The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nirada1709, 2023-12-13 01:32:12

สรุป66 1 ปอเนาะ

สรุป66 1 ปอเนาะ

รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ บันทึกข้อความ ส่วนราชการ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอเจาะไอร้อง ที่ ศธ 07054.03/...................................................วันที่ 28 สิงหาคม ๒๕๖6 เรื่อง รายงานผลโครงการกิจกรรม 1 ปอเนาะ 1 โครงการพัฒนาสถาบันศึกษาปอเนาะ เรียน ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอเจาะไอร้อง ๑. เรื่องเดิม ตามที่ งานกิจกรรมในสถาบันศึกษาปอเนาะ ได้ได้ดำเนินการโครงการกิจกรรม 1 ปอเนาะ 1 โครงการพัฒนาสถาบันศึกษาปอเนาะ ในวันที่ ๒๓ -๒๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖ ณ สถาบันศึกษา ปอเนาะอัลมูฮายีรีน ตำบลบูกิต อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส นั้น ๒. ข้อเท็จจริง ในการนี้ งานกิจกรรมในสถาบันศึกษาปอเนาะ ได้จัดทำสรุปผลการดำเนินงาน โครงการ ดังตารางต่อไปนี้ พร้อมรูปเล่มสรุปผลการดำเนินงานตามที่แนบมาพร้อมนี้ด้วยแล้ว ที่ โครงการ/กิจกรรม งบประมาณ ร้อยละ การ เบิกจ่าย เป้าหมาย เชิงปริมาณ ร้อยละ ของ เป้าหมาย ที่เข้าร่วม เป้าหมายเชิงคุณภาพ (ตามวัตถุประสงค์) บรรลุ ไม่ บรร ลุ จัดสรร เบิกจ่าย แผน ผล ตัวชี้วัด ความสำเร็จ ๑. โครงการกิจกรรม 1 ปอเนาะ 1 โครงการ พัฒนาสถาบันศึกษา ปอเนาะ 10,000 10,000 ๑๐๐.๐๐ 1 1 100 ข้อที่ ๑ ร้อยละ ๘๐ ข้อที่ ๒ ร้อยละ ๘๐ - ร้อยละ ๑๐๐ - ร้อยละ ๑๐๐ ๓. ข้อกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง ตามคำสั่งกรมส่งเสริมการเรียนรู้ที่ 88/2566 สั่ง ณ วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ.2566 เรื่อง ยกเลิกคำสั่งมอบอำนาจอำนาจให้ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอ และผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้เขต ปฏิบัติราชการแทน ๔. ข้อพิจารณาและเสนอแนะ - จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ (ลงชื่อ)...................................................... (นางสาวนิรดา เอี่ยมสอาด) ครูอาสาปอเนาะ ความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา ............................................................................................................................. .................................................... ................................................................................................................................................................................. (นางหทัยกาญจน์ วัฒนสิทธิ์) ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอสุไหงปาดี ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.สกร.อำเภอสุไหงปาดี รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการ กศน.อำเภอเจาะไอร้อง ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.สกร.อำเภอเจาะไอร้อง


จากนโยบาย ยุทธศาสตร์และจุดเน้นการดำเนินงาน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖6 นโยบาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นโยบายเฉพาะ การแปลงกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ที่เกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาไปสู่การปฏิบัติการปฏิรูประบบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ การปฏิรูประบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงในด้านอื่น ๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครอง และสิ่งแวดล้อม ด้านการส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชนโดยการจัดการเรียนรู้ที่ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ จึงได้กำหนดทิศทางการดำเนินงาน เพื่อให้บริการกลุ่มเป้าหมายประชาชนที่อยู่นอก ระบบโรงเรียน ในอันที่จะนำไปสู่การพัฒนาสังคมและชุมชนอย่างยั่งยืน ๔ รูปแบบ คือการศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต และการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมจัด การศึกษาชุมชนเพื่อมุ่งให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้และการศึกษาตลอดชีวิต การดำเนินงานโดย ส่งเสริมและจัด การศึกษาตลอดชีวิต เพื่อพัฒนาคนให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในสังคมปัจจุบัน เป็น การเรียนรู้โดยบูรณาการองค์ความรู้และกระบวนการเรียนรู้ในชีวิตประจำวันเข้าด้วยกัน จึงได้จัดทำเอกสารรายงานผลการดำเนินงานการจัดโครงการกิจกรรม 1 ปอเนาะ 1 โครงการพัฒนา สถาบันศึกษาปอเนาะและได้สรุปสาระสำคัญในภาพรวมของการดำเนินงาน เพื่อเผยแพร่ผลงานการจัดกิจกรรม อันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงาน และภาคีเครือข่าย เพื่อนำไปเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนางานให้ เกิดประ โยชน์แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ผู้จัดทำ นางสาวนิรดา เอี่ยมสอาด ครูอาสาประจำสถาบันศึกษาปอเนาะ คำนำ


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ เรื่อง หน้า บทที่ ๑ บทนำ - ความเป็นมาและความสำคัญของโครงการ ๑ - วัตถุประสงค์ ๒ - เป้าหมาย ๒ - งบประมาณ ๒ - ผู้รับผิดชอบโครงการ 3 - เครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ๓ - ผลลัพธ์ ๓ บทที่ ๒ เอกสารที่เกี่ยวข้อง - ความหมายของการปรับปรุง ๔ - ประโยชน์ของการปรับปรุงกระบวนการ ๘ - ขั้นตอนของการดำเนินงานของQCC Six Sigma ๑๐ - ศาสตร์พระราชา ๑๒ บทที่ ๓ วิธีดำเนินการ - ขั้นการดำเนินโครงการ ๒๒ - ดัชนีตัวชี้วัดผลสำเร็จโครงการ ๒๒ บทที่ ๔ ผลการดำเนินงาน ผลการดำเนินงาน ๒๓ บทที่ ๕ สรุปผลการดำเนินงาน - ความสำเร็จของจัดโครงการ ๒๖ - ปัญหาและข้อเสนอแนะ ๒๖ บรรณานุกรม ภาคผนวก - ภาพประกอบกิจกรรม - โครงการ - บันทึกขออนุญาตจัดกิจกรรม - เอกสารขออนุมัติ สารบัญ


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ความเป็นมาและความสำคัญ เศรษฐกิจพอเพียง แปลว่า Sufficiency Economy คำว่า Sufficiency Economy นี้ไม่ได้มีใน ตำราเศรษฐกิจ. จะมีได้อย่างไร เพราะว่าเป็นทฤษฎีใหม่ ...Sufficiency Economy นั้นไม่มีในตำรา เพราะ หมายความว่าเรามีความคิดใหม่... และโดยที่ท่านผู้เชี่ยวชาญสนใจ ก็หมายความว่าเราก็สามารถที่จะไปปรับปรุง หรือไปใช้หลักการ เพื่อที่จะให้เศรษฐกิจของประเทศและของโลกพัฒนาดีขึ้น เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียงหมายถึง ความพอประมาณ ความมี เหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมี ผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการ เปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการ นำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐาน จิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎีและนักธุรกิจในทุกระดับให้มีสำนึกในคุณธรรม ความ ซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี ด้วย สถาบันศึกษาปอเนาะ เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตและเป็นศูนย์กลางในการศึกษาหา ความรู้ เป็นหน่วยงานที่บริการการศึกษาที่อยู่ใกล้ชิดประชาชนในชุมชนมากที่สุด เป็นกลไกสำคัญในการสร้าง กระบวนการเรียนรู้ในชุมชน เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเรียนรู้ได้ตามความต้องการตลอดเวลาตลอดชีวิต โดย มีรูปแบบและการจัดเนื้อหาการศึกษาที่ตรงตามความสนใจของผู้เรียนและสอดคล้องกับสภาพปัญหาและวิถีชีวิตของ ชุมชน มีการนำเครือข่ายแหล่งการเรียนรู้ ภูมิปัญญา เป็นสถานที่ที่ให้ความรู้ทั้งด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทักษะ ชีวิต ทักษะอาชีพ และด้านพัฒนาสังคมชุมชน และทุนชุมชนในการจัดกระบวนการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาสถาบัน ศึกษาปอเนาะให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิตและมีชีวิตชีวาอย่างแท้จริงและยั่งยืน ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอเจาะไอร้อง จัดทำโครงการกิจกรรม 1 ปอเนาะ 1 โครงการพัฒนา สถาบันศึกษาปอเนาะ เพื่อปรับปรุงพัฒนาสถาบันศึกษาปอเนาะให้มีภูมิทัศน์ที่น่าอยู่ น่าเรียนรู้ เพื่อให้เหมาะสมกับ คำกล่าวที่ว่า “สถาบันศึกษาปอเนาะเป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตของชุมชน” โดยจะพัฒนาด้านหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง และพัฒนาสภาพแวดล้อม ปรับภูมิทัศน์ภายในและภายนอกสถาบันศึกษาปอเนาะของ กศน. อำเภอเจาะไอร้อง ให้มีความเหมาะสม น่าอยู่ น่าเรียน เพื่อให้เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้และให้ผู้เรียนมีความ บทที่ ๑ บทนำ


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ตระหนักในการมีส่วนร่วมอนุรักษ์สภาพแวดล้อม รักษาแหล่งเรียนรู้ภายในสถาบันศึกษาปอเนาะให้มีความพร้อม และเอื้อต่อการเรียนรู้ วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถนำความรู้ไปใช้ในการ ดำเนินชีวิตได้ตามศักยภาพ 2. เพื่อพัฒนาสถาบันศึกษาปอเนาะให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ด้านหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถจัด การศึกษาและจัดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ 3. เพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมบริเวณสถาบันศึกษาปอเนาะให้น่าอยู่ เป้าหมาย เชิงปริมาณ 5.1.1 สถาบันศึกษาปอเนาะอัลมูฮายีรีน จำนวน 1 แห่ง เชิงคุณภาพ - สถาบันศึกษาปอเนาะ มีแหล่งเรียนรู้ ด้านหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถจัด การศึกษาและจัดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ อีกทั้งมีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ และให้ผู้เรียนมีความตระหนักในการมี ส่วนร่วมอนุรักษ์สภาพแวดล้อม รักษาแหล่งเรียนรู้ภายในสถาบันศึกษาปอเนาะให้มีความพร้อมและเอื้อต่อการ เรียนรู้ วงเงินงบประมาณ เบิกจ่ายจากแผนงานงบประมาณ แผนงาน : ยุทธศาสตร์เพื่อสนับสนุนด้านการพัฒนาและเสริมสร้าง ศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โครงการบริหารจัดการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กิจกรรมการพัฒนาการจัดการศึกษานอกระบบ และตามอัธยาศัยในจังหวัดชายแดนใต้ งบรายจ่ายอื่น รหัสงบประมาณ 20002340036005000005 กิจกรรม 1 ปอเนาะ 1 โครงการพัฒนา ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้ ๗.๑ ค่าวัสดุ ๗.๑.๑ ค่าวัสดุสถาบันศึกษาปอเนาะอัลมูฮายีรีน จำนวน 10,000 บาท เป็นเงิน 10,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน)


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ผู้รับผิดชอบโครงการ นางสาวนิรดา เอี่ยมสอาด ตำแหน่ง ครูอาสาฯปอเนาะ เบอร์โทรศัพท์ 081-0991171 เครือข่าย ๑. อบต.บูกิต ๒. ผู้นำชุมชนและผู้นำศาสนา ๓. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบูกิต โครงการที่เกี่ยวข้อง - โครงการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน - โครงการจัดการศึกษาต่อเนื่อง - โครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย ผลลัพธ์ (Outcome) สถาบันศึกษาปอเนาะ มีแหล่งเรียนรู้ ด้านหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถจัด การศึกษาและจัดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ อีกทั้งมีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ และให้ผู้เรียนมีความตระหนักในการมี ส่วนร่วมอนุรักษ์สภาพแวดล้อม รักษาแหล่งเรียนรู้ภายในสถาบันศึกษาปอเนาะให้มีความพร้อมและเอื้อต่อการ เรียนรู้ ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของโครงการ ๑. ตัวชี้วัดผลผลิต (Output) ร้อยละ 100 ของ สถาบันศึกษาปอเนาะ ได้รับการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ศาสตร์พระราชาเพื่อเอื้อ ต่อการเรียนรู้ ๒. ตัวชี้วัดผลลัพธ์(Outcome) ร้อยละ 80 ของสถาบันศึกษาปอเนาะเป็นแหล่งเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถจัดการศึกษา และจัดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ มีความพร้อมในการจัดการเรียนรู้อย่างเหมาะสม การติดตามและประเมินผลโครงการ - การสังเกต - การสอบถาม - การสัมภาษณ์ - แบบประเมินความพึงพอใจ


