The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by JuRin GrooveRider, 2022-07-28 22:45:08

จุรินทร์ แผน

จุรินทร์ แผน

ป.๖

ปแผนรกะารวจดั ตัการิศเรยีานสรู้ ตร์

ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๖

กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

โรงเรยี นชุมชนห้วยไผ่ นายจรุ ินทร์ เหลาผา

สำนกั งำนเขตพื้นท่กี ำรศกึ ษำประถมศกึ ษำอบุ ลรำชธำนี เขต 3 ครูผูส้ อน
สำนกั งำนคณะกรรมกำรศกึ ษำขนั้ พื้นฐำน กระทรวงศึกษำธิกำร

แผนการจดั การเรียนรู้

ประวัติศาสตร์
ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖

กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

โรงเรียนชมุ ชนหว้ ยไผ่

สำนักงำนเขตพ้ืนทีก่ ำรศึกษำประถมศึกษำอุบลรำชธำนี เขต 3
สำนักงำนคณะกรรมกำรศกึ ษำขั้นพื้นฐำน กระทรวงศึกษำธิกำร

1หน่วยการเรียนรู้ที่ การศึกษาประวตั ิศาสตร์

7เวลา ชวั่ โมง

1 มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชี้วดั

ส 4.1 ป.6/1 อธบิ ายความสาคญั ของวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตรใ์ นการศกึ ษาเร่อื งราวทางประวตั ศิ าสตรอ์ ย่างงา่ ยๆ

ป.6/2 นาเสนอขอ้ มลู จากหลกั ฐานทห่ี ลากหลายในการทาความเขา้ ใจเรอ่ื งราวสาคญั ในอดตี

2 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

การศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ สามารถใชว้ ธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตรใ์ นการคน้ ควา้ ขอ้ มลู จากหลกั ฐานท่ี
หลากหลาย เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู หรอื เรอ่ื งราวทางประวตั ศิ าสตรท์ ม่ี คี วามถูกตอ้ ง และน่าเชอ่ื ถอื

3 สาระการเรียนรู้

3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

1) ความหมายและความสาคญั ของวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตรอ์ ยา่ งง่ายๆ ทเ่ี หมาะสมกบั นกั เรยี น
2) การนาวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตรไ์ ปใชศ้ กึ ษาเรอ่ื งราวในทอ้ งถนิ่ เชน่ ความเป็นมาของภมู นิ ามของ

สถานทใ่ี นทอ้ งถน่ิ
3) ตวั อยา่ งหลกั ฐานทเ่ี หมาะสมกบั นกั เรยี นทจ่ี ะนามาใชใ้ นการศกึ ษาเหตุการณ์สาคญั ใน

ประวตั ศิ าสตรไ์ ทยสมยั รตั นโกสนิ ทร์ เช่น พระราชหตั ถเลขาของรชั กาลท่ี 4 หรอื รชั กาลท่ี 5
กฎหมายสาคญั ฯลฯ (เช่อื มโยงกบั มฐ. ส 4.3)
4) สรปุ ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากหลกั ฐานทงั้ ความจรงิ และขอ้ เทจ็ จรงิ
5) การนาเสนอขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรด์ ว้ ยวธิ กี ารต่างๆ เช่น การเล่าเรอ่ื ง การจดั
นิทรรศการ การเขยี นรายงาน

3.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถิน่

(พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา)

4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน

4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 3) ทกั ษะการประเมนิ
4.2 ความสามารถในการคิด 5) ทกั ษะการใหเ้ หตุผล 6) ทกั ษะการสรปุ ลงความเหน็

1) ทกั ษะการรวบรวมขอ้ มลู
4) ทกั ษะการเช่อื มโยง
7) ทกั ษะการประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้

4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต

5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน

6 ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

รายงาน เรอ่ื ง การศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์

7 การวดั และการประเมินผล

7.1 การประเมินก่อนเรยี น

- ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง การศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์

7.2 การประเมินระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้

1) ตรวจใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์
2) ตรวจใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง การศกึ ษาเรอ่ื งราวในทอ้ งถนิ่
3) ตรวจใบงานท่ี 1.3 เรอ่ื ง แหลง่ หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์
4) ตรวจใบงานท่ี 1.4 เรอ่ื ง หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรส์ มยั รตั นโกสนิ ทร์
5) ตรวจแบบบนั ทกึ การอ่าน
6) ประเมนิ การนาเสนอผลงาน
7) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล
8) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม
9) สงั เกตคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

7.3 การประเมินหลงั เรียน

- ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง การศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์

7.4 การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- ตรวจรายงาน เรอ่ื ง การศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์

8 กิจกรรมการเรียนรู้

นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1

เร่ืองที่ 1 วิธีการทางประวตั ิศาสตร์ (1)

