ประวัติศาสตรท์ ี่เกิดขึ้นในประเทศไทย
สนธิสัญญาเบาวร์ ิ่ง สมัยรชั กาลท่ี ๔
นายอุดม เตสะ
ครูชานาญการ
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอหนองก่ี
เนอ้ื หาที่เกี่ยวข้องชวนศึกษา สนธิสญั ญาเบาวร์ ่ิง สมยั รัชกาลที่ ๔
ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั รชั กาลท่ี ๔ พ.ศ. ๒๓๙๘ องั กฤษได้สง่ เซอรจ์ อหน์
เบาว์ริง เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อทาสนธิสญั ญาทางการค้า สนธิสัญญาฉบับน้ีมีช่ือเรยี กตามนามของทตู ท่ี
เขา้ มาเจรจาวา่ "สนธสิ ัญญาเบาว์ริง"
เนอ้ื หาของสนธสิ ญั ญา
๑. องั กฤษได้สทิ ธิสภาพนอกอาณาเขต
๒. ยกเลกิ ภาษีปากเรอื ตามสนธสิ ญั ญาเบอร์นีย์ พ.ศ.๒๓๖๙ และให้เกบ็ ภาษีสนิ คา้ เข้าร้อยละ ๓
แทน ถ้าขายไมห่ มดจะคนื ภาษสี ินค้าสว่ นทเ่ี หลือให้
๓. ให้มีการคา้ เสรี และไทยอนญุ าตให้นาเขา้ ปลา เกลอื ไปขายตา่ งประเทศได้ ยกเว้นปีท่ีเกิดขาด
แคลน
๔. คนในบังคับองั กฤษนาฝน่ิ เข้ามาขายในเมืองไทยได้ แต่ตอ้ งขายใหเ้ จ้าภาษฝี นิ่ เท่านั้น ถา้ เจ้า
ภาษีฝ่ินไมซ่ ื้อต้องนาออกไป
๕. ถา้ ชาติอ่นื ได้สทิ ธพิ ิเศษเพมิ่ เติม องั กฤษจะไดส้ ทิ ธพิ เิ ศษนัน้ ดว้ ย นนั่ คืออังกฤษได้สทิ ธิชาตทิ ่ี
ไดร้ ับความอนุเคราะห์ยงิ่
๖. สนธสิ ัญญานจี้ ะแก้ไขไดเ้ มื่อพ้น ๑๐ ปีไปแลว้ และตอ้ งบอกลว่ งหน้า ๑ ปี โดยได้รบั ความ
เหน็ ชอบจากท้งั ๒ ฝา่ ย
ผลกระทบต่อประเทศไทย
๑. รายไดข้ องประเทศลดลง เน่ืองจากหลังการทาสัญญา ไทยตอ้ งเปิดเสรีทางการค้าทาให้ไทยตอ้ ง
ยกเลิกระบบการค้าผูก ขาดของพระคลังสินค้า ส่งผลให้รัฐบาลไทยมีรายได้ลดลง ทาให้รัชกาลท่ี ๔ ต้องทรง
พยายามหารายได้จากทางอ่ืน ตั้งแต่ การเพ่ิมจานวนประเภทภาษีจากเดิมท่ีเก็บในรัชกาลท่ี ๓ การให้เจ้าภาษี
นายอากรผูกขาดการจับเก็บภาษีมากขึ้น และการ จัดระบบแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินของแผ่นดิน
นอกจากนี้ การจากัดอัตราภาษีขาเข้าตายตัวยังทาให้ สินค้าต่างชาติเข้ามาตีตลาดสินค้าภายใน เช่น น้าตาล
และผ้าทอพ้ืนเมือง ทาให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมพ้ืนบ้านของไทย ซ่ึงใช้เทคนิคการผลิตที่ไม่มีประสิทธิภาพ
ตอ้ งซบเซาลง และถูกแทนที่ดว้ ยสนิ คา้ นาเข้าทที่ าดว้ ยเครื่องจักรท่ีมีราคาถูกกวา่
๒. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิต การทาสนธิสัญญาเบาว์ริง ทาให้ไทยได้เปลี่ยนจากการ
ผลิตเพื่อการยังชีพ กล่าวคือแต่ละครัวเรือนหรือ หมู่บ้านต่างก็ทาการผลิตทางการเกษตรเป็นอาชีพหลัก และ
อุตสาหกรรมในครัวเรือนเป็นอาชีพรองเพื่อการบริโภคและการใช้สอย ส่วนท่ีเหลือเล็กๆ น้อยๆ ก็จะนาไป
แลกเปล่ียนภายในหมู่บ้านหรือระหวา่ งหมู่บ้านใกล้เคียงกัน ลักษณะการแลกเปลี่ยนสินค้าต่อสินค้ามาเป็นการ