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ความหมายของการปรับปรุง การปรับปรุงกระบวนการเป็นสิ่งที่ต้องกระทำในงานบริหาร จัดการในระบบต่างๆ เช่น TQM, Six Sigma Hoshin Planning เป็นต้น การปรับปรุงกระบวนการจะต้องมีผู้รับผิดชอบที่เป็น Process Owner อย่างแท้จริง ด้วยเป็นบุคคลที่สำคัญอันจะทำให้กระบวนการ ได้รับการปรับปรุงอย่างจริงจัง หรือไม่ เพียงใด การกระจายงาน สามารถใช้ได้ทั้งงานของ Process Owner, การจัดทำ Balance Scorecard และการจัดทำระบบคุณภาพต่างๆ การศึกษาและวิเคราะห์องค์การด้วยการวิเคราะห์ถึงการกระจายงานด้วยเทคนิคต่างๆ เริ่มด้วยการศึกษาลักษณะ และคุณค่าของ การกระจายงานด้วยการเตรียมรายการต่างๆ เกี่ยวกับงานปฏิบัติและ การปฏิบัติการต่างๆ เรา จะต้องเรียนรู้ปัญหา หรือตรวจสอบถึงการกระจายงานใน ปัจจุบันและพัฒนาสิ่งที่จะต้องปรับปรุง ทั้งเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะต้อง ทำความเข้าใจคุณค่าของการศึกษาถึงกลไกต่างๆ ของเทคนิคในการ กระจายงาน การปรับปรุงที่มุ่งเน้น การลอยแพคนและเปลี่ยนแปลงแบบ ถอนรากถอนโคน แบบ Re-engineering ซึ่งให้ผลในระยะสั้น ได้สร้าง ความ เจ็บปวดและส่งผลต่อปัญหาระยะยาว ที่ต้องหันมาปรับปรุง กระบวนการเป็นหลัก ถือว่าเป็นบทเรียนที่ต้องจดจำไว้ ด้วย ความคิดพื้นฐานของการปรับปรุงกระบวนการ 1. การทำความเข้าใจให้ทุกคนในองค์การรู้แจ้งถึงการ ปรับปรุง กระบวนการ 2. จัดทำการกระจายงานให้เห็นกระบวนการในรูปของ รายการปฏิบัติการ 3. การเน้นย้ำความสำคัญ ของกระบวนการเป็นหลัก 4. เชื่อมโยงการพัฒนาคนเข้ากับการปรับปรุงกระบวนการ 5. นำการปรับปรุง กระบวนการเข้าไปพิจารณาในเรื่องระบบ คุณภาพต่างๆ หลักการปรับปรุงกระบวนการ 6. ต้องทำกระบวนการ ต่างๆ ยึดโยงกับเป้าประสงค์ของธุรกิจ 7. กำหนดเป้าประสงค์ทางกลยุทธ์ เป็นเป้าหมายของความประการแรก การ พัฒนาและการพัฒนาชุมชนมีความแตกต่างกันหลายประการ ทั้งในด้านแนวความคิดที่อยู่บนพื้นฐานความเชื่อ หลักการ รวมทั้งวิธีการต่าง ๆ การพัฒนาชุมชนอย่างเป็นทางการนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์เชิงสหวิทยาการ (Interdisciplinary) ซึ่งมีพัฒนาการทางวิชาการอย่างเป็นระบบไม่เกินหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา การขาดทฤษฎี ตลอดจนองค์ความรู้เชิงลึกที่มีลักษณะเฉพาะด้าน ทำให้การพัฒนาชุมชนมีลักษณะทางวิชาการที่เรียกว่า การพึ่งพา ทางทฤษฎี(Theoretical Dependency) ซึ่งหมายถึง การเอาแนวคิด ทฤษฎีกระบวนการ วิธีการจากศาสตร์สาขา อื่น ๆ เช่น สังคมวิทยา (Sociology) มานุษยวิทยา (Anthropology) การศึกษา (Education) รัฐศาสตร์(Political Science) เศรษฐศาสตร์(Economics) จิตวิทยา (Psychology) และอื่น ๆ มาบูรณาการแนวคิดขึ้นมาใหม่ เงื่อนไข ดังกล่าวทำให้ผู้ที่สนใจทางด้านการพัฒนาชุมชนจำเป็นที่จะต้องมีฐานความรู้ในศาสตร์สาขาต่าง ๆ รอบด้าน หรือ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ก็คือ ศาสตร์แห่งการพัฒนา ก็คือ บูรณาการหรือนวัตกรรมทางการศึกษาซึ่งมุ่งหวังจะสร้างองค์รวม แห่งความรู้ให้แก่ผู้ที่มุ่งมั่นที่จะศึกษา อย่างไรก็ตาม ลักษณะการพึ่งพาทางทฤษฎีของวิชาการทางด้านการพัฒนา นี่เองที่ทำให้การกำหนดแนวทางในการปฏิบัติมีจุดเน้นหนักแตกต่างกันออกไปตามพื้นฐานความรู้ความเชื่อ แนวคิด ของผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้บริหารงานและผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาด้านการพัฒนา แต่ อย่างน้อยที่สุด ในปัจจุบันนี้ทุกฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกันว่า รากฐานของการพัฒนาประเทศที่แท้จริงนั้น ควรจะยึด คนรวมทั้งสิ่งแวดล้อมเป็นศูนย์กลางแห่งการพัฒนา ประการที่สอง สังคมไทยนั้นมีประวัติศาสตร์ตลอดจนความเป็นมาอันยาวนาน ความเชื่อ บรรทัดฐาน วัฒนธรรม รูปแบบการดำเนินชีวิตตลอดจนรูปแบบของพฤติกรรมทางสังคมถูกถ่ายทอดโดยขบวนการเรียนรู้ทาง บทที่ ๒ เอกสารที่เกี่ยวข้อง


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ สังคม (Socialization) จากบรรพบุรุษสู่คนรุ่นหลัง และยังปรากฏร่องรอยให้เห็นได้อย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็น วัฒนธรรมแห่งการยอมตาม (Passive Culture) ความสัมพันธ์แบบข้า-บ่าว ผู้อุปถัมภ์-ผู้รับอุปถัมภ์ความเชื่อในสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ฤกษ์ยาม ผีสาง เทวดา ซึ่งเห็นได้อย่างดาษดื่น จริงอยู่ ถึงแม้ว่าวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษสู่คนยุกปัจจุบันบางอย่างจะวิจิตรงดงามเต็มไปด้วย คุณค่าควรแก่การอนุรักษ์บางรูปแบบจะแฝงการสั่งสมภูมิปัญญาท้องถิ่น (Local Wisdom) เอาไว้อย่างลึกซึ้งน่า ภาคภูมิใจ แต่กลับไม่ปรากฏแนวคิดอันแหลมคมเพียงพอที่จะชี้ให้เห็นมิติด้านลบของวัฒนธรรมไทยที่มีอิทธิพลต่อ การคาดคะเนสัมฤทธิ์ผลหรือความล้มเหลวของการพัฒนา การวิพากษ์เชิงกล่าวหาแนวคิดเสรีนิยม วัตถุนิยมหรือ สังคมนิยม ตลอดจนการปฏิเสธไม่ยอมรับแนวความคิดที่มาจากตะวันตกโดยพยายามชี้นำให้เชื่อว่าความล้มเหลว ของการพัฒนาประเทศ นับตั้งแต่เริ่มดำเนินงานตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีสาเหตุใหญ่มาจาก การนำเอาแนวคิด ทฤษฎีต่าง ๆ มาใช้โดยขาดการพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบถึงข้อตกลงเบื้องต้น เงื่อนไข รวมทั้งปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเอาทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติจึงมีลักษณะการมองปัญหาแบบอัตนิยม (Subjectivity) ชาตินิยม (Nationalism) วัฒนธรรมนิยม (Ethnocentrism) ซึ่งมักจะละเลยหรือมองข้ามความไม่รู้ ข้อบกพร่องตลอดจนความอ่อนแอทางปัญญาของตนเอง วิธีมองปัญหาดังกล่าวจะแตกต่างกับการวิเคราะห์ปัญหาใน เอกสารชุดนี้ซึ่งเน้นหลักการมองปัญหาแบบวัตถุประสงค์นิยม (Objectivism) องค์รวมนิยม (Totalism) หลัง สมัยใหม่นิยม (Post-Modernism) ซึ่งให้ความสำคัญกับการพิจารณาเชิงพิพากษ์ถึงสาเหตุแห่งความอ่อนแอและการ ด้อยพัฒนาทุกด้านของหน่วยการวิเคราะห์อันหมายถึงชุมชนในว่าเกิดจากการครอบงำ (Hegemony) การรุกราน (Penetration) ขบวนการติดต่อและผสมผสานทางวัฒนธรรม (Acculturation & Assimilation) การพึ่งพา การไม่ สามารถอยู่อย่างโดดเดี่ยว การแสวงหาผลประโยชน์จากผู้ที่อ่อนแอกว่า รวมทั้งการขูดรีด (Exploitation) อันเป็น พื้นฐานทางจิตวิทยาของสังคมมนุษย์เนื่องจาก การพัฒนาหรือการด้อยพัฒนา ความเข้มแข็งหรืออ่อนแอของสังคม ใด ๆ ก็ตามนั้น มิได้มีความหมายในตัวเอง หากแต่เป็นความคิดเชิงเปรียบเทียบ (Comparative Concept) ซึ่ง ขึ้นอยู่กับการเชื่อมโยงเปรียบเทียบกับสภาพแวดล้อมหรือสังคมอื่น โดยใช้กฎเกณฑ์ที่ถูกกำหนดโดยกรอบแนวคิด ของผู้คิดผ่านกระบวนการถ่ายทอดทางภาษาทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนขึ้นเป็นดัชนีชี้วัด อาทิเช่น วัดความเข้มแข็ง ของชุมชนใดชุมชนหนึ่ง โดยการพิจารณาจากการเรียนรู้และมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของคนในชุมชนหรือวัดความ เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยใช้รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานเฉลี่ย เราไม่สามารถจะ เข้าใจความหมายของพัฒนาหรือด้อยพัฒนา ความเข้มแข็งหรืออ่อนแอ ความยั่งยืนหรือไม่ยั่งยืนจากสิ่งใดได้ถ้าหาก ไม่สามารถพิจารณาสัมพันธ์กับสิ่งที่ใช้เป็นเกณฑ์เปรียบเทียบ ซึ่งการเปรียบเทียบก็มักจะถูกอิทธิพลของมิติทางด้าน วัฒนธรรม การครอบงำทางด้านภาษาซึ่งเป็นสื่อในกระบวนการถ่ายทอดความรู้เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะความรู้สึก ทางด้านชาติพันธุ์นิยม (Ethnocentrism) ซึ่งเกิดจากการยึดติดว่า วัฒนธรรมของตนเองนั้นดีกว่า สูงกว่าวัฒนธรรม อื่น ที่น่าสังเกต ก็คือ แนวคิดเหล่านี้ไม่สามารถก้าวพ้นไปจากความคิดเชิงเปรียบเทียบ (Comparative Thought) กับศาสตร์สาขาอื่นได้อยู่นั่นเอง กล่าวโดยสรุป ก็คือ วิธีคิดพื้นฐานของการพัฒนาและการพัฒนาชุมชนนั้น มีลักษณะ เป็นวิธีคิดเชิงเปรียบเทียบ (Comparative Thinking) ซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้อย่างน้อย 6 กลุ่ม ดังต่อไปนี้คือ 1. แนวความคิดแบบวิวัฒนาการ (Evolution) 2. แนวความคิดแบบการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม (Social & Cultural Change)


