The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Light Brown Modern Magazine Cover Template

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nichanan Nitihkul, 2023-06-18 10:57:12

Light Brown Modern Magazine Cover Template

Light Brown Modern Magazine Cover Template

สำ นักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดบุรีรัมย์ E-BOOK อัอั อัอัตตลัลั ลัลักกษษณ์ณ์ ณ์ณ์ ลลาายยผ้ผ้ ผ้ าผ้ า ๒๒๓๓ อำอำอำอำเเภภออ จัจั จั งจั งหหวัวั วั ดวั ดบุบุบุ รี บุ รี รีรัรีรั รั มรั มย์ย์ ย์ย์


ผ้าภูอัคนี ออ.เเฉฉลิลิลิ ม ลิ มพพรระะเเกีกีกี ย กี ยรรติติติติ “ผ้าผ้ภูอัภูอัคนี” หรือรื “ผ้าผ้ย้อย้มดินภูเภูขาไฟ” เกิดจากภูมิภูปัมิญปัญาชาวบ้าบ้น ที่ได้นํานํ วัตวัถุดิถุดิบจากธรรมชาติ ที่หาได้ในท้องถิ่น มาประยุกต์ใช้ โดยเป็นป็กรรมวิธีวิใธีน การย้อย้มสีผ้สีาผ้ ให้ออกมามีสีมีสสีวยงามอย่าย่งมีเมีอกลักษณ์ ด้วยการนํานํผ้าผ้ฝ้าฝ้ย หรือรืผ้าผ้ไหม ไปย้อย้มกับดินภูเภูขาไฟ หนึ่งนึ่ในวัตวัถุดิถุดิบสําสํคัญที่หาได้ไม่ยม่าก เพราะ หมู่บ้มู่าบ้นเจริญริสุขสุนั้นนั้ตั้งอยู่ใยู่กล้กับ “เขาพระอังคาร” ซึ่งซึ่เป็นป็ภูเภูขาไฟเก่าแก่ที่ ลับแล้ว ๑ ใน ๖ ลูกลูของจังจัหวัดวับุรีรัรีมรัย์ ดินบริเริวณนี้จึงจึอุดมด้วยแร่ธร่าตุจตุาก ลาวาภูเภูขาไฟที่ปะทุอทุอกมาในอดีตซึ่งซึ่นอกจากเป็นป็ ประโยชน์ใน์นการเพาะปลูกลู แล้ว ชาวบ้าบ้นเจริญริสุขสุยังยัคิดค้นวิธีวิกธีารนํานํดินเหล่านี้มาใช้ย้ช้อย้มผ้าผ้อีกด้วย โดยนําผ้าฝ้ายหรือรืผ้าไหมที่ต้องการย้อย้มสี และจะใช้ผ้ช้ ผ้าน้ําหนัก ๑ กิโลกรัมรั ในการย้อย้มแต่ละครั้งรั้น่าผ้าลงไปแช่ใช่นน้ําดิน ภูเภูขาไฟที่เตรียรีมไว้ โดยจะใช้เช้วลาในการแช่ผ้ช่ ผ้าทิ้งไว้ปว้ระมาณ ๘ - ๑๐ ชั่วชั่โมง ก็จะได้ผ้าสีน้ํสี น้ําตาลเย็นย็ตา สีสัสีนสัสวยงามตามที่ ต้องการ หลักจากนั้นนั้ก็จะนําผ้าที่ได้ไปล้างน้ําให้สะอาด แล้วนําไปตากที่ราวและยึดยึ ให้ตรง และหมู่บ้มู่าบ้นเจริญริสุขสุแห่งนี้ ก็ยังยั มีภูมีมิภูปัมิ ปัญญาที่จะรักรัษาสีผ้สี ผ้าให้คงทนด้วยเช่นช่กันนั้นนั้คือการนําผ้าที่ได้จากการย้อย้มดินภูเภูขาไฟ ไปต้มกับ “น้ําเปลือกต้นประดู่ ซึ่งซึ่ก็เป็นป็อีกหนึ่งภูมิภูปัมิ ปัญญาชาวบ้าบ้น ในการนําวัตวัถุดิถุดิบที่หาได้จากท้องถิ่นมาใช้ใช้ห้เกิดประโยชน์ โดยขั้นขั้ตอนการนําผ้าแช่น้ํช่ น้ําเปลือกประดู่ต้ดู่ต้ม“นําเปลือกต้นประดู่มดู่าต้มในน้ําซึ่งซึ่น้ําต้มจะต้องร้อร้นแต่ไม่ใม่ห้เดือดจนเกินไป หลังจากนั้นนั้นําผ้าที่ต้องการลงไปแช่ปช่ระมาณครึ่งรึ่ชั่วชั่โมงขั้นขั้ตอนนี้จะเป็นป็การป้องกันการตกสี อีกทั้งในน้ําเปลือกต้นประดู่ ก็ยังยัมียมีางและสีที่สี ที่คล้ายกับสีดิสี ดินภูเภูขาไฟ จึงจึเป็นป็การเคลือบสีไสีปในในตัว ผ้าที่ได้จึงจึเงางามยิ่งยิ่ขึ้นขึ้และไม่ตม่กสี วัสวัดุ ผ้าไหม,ผ้าฝ้าย กรรมวิธีวิกธีารผลิต มัดมัหมี่ ผู้ออกแบบ ๑. นางสําสํรวย ศรีมรีะเรื่อรื่ง ๒. นางลัดดา ประภาเลิศ ดําเนินการค้นหา ๑. นายศักดิ์กรินริทร์ คุณคุประโคน นายอําเภอเฉลิมพระเกียรติ ๒. นายจอน ผ่องขําขํ ประธานสภาวัฒวันธรรมอําเภอ เฉลิมพระเกียรติ


ผ้าอรพิมทิมโกเมน ออ.นนาางงรรอองง ผ้าอรพิมพิทับทิมโกเมน เป็นป็ผ้าทอจากตํำ นานความรักรัของท้าวปาจิตจิ - นางอรพิมพิ ซึ่งซึ่เป็นป็สัญสัลักษณ์ของ อําเภอนางรอง เป็นป็สีขสีองพลังอํานาจ ความรักรัความ เมตตา ความเข้าข้อกเข้าข้ใจ เสริมริ โชค สุขสุภาพดีและอายุยืนยื ความหมาย สีแสีดง หมายถึง ความรักรัของท้าวปาจิตจิและนางอรพิมพิ สีดํสี ดํา หมายถึง ความรักรัที่ผิดหวังวัต้องพลัดพราก เป็นป็ผ้าทอจากตํานานความรักรัซึ่งซึ่เป็นป็สิ่งสิ่ที่สวยงามจึงจึได้นําสีขสีองผ้าไปเปรียรีบ เทียบกับสีขสีองอัญมณีสีแสีดง เจ้าจ้แห่งพลัง และความร่ํารวย ความหมายของสีตสีามอัญมณี สีแสีดงทับทิม หมายถึง ความสําสํเร็จร็และลาภยศ เนื่องจากทับทิมเป็นป็ตัวแทนของ ความสําสํเร็จร็และลาภยศ และมักมัถูกถูนําไปประดับที่มงกุฎกุและดาบของจักจัรพรรดิ เพราะมีคมีวามเชื่อชื่ว่าว่เป็นป็อัญมณีที่ทําให้เกิดพลังอํานาจ ความฮึกเหิมและช่วช่ยให้ ประสบชัยชัชนะในสงคราม นอกจากนี้ มนุษย์ยัย์งยัเชื่อชื่ว่าว่ทับทิม เป็นป็สัญสัลักษณ์ของ ความรักรัความเมตตา ความร่ํารวย ความเข้าข้อกเข้าข้ใจจึงจึนิยมให้แหวนทับทิมเป็นป็ ของหมั้นมั้ สีแสีดงโกเมน หมายถึง สุขสุภาพดี อายุยืนยื โกเมนแปลว่าว่เมล็ดจากผล ทับทิมสีแสีดง เชื่อชื่กันว่าว่เป็นป็สัญสัลักษณ์ขณ์อง ความยั่งยั่ยืนยืถาวร ความ สัมสัพันพัธ์แธ์ห่งรักรัและสุขสุภาพที่ดี ผู้ใผู้ดที่ได้ครอบครองโกเมนจะช่วช่ยแก้ ปัญปัหาด้านความรักรัความสัมสัพันพัธ์ สามารถใช้เช้ป็นป็เครื่อรื่งรางของขลัง ขับขั ไล่ภูตภูผีวิญวิญาณ ทําให้อายุยืนยืยาวหากนํานํมาทําเป็นป็เครื่อรื่งประดับ จะทําให้โชคดี เสริมริสิริสิมริงคล มีโมีชคลาภ นํานํความมั่งมั่คั่งคั่ วัสวัดุ ผ้าผ้ไหม,ผ้าผ้ฝ้าฝ้ย กรรมวิธีวิกธีารผลิต ผ้าผ้พื้นพื้เรียรีบ ผู้ทผู้ อ กลุ่มลุ่ทอผ้าผ้บ้าบ้นหนองตาไก้ หมู่ ๓ หมู่ ๔ ดําเนินนิการค้นหา ๑. นางสาวเพชรรัตรัน์ ภูมภูาศ นายอําเภอนางรอง ๒. นายสิทสิธิรัธิตรัน์ ตรีสรีง่า ประธานสภาวัฒวันธรรมอําเภอนางรอง


