The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ส่วนประกอบของดอก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nutlampo, 2021-07-15 23:00:20

ส่วนประกอบของดอก

ส่วนประกอบของดอก

หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง การสืบพนั ธ์ุของพืชดอก
หัวข้อ : โครงสร้างของดอก

สอนโดย
ครูชาริยา แสนขอมดา

ดอก (Flower) คือ ส่วนของพืชท่ีทาหนา้ ท่ีเป็นอวยั วะสืบพนั ธุ์แบบอาศยั
ของพชื ดอก (angiosperm) โดยพฒั นามาจากกิ่ง

โครงสร้างของดอก
ดอกไมป้ ระกอบดว้ ยส่วนต่างๆ 4 ส่วน โดยแต่ละส่วนจะเรียงตวั จากช้นั ทอ่ี ยนู่ อก

สุดเขา้ สู่ส่วนใน คือ กลีบเล้ียง กลีบดอก เกสรตวั ผู้ และเกสรตวั เมียตามลาดบั โดย
ส่วนประกอบท้งั 4 น้ีจะอยบู่ นฐานรองดอก ซ่ึงอยปู่ ลายสุดของกา้ นชูดอกอีกทีหน่ึง

1. กลีบเล้ียง (sepal)
2. กลีบดอก (petal)
3. เกสรเพศผู้ (stamen) ประกอบดว้ ย 2 ส่วนคือ
 อบั เรณู (anther)
 กา้ นชูอบั เรณู (filament)
4. เกสรเพศเมีย (pistil) ประกอบดว้ ย 3 ส่วนคือ
 รังไข่ (ovary) มีโครงสร้างเป็นกอ้ นกลมหรือรี
ขนาดเลก็ เรียก ออวลุ (ovule)
 กา้ นเกสรเพศเมีย (style)
 ยอดเกสรเพศเมีย (stigma)

กลบี เลยี้ ง (sepal)

เป็นส่วนของดอกท่ีอยนู่ อกสุด
เจริญเปล่ียนแปลงมาจากใบ จึงมกั มีสีเขียว
ทาหนา้ ที่ห่อหุม้ ป้องกนั อนั ตรายต่างๆ ใหแ้ ก่ส่วนในของดอก

ช่วยในการสงั เคราะห์แสงไดด้ ว้ ย
วงกลีบเล้ียงท้งั หมดน้ีเรียกวา่ แคลิกซ์ (Calyx)

กลบี ดอก (Petal)

• เป็นส่วนของดอกท่ีอยถู่ ดั จากกลีบเล้ียงเขา้ ไปขา้ งใน
• มกั มีสีสนั ต่างๆ สวยงาม เนื่องจากมีรงควตั ถุชนิด

ต่างๆ ไดแ้ ก่ แอนโทไซยานิน (Anthocyanin)
และแอนโทแซนทิน (Anthoxanthin) ละลาย
อยใู่ นสารละลายแวคิวโอล ทาใหก้ ลีบดอกเป็นสี
ต่างๆ
• วงของกลีบดอกท้งั หมดเรียกวา่ collora

เกสรเพศผู้(stamen)

• เป็นส่วนท่ีอยถู่ ดั จากกลีบดอกเขา้ มา เจริญและเปล่ียนแปลงมาจาก
เน้ือเยอ่ื เจริญปลายยอด (apical meristem)

• ทาหนา้ ที่สร้างเซลลส์ ืบพนั ธุ์เพศผู้
• ในพืชบางชนิดเกสรตวั ผผู้ อู้ าจทาหนา้ ท่ีอ่ืน เช่น สร้างน้าหวานลอ่

แมลง หรือเป็นอาหารใหก้ บั แมลงท่ีช่วยการถ่ายละอองเรณู
• เกสรตวั ผมู้ กั มีหลายอนั และเรียงกนั เป็นวง เรียกวา่ แอนดรีเซียม

(androcium)