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ 3. แนวคิดแบบเศรษฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์การเมือง (Economics & Political Economy) 4. แนวคิดแบบการปฏิบัติการและการเคลื่อนไหวทางสังคม (Social Action & Social Movement) 5. แนวคิดแบบความขัดแย้งทางสังคม (Social Conflict) 6. แนวคิดแบบการพัฒนาชุมชน (Community Development) 7. กำหนดเป้าประสงค์ทางกลยุทธ์ เป็นเป้าหมายของความสำเร็จ 8. กำหนดขั้นตอนวิธีปฏิบัติในสายงานต่างๆ ให้มุ่งไปสู่เป้า- หมายขององค์การ 9. กำหนดจุดมุ่งหมายของการปรับปรุงกระบวนการโดยยึด ลูกค้าเป็นหลัก 10. เปรียบเทียบผลสำเร็จของผลสำเร็จขององค์การ โดยเทียบ เคียงกับองค์การชั้นนำอื่น 11. การบริหารกระบวนการต้องได้ Process Owner ที่มี Competency สูง เป็นหลักประกันความสำเร็จ คุณค่าของการศึกษาการกระจายงาน 12. การเรียนรู้วิธีการ แตกภารกิจออกเป็นหน้าที่ต่างๆ 13. นำหน้าที่ต่างๆ กำหนดเป็นกิจกรรมที่จะทำให้งานสำเร็จ 14. ใช้ประโยชน์จากการแบ่งย่อยไปพิจารณาว่าองค์การกำลังจะดำเนินไปอย่างไรและมีสิ่งใดจำเป็นต้องทำ 15. กำหนดสิ่งที่จะต้องการทำให้ชัดเจน 16. ศึกษาองค์การและปรับปรุงสถานการณ์ในการทำงาน 17. ตระหนักถึงความรับผิดชอบในการปรับปรุงสถานการณ์ใน การทำงาน 18. จัดวิธีการที่เป็นระบบในการศึกษาองค์การของตน 19. ต้องช่วยไม่ให้มีการปกปิดข้อมูล เพื่อให้การปรับปรุงต่างๆ สามารถทำได้ 20. ศึกษาให้รู้ว่างานอะไรที่ได้ทำไปจริง 21. ได้รู้ว่าใครเป็นผู้ทำงานให้แก่หน่วยงาน 22. ได้รู้ว่าใช้เวลาไปมากน้อยเท่าใด 23. ได้รู้ว่าการกระจายงานเกี่ยวข้องถึงข้อมูลอะไร 24. ช่วยให้การปรับปรุงต่างๆ สามารถทำได้ง่ายขึ้นกระบวนการในการศึกษาการกระจายงาน 25. การตระเตรียมรายการงานปฏิบัติ 26. ตัดสินถึงสิ่งที่จะต้องกระทำในการปฏิบัติงาน 27. จัดทำผังการกระจายงาน 28. ปรับปรุงการกระจายงาน เทคนิคการศึกษาการกระจายงาน 29. ชี้ให้เห็นว่าผู้ปฏิบัติงานทำงานสูง หรือต่ำกว่าทักษะของเขาเหล่านั้น 30. ชี้ให้เห็นเวลาที่ใช้ไปในลักษณะต่างๆ ของงาน 31. ชี้ให้เห็นงานที่ได้ทำไปโดยไม่จำเป็น 32. ชี้ให้เห็นถึงผู้ปฏิบัติงานต่างๆ ว่าทำงานสัมพันธ์กันหรือไม่ 33. ชี้ให้เห็นว่าการกระจายงานจนมากไปทำให้บางคนทำงาน มากเกินไปและคนอื่นๆ ทำงานน้อยมาก 34. ชี้ให้เห็นการรับปริมาณงานของแต่ละคน สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อไม่มีการแบ่งงานที่ถูกต้องในหมู่ พนักงาน 35. ความไม่เป็นธรรมในการให้ทุกคนมีส่วนร่วมในงาน 36. ขวัญกำลังใจของพนักงานลดลง 37. อาจเกิดอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้น 38. พนักงานอาจเกิดความเกียจคร้าน การทบทวนเทคนิคการกระจายงาน


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ 39. ทบทวนการเรียนรู้วิธีการสำรวจงานที่จะต้องทำในทุกส่วน ขององค์การ 40. ทบทวนงานที่จะต้องทำของแต่ละคนซึ่งจะทำให้งานสำเร็จ 41. ศึกษาการกระจายงานเป็นหน่วย แผนก และสาขา หรือ เป็นกลุ่มงาน 42. เรียนรู้การทำผังกระจายงานจะทำให้เห็นงานหลักที่ทำ เวลาที่ใช้อย่างเกิดประสิทธิผล สิ่งที่ผู้ทำงานทำให้ ภารกิจบรรลุผล 43. เรียนรู้ถึงการใช้ทักษะต่างๆ ที่เหมาะสมและสัมพันธ์หรือ ไม่สัมพันธ์กับงานที่ได้มอบหมาย 44. ทบทวนความสมบูรณ์ถูกต้องในข้อเท็จจริงที่บันทึกไว้ 45. ทบทวนการปรับปรุงต่างๆ ที่ชัดแจ้ง ซึ่งควรจะต้องทำ 46. ทบทวนเงื่อนไขที่ได้มีการสังเกตและแก้ไขก่อนหน้านั้น 47. ทบทวนตรรกในการเรียนรู้ สิ่งซึ่งจะต้องศึกษาละเอียดถึง งาน เพื่อหาทางแก้ไขที่ดีที่สุด ง่ายที่สุดและ ปลอดภัยที่สุด การปรับปรุงวิธีการต่างๆ 48. จัดหาวิธีการที่ง่ายและดีกว่าในการทำงาน 49. ระมัดระวังวิธีการที่จะทำให้งานสำเร็จ 50. ค้นหาระบบเพื่อศึกษาถึงการที่จะทำให้งานสำเร็จ 51. การปรับปรุงวิธีการต่างๆ ต้องมีความพยายามอย่างต่อเนื่อง 52. ควรคิดถึงความคงที่ของการปรับปรุงต่างๆ และใช้กระบวนการที่จะทำให้เกิดผล 53. ระลึกว่าวิธีทำงานที่ดีคือการทำงานที่ใช้เวลาน้อย 54. วิธีที่ดีที่สุดจะพบได้ง่ายจากการศึกษาที่ถูกต้องและ ระมัดระวัง ความรับผิดชอบในการปรับปรุงวิธีการ 55. ตระหนักอยู่เสมอว่าความรับผิดชอบเบื้องต้นในการ ปรับปรุงวิธีการ 56. ควรขอความช่วยเหลือจากผู้ที่จะให้ความช่วยเหลือได้ ทั้ง ผู้บังคับบัญชาที่เหนือขึ้นไป ผู้ตรวจสอบ ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ 57. ตระหนักรู้ว่าทุกคนต้องการทำงานในองค์การซึ่งใช้วิธีการ ทำงานที่ดี 58. ตระหนักรู้ว่าผลประโยชน์จะเป็นแรงกระตุ้นขวัญกำลังใจ ของคน 59. ตระหนักว่าคนโดยทั่วไปมีทัศนคติที่ดีต่องานของเขา 60. ผลของการปรับปรุงวิธีการที่ดีจะช่วยลดต้นทุนดำเนินการ การคัดเลือกงานที่จะนำ มาปรับปรุง 61. สิ่งสำคัญในการปรับปรุงงานจะต้องมีการคิดที่เป็นตรรกะ 62. เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามว่า มีวิธีการอะไรที่เราจะต้อง ปรับปรุง 63. ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในการเลือกงานที่จะปรับปรุง 64. ใช้ความพยายามมุ่งตรงไปในการปรับปรุงงาน ที่จะเกิด ผลสูงสุด 65. โปรแกรมการปรับปรุงวิธีการจะแสดงให้เห็นงานที่มีความ จำเป็นต้องปรับปรุงมากที่สุด 66. ควรจัดงานต่างๆ ที่จะศึกษาไว้ในรายการลำดับก่อนหลังตามความสำคัญและความเร่งด่วน 67. ความถูกต้องในการพิจารณา จัดลำดับก่อนหลังเป็นสิ่ง สำคัญในการปรับปรุงกระบวนการ 68. ควรคำนึงถึง คน เงิน เครื่องจักร และเวลา 69. ควรคำนึงถึงระยะเวลาที่จะทำให้งานแล้วเสร็จ 70. ควรคำนึงถึงคนที่จะมาทำงาน 71. ควรคำนึงถึงทักษะที่จะใช้ในงาน


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ 72. ควรคำนึงถึงคุณภาพของงาน 73. ควรคำนึงถึงความสูญเปล่าต่างๆ 74. ควรคำนึงถึงลักษณะที่เป็นคอขวดในการทำงาน 75. ควรคำถึงความเหนื่อยล้าของคน ประโยชน์ของการปรับปรุงกระบวนการ จะช่วยให้สถานการณ์ในการทำงานดีวันดีคืน การใช้การกระจายงานอาจเผชิญกับปัญหา เรื่องกำลังคน ที่ต้องเพิ่มขึ้น หรือลดคนที่มีอยู่ ซึ่งเราสามารถใช้เทคนิค ของการจัด แจกงาน ช่วยในการแก้ปัญหาเหล่านั้น ด้วยการ ปฏิบัติตามแผน และกระบวนการอันจะทำให้มั่นใจได้ว่า การปรับปรุงต่างๆ PDCA หัวใจสำคัญของการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง หลายคนคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “แผนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง” ผู้อ่านเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้หรือไม่ เกือบ ทุกคนคงจะต้องตอบว่าเห็นด้วยแน่ๆ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หากมีการวางแผนไว้เป็นอย่างดี มักมีโอกาสบรรลุ เป้าหมายได้มากกว่าทำโดยไม่มีการวางแผน หรือมีแผนที่ไม่เอื้อต่อการนำไปปฏิบัติได้จริง อย่างไรก็ตามการ วางแผน ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของความสำเร็จ บ่อยครั้งที่มักพบว่าแผนได้รับการจัดทำ และจัดเก็บเข้าแฟ้ม ส่วน การดำเนินงานก็ทำกันไปตามสถานการณ์ หากเป็นเช่นนี้แล้ว ต่อให้มีแผนที่ดีเพียงใด แต่ไม่ถูกนำไปปฏิบัติ ก็เท่ากับ ว่าโอกาสของความสำเร็จนั้นยังอยู่ห่างไกล PDCA เป็นแนวคิดหนึ่ง ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญเพียงแค่การวางแผน แต่แนวคิดนี้เน้นให้การดำเนินงาน เป็นไปอย่างมีระบบ โดยมีเป้าหมายให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แนวคิด PDCA ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรก โดย Walter Shewhart ซึ่งถือเป็นผู้บุกเบิกการใช้สถิติสำหรับวงการอุตสาหกรรม และต่อมาวงจร PDCA ได้เป็นที่ รู้จักอย่างแพร่หลาย มากขึ้น เมื่อปรมาจารย์ด้านการบริหารคุณภาพ อย่าง W.Edwards Deming ได้นำมาเผยแพร่ ให้เป็นเครื่องมือสำหรับการปรับปรุงกระบวนการ วงจรนี้จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “Deming Cycle” มาถึงวันนี้คงไม่มีใครบอกว่าไม่รู้จักวงจร PDCA หรือ Deming Cycle โดยเฉพาะในแวดวงของการ ทำงาน มักจะมีการนำ PDCA เข้ามาประยุกต์ใช้ทั้งการทำงานประจำ และการปรับปรุงงาน