ผ้าลายเครื่องเคลือบพันปี ออ.บ้บ้บ้ า บ้ านนกกรรววดด ลาย “เครื่อรื่งเคลือบพันพั ปี”ปีเป็นป็ลายเส้นส้ด้านข้าข้งของเครื่อรื่ง เคลือบไหเท้าช้าช้งหรือรืที่เรียรีกกันติดปากว่าว่ ไหบ้าบ้นกรวดอันเป็นป็หนึ่ง ในอัตลักษณ์โดดเด่นของอำ เภอบ้าบ้นกรวด เพื่อพื่แสดงถึงอดีตอัน รุ่งรุ่เรือรืงของอุตสาหกรรมการผลิตเครื่อรื่งเคลือบในบริเริวณพื้นพื้ที่นี้ g คุณคุลักษณะที่โดดเด่นของลายผ้า ผ้ ผลงานการออกแบบของ รศ.สมบัติบั ติประจญศานต์ อาจารย์ปย์ระจำ สาขาวิชวิาเทคโนโลยี สถาปัตปัยกรรม คณะเทคโนโลยี อุตสาหกรรม มหาวิทวิยาลัยราชภัฏบุรีรัรีมรัย์ โดยผ้าผ้ต้นแบบเป็นป็ผลงานของคุณคุแม่ ลำ ไย นุชนุเวช กลุ่มลุ่อาชีพชีสตรีทรีอผ้าผ้ไหม บ้าบ้นสายโท 11 เหนือนื โดยการประสานงานของ ท่านณรงค์ พรหมทอง ประธานสภาวัฒวันธรรมอำ เภอบ้าบ้นกรวด อัตลักษณ์อัณ์ อันโดนเด่นอย่าย่งหนึ่งนึ่ที่ผู้คผู้ นมักมัจะเชื่อชื่มโยงกับอำ เภอบ้าบ้นกรวด คือ เครื่อรื่งเคลือบโบราณโดยในอำ เภอบ้าบ้นกรวดจะสามารถค้นพบเครื่อรื่งเคลือบ ดินเผาตามแหล่งเตาเผาโบราณกระจายอยู่ทั่ยู่ ทั่วไปเกือบทุกทุตำ บลหลายแหล่ง เป็เป็ตาขนาดใหญ่นัญ่บนัจำ นวนแล้วมีมมีากกว่าว่๑๐๐เตานักนั โบราณคดีสันสันิษนิฐานว่าว่ ราว๑,๐๐๐ปีมปีาแล้วซึ่งซึ่เป็นป็ยุคอารยธรรมขอมเรือรืงอำ นาจบริเริวณนี้เคยเป็นป็ ศูนย์กย์ลางในการผลิตภัณฑ์เครื่อรื่งเคลือบที่มีคมีวามเจริญริรุ่งรุ่เรือรืงมากที่สุดสุและ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้นำ ไปจำ หน่าน่ยในแหลมอินโดจีนจีและราชอาณาจักจัต่างๆอัน แสดงให้เห็นถึงความเจริญริรุ่งรุ่เรือรืงความชาญฉลาดและภูมิภูปัมิญปัญาของ บรรพบุรุษชาวอำ เภอบ้าบ้นกรวดซึ่งซึ่ได้สร้าร้งสรรค์งานศิลปะเอาไว้ใว้ห้ชนรุ่นรุ่หลัง ได้เห็นเป็นป็ศิลปวัตวัถุที่ถุที่รงคุณคุค่ามีคมีวาสวยงามเป็นป็เอกลักษณ์เณ์ฉพาะตัวกอปร กับงานประจำ ปีที่ปี ที่มือมืชื่อชื่เสียสีงของอำ เภอบ้าบ้นกรวดคืองาน“เครื่อรื่งเคลือบพันพั ปี ประเพณีบ้าบ้นกรวด”


ผ้ผ้ ผ้ผ้ าหางกระรอกคู่คู่คู่คู่ตีตี ตีตี นแดง ออ. กกรระะสัสัสังสัง จังจัหวัดวับุรีรัรีมรัย์ดิย์ ดินแดนแห่งอารยธรรมเป็นป็ถิ่นอาศัยของผู้คผู้ น ๔ เผ่าผ่ทั้งไทยเขมร ไทยกูยกูไทยลาว และไทยโคราช “ผ้าผ้หางกรอกคู่”คู่เป็นป็ผ้าผ้ทอโบราณที่มีลมีวดลาย เรียรีบง่ายโดยทอเส้นส้พุ่งพุ่ด้วยไหมควบ ๒เส้นส้สลับกับการทอด้วยเส้นส้ ไหม พื้นพื้ช่วช่ง ละ ๒ เส้นส้๔ เส้นส้ตามแบบแผน เมือมืเป็นป็ผืนผืผ้าผ้จะมีคมีวามวาว ชาติพันพัธุ์เธุ์ขมร บุรีรัรีมรัย์ แบะเขมรกัมพูชานิยนิมใช้มช้าตั้งแต่โบราณ ชาวบุรีรัรีมรัย์ เรียรีกว่าว่ “ผ้าผ้สมปักปั ริ้วริ้ “ หรือรื “ อันลูนลูซึมซึจ้ะจ้ปันปัชัวชัร์”ร์ซึ่งซึ่มีมมีาตั้งแต่สมัยมัอยุธยาใช้เช้ป็นป็เบี้ย บี้ หวัดวัสำ หรับรั ข้าข้ราชบริพริาธ จะส่วส่มใส่ผ้ส่าผ้พระราชทานในโอกาสสำ คัญ เป็นป็ที่นิยนิมใส่ขส่องชาวบุรีรัรีมรัย์ ชาติพันพัธุ์เธุ์ขมร แฝงไป ด้วยความประณีตและความงดงาม ทำ ให้เกิดลวดลายที่ เหลื่อมกันให้ไดความสวยงามที่ได้จากคู่เคู่รียรีกว่าว่ “กะนิวนิ” หรือรืผ้าผ้หางกระรอกคู่ มีลัมี ลักษณะของผิวผิสัมสัผัสผัจะมีคมีวาม มันมัระยิบยิระยับยัเป็นป็เอกลักษณ์เฉพาะ ถ้านำ ไปส่อส่งแดดจะ ยิ่งยิ่เห็นความเงางามและแยกสีไสีด้อย่าย่งชัดชัเจน วัสวัดุ ผ้าผ้ไหม,ผ้าผ้ฝ้าย กรรมวิธีวิกธีารผลิต หางกระรอก ผู้อผู้ อกแบบ -นําเนินการค้นหา ๑.นายค่าเคลื่อน พณะชัยชันายอําเภอกระสังสั๒. นายพิทพิยา ยุวดีนิเนิวศ ประธานสภาวัฒวันธรรม อำ เภอกระสังสั


เมื่อมื่ประมาณ พ.ศ. 2558 สำ นักนังานพัฒพันาชุมชนอำ เภอลำ ปลายมาศ ได้จัดจั โครงการฝึกฝึอบรมการออกแบบลายผ้าผ้ โดยได้ เชิญชิดร.จารุณี ชัยชั โชติอนันนัต์อาจารย์จย์ากมหาวิทวิยาลัยราชภัฏ บุรีรัรีมรัย์ใย์ห้มาสอนการออกแบบลายผ้าผ้ผู้เผู้ข้าข้ร่วร่มประชุม ประกอบ ด้วย ผู้ปผู้ ระกอบการ OTOP ประเภทผ้าผ้ โดยได้นำ ตำ นานท้าวปาจิตจิ - นางอรพิมพิมาใช้เช้ป็นป็ story ในการออกแบบลายผ้าผ้เริ่มริ่แรกตั้งชื่อชื่ ว่าว่ลายขันขัหมากล่ม ทำ ให้ผู้ผผู้ ลิตบางกลุ่มลุ่ลงความเห็นว่าว่ชื่อชื่ลายไม่ เป็นป็ศิริมริงคล ต่อมา ได้เปลี่ยนชื่อชื่เป็นป็ลายเรือรืลำ มาศ ปัจปัจุบันบัตั้ง ชื่อชื่ใหม่ว่ม่าว่ “ลายขันขัหมากทอง” โดยสีที่สี ที่ใช้ทช้อผ้าผ้ ได้แก่ สีทสีอง สี แดง สีเสีขียขีว เนื่องจากเป็นป็ลายที่สวยงาม มี story มีมีขั้มีนขั้ตอนการมัดมัหมี่ค่ มี่ ค่อนข้าข้ง ละเอียด เป็นป็ที่ต้องการของลูกลูค้า แต่ขั้นขั้ตอนการมัดมัหมี่ค่ มี่ ค่อนข้าข้งทำ ได้ ยาก จึงจึมีเมีพียพีงกลุ่มลุ่ผู้ผลิตบางกลุ่มลุ่ที่ยังยัคงทำ อยู่ต่ยู่ ต่อเนื่อง ส่วส่นผู้ผลิต รายอื่น ไม่ไม่ด้ผลิตแล้ว ผ้ผ้ ผ้ผ้ าลายขัขั ขัขั นหมาก ออ.ลำลำลำลำปปลลาายยมมาาศศ