เกสรเพศผแู้ ต่ละอนั ประกอบดว้ ย 2 ส่วน คือ anther
filament
1. กา้ นชูเกสรตวั ผู้ (filament)
เป็นส่วนท่ีมีลกั ษณะเป็นเสน้ อาจรวมกนั เป็นกลุ่มหรือแยกกนั
ทาหนา้ ท่ีชูอบั เกสรตวั ผหู้ รืออบั เรณู
2. อบั เกสรตวั ผู้ (anther)
• มีลกั ษณะเป็นแท่งกลมยาวหรือค่อนขา้ งกลม 2 พู
• ภายในแบ่งเป็นถุงเลก็ ๆ 4 ถุง เรียกวา่ ถุงเรณูหรือโพรงอบั เรณู (pollen

sac หรือ microsporangium) บรรจุกลุ่มเซลลท์ ี่เรียกวา่
microspore mother cell ซ่ึงพฒั นาต่อไปเป็นละอองเรณู
(pollen grain) จานวนมาก โดยมีลกั ษณะเป็นเมด็ เลก็ ๆสีเหลืองๆ
• ละอองเรณูทาหนา้ ท่ีเป็นเซลลส์ ืบพนั ธุต์ วั ผู้
• เม่ือดอกเจริญเตม็ ท่ีแลว้ ถุงละอองเรณูจะแตกออก

เกสรเพศเมีย(pistil)

เป็นช้นั ท่ีอยใู่ นสุด เปลี่ยนแปลงมาจากใบ
ทาหนา้ ท่ีสร้างเซลลส์ ืบพนั ธุ์เพศเมีย
อาจมีอนั เดียวหรือหลายอนั เรียงกนั เป็นวง เรียกวง
ของเกสรตวั เมียวา่ จิเนเซียม(gynoecium)

เกสรตวั เมียประกอบดว้ ย 3 ส่วน คือ stigma
1. ยอดเกสรตวั เมีย (stigma) เป็นส่วนที่พองออก มี style
ลกั ษณะเป็นตุ่มแผแ่ บนเป็นแฉก เป็นพู และมีน้า เหนียวๆ
หรือขนคอยจบั ละอองเรณูท่ีลอยมาติด ovule
2. กา้ นชูเกสรตวั เมีย (style) เป็นส่วนท่ีมีลกั ษณะเป็นเส้น ovary
หรือเป็นกา้ นเลก็ ๆอาจยาวหรือส้นั เช่ือมต่อจาก ยอดเกสร
ตวั เมียลงสู่รังไข่ เป็นทางใหส้ เปิ ร์มนิวเคลียสเขา้ ไปผสมกบั
ไข่
3. รังไข่ (ovary) ส่วนท่ีอยตู่ ิดกบั ฐานรองดอกมีลกั ษณะ
พองโตออกเป็นกระเปาะ ภายในมี ออวลุ คือ มีลกั ษณะเป็น
เมด็ กลม ๆ เลก็ ๆ สีขาวนวล

ชนิดของดอก

• การจาแนกตามส่วนประกอบของดอก
1. ดอกสมบูรณ์ (Complete flower) คือ ดอกที่มีส่วนประกอบของ
ดอกครบท้งั 4 ส่วนในดอกเดียวกนั เช่น ชบา พรู่ ะหง กหุ ลาบ มะเขือ
2.ดอกไม่สมบูรณ์ (Incomplete flower) คือ ดอกท่ีมีส่วนประกอบ
ของดอกไม่ครบท้งั 4 ส่วน เช่น ดอกหนา้ ววั (ขาดกลีบเล้ียงและกลีบดอก)
ดอกบานเยน็ (ขาดกลีบดอก)

การจาแนกชนิดของดอกโดยพจิ ารณาเฉพาะเกสรตวั ผู้และเกสรตวั เมยี

1. ดอกสมบูรณ์เพศ (Perfect flower) เป็นดอกท่ีมีเกสรตวั ผแู้ ละเกสรตวั เมีย
อยใู่ นดอกเดียวกนั เช่น ชบา
2. ดอกไม่สมบูรณ์เพศ (Imperfect flower) เป็นดอกท่ีมีเกสรตวั ผหู้ รือเกสร
ตวั เมียเพยี งอยา่ งเดียว หรือต่างดอกกนั คือ ดอกเพศผู้ (Staminate flower)
ดอกเพศเมีย (Pistillate flower) เช่น ดอกมะละกอ ดอกตาล

