะห์การตลาดสินค้า 33 3.2.1 การทดลองรายละเอียดการตกแต่งลงบนเครื่องแต่งกาย 33 3.3 เกณฑ์ในการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างและการวิเคราะห์ตัวอย่างผลงาน 37 3.3.1 สรุปเกณฑ์ในการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างและการวิเคราะห์ตัวอย่างผลงาน 38 บทที่ 4 การวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภคและวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด 39 4.1 การวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภค 40 4.2 การวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด 42 4.3 เกณฑ์การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างและวิเคราะห์ตัวอย่างผลงาน 48 บทที่ 5 สรุปผลงานวิจัย 61 5.1 แรงบันดาลใจ 62 5.2 แนวคิด 63 5.3 โครงร่าง 64 5.4 Mood & Tone 66 5.5 การตีความลวดลายจากแรงบันดาลใจ 67 5.6 เทคนิค 69 5.7 วัสดุ 70 5.8 กลุ่มเป้าหมาย 71 5.9 รูปแบบของแบรนด์ 72 5.10 ผลงานวิจัย 73 ผลงานชุดที่ 1 73 ผลงานชุดที่ 2 75


ฉ สารบัญ (ต่อ) หน้า ผลงานชุดที่ 3 78 ผลงานชุดที่ 4 80 ผลงานชุดที่ 5 83 อภิปรายและสรุปผลการวิจัย 86 ข้อเสนอแนะ 86 บรรณานุกรม 87 ภาคผนวก 88


ช สารบัญภาพ หน้า ภาพที่ 2.1 : ภาพผ้าไหมจังหวัดสุรินทร์ 5 ภาพที่ 2.2 : ภาพผ้าโฮลเปราะฮ์ 6 ภาพที่ 2.3 : ภาพผ้าโฮลเสร๊ย 6 ภาพที่ 2.4 : ภาพผ้าอันปรม 7 ภาพที่ 2.5 : ภาพผ้าไหมมัดหมี่ลายหมี่ขอ 7 ภาพที่ 2.6 : ภาพผ้าไหมมัดหมี่ลายดอกมะเขือ 8 ภาพที่ 2.7 : ภาพผ้าไหมมัดหมี่ลายนกยูง 8 ภาพที่ 2.8 : ภาพผ้าโฮลสุรินทร์ 9 ภาพที่ 2.9 : ภาพผ้าลายลูกแก้ว 10 ภาพที่ 2.10 : ภาพผ้าสมอ 10 ภาพที่ 2.11 : ภาพผ้าอันปรม 11 ภาพที่ 2.12 : ภาพผ้าสาคู 11 ภาพที่ 2.13 : ภาพผ้าไหมมัดหมี่ลายนกยูง 12 ภาพที่ 2.14 : ภาพผ้าไหมมัดหมี่ลายไก ่ 12 ภาพที่ 2.15 : ภาพผ้าไหมมัดหมี่ลายผีเสื้อ 13 ภาพที่ 2.16 : ภาพผ้าไหมมัดหมี่ลายช้าง 13 ภาพที่ 2.17 : ภาพประกาศลายผ้าประจ าจังหวัดสุรินทร์ 14 ภาพที่ 2.18 : ภาพผ้าโฮล 15 ภาพที่ 2.19 : ภาพผ้าอันปรม 15 ภาพที่ 2.20 : ภาพผ้าสมอ 16 ภาพที่ 2.21 : ภาพผ้าอันลูญซีม 16 ภาพที่ 2.22 : ภาพผ้าละเบิก 17 ภาพที่ 2.23 : ภาพผ้าสาคู 17 ภาพที่ 2.24 : ภาพผ้าหางกระรอก 18 ภาพที่ 3.1 : ภาพชุดราตรีในรูปแบบทางการส าหรับกลางวัน 29 ภาพที่ 3.2 : ภาพชุดราตรีในรูปแบบทางการส าหรับกลางคืน 30 ภาพที่ 3.3 : ภาพชุดราตรีในรูปแบบกึ่งทางการส าหรับกลางวัน 30 ภาพที่ 3.4 : ภาพชุดราตรีในรูปแบบกึ่งทางการส าหรับกลางคืน 31 ภาพที่ 3.5 : ภาพเทคนิคที่ 1 การออกแบบลายผ้า 33 ภาพที่ 3.6 : ภาพเทคนิคที่ 2 การมัดหมี่ 33


ซ สารบัญ (ต่อ) หน้า ภาพที่ 3.7 : ภาพเทคนิคที่ 3 การทอผ้าไหม 34 ภาพที่ 3.8 : ภาพเทคนิคที่ 4 การตัดต่อผ้า 34 ภาพที่ 3.9 : ภาพเทคนิคที่ 5 การปักลูกปัด 35 ภาพที่ 3.10 : ภาพเทคนิคที่ 6 การปักเพชรเย็บ 35 ภาพที่ 3.11 : ภาพเทคนิคที่ 7 การเย็บระบายซ้อนเลเยอร์ผ้า 36 ภาพที่ 3.12 : ภาพเทคนิคที่ 8 การร้อยติ้งลูกปัด 36 ภาพที่ 4.1 : ตัวอย่างผลงานที่ 1 50 ภาพที่ 4.2 : ตัวอย่างผลงานที่ 2 52 ภาพที่ 4.3 : ตัวอย่างผลงานที่ 3 54 ภาพที่ 4.4 : ตัวอย่างผลงานที่ 4 56 ภาพที่ 4.5 : ตัวอย่างผลงานที่ 5 58 ภาพที่ 5.1 : แรงบันดาลใจ 62 ภาพที่ 5.2 : แนวคิด 63 ภาพที่ 5.3 : โครงร่าง 64 ภาพที่ 5.4 : Mood & Tone 66 ภาพที่ 5.5 : ภาพการตีความลวดลายจากแรงบันดาลใจ 67 ภาพที่ 5.6 : เทคนิค 69 ภาพที่ 5.7 : วัสด 70 ภาพที่ 5.8 : กลุ่มเป้าหมาย 71 ภาพที่ 5.9 : ภาพผลงานวิจัยชุดที่ 1 73 ภาพที่ 5.10 : ภาพผลงานแบบร่างชุดที่ 1 74 ภาพที่ 5.11 : ภาพเทคนิคการปักชุดที่ 1 75 ภาพที่ 5.12 : ภาพผลงานวิจัยชุดที่ 2 75 ภาพที่ 5.13 : ภาพผลงานแบบร่างชุดที่ 2 76 ภาพที่ 5.14 : ภาพเทคนิคการปักและเย็บระบายชุดที่ 2 77 ภาพที่ 5.15 : ภาพผลงานวิจัยชุดที่ 3 78 ภาพที่ 5.16 : ภาพผลงานแบบร่างชุดที่ 3 78 ภาพที่ 5.17 : ภาพเทคนิคการปักและเย็บระบายชุดที่ 3 80 ภาพที่ 5.18 : ภาพผลงานวิจัยชุดที่ 4 80 ภาพที่ 5.19 : ภาพผลงานแบบร่างชุดที่ 4 81


ฌ สารบัญ (ต่อ) หน้า ภาพที่ 5.20 : ภาพเทคนิคการปัก ร้อยลูกปัดและตัดต่อผ้าชุดที่ 4 82 ภาพที่ 5.21 : ภาพผลงานวิจัยชุดที่ 5 83 ภาพที่ 5.22 : ภาพผลงานแบบร่างชุดที่ 5 83 ภาพที่ 5.23 : ภาพเทคนิคการปักชุดที่ 5 85


ญ สารบัญตาราง หน้า ตารางที่ 2.1 : ตารางวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทอผ้าไหม 19 ตารางที่ 2.2 : ตารางวัสดุธรรมชาติที่น ามาใช้ในการย้อมไหม 23 ตารางที่ 3.1 : ตารางวิเคราะห์ผ้า 32 ตารางที่ 3.2 : ตารางเกณฑ์การวิเคราะห์ผลงาน 37 ตารางที่ 4.1 : ตารางการวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดโดยใช้หลัก 4Ps 43 ตารางที่ 4.2 : ตารางการวิเคราะห์ Swot Analysis 44 โดยวิเคราะห์แบบ Marked (4P) ทางด้านผลิตภัณฑ์(Product) ตารางที่ 4.3 : ตารางการวิเคราะห์ Swot Analysis 45 โดยวิเคราะห์แบบ Marked (4P) ทางด้านราคา (Price) ตารางที่ 4.4 : ตารางการวิเคราะห์ Swot Analysis 46 โดยวิเคราะห์แบบ Marked (4P) ทางด้านสถานที่ (Place) ตารางที่ 4.5 : ตารางการวิเคราะห์ Swot Analysis 47 โดยวิเคราะห์แบบ Marked (4P) ทางด้านการส่งเสริมการขาย(Promotion) ตารางที่ 4.6 : ตารางเกณฑ์การวิเคราะห์ตัวอย่างผลงาน 49 ตารางที่ 4.7 : ตารางการวิเคราะห์ตัวอย่างผลงานที่ 1 51 ตารางที่ 4.8 : ตารางการวิเคราะห์ตัวอย่างผลงานที่ 2 53 ตารางที่ 4.9 : ตารางการวิเคราะห์ตัวอย่างผลงานที่ 3 55 ตารางที่ 4.10 : ตารางการวิเคราะห์ตัวอย่างผลงานที่ 4 57 ตารางที่ 4.11 : ตารางการวิเคราะห์ตัวอย่างผลงานที่ 5 59 ตารางที่ 5.1 : ตารางโครงร่างเงาจาก Runway Support 66 ตารางที่ 5.2 : ตารางวิเคราะห์ลวดลาย 68 ตารางที่ 5.3 : ตารางวิเคราะห์ผลงานชุดที่ 1 74 ตารางที่ 5.4 : ตารางวิเคราะห์ผลงานชุดที่ 2 76 ตารางที่ 5.5 : ตารางวิเคราะห์ผลงานชุดที่ 3 79 ตารางที่ 5.6 : ตารางวิเคราะห์ผลงานชุดที่ 4 81 ตารางที่ 5.7 : ตารางวิเคราะห์ผลงานชุดที่ 5 83