ผ้าซิ่นตีนแดง ออ.นนาาโโพพธิ์ธิ์ธิ์ธิ์ ผ้าผ้มัดมัหมี่ตีมี่ ตีนแดงหรือรืชื่อชื่เรียรีกตามภาษาท้องถิ่นที่ว่าว่ “ซิ่นซิ่หัวแดงตีแดง”หรือรื“ซิ่นซิ่ ตีนแดง”หรือรื“ซิ่นซิ่หมี่รมี่วด”ถือได้ว่าว่เป็นป็ผ้าผ้ไหมเอกลักษณ์ท้ณ์ ท้องถิ่นของชาวอำ เภอ พุทไธสงและอำ เภอนาโพธิ์จัธิ์งจัหวับุวับุรีรัรีมรัย์โย์ดยลักษณะผ้าผ้ไหมจะเป็นป็มัดมัหมี่ลมี่ายพื้นพื้ เมือมืงทอด้วยไหมทั้งผืนผืมีหัมี หัวซิ่นซิ่และตีนซิ่นซิ่ของผ้าผ้จะเป็นป็สีแสีดงสดสมัยมั โบราณทอ ด้วยฟืมฟืเล็กแล้วนำ มาต่อหัวและตีนซิ่นซิ่ ปัจปัจุบันบัมีกมีารทอต่อเนื่อนื่งเป็นป็ผืนผืเดียวกัน ไม่ใม่ช้กช้ารต่อระหว่าว่งตัวซิ่นซิ่หัวซิ่นซิ่และตีนซิ่นซิ่ผ้าผ้มัดมัหมี่ตีมี่ ตีนแดงทอขึ้นขึ้ครั้งรั้แรกโดย ช่าช่งฝีมืฝีอมืทอผ้าผ้ในคุ้มคุ้ของพระยาเสนาสงคราม(เจ้าจ้เมือมืงคนแรกของอำ เภอ พุทไธสง) เมื่อมื่ประมาณกว่าว่๒๐๐ ปีมปีาแล้ว สันสันิษนิฐานว่าว่เป็นป็ผ้าผ้ซิ่นซิ่ของกลุ่มลุ่ชน ลาวต่อมาการทอผ้าผ้ซิ่นซิ่ตีนแดงได้แพร่ขร่ยายสู่หสู่ มู่บ้มู่าบ้นใกล้เคียงและบ้าบ้นนาโพธิ์ ซึ่งซึ่ปัจปัจุบันบัเป็นป็อำ เภอนาโพธิ์ ผ้าผ้มัดมัหมี่ตี มี่ ตีนแดง มีลัมี ลักษณะพิเพิศษ คือ ส่วส่นเชิงชิของผ้าผ้มัดมัหมี่ทุ มี่ กทุผืนผืเป็นป็พื้นพื้สีแสีดง บางผืนผืจกลวดลายเป็นป็แถบริ้วริ้ลายจกขนาดเล็ก ตีนซิ่นซิ่บางครั้งรั้มีกมีารใช้เช้ทคนิคนิการ ขิดขิเก็บเส้นส้ ไหมสี หรือรืที่ชาวบ้าบ้นในพื้นพื้ที่ เรียรีกว่าว่การเก็บตีนดาว มาผสมผสานเพื่อพื่ ความสวยงามและแสดงฝีมืฝีอมืของผู้ทผู้ อ ผ้าผ้ซิ่นซิ่มัดมัหมี่ตี มี่ ตีนแดงโบราณมีกมีารต่อหัวซิ่นซิ่ และตีนซิ่นซิ่ลวดลายมัดมัหมี่จ มี่ ะทอเป็นป็ซิ่นซิ่หมี่ร มี่ วดหรือรืหมี่โมี่ ลด ซึ่งซึ่มาจากภาษาท้องถิ่น ภาคอิสาน หมายถึง การมัดมัและทอลวดลายมัดมัหมี่ต่ มี่ ต่อเนื่อนื่งไปรวดเดียว ลักษณะ ลวดลายผ้าผ้มัดมัหมี่แ มี่ บบนี้ บางท้องที่ในภาคอิสานจะเรียรีกว่าว่หมี่ห มี่ ว่าว่น ลวดลายและกรรมวิธีวิกธีารทอ


ผ้าลายเนื้อทราย ออ.ลละะหหาานนททรราายย ลวดลายและกรรมวิธีวิกธีารทอ ผ้าลายเนื้อทราย เป็นป็การทอผ้าไหมตีนแดง ซึ่งซึ่เป็นป็ผ้าเอกลักษณ์ของจังจัหวัดวับุรีรัรีมรัย์ โดยลักษณะเป็นป็มัดมัหมี่ลมี่ายเนื้อทราย ลายเนื้อทรายเป็นป็การนำ เรื่อรื่งราวประวัติวั ติความ เป็นป็มาของอำ เภอละหานทรายที่มาจาก ละหาน หมายถึง สภาพท้องที่ซึ่งซึ่อุดมไปด้วย ที่ราบลุ่มลุ่ทราย หมายถึง สัตสัว์ป่ว์ ป่าชนิดหนึ่ง มีคมีวามสวยงามปราดเปรียรีว รวมคำ ว่าว่ ละหานทราย หมายถึงพื้นพื้ที่ราบลุ่มลุ่อุดมสมบูรณ์ชุกชุมไปด้วยเนื้อทรายจึงจึได้นำ เนื้อ ทรายมาพัฒพันาเป็นป็ลายผ้าเอกลักษณ์ของอำ เภอละหานทราย ที่มีลมีวดลาย องค์ ประกอบในผืนผ้ามีคมีวามหมาย สีแสีดง เป็นป็สีตีสี ตีนผ้าที่เป็นป็เอกลักษณ์ผ้าของจังจัหวัดวับุรีรัรีมรัย์ สีน้ำสีน้ำเงิน สีขสีองสถาบันบัพระมหากษัตริย์ริที่ย์ ที่พสกนิกรอำ เภอละหานทรายสำ นึกในพระมหากรุณาธิคุธิณคุ เนื้อทราย เป็นป็สัตสัว์ป่ว์ ป่าที่พบมากในพื้นพื้ที่อำ เภอละหานทรายในอดีต ลายโคม 7 เป็นป็ลายเครื่อรื่งแต่งกาย สมัยมั โบราณ มีลัมี ลักษณะเป็นป็ระย้าย้นำ มาพัฒพันา เป็นป็ลายองค์ประกอบในผืนผ้าเพิ่มพิ่ความสวยงามสมัยมั โบราณ ที่นำ มาพัฒพันาให้เป็นป็ลายที่มีคมีวามละเอียดและเพิ่มพิ่สีสัสีนสั ให้สวยงามขึ้นขึ้ อัก อุปกรณ์สาวไหมหรือรืด้าย ในกระบวนการทอผ้า นำ มาออกแบบลงลายบนผืนผ้า ต้นไผ่ หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ของพื้นพื้ที่อำ เภอละหานทราย ลายสายน้ำ หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ


ผ้าลายขอปลาเค้า ออ.ชำชำชำชำนินินินิ ลายขอ หมายถึง ลายผ้าผ้พระราชทานสมเด็จพระเจ้าจ้ลูกลูเธอ เจ้าจ้ฟ้าฟ้สิริสิวัริณวัณวรี นารีรัรีตรันราชกัญญาทรงมีพมีระกรุณาธิคุธิณคุ พระราชทานลายผ้าผ้แก่ช่าช่งทอผ้าผ้ชื่อชื่ลาย “ผ้าผ้มัดมัหมี่ล มี่ ายขอเจ้าจ้ฟ้าฟ้สิ ริวัริณวัณวรี ฯ” แก่กลุ่มลุ่ทอผ้าผ้ในจังจัหวัดวั ได้นำ ไปเป็นป็ต้นแบบและต่อย อดพัฒพันาสู่เสู่ ครื่อรื่งแต่งกาย เครื่อรื่งประดับตามวิถีวิ ถีที่เป็นป็เอกลักษณ์ ประจำ ถิ่นของแต่ละชุมชน รวงข้าข้ว หมายถึง ข้าข้วขาวมะลิ “พันพัธุ์ข้ธุ์าข้วหอมมะลิ 105” ที่ปลูกลูมากในพื้นพื้ที่อำ เภอชำ นิ และมีคุมีณคุภาพดี สีพื้สีพื้นพื้ผ้าผ้สีฟ้สีาฟ้หมายถึง แหล่งชุ่มชุ่น้ำ อำ เภอชำ นิมีนิลำมี ลำน้ำ 3 ลำ น้ำ ไหลผ่าผ่น ได้แก่ ลำ นางรอง ลำ ประเทียและลำ มาศ ดอกบัวบัหมายถึง พระพุทธศาสนา โดยอำ เภอชำ นิมีนิหมีลวงพ่อพ่ชำ นิจนิศักดิ์สิทสิธิ์ เป็นป็ที่นับนัถือ และเป็นป็ศูนย์รย์วมจิตจิ ใจให้ราษฎรในชำ นิ ปลา หมายถึง ปลาเค้า ที่มีจำมีจำนวนมากในธรรมชาติผ่าผ่นลำ น้ำ ในอำ เภอชำ นิที่นิ ที่ มีอมียู่ 3 ลำ น้ำ ได้แก่ ลำ นางรอง ลำ ประเทียและลำ มาศ หางปลารูปหัวใจ หมายถึง ความรักรัถิ่นฐาน ความรักรัภูมิภูปัมิญปัญาของคนชำ นิ


ผ้าโควา ออ.โโนนนนสุสุสุวสุวรรรรณณ ลวดลายและกรรมวิธีวิกธีารทอ โดยนำ มูลวัววัไปต้มใส่ใส่บมะกรูดหรือรืสมุนไพรต่าง ๆ เพื่อพื่ดับกลิ่นก่อน หลังจากต้มเสร็จร็ก็จะนำ ไปกรอง เอากากออกให้เหลือแต่น้ำ แล้วค่อยนำ ไปย้อย้มผ้าผ้ซึ่งซึ่ขั้นขั้ตอนการย้อย้ม ก็คล้ายกับย้อย้มผ้าผ้ทั่วไป แต่มูล วัววัจะให้สีเสีขียขีวธรรมชาติ จากนั้นนั้หากอยากได้ลวดลายก็จะใช้ใช้บไม้วม้างบนผืนผืผ้าผ้ที่ย้อย้มจากมูลวัววัแล้ว โดยใบไม้ก็ม้ ก็แล้วแต่ว่าว่อยากได้ใบอะไรสีสัสีนสัแบบไหนก็เลือกไปวางบนผืนผืผ้าผ้แล้วม้วม้นให้แน่นน่ก่อนนำ ไป นึ่งนึ่ประมาณ ๒ ชม. เพื่อพื่ ให้ได้ลายใบไม้ตม้ามที่ต้องการ การที่เลือกย้อย้มผ้าผ้ด้วยมูลวัววัเพื่อพื่ลดการใช้สช้าร เคมีแมีละให้แตกต่างจากที่อื่น อีกทั้งยังยัเป็นป็การลดต้นทุนทุเพราะมูลวัววัสามารถหาได้ในชุมชน ส่วส่นลาย ใบไม้ก็ม้ ก็เก็บได้จากป่าป่ ใกล้บ้าบ้น เมื่อมื่หลายปีก่ปี ก่อนจังจัหวัดวับุรีรัรีมรัย์ไย์ด้มีกมีารจัดจั ประกวดแฟชั่นชั่ผ้าไหม คนในหมู่บ้มู่าบ้นเห็นว่าว่มีคมีวาม สามมารถการตัดเย็บย็เสื้อสื้ผ้า เขาจึงจึส่งส่เข้าข้ไปลองแข่งข่ดู มีเมีวลาให้เพียพีง ๓ วันวัผลการปรากฏว่าว่ ได้อันดับ ๒ ของจังจัหวัดวัหลังจากนั้นนั้ ในปี ๒๕๕๒ ได้เริ่มริ่มีกมีารตั้งกลุ่มลุ่ขึ้นขึ้เริ่มริ่ชักชัชวนชาวบ้าบ้น ร่วร่มกลุ่มลุ่ทอผ้าลายแบบพื้นพื้บ้าบ้นธรรมดา และเริ่มริ่แปรรูปผลิตภัณฑ์ออกไปจำ หน่ายตามงาน ต่าง ๆ กระแสตอบรับรัดีมาก เมื่อมื่มีกมีารออกแบบสินสิค้าตัวใหม่จำม่จำหน่ายได้ไม่นม่าน ก็จะมีสิมีนสิค้า รูปแบบคล้ายๆกันวางจำ หน่ายในร้าร้นอื่น แต่คุณคุภาพของผ้าไม่เม่หมือมืนกัน และในช่วช่งนั้นนั้ผ้า ต่าง ๆ มีเมียอะมากจะคล้ายๆกันทุกทุที่ จึงจึเป็นป็จุดเปลี่ยน มีแมีรงผลักดันที่จะคิดค้นวิธีวิกธีารใหม่ๆม่ ให้เป็นป็เอกลักษณ์ของตนเอง ของอำ เภอโนนสุวสุรรณ ที่ต้องไม่ซ้ำม่ ซ้ำกับที่อื่น และไม่ใม่ห้ที่อื่นทำ เลียนแบบได้ จึงจึได้ทดลองหาวิธีวิย้ธีอย้มผ้าจากวัตวัถุดิถุดิบธรรมชาติหลายอย่าย่งหลายวิธีวิธีด้วยใน พื้นพื้ที่อำ เภอโนนสุวสุรรณมีกมีารเลี้ยงวัววันมอยู่แยู่ล้ว และได้ทดลองนำ มูลวัววัเป็นป็วัตวัถุดิถุดิบหลักใน การย้อย้มฝ้า ผลที่ได้สีที่สี ที่ได้จะเป็นป็สีเสีขียขีวขี้ม้ขี้าม้สวยงาม จึงจึตั้งชื่อชื่ว่าว่ “ผ้าโควา” มาจาก มูลวัววั + วารี