การจาแนกชนดิ ของดอกโดยใช้ตาแหน่งของรังไข่เป็ นเกณฑ์

จากโครงสร้างของดอกยงั สามารถจาแนกประเภทของดอกไดอ้ ีกโดยพิจารณาจาก
ตาแหน่งของรังไข่ เมื่อเทียบกบั ฐานรองดอกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. ดอกประเภทท่ีมีรังไข่อยเู่ หนือฐานรองดอก เช่น ดอกมะเขือ จาปี ยหี่ ุบ บวั
บานบุรี พริก ถว่ั มะละกอ สม้ เป็นตน้
2. ดอกประเภทที่มีรังไข่อยใู่ ตฐ้ านรองดอก เช่น ดอกฟักทอง แตงกวา บวบ ฝร่ัง
ทบั ทิม กลว้ ย พลบั พลึง เป็นตน้

ดอกประเภทท่มี รี ังไขอ่ ยเู่ หนือฐานรองดอก ฐานรองดอก
ovary

ดอกประเภททม่ี ีรังไข่อยใู่ ต้ฐานรองดอก

การจาแนกชนิดของดอกโดยพจิ ารณาจากจานวนดอกบนหน่ึงก้าน

1. ดอกเด่ียว (Solitary flower) หมายถึง ดอกไมท้ ี่มีอยเู่ พยี งดอกเดียวบน
กา้ นชูดอกเพยี งกา้ นเดียว เช่น ชบา มะเขือ กหุ ลาบ จาปี บวั ผกั บุง้
2. ดอกช่อ (Inflorescence flower) หมายถึง ดอกที่มีจานวนมากกวา่ 1
ดอกบนกา้ นดอกเดียวกนั ดอกแต่ละดอก เรียกวา่ ดอกยอ่ ย (Floret) กา้ นดอก
ยอ่ ย เรียกวา่ Pedicel ส่วนแกนกลางที่ยาวต่อจากกา้ นดอกซ่ึงมีดอกยอ่ ยแยก
ออกมา เรียกวา่ Rachis

ดอกเด่ียว ดอกชอ่



• ช่อดอกบางชนิดมีลกั ษณะคลา้ ยดอกเดี่ยว
ดอกยอ่ ยเกิดตรงปลายกา้ นช่อดอกเดียวกนั
ไม่มีกา้ นดอกยอ่ ย ดอกยอ่ ยเรียงกนั อยบู่ น
ฐานรองดอกที่โคง้ นูนคลา้ ยหวั เช่น
ทานตะวนั ดาวเรือง บานช่ืน บานไม่รู้โรย
ดาวกระจาย เป็นตน้ ช่อดอกแบบน้ี
ประกอบดว้ ยดอกยอ่ ยๆ 2 ชนิด คือ ดอกวง
นอกของดอก มี 1 ช้นั หรือหลายช้นั เป็น
ดอกสมบูรณ์เพศหรือไม่สมบูรณ์เพศกไ็ ด้
ส่วนมากเป็นดอกเพศเมีย และดอกวงในอยู่
ตรงกลาง มกั เป็นดอกสมบูรณ์เพศมีกลีบดอก
เชื่อมกนั เป็นรูปทรงกระบอกอยเู่ หนือรังไข่



• ดอกไมบ้ างชนิดอาจมีลกั ษณะท่ีพิเศษนอก เหนือจากท่ีไดศ้ ึกษาไปแลว้ โดยลกั ษณะ
พิเศษดงั กล่าว เช่น บางชนิดมีเกสรเพศผทู้ ี่เป็นหมนั เกสรเพศผู้ ท่ีใชส้ ืบพนั ธุ์ไดม้ ี
เพียงอบั เรณูยาว ๆ เท่าน้นั พบไดใ้ นดอกพทุ ธรักษา บางชนิดมีกลีบเล้ียงที่คลา้ ย กลีบ
ดอก สีสนั สวยงาม เช่น ดอนยา่ นอกจากน้ีบางชนิดมีใบประดบั ที่มีสีสนั สวยงาม
คลา้ ยกบั กลีบดอก เช่น โป๊ ยเซียน


Click to View FlipBook Version