The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by atitayawaiprip, 2019-02-09 03:00:06

กฎหมายธุรกิจ เรื่อง ฝากทรัพย์

กฎหมายธุรกิจ Business law
รหัสวชิ า 3200-9001
หนว่ ยท่ี 7 ฝากทรัพย์

1

ฝากทรัพย์

สัญญาฝากทรัพย์ คือ สัญญาท่ีคู่กรณีสองฝ่ายหน่ึง คือ ผู้ฝาก กับผู้รับฝาก
ทรัพย์สิน โดยตกลงจะรักษาทรัพย์สินที่ฝากไว้แล้วจะคืนให้จะเป็นสัญญาต่างตอบแทน
หรือไม่ สุดแต่คู่สัญญาจะตกลงกัน แต่ถ้าผู้รับฝากเรยี กเก็บค่าบาเหน็จ ค่ารับฝากนั้น ถือ
เป็นสัญญาต่างตอบแทน ผู้รับฝากทีหน้าท่ีต้องรักษาสงวนทรัพย์สินนั้นอย่างระมัดระวัง
เช่นวิญญูชนท่ีพึงประพฤติและต้องส่งคืนผู้ฝากเม่ือครบกาหนดหรือเม่ือผู้ฝากเม่ือผู้ฝาก
เรยี กคืน และถ้ามีคา่ ฝากหรือคา่ บารงุ รกั ษาทรพั ยผ์ รู้ บั ฝากมสี ิทธิเรยี กจากผู้ฝากได้

ส่วนการรับฝากเงนิ น้นั แตกต่างจากการการฝากทรพั ย์อ่นื คือผู้รับฝากไม่ตอ้ งคนื
เงินตรา อนั เดยี วกันกับที่รับฝากและสามารถเอาเงินทฝ่ี ากน้นั ออกใช้ได้

ความหมายของฝากทรพั ย์
ปพพ. มาตรา 657 อ่านว่าฝากทรัพย์น้ันคือ สัญญาซึ่งบุคคลหนึ่ง เรียกว่าผู้ฝาก

ส่งมอบทรัพย์สนิ ให้แก่บุคคลอีกคนหน่ึงเรียกว่าผู้รบั ฝาก รับผู้รับฝากต้องว่าจะเก็บรักษา
ทรัพยน์ ้นั ไว้ในอารักขาแหง่ ตนแล้วจะคนื ให้

2

สาระสาคัญของสัญญาฝากทรพั ย์
1) เป็นสัญญาซึ่งมีคู่กรณีเป็น 2 ฝ่ายคือผู้ฝากและผู้รับฝาก แล้วจะเป็นสัญญา

ต่างตอบแทนหรือไม่ก็ได้ในกรณีการรักษาทรัพย์นั้นเป็นการทาให้เปล่าไม่มีค่าตอบแทน
สัญญาฝากทรัพย์นั้นก็เป็นสัญญาไม่ต่างตอบแทนแต่ถ้าสัญญาฝากทรัพย์น้ันผู้รับฝาก
คา่ จ้างรับส่ังสญั ญาฝากทรัพย์มันกเ็ ป็นสัญญาต่างตอบแทน

2) วัตถุประสงค์ของสัญญาฝากทรัพย์คือผู้รับสารต้องตกลงว่าจะเก็บรักษา
ทรัพย์สินนั้นไว้ในอารักขาแห่งตนเองให้เช่าส่งมอบทรัพย์สินให้โดยไม่มีข้อตกลงเช่นวัน
นนั้ สัญญาน้นั ไมใ่ ชส่ ัญญาฝากทรพั ย์

3) สญั ญาฝากทรพั ย์เปน็ สญั ญาประเภทสมบรู ณเ์ มื่อส่งมอบทรัพย์สนิ

สทิ ธแิ ละหน้าท่ีของผรู้ บั ฝาก
หน้าท่ขี องผรู้ ับฝาก

1) หน้าที่ในการสงวนทรัพย์สินที่ฝ่ายกฎหมายได้กาหนดให้เป็นหน้าท่ีของผู้รับ
สารทจี่ ะตอ้ งใชค้ วามระมดั ระวังและสง่ิ มีเพศสัมพนั ทรัพยส์ ินของผูฝ้ ากไว้ 3 กรณดี งั น้ี

1.1) ในกรณที ่สี ัญญาฝากทรพั ยไ์ มม่ บี าเหน็จคา่ ฝาก ผรู้ ักษาตอ้ งปฏิบตั ิเหมอื น
ทีเ่ คยประพฤตใิ นกิจการของตนเอง

1.2) ในกรณีท่ีสัญญาฝากทรัพย์มีบาเหน็จข้าฝาก ผู้รับฝากต้องใช้ความ
ระมัดระวังในการส่งเสริมทรัพย์สิน เหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติการณ์
เช่นน้ันรวมท้ังต้องใชฝ้ ีมือพเิ ศษ เพราะกนั ในที่จะพ่ึงใชฝ้ มี ือดว้ ย

1.3) ในกรณีที่สัญญาฝากทรัพย์ มีบาเหน็จค่าฝากและผู้รับฝากเป็น
ผู้ประกอบการรับฝากทรัพย์เป็นอาชีพโดยเฉพาะ ผู้รักษาต้องใช้ความระมัดระวังและใช้
ฝีมือเท่าท่ีเป็นธรรมดาจะตอ้ งใชแ้ ละสมควรจะต้องใชใ้ นกจิ การคา้ ขายหรืออาชพี น้ัน