ผ้ากลีบหอม ออ.หหนนอองงหหงงส์ส์ส์ส์ ลวดลายและกรรมวิธีวิกธีารทอ โดยนำ มูลวัววัไปต้มใส่ใส่บมะกรูดหรือรืสมุนไพรต่าง ๆ เพื่อพื่ดับกลิ่นก่อน หลังจากต้มเสร็จร็ก็ จะนำ ไปกรองเอากากออกให้เหลือแต่น้ำ แล้วค่อยนำ ไปย้อย้มผ้าซึ่งซึ่ขั้นขั้ตอนการย้อย้ม ก็ คล้ายกับย้อย้มผ้าทั่วไป แต่มูลวัววัจะให้สีเสีขียขีวธรรมชาติ จากนั้นนั้หากอยากได้ลวดลายก็จะ ใช้ใช้บไม้วม้างบนผืนผ้าที่ย้อย้มจากมูลวัววัแล้ว โดยใบไม้ก็ม้ ก็แล้วแต่ว่าว่อยากได้ใบอะไรสีสัสีนสั แบบไหนก็เลือกไปวางบนผืนผ้า แล้วม้วม้นให้แน่นก่อนนำ ไปนึ่งประมาณ ๒ ชม. เพื่อพื่ ให้ได้ ลายใบไม้ตม้ามที่ต้องการ การที่เลือกย้อย้มผ้าด้วยมูลวัววัเพื่อพื่ลดการใช้สช้ารเคมีแมีละให้แตก ต่างจากที่อื่น อีกทั้งยังยัเป็นป็การลดต้นทุนทุเพราะมูลวัววัสามารถหาได้ในชุมชน ส่วส่นลาย ใบไม้ก็ม้ ก็เก็บได้จากป่าใกล้บ้าบ้น จังจัหวัดวับุรีรัรีมรัย์ไย์ด้มีกมีารจัดจั ประกวดแฟชั่นชั่ผ้าไหม คนในหมู่บ้มู่าบ้นเห็นว่าว่มีคมีวามสามมารถการ ตัดเย็บย็เสื้อสื้ผ้า เขาจึงจึส่งส่เข้าข้ไปลองแข่งข่ดู มีเมีวลาให้เพียพีง ๓ วันวัผลการปรากฏว่าว่ ได้อันดับ ๒ ของจังจัหวัดวัหลังจากนั้นนั้ ในปี ๒๕๕๒ ได้เริ่มริ่มีกมีารตั้งกลุ่มลุ่ขึ้นขึ้เริ่มริ่ชักชัชวนชาวบ้าบ้นร่วร่มกลุ่มลุ่ทอ ผ้าลายแบบพื้นพื้บ้าบ้นธรรมดา และเริ่มริ่แปรรูปผลิตภัณฑ์ออกไปจำ หน่ายตามงานต่าง ๆ กระแสตอบรับรัดีมาก เมื่อมื่มีกมีารออกแบบสินสิค้าตัวใหม่จำม่จำหน่ายได้ไม่นม่าน ก็จะมีสิมีนสิค้ารูปแบบ คล้ายๆกันวางจำ หน่ายในร้าร้นอื่น แต่คุณคุภาพของผ้าไม่เม่หมือมืนกัน และในช่วช่งนั้นนั้ผ้าต่าง ๆ มี เยอะมากจะคล้ายๆกันทุกทุที่ จึงจึเป็นป็จุดเปลี่ยน มีแมีรงผลักดันที่จะคิดค้นวิธีวิกธีารใหม่ๆม่ ให้เป็นป็ เอกลักษณ์ของตนเอง ของอำ เภอโนนสุวสุรรณ ที่ต้องไม่ซ้ำม่ ซ้ำกับที่อื่น และไม่ใม่ห้ที่อื่นทำ เลียน แบบได้ จึงจึได้ทดลองหาวิธีวิย้ธีอย้มผ้าจากวัตวัถุดิถุดิบธรรมชาติหลายอย่าย่งหลายวิธีวิธีด้วยในพื้นพื้ที่ อำ เภอโนนสุวสุรรณมีกมีารเลี้ยงวัววันมอยู่แยู่ล้ว และได้ทดลองนำ มูลวัววัเป็นป็วัตวัถุดิถุดิบหลักในการ ย้อย้มฝ้า ผลที่ได้สีที่สี ที่ได้จะเป็นป็สีเสีขียขีวขี้ม้ขี้าม้สวยงาม จึงจึตั้งชื่อชื่ว่าว่ “ผ้าโควา” มาจาก มูลวัววั + วารี


ผ้าลายโซ่รักบาราย ออ.ปปรระะโโคคนนชัชัชั ย ชั ย เป็นป็ลายผ้าผ้ที่มีเมีรื่อรื่งราวและวิถีวิ ถีชีวิชีตวิที่สอดคล้องกับความเชื่อชื่และความ ศรัทรัธามีคมีวามหมายที่เป็นป็อัตลักษณ์ขณ์องอําเภอประโคนชัยชันั่นนั่คือ ลวดลายที่สื่อสื่ถึงปราสาทเมือมืงต่ําโบราณสถานอารยธรรมสมัยมัขอมที่ สร้าร้งขึ้นขึ้เมื่อมื่หนึ่งนึ่พันพัสี่ร้สี่อร้ยปีก่ปี ก่อนตั้งอยู่ใยู่นพื้นพื้ที่บ้าบ้น โคกเมือมืง ตําบลจรเข้ มากอําเภอประโคนชัยชัเป็นป็ผ้าผ้ที่มีลมีวดลายสวยงามมีคมีวามประณีตและ สามารถสื่อสื่ความหมายได้อย่าย่งลึกซึ้งซึ้งดงามดังนี้โซ่รัซ่กรับารายเป็นป็ สัญสัลักษณ์ขณ์องความรักรัที่มั่นมั่คงโซ่เซ่หมือมืนระเบียบีงคดในตัวปราสาทเมือมืง ต่ํา หมายถึง การประสานความรักรัความสามัคมัคี ความร่วร่มมือมืจากอดีตสู่ ปัจปัจุบันบัสาน อนาคต บาราย คือ สระน้ําขนาดใหญ่ที่ญ่ ที่ขุดขึ้นขึ้เพื่อพื่ ให้ประชาชน ได้ใช้กช้ารดํารงชีวิชีตวิ ประจําจํวันวัและเพื่อพื่การ ชลประทาน หมายถึง ความอุดม สมบูรณ์ ความสงบเย็นย็และเป็นป็ ประโยชน์ดัน์ ดังนั้นนั้ “โซ่รัซ่กรับาราย” จึงจึหมาย ถึง ความรักรัความสามัคมัคี ความร่วร่มมือมืที่สร้าร้งความอุดมสมบูรณ์ พลัง แห่งความสุขสุสงบ ร่มร่เย็นย็อุ่นทั้งกาย อุ่นทั้งใจ ผ้าผ้ลาย โซ่รัซ่กรับาราย เปรียรีบเสมือมืนผ้าผ้ที่สวมใส่แส่ล้วอุ่นทั้งกาย อุ่นทั้งใจ สวมใส่สส่บาย ไม่หม่ยาบกระด้าง เป็นป็สี ธรรมชาติ มีสีมีสัสีนสัสวยงาม สามารถนํานํมาตัดเย็บย็และออกแบบได้ หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่ม่าว่จะเป็นป็เสื้อสื้ หรือรืผ้าผ้ถุงถุมีคมีวามสวยงามทั้งลวดลายในแนวตั้งและแนวนอน ใส่ไส่ด้ทั้งหญิงญิชาย ทุกทุเพศ ทุกทุวัยวั และเป็นป็ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการมีส่มีวส่นร่วร่มทั้งภาครัฐรัและภาคเอกชนช่วช่ยกันส่งส่เสริมริสนับนัสนุนนุให้ เกิดการพัฒพันาต่อยอดเป็นป็ผลิตภัณฑ์จากภูมิภูปัมิญปัญาให้มีคุมีณคุค่าและมีมูมีมูลค่าเพิ่มพิ่ทางเศรษฐกิจ เกิด การสร้าร้งงานสร้าร้งรายได้ให้กับคนในชุมชน วัสวัดุ ผ้าผ้ไหม,ผ้าผ้ฝ้าฝ้ย กรรมวิธีวิกธีารผลิต มัดมัหมี่ ผู้อผู้ อกแบบ นางธัญธัพร ไชยอินทร์ ประธานกลุ่มลุ่ทอผ้าผ้บ้าบ้นโคกเมือมืง ดําเนินนิการค้นหา ๑. นายกิติพัฒพัน์ กะวังวั นายอําเภอประโคนชัยชั ๒. นายเพท วงศ์ประสิทสิธิ์ ประธาน สภาวัฒวันธรรมอําเภอประโคนชัยชั


ผ้าลายปรางค์กู่สวนแตง ออ.บ้บ้บ้ า บ้ านนใใหหม่ม่ ม่ไม่ไชชยยพพจจน์น์น์น์ ลาย ปรางค์กู่สกู่วนแตง อำ เภอบ้าบ้นใหม่ไม่ชยพจน์ ลายผ้าผ้อัตลักษณ์ปณ์ระจำ อำ เภอบ้าบ้นใหม่ไม่ชยพจน์ โดยช่าช่ง ทอได้นำ คำ ขวัญวัของอำ เภอ "กู่สกู่วนแตงเด่นสง่าล้ำ ค่ากู ฤาศี ผ้าผ้ไหมมัดมัหมี่ ประเพณีบุญบั้งบั้ไฟ" เป็นป็คำ ขวัญวัที่มี โบราณสถานที่เก่าแก่ 2 แห่งคือ ปรางค์กู่สกู่วนแตงและ ปรางค์กู่ฤกู่าศี ซึ่งซึ่เป็นป็ ประสาทสมัยมัขอมโบราณมากำ หนด เป็นป็ลวดลายลงบนผืนผืผ้าผ้ โดยการมัดมัหมี่อ มี่ งค์ปรางค์กู่สกู่วน แตง 3 องค์รังรัสรรค์ลงบนผืนผืผ้าผ้จนเป็นป็ผ้าผ้อัตลักษณ๋ ประจำ อำ เภอที่โดดเด่น วัสวัดุ ผ้าผ้ไหม,ผ้าผ้ฝ้าฝ้ย วิธีวิกธีารผลิต มัดมัหมี่ ผู้อผู้ อกแบบ นางชยุตรา พัฒพันะแสง ดำ เนินนิการค้นหา ๑นายเสกสรร จันจัวงษา นายอำ เภอบ้าบ้นใหม่ไม่ชยพจน์ ๒ ว่าว่ที่ พ.ต.สงวน นนท์ธีรธีโชติ ประธานสภาวัฒวันธรรมอำ เภอบ้าบ้นใหม่ ไชยพจน์