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ โครงสร้างของ PDCA ประกอบด้วย 1) Plan คือ การวางแผน 2) DO คือ การปฏิบัติตามแผน 3) Check คือ การตรวจสอบ 4) Act คือ การปรับปรุงการดำเนินการอย่างเหมาะสม หรือ การจัดทำมาตรฐานใหม่ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานของการ ยกระดับคุณภาพ ทุกครั้งที่การดำเนินงานตามวงจร PDCA หมุนครบรอบ ก็จะเป็นแรงส่งสำหรับการดำเนินงานในรอบ ต่อไป และก่อให้เกิดการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ดังแสดงใน ภาพที่ 1 ภาพที่ 1 แสดง วงจร PDCA กับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง จากหลักการของวงจร PDCA หากพิจารณาเทียบกับหลายๆ เครื่องมือ หรือเทคนิคการปรับปรุงงาน ต่างๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น เครื่องมือด้านคุณภาพอย่าง QCC เครื่องมือที่ต้องใช้ การวิเคราะห์ด้วยสถิติขั้นสูง อย่าง Six Sigma หรือแม้แต่เครื่องมือที่เน้นเรื่องของการจัดการความรู้อย่าง KM พบว่า ล้วนมีพื้นฐานของแนวคิด PDCA ทั้งสิ้น ดังแสดงในภาพที่ 2 ภาพที่ 2 แสดงขั้นตอนการดำเนินงานของ QCC Six Sigma และ KM เทียบกับ PDCA จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือพื้นฐานหรือ เครื่องมือระดับสูง ที่มีเป้าหมายมุ่งเน้นให้เกิดการ ยกระดับ คุณภาพ ปรับปรุงและพัฒนาต่อยอดล้วนจำเป็นที่จะต้องมีการดำเนินงานอย่างครบถ้วน ตั้งแต่ การ วางแผน การปฏิบัติการตรวจสอบ และการทำให้เป็นมาตรฐานทั้งสิ้น เหตุผลก็เพราะจะทำให้การดำเนินงานเป็นไป อย่างมีระบบ ถูกทิศทาง และหากพบปัญหา หรืออุปสรรคระหว่างทาง ก็จะรู้ตัวได้ก่อน สามารถปรับแก้และ หาทางรับมือได้ทัน เพื่อให้สามารถ บรรลุเป้าหมายได้ตามต้องการและเป็นพื้นฐานที่ดีของการต่อยอดการปรับปรุง อย่างไรก็ตาม การทำกิจกรรมการเพิ่มผลิตภาพ หรือกิจกรรมปรับปรุงงานเพื่อยกระดับคุณภาพงาน ภายในองค์กรนั้น ไม่ว่าจะใช้เครื่องมือระดับพื้นฐาน หรือระดับสูงก็ตาม ปัญหาส่วนใหญ่คือการขาดการมีส่วนร่วม ของคนในองค์กร หรือเป็นการทำที่ยังไม่ลงถึงระดับปฏิบัติการ และในหลายองค์กร มักพบว่า การดำเนินงานขาด ความต่อเนื่อง ซึ่งแนวทางหนึ่งที่จะขจัดปัญหาที่กล่าวมานี้ให้หมดไปได้ คือ การวางระบบบริหารกิจกรรมอย่าง เหมาะสม ซึ่งแน่นนอนที่สุดว่าควรที่จะมีการดำเนินงานตามแนวทางของ PDCA ให้ครบวงจร เพราะจะทำให้การ ดำเนินงาน ตอบโจทย์ขององค์กรได้ตรงจุด ส่งผลให้การดำเนินงานสอดคล้องกับธรรมชาติของคนในองค์กร จาก


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ การวางแผนอย่างเหมาะสมด้วยการใช้ข้อมูลของสถานการณ์จริง และที่สำคัญ การดำเนินการได้รับการเฝ้าติดตาม อย่างเป็นระยะ ซึ่งก็จะทำให้สามารถปรับแผน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ได้ รวมถึงมีการสรุปบทเรียนที่ได้ หลังจากจบโครงการ ทำให้สามารถเรียนรู้รูปแบบที่เหมาะสมสำหรับองค์กร และนำมาเป็นแนวทางในการ ดำเนินงานรอบใหม่ ซึ่งจะทำให้กิจกรรมการเพิ่มผลิตภาพได้รับการพัฒนาและยกระดับได้อย่างต่อเนื่อง ตารางที่ 1 แสดงตัวอย่างของขั้นตอนการบริหารกิจกรรมการเพิ่มผลิตภาพภายในองค์กรตามแนวทาง ของ PDCA การดำเนินการที่สอดคล้องกับแผนจะเป็นเส้นทางที่นำไปสู่ ความสำเร็จ และบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ ขั้นตอนการบริหารกิจกรรมการเพิ่มผลิตภาพที่ดำเนินการสอดคล้องกับแนวทางของ PDCA นั้น จะเป็นไปอย่างมี ระบบ และครบถ้วน ซึ่งก็จะทำให้กิจกรรมการเพิ่มผลิตภาพมีความเหมาะสมกับองค์กร จากการที่มีการสำรวจ สถานการณ์ขององค์กรในประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิตหรือด้านบุคลากร เพื่อมาใช้เป็นข้อมูลป้อนเข้า สำหรับการวางแผนและกำหนดแนวทางการดำเนินงาน มีการตรวจสอบประเมินผลเป็นระยะทำให้สามารถปรับแผน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ได้ อีกทั้งยังมีการวิเคราะห์ผลสำเร็จของโครงการทำให้รู้ถึงจุดอ่อน จุดแข็งของการ ดำเนินงาน และถือเป็นบทเรียนสำหรับการดำเนินงานต่อไป และตรงจุดนี้เองที่จะทำให้สามารถยกระดับการ ปรับปรุงและพัฒนาได้จริง จึงมีโอกาสที่การพัฒนาต่อยอดจะเป็นไปอย่างเหมาะสมและถูกทิศทาง จะเห็นได้ว่า การดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงผ่านเครื่องมือการเพิ่มผลิตภาพ หรือการปรับปรุง คุณภาพ หรือแม้แต่การบริหารกิจกรรมภายในองค์กร การวางแผนงานอย่างเหมาะสมจากการศึกษาข้อมูลที่ เกี่ยวข้องรอบด้าน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และการดำเนินการที่สอดคล้องกับแผนจะเป็นเส้นทางที่นำไปสู่ความสำเร็จ และบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ก็จะต้องมีการตรวจสอบความคืบหน้า หรือปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นระยะ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สามารถนำมาใช้ในการปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ได้ และที่สำคัญ เมื่อการดำเนินงาน เสร็จสิ้นแต่ละครั้ง บทเรียนต่างๆ ที่ได้รับ ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ หากได้มีการนำมาทบทวน และสรุปข้อดี ข้อด้อย หรือ หาจุดปรับปรุง เพื่อให้การดำเนินงานในรอบต่อไปทำได้ง่ายขึ้น ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น และที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็คือการ ดำเนินงานอย่างครบถ้วนตามแนวคิดของวงจร PDCA ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ศาสตร์พระราชา มีคำกล่าวถึง “ศาสตร์พระราชา” มานานหลายปีที่ผ่านมา เช่น ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่าง ยั่งยืน, ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน, ศาสตร์พระราชาจากภูผาสู่มหานที ซึ่งในต่างประเทศต่างทราบว่าเป็น แนวคิดตามแนวพระราชดำริขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ในความคิดแวบหนึ่งคนไทยนี่ช่างโชคดี ที่เจอปัญหาอะไร พระราชาของเราก็หาทางแก้ไขไว้ให้ มีคำถามว่า “คนไทย รู้จักศาสตร์ของพระราชาดีแค่ไหน และเคยนำไปปฏิบัติกันหรือยัง” มาเริ่มต้นที่ตัวเรา และต่อไปก็คนรอบข้าง แล้ว ขยายออกวงกลางไปสู่สังคมและประเทศชาติในที่สุด ตัวอย่างปัญหาเช่น ทุกครั้งที่คนไทยมีปัญหา น้ำเสีย น้ำท่วมดินถล่ม ไฟป่า พระองค์ท่านก็จะคิดศาสตร์มาแก้ไข เมื่อ ประเทศไทยฝนแล้งพระองค์ท่านก็มีศาสตร์ในการทำฝนเทียม หรือ ฝนหลวง ที่เรียกว่า “ฟากฟ้าลงภูผา ผ่านทุ่งนาสู่ มหานที” เมื่อประชาชนชาวกทม.น้ำท่วม พระองค์ท่านก็คิดศาสตร์ที่ชื่อว่าโครงการแก้มลิง ที่คลองมักกะสัน เพื่อ แก้ไขปัญหา โครงการขุดคลองลัดโพธิ์ หรือ การแก้ไขปัญหาน้ำเสีย ใช้ผักตบชวาที่เรียกว่า “ใช้อธรรมปราบอธรรม” (The use of vice to defeat vice) และก็มีกังหันชัยพัฒนา เติมออกซิเจน มีคำถามหนึ่งว่า “ทำไมคนไทยรักพระราชาของเขาได้มากขนาดยอมตายแทนได้” คำตอบก็คือพระราชา ทรงห่วงใย ประชาชนของพระองค์ และทำเพื่อบำบัดความทุกข์ทุกอย่างของประชาชนตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ กว่า 70 ปี จึงเป็นหน้าที่ของคนไทยที่ต้องศึกษาศาสตร์แห่งพระราชา และช่วยกันดำเนินการตามรอยพระบาท หรือ “การเดินตามรอยเท้าพ่อ” ที่ต้องศึกษาแนวทาง ที่พระองค์ท่านได้ทรงงานและวางแนวทางหาหนทางแก้ไขปัญหา ของประชาชนไว้ ที่ทุกคนรู้จักกันในนาม “ศาสตร์พระราชา” หรือ “ศาสตร์แห่งพระราชา” ในแง่แนวคิด ปรัชญา และการปฏิบัตินั้น “การรักพระราชาของเรา” นั้นก็คือการปฏิบัติบูชาตามคำสอน หากคนไทย ทุกคน ช่วยกันทำ กันปฏิบัติและขยายผลการปฏิบัติให้กว้างขวาง จะยิ่งเกิดผลดีในการปฏิบัติ “เชิงสัญลักษณ์” มากขึ้น ที่ปกติเหล่าบรรดาข้าราชการและพสกนิกรทั่วไปทุกคนก็ได้ทำกันอยู่แล้ว เช่น คำขวัญ สโลแกน ที่เขียนขึ้น ป้าย ติดเสื้อ ติดรถ ต่าง ๆ อาทิ “เราเกิด ในรัชกาลที่ 9” ซึ่งเรียกรวมๆกันว่า “ปฏิบัติบูชา” ช่วยกันทำ สังคมก็จะดี ยิ่งขึ้น การเขียนให้ดูสวยดูดีดูเท่ห์ แต่ไม่ช่วยกันทำ ช่วยกันปฏิบัติ ก็จะไม่เรียกว่า “รักพระองค์ท่านอย่างแท้จริง”


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ การนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นเวลาเกือบ 20 ปีที่คนไทยรู้จัก “หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ที่ “พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” พระราชทานเป็นแนวทางในการนำพาประเทศไทยให้ข้ามพ้นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่ เกิดขึ้นเมื่อปี 2540 หรือ “วิกฤตต้มยำกุ้ง” หรือ ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ “ฟองสบู่แตก” จนหลายภาคส่วนน้อมนำ หลักปรัชญานี้ไปเป็นแนวทางปฏิบัติ โดยอาจารย์ยักษ์ หรือ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ผู้เด็ดเดี่ยวตามรอยในหลวงให้ เศรษฐกิจพอเพียงเลี้ยงชีวิต ได้ศึกษาและเขียนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง มาตลอดตั้งแต่ปี 2540 จวบจนทุกวันนี้ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้รับการนำไปประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลาย ทั้งในภาคเกษตรกรรม ธุรกิจ การจัดการทาง เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม และสถานศึกษา จนประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม โดย “มูลนิธิมั่นพัฒนา” ที่ จัดตั้งขึ้นเมื่อ 25 กรกฎาคม 2557 ศาสตร์พระราชา...ศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มีพระราชดำรัส เมื่อปี 2554 ว่า “เป้าหมายในการพัฒนาของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ ‘การพัฒนาที่ยั่งยืน’ เพื่อปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของคน โดยไม่ทำลาย สิ่งแวดล้อม ให้คนมีความสุข โดยต้องคำนึงเรื่องสภาพภูมิศาสตร์ ความเชื่อทางศาสนา เชื้อชาติ และภูมิหลังทาง เศรษฐกิจ สังคม แม้ว่าวิธีการพัฒนามีหลากหลาย แต่ที่สำคัญคือนักพัฒนาจะต้องมีความรัก ความห่วงใย ความ รับผิดชอบ และการเคารพในเพื่อนมนุษย์ จะเห็นได้ว่าการพัฒนาเกี่ยวข้องกับมนุษยชาติ และเป็นเรื่องของจิตใจ” เมื่อ 28 ตุลาคม 2559 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการ “ศาสตร์ พระราชาสู่การปฏิบัติอย่างยั่งยืน” ในการพัฒนาเศรษฐกิจสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 รวมทั้งการพัฒนาประเทศเพื่อก้าว เข้าสู่สังคมโลกทั้งในระดับภูมิภาค และ ในระดับโลก เพื่อน้อมนำพระราชดำรัสขององค์พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชที่ให้ “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ของการพัฒนา มาเป็นแนวทางในการดำเนินงาน เพื่อ ไม่ให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่ ประชาชนมีส่วนร่วม และได้ประโยชน์จากการพัฒนาอย่างแท้จริง ให้มีความ อยู่ดี กิน ดี รัฐบาล ฯพณฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้เชื่อมโยง “ศาสตร์พระราชา”ในเรื่องหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (SEP - Sufficiency Economy Philosophy) กับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs - Sustainable Development Goals) ประสบความสำเร็จ ในการสร้างความตระหนักและการยอมรับใน