1 บทที่ 1 บทน า 1.1 ที่มาและความส าคัญ “ผ้าทอเมืองสุรินทร์” นับเป็นงานหัตถกรรมที่งดงามและสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน การทอผ้ามีอยู่ทั้ง ในวัฒนธรรมไทยและเขมรนับเนื่องกว่าศตวรรษ เสื้อผ้าไม่ใช่เพียงเครื่องนุ่งห่ม แต่แสดงสถานภาพทางสังคม ด้วยลวดลาย วัสดุที่ใช้ในการถักทอผ้าไหมทอมือเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนหลายแห่งในสุรินทร์ ซึ่งมีความ เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมและเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น ในหลายขั้นตอนของการผลิตนั้นเกิดในครัวเรือน แต่ก็เป็น ส่วนหนึ่งของเครือข่ายผ้าทอ จึงเรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมของการผลิตในครัวเรือนกับการแบ่งงานกันท า บาง ครัวเรือนเน้นการปลูกหม่อนและเลี้ยงไหมและผลิตเป็นเส้นไหม อีกครัวเรือนจะซื้อเส้นไหมมามัดย้อมหรือที่ เรียกว่า “มัดหมี่” จากนั้น จะขายไหมที่พร้อมส าหรับการทอให้กับอีกครอบครัวหนึ่ง จังหวัดสุรินทร์เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีวัฒนธรรมการทอผ้าไหมมานานและได้สืบทอดเป็นมรดกทาง วัฒนธรรมมานานจนเป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่น่าสนใจ หากศึกษาอย่างลึกซึ่งแล้วจะค้นพบเหตุผลหลาย ประการที่สนับสนุนว่า จังหวัดสุรินทร์มีเอกลักษณ์เฉพาะของตนเองในเรื่องผ้าไหม ตลอดจนประเพณี วัฒนธรรมต่าง ๆ ซึ่งส่งผลต่อการผลิตและการทอ ไม่ว่าจะเป็นลวดลายของผ้าไหม การผลิตเส้นไหมน้อย และ กรรมวิธีการทอ จังหวัดสุรินทร์นิยมน าเส้นไหมขั้นหนึ่งหรือไหมน้อย (ภาษาเขมร เรียก “โซกซัก”) มาใช้ในการทอ ผ้า ไหมน้อยจะมีลักษณะเป็นผ้าไหมเส้นเล็ก เรียบ นิ่ม เวลาสวมใส่จะรู้สึกเย็นสบาย นอกจากนี้การทอผ้าไหม ของจังหวัดสุรินทร์ยังมีกรรมวิธีการทอที่สลับซับซ้อน และเป็นกรรมวิธีที่ยาก ซึ่งต้องใช้ความสามารถและ ความช านาญจริง เช่น การทอผ้ามัดหมี่พร้อมยกดอกไปในตัว ซึ่งท าให้ผ้าไหมที่ได้เป็นผ้าเนื้อแน่นมีคุณค่า มี ก า รทอที่เดียวใบป ระเทศไทย จนเป็นที่สนพร ะทัยและเป็นที่ชื่นชอบของสมเด็จพระน างเจ้ า พระบรมราชินีนาถ ทรงรับสั่งว่า ใส่แล้วเย็นสบาย อีกทั้งยังใช้ฝีมือในการทออีกด้วย จากที่กล่าวมาข้างต้นนี้ท าให้เห็นว่าจังหวัดสุรินทร์มีผ้าทอที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็น ด้วยการทอจากไหมน้อย(ไหมที่สาวมาจากเส้นใยภายในรังไหม มีลักษณะนุ่ม เรียบ เงางาม) การทอด้วยลวดลาย ที่เป็นเอกลักษณ์โดยได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากกัมพูชาและลวดลายที่บรรจงประดิษฐ์ขึ้นล้วนมีที่มาและมี ความหมายอันเป็นมงคล การใช้สีธรรมชาติในการทอ ท าให้มีสีไม่ฉูดฉาด มีสีสันที่มีลักษณะเฉพาะ และมีฝีมือ การทอที่ละเอียดและปราณีต และในปัจจุบันนี้ก็ได้มีการน าผ้าทอมาพัฒนาสร้างสรรค์เสื้อผ้า โดยการออกแบบ เสื้อผ้าในรูปแบบต่างๆให้มีรูปแบบที่แปลกใหม่น่าสนใจ ท าให้คนในปัจจุบันให้ความสนใจและหันมาอนุรักษ์ผ้า ไทยทอมือกันมากขึ้นเรื่อยๆ


2 1.2 ปัญหาของงานวิจัย 1.2.1 ท าอย่างไรถึงจะน าผ้าทอมาใช้ในการออกแบบเครื่องแต่งกายได้อย่างเหมาะสมและลงตัว 1.2.2 ท าอย่างไรจึงจะน าเอาวิธีการปักมาใช้ในงานได้อย่างสวยงามและเหมาะสม 1.3 วัตถุประสงค์ของงานวิจัย 1.3.1 เพื่อศึกษาคุณสมบัติผ้าและลวดลายที่เหมาะสมในการออกแบบเครื่องแต่งกายประเภท Party Wear 1.3.2 เพื่อศึกษาเทคนิควิธีการสร้างงานดีเทลและเทคนิคที่เหมาะสม 1.3.3 เพื่อศึกษาเครื่องแต่งกายรูปแบบ party wear โดยใช้เทคนิคการปักร่วมกับผ้าทอได้อย่าง เหมาะสม 1.4 ขอบเขตของงานวิจัย 1.4.1 ศึกษาที่มาและความส าคัญของผ้าไหมของจังหวัดสุรินทร์ เพื่อน ามาใช้ในการออกแบบ สร้างสรรค์ผลงาน 1.4.2 ศึกษาลวดลายผ้าและศึกษาวิธีการทอผ้าแต่ละลาย เพื่อน ามาสร้างสรรค์การออกแบบเครื่อง แต่งกายให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน 1.4.3 ศึกษารวบรวมวิเคราะห์ข้อมูลของเรื่องผ้าไหมสุรินทร์เพื่อน ามาสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายใน รูปแบบ party wear 1.5 วิธีการด าเนินงานวิจัย 1.5.1 ศึกษาที่มาและความส าคัญของผ้าไหมสุรินทร์เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบเครื่องแต่งกาย party wear 1.5.2 ศึกษาประเภทและวิธีการออกแบบลวดลายของการทอผ้าไหม 1.5.3 ศึกษาเทคนิคที่จะใช้ในงาน เพื่อน ามาประกอบใช้ในการท างาน 1.5.4 รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ท าการศึกษามา เพื่อมาปฏิบัติในการท างาน 1.5.5 สรุปผลการวิจัย 1.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.6.1 ท าให้ทราบถึงที่มาและความส าคัญของผ้าไหมสุรินทร์ 1.6.2 เพื่อท าให้คนในปัจจุบันหันมาสนใจในผ้าไทยและอนุรักษ์ในผ้าไทยมากขึ้น 1.6.3 เพื่อท าให้คนสนใจในผ้าไทยที่น ามาประยุกต์โดยใช้เทคนิคกับวัสดุต่างๆมากขึ้น


3 1.7 นิยามศัพท์ โฮล หมายถึง ไหล ที่มาจากค าว่าโฮร ในภาษาเขมรแปลว่าไหล เป็นลายผ้าเสมือนสายน้ าที่ไหล เดิมที ผู้หญิงจะใส่ซิ่นโฮลแต่ในปัจจุบันทั้งชายและหญิงประยุกต์ผ้าโฮลเป็นเครื่องแต่งกายในวาระส าคัญ เช่น งาน แต่งงาน เทศกาล ตามลวดลายดั้งเดิมนั้น โฮลประกอบด้วยสี 3 สีที่ย้อมจากวัสดุธรรมชาติ แดงจากครั่ง เหลืองจากเขและขนุน และน้ าเงินจากคราม (https://www.sac.or.th วันที่สืบค้น 20 มีนาคม 2566) อันลูยฃีม หากแปลเป็นไทยคือ “คลานมาสยาม” อันลูยฃีมเป็นลายผ้าดั้งเดิมอีกลายหนึ่งและเป็นหนึ่ง ในลายผ้าอัตลักษณ์ประจ าจังหวัดสุรินทร์ (https://www.sac.or.th วันที่สืบค้น 20 มีนาคม 2566) ไหมน้อย (หรือในภาษาเขมรเรียกว่า โซดซัด) คือ ไหมเส้นเล็ก ซึ่งเกิดจากที่ตัวหม่อน ชักใยเป็นรังไหม รอบๆตัวเมื่อเข้าสู่ดักแด้ ในตอนแรกของการเริ่มชักใย ตัวหม่อนจะชักเส้นไหมเป็นเส้นใหญ่ๆ ลักษณะผิวไม่ เรียบสม่ าเสมอ ไหมระยะนี้เมื่อน าไปทอจะเรียกว่าไหมบ้าน ท าให้ผ้าทอมีเนื้อหนาและมีพื้นผิวของผ้าไม่เรียบ มีปุ่มปมของไหมที่ไม่เสมอกัน (https://web.facebook.com วันที่สืบค้น 20 มีนาคม 2566)