1 ชวั่ โมง

วิธีสอนโดยการจดั การเรียนร้แู บบร่วมมอื : เทคนิ คค่คู ิดสี่สหาย

ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน

ครนู าภาพมาใหน้ กั เรยี นดู แลว้ ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั ตอบคาถามตามประเดน็ ทก่ี าหนด จากนนั้ ครอู ธบิ าย
เช่อื มโยง เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นเหน็ ความสาคญั ของการศกึ ษาเรอ่ื งราวทางประวตั ศิ าสตร์

ขนั้ สอน

1. ครแู บ่งนกั เรยี นเป็นกลุ่ม กล่มุ ละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ จากนนั้ สมาชกิ แต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ศกึ ษา
ความรเู้ รอ่ื ง วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ขนั้ ตอนท่ี 1 และขนั้ ตอนท่ี 2 โดยใหน้ กั เรยี นจบั คกู่ บั สมาชกิ
ภายในกลุม่ เป็น 2 คู่ ใหแ้ ต่ละค่ศู กึ ษาตามขอ้ หวั ทก่ี าหนด

2. นกั เรยี นแต่ละคนศกึ ษาความรจู้ นเขา้ ใจแลว้ ใหผ้ ลดั กนั อธบิ ายความรทู้ ไ่ี ดก้ บั เพอ่ื นทเ่ี ป็นค่จู นมคี วาม
เขา้ ใจทต่ี รงกนั

3. นกั เรยี นแต่ละคกู่ ลบั มารวมกลุ่มเดมิ แลว้ ผลดั กนั อธบิ ายองคค์ วามรใู้ หมใ่ หส้ มาชกิ อกี คหู่ น่งึ ภายในกลุม่ ฟัง
และซกั ถามขอ้ สงสยั ครคู อยใหค้ วามชว่ ยเหลอื

ขนั้ สรปุ

ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรูเ้ รอ่ื ง วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ในขนั้ ตอนของการกาหนดหวั ขอ้ ทส่ี นใจ
และการรวบรวมหลกั ฐาน

เร่ืองท่ี 2 วิธีการทางประวตั ิศาสตร์ (2)

1 ชวั่ โมง

วิธีสอนโดยการจดั การเรียนรแู้ บบร่วมมือ : เทคนิ คค่คู ิด

ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรยี น

1. นกั เรยี นทบทวนความรเู้ ดมิ เกย่ี วกบั วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ในขนั้ ตอนการกาหนดหวั ขอ้ ทส่ี นใจ และ
การรวบรวมหลกั ฐาน

2. ครตู งั้ คาถามว่า เมอ่ื นกั เรยี นรวบรวมหลกั ฐานมาไดแ้ ลว้ นกั เรยี นจะดาเนินการต่ออยา่ งไรในการศกึ ษา
วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์

3. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจว่า หลงั จากมกี ารรวบรวมหลกั ฐานแลว้ จะมขี นั้ ตอนการตรวจสอบหลกั ฐาน
การตคี วามหลกั ฐาน และการเรยี บเรยี งและนาเสนอขอ้ มลู

ขนั้ สอน

1. นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 6 คน ตามความสมคั รใจ จากนนั้ ใหส้ มาชกิ แต่ละกลุ่มรว่ มกนั ศกึ ษาความรเู้ ร่อื ง
วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ในขนั้ ตอนท่ี 3-5 โดยใหน้ กั เรยี นจบั คกู่ บั สมาชกิ ภายในกลุ่มเป็น 3 คู่ และให้
แต่ละค่ศู กึ ษาตามหวั ขอ้ ทก่ี าหนด จากหนงั สอื เรยี น

2. สมาชกิ แต่ละคผู่ ลดั กนั เล่าความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษา ใหส้ มาชกิ ค่อู ่นื ๆ ภายในกลมุ่ ฟัง แลว้ ช่วยกนั
ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ซกั ถามขอ้ สงสยั จนสมาชกิ ทุกคนในกลุม่ มคี วามเขา้ ใจชดั เจน

3. นกั เรยี นแต่ละคนทาใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง วิธีการทางประวตั ิศาสตร์
4. นกั เรยี นแต่ละคนจบั คกู่ นั และผลดั กนั อธบิ ายคาตอบในใบงานท่ี 1.1 ใหค้ ขู่ องตนฟัง จนมคี วามเขา้ ใจอยา่ ง

ชดั เจน
5. ครสู ุม่ ตวั แทนของแต่ละค่อู อกมานาเสนอผลงานในใบงานท่ี 1.1 ครตู รวจสอบความถกู ตอ้ ง

ขนั้ สรปุ

ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรเู้ รอ่ื ง วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ในขนั้ ตอนของการตรวจสอบหลกั ฐาน
การตคี วามหลกั ฐาน และการเรยี บเรยี งและนาเสนอขอ้ มลู