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ เวทีระหว่างประเทศในระดับหนึ่ง ยกตัวอย่าง ได้แก่ (1) ศูนย์สาธิตสหกรณ์โครงการหุบกะพง เพื่อแก้ปัญหาการขาด น้ำกินและน้ำใช้, การขาดที่ดินทำกิน ซึ่งมีการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีอย่างง่าย (2) ธนาคารอาหารเป็นกิจกรรม จากกองทุนอาหารกลางวันแบบยั่งยืน ให้เด็กนักเรียนทุกคนนำไปลงทุน เพื่อประกอบอาชีพทำการเกษตรและปศุ สัตว์ขนาดเล็ก (3) โรงเรียนพระดาบส จัดให้มีการสอนวิชาชีพ หลักสูตร 1 ปี มุ่งให้สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ จริง เสริมด้วยทักษะชีวิต ให้สามารถดำรงตน ได้อย่างเหมาะสม (4) กังหันชัยพัฒนา เป็นการเพิ่มปริมาณออกซิเจน ในน้ำ ลดกลิ่น น้ำไม่เน่าเสีย เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำได้ (5) บริษัท ประชารัฐ รักสามัคคี จำกัด ดำเนินการตาม รูปแบบ “วิสาหกิจเพื่อสังคม” บนกลไก “ประชารัฐ”ที่ไม่มุ่งเน้นผลกำไรจากการประกอบการ โดยสรุปของ “ศาสตร์ แห่งพระราชา” ที่สำคัญเหล่านี้กัน อาทิ โครงการฝนหลวง จากฟากฟ้าลงภูผา ผ่านทุ่งนาสู่มหานที วิธีทำฝนหลวงมีอยู่ 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 ก่อกวน คือการดัดแปรสภาพอากาศหรือก้อนเมฆ ในขณะนั้นเพื่อกระตุ้นให้มวลอากาศ ชื้นไหลพาขึ้นสู่เบื้องบนอันเป็นการชักนำไอน้ำหรืออากาศชื้นเข้าสู่กระบวน การเกิดเมฆ ขั้นตอนที่ 2 เลี้ยงให้อ้วน คือการดัดแปรสภาพอากาศเพื่อทำให้เมฆเจริญขึ้นจนมีขนาดใหญ่หนาแน่น และพร้อมที่จะตกลงมาเป็นฝน ขั้นตอนที่ 3 โจมตีคือการดัดแปรสภาพอากาศที่จะกระตุ้นให้เม็ดละอองเมฆปะทะ ชนกันแล้วรวมตัว เข้าด้วยกัน จนมีขนาดใหญ่ขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นการลดแรงไหลพาขึ้นเบื้องบน เพื่อให้เม็ดน้ำ มี ขนาดใหญ่ตกลงสู่เบื้องล่างแล้วเกิดเป็นฝนตกลงมาสู่เป้าหมาย ฝายชะลอความชุ่มชื้น( Check Dam) หรือฝายแม้ว ใช้วัสดุธรรมชาติที่หาง่ายในท้องถิ่นเช่นก้อนหินและไม้เพื่อก่อเป็นฝายขวางร่องน้ำหรือห้วยเล็กๆทำ หน้าที่กักกระแสน้ำไว้ให้ไหลช้าลงและให้น้ำสามารถซึม ลงใต้ผิวดินสร้างความชุ่มชื้นในบริเวณนั้น อีกทั้งยังช่วยดัก ตะกอนดินและทราย ไม่ให้ไหลลงสู่แหล่งน้ำเบื้องล่าง


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ แฝก การปลูกหญ้าแฝกตามแนวระดับเพื่อช่วยชะลอความชุ่มชื้นไว้ในดิน โดยรากของหญ้า แฝกจะ ขยายออกด้านข้างเป็นวงเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 50 เซนติเมตรและจะแทงลงไป เป็นแนวลึกใต้ดิน 1-3 เมตรแล้ว สานกันเป็นแนวกำแพงดูดซับความชุ่มชื้นให้แก่ผิวดิน ทฤษฎีใหม่ เป็นการสร้างแหล่งน้ำขนาดเล็กบนผิวดินในพื้นที่การเกษตรของเกษตรกรโดยแบ่ง ที่ดินสำหรับใช้ ขุดเป็นสระเก็บน้ำให้สามารถใช้ทำการเกษตรได้ตลอดปีและสามารถ เลี้ยงปลาไปพร้อมๆกันนอกจากนี้บริเวณขอบ สระยังสามารถใช้ปลูกพืชผักสวนครัว ได้อีกด้วย โครงการแก้มลิง หลักการของโครงการ คือเมื่อเกิดน้ำท่วมก็ขุดคลองชักน้ำให้ไหลมารวมกันเก็บไว้ ในแหล่งพักน้ำ แล้วจึงค่อยทำการระบายลงสู่ทะเลผ่านทางประตูระบายน้ำในช่วงที่ ปริมาณน้ำทะเลลดลง ขณะเดียวกันก็สามารถ สูบน้ำออกจากคลองที่เป็นแก้มลิงลงสู่ ทะเลตลอดเวลาเพื่อที่น้ำจากตอนบนจะได้ไหลลงมาได้เรื่อยๆและเมื่อใดก็ ตามที่ ระดับน้ำทะเลขึ้นสูงกว่าระดับน้ำในคลองที่เป็นแก้มลิงก็ให้ปิดประตูระบายน้ำกั้นไม่ให้น้ำทะเลไหลย้อนกลับ เข้ามา


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ การใช้น้ำดีไล่น้ำเสีย เป็นการนำน้ำคุณภาพดีจากแม่น้ำเจ้าพระยาส่งเข้าไปไล่น้ำเสียตามคลองใน เขตกรุงเทพฯและ ปริมณฑลได้แก่คลองบางเขน คลองบางซื่อ คลองแสนแสบ คลองเทเวศร์และ คลองบางลำภูเพื่อช่วยลดปัญหา ความเน่าเสียของน้ำในคลองต่างๆคล้ายกับ การ “ชักโครก”คือปิดและเปิดน้ำให้ได้จังหวะตามเวลาน้ำขึ้น-น้ำลงหาก น้ำขึ้น สูงก็เปิดประตูน้ำให้น้ำดีเข้าไปไล่น้ำเสียครั้นน้ำทะเลลงก็เปิดประตูถ่ายน้ำเสียออกจากคลองไปด้วย กังหันน้ำชัยพัฒนา กังหันชัยพัฒนา หรือ เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย เป็นกังหันน้ำเพื่อบำบัดน้ำ เสียด้วยวิธีการเติมอากาศ ทำงานโดย การหมุนปั่น เพื่อเติมอากาศให้น้ำเสียกลายเป็นน้ำดี สามารถประยุกต์ใช้ บำบัดน้ำเสียจากการอุปโภคของประชาชน น้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งเพิ่มออกซิเจน ให้กับบ่อ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทางการเกษตร ใช้บำบัดน้ำเสียที่เกิดจากชุมชนและอุตสาหกรรมลักษณะเป็นเครื่องกลหมุนช้าแบบ ทุ่นลอยเพื่อช่วยเติมออกซิเจนที่ผิวน้ำ


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ การบำบัดน้ำเสียโดยใช้จุลินทรีย์2 วิธี วิธีที่ 1 การใช้น้ำหมักชีวภาพ โดยการใช้น้ำหมักชีวภาพปริมาณ 1 ต่อ 500 ส่วนราดลงทั้งในน้ำ ทิ้งจากครัวเรือน ตลาดสดฟาร์มปศุสัตว์หรือโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อให้จุลินทรีย์ช่วยย่อยสลาย อินทรีย์สารในแหล่ง น้ำนอกจากนี้น้ำหมักชีวภาพยังสามารถนำไปใช้ได้ดีในการปรับสภาพน้ำในบ่อประมงทั้งบ่อเลี้ยงกุ้งและปลาได้เป็น อย่างดี วิธีที่ 2 ลูกระเบิดจุลินทรีย์ เป็นการบำบัดและฟื้นฟูแหล่งน้ำให้ดีขึ้นด้วยจุลินทรีย์เช่นเดียวกับการใช้น้ำ หมัก ประกอบด้วยโคลนจากท้องน้ำ 50กิโลกรัม,ร้า 10 กิโลกรัม,ปุ๋ยอินทรีย์เม็ดหรือ ผง 50 กิโลกรัมและน้ำหมักชีวภาพ ที่หมักจนได้ที่แล้ว 3 เดือนขึ้นไปโดยนำทุกอย่างมาผสมเข้าด้วยกันจนสามารถปั้นเป็นก้อนขนาดเท่าลูกเปตองนำไป ผึ่งไว้ในที่ร่ม จนแห้งสามารถนำไปบำบัดน้ำได้โดยใช้ในอัตราส่วน 5 กิโลกรัมต่อน้ำ 1 ล้านลิตร หรือ 25 กิโลกรัม ต่อพื้นที่ไร่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพน้ำที่เน่าเสีย “ศาสตร์พระราชา” ตำราแห่งชีวิต ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่นอกจากจะทรงด้วยทศพิธราชธรรมแล้ว ทรงยัง เป็นพระราชาที่เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต และการทำงานแก่พสกนิกรของพระองค์และนานาประเทศอีกด้วย ผู้คนต่างประจักษ์ถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์และมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ ซึ่งแนวคิดหรือหลักการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9มีความน่าสนใจที่สมควรนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตการทำงาน เป็นอย่างยิ่ง หากท่านใดต้องการปฏิบัติตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ท่านสามารถนำหลักการทรงงานของพระองค์ไป ปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ดังนี้ หลักการทรงงาน ในหลวงรัชกาลที่ 9 1. จะทำอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้เป็นระบบ ทรงศึกษาข้อมูลรายละเอียดอย่างเป็นระบบจากข้อมูลเบื้องต้น ทั้งเอกสาร แผนที่ สอบถามจาก เจ้าหน้าที่ นักวิชาการ และราษฎรในพื้นที่ให้ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ได้จริง อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และตรงตามเป้าหมาย 2. ระเบิดจากภายใน จะทำการใดๆ ต้องเริ่มจากคนที่เกี่ยวข้องเสียก่อน ต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายในให้เกิดความ เข้าใจและอยากทำ ไม่ใช่การสั่งให้ทำ คนไม่เข้าใจก็อาจจะไม่ทำก็เป็นได้ ในการทำงานนั้นอาจจะต้องคุยหรือประชุม กับลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน หรือคนในทีมเสียก่อน เพื่อให้ทราบถึงเป้าหมายและวิธีการต่อไป 3. แก้ปัญหาจากจุดเล็ก ควรมองปัญหาภาพรวมก่อนเสมอ แต่เมื่อจะลงมือแก้ปัญหานั้น ควรมองในสิ่งที่คนมักจะมองข้าม แล้วเริ่มแก้ปัญหาจากจุดเล็กๆ เสียก่อน เมื่อสำเร็จแล้วจึงค่อยๆ ขยับขยายแก้ไปเรื่อยๆ ทีละจุด เราสามารถเอามา ประยุกต์ใช้กับการทำงานได้ โดยมองไปที่เป้าหมายใหญ่ของงานแต่ละชิ้น แล้วเริ่มลงมือทำจากจุดเล็กๆ ก่อน ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ แก้ไปทีละจุด งานแต่ละชิ้นก็จะลุลวงไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ “ถ้าปวดหัวคิดอะไรไม่ออก ก็ต้องแก้ไข