4 บทที่ 2 วรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง เป็นการรวบรวมข้อมูลที่ได้พูดถึงผ้าไหมสุรินทร์ที่ประกอบด้วยเนื้อหาผ้าทอของสุรินทร์ศึกษาที่มา และความส าคัญของผ้าทอของจังหวัดสุรินทร์ลวดลายที่ใช้ทอ ลายผ้าอัตลักษณ์ประจ าจังหวัด ผ้าไหมที่นิยม ทอ รวมถึงศึกษาวัสดุ เทคนิค และทดลองท า ที่ได้น ามาใช้ในงานวิจัย โดยการวิจัยบทนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาลวดลายที่ใช้ทอเพื่อน ามาใช้ให้เกิดแนวทางการออกแบบงานวิจัย ที่มีโครงสร้างเครื่องแต่งกายที่แปลก ใหม่กว่าเดิม รวมไปถึงได้ท าการศึกษาข้อมูลทฤษฎีต่างๆที่เกี่ยวข้องและมีความส าคัญต่องานวิจัยทั้งหมดเพื่อ น ามาสร้างสรรค์ในการออกแบบเครื่องแต่งกายรูปแบบ Party wear โดยผู้วิจัยได้แบ่งหัวข้อเป็นทั้งหมดดังนี้ 2.1 ประวัติความเป็นมาของผ้าไหมสุรินทร์ 2.2 ผ้าไหมมัดหมี่ที่นิยมในจังหวัดสุรินทร์ 2.2.1 มัดหมี่โฮล 2.2.2 มัดหมี่อันปรม 2.2.3 มัดหมี่ลายต่างๆ 2.3 ผ้าไหมที่นิยมทอ 2.3.1 ผ้าโฮล 2.3.2 ผ้าลายลูกแก้ว 2.3.3 ผ้าสมอ 2.3.4 ผ้าอันปรม 2.3.5 ผ้าสาคู 2.3.6 ผ้ามัดหมี่ทอลายสัตว์ 2.4 ลายผ้าอัตลักษณ์ประจ าจังหวัดสุรินทร์ 2.5 ลักษณะเด่นของผ้าไหมสุรินทร์ 2.6 วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทอผ้าไหม 2.7 ขั้นตอนการทอผ้าไหม 2.8 วัสดุธรรมชาติที่น ามาใช้ในการย้อมไหม 2.9 แหล่งผ้าไหมเมืองสุรินทร์ 2.10 การน าผ้าไหมไปใช้ประโยชน์


5 2.1 ประวัติความเป็นมาของผ้าไหมสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีวัฒนธรรมการทอผ้าไหมมานานและได้สืบทอดเป็นมรดกทาง วัฒนธรรมมานานจนเป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่น่าสนใจ ยิ่งหากศึกษาอย่างลึกซึ้งแล้วจะค้นพบเหตุผลหลาย ประการที่สนับสนุนว่า จังหวัดสุรินทร์มีเอกลักษณ์เฉพาะของตนเองในเรื่องผ้าไหม ตลอดจนประเพณี วัฒนธรรมต่าง ๆ ซึ่งส่งผลต่อการผลิตและการทอ ไม่ว่าจะเป็นลวดลายของผ้าไหม การผลิตเส้นไหมน้อย และ กรรมวิธีการทอ ผ้าไหมของจังหวัดสุรินทร์มีการผลิตมานานแล้วและยังคงรักษารูปแบบ สีสัน ลวดลาย ความประณีต บรรจงรวมถึงเทคนิคการทอแบบโบราณอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นไว้ได้ดีจนถึงปัจจุบัน คนชาติพันธุ์เขมร ลาว และกูย ในจังหวัดสุรินทร์ล้วนสืบสานงานทอผ้ามาจากบรรพบุรุษซึ่งมีทั้งความแตกต่างกันด้านเทคนิคการ ทอ ลวดลาย การให้สี การย้อมสีและวัตถุดิบที่ใช้ ในขณะเดียวกันก็มีการถ่ายทอดลวดลาย กรรมวิธีการผลิตซึ่ง กันและกันเสมอ แต่ผ้าทอของกลุ่มชาติพันธุ์เขมรมีเอกลักษณ์เด่นชัดที่สุดมีความกลมกลืนกันของลวดลายและ สีสัน สีย้อมนั้นนิยมใช้สีธรรมชาติที่ได้จากพืชหลายชนิด รวมถึงผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ท าให้ผ้าไหมที่ผลิตออกมามี สีเย็นตาไม่ฉูดฉาด กระบวนการผลิตผ้าไหมนั้นเริ่มต้นจากการปลูกต้นหม่อน การเลี้ยงตัวไหม สาวไหม ออกแบบ ลวดลาย การย้อมสี แล้วจึงน ามาทอเป็นผืนผ้า ในแต่ละขั้นตอนล้วนต้องอาศัยความละเอียดอ่อน ความช านาญ และมีใจรักของช่างทอ นอกจากนี้การทอผ้าไหมของจังหวัดสุรินทร์ยังมีกรรมวิธีการทอที่สลับซับซ้อน และเป็น กรรมวิธีที่ยาก ซึ่งต้องใช้ความสามารถและความช านาญจริง เช่น การทอผ้ามัดหมี่พร้อมยกดอกไปในตัว ซึ่งท า ให้ผ้าไหมที่ได้เป็นผ้าเนื้อแน่นมีคุณค่า มีการทอที่เดียวในประเทศไทย จนเป็นที่สนพระทัยและเป็นที่ชื่นชอบ ของสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ ทรงรับสั่งว่า ใส่แล้วเย็นสบาย อีกทั้งยังใช้ฝีมือในการทออีกด้วย ภาพที่ 2.1 : ภาพผ้าไหมจังหวัดสุรินทร์ ที่มา : https://th.bing.com สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566


6 2.2 ผ้าไหมมัดหมี่ที่นิยมในจังหวัดสุรินทร์ 2.2.1 มัดหมี่โฮล หรือ จองโฮล (จองเป็นภาษาเขมร หมายถึง ผูกหรือมัด) หรือ ซัมป็วตโฮล เป็นหนึ่ง ในผ้าไหมมัดหมี่ของเมืองสุรินทร์ มัดหมี่แม่ลายโฮล ถือเป็นแม่ลายหลักของผ้ามัดหมี่สุรินทร์ที่มีกรรมวิธีการมัด ย้อมด้วยวิธีเฉพาะ ไม่เหมือนที่ใดๆ ความโดดเด่นของการมัดย้อมแบบจองโฮล คือในการมัดย้อมแบบเดียวนี้ สามารถทอได้ 2 ลาย คือ โฮลผู้หญิง (โฮลแสร็ย) หรือผ้าโฮลธรรมดา และสามารถทอเป็นผ้าโฮลผู้ชาย (โฮล เปราะฮ์) ไว้นุ่งในงานพิธี ภาพที่ 2.2 : ภาพผ้าโฮลเปราะฮ์ ที่มา : https://sites.google.com สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566 ภาพที่ 2.3 : ภาพผ้าโฮลเสร๊ย ที่มา : https://www.sabuymarket.com สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566


7 2.2.2 มัดหมี่อัมปรม หรือ จองกรา เป็นการมัดหมี่ทั้งเส้นพุ่งและเส้นยืน ซึ่งมีปรากฏที่จังหวัดสุรินทร์ แห่งเดียวในประเทศไทย การมัดหมี่อัมปรมนี้จะทอให้ส่วนที่มัดเป็น “กราปะ” คือ จุดปะขาวของเส้นยืน มา ชนกับจุดปะขาวของเส้นพุ่ง ให้เป็นเครื่องหมายบวกบนสีพื้น เช่น การทอบนพื้นสีแดงซึ่งย้อมด้วยครั่ง ก็ เรียกว่า อัมปรมครั่ง การทอบนพื้นสีม่วง ก็เรียกว่า อัมปรมปะกากะออม ภาพที่ 2.4 : ภาพผ้าอันปรม ที่มา : https://www.otoptoday.com สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566 2.2.3 มัดหมี่ลายต่างๆ หรือ จองซิน เป็นมัดหมี่ที่เหมือนจังหวัดอื่นๆ ทั่วๆ ไป มีหลายลาย แบ่งได้ดังนี้ 1. มัดหมี่ลายธรรมดา เช่น ลายหมี่ข้อ หมี่คั่น หมี่โคม ซึ่งจะพบมากที่ บ้านจารพัต อ าเภอศีขรภูมิ บ้านสดอ บ้านนาโพธิ์ บ้านเขวาสินรินทร์ ต าบลเขวาสินรินทร์ อ าเภอเขวาสินรินทร์ บ้านสวาย บ้านนาแห้ว ต าบลสวาย อ าเภอเมืองสุรินทร์ ภาพที่ 2.5 : ภาพผ้าไหมมัดหมี่ลายหมี่ขอ ที่มา : https://www.marbasket.com สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566