เร่ืองท่ี 3 การนาวิธีการทางประวตั ิศาสตร์
มาใช้ศึกษาเร่ืองราวในท้องถิ่น
1 ชวั่ โมง

วิธีสอนโดยใช้ วิธีการทางประวตั ิศาสตร์

ขนั้ ท่ี 1 กาหนดประเดน็ ปัญหา

1. ครทู บทวนความรเู้ ดมิ เก่ยี วกบั วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ แลว้ รว่ มกนั อภปิ รายความสาคญั ของการ
ตรวจสอบหลกั ฐานและการตคี วามขอ้ มลู

2. นกั เรยี นรวมกลมุ่ เดมิ 4 คน แลว้ ใหแ้ ต่ละกลุม่ รว่ มกนั ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง ตวั อยา่ งการนาวธิ กี ารทาง
ประวตั ศิ าสตรม์ าใชศ้ กึ ษาเรอ่ื งราวในทอ้ งถนิ่ จากหนงั สอื เรยี น

3. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มกาหนดหวั ขอ้ ทส่ี นใจเกย่ี วกบั เรอ่ื งราวในทอ้ งถนิ่ กล่มุ ละ 1 หวั ขอ้ จากนนั้ ใชว้ ธิ กี ารทาง
ประวตั ศิ าสตรใ์ นการศกึ ษาเรอ่ื งราวในทอ้ งถนิ่

ขนั้ ที่ 2 รวบรวมหลกั ฐาน

นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ วางแผนการทางาน และสบื คน้ ขอ้ มลู ตามประเดน็ ทก่ี าหนดจากแหลง่ หลกั ฐานใน
ทอ้ งถน่ิ แลว้ บนั ทกึ ขอ้ มลู ลงในใบงานที่ 1.2 เร่ือง การศึกษาเรื่องราวในท้องถ่ิน

ขนั้ ท่ี 3 วิเคราะหแ์ ละประเมินคณุ ค่าข้อมูล

นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ นาผลการสบื คน้ ขอ้ มลู จากแหล่งขอ้ มลู ต่างๆ มาเปรยี บเทยี บ วเิ คราะห์ และประเมนิ ผล
จากขอ้ มลู ทไ่ี ดร้ วบรวมมา

ขนั้ ที่ 4 ตีความและสงั เคราะห์

นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ นาผลสรุปจากการวเิ คราะหแ์ ละประเมนิ ผลจากขอ้ มลู ทไ่ี ดร้ วบรวมมาตคี วามและ
สงั เคราะหข์ อ้ มลู แลว้ บนั ทกึ ขอ้ มลู ลงในใบงานท่ี 1.2

ขนั้ ที่ 5 นาเสนอข้อมลู

1. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอใบงานท่ี 1.2 หน้าชนั้ เรยี น
2. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั บอกประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั จากการสบื คน้ ขอ้ มลู และแนวทางในการนาความรไู้ ปปรบั ใช้

ใหเ้ กดิ ประโยชน์ในการดาเนินชวี ติ ประจาวนั

เร่ืองท่ี 4 ประเภทของหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์
1 ชวั่ โมง

วิธีสอนโดยการจดั การเรียนรแู้ บบร่วมมือ : เทคนิ คร่วมกนั คิด

ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน

1. ครนู าภาพหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรแ์ ต่ละประเภท มาใหน้ กั เรยี นดู และใหน้ กั เรยี นทายวา่ หลกั ฐานทาง
ประวตั ศิ าสตรอ์ ย่ทู ไ่ี หน เป็นหลกั ฐานสมยั ใด

2. ครอู ธบิ ายเช่อื มโยงใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจว่า นกั เรยี นสามารถศกึ ษาประวตั ศิ าสตรจ์ ากหลกั ฐานทาง
ประวตั ศิ าสตรต์ ่างๆ

ขนั้ สอน

1. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจในประเภทของหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรว์ ่ามี 2 ประเภท ไดแ้ ก่ หลกั ฐาน
ชนั้ ตน้ และหลกั ฐานชนั้ รอง

2. นกั เรยี นรวมกลมุ่ เดมิ 4 คน แลว้ กาหนดหมายเลขประจาตวั ใหส้ มาชกิ แต่ละคน เป็นหมายเลข 1-4
3. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง ประเภทของหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ จากหนงั สอื เรยี น แลว้

บนั ทกึ ความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาลงในแบบบนั ทกึ การอ่าน
4. ครใู หน้ กั เรยี นทาแบบฝึกกจิ กรรมท่ี 3 โดยใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ ช่วยกนั คดิ หาคาตอบ และช่วยกนั อธบิ าย