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ การปวดหัวนี้ก่อน มันไม่ได้แก้อาการจริง แต่ต้องแก้ปัญหาที่ทำให้เราปวดหัวให้ได้เสียก่อน เพื่อจะให้อยู่ในสภาพที่ดี ได้…” 4. ทำตามลำดับขั้น เริ่มต้นจากการลงมือทำในสิ่งที่จำเป็นก่อน เมื่อสำเร็จแล้วก็เริ่มลงมือสิ่งที่จำเป็นลำดับต่อไป ด้วย ความรอบคอบและระมัดระวัง ถ้าทำตามหลักนี้ได้ งานทุกสิ่งก็จะสำเร็จได้โดยง่าย… ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเริ่มต้น จากสิ่งที่จำเป็นที่สุดของประชาชนเสียก่อน ได้แก่ สุขภาพสาธารณสุข จากนั้นจึงเป็นเรื่องสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และสิ่งจำเป็นในการประกอบอาชีพ อาทิ ถนน แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร การอุปโภคบริโภค เน้นการปรับใช้ภูมิ ปัญญาท้องถิ่นที่ราษฎรสามารถนำไปปฏิบัติได้ และเกิดประโยชน์สูงสุด “การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำ ตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐาน คือความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน ใช้วิธีการและ อุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พื้นฐานที่มั่นคงพร้อมพอสมควร สามารถปฏิบัติได้แล้วจึงค่อย สร้างเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป…” พระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2517 5. ภูมิสังคม ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ การพัฒนาใดๆ ต้องคำนึงถึงสภาพภูมิประเทศของบริเวณนั้นว่าเป็นอย่างไร และสังคมวิทยา เกี่ยวกับลักษณะนิสัยใจคอคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีในแต่ละท้องถิ่นที่มีความแตกต่างกัน “การพัฒนาจะต้อง เป็นไปตามภูมิประเทศทางภูมิศาสตร์และภูมิประเทศทางสังคมศาสตร์ ในสังคมวิทยา คือนิสัยใจคอของคนเรา จะไป บังคับให้คนอื่นคิดอย่างอื่นไม่ได้ เราต้องแนะนำ เข้าไปดูว่าเขาต้องการอะไรจริงๆ แล้วก็อธิบายให้เขาเข้าใจหลักการ ของการพัฒนานี้ก็จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง” 6. ทำงานแบบองค์รวม ใช้วิธีคิดเพื่อการทำงาน โดยวิธีคิดอย่างองค์รวม คือการมองสิ่งต่างๆ ที่เกิดอย่างเป็นระบบครบ วงจร ทุกสิ่งทุกอย่างมีมิติเชื่อมต่อกัน มองสิ่งที่เกิดขึ้นและแนวทางแก้ไขอย่างเชื่อมโยง 7. ไม่ติดตำรา เมื่อเราจะทำการใดนั้น ควรทำงานอย่างยืดหยุ่นกับสภาพและสถานการณ์นั้นๆ ไม่ใช่การยึดติดอยู่ กับแค่ในตำราวิชาการ เพราะบางที่ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด บางครั้งเรายึดติดทฤษฎีมากจนเกินไปจนทำอะไร ไม่ได้เลย สิ่งที่เราทำบางครั้งต้องโอบอ้อมต่อสภาพธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สังคม และจิตวิทยาด้วย 8. รู้จักประหยัด เรียบง่าย ได้ประโยชน์สูงสุด ในการพัฒนาและช่วยเหลือราษฎร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงใช้หลักในการแก้ปัญหาด้วยความ เรียบง่ายและประหยัด ราษฎรสามารถทำได้เอง หาได้ในท้องถิ่นและประยุกต์ใช้สิ่งที่มีอยู่ในภูมิภาคนั้นมาแก้ไข ปรับปรุง โดยไม่ต้องลงทุนสูงหรือใช้เทคโนโลยีที่ยุ่งยากมากนัก ดังพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า “…ให้ปลูกป่าโดยไม่ ต้องปลูกโดยปล่อยให้ขึ้นเองตามธรรมชาติจะได้ประหยัดงบประมาณ…”


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ 9. ทำให้ง่าย ทรงคิดค้น ดัดแปลง ปรับปรุงและแก้ไขงาน การพัฒนาประเทศตามแนวพระราชดำริไปได้โดยง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อนและที่สำคัญอย่างยิ่งคือ สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนและระบบนิเวศ โดยรวม “ทำให้ง่าย” 10. การมีส่วนร่วม ทรงเป็นนักประชาธิปไตย ทรงเปิดโอกาสให้สาธารณชน ประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ทุกระดับได้ มาร่วมแสดงความคิดเห็น “สำคัญที่สุดจะต้องหัดทำใจให้กว้างขวาง หนักแน่น รู้จักรับฟังความคิดเห็น แม้กระทั่ง ความวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่นอย่างฉลาดนั้น แท้จริงคือ การระดมสติปัญญาละประสบการณ์อันหลากหลายมา อำนวยการปฏิบัติบริหารงานให้ประสบผลสำเร็จที่สมบูรณ์นั่นเอง” 11. ต้องยึดประโยชน์ส่วนรวม ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงระลึกถึงประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญ ดังพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า “…ใครต่อใครบอกว่า ขอให้เสียสละส่วนตัวเพื่อส่วนรวม อันนี้ฟังจนเบื่อ อาจรำคาญด้วยซ้ำว่า ใครต่อใครมาก็บอก ว่าขอให้คิดถึงประโยชน์ส่วนรวม อาจมานึกในใจว่า ให้ๆ อยู่เรื่อยแล้วส่วนตัวจะได้อะไร ขอให้คิดว่าคนที่ให้เป็นเพื่อ ส่วนรวมนั้น มิได้ให้ส่วนรวมแต่อย่างเดียว เป็นการให้เพื่อตัวเองสามารถที่จะมีส่วนรวมที่จะอาศัยได้…” 12. บริการที่จุดเดียว ทรงมีพระราชดำริมากว่า 20 ปีแล้ว ให้บริหารศูนย์ศึกษาการพัฒนาหลายแห่งทั่วประเทศโดยใช้ หลักการ “การบริการรวมที่จุดเดียว : One Stop Service” โดยทรงเน้นเรื่องรู้รักสามัคคีและการร่วมมือร่วมแรง ร่วมใจกันด้วยการปรับลดช่องว่างระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 13. ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเข้าใจถึงธรรมชาติและต้องการให้ประชาชนใกล้ชิด กับทรัพยากรธรรมชาติ ทรงมองปัญหาธรรมชาติอย่างละเอียด โดยหากเราต้องการแก้ไขธรรมชาติจะต้องใช้ ธรรมชาติเข้าช่วยเหลือเราด้วย 14. ใช้อธรรมปราบอธรรม ทรงนำความจริงในเรื่องธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของธรรมชาติมาเป็นหลักการแนวทางปฏิบัติในการ แก้ไขปัญหาและปรับปรุงสภาวะที่ไม่ปกติเข้าสู่ระบบที่ปกติ เช่น การบำบัดน้ำเน่าเสียโดยให้ผักตบชวา ซึ่งมีตาม ธรรมชาติให้ดูดซึมสิ่งสกปรกปนเปื้อนในน้ำ


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ 15. ปลูกป่าในใจคน การจะทำการใดสำเร็จต้องปลูกจิตสำนึกของคนเสียก่อน ต้องให้เห็นคุณค่า เห็นประโยชน์กับสิ่งที่ จะทำ…. “เจ้าหน้าที่ป่าไม้ควรจะปลูกต้นไม้ลงในใจคนเสียก่อน แล้วคนเหล่านั้นก็จะพากันปลูกต้นไม้ลงบนแผ่นดิน และจะรักษาต้นไม้ด้วยตนเอง” 16. ขาดทุนคือกำไร หลักการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่มีต่อพสกนิกรไทย “การให้” และ “การ เสียสละ” เป็นการกระทำอันมีผลเป็นกำไร คือความอยู่ดีมีสุขของราษฎร 17. การพึ่งพาตนเอง การพัฒนาตามแนวพระราชดำริ เพื่อการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นด้วยการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้มีความแข็งแรงพอที่จะดำรงชีวิตได้ต่อไป แล้วขั้นต่อไปก็คือ การพัฒนาให้ประชาชนสามารถอยู่ในสังค มได้ ตามสภาพแวดล้อมและสามารถ พึ่งตนเองได้ในที่สุด 18. พออยู่พอกิน ให้ประชาชนสามารถอยู่อย่าง “พออยู่พอกิน” ให้ได้เสียก่อน แล้วจึงค่อยขยับขยายให้มีขีด สมรรถนะที่ก้าวหน้าต่อไป 19. เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิต ให้ ดำเนินไปบน “ทางสายกลาง” เพื่อให้รอดพ้นและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ซึ่งปรัชญานี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งระดับบุคคล องค์กร และชุมชน บทความที่เกี่ยวข้อง : เดินตามรอยเท้าพ่อ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 20. ความซื่อสัตย์สุจริต จริงใจต่อกัน ผู้ที่มีความสุจริตและบริสุทธิ์ใจ แม้จะมีความรู้น้อย ก็ย่อมทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้มากกว่าผู้ที่ มีความรู้มาก แต่ไม่มีความสุจริต ไม่มีความบริสุทธิ์ใจ 21. ทำงานอย่างมีความสุข ทำงานต้องมีความสุขด้วย ถ้าเราทำอย่างไม่มีความสุขเราจะแพ้ แต่ถ้าเรามีความสุขเราจะชนะ สนุกกับการทำงานเพียงเท่านั้น ถือว่าเราชนะแล้ว หรือจะทำงานโดยคำนึงถึงความสุขที่เกิดจากการได้ทำประโยชน์


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ให้กับผู้อื่นก็สามารถทำได้ “…ทำงานกับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากการมีความสุขร่วมกัน ในการทำประโยชน์ ให้กับผู้อื่น…” 22. ความเพียร การเริ่มต้นทำงานหรือทำสิ่งใดนั้นอาจจะไม่ได้มีความพร้อม ต้องอาศัยความอดทนและความมุ่งมั่น ดังเช่นพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” กษัตริย์ผู้เพียรพยายามแม้จะไม่เห็นฝั่งก็จะว่ายน้ำต่อไป เพราะถ้าไม่เพียร ว่ายก็จะตกเป็นอาหารปู ปลาและไม่ได้พบกับเทวดาที่ช่วยเหลือมิให้จมน้ำ 23. รู้ รัก สามัคคี • รู้ คือ รู้ปัญหาและรู้วิธีแก้ปัญหานั้น • รัก คือ เมื่อเรารู้ถึงปัญหาและวิธีแก้แล้ว เราต้องมีความรัก ที่จะลงมือทำ ลงมือแก้ไขปัญหานั้น • สามัคคี คือ การแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่สามารถลงมือทำคนเดียวได้ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกัน ที่มา : https://th.jobsdb.com, http://www.crma.ac.th, http://umongcity.go.th https://lifestyle.campusstar.com/knowledge/39678.html บทที่ ๓ วิธีดำเนินการ


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ขั้นตอนการดำเนินการโครงการ/กิจกรรม (จากโครงการ) 1. การวางแผน (Plan) วางแผนการดำเนินงาน/ประสานเครือข่าย 2.การปฏิบัติ (Do) ดำเนินงานตามโครงการปรับภูมิทัศน์มุมเรียนรู้ศาสตร์พระราชาในสถาบันศึกษาปอเนาะอัลมูฮายีรีน 3.การตรวจสอบ/ประเมินผล(Check) นิเทศ ติตามผลการดำเนินงาน 4. แนวทางการนำผลการประเมินไปปรับปรุง (Action) สรุปและรายงานผล ดัชนีตัวชี้วัดผลสำเร็จโครงการ ตัวชี้วัด การติดตามและประเมินผลโครงการ เครื่องมือที่ใช้ - ร้อยละ 100 ของ สถาบัน ศึกษาปอเนาะ ได้รับการพัฒนาแหล่ง เรียนรู้ศาสตร์พระราชาเพื่อเอื้อต่อการ เรียนรู้ - ร้อยละ 80 สถาบันศึกษาปอเนาะ อัลมูฮายีรีนมีมุมเรียนรู้เรื่องศาสตร์ พระราชาที่ดียิ่งขึ้น ผู้เรียนมีความรู้ความ เข้าใจศาสตร์พระราชา และสามารถนำ ความรู้ไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้ตาม ศักยภาพ - การสังเกต - แบบสอบถาม - แบบประเมิน