8 2. มัดหมี่ลายกนก เช่น ลายพุ่มข้าวบิณฑ์ ลายสับปะรด ลายพระตะบอง ลายก้านแย่ง ลายพนมเปญ ลายดอกมะเขือ ส่วนมากจะพบที่ บ้านสวาย ต าบลสวาย อ าเภอเมืองสุรินทร์ บ้านอู่โลก ต าบลอู่โลก อ าเภอ ล าดวน ภาพที่ 2.6 : ภาพผ้าไหมมัดหมี่ลายดอกมะเขือ ที่มา : https://www.marbasket.com สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566 3. มัดหมี่ลายรูปสัตว์ ต้นไม้ และลายผสมอื่นๆ เช่น รูปนก ไก่ ผีเสื้อ ช้าง ม้า นกยูง ปลาหมึก พญานาค น ามาผสมกับลายต้นไม้ดอกไม้ต่างๆ หรือทอลายสัตว์เดี่ยวๆ ตลอดผืน พบมากเกือบทุกหมู่บ้าน ผ้ายกดอกลายดอกพิกุล หรือ ปกาปกุน ผ้ายกดอกลายนี้จะย้อมเส้นด้ายยืนสีเดียวและอาจใช้สีอื่นคั่นระหว่าง ดอกก็ได้ การเก็บตะกอ 4 ตะกอ โดยการทอลายขัดเป็นพื้น 2 ตะกอ ส่วนอีก 2 ตะกอเป็นลวดลายการทอลาย นี้จะทอทีละตะกอ จะพบที่บ้านเขวาสินรินทร์เป็นส่วนใหญ่ ภาพที่ 2.7 : ภาพผ้าไหมมัดหมี่ลายนกยูง ที่มา : https://th.bing.com สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566


9 2.3 ผ้าไหมที่นิยมทอ 2.3.1 ผ้าโฮล ผ้าโฮล เป็นผ้ามัดหมี่ที่มีลักษณะเฉพาะ มีสีสันและลวดลายมัดหมี่ที่โดดเด่น สามารถทอได้ 2 ลาย คือ โฮลผู้หญิง (โฮลแสร็ย) หรือผ้าโฮลธรรมดา และสามารถทอเป็นผ้าโฮลผู้ชาย (โฮลเปราะฮ์) ลักษณะการทอจะ ทอเป็น จุดประ สลับกับเส้นตรง โดยใช้ไหมคู่ 2 สีทอสลับกันเป็นลาย ตลอดไปทั้งผืน มีลักษณะเป็นลายริ้ว สลับกับลายมัดหมี่ ที่มีความกว้างประมาณครึ่งนิ้ว สลับกันไป ผ้าโฮลเป็นผ้าที่มีคุณภาพดีมาก เพราะการทอ ผ้าชนิดนี้ใช้เส้นไหมที่มีขนาดเล็ก เรียบ ละเอียดในการทอ จึงท าให้ได้ผ้าที่มีเนื้อแน่นเนียน เงางามบางเบา เวลาสวมใส่จะรู้สึกพลิ้วสบาย ลวดลายก็เป็น แบบฉบับของกลุ่มชาติพันธุ์คนไทยเชื้อสายเขมรแถบอีสานใต้ โดยเฉพาะในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมจาก ศิลปะของเขมร สีที่ใช้ในการทอผ้าโฮลนิยมใช้สี หลักๆ เช่น สีแดง สีด า สีน้ าเงิน สีเหลือง สีเขียว สีส้ม เป็นต้น การทอผ้าโฮล จะใช้ฟืมหรือฟันหวี 42 นิ้ว เป็นผ้ามัดหมี่ 3 ตะกอ ชาวสุรินทร์ส่วนมากเมื่อเริ่มทอผ้า โฮลจะต้องทอสีเขียวก่อน เรียกว่า การเปิดตา แล้วตามด้วยทอมัดหมี่ โดยมีเส้นพุ่งสีอื่นทอสลับประกอบ ได้แก่ สีน้ าเงิน สีแดง สีเขียว และเส้นหางกระรอก ภาพที่ 2.8 : ภาพผ้าโฮลสุรินทร์ ที่มา : https://cf.shopee.co.th สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566 2.3.2 ผ้าลายลูกแก้ว ผ้าลายลูกแก้ว ลักษณะเป็นผ้าทอยกดอก มีโครงสร้างของลายเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน มีเกสรอยู่ ตรงกลาง กรอบนอกของดอกอาจจะมีชั้นเดียวหรือสองชั้นขึ้นอยู่กับจ านวนตะกอ ถ้ามีตะกอจ านวนมาก ความ ละเอียดของลายผ้าจะมีมากเช่นเดียวกัน ส่วนสีของผ้ามี 2 แบบ คือ สีเดิมของเส้นไหม ส่วนมากเป็นสีเหลือง หรือสีทอง หรือไหมสีขาว ดูคล้ายกับสีขาวนวลเหมือนกับสีของกระจกใส และสีที่ย้อมจากสีธรรมชาติและสี สังเคราะห์


10 ภาพที่ 2.9 : ภาพผ้าลายลูกแก้ว ที่มา : https://cf.shopee.co.th สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566 2.3.3 ผ้าสมอ ผ้าสะมอ เป็นผ้าของกลุ่มชาวไทยเชื้อสายเขมรในบริเวณอิสานใต้ ได้แก่ บริเวณจังหวัดสุรินทร์บุรีรัมย์ เป็นผ้าในกลุ่มของผ้าลายอันลูน หรือผ้าลายตาราง ซึ่งใช้ไหมพุ่งและไหมยืนหลายสีแบบเดียวกัน ทอขัดกัน เกิด เป็นตาราง ลวดลายมีลักษณะเป็นตารางสี่เหลี่ยมเล็กๆ ประกอบด้วยสีด าเหลืองทองและเขียวขี้ม้า ส่วนมากคน สูงอายุจะนิยมนุ่ง และใช้ในชีวิตประจ าวัน เพราะสีย้อมมีความคงทนต่อการซักล้างได้ดี ผ้านุ่งลายนี้จะมีการทอ โดยไม่มัดหมี่ เน้นสีจากเข้ม ภาพที่ 2.10 : ภาพผ้าสมอ ที่มา : https://encrypted-tbn0.gstatic.com สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566


11 2.3.4 ผ้าอันปรม อัมปรม เป็นลายมัดหมี่โบราณของชาวไทยเชื้อสายเขมร ที่มีการสืบทอดมาอย่างยาวนาน ความพิเศษ ของผ้าอัมปรม คือ เป็นผ้าที่มีกรรมวิธีการมัดหมี่แบบสองทาง คือมัดทั้งเส้นพุ่ง และเส้นยืน ซึ่งแตกต่างจาก กรรมวิธีการมัดหมี่ทั่วไปในภาคอีสานของประเทศไทย ที่นิยมมัดหมี่เฉพาะเส้นพุ่งเท่านั้น เอกลักษณ์และ ลักษณะพิเศษของผ้าอัมปรม คือ จะปรากฏลวดลายที่เป็นลายตารางสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็กๆ ประมาณหัวเข็มหมุด ที่เกิดจากการมัดย้อมเส้นไหมทั้งเส้นพุ่งและเส้นยืน ให้มีลักษณะเป็นขีดเล็กๆ สั้นๆ สีขาว เมื่อน ามาทอเป็นผืน ผ้าแล้ว ลายขีดสีขาวนี้จะลอยเด่นขึ้นมาจากสีพื้น ในลักษณะเป็นเหมือนเครื่องหมายกากบาท หรือเครื่องหมาย บวก ในช่องตารางสีเหลี่ยมเล็กเหล่านั้นทุกช่องเต็มทั้งผืนผ้า ส่วนของเส้นมัดหมี่สีขาว ทั้งเส้นยืนและเส้นพุ่งที่ ตัดกันเป็นเครื่องหมายบวกหรือกากบาท นั้นจะเรียกว่า “ลายกราประ” ภาพที่ 2.11 : ภาพผ้าอันปรม ที่มา : https://www.google.com สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566 2.3.5 ผ้าสาคู ผ้าไหมลายสาคู ลักษณะเป็นพื้นสีแดง ลายตารางสีเขียว สีน้ าเงิน กรรมวิธีการทอใช้ไหมเส้นกลางใน การทอ ลักษณะพิเศษจะใช้เส้นไหมมัดหมี่แทรกเข้าไปบนผืนผ้า ทอขัดสลับสีเส้นพุ่งและเส้นยืนจนสานกันเป็น ลายตาราง ทอแบบ 2 ตะกอ จะทอแน่น ละเอียดและใช้สีธรรมชาติในการทอ ภาพที่ 2.12 : ภาพผ้าสาคู ที่มา : https://3.bp.blogspot.com สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566


12 2.3.6 ผ้ามัดหมี่ทอลายสัตว์ ผ้าไหมมัดหมี่ในจังหวัดสุรินทร์มีทอหลายแบบทั้งลายธรรมาดา ลายกนก แต่จะนิยมทอเป็นลายสัตว์ สะส่วนใหญ่ โดยผู้สร้างได้แรงบันดาลใจจากสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวในชีวิตประจ าวัน และทอลายสัตว์แบบต่างๆ เช่น ลายพญานาค ลายนกยูง ลายผีเสื้อ ลายแม่งป่อง ลายไก่ ลายม้า ลายสิงโต ลายเสือและลายช้าง แต่ลายที่ นิยมทอมากที่สุดจะเป็นลายนกยูง ลายผีเสื้อ ลายไก่และลายช้าง ภาพที่ 2.13 : ภาพผ้าไหมมัดหมี่ลายนกยูง ที่มา : https://cf.shopee.co.th/file สืบค้นเมื่อ 21 มีนาคม 2566 ภาพที่ 2.14 : ภาพผ้าไหมมัดหมี่ลายไก่ ที่มา : https://ilongtail.com/img สืบค้นเมื่อ 21 มีนาคม 2566