ผลิตเพื่อการค้า การเปลย่ี นแปลงดังกล่าวทาให้ขา้ วกลายเป็นพืชเศรษฐกจิ ท่ีมีความสาคัญอย่างย่ิง รฐั บาลเองก็
ให้การสนับสนุนการส่งข้าวไปขาย พร้อมกับการส่งเสริมการเปิดที่นาใหม่โดยไม่ต้องเก็บภาษีค่านาปีแรก ลด
อากรค่านา และผอ่ นผันใหไ้ พร่กลับไปทานาในช่วงเวลารบั ราชการได้ มีการขุดคลองซึ่งให้ประโยชน์ในด้านการ
เพาะปลูกและการคมนาคม การที่ทางการให้การสนับสนุนและการที่ข้าวมีราคาสูงข้ึน ทาให้ราษฎรหันมาทา
นาเพ่ือการค้ากันมากข้ึน อย่างไรก็ตามคนไทยจะมีบทบาทเฉพาะการปลูกข้าวเท่าน้ัน ส่วนการแปรรูป
ข้าวเปลือกและการค้าข้าวตกอยู่ในมือพ่อค้าคนกลาง คือชาวจีนท่ีอพยพเข้ามานั่นเอง นอกจากข้าวแล้วยังมี
สินค้าอีกสองอย่าง คือ ดบี ุก กับ ไม้สัก ซึง่ มีความสาคัญขึ้นมาแทนท่ีน้าตาลที่เคยมีความสาคญั ในสมัยรัชกาลท่ี
๓ อีกดว้ ย
๓. เศรษฐกิจไทยเข้าสูร่ ะบบทนุ นยิ มโลก การทาสนธิสญั ญาเบาว์รงิ เป็นการนาเศรษฐกิจไทยเข้าสู่
ระบบทุนนิยมโลก ประเทศไทยเริม่ ผูกผนวกให้เข้าไปอยู่ในกระบวนการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจโลก โดย
ประเทศไทยทาหน้าที่ผลิตสินค้าข้ันปฐมภูมิและวัตถุดิบ เพื่อส่งออกแลกเปล่ียนกับสินค้าสาเร็จรูปท่ีนาเข้ามา
บริโภคในประเทศ
๔. เกิดระบบเศรษฐกจิ แบบเงินตรา เน่ืองจากเงินตราเดิมที่ใช้อยู่ คือ เบี้ยและเงนิ พดด้วงเรม่ิ ขาด
แคลน อีกทั้งยังเกิดการแตกหักและปลอมแปลงได้งา่ ย รัชกาลที่ ๔ จงึ ตั้งโรงกษาปณ์เพ่ือผลติ เงนิ เหรียญชนิด
และราคาต่างๆ ได้แก่ เหรียญดีบุกท่ีเรียกว่า อัฐ โสฬส เหรยี ญทองเรียก ทศ พิศ พัดดึงส์ และเหรียญทองแดง
คือ ซีก หรือ เซ่ียว(เสี้ยว) ในสมัยรัชกาลท่ี ๔ ได้มีการเปลี่ยนแปลงเงินตราท่ีใช้เงินเป็นมาตรฐานไปสู่การใช้
ทองคาเป็นมาตรฐาน รัชกาลที่ ๕ ทรงประกาศพระราชบัญญัติทองคากาหนดอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้การ
แลกเปลีย่ นระหวา่ งเงนิ บาทไทยกับเงินตราสกุลอน่ื ๆ มีความสะดวกและมีเสถียรภาพ อกี ทั้งเพ่ือการแก้ปัญหา
ค่าเงินบาทท่ีกาลังตกต่าลง เน่ืองมาจากการที่ราคาของแร่เงินตกต่า ซึ่งนับเป็นจุดเร่ิมต้นท่ีไทยนาค่าของ
เงินตราไปเกย่ี วพนั กบั โลกภายนอก
๕. การปฏิรูประบบภาษีอากรและการคลัง รัชกาลที่ ๔ ทรงแก้ปัญหาการท่ีรายได้ของรัฐลดลง
หลงั การทาสนธิสญั ญาเบาวร์ ิง ดว้ ยการเพิม่ ชนิดของภาษอี ากรอกี หลายชนดิ โดยผา่ นระบบเจ้าภาษีนายอากร
แต่อย่างไรก็ตามวิธีนี้ก็มีข้อบกพร่องอย่างมาก เช่น รายได้ของหลวงร่ัวไหล เงินที่ทางราชการเก็บได้ก็ลด
น้อยลงทุกที รัชกาลท่ี ๕ ทรงเห็นว่าการเก็บภาษีแบบเดิม ที่แต่ละหน่วยงานแยกกันเก็บแล้วส่งมาให้
ส่วนกลาง ทาให้เงินภาษีร่ัวไหลมาก จึงทรงปฏิรูประบบภาษีอากรและการคลังใหม่ โดยจัดต้ังหอรัษฎากร
พิพฒั นข์ น้ึ เมือ่ วันที่ ๔ มิถุนายน พุทธศกั ราช ๒๔๖๑ เพื่อเป็นสถานทรี่ วบรวมพระราชทรพั ยใ์ นทอ้ งพระคลังให้