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ผลการดำเนินงาน ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้เข้าร่วมโครงการ ตาราง ที่ 1 จำนวนและร้อยละผู้เข้าร่วมโครงการจำแนกตามเพศ ที่ ปอเนาะ จำนวน ร้อยละ 1. ชาย 00 0.00 หญิง 10 100.00 รวม 10 100 จากตารางที่ 1 พบว่าผู้เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 100.00 ตารางที่ 2 จำนวนและร้อยละผู้เข่าร่วมโครงการจำแนกตามอายุ ที่ อายุ จำนวน ร้อยละ 1. 15 - - 2. 16 – 39 10 100 3. 40 - 59 - - 4. 60 - - รวม 10 100 จากตารางที่ 2 พบว่า ผู้เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่มีช่วงอายุ 16 – 39 ปี คิดเป็นร้อยละ 100 ช่วงอายุ 40 – 59 ปี คิดเป็นร้อยละ - และช่วงอายุ 15 ปี คิดเป็นร้อยละ - ตามลำดับ ตอนที่ 2 ความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมโครงการ การแปรผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากแบบสอบถาม ได้นำคะแนนที่ได้มาคำนวณหาค่าเฉลี่ย เพื่อแปรผลข้อมูล โดยมีเกณฑ์ ดังนี้ คะแนนเฉลี่ย4.50-5.00 หมายความว่า ความพึงพอใจ/ความรู้ความเข้าใจ อยู่ในระดับมากที่สุด คะแนนเฉลี่ย3.50-4.49 หมายความว่า ความพึงพอใจ/ความรู้ความเข้าใจ อยู่ในระดับมาก คะแนนเฉลี่ย2.50-3.49 หมายความว่า ความพึงพอใจ/ความรู้ความเข้าใจ อยู่ในระดับปานกลาง คะแนนเฉลี่ย1.50-2.49 หมายความว่า ความพึงพอใจ/ความรู้ความเข้าใจ อยู่ในระดับน้อย คะแนนเฉลี่ย1.50-1.49 หมายความว่า ความพึงพอใจ/ความรู้ความเข้าใจ อยู่ในระดับน้อยที่สุด ตอนที่ 2 ความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมโครงการ บทที่ ๔ ผลดำเนินงาน


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ตารางที่ 3 จำนวน ค่าเฉลี่ย ร้อยละ การนำไปใช้ผู้เข้าร่วมโครงการ ข้อ ประเด็นวัด ระดับความรู้ความเข้าใจ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ 5 4 3 2 1 1. การมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น และข้อเสนอแนะ 18 2 4.93 90.00 ในโครงการ 2.ความเหมาะสม และระยะเวลาในการดำเนินการ 16 4 4.90 80.00 ปรับปรุง 3.รูปแบบการปรับปรุงมีความเหมาะสม สอดคล้องกับ 19 1 4.93 95.00 ธรรมชาติ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 4. ความเหมาะสมในการใช้ประโยชน์ของโครงการ ที่ 17 3 4.93 85.00 เอื้อต่อพื้นที่และกิจกรรมต่างๆ 5. ความเรียบร้อย สวยงาม และเกิดสุนทรียภาพของ 19 1 4.93 95.00 พื้นที่ที่ดีกว่าเดิม 6. การประชาสัมพันธ์โครงการ 17 3 4.90 85.00 7. ความพึงพอใจในภาพรวมของโครงการ 17 3 4.93 85.00 จากตารางที่ 3 พบว่า ผู้เข้าร่วมโครงการมีความพึงพอใจต่อโครงการ รูปแบบการปรับปรุงมีความ เหมาะสม สอดคล้องกับธรรมชาติ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และความเรียบร้อย สวยงาม และเกิดสุนทรียภาพ ของพื้นที่ที่ดีกว่าเดิม ค่าเฉลี่ย 4.92 อยู่ในระดับ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 95.00 และพิจารณาเป็นรายข้อความ พึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการมีดังนี้ 1. การมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น และข้อเสนอแนะในโครงการ ค่าเฉลี่ย 4.93 อยู่ในระดับ มากที่สุด ร้อยละ 90.00 2. ความเหมาะสมในการใช้ประโยชน์ของโครงการ ที่เอื้อต่อพื้นที่และกิจกรรมต่างๆ ค่าเฉลี่ย 4.90 อยู่ในระดับ มากที่สุด ร้อยละ 85.00 3. การประชาสัมพันธ์โครงการ ค่าเฉลี่ย 4.93 อยู่ในระดับ มากที่สุด ร้อยละ 85.00 4. ความพึงพอใจในภาพรวมของโครงการ ค่าเฉลี่ย 4.93 อยู่ในระดับ มากที่สุด ร้อยละ 85.00 รวม ๔.๙๒ ๙๒.๖๒


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ 5. ความเหมาะสม และระยะเวลาในการดำเนินการ ปรับปรุง ค่าเฉลี่ย 4.93 อยู่ในระดับ มากที่สุด ร้อยละ 80.00 บทที่ ๕ สรุปผลดำเนินงาน


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ตอนที่ 1 ความสำเร็จของการจัดโครงการ การดำเนินงาน ( ) ดำเนินการแล้ว ( )ไม่เป็นไปตามแผนเนื่องจาก วัตถุประสงค์ ( ) บรรลุตามวัตถุประสงค์ ดังนี้ ๑. เพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมบริเวณสถาบันศึกษา ปอเนาะ ๒. เพื่อให้ผู้เรียนในสถาบันศึกษาปอเนาะและ บริเวณโดยรอบมีความรู้ มีทักษะการเข้าสังคมและ อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข 3. เพื่อพัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้สามารถจัดการศึกษา และจัดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ ผลสัมฤทธิ์ตาม ตัวชี้วัด ( ) บรรลุตามตัวชี้วัด - ร้อยละ ๑๐๐ ของสถาบันศึกษาปอเนาะอำเภอ เจาะไอร้องมีการจัดโครงการ ๑ ปอเนาะ ๑ โครงการพัฒนา - ร้อยละ 8๐ สถาบันศึกษาปอเนาะ มีความสะอาด ร่มรื่น มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีภูมิทัศน์และ มุมเรียนรู้ที่สวยงามทำให้ผู้เรียนมีสมาธิและมี แรงจูงใจในการเรียนรู้และมีสื่อพิมพ์ที่หลากหลาย เพียงพอต่อการตอบสนองกับความต้องการของ ผู้เรียน ( ) ไม่บรรลุตามตัวชี้วัด ตอนที่ 2 ปัญหาและข้อเสนอแนะ - เป็นโครงการที่ดี ทำให้สถาบันศึกษาปอเนาะมีสิ่งแวดล้อมในบริเวณสถาบันศึกษาปอเนาะดีขึ้น - ควรมีโครงการพัฒนาหลากหลายรูปแบบ


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ภาคผนวก ก. ภาพประกอบกิจกรรม


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ภาพกิจกรรม โครงการ ๑ ปอเนาะ ๑ โครงการพัฒนา นักศึกษาร่วมกันจัดบอร์ดต่างๆ


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ภาพกิจกรรม จัดทำสื่อต่างๆเพื่อติดในมุมเรียนรู้


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ภาพกิจกรรม


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ภาคผนวก ข. โครงการ


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ กิจกรรม 1 ปอเนาะ 1 โครงการพัฒนาสถาบันศึกษาปอเนาะ ……………………………………………………………… ๑. ชื่อโครงการ กิจกรรม 1 ปอเนาะ 1 โครงการพัฒนาสถาบันศึกษาปอเนาะ 2. สอดคล้องกับยุทธศาสตร์นโยบายและจุดเน้นการดำเนินงาน สำนักงาน กศน.ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖6 สอดคล้องกับจุดเน้นการดำเนินงาน สำนักงาน กศน.ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 2. การยกระดับคุณภาพการศึกษา 2.3 ส่งเสริมการจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคง การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย การเรียนรู้ที่ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม สร้างวินัย จิตสาธารณะ อุดมการณ์ความยึดมั่นใน สถาบันหลักของชาติ การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชาติและท้องถิ่น เสริมสร้างวิถีชีวิตของความเป็นพลเมืองและมี ศีลธรรมที่เข้มแข็ง รวมถึงการมีจิตอาสา โดยผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นการเพิ่มทักษะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น ทักษะความคิดสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ การสื่อสารระหว่างบุคคล การเตรียมพร้อมรับความ เปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น 2.๑๐ สร้าง อาสาสมัคร กศน. เพื่อเป็นเครือข่ายในการส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาตลอดชีวิตใน ชุมชน 2.1๑ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความพร้อมในการจัดส่งเสริมการ เรียนรู้และการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับประชาชน สอดคล้องกับมาตรฐานส่งเสริมการเรียนรู้ฉบับใหม่ลงวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ มาตรฐานการศึกษาต่อเนื่อง มาตรฐานที่ ๑ คุณภาพของผู้เรียนการศึกษาต่อเนื่อง 1.1 ผู้เรียนการศึกษาต่อเนื่องมีความรู้ความสามารถ และหรือทักษะและหรือคุณธรรมเป็นไป ตามเกณฑ์การจบหลักสูตร ๑.2 ผู้จบหลักสูตรการศึกษาต่อเนื่องสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้หรือประยุกต์ใช้บนฐานความ นิยมร่วมของสังคม มาตรฐานที่ ๒ คุณภาพการจัดการเรียนรู้การศึกษาต่อเนื่อง ๒.5 การจัดกระบวนการเรียนรู้การศึกษาต่อเนื่องที่มีคุณภาพ มาตรฐานที่ ๓ คุณภาพการบริหารจัดการของสถานศึกษา 3.1 การบริหารจัดการของสถานศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วม 3.8 การส่งเสริม สนับสนุนการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ๓. หลักการและเหตุผล ด้วย สถาบันศึกษาปอเนาะ เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตและเป็นศูนย์กลางในการศึกษาหาความรู้ เป็นหน่วยงานที่บริการการศึกษาที่อยู่ใกล้ชิดประชาชนในชุมชนมากที่สุด เป็นกลไกสำคัญในการสร้างกระบวนการ เรียนรู้ในชุมชน เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเรียนรู้ได้ตามความต้องการตลอดเวลาตลอดชีวิต โดยมีรูปแบบ และการจัดเนื้อหาการศึกษาที่ตรงตามความสนใจของผู้เรียนและสอดคล้องกับสภาพปัญหาและวิถีชีวิตของชุมชน มีการนำเครือข่ายแหล่งการเรียนรู้ ภูมิปัญญา เป็นสถานที่ที่ให้ความรู้ทั้งด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ และด้านพัฒนาสังคมชุมชน และทุนชุมชนในการจัดกระบวนการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาสถาบันศึกษา ปอเนาะให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิตและมีชีวิตชีวาอย่างแท้จริงและยั่งยืน ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอเจาะไอร้อง จัดทำโครงการกิจกรรม 1 ปอเนาะ 1 โครงการพัฒนาสถาบัน ศึกษาปอเนาะ เพื่อปรับปรุงพัฒนาสถาบันศึกษาปอเนาะให้มีภูมิทัศน์ที่น่าอยู่ น่าเรียนรู้ เพื่อให้เหมาะสมกับคำ กล่าวที่ว่า “สถาบันศึกษาปอเนาะเป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตของชุมชน” โดยจะพัฒนาด้านหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง และพัฒนาสภาพแวดล้อม ปรับภูมิทัศน์ภายในและภายนอกสถาบันศึกษาปอเนาะของ กศน. อำเภอเจาะไอร้อง ให้มีความเหมาะสม น่าอยู่ น่าเรียน เพื่อให้เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้และให้ผู้เรียนมีความ ตระหนักในการมีส่วนร่วมอนุรักษ์สภาพแวดล้อม รักษาแหล่งเรียนรู้ภายในสถาบันศึกษาปอเนาะให้มีความพร้อม และเอื้อต่อการเรียนรู้ ๔. วัตถุประสงค์ ๔.๑ เพื่อพัฒนามุมเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในสถาบันศึกษาปอเนาะเป้าหมาย ให้ เป็นแหล่งเรียนรู้ สามารถจัดการศึกษาและจัดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ ๔.๒ เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมสถาบันศึกษาปอเนาะเป้าหมาย ให้มีความพร้อมเป็นพื้นที่การเรียนรู้ ตลอดชีวิตสำหรับนักศึกษาสถาบันศึกษาปอเนาะ และประชาชนทุกช่วงวัย ๕. เป้าหมาย เชิงปริมาณ 5.1 สถาบันศึกษาปอเนาะมะฮ์หัดฟัจรูลอิสลาม จำนวน 1 แห่ง 5.2 สถาบันศึกษาปอเนาะดารุลกรุอาน จำนวน 1 แห่ง 5.3 สถาบันศึกษาปอเนาะอัลมูฮายีรีน จำนวน 1 แห่ง 5.4 สถาบันศึกษาปอเนาะดะวะห์ตุลอิสลามียะห์ จำนวน 1 แห่ง เชิงคุณภาพ - สถาบันศึกษาปอเนาะ มีแหล่งเรียนรู้ ด้านหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถจัด การศึกษาและจัดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ อีกทั้งมีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ และให้ผู้เรียนมีความตระหนักในการมี ส่วนร่วมอนุรักษ์สภาพแวดล้อม รักษาแหล่งเรียนรู้ภายในสถาบันศึกษาปอเนาะให้มีความพร้อมและเอื้อต่อการ เรียนรู้