คาตอบใหเ้ พอ่ื นสมาชกิ ในกล่มุ ของตนมคี วามเขา้ ใจอยา่ งชดั เจน
5. ครสู มุ่ เรยี กสมาชกิ หมายเลขใดหมายเลขหน่งึ ออกจากกลุ่ม เพ่อื ตอบคาถามและอธบิ ายใหส้ มาชกิ ทงั้ ชนั้ ฟัง

(สมาชกิ หมายเลขทไี่ ดร้ บั การสมุ่ เรยี กจากแต่ละกล่มุ จะมาตอบหรอื อธบิ ายคาตอบเรยี งกนั ไปตามหวั ขอ้ ที่
กาหนดในแบบฝึกกจิ กรรมจนครบทกุ ขอ้ ) จากนนั้ ครตู รวจสอบความถูกตอ้ ง

ขนั้ สรปุ

นกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ความแตกต่างประเภทของหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ วา่ แต่ละประเภทมขี อ้ ดี
ขอ้ ดอ้ ย และความสาคญั อย่างไรกบั การศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์

เรื่องที่ 5 แหล่งหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์

1 ชวั่ โมง

วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E)

ขนั้ ที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage)

ครนู าภาพมาใหน้ กั เรยี นดู แลว้ ใหน้ กั เรยี นบอกวา่ แหล่งหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรน์ ้อี ยทู่ ใ่ี ด นกั เรยี น
เคยเหน็ หรอื ไม่

ขนั้ ท่ี 2 สารวจค้นหา (Explore)

นกั เรยี นรวมกลมุ่ เดมิ 4 คน แลว้ ใหส้ มาชกิ แต่ละคนศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง แหล่งหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์
จากหนงั สอื เรยี น

ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)
นกั เรยี นแต่ละคนนาความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษามาอภปิ รายรว่ มกนั ภายในกลุ่ม และสรปุ ประเดน็ สาคญั

ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Expand)

ครมู อบหมายใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั แหล่งหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ น่ี กั เรยี นสนใจมา 1 แห่ง
แลว้ นามาวเิ คราะหแ์ ละตอบคาถามในใบงานที่ 1.3 เรื่อง แหล่งหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ เสรจ็ แลว้ นาสง่
ครู

ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
ครตู รวจสอบความรคู้ วามเขา้ ใจของนกั เรยี นจากการทาใบงานท่ี 1.3

เร่ืองท่ี 6 หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตรท์ ่ีใช้ในการ
ศึกษาประวตั ิศาสตรส์ มยั รตั นโกสินทร์
1 ชวั่ โมง

วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E)

ขนั้ ที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engage)

ครนู าภาพมาใหน้ กั เรยี นดู แลว้ ใหน้ กั เรยี นบอกวา่ ในภาพนนั้ คอื สถานทใ่ี ด จดั เป็นหลกั ฐานชนั้ ตน้ หรอื
หลกั ฐานชนั้ รอง

ขนั้ ท่ี 2 สารวจค้นหา (Explore)

นกั เรยี นแต่ละกล่มุ รว่ มกนั ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ ใ่ี ชใ้ นการ ศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์
สมยั รตั นโกสนิ ทร์ จากหนงั สอื เรยี น หอ้ งสมดุ และแหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ

ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain)

สมาชกิ แต่ละคนนาความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษามาอภปิ รายรว่ มกนั กบั สมาชกิ คนอ่นื ๆ ภายในกลุม่ และสรุป
ประเดน็ สาคญั

ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Expand)

1. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มดตู วั อยา่ งขอ้ มลู ทางประวตั ศิ าสตรท์ ไ่ี ดจ้ ากหลกั ฐานชนั้ ตน้ ในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ จาก
เอกสารประกอบการสอน แลว้ รว่ มกนั อภปิ รายวา่ ใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั อะไร

2. ครสู มุ่ เรยี กนกั เรยี น 2-3 กลุ่ม ออกมานาเสนอผลการอภปิ รายหน้าชนั้ เรยี น
3. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ช่วยกนั ทาใบงานที่ 1.4 เรื่อง หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตรส์ มยั รตั นโกสินทร์

ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)

1. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มผลดั กนั ออกมานาเสนอใบงานท่ี 1.4 หน้าชนั้ เรยี น ครตู รวจสอบความถกู ตอ้ ง
2. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรเู้ รอ่ื ง หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ ใ่ี ชใ้ นการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์

สมยั รตั นโกสนิ ทร์

เร่ืองที่ 7 การศึกษาประวตั ิศาสตรส์ มยั รตั นโกสินทร์
1 ชวั่ โมง

วิธีสอนโดยใช้ วิธีการทางประวตั ิศาสตร์

ขนั้ ท่ี 1 กาหนดประเดน็ ปัญหา

1. ครทู บทวนความรเู้ ดมิ เกย่ี วกบั หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ ใ่ี ชใ้ นการศกึ ษาประวตั ศิ าสตรส์ มยั
รตั นโกสนิ ทร์ จากนนั้ ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ จากคาตอบของนกั เรยี น

2. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง การศกึ ษาประวตั ศิ าสตรส์ มยั รตั นโกสนิ ทร์ จากหนงั สอื เรยี น
จากนนั้ รว่ มกนั อภปิ รายว่า หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์สมยั รตั นโกสนิ ทรส์ ามารถหาไดจ้ ากทใ่ี ดบา้ ง

 ครมู อบหมายให้นักเรยี นแต่ละกล่มุ กาหนดหวั ข้อท่ีสนใจเกี่ยวกบั ประวตั ิศาสตร์ มา 1 หวั ข้อ
จากนัน้ ใช้วิธีการทางประวตั ิศาสตรใ์ นการศึกษาเร่ืองราวและจดั ทาเป็นรายงาน แล้วออกมา

นาเสนอหน้าชนั้ เรียน โดยใหค้ รอบคลมุ ประเดน็ ตามทกี่ าหนด

ขนั้ ที่ 2 รวบรวมหลกั ฐาน

นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ วางแผนการทางาน และสบื คน้ ขอ้ มลู ตามประเดน็ ทก่ี าหนดจากแหลง่ หลกั ฐานทาง
ประวตั ศิ าสตรต์ ่างๆ แลว้ บนั ทกึ ผล

ขนั้ ท่ี 3 วิเคราะหแ์ ละประเมินคณุ ค่าข้อมลู

นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ นาผลการสบื คน้ ขอ้ มลู จากแหลง่ ขอ้ มลู ต่างๆ มาเปรยี บเทยี บ วเิ คราะห์ และประเมนิ ผล
จากขอ้ มลู ทไ่ี ดร้ วบรวมมา

ขนั้ ท่ี 4 ตีความและสงั เคราะห์

นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ นาผลสรปุ จากการวเิ คราะหแ์ ละประเมนิ ผลจากขอ้ มลู ทไ่ี ดร้ วบรวมมาตคี วามและ
สงั เคราะหว์ า่ ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากหลกั ฐานใดมคี วามสาคญั มคี วามน่าเช่อื ถอื ถูกตอ้ งตามเหตุการณ์มากกว่ากนั
แลว้ บนั ทกึ ขอ้ มลู

ขนั้ ที่ 5 นาเสนอข้อมลู

1. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มออกมารายงานผลการสบื คน้ ขอ้ มลู ในหวั ขอ้ ทก่ี ลุ่มสนใจหน้าชนั้ เรยี น
2. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั บอกประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั จากการสบื คน้ ขอ้ มลู และแนวทางในการนาความรไู้ ปปรบั ใช้

ใหเ้ กดิ ประโยชน์ในการดาเนินชวี ติ ประจาวนั

นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1

9 สื่อ/แหล่งการเรียนรู้

9.1 สือ่ การเรียนรู้

1) หนงั สอื เรยี น ประวตั ศิ าสตร์ ป.6
2) แบบวดั และบนั ทกึ ผลการเรยี นรู้ ประวตั ศิ าสตร์ ป.6
3) บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ Smart L.O. LMS Lite ประวตั ศิ าสตร์ ป.6 บรษิ ทั เพลยเ์ อเบลิ จากดั
4) เอกสารประกอบการสอน
5) บตั รภาพ
6) ใบงานท่ี 1.1 เรอ่ื ง วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์
7) ใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง การศกึ ษาเรอ่ื งราวในทอ้ งถนิ่
8) ใบงานท่ี 1.3 เรอ่ื ง แหล่งหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์
9) ใบงานท่ี 1.4 เรอ่ื ง หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรส์ มยั รตั นโกสนิ ทร์

9.2 แหล่งการเรียนรู้

1) แหลง่ หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์
2) แหลง่ หลกั ฐานในทอ้ งถนิ่
3) หอ้ งสมดุ
4) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ

- http://www.thailandmuseum.com

การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

แบบประเมินรายงาน เรอื่ ง การศึกษาประวตั ิศาสตร์

รายการประเมิน คาอธิบายระดบั คณุ ภาพ / ระดบั คะแนน

1. การอธิบาย ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1)
ความสาคญั ของ
วิธีการทาง อธบิ ายความสาคญั ของวธิ กี าร อธบิ ายความสาคญั ของวธิ กี าร อธบิ ายความสาคญั ของวธิ กี าร
ประวตั ิศาสตรใ์ น ทางประวตั ศิ าสตรใ์ น ทางประวตั ศิ าสตรใ์ น ทางประวตั ศิ าสตรใ์ น
การศกึ ษาเรอื่ งราว การศกึ ษาเร่อื งราวทาง การศกึ ษาเรอ่ื งราวทาง การศกึ ษาเร่อื งราวทาง
ทางประวตั ิศาสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ ไดถ้ ูกตอ้ ง ประวตั ศิ าสตร์ ไดถ้ กู ตอ้ ง ประวตั ศิ าสตร์ ได้
ชดั เจน เป็นสว่ นใหญ่ ถกู ตอ้ งเป็นสว่ นน้อย
2. การใช้วิธีการทาง
ประวตั ิศาสตรใ์ น ใชว้ ธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ใชว้ ธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ใชว้ ธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์
การศกึ ษาเรอ่ื งราว ในการสบื คน้ ขอ้ มลู ได้
ทางประวตั ิศาสตร์ ในการสบื คน้ ขอ้ มลู ไดค้ รบทงั้ ในการสบื คน้ ขอ้ มลู ได้ 1-2 ขนั้ ตอน