รู้จานวนเงินท่ีมีอยู่ ทาหน้าที่รวบรวมเงินภาษีอากรจากท่ัวประเทศให้มาอยู่ท่ีเดียวกัน เพ่ือนาเงินภาษีมา
พัฒนาประเทศ
ภาพเหตุการณ์ในอดตี
ความคดิ หลังจากการเรียนรู้
รายวิชา สังคมศึกษา รภหัสาวิชคา ผสคน๒๑ว๐๐ก๑ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น
(เวลาเรยี น ๑ ช่ัวโมง)
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๒ ประวัติศาสตร์ทเี่ กดิ ขึน้ ในประเทศไทย ครสู อน นายอุดม เตสะ
เร่อื ง สนธิสัญญาเบาว์รง่ิ สมัยรชั กาลที่ ๔
------------------------------------------------------------------------
คาชี้แจง ชว่ งท่ี ๑ ความคิดหลังจากรบั ความรู้ ใหน้ กั ศกึ ษาตอบคาถามดังตอ่ ไปนี้ หลงั จากทีไ่ ด้เรียนรู้
สนธสิ ญั ญาเบาวร์ ิ่ง สมัยรชั กาลที่ ๔
๑.เรื่องราวที่ไดเ้ รียนรู้ กล่าวถึงเรือ่ งอะไร _____________________________________
๒. นกั ศึกษาคิดวา่ สนธสิ ญั ญาเบาวร์ งิ่ สมยั รชั กาลท่ี ๔ มคี วามสาคญั อยา่ งไร
___________________________________________________________________
๓.ยกตวั อยา่ งสนธสิ ญั ญาเบาว์ร่งิ ๑ ขอ้ ____________________________________
๔.เมอ่ื เรียนรู้ สนธสิ ัญญาเบาว์รงิ่ แลว้ นกั ศึกษาคิดอยา่ งไร________________________________
คาช้แี จง ชว่ งที่ ๒ ให้นักศกึ ษาอ่านข้อความดงั ต่อไปนี้ แล้วใหต้ อบคาถามจริงและไมจ่ ริง ถา้ จรงิ ให้เขยี น
สญั ลกั ษณ์ √ ถา้ ไม่จริงใหเ้ ขยี นสญั ลักษณ์ X ลงหนา้ ข้อความ ดังต่อไปน้ี
๑._______ฝร่งั เศส ขมขใู หไทยยกดินแดนฝงขวา ของแมํน้าโขงและดินแดนไทยในกัมพชู าบางสวนให
๒._______สนธิสัญญาเบาวร่ิง สงผลใหไทยตองสญู เสียสทิ ธิสภาพนอกอาณาเขต
๓._______พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหวั ทรง แตงต้งั เซอรจอหน เบาวรง่ิ เปน “พระยา
สยามมานุกลู กิจสยามมติ รมหายศ”
๔._______ในป พ.ศ. ๒๓๒๐ ไทยไดทาสนธสิ ัญญากับฮอลันดาและปรสั เซีย (เยอรมนี)
๕._______เหรยี ญกษาปณผลติ ในสมัยรัชการ ท่ี ๕ ผลิตธนบตั รผลติ ในสมัยรชั การที่ ๔
คาชแ้ี จง ช่วงที่ ๓ หลักจากนักศึกษาได้ศึกษา สนธิสัญญาเบาวร์ ิ่ง สมัยรัชกาลท่ี ๔ ให้ดรู ปู ภาพน้แี ลว้ สะท้อน
คิดออกมา ตามความรสู้ ึกของตนเอง ดงั ตอ่ ไปนี้
นักศกึ ษามองดรู ปู ภาพน้ีแล้วมีความรู้ สึกอย่างไร………………………………………………………………………
แบบทดสอบผลวดั ผลสัมฤทธก์ิ อ่ นเรยี นและหลังเรยี น ครงั้ ท่ี ๒
รายวชิ า สงั คมศึกษา รหัสวิชา สค๒๑๐๐๑ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๒ ประวัติศาสตรท์ ่ีเกิดขนึ้ ในประเทศไทย (เวลาเรียน ๑ ชวั่ โมง)
เร่ือง สนธสิ ญั ญาเบาว์รง่ิ สมัยรัชกาลที่ ๔ ครสู อน นายอุดม เตสะ
............................................................................................................................. ...........................................