13 ภาพที่ 2.15 : ภาพผ้าไหมมัดหมี่ลายผีเสื้อ ที่มา : https://บัวลาย.com/wp-content สืบค้นเมื่อ 21 มีนาคม 2566 ภาพที่ 2.16 : ภาพผ้าไหมมัดหมี่ลายช้าง ที่มา : https://encrypted-tbn0.gstatic.com สืบค้นเมื่อ 21 มีนาคม 2566


14 2.4 ลายผ้าอัตลักษณ์ประจ าจังหวัดสุรินทร์ ภาพที่ 2.17 : ภาพประกาศลายผ้าประจ าจังหวัดสุรินทร์ ที่มา : https://surin.prd.go.th สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566 ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทยเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 โดยสนับสนุนให้หน่วยงานทุกภาคส่วน รวมทั้งประชาชนทั่วไป ใช้และสวมใส่ผ้าไทยใน ชีวิตประจ าวัน ให้เกิดความแพร่หลายเกิดการอนุรักษ์และสืบสานผ้าไทยอย่างเป็นรูปธรรม และยั่งยืน เพื่อสืบ สานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และน้อมน าลึก ในพระมหากรุณาที่คุณอันหาที่สุดไม่ได้ ที่ทรงพระวิริยะอุตสาหะปฏิบัติพระราชกรณียกิจในการส่งเสริมเรื่องผ้า ไทยและสิ่งทอท้องถิ่นที่เกือบสูญหายไปให้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง พร้อมยกระดับผ้าไทยให้มีความโดด เด่นและมีชื่อเสียงในเวทีโลก เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้และน าไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของ ประชาชนให้ดียิ่งขึ้น จังหวัดสุรินทร์จึงได้ประกาศลายผ้าที่เป็นอัตลักษณ์ประจ าจังหวัดสุรินทร์ ที่แสดงถึงความเป็นอัต ลักษณ์พื้นถิ่นและสะท้อนให้เห็นมรดกภูมิปัญญาวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ อันโดดเด่น ของจังหวัดสุรินทร์ดังนี้ 1. ผ้าโฮล 2. ผ้าอัมปรม,อันปรม 3. ผ้าสมอ,ผ้าสะมอ,ซมอ 4. ผ้าอันลุยซีม,อันลูนซีม,อันลูญซีม 5. ผ้าละเบิก 6. ผ้าสาคู 7. ผ้าหางกระรอก,ผ้ากะเนียว


15 ภาพที่ 2.18 : ภาพผ้าโฮล ที่มา : https://surin.prd.go.th สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566 ภาพที่ 2.19 : ภาพผ้าอันปรม ที่มา : https://surin.prd.go.th สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566


16 ภาพที่ 2.20 : ภาพผ้าสมอ ที่มา : https://surin.prd.go.th สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566 ภาพที่ 2.21 : ภาพผ้าอันลูญซีม ที่มา : https://surin.prd.go.th สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566


17 ภาพที่ 2.22 : ภาพผ้าละเบิก ที่มา : https://surin.prd.go.th สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566 ภาพที่ 2.23 : ภาพผ้าสาคู ที่มา : https://surin.prd.go.th สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566


18 ภาพที่ 2.24 : ภาพผ้าหางกระรอก ที่มา : https://surin.prd.go.th สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566 2.5 ลักษณะเด่นของผ้าไหมสุรินทร์ 1. มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์โดยได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากกัมพูชา และลวดลายที่บรรจง ประดิษฐ์ขึ้นล้วนมีที่มาและมีความหมายอันเป็นมงคล 2. นิยมใช้ไหมน้อยในการทอ ซึ่งไหมน้อยคือไหมที่สาวมาจากเส้นใยภายในรังไหม มีลักษณะ นุ่ม เรียบ เงางามและสวมใส่เย็นสบาย 3. นิยมใช้สีธรรมชาติในการทอ ท าให้มีสีไม่ฉูดฉาด มีสีสันที่มีลักษณะเฉพาะ คือ สีจะออกโทนสี ขรึม เช่น สีน้ าตาลแดง เขียวด า เหลืองอีกทั้งยังมีกลิ่นหอมจากเปลือกไม้ 4. ฝีมือการทอจะทอแน่น มีความละเอียดอ่อนในการทอและประณีต รู้จักผสมผสานลวดลาย ต่างๆเข้าด้วยกัน แสดงถึงศิลปะที่สวยงามกว่าปกติ


19 2.6 วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทอผ้าไหม วัสดุอุปกรณ์ การใช้งาน 1. กงหรือระวิง เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ส าหรับใส่ไจเส้นด้าย ทั้งไหมและฝ้าย เพื่อ เตรียมกรอเข้าพักกับอัก หรือเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของ เส้นด้าย เช่น เก็บส่วนที่เป็นขุย ปุ่ม ปม ต่างๆ ก่อนน าไปใช้งาน 2. อักหรือกวัก เป็นเครื่องมือส าหรับคัดเส้นด้าย เช่น เส้นไหม เส้นฝ้าย รูปร่าง คล้ายระวิง เมื่อต้องการคัดเส้นด้ายจะใช้อักสาวด้ายออกจาก “กงกวัก” ในขณะที่สาวด้ายหากพบเส้นด้ายมีปมหรือไม่เรียบ ตะปุ่มต่ า ก็จะใช้มีดแกะออก เป็นการคัดเส้นด้ายให้เรียบงาม อัก ต้องใช้คู่กับ กงกวัก 3. หลาหรือไน ใช้เป็นเครื่องกรอหลอดกรอไหมใส่ไปในหลอด 4. หลอดกรอไหม ใช้ส าหรับม้วนเส้นไหม โดยเสียบไว้กับเหล็กไน เพื่อท าการกรอ ไหมพันเข้าหลอดจนได้ปริมาณตามต้องการ หลอดใหญ่มักน าไป ท าเป็นเส้นยืนหลอดเล็กใช้ส าหรับใส่ในกระสวยเป็นไหมเส้นพุ่ง


20 5. กระสวย ใช้คู่กับหลอด เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการทอผ้า มีหน้าที่ส่งเส้นด้าย พุ่งเข้าไปในด้ายเส้นยืนที่ขึงอยู่บนกี่หรือหูกทอผ้า 6. กรรไกร ใช้ส าหรับตัดไหมและตกแต่งผ้าไหม 7. ฟีมหรือฟันหวี มีลักษณะคล้ายหวีใช้ส าหรับสอดเส้นไหมยืนเพื่อจัดเส้นไหมให้ อยู่ห่างกัน และใช้กระทบไหมเส้นพุ่งให้สานขัดกับไหมเส้นยืนที่ อัดแน่นเป็นเนื้อผ้า 8. กี่ทอผ้าหรือหูก ท าให้เกิดช่องว่าง โดยสับตะกอยกแล้วแยกไหมเส้นยืนออกเป็น 2 หมู่ โดยหมู่หนึ่งขึ้นและหมู่หนึ่งลงเพื่อให้เกิดช่องว่างให้สอด เส้นไหมพุ่งผ่าน


21 9. ไม้เหยียบทอผ้า ไม้เหยียบหูก ตีนฟืม ตีนเหยียบ หรือคานเหยียบ เป็นไม้เหยียบที่ผูกเชือกเชื่อมโยงกับเขาหูกไว้เพื่อดึงให้เส้นยืน ของหูกยกขึ้นหรือดึงลงเพื่อเปิดเป็นช่องว่างให้กระสวยพุ่งผ่าน ได้ แต่ละหูกจะมีไม้เหยียบ 2-4 อัน ขึ้นกับจ านวนเขาหรือตะกอ ตารางที่ 2.1 : ตารางวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทอผ้าไหม 2.7 ขั้นตอนการทอผ้าไหม 1. การฉลุกระดาษลายมัดหมี่ หลังจากเลือกลายที่จะน ามาเป็นแบบในการมัดหมี่ได้แล้ว ให้ตั้งค่าหน้า กระดาษเท่าผ้าที่จะทอ จริง แล้วปรับขนาดลายให้เต็มหน้ากระดาษ จากนั้นก็สั่งพิมพ์ ออกมาเป็นลายบนกระดาษ สมมติว่าลาย ข้างล่างนี้เป็นลายที่พิมพ์ออกมาเเล้ว ให้น า กระดาษมาเจาะตัดส่วนที่เป็นลายออก ก็จะได้ลายที่สามารถ น าไปเป็นแบบในการมัดหมี่ได้เลย 2. วิธีการลอกลายมัดหมี่ น าลายที่ฉลุออกแล้ว วางซ้อนทับหัวหมี่ที่เตรียมไว้ เลือกต าแหน่งที่พอดีและสวยงามแล้วใช้ดินสอ เขียนจุดซ้าย – ขวา ที่ล าหมี่ตามรอยฉลุให้เป็นข้อ ๆ ไว้เพื่อที่จะมัดตาม 3. วิธีการมัดหมี่ หลังจากลอกลายตามรอยฉลุแล้ว ใช้เชือกฟางมามัดให้แน่นเพื่อป้องกันสีซึมเข้าในข้อหมี่ หลังจากมัด เสร็จก็จะได้ลายที่พิมพ์มาจากคอมพิวเตอร์ทันที 4. การมัดโอบหมี่ การมัดโอบ คือ การมัดหมี่ครั้งที่สองเพื่อเก็บสีลายจากการมัดครั้งที่หนึ่งไว้ หลังจากการมัดโอบเสร็จ แล้วน าหัวหมี่มาย้อมเป็นครั้งที่ 2 เพื่อจะให้หมี่เป็นลายอีก สีหนึ่งขั้นตอนการย้อมโอบ จะท าอยู่หลายครั้งเมื่อ ต้องการลวดลายหลากหลายสี ขึ้นอยู่กับลายที่จะน ามามัดหรือสีสันที่ต้องการ 5. การย้อมสี 1) การย้อมสีธรรมชาติ - การย้อมเครือหูกให้ต้มน้ าสีที่สกัดจากธรรมชาติประมาณ 5 ลิตรตามต้องการและน าเครือไหมลง ย้อมในหม้อ ส่วนการย้อมปอยเพื่อกรอเป็นหลอดไว้ทอผ้า ถ้าจะให้เกิดสีมีเงาสวยงามควรเลือก คนละ สีจากเครือหูก - ค่อย ๆ เร่งความร้อนขึ้นจนเดือด หมั่นพลิกไหมกลับไปกลับมาเพื่อป้องกันสีด่าง - ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง น าออกผึ่งลมให้แห้งแล้งน้ าให้สะอาด