3. การนาเสนอข้อมูล 5 ขนั้ ตอน 3-4 ขนั้ ตอน

นาเสนอขอ้ มลู จากหลกั ฐานท่ี นาเสนอขอ้ มลู จากหลกั ฐาน นาเสนอขอ้ มลู จากหลกั ฐาน
หลากหลาย มเี หตผุ ลประกอบ เพยี งอย่างเดยี ว แต่มเี หตุผล เพยี งอย่างเดยี ว แต่ไม่มี
น่าสนใจ มแี หลง่ อา้ งองิ ชดั เจน ประกอบ และมแี หลง่ อา้ งองิ เหตุผลประกอบ และไมม่ ี
แหล่งอา้ งองิ

ช่วงคะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ต่ากว่า 5
ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรงุ
8-9 5-7
ดี พอใช้

แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1

คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบท่ถี ูกต้องท่สี ุดเพยี งข้อเดียว

1. ขอ้ ใดไมใ่ ช่หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ เ่ี ป็นหลกั ฐาน 6. วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตรใ์ นขนั้ ตอนใดทช่ี ว่ ยใหผ้ ศู้ กึ ษา
ใชห้ ลกั ฐานทถ่ี กู ตอ้ ง
ชนั้ ตน้ ก. กาหนดหวั ขอ้
ก. ตานาน ข. รวบรวมหลกั ฐาน
ข. โบราณสถาน ค. ตรวจสอบหลกั ฐาน
ค. ภาพถ่าย ง. เรยี บเรยี งและนาเสนอ
ง. โบราณวตั ถุ
2. หลกั ฐานชนั้ รองทางประวตั ศิ าสตร์ คอื ขอ้ ใด 7. พงศาวดารเป็นขอ้ มลู ทเ่ี น้นเรอ่ื งใด
ก. ภาพถ่าย ก. พระมหากษตั รยิ ์
ข. อนุสาวรยี ์ ข. สามญั ชน
ค. ปราสาทหนิ ค. พระสงฆ์
ง. เคร่อื งทองเกา่ ง. ชาวนา
3. ขอ้ ใดไมใ่ ช่วธิ กี ารหาความรทู้ างประวตั ศิ าสตร์
8. “เรอ่ื ง พระยากง พระยาพาน” เป็นขอ้ มลู ทาง
ก. การกาหนดหวั ขอ้ ประวตั ศิ าสตรป์ ระเภทใด
ข. การรวบรวมขอ้ มลู ก. จารกึ
ค. การนาเสนอขอ้ มลู ข. จดหมายเหตุ
ง. การสรา้ งหลกั ฐานเอง ค. พงศาวดาร
4. ใครอยใู่ นขนั้ ตอนสดุ ทา้ ยของวธิ กี ารหาความรทู้ าง ง. ตานาน
ประวตั ศิ าสตร์
ก. พกิ ุลนาเสนอขอ้ มลู 9. โบราณสถานในภาคเหนอื คอื ขอ้ ใด
ข. มะลคิ น้ ควา้ ในหอ้ งสมุด ก. พระธาตุพนม
ค. กุหลาบตคี วามหลกั ฐาน ข. พระปฐมเจดยี ์
ง. ชบาวเิ คราะหข์ อ้ ความในจารกึ ค. พระธาตหุ รภิ ุญชยั
5. ขอ้ ใดไมใ่ ช่แหล่งคน้ ควา้ ขอ้ มลู ทางประวตั ศิ าสตร์ ง. พระบรมธาตุไชยา

ก. หอ้ งสมุด 10. ใครไมอ่ ยใู่ นขนั้ ตอนของการสบื คน้ หลกั ฐาน
ข. พพิ ธิ ภณั ฑ์
ค. วดั สมยั อยธุ ยา ก. วาสนาอา่ นจารกึ
ง. หา้ งสรรพสนิ คา้ ข. ประยงคใ์ ชแ้ บบสอบถาม
ค. ซอ่ นกลนิ่ สมั ภาษณ์ชาวบา้ น
ง. ตนั หยงเลอื กหวั ขอ้ การศกึ ษา