ผ้าลายมูลสีคราม ออ.สสตึตึตึ ก ตึ ก ลายมูลสีคสีราม อำ เภอสตึก คำ ว่าว่สตึกมาจากภาษาเขมร แปลว่าว่น้ำ (เสราะ+ ตึก เท่า=เมือมืงน้ำ )มีคมีวามหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ไณ์ป ด้วยน้ำ เพราะมีสมีายน้ำ ไหลผ่าผ่นสองสายคือแม่น้ำม่ น้ำมูล และแม่น้ำม่ น้ำชี จากอดีตจนถึงปัจปัจุบันบัชาวสตึกมีวิมีถีวิ ถีชีวิชีตวิ ผูกผูพันพัอยู่กัยู่ กับสายน้ำ มูล อุดมสมบูรณ์ไณ์ปด้วยปลานานา ชนิดนิและมีงมีานประเพณีประจำ อำ เภอคือประเพณีงาน แข่งข่เรือรืชิงชิถ้วยพระราชทานฯ อำ เภอสตึกจึงจึได้ผลิต ผ้าผ้ลายอัตลักษณ์ขึ้ณ์นขึ้มีชื่มีชื่อชื่ว่าว่มูลสีคสีราม โดยมีรูมีรูปปลา รูปเรือรืปรากฏอยู่ใยู่นผืนผืผ้าผ้ วัสวัดุ ผ้าผ้ไหม,ผ้าผ้ฝ้าย กรรมวิธีวิกธีารผลิต มัดมัหมี่ ผู้อผู้ อกแบบ รศ.สมบัติบั ติประจญศานต์ ดำ เนินนิการค้นหา ๑.นายกันวลินทร์ เมือมืงแก้ว นายอำ เภอสตึก ๒. นายฉัตฉัรชัยชัทีรฆวณิชณิ ประธานสภาวัฒวันธรรมอำ เภอสตึก


ผ้าลายเกล็ดเต่า ออ.แแคคนนดดงง ลายเกล็ดเต่าอำ เภอแคนดงลายผ้าผ้อัตลักษณ์ปณ์ระจำ อำ เภอ แคนดงลายเกล็ดเต่านี้เป็นป็ลวดลายเก่าแก่ของชาวไทย ชาติ พันพัธุ์กูธุ์ยกูโดยสอดแทรกขิดขิลายช้าช้งเข้าข้ไปในผืนผืผ้าผ้บริเริวณหัว และตีนผ้าผ้เพื่อพื่ ให้สวยงามแปลกตา ซึ่งซึ่ขิดขิลายช้าช้งที่นิยนิมทำ กันคือ"ลายช้าช้งชูงวงศ" วัสวัดุ ผ้าไหม,ผ้าฝ้าฝ้ย กรรมวิธีวิกธีารผลิต ขิตขิ ผู้อผู้ อกแบบ ดำ เนินนิการค้นหา ๑. นายสนทนา ชัยชัถาวรนายอำ เภอแคนดง ๒. นายบุญร่วร่ม จิมจิานังนั ประธานสภาวัฒวันธรรมอำ เภอแคนดง


ผ้าภูมิศิลป์ ถิ่นจันทร์เหลือง ออ.บ้บ้บ้ า บ้ านนด่ด่ ด่ า ด่ านน ผ้าผ้ภูมิภูศิมิ ศิลป์ ถิ่นจันจัทร์เร์หลือง อำ เภอบ้าบ้นด่าน ลายผ้าผ้อัตลักษณ์แณ์ห่งความภาคภูมิภูใมิจในภูมิภูปัมิญปัญาพื้นพื้บ้าบ้นและ ศิลปวัฒวันธรรม ของชาวไทยชาติพันพัธุ์ลธุ์าว กูยกูและเขมร ซึ่งซึ่หลอม รวมกันอยู่ใยู่นผืนผืแผ่นผ่ดินทองของอำ เภอบ้าบ้นด่านอันอุดมสมบูรณ์ ทั้งสายน้ำ พืชพืพรรณและสัตสัว์ป่ว์าป่ซึ่งซึ่มีมมีาแต่โบราณกาล อาทิ ช้าช้ง นกยูงเป็นป็ต้น รวมทั้ง แสดงถึงเป็นป็แผ่นผ่ดินธรรมที่มีพมีระอริยริสงฆ์ ได้แก่หลวงปู่จัปู่นจัทร์แร์รมและหลวงปู่เปู่หลือง ซึ่งซึ่เป็นป็ศูนย์รย์วมจิตจิ ใจ ของชาวอำ เภอบ้าบ้นด่านให้เป็นป็หนึ่งนึ่เดี๋ยวในการดำ เนินนิชีวิชีตวิอย่าย่งมี คุณคุธรรมและจริยริธรรม วัสวัดุ ผ้าผ้ไหม,ผ้าผ้ฝ้าฝ้ย กรรมวิธีวิกธีารผลิต มัดมัหมี่ ผู้อผู้ อกแบบ ๑. นางสาวกนกพลอย แสนทวีสุวีขสุ ดำ เนินนิการค้นหา ๑. นางสาวลักขณา สีหสีะมาตร นายอำ เภอบ้าบ้นด่าน ๒. นายเชิดชิศักดิ์ ฤกษ์สกุลกุเรือรืง ประธานสภาวัฒวันธรรมอำ เภอบ้าบ้น ด่าน


ผ้าลายสร้อยปะคำ ออ.ปปะะคำคำคำคำ ลายสร้อร้ยประคำ อำ เภอปะคำ ลายอัตลักษณ์ปณ์ระจำ อำ เภอปะคำ คือ ลายสร้อร้ยประคำ สร้อร้ย หมายถึงการเรียรีงรอยวัฒวันธรรมความเชื่อชื่และความศรัทรัธาใน สถานที่ศักดิ์สิทสิธิ์ที่ธิ์ ที่ มีอมียู่ใยู่นโบราณสถานและสื่อสื่ถึงวัฒวันธรรม การกินหมากของวิถีวิ ถีชาวบ้าบ้นมาตั้งแต่ครั้งรั้โบราณจนถึง ปัจปัจุบันบักล่าวคือเมื่อมื่ชุมชนได้ทำ กิจกรรมร่วร่มกันโดยเฉพาะการ ปลูกลูหม่อม่นเลี้ยงไหมการสาวเส้นส้ ใหม่จม่นเข้าข้สู่กสู่ ระบวนการทอจึงจึ ได้นำ หมากมาเป็นป็ลักษณะคงไว้บว้นผืนผืผ้าผ้เพื่อพื่ ให้ได้ระลึกถึงปะ คำ หมายถึงอำ เภอประคำ วัสวัดุ ผ้าผ้ไหม กรรมวิธีวิกธีารผลิต มัดมัหมี่ ผู้ทผู้ อกลุ่มลุ่ทอผ้าผ้ไหมบ้าบ้นโคกสมบูรณ์หณ์มู่4มู่ตำ บลโคกเจริญริ อำ เภอปะคำ จังจัหวัดวับุรีรัรีมรัย์ ดำ เนินนิการค้นหา ๑.นายกฤษณพงศ์ คงนันนัทะ อำ เภอปะคำ ๒.นายสุดสุมิตมิรเจริญริ ประธานสภาวัฒวันธรรมอำ เภอปะคำ


ผ้าลายโคมหลักหิน ออ.พพลัลัลั บ ลั บพพลลาาชัชัชั ย ชั ย ลายโคมหลักหิน อำ เภอพลับพลาชัยชัเนื่อนื่งจากบริเริวณที่ตั้ง อำ เภอพลับพลาชัยชัมีหมีลักหินโบราณตั้งอยู่แยู่ละหลักหินนี้ ยังยั เป็นป็วลีหนึ่งนึ่ในคำ ขวัญวั ประจำ อำ เภอที่ว่าว่ “ตำ นานหลักหิน ถิ่น มโหรี มีผ้มีาผ้ไหมงาม ลุ่มลุ่น้ำ ตาเตียว” ผู้อผู้ อกแบบจึงจึนำ รูปลักษณ์ ของหลักหินโบราณนี้มาเป็นป็ส่วส่นหนึ่งนึ่ของลวดลายผ้าผ้เพื่อพื่ ให้ เป็นป็ที่ระลึกภูมิภูเมิดิมของพื้นพื้ที่ โดยลงไว้ใว้นโคมลายไทยซึ่งซึ่เป็นป็ ลาย ที่ชื่นชื่ชอบของชาวบ้าบ้น เรียรีก “ลายโคมหลักหิน” และลาย โคมหลักหินนี้ได้กลายมาเป็นป็ลายผ้าผ้อัตลักษณ์ปณ์ระจําจํอำ เภอ วัสวัดุ ผ้าผ้ไหม พลับพลาชัยชั กรรมวิธีวิกธีารผลิต มัดมัหมี่ ผู้อผู้ อกแบบ ดำ เนินนิการค้นหา ๑. นายสมใจ พุทธเสนา นายอำ เภอพลับพลาชัยชั