22 2) การย้อมสีเคมีส าเร็จ - การย้อมผ้าพื้นโดยใช้สีเคมีส าเร็จ สามารถท าได้เช่นเดียวกันกับวิธีการย้อมสีจากธรรมชาติ แต่ ควรลดเวลาในการย้อมลงเหลือ 40 – 50 นาทีเท่านั้น 6. ขั้นตอนการปั่นหลอด หรือกรอหมี่ - แก้หมี่ที่มัดเป็นเปราะๆ ออกก่อน ( การแก้หมี่คือการแก้เชือกฟางที่มัดให้เป็นลวดลายต่าง ๆ ออกให้หมด ) - น าปอยหมี่ที่แก้เสร็จ ขึงใส่กง แล้วดึงเงื่อนไหมมาผูกติดกับหลอดที่อยู่เข็มไน ใช้มือปั่นหลาหรือ ไนโดยการหมุนเวียนซ้ายไปตลอด - เมื่อครบขีนของลายทันที แล้วปลดออกจากหลาหรือไนเก็บไว้เพื่อทอต่อไป 7.ขั้นตอนการสืบหูก - น าเครือไหมที่ย้อมสีเสร็จแล้ว มากางเพื่อดึงให้เส้นไหมตึงเท่ากันจน - น าเครือไหมที่ตึงเท่ากันแล้วมาต่อใส่ฟืม โดยการผูกติดกับกกหูก (กกหูก คือ ปมผ้าไหมเดิมที่ทอ ติดไว้กับฟืมโดยไม่ตัดออกเพื่อที่จะต่อเครือหูกไว้ทอครั้งต่อไป 8.วิธีการกางหูก - น าฟืมที่สืบเครือหูกแล้วไปกางใส่กี่ โดยดึงเส้นไหมตึงสม่ าเสมอทุกเส้น - หูกที่กางเสร็จแล้วจะต้องเรียงเส้นไหมหลังฟืม โดยแยกเส้นไหมออกไม่ให้ติดกันความยาว ประมาณ 1 เมตร - น าไม้หลาวกลม 2 อัน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 ซม. มาสอดคั่นให้เส้นไหมของ เครือหูกไขว้กันเป็นกากบาทอยู่ หลังฟืม เพื่อให้เลื่อนฟืมไปข้างหน้าในเวลาทอได้สะดวก


23 2.8 วัสดุธรรมชาติที่น ามาใช้ในการย้อมไหม สีย้อมที่ได้จากธรรมชาติโดยการน าส่วนต่าง ๆ ของพืช เช่น ดอก ผล ราก เปลือกล าต้น แกนล าต้น มาต้มสกัดเป็นสีย้อม วัสดุธรรมชาติ ส่วนที่ใช้ สีที่ได้ กล้วยน้ าว้า กาบหุ้มล าต้น - สีชมพูอ่อน - สีเทา กาแฟ เปลือกและเมล็ดคั่วบดละเอียด - สีน้ าตาล ขนุน แก่นต้นป่นละเอียด - สีเหลือง - สีน้ าตาล แกแล (เข) แก่น ที่มีอายุประมาณ 30 ปี ขึ้นไป - สีเหลือง ขมิ้น หัว เหง้า บดละเอียด - สีเหลือง


24 ขี้เหล็กบ้าน ใบสด - สีเหลือง - สีเหลืองอมเขียว - สีน้ าตาลเขียว ครั่ง รัง ยางครั่งบดละเอียด - สีชมพู - สีแดง คราม ใบ - สีฟ้า - สีน้ าเงิน ค าแสด เมล็ดสีแดง ผลสุก - สีส้มแสด ดอกค าฝอย กลีบดอก - สีแดง ดาวเรือง ดอก - สีเหลือง


25 ประดู่ป่า เปลือกต้น แก่นต้น - สีน้ าตาล ฝาง แก่น ฝัก - แก่นฝางให้สีส้มแดง - ฝักของฝางให้สีน้ าตาลออก กะปิ แต่ให้สีไม่ดีนัก ถ้า ต้องการสีแดงต้องใช้ปริมาณ มาก มะม่วงป่า เปลือกล าต้น - สีน้ าตาลอ่อน - สีเหลืองอ่อน มะเกลือ ผล - สีด า - สีเทา มังคุด เปลือกผล - น้ าตาล - สีเขียวขี้ม้า ยอบ้าน รากและแก่น . - สีแดงอมส้ม - สีเหลืองอมส้ม - สีเขียวอ่อน


26 สมอไทย เปลือกต้น - สีด า - สีเขียว สะเดา เปลือก แก่น ใบ ยางจากกิ่งและ ล าต้นสามารถน ามาใช้ในการ ตรึงสีที่ย้อมไหมได้ - สีน้ าตาล - สีน้ าตาลอ่อน หูกวาง ใบ - สีเหลือง - สีเขียวขี้ม้า - สีน้ าตาลเขียว ตารางที่ 2.2 ตารางวัสดุธรรมชาติที่น ามาใช้ในการย้อมไหม 2.9 แหล่งผ้าไหมเมืองสุรินทร์ 1. บ้านสวาย มีผ้ามัดหมี่ลายฟ้อนซึ่งใช้เป็นผ้าแขวนผนังและทอผ้าขาวถวายพระสงฆ์เพื่ออุทิศส่วน กุศลให้บรรพบุรุษ และเวลามีงานแต่งงานฝ่ายผู้หญิงมักจะใช้ผ้าสีขาว เป็นผ้าสมมาให้ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายชาย ส่วน ผ้าที่ใช้นุ่งห่มมีผ้าซิ่นที่ต่อด้วยตีนซิ่นที่เป็นมัดหมี่ เรียกว่า ผ้าปะโบล ผ้าสไบนิยมสีขาวทอแบบยกดอกหรือลาย ลูกแก้ว ซึ่งเรียกว่า โฉนดเรย ไม่นิยมสีด าแต่ก็มี ส่วนผ้ามัดหมี่มีลายโคม (กะเงาะมูย) ลายหงอนไก่แจ้ (กะเมน แจ้) ลายทะเลพับหรือลายคลื่น (ตะลีบ๊อด) และผ้าปะกากันเตรยเป็นลายทางริ้วๆ มีลายขวางๆ คล้ายดอกหญ้า เจ้าชู้ที่ติดผ้า ถ้าเป็นเส้นขวางตัดกันเรียกลายกระแซเอ หรือลายลูกอีกา 2. บ้านนาแห้ว ต าบลสวาย มีทอทั้งผ้าไหมและผ้าฝ้าย ผ้าซิ่นผู้หญิงนิยมนุ่งผ้าทอไหมหัว (โสดกบาล) เป็นผ้านุ่งตาตาราง และมีผ้าลายลูกแก้ว ทอ 4 เขา เรียกตะกอบูล ห่มสไบเริก ที่เป็นผ้ายกไหมลายลูกแก้วและ ทอผ้ามัดหมี่ที่เรียกผ้มปูม หรือโฮลเปร๊าะ ส าหรับการทอผ้ายกลายลูกแก้วนั้นเรียกว่า เหยียบกูบ มีทอตั้งแต่ 3 -8 ตะกอ 3. บ้านจันรม หมู่ที่ 4 ต าบลตาอ๊อง ผู้หญิงนุ่งซิ่นทั้งผ้ามัดหมี่ ผ้าอัมปรม ผ้าสมอเอและผ้าประกากัน เตรย ผ้ามัดหมี่ที่ใช้ทั่วไป คือ ผ้าหมี่คั่นลายขอ ลายนาค ลายไก่ ลายนกยูง ผ้าตาตาราง มีผ้าอัมปรมซึ่งเป็นผ้าที่ เก่าที่สุดของเขมรและนิยมใช้เป็นผ้าสมมาผู้เฒ่าเช่นเดียวกับผ้าสมอเอ อันเป็นผ้าที่ย้อมแล้วน ามาทอไม่ต้องมัด ต่างจากมัดหมี่ที่ต้องมัดให้เกิดสีต่างๆตามลายที่ก าหนดไว้