มฐ. ส 4.1 ป.6/1-2
ไดค้ ะแนน คะแนนเตม็

10

เฉลย
1. ก 2. ข 3. ง 4. ก 5. ง 6. ค 7. ก 8. ง 9. ค 10. ง

แบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1

คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบท่ถี ูกต้องท่สี ุดเพยี งขอ้ เดียว

1. วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตรใ์ นขนั้ ตอนใดทช่ี ว่ ยใหผ้ ศู้ กึ ษา 6. หลกั ฐานชนั้ รองทางประวตั ศิ าสตร์ คอื ขอ้ ใด
ใชห้ ลกั ฐานทถ่ี ูกตอ้ ง ก. เคร่อื งทองเก่า
ก. เรยี บเรยี งและนาเสนอ ข. ปราสาทหนิ
ข. ตรวจสอบหลกั ฐาน ค. อนุสาวรยี ์
ค. รวบรวมหลกั ฐาน ง. ภาพถ่าย
ง. กาหนดหวั ขอ้
7. ขอ้ ใดไมใ่ ช่แหล่งคน้ ควา้ ขอ้ มลู ทางประวตั ศิ าสตร์
2. ใครอยใู่ นขนั้ ตอนสดุ ทา้ ยของวธิ กี ารหาความรทู้ าง ก. วดั สมยั อยธุ ยา
ประวตั ศิ าสตร์ ข. หา้ งสรรพสนิ คา้
ก. ชบาวเิ คราะหข์ อ้ ความในจารกึ ค. พพิ ธิ ภณั ฑ์
ข. กุหลาบตคี วามหลกั ฐาน ง. หอ้ งสมดุ
ค. มะลคิ น้ ควา้ ในหอ้ งสมุด
ง. พกิ ุลนาเสนอขอ้ มลู 8. “เร่อื ง พระยากง พระยาพาน” เป็นขอ้ มลู ทาง
ประวตั ศิ าสตรป์ ระเภทใด
3. ใครไมอ่ ยใู่ นขนั้ ตอนของการสบื คน้ หลกั ฐาน ก. จดหมายเหตุ
ก. ตนั หยงเลอื กหวั ขอ้ การศกึ ษา ข. พงศาวดาร
ข. ซ่อนกลน่ิ สมั ภาษณ์ชาวบา้ น ค. ตานาน
ค. ประยงคใ์ ชแ้ บบสอบถาม ง. จารกึ
ง. วาสนาอ่านจารกึ
9. พงศาวดารเป็นขอ้ มลู ทเ่ี น้นเร่อื งใด
4. ขอ้ ใดไมใ่ ช่วธิ กี ารหาความรทู้ างประวตั ศิ าสตร์ ก. ชาวนา
ก. การสรา้ งหลกั ฐานเอง ข. พระสงฆ์
ข. การนาเสนอขอ้ มลู ค. สามญั ชน
ค. การกาหนดหวั ขอ้ ง. พระมหากษตั รยิ ์
ง. การรวบรวมขอ้ มลู
10. โบราณสถานในภาคเหนือ คอื ขอ้ ใด
5. ขอ้ ใดไมใ่ ช่หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ เ่ี ป็นหลกั ฐาน ก. พระบรมธาตุไชยา
ชนั้ ตน้ ข. พระธาตหุ รภิ ุญชยั
ก. โบราณสถาน ค. พระปฐมเจดยี ์
ข. โบราณวตั ถุ ง. พระธาตุพนม
ค. ภาพถ่าย
ง. ตานาน มฐ. ส 4.1 ป.6/1-2

เฉลย ไดค้ ะแนน คะแนนเตม็

1. ข 2. ง 3. ก 4. ก 5. ง 10

6. ค 7. ข 8. ค 9. ง 10. ข

แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 1 วิธีการทางประวตั ิศาสตร์

(1) 1 ชวั่ โมง

1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ เป็นขนั้ ตอนทส่ี าคญั ชว่ ยใหเ้ ราไดข้ อ้ มลู ทางประวตั ศิ าสตรท์ ม่ี คี วามถูกตอ้ ง
เทย่ี งตรง สมบรู ณ์ และมคี วามน่าเช่อื ถอื

2 ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

2.1 ตวั ช้ีวดั
ส 4.1 ป.6/1 อธบิ ายความสาคญั ของวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตรใ์ นการศกึ ษาเร่อื งราวทางประวตั ศิ าสตรอ์ ยา่ ง

ง่ายๆ
2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1) อธบิ ายความสาคญั ของวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตรไ์ ด้
2) บอกขนั้ ตอนของวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตรไ์ ด้

3 สาระการเรียนรู้

3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

- ความหมายและความสาคญั ของวธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตรอ์ ยา่ งงา่ ยๆ ทเ่ี หมาะสมกบั นกั เรยี น

3.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถิน่

(พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา)