ผ้าลายไก่อรพิมพ์ ออ.หหนนอองงกี่กี่กี่กี่ ลายไก่อรพิมพิพ์ อำ เภอหนองกี่ จากคำ ขวัญวัอำ เภอหนองกี่ คือ "ถิ่นนักนัมวยดัง" ไก่ย่าย่งรสดี มาก มีผ้มีาผ้ไหม หลากหลายวัฒวันธรรม ธรรมชาติเลิศล้ำ เขื่อขื่นห้วยยาง และทุ่งทุ่กระเต็น"สู่แสู่ นวความคิดและแรงบันบัดาลใจที่จะพัฒพันาลาย ผ้าผ้ทอให้เป็นป็เอกลักษณ์แณ์ละอัตลักษณ์ขณ์องอำ เภอหนองกี่ ได้แก่ ลายไก่อรพิมพิพ์ โดยนางสาวนันนัทนิตนิย์ จิตจิหนักนัแน่นน่นายก เทศมนตรีตำรี ตำบลหนองกี่ได้เล็งเห็นความสำ คัญในการพัฒพันาคน พัฒพันางาน ยกระดับชีวิชีตวิของลูกลูหลานชาวหนองกี่ที่จะได้สร้าร้ง รายได้และยกระดับมาตรฐานสินสิค้าท้องถิ่น ผ่าผ่นผ้าผ้ขาวม้าม้ทอมือมื จึงจึได้คิดค้นและออกแบบลายไก่ให้ดูสดูวยงาม องอาจ สง่างาม แข็งข็แรงทรหด อดทน ให้สมกับไก่เลือดนักนัสู้จสู้ ากอำ เภอหนองกี่ อีกทั้งยังยัได้ใส่ ลายกนกเพื่อพื่เพิ่มพิ่มิติมิ ติความเป็นป็ ไทยอันเป็นป็เสน่ห์น่ ห์ และความงดงามให้กับลายผ้าผ้ วัสวัดุ ผ้าผ้ไหม,ผ้าผ้ฝ้าฝ้ย กรรมวิธีวิกธีารผลิตขิตขิ ผู้อผู้ อกแบบ นางสาวนันนัทนิตนิย์ จิตจิหนักนัแน่นน่นายก เทศมนตรีตำรี ตำบลหนองกี่ ดำ เนินนิการค้นหา ๑..นายวิรัวิตรัน์ กลิ่นขจร นายอำ เภหนองกี่ ๒.นายคำ ศรีภรีา ประธานสภาวัฒวันธรรมอำ เภอหนองกี่


ผ้าศรีเสาวรคชสาร ออ.โโนนนนดิดิดิ น ดิ นแแดดงง ลายศรีเรีสาวรคชสารอำ เภอโนนดินแดง ผ้าผ้ศรีเรีสาวรสคชาสาร เป็นป็การอนุรันุกรัษ์ศิลปหัตถกรรมพื้นพื้บ้าบ้นและ สืบสืสานภูมิภูปัมิญปัญาไทย เป็นป็การสร้าร้งงานสร้าร้งรายได้ ให้ประชาชนมี ความเป็นป็อยู่ที่ยู่ ที่ ดี สามารถพึ่งพึ่พาตนเองได้อย่าย่งมั่นมั่คง จุดมั่งมั่หวังวั ของลายผ้าผ้ศรีเรีสาวรสคชาสารเป็นป็การส่งส่มอบความรักรัความ สามัคมัคีความสุขสุของประชาชนชาวโนนดินแดงทุกทุคนและเป็นป็การ จุดประกายความคิดในการพัฒพันาลายผ้าผ้ออกแบบให้ร่วร่มสมัยมั ใช้ไช้ด้จริงริในหลายโอกาส โดยที่มาของลวดลาย มีดัมี ดังนี้ ศรี หมายถึง ศักดิ์ศรีขรีองคนโนนดินแดงที่ปกป้อป้งผืนผืแผ่นผ่ดินจากคอมมิวมินิสนิต์ที่ ขัดขัขวางการสร้าร้งเส้นส้ทางละหานทราย -โนนดินแดง-ตาพระยา เสาวรส หมายถึงผลไม้เม้ศรษฐกิจที่มีกมีารผลิตและจำ หน่าน่ยเป็นป็อัน ดับหนึ่่ง ของอำ เภอโนนดินแดง คชสารหมายถึงช้าช้งป่าป่ที่อาศัยอยู่ ตามเชิงชิเขากะป๊อป๊ดและป่าป่ ไม้เม้บญจพรรณ แต่บางครั้งรั้ก็ออกมา หากินตามเชิงชินิเนิวศทิ้งมูลช้าช้งไว้เว้ป็นป็จำ นวนมาก วัสวัดุ ผ้าผ้ไหม กรรมวิธีวิกธีารผลิต มัดมัหมี่ ผู้อผู้ อกแบบ นางสุวิสุฑูวิรฑูย์ ประเสริฐริศรี พัฒพันาการอำ เภอโนนดินแดง ดำ เนินนิการค้นหา ๑.นายเอกวัฒวัน์ พวงประโคน นายอำ เภอโนนดินแดง ๒.นายสมชัยชักอชัยชัศิริกุริลกุประธานสภาวัฒวันธรรมอำ เภอโนนดินแดง


ผ้าภูกระโดงเมืองแปะ ออ.เเมืมืมือ มืองง ผ้าผ้ภูกภูระโดงเมือมืงแปะ อําเภอเมือมืงบุรีรัรีมรัย์ การทอผ้าผ้ของชุมชนอําเภอเมือมืงบุรีรัรีมรัย์ มีกมีารทอผ้าผ้มาเป็นป็เวลานาน มีกมีารทอผ้าผ้ที่หลากหลาย จาก ความหลากหลายทางวัฒวันธรรม เพื่อพื่ ให้อําเภอเมือมืงบุรีรัรีมรัย์มีย์คมีวามเป็นป็อัตลักษณ์จึณ์งจึได้มีกมีารสร้าร้งสรรค์ ผ้าผ้ทอที่มีลมีวดลายเป็นป็อัตลักษณ์ ตามคําขวัญวัอําเภอเมือมืงบุรีรัรีมรัย์ ที่ ว่าว่ “เขากระโดงหินแกร่งร่แหล่งรวกุณกุา พระพุทธ ยอดฟ้าฟ้ประกาศิต สุภัสุภัทรบพิตพิรคู่เคู่มือมืง ลือเลื่องวัฒวันธรรม” คุณคุลักษณะของผ้าผ้ทอ เป็นป็ผ้าผ้ทอที่ใช้ไช้หมบ้าบ้น ลวดลายประกอบด้วย ช่อช่ ฟ้าฟ้บนฐานตะขอ หมายถึง ความรักรัความสามัคมัคีเกาะเกี่ยวชุมชน ๑๙ ตําบล ที่มีปมีระพุทธยอดฟ้าฟ้ ประกาศิตเป็นป็ที่ยึดยึเหนี่ยวจิตจิ ใจ ต้นแปะ ใบแปะ หมายถึง ต้นมาที่เป็นป็ที่มาของชื่อชื่เมือมืงแปะ ต่อมาได้ เปลี่ยนชื่อชื่เป็นป็เมือมืงบุรีรัรีมรัย์นก หมายถึง เมือมืงบุรีรัรีมรัย์ที่ย์ ที่มีสมีวนนกที่เป็นป็แหล่งรวมสกุณกุากรรมวิธีวิกธีารผลิต เส้นส้ยืนยื ใช้ไช้หมจุน รังรั๔ เส้นส้พุ่งพุ่ ใช้ไช้หมบ้าบ้น มัดมัหมี่จํ มี่ าจํนวน ๗๙ ลํา สีส้สีมส้หมายถึง ภูเภูขาไฟกระโดง บุรีรัรีมรัย์เย์ป็นป็ภูเภูขาไฟ ๑ ใน ๖ ลูกลูของจังจัหวัดวับุรีรัรีมรัย์ สีขสีาว หมายถึง แหล่งอารยธรรม โดยเฉพาะพระสุภัสุภัทรบพิตพิรที่ประดิษฐานบนปากปล่อง ภูเภูขาไฟกระโดง สีเสีขียขีว หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์แณ์ละมีต้มี ต้นไม้หม้ลากหลาย สีแสีดง หมายถึง ความรักรัความสามัคมัคีในสายเลือดเดียวกัน