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ๖. วิธีการดำเนินงาน กิจกรรมหลัก วัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมาย เป้าหมาย พื้นที่ ดำเนินการ ระยะเ วลา งบ ประมาณ ๑.ประชุมชี้แจง วัตถุประสงค์ โครงการ เพื่อชี้แจงแนวทาง การดำเนินงานตาม โครงการกิจกรรม 1 ปอเนาะ 1 โครงการ พัฒนาสถาบันศึกษา ปอเนาะ - ครูอาสาประจำปอเนาะ - โต๊ะครูสถาบันศึกษา ปอเนาะ - ผู้เรียนในสถาบันศึกษา 1 คน 1 คน 10 คน -สถาบันศึกษา ปอเนาะทั้ง 4 ปอเนาะ 27 ก.ค. 66 ๒. สำรวจ กลุ่มเป้าหมาย เพื่อได้ข้อสรุปที่ตรง กับความต้องการของ กลุ่มเป้าหมาย - ครูอาสาประจำปอเนาะ - โต๊ะครูสถาบันศึกษา ปอเนาะ - ผู้เรียนในสถาบันศึกษา 1 คน 1 คน 10 คน -สถาบันศึกษา ปอเนาะทั้ง 4 ปอเนาะ 3 ส.ค. 66 - ๓ .เขียน โครงการขอ อนุมัติโครงการ เสนอโครงการเพื่อขอ อนุมัติงบประมาณ - ผู้รับผิดชอบโครงการ 1 คน สกร. อำเภอเจาะไอ ร้อง 15 ส.ค ๖6 - ๔. ดำเนิน กิจกรรมตาม โครงการ - พัฒนามุม เรียนรู้และ ห้องสมุด ตาม หลักปรัชญา ของเศรษฐกิจ พอเพียงใน สถาบันศึกษา ปอเนาะ สถาบันศึกษา ปอเนาะ - พัฒนามุม ๔.๑ เพื่อพัฒนามุม เรียนรู้ตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงในสถาบัน ศึกษาปอเนาะเป้า หมาย ให้เป็นแหล่ง เรียนรู้ สามารถจัด การศึกษาและจัดการ เรียนรู้อย่างมี คุณภาพ ๔.๒ เพื่อพัฒนา สภาพแวดล้อม สถาบันศึกษาปอ เนาะเป้าหมาย ให้มี ความพร้อมเป็นพื้นที่ - ครูอาสาประจำปอเนาะ -นักศึกษา -สถาบันศึกษาปอเนาะ สถาบัน ศึกษา ปอเนาะ จำนวน 4 แห่ง -สถาบันศึกษา ปอเนาะมะฮ์ หัดฟัจรูล อิสลาม -สถาบันศึกษา ปอเนาะดารุล กรุอาน -สถาบันศึกษา ปอเนาะอัลมู ฮายีรีน 23 – 24 ส.ค ๖6 40,000 บาท


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ เรียนรู้ กศน.ใน สถาบันศึกษา ปอเนาะให้เป็น ต้นแบบด้าน หลักปรัชญา ของเศรษฐกิจ พอเพียง - ปรับปรุงภูมิ ทัศน์รอบบริเวณ ปอเนาะให้สวย งามเป็นระเบียบ เรียบร้อย การเรียนรู้ตลอดชีวิต สำหรับนักศึกษา สถาบันศึกษปอเนาะ และประชาชนทุก ช่วงวัย -สถาบันศึกษา ปอเนาะดะ วะห์ตุลอิสลา มียะห์ 5.นิเทศ ติดตามและ ประเมินผล -เพื่อติดตามและ ประเมินผลการจัด กิจกรรมให้มี ประสิทธิภาพ บุคลากร สกร. อำเภอ เจาะไอร้อง สถาบัน ศึกษาปอ เนาะจำนวน 4 แห่ง สถาบันศึกษา ปอเนาะ ทั้ง 4 แห่ง 23 - 24 ส.ค. 66 - 6.สรุปผล โครงการ เพื่อประเมินผลและ แก้ไขปรับปรุงการ ดำเนินโครงการให้มี ประสิทธิภาพต่อไป ผู้รับผิดชอบโครงการ 1 คน สกร.อำเภอ เจาะไอร้อง 28 ส.ค. 66 - 7.สรุปและ รายงานผลการ ดำเนินงาน เพื่อรวบรวมผลการ ดำเนินงานรายงาน ต่อผู้บังคับบัญชา ผู้รับผิดชอบโครงการ 1 คน สกร.อำเภอ เจาะไอร้อง 30 ส.ค. 66 - ๗. วงเงินงบประมาณ เบิกจ่ายจากแผนงานงบประมาณ : ยุทธศาสตร์เพื่อสนับสนุนด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพ ทรัพยากรมนุษย์ โครงการบริหารจัดการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กิจกรรมการพัฒนาการจัดส่งเสริมการ เรียนรู้ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ งบรายจ่ายอื่น รหัสงบประมาณ 20002340036005000005 ค่าใช้จ่าย โครงการจัดการศึกษาตลอดชีวิตในสถาบันศึกษาปอเนาะ ไตรมาส 4 ( กิจกรรม 1 ปอเนาะ 1 โครงการพัฒนา ) เป็นเงินจำนวน 40,000 บาท (สี่หมื่นบาทถ้วน) ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ๗.๑ ค่าวัสดุ ๗.๑.๑ ค่าวัสดุสถาบันศึกษาปอเนาะมะฮ์หัดฟัจรูลอิสลาม จำนวน 10,000 บาท ๗.๑.2 ค่าวัสดุสถาบันศึกษาปอเนาะดารุลกรุอาน จำนวน 10,000 บาท ๗.๑.3 ค่าวัสดุสถาบันศึกษาปอเนาะอัลมูฮายีรีน จำนวน 10,000 บาท ๗.๑.4 ค่าวัสดุสถาบันศึกษาปอเนาะดะวะห์ตุลอิสลามียะห์ จำนวน 10,000 บาท เป็นเงิน 40,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 40,000 บาท (สี่หมื่นบาทถ้วน) หมายเหตุ ถัวเฉลี่ยจ่ายตามที่จ่ายจริง ๘. แผนการใช้จ่ายงบประมาณ กิจกรรมหลัก ไตรมาสที่ 1 (ต.ค.65 –ธ.ค.65 ) ไตรมาสที่ ๒ (ม.ค.66 –มี.ค.66 ) ไตรมาสที่ ๓ (เม.ย66–มิ.ย.66) ไตรมาสที่ ๔ (ก.ค.66 –ก.ย.66) ๑.ประชุมชี้แจงวัตถุประสงค์โครงการ ๒. สำรวจกลุ่มเป้าหมาย ๓ .แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ ๔. เขียนโครงการ/ ขออนุมัติโครงการ ๕. โครงการพัฒนามุมเรียนรู้สถาบันศึกษา ปอเนาะทั้ง 4 แห่ง - พัฒนามุมเรียนรู้และห้องสมุด ( ส่งเสริม การอ่าน ) ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงในสถาบันศึกษาปอเนาะสถาบันศึกษา ปอเนาะ - พัฒนามุมเรียนรู้ กศน.ในสถาบันศึกษา ปอเนาะให้เป็นต้นแบบด้านหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง - ปรับปรุงภูมิทัศน์รอบบริเวณปอเนาะให้ สวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย 5. นิเทศติดตามและประเมินผลการจัด - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 40,000 - - -


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ๙. ผู้รับผิดชอบโครงการ 9.1 นายสุรศักดิ์ สอีด ตำแหน่ง ครูอาสาฯ ประจำสถาบันศึกษาปอเนาะมะฮ์หัดฟัจรูลอิสลาม เบอร์ โทรศัพท์ ๐80-5086232 9.1 น.ส.ซาณียา ยะโก๊ะ ตำแหน่ง ครูอาสาฯ ประจำสถาบันศึกษาปอเนาะดารุลกรุอาน เบอร์โทรศัพท์ ๐89-2941481 9.1 น.ส.นิรดา เอี่ยมสอาด ตำแหน่ง ครูอาสาฯ ประจำสถาบันศึกษาปอเนาะอัลมูฮายีรีน เบอร์ โทรศัพท์ ๐99-7025810 9.1 น.ส.นาอีหม๊ะ อาแวกาจิ ตำแหน่ง ครูอาสาฯ ประจำสถาบันศึกษาปอเนาะดะวะห์ตุลอิสลามียะห์ เบอร์โทรศัพท์ ๐82-8259510 ๑๐. เครือข่าย 10.1 ผู้ใหญ่บ้าน ๑๐.2 สถาบันศึกษาปอเนาะ ๑๐.3 ผู้นำชุมชนและผู้นำศาสนา ๑๑. โครงการที่เกี่ยวข้อง - โครงการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน - โครงการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต - โครงการจัดการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง กิจกรรมตาม 6.สรุปผลโครงการ 7.สรุปและรายงานผลการดำเนินงาน - - - - - - - - รวม - - - 40,000 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 40,000 บาท ตัวอักษร ( สี่หมื่นบาทถ้วน )


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ ๑๒. ผลลัพธ์ (Outcome) สถาบันศึกษาปอเนาะ มีแหล่งเรียนรู้ ด้านหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถจัดการศึกษาและ จัดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ อีกทั้งมีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ และให้ผู้เรียนมีความตระหนักในการมีส่วนร่วม อนุรักษ์สภาพแวดล้อม รักษาแหล่งเรียนรู้ภายในสถาบันศึกษาปอเนาะให้มีความพร้อมและเอื้อต่อการเรียนรู้ ๑๓. ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของโครงการ ๑๓.๑ ตัวชี้วัดผลผลิต (Output) ร้อยละ 100 ของ สถาบันศึกษาปอเนาะ ได้รับการพัฒนามุมเรียนรู้และห้องสมุดเพื่อเป็น แหล่งเรียนรู้ต้นแบบตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๑๓.๒ ตัวชี้วัดผลลัพธ์(Outcome) ร้อยละ 80 ของสถาบันศึกษาปอเนาะเป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง สามารถจัดการศึกษา และจัดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ มีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ พร้อมทั้งจัดเป็นศูนย์ เรียนรู้ในชุมชน ๑๔. การติดตามและประเมินโครงการ ๑๔.๑ การสังเกต ๑๔.๒ การสอบถาม


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ กำหนดการ โครงการกิจกรรม 1 ปอเนาะ 1 โครงการพัฒนาสถาบันศึกษาปอเนาะ ณ สถาบันศึกษาปอเนาะอัลมูฮายีรีน ระหว่างวันที่ 23 – 24 สิงหาคม 2566 เวลา กิจกรรมที่ดำเนินการ ผู้รับผิดชอบ หมายเหตุ 23 สิงหาคม 2566 08.30 น - 09.00 น 09.00 น – 12.00 น 12.00 น – 13.00 น 13.00 น – 16.30 น - ลงทะเบียน - กิจกรรมปรับปรุงพัฒนามุม เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง - พักเที่ยง - กิจกรรมปรับปรุงพัฒนา ห้องสมุด (มุมส่งเสริมการ อ่าน) ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ครูอาสาประจำสถาบันปอเนาะ ครูอาสาประจำสถาบันปอเนาะ ครูอาสาประจำสถาบันปอเนาะ 24 สิงหาคม 2566 08.30 น - 09.00 น 09.00 น – 12.00 น 12.00 น – 13.00 น 13.00 น – 16.30 น - ลงทะเบียน - ปรับปรุงภูมิทัศน์ภายใน บริเวณปอเนาะให้มีความ สะอาด เรียบร้อย - พักเที่ยง - ปรับปรุงภูมิทัศน์ภายนอก บริเวณปอเนาะให้สวยงามเป็น ระเบียบเรียบร้อย ครูอาสาประจำสถาบันปอเนาะ ครูอาสาประจำสถาบันปอเนาะ ครูอาสาประจำสถาบันปอเนาะ หมายเหตุ วันเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม


รายงานผลโครงการอบรมให้ความรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยนักศึกษาในสถาบันศึกษาปอเนาะ


Click to View FlipBook Version