27 4. บ้านจารพัท เชื้อสายเขมรนุ่งผ้าซิ่นไหม ที่นี่มีทั้งเลี้ยงไหมเองและซื้อจากพ่อค้าที่น ามาขาย มาทอ ผ้าซิ่นผู้หญิงมีผ้าอัมปรม ผ้าอันลุยซีม (หมี่คั่นแบบสยาม) ผ้าโฮล ซึ่งมีทั้งโฮลริ้วและโฮลเปร๊าะที่คิดลายใหม่คือ ลายแมงมุมดูคล้ายลายโคม และผ้ากราซะไน ลายแหโบราณ การนุ่งผ้าซิ่นก็เหมือนกับผู้หญิงอีสานโบราณทั่วไป ที่นิยมนุ่งซิ่นซ้อน2 ผืน เพราะผ้าไหมบางจะแนบตัวมากไป จึงนุ่งซ้อนอีกผืนเพื่อให้ผ้านุ่งอยู่ตัว 5. บ้านดงเย็น ต าบลหนองบัว อ าเภอท่าตูม ในปัจจุบันที่นี่ทอผ้าที่ย้อมสีธรรมชาติแบบใหม่ไม่ทอ ผ้าซิ่นแบบเก่าแล้ว ที่ทออยู่คือผ้าห่มที่ทอด้วยฝ้าย แบบใช้6 ตะกอ ตามแบบโบราณโดยจะทอยกเป็นลาย ลูกแก้ว และจะท าย้อย (ชายครุย) ทั้ง 2 ชาย ส่วนผ้าท าที่นอน (เสื่อ) เป็นผ้าลายทาง เรียกผ้า 2 เขา และที่เป็น ตารางเรียกผ้า 6 เขา 6. บ้านหนองกลาง หมู่ 11 ต าบลหนองบัว อ าเภอท่าตูม ปัจจุบันไม่ทอแบบโบราณแล้ว แต่จะทอผ้า ฝ้ายแบบใหม่ ซึ่งเอกชนคือกลุ่มพรรณไม้ มาให้การสนับสนุน และย้อมสีแบบธรรมชาติ 2.10 การน าผ้าไหมไปใช้ประโยชน์ ใช้สวมใส่ในชีวิตประจ าวัน ใช้นุ่งในงานพิธีส าคัญ พิธีมงคลต่างๆ น าไปตัดเป็นชุดสวมใส่ออกงานและการประกวด ใช้สวมใส่ในงานเทศกาลต่างๆ สรุปท้ายบทที่ 2 จากกการวิจัยในบทที่ 2 ได้ท าการศึกษาคุณสมบัติของผ้า ลวดลายผ้า เพื่อน ามาใช้ในการออกแบบ ลวดลายผ้า ท ากระบวนการผลิตผ้าทอและน าผ้าทอมาใช้ในออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีในรูปแบบปาร์ตี้แวร์ กระบวนการในการท าเทคนิคต่าง ๆ ในการน ามาท าเครื่องแต่งกายส าหรับสุภาพสตรี ผู้วิจัยจึงได้ดี ความเทคนิคแต่ละเทคนิคมาจากการออกแบบลวดลาย เกิดการตีความและวิเคราะห์ลวดลายเพื่อที่จะสามารถ น ามาใช้ในการออกแบบรายละเอียดในการตกแต่งหรือการก่อให้เกิดเทคนิคที่สามารถสวมใส่ได้จริง และที่ ความเป็นเอกลักษณ์และความโดดเด่น แปลกตาและทันสมัยมากขึ้น


28 บทที่ 3 การรวบรวมและการวิเคราห์ข้อมูล บทนี้จะกล่าวถึงการน าเสนอข้อมูลที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า เพี่อน ามาเป็นแนวทางในการออกแบบ เครื่องแต่งกายส าหรับสตรีในรูปแบบชุด Party Wear โดยได้รับแรงบันดาลใจในการน าผ้าไหมสุรินทร์มาใช้ใน การออกแบบผสมผสานกับการใช้เทคนิคแบบต่างๆ น ามาประยุกต์ให้อยู่ในเครื่องแต่งกายรูปแบบParty Wear ที่มีความสวยงามทันสมัยและเหมาะสมส าหรับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งในใจความส าคัญของบทที่ 3 จะมุ่งเน้นในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ศึกษามาจากวรรณกรรมที่ เกี่ยวข้องและการหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆที่เกี่ยวกับการสร้างผลงานชิ้นนี้ ที่ได้ประยุกต์และออกแบบใน รูปแบบชุด Party Wear โดยผู้วิจัยได้เรียบเรียงข้อมูลและวิเคราะห์ดังนี้ 3.1 การวิเคราะห์ข้อมูล 3.1.1 การวิเคราะห์โครงสร้างของเครื่องแต่งกายส าหรับสุภาพสตรีในรูปแบบชุด Party Wear 3.1.2 การวิเคราะห์ผ้า 3.2 กระบวนการรวบรวมข้อมูลทางการตลาดและการตั้งเกณฑ์ในการวิเคราะห์การตลาดสินค้า 3.2.1 การทดลองรายละเอียดการตกแต่งลงบนเครื่องแต่งกาย 3.3 เกณฑ์ในการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างและการวิเคราะห์ตัวอย่างผลงาน 3.3.1 สรุปเกณฑ์ในการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างและการวิเคราะห์ตัวอย่างผลงาน


29 3.1 การวิเคราะห์ข้อมูล 3.1.1 การวิเคราะห์โครงสร้างของเครื่องแต่งกายส าหรับสุภาพสตรีในรูปแบบชุด Party Wear เครื่องแต่งกายปาร์ตี้แวร์เครื่องแต่งกายชุดราตรีหรือเครื่องแต่งกายส าหรับไปงาน หมายถึง เสื้อผ้าพิธี การและชุดออกงานสังคม ที่ใส่เพื่อร่วมงานพิธีหรืองานเฉลิมฉลองต่างๆ การเลือกเสื้อผ้าที่ใส่ ไปงานที่เป็น ทางการเหล่านี้ จึงจ าเป็นต้องค านึงถึงมารยาททางสังคม อันเกี่ยวเนื่องกันลักษณะของงาน ช่วงเวลา สถานะ ทางสังคม อาชีพ และผู้เข้าร่วมงาน รูปแบบและการแต่งกายของชุดไปงานนั้น กล่าวกันว่าสืบทอดมาจากสังคมของราชส านักและ ขุนนาง ยุโรป ถึงแม้ยังมีกฎเกณฑ์บางส่วนอยู่บ้าง แต่ก็มีหลายส่วนที่ถูกปรับเปลี่ยนให้ง่ายขึ้นตามยุคสมัยโดยมาตรฐาน เครื่องแต่งกายของชุดไปงาน สามารถแบ่งตามลักษณะความเป็นทางการได้ดังนี้ 1. เครื่องแต่งกายชุดปาร์ตี้หรือชุดไปงานแบบทางการ 2. เครื่องแต่งกายชุดปาร์ตี้หรือชุดไปงานแบบกึ่งทางการ 1. เครื่องแต่งกายชุดปาร์ตี้หรือชุดไปงานแบบทางการ 1.1 เครื่องแต่งกายชุดปาร์ตี้หรือชุดไปงานแบบทางการส าหรับกลางวัน จะเน้นชุดเสื้อผ้าที่ตัดเย็บจาก เนื้อผ้าที่ใช้สัมผัสนุ่มนวล รูปแบบชุดไม่เปิดเผยผิวเนื้อมากนัก ส่วนใหญ่เป็นชุดติดกัน หรือชุดที่ท่อนบนท่อน ล่างเข้ากัน นิยมตกแต่งด้วยเครื่องประดับที่ดูดีมีระดับ เช่น ไข่มุก หรือ อัญมณี เป็นต้น ภาพที่ 3.1 : ภาพชุดราตรีในรูปแบบทางการส าหรับกลางวัน ที่มา : https://inwfile.com/s-dv/s5g6h4.jpg สืบค้นเมื่อ 21 มีนาคม 2566


30 1.2 เครื่องแต่งกายชุดปาร์ตี้หรือชุดไปงานแบบทางการส าหรับกลางคืน นิยมใช้ผ้าพื้นเนื้อดี มีการ ประดับตกแต่งอย่างหรูหรา มักมีรูปแบบที่เน้นให้เห็นถึงสรีระ ส่วนเว้าส่วนโค้งอันสวยงามของผู้หญิง จึงนิยม รูปแบบชุดที่ไม่มีแขนเสื้อ เปิดโชว์หน้าอก แผ่นหลัง และไหล่ ชายกระโปรงยาวลากพื้น หรือยาวระพื้นพอดี นิยมสวมเครื่องประดับประเภทอัญมณี ภาพที่ 3.2 : ภาพชุดราตรีในรูปแบบทางการส าหรับกลางคืน ที่มา : https://www.missuri.shop สืบค้นเมื่อ 21 มีนาคม 2566 2. เครื่องแต่งกายชุดปาร์ตี้หรือชุดไปงานแบบกึ่งทางการ 2.1 แต่งกายชุดปาร์ตี้หรือชุดไปงานแบบกึ่งทางการส าหรับกลางวัน นิยมใช้เนื้อผ้าใย สังเคราะห์ และ เนื้อผ้าใยธรรมชาติที่มีคุณภาพสูง มีรูปแบบเป็นชุดติดกัน หรือชุดสูทที่ให้ความรู้สึกที่ เป็นทางการเล็กน้อย สามารถสวมใส่ได้ตั้งแต่ในออฟฟิศ ไปจนถึงใส่ไปงาน โดยเครื่องประดับที่ใช้ ตกแต่งกับชุดประเภทนี้จะเป็น เครื่องประดับชนิดเดียวกับงานแบบทางการหรือเป็นเครื่องประดับที่ท าจากวัสดุอื่นก็ได้ เช่น ทอง เงิน เป็นต้น ภาพที่ 3.3 : ภาพชุดราตรีในรูปแบบกึ่งทางการส าหรับกลางวัน ที่มา : https://www.missuri.shop สืบค้นเมื่อ 21 มีนาคม 2566