ผ้าลายคูนครลำ กัญ ออ.คูคูคู เคู เมืมืมือ มืองง ลายคูนคูครลำ กัญ อําเภอคูเคูมือมืง ลาย “คูนคูคร กัญ” เป็นป็การออกแบบ ลวดลายให้สอดคล้องกับ คําขวัญวัอําเภอคูเคูมือมืง คือ “แหล่งผลิตน้ํา ตาลศาลเจ้าจ้พ่อพ่หลวงอุดมไม้ทัม้ ทับถมกลายเป็นป็หินถิ่นฐานอารยธรรม” ประกอบกับนํานํเสนอวิถีวิ ถีชีวิชีตวิของชาวคูเคูมือมืงที่มีคมีวามผูกผูพันพักับสายน้ํา คือแม่น้ํม่ น้ํ ามูลซึ่งซึ่ไหลผ่าผ่นอําเภอคูเคูมือมืงหล่อเลี้ยงประชากรชาวอําเภอ คูเคูมือมืงการปลูกลูอ้อยซึ่งซึ่เป็นป็การเกษตรหลักของคูเคูมือมืงและพืชพืกัญชา ซึ่งซึ่เป็นป็พืชพืเศรษฐกิจใหม่ขม่องอําเภอคูเคูมือมืงคุณคุลักษณะที่โดดเด่นใช้กี่ช้ กี่ ทอมือมืทอหมี่ลมี่วด ใช้ฟืช้มฟื๔๒ หลบ (๑ หลบ ใช้เช้ส้นส้ ไหม ๔๐ คู่)คู่หมี่ลมี่าย คู นครสําสํคัญ จําจํนวน ๔๙ ลํา ดู หมายถึง คูเคูมือมืง ตามประวัติวั ติของอําเภอคูเคูมือมืงในสมัยมัสมเด็จ พระเจ้าจ้กรุงธนบุรีโรีปรดให้สมเด็จเจ้าจ้พระยามหากษัตริย์ริศึย์ ศึกยกทัพมา ปราบพระยานางรองคบคิดกับเจ้าจ้โอเจ้าจ้อินแห่งจําจํ ปาศักดิ์แล้วได้ เกณฑ์ไพร่พร่ล ก่อทําคูเคูมือมืงให้ได้สูงสูสุดสุเพื่อพื่ที่จะได้ตั้งหอคอยมองเห็น ข้าข้ศึกที่จะมาตี เมือมืงแปะ (บุรีรัรีมรัย์)ย์ ได้ในระยะไกล นคร หมายถึง เมือมืง คือ อําเภอคูเคูมือมืง ลํา หมายถึง ลําอ้อย ซึ่งซึ่เป็นป็พืชพืการเกษตรหลักที่ปลูกลูในอําเภอคูเคูมือมืง อีกทั้งยังยัสื่อสื่ถึง ลําน้ํามูลที่ไหลผ่าผ่นอําเภอคูเคูมือมืง กัญ หมายถึง กัญชา โดยอําเภอคูเคูมือมืงเป็นป็อําเภอแรกในจังจัหวัดวั บุรีรัรีมรัย์ที่ย์ ที่มีกมีารขออนุญนุาตปลูกลูพืชพืกัญชาจากกระทรวงสาธารณสุขสุ และควบคุมคุการทํากัญชาเพื่อพื่ ใช้ใช้นทางการแพทย์ วัสวัดุ ผ้าผ้ไหม,ผ้าผ้ฝ้าฝ้ย กรรมวิธีวิกธีารผลิต มัดมัหมี ผู้อผู้ อกแบบ นายกีรติ พยุหะ นํานํเนินนิการค้นหา ๑. นายค่าเคลื่อน พณะชัยชั นายอําเภอกระสังสั ๒. นายพิทพิยา ยุวดีนิเนิวศ ประธานสภาวัฒวันธรรมอ๋าเภอกระสังสั


ผ้าบันไดสวรรค์ ออ.พุพุ พุทพุทไไธธสสงง ลายบันบั ไดสวรรค์ ลายนาคเชิงชิเทียน ลายพุทไธปทุมทุ อําาเภอพุทไธสงลายผ้าอัตลักษณ์ประจําจํอําเภอพุทไธสง มี จําจํ นวน ๓ ลาย ได้แก่ ลายบันบั ไดสวรรค์ ลายนาคเชิงชิเทียน และ ลายพุทไธปทุมทุโดยมีรมีายละเอียด ดังนี้ ๑.ลายบันบั ไดสวรรค์เป็นป็ลายโบราณที่บรรพบุรุษคิดค้นขึ้นขึ้มา จากภูมิภูปัมิ ปัญญาของชาวบ้าบ้นนับตั้งแต่พระยาเสนาสงครามพ่อพ่ เมือมืงพุทไธสงคนแรก บ่งบ่บอกให้เห็นลักษณะ ของลายผ้าเป็นป็ ขั้นขั้บันบั ไดขึ้นขึ้สู่สสู่ รวงสวรรค์ซึ่งซึ่แนวคิดนี้สืบสืเนื่องมาจากการ ที่ ชาวบ้าบ้นนับถือศาสนาพุทธ วัสวัดุ ผ้าผ้ไหม กรรมวิธีวิกธีารผลิต มัดมัหมี่ ผู้อผู้ อกแบบ นางศุลีพร เศษฐดาวิทวิย์ ดําเนินนิการค้นหา ๑.นายตวงอัฐ บุตรวิชวิา นายอําเภอพุทไธสง ๒. นายสําสํราญ เทพไทอํานวย ประธานสภาวัฒวันธรรม อําเภอพุทไธสง g


ผ้าลายหางกระรอกโบราณ ออ.ห้ห้ห้ ว ห้ วยยรราาชช ลายหางกระรอกโบราณ ลายหางกระรอกคู่ อําเภอห้วยราช ลายผ้าผ้อัต ลักษณ์ปณ์ระจําจํอําเภอห้วยราช ได้แก่ลายหางกระรอกโบราณ และลายหาง กระรอกคู่ โดยมีรมีายละเอียด ดังนี้ ๑. ลายหางกระรอกโบราณเป็นป็ผ้าผ้ที่มีปมีระวัติวั ติสืบสืทอดมายาวนานของอําเภอ ห้วยราช ซึ่งซึ่ประชากร ที่อาศัยในพื้นพื้ที่ส่วส่นใหญ่เญ่ ป็นป็ชาติพันพัธุ์เธุ์ขมร ลายผ้าผ้ หางกระรอกเป็นป็ลายผ้าผ้ทอโบราณที่มีลมีวดลายเรียรีบง่าย แต่แฝงไปด้วย ความประณีตและงดงาม ซึ่งซึ่สามารถ พบได้ในแถบภาคอีสานใต้ และภาค ใต้อีกด้วย ตําานานลายผ้าผ้หางกระรอกเริ่มริ่ตั้งแต่คนโบราณรู้จัรู้กจัการเลี้ยง ไหมและการทอผ้าผ้จนพัฒพันาเทคนิคนิต่างๆ เช่นช่การควบเส้นส้หรือรืตีเกลียว (การนํานํ ไหม 5 สีมสีาสาวรวมกันเป็นป็เส้นส้เดียว) วัสวัดุ ผ้าผ้ไหม, ผ้าผ้ฝ้าฝ้ย กรรมวิธีวิกธีารผลิต หางกระรอก ผู้อผู้ อกแบบ - นํานํเนินนิการค้นหา ๑.นายเทิดพันพัธ์ ครอบทอง นายอําาเภอห้วยราช ๒.นายสวัสวัดิ์ นุรันุกรัรัมรัย์ ประธานสภาวัฒวันธรรมอำ เภอห้วยราช ประกอบกับชุมชนบ้าบ้นสนวนนอกสมัยมั นั้นนั้มีต้มี ต้นสนวนขึ้นขึ้เยอะมาก มักมัเป็นป็ ที่อาศัยของกระรอกและด้วยนิสัยสัข่าข่งสังสัเกตของคนโบราณพบว่าว่หากระรอก นั้นนั้คล้ายกับไหมที่ถูกถูควบเส้นส้แล้วจึงจึเป็นป็ที่มาของชื่อชื่ลายหางกระรอก ลักษณะของลายผ้าผ้หางกระรอกโบราณใช้เช้ทคนิคการทอผ้าผ้ที่เป็เป็อกลักษณ์ ของชนเผ่าผ่ ไทคือ การควบเส้นส้หรือรืตีเกลียวตามความเชื่อชื่ในเรื่อรื่งของความ กลมเกลียว สามัคมัคีกันในครอบครัวรัและสายตระกูลกูที่นับนัถือผีด้วยกัน การนําไหมสองสีมสีา ควบกันนี้เรียรีกว่าว่ “กะนิว” หรือรืผ้าผ้หางกระรอก


สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดบุรีรัมย์


Click to View FlipBook Version