คาช้แี จง ให้นกั ศึกษา X ทบั ตัวอักษร ตรงกบั ตวั เลือกทน่ี ักศึกษาเหน็ วา่ ถูกต้องท่ีสุดลงในกระดาษ
๑. เพราะเหตุใดรัชกาลที่ ๔ จึงทรงสรา้ งความสัมพนั ธ์กบั ชาติ ๖. สภาทป่ี รกึ ษาในพระองค์ในสมยั รัชกาลท่ี ๕ ทาหน้าท่ี
ตะวันตกมากขึ้น เหมอื นกบั ตาแหนง่ ใดในปัจจุบัน
ก. นาวัฒนธรรมตะวนั ตกมาใช้ ข. ไม่ใหช้ าติตะวันตกเขา้ มาคกุ คาม ก. รัฐมนตรี ข. องคมนตรี
ค. ไม่ใหช้ าติตะวนั ตกเหน็ วา่ ป่าเถ่ือน ง. ให้ประชาชนได้รับการศึกษา ค. นายกรัฐมนตรี ง. ประธานวุฒิสภา
แบบตะวันตก
๒. ทตู อังกฤษคนใดที่เจรจาลงนามใน สนธสิ ัญญาที่ไทยเสยี เปรียบ ๗. เรอื ปนทฝี่ ร่ังเศสไดสงเขามาในแมํน้าเจาพระยาชอื่
ก. เฮนรี เบอร์นยี ์ ก. ลูติ
ข. เซอร์เจมส์ บรคู ข. คลาส Chacal
ค. รอเบิร์ต ฮันเตอร์ ค. จากวั ร์
ง. เซอรจ์ อห์น เบาวร์ งิ ง. ไอเกิล
๓. สนธิสญั ญาเบาวร์ งิ ทาใหพ้ ่อคา้ องั กฤษคา้ ขายกับราษฎรไทย ๘. ไทยยนิ ยอม ทาสนธิสญั ญาท่เี รยี กวา "สนธสิ ญั ญาเบาว
อยา่ งไร ร่ิง" เมอื่
ก. ขายโดยผา่ นรฐั ข. ขายกันอย่างเสรี ก. พ.ศ. ๒๓๙๗ ข. พ.ศ. ๒๓๙๘
ค. ขายแบบผูกขาด ง. ไม่มีขอ้ ใดถกู ค. พ.ศ. ๒๓๙๙ ง. พ.ศ. ๒๔๐๐
๔. ขอ้ ใดเปน็ สินค้าตอ้ งห้าม ๙. ถาตองการแกไขเปลย่ี นแปลงสนธิสัญญาเบาว์รงิ ตอง
ก. เกลอื ข. งาชา้ ง แจงใหคูสัญญาทราบลวงหนา กีป่ ี
ค. ผา้ แพร ง. ของป่า ก. ๑ ปี ข. ๒ ปี
ค. ๓ ปี ง. ๔ ปี
๕. ข้อเสยี เปรยี บของไทยจากการทาสนธสิ ัญญาเบาว์รงิ คืออะไร ๑๐. เซอรจอหน เบาวรงิ่ (Sir.John Bowring) เปน็ ชาว
ก. ไทยเป็นชาติอภสิ ทิ ธิ์ ข. ไทยเกบ็ ภาษีขาเขา้ เพิ่มร้อยละ๓ ก. ฝร่ังเศส ข. เสปน
ค. สนธิสญั ญาฉบบั น้ีสนิ้ สุดปตี อ่ ปี ง.ไทยเสยี สทิ ธสิ ภาพนอกอาณาเขต ค. อังกฤษ ง. อเมรกิ นั