31 2.2 แต่งกายชุดปาร์ตี้หรือชุดไปงานแบบกึ่งทางการส าหรับกลางคืน จะมีรูปแบบที่เรียบง่ายว่าชุด ทางการ อาจจะมีโครงสร้างที่ไม่มีแขนเสื้อ หรือไม่มีปก หรือ อาจจะ เปลี่ยนโครงสร้างของชุดที่แตกต่างไปจาก เดิมจะเน้นสัดส่วนของสตรี การเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งมากขึ้น ส่วน มีรูปแบบการตัดเย็บแบบประณีต เครื่องประดับในการตกแต่งก็จะเรียบง่าย ภาพที่ 3.4 : ภาพชุดราตรีในรูปแบบกึ่งทางการส าหรับกลางคืน ที่มา : https://www.missuri.shop สืบค้นเมื่อ 21 มีนาคม 2566 สรุปการวิเคราะห์โครงสร้างรูปแบบเครื่องแต่งกายส าหรับสุภาพสตรีชุดราตรีในรูปแบบชุด Party wear โดยรูปแบบของเครื่องแต่งกายโครงสร้างของรูปแบบเครื่องแต่งกายสาหรับสุภาพสตรีชุดราตรีใน รูปแบบชุด party Wear ทั้ง 2 รูปแบบนี้จะสามารถปรับเปลี่ยนไปตามสมัยนิยมในช่วงแต่ละยุคสมัย แต่การ เลือกใช้วัสดุ ในการน าผลิตมักจะน าวัสดุที่พิเศษ การนามาประยุกต์ในการตัดโครงสร้างรูปแบบเครื่องแต่งกาย มาดัดแปลงและน ามาผสมผสานให้เข้ากับเทคนิคและการตัดเย็บที่ประณีตและการออกแบบที่มีความพิถีพิถัน ให้การท างาน เพื่อแสดงถึงคุณค่าและเหมาะสมกับรูปแบบของงานสังคมนั้นๆ แต่นอกจากการเลือกเครื่องแต่ง กายส าหรับไปงานสังคมได้อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะในแต่ละงานสังคม เครื่องแต่งกายในรูปแบบชุด Party Wear และชุดราตรียังต้องช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพให้แก่ผู้สวมใส่ให้ดูดีมากขึ้น หรูหรา งดงาม และมีภาพลักษณ์ ที่ดีต่อผู้พบเห็น เพื่อเป็นที่ยอมรับของสังคม


32 3.1.2 การวิเคราะห์ผ้า ผ้า คุณสมบัติ ข้อจ ากัด ผ้าไหมสุรินทร์ - มันวาว - น้ าหนักเบา - ดูดซับความชื้นได้ดี - ระบายเหงื่อได้ดี - ราคาสูง - ซักรีดยาก - ค่อนข้างยับง่าย ผ้าไหมซาติน - มันวาว - นุ่มลื่น - ทิ้งตัวได้ดี - มีน้ าหนักมากพอสมควร - การสะท้อนแสงมีมาก การติดตั้ง ในพื้นที่มีแดดจัด จะสะท้อนแสง ท าให้แสบตาได้ ผ้าชีฟอง - ระบายความร้อนได้ดี ท าให้ แห้งง่าย - ทนต่อการสึกหรอได้ดี ไม่ลอกง่าย มีมิติคงที่ ไม่ยับง่าย - เนื้อบางเบาและโปร่งแสง ให้ความรู้สึกนุ่มและยืดหยุ่น - ยากต่อการดูแล - เหงื่อออกก็จะเกาะตัวไม่สบายตัว ผ้าซีทรู - โปร่ง บางเบา - ยืดหยุ่นได้ดี - ระบายอากาศได้ดี - มีความยืดหยุ่นสูง ควรซักด้วยมือ ตารางที่ 3.1 : ตารางวิเคราะห์ผ้า


33 3.2 กระบวนการรวบรวมข้อมูลทางการตลาดและการตั้งเกณฑ์ในการวิเคราะห์การตลาดสินค้า 3.2.1 การทดลองรายละเอียดการตกแต่งลงบนเครื่องแต่งกาย ในการออกแบบรายละเอียดการตกแต่ง ผู้วิจัยได้ดึงแรงบันดาลใจมาจากการรูปแบบการแต่งกายที่ใช้ ผ้าไหมสุรินทร์และการตกแต่งด้วยเทคนิคต่างๆ โดยผู้วิจัยเน้นการตกแต่งในการปักในลักษณะต่างๆ เช่น การ ปักคริสตัล ปักลูกปัด ปักเพชร ตัดต่อผ้า ร้อยลูกปัดและการเย็บระบายซ้อนผ้า 3 มิติ มาท าการทดลองให้มี ความแปลกใหม่ เพราะถือว่าการตกแต่งส าหรับเครื่องแต่งกายนั้นเป็นเรื่องส าคัญ เพราะจะท าให้เครื่องแต่ง กายเป็นเอกลักษณ์และมีความสวยงามโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ภาพที่ 3.5 : ภาพเทคนิคที่ 1 การออกแบบลายผ้า ที่มา : จิตติมา บรรลือทรัพย์ ภาพที่ 3.6 : ภาพเทคนิคที่ 2 การมัดหมี่ ที่มา : จิตติมา บรรลือทรัพย์


34 ภาพที่ 3.7 : ภาพเทคนิคที่ 3 การทอผ้าไหม ที่มา : จิตติมา บรรลือทรัพย์ ภาพที่ 3.8 : ภาพเทคนิคที่ 4 การตัดต่อผ้า ที่มา : จิตติมา บรรลือทรัพย์


35 ภาพที่ 3.9 : ภาพเทคนิคที่ 5 การปักลูกปัด ที่มา : จิตติมา บรรลือทรัพย์ ภาพที่ 3.10 : ภาพเทคนิคที่ 6 การปักเพชรเย็บ ที่มา : จิตติมา บรรลือทรัพย์


36 ภาพที่ 3.11 : ภาพเทคนิคที่ 7 การเย็บระบายซ้อนเลเยอร์ผ้า ที่มา : จิตติมา บรรลือทรัพย์ ภาพที่ 3.12 : ภาพเทคนิคที่ 8 การร้อยติ้งลูกปัด ที่มา : จิตติมา บรรลือทรัพย์


37 3.3 เกณฑ์ในการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างและการวิเคราะห์ตัวอย่างผลงาน เกณฑ์ในการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างและการวิเคราะห์ตัวอย่างผลงาน การตั้งเกณฑ์ในการคัดเลือก ตัวอย่างและผลงานในการท าวิจัยฉบับนี้ ผู้วิจัยต้องออกแบบเครื่องแต่งกายกาw party wear ให้มีความ สวยงามและลงตัวผสมผสานกับรูปแบบเทคนิคใหม่ ๆ ให้เกิดความน่าสนใจไป สไตล์ รูปแบบชุด party wear เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาเครื่องแต่งกายในรูปแบบใหม่ๆ ท าให้เกิด ความทันสมัยของเสื้อผ้า และสามารถ สวมใส่ได้จริงแสดงให้เห็นถึงการส่งเสริมสรีระและบุคลิกภาพที่แสดงออกผ่านทางเครื่องแต่งกายสตรีและสร้าง ภาพลักษณ์ที่โดดเด่นในการออกแบบได้อย่างลงตัว ซึ่งได้ก าหนดเกณฑ์การคัดเลือกดังนี้ เกณฑ์ในการเลือกตัวอย่างผลงาน 1. เป็นรูปแบบเครื่องแต่งกายสตรีในรูปแบบของชุดราตรีให้กลุ่มนักแสดง นางแบบ และสตรีทั่วไปที่มี ความชื่นชอบและสนใจในการแต่งกายด้วยผ้าทอที่น ามาประยุกต์กับวัสดุต่างๆ ที่มีช่วงอายุ 25 – 35 ปี 2. การออกแบบโครงสร้างของเครื่องแต่งกายในรูปแบบของชุด party wear หรือ การสร้างแพทเทิร์น จะเน้นไปในด้านการใช้ผ้าทอของจังหวัดสุรินทร์ วัสดุและเทคนิค น ามาออกแบบให้อยู่ในชุด party wear ที่ สามารถท าให้เหมาะสมไปออกงานเฉพาะโอกาสทั้งกลางวันและกลางคืน 3. รูปแบบเครื่องแต่งกายของสตรีที่เหมาะสมกับการน าผ้าไหมของจังหวัดสุรินทร์มาท าให้อยู่ใน รูปแบบของชุด party wear 4. เป็นรูปแบบเครื่องแต่งกายที่ได้รับแรงบันดาลใจในการน าผ้าทอสุรินทร์มาประยุกต์ให้เป็นชุดใน รูปแบบชุด party wear ได้อย่างเหมาะสม เกณฑ์การวิเคราะห์ตัวอย่างของผลงาน สามารถน าตัวอย่างที่ได้คัดเลือกไว้น ามาปรับเปลี่ยนให้เกิดประโยชน์และความเหมาะสมแก่งานวิจัย ผู้วิจัยจึงได้ตั้งเกณฑ์ในการวิเคราะห์ ดังนี้ เกณฑ์ รายละเอียด รูปแบบ เป็นการออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีในรูปแบบชุด party wear ที่ใช้ออกงานได้ทั้งโอกาสกลางวันและ กลางคืน สีสัน การน าผ้าไหมมาใช้ ได้สีผ้าไหมที่สวยงามและสดใส แต่ใช้สีในโทนสีด า น้ าตาล แดง ครีม จนถึงเทา วัสดุ เน้นการใช้วัสดุที่ใช้แวววาว เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ เพิ่มมูลค่าให้แก่ผ้าไหมที่น ามาประยุกต์กับการใช้ เทคนิคที่เหมาะสม


Click to View FlipBook Version