4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน

4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
4.2 ความสามารถในการคิด

1) ทกั ษะการวเิ คราะห์
2) ทกั ษะการเช่อื มโยง
3) ทกั ษะการใหเ้ หตุผล

4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต

5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน

6 กิจกรรมการเรียนรู้

วิธีสอนโดยการจดั การเรียนรแู้ บบร่วมมอื : เทคนิ คค่คู ิดส่ีสหาย

นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1

ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรยี น

สอ่ื การเรยี นรู้ : บตั รภาพ

1. ครนู าภาพวดั ศรชี มุ จ. สโุ ขทยั มาใหน้ กั เรยี นดู แลว้ ตงั้
ประเดน็ คาถามถามนกั เรยี น เชน่
- จากภาพเป็นสถานทใ่ี ด
- ภาพน้มี คี วามสาคญั อยา่ งไร

2. ครอู ธบิ ายเช่อื มโยงใหน้ กั เรยี นเหน็ ถงึ ความสาคญั ของการ
ศกึ ษาเรอ่ื งราวทางประวตั ศิ าสตร์ และวธิ กี ารศกึ ษาคน้ ควา้
ขอ้ มลู โดยใชว้ ธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์

ขนั้ สอน คาถามกระต้นุ ความคิด

สอ่ื การเรยี นรู้ :  นักเรียนสามารถสืบค้นเรือ่ งราวทาง
ประวตั ิศาสตรไ์ ด้โดยวิธีใดบ้าง
1. หนงั สอื เรยี น ประวตั ศิ าสตร์ ป.6 2. บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ (เช่น ไปดสู ถานทจี่ รงิ คน้ ควา้ ขอ้ มลู จากหนงั สอื
เป็นตน้ )
1. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุน้ ความคดิ
2. ครแู บ่งนกั เรยี นเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 4 คน คละกนั ตามความ

สามารถ คอื เก่ง ปานกลางคอ่ นขา้ งเก่ง ปานกลางคอ่ นขา้ ง
ออ่ น และอ่อน จากนนั้ สมาชกิ แต่ละกลมุ่ ร่วมกนั ศกึ ษา
ความรู้ เร่อื ง วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ จากหนงั สอื เรยี นหรอื
บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ Smart L.O. LMS Lite โดยให้
นกั เรยี นจบั ค่กู บั สมาชกิ ภายในกลุม่ เป็น 2 คู่ และใหแ้ ต่ละคู่
ศกึ ษาตามหวั ขอ้ ทก่ี าหนด ดงั น้ี
- ค่ทู ่ี 1 ศกึ ษาขนั้ ตอนท่ี 1 การกาหนดหวั ขอ้ ทส่ี นใจ
- คทู่ ่ี 2 ศกึ ษาขนั้ ตอนท่ี 2 การรวบรวมหลกั ฐาน
3. เม่อื นกั เรยี นแต่ละคนศกึ ษาความรูจ้ นเขา้ ใจแลว้ ใหผ้ ลดั กนั
อธบิ ายความรทู้ ไ่ี ดก้ บั เพ่อื นทเ่ี ป็นคจู่ นมคี วามเขา้ ใจตรงกนั
4. นกั เรยี นแต่ละคกู่ ลบั มารวมกลมุ่ เดมิ (4 คน) แลว้ ผลดั กนั
อธบิ ายองคค์ วามรใู้ หส้ มาชกิ อกี คหู่ น่งึ ภายในกลุ่มฟัง
และซกั ถามขอ้ สงสยั ครคู อยใหค้ วามช่วยเหลอื

ขนั้ สรปุ

สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ : —

ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรเู้ รอ่ื ง วธิ กี ารทาง
ประวตั ศิ าสตร์ ในขนั้ ตอนของการกาหนดหวั ขอ้ ทน่ี ่าสนใจ และการ
รวบรวมหลกั ฐาน

7 การวดั และประเมินผล

วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์

ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 (ประเมนิ ตามสภาพจรงิ )

ประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมนั่ ในการ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ทางาน

8 ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้

8.1 สือ่ การเรียนรู้

1) หนงั สอื เรยี น ประวตั ศิ าสตร์ ป.6
2) บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ Smart L.O. LMS Lite ประวตั ศิ าสตร์ ป.6 บรษิ ทั เพลยเ์ อเบลิ จากดั
3) บตั รภาพ

8.2 แหลง่ การเรยี นรู้



บตั รภาพ 

ภาพวดั ศรชี มุ จ. สโุ ขทยั
ที่มา : http://www.oknation.net/blog/print.php?id=647647

แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน

 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น

 ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

 ดา้ นอ่นื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ ม)ี )

 ปัญหา/อุปสรรค
 แนวทางการแกไ้ ข

ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศึกษาหรอื ผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ

ลงชอ่ื )
(

ตาแหน่ง


Click to View FlipBook Version