3

2) หน้าที่เก็บรักษาทรัพย์สินท่ีสามด้วยตนเองผู้รับฝากเอาทรัพย์สินที่รับฝากไว้ไปให้
บุคคลภายนอกเก็บรักษา หรือจะเอาทรัพย์สินท่ีสั่งออกมาใช้สอย ตึกแถวให้
บคุ คลภายนอกใช้สอยหาผ้รู ับฝากไมป่ ฏบิ ัตติ ามหน้าที่ดังกลา่ วจะต้องรับผิดเมอ่ื ทรัพย์สิน
น้ันสูญหายหรือบุบสลายไปแม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัยเล่นแต่พิ สูจน์ได้ว่าอย่างไร
ทรัพยส์ ินนัน้ ก็ตอ้ งสญู หายหรือบุบสลายอยู่น่ันเองก็ไมต่ ้องรับผดิ

3) หน้าท่ีต้องบอกกล่าวแก่ผู้ฝากโดยพลัน หักทรัพย์สินนั้นถูกฟ้องหรือถูกยึด
ป.พ.พ. มาตรา661 ถ้าบุคคลภายนอกอ้างว่ามีสิทธิเหนือทรัพย์สินซ่ึงฝากและย่ืนฟ้อง
ผ้รู บั ฝากก็ดีหรือยดึ ทรพั ยส์ นิ นั้นกด็ ผี ้รู ัยฝากตอ้ งรบี บอกกลา่ วแก่ผู้ฝากโดยพลัน

4) หนา้ ทีต่ ้องคนื ทรพั ย์สนิ ทฝี่ ากอยใู่ ห้ผฝู้ ากดงั น้ี
4.1) คืนเม่ือครบกาหนดระยะเวลาปพพ. มาตรา 62 ถ้าได้กาหนดเวลากันไว้

ว่าจะพึงคืนทรัพย์สินเช่ือฟังน้ันเม่ือไหร่ท่านว่าผู้รับฝากไม่มีสิทธ์ิจะคืนทรัพย์สินก่อนถึง
เวลากาหนดเวน้ แต่ในเหตุจาเป็นอันมิอาจจะก้าวลว่ งได้

4.2) คืนเม่อื ผฝู้ ากเรยี กคนื ปพพ. มาตรา 663 ถึงแมว้ า่ คู่สญั ญาจะกาหนดเวลา
ไวว้ ่าจะเพิม่ ข้นึ ทรัพย์สนิ ซ่งึ สั่งนัน้ เม่ือไหร่ก็ตามถา้ ว่าผฝู้ ากจะเรียกคนื ในเวลาใดผรู้ ับฝาก
กต็ ้องคนื ให้

4.3) เมื่อไม่กาหนดระยะเวลาไว้ข้ึนเมื่อไหร่ก็ได้ปพพ. มาตรา 664 ถ้า
คู่สัญญาไม่ได้กาหนดเวลาไว้ว่าจะถึงคืนทรัพย์สินซึ่งจากน้ันเมื่อไหร่ผู้รับสะอาดคืน
ทรัพย์สินนั้นไดท้ กุ เมื่อ

4

5) หนา้ ท่คี นื ดอกผลอนั เกิดจากทรัพยส์ ินท่ีฝากปพพ. มาตรา๖๖๖เมอ่ื คืนทรัพยถ์ ้ามี
ดอกผลเกดิ จากทรพั ยส์ นิ ซ่งึ ฝากไปเทา่ ไหร่ผรู้ ับฝากจาตอ้ งสง่ มอบทรพั ยส์ ินพรอ้ มกับ
ทรัพยส์ ินนนั้ ด้วยดอกผลที่เป็นดอกผลธรรมดาและดอกผลนติ ินยั
สทิ ธขิ องผู้รับฝาก

5.1) ส่งคืนทรพั ยส์ ินทสี่ ามเมอื่ ไหร่กไ็ ด้หากมไิ ด้มกี าหนดเวลาในการฝากใน
สญั ญา

5.2) เรียกคืนทรัพย์สินที่ฝากจากผู้ฝากปพพ. มาตรา 667 ข้ึนทรัพย์สินซึ่ง
ฝากนัน้ ย่อมตกแก้ผู้ฝากเปน็ ผูเ้ สีย

5.3) เรียกค่าบารุงรักษาทรัพย์สินซึ่งผู้รับฝากจ่ายไปในการบารุงรักษา
ทรัพย์สินปพพ. มาตรา 68 ค่าใช้จ่ายใดๆอันควรแก่การบารุงรักษาทรัพย์สินซ่ึงฝากนั้นผู้
ฝากจาต้องชดใช้ให้แก่ผู้รับฝากเว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้ว่าด้วยสัญญาฝากทรัพย์ว่าผู้รับ
ฝากจะตอ้ งออกเงินคา่ ใช้จา่ ยมันเอง

5.4) เด๋ียวผมเด็กค่าฝากทรัพย์ปพพ. มาตรา๖๖๙ถ้าไม่ได้กาหนดเวลาในการ
สัญญาหรือไม่มีกาหนดโดยจารีตประเพณีว่าบาเหนจ็ ข้าฝากทรัพย์น้ันจะพงึ ชาระเม่ือไหร่
ท่านให้ชาระคืนทรพั ย์สินซึ่งฝากถ้าได้กาหนดเวลากนั ไว้ในระยะอยา่ งไรก็พึงชาระเมอ่ื สน้ิ
ระยะเวลานนั้ ทกุ คราวไป

5.5) หยุดหน่วงทรัพย์สินที่ฝากผู้ฝากมีสิทธิ์ยึดหน่วงทรัพย์สินที่ได้รับฝากไว้
จนกว่าจะได้รบั เงินทีเ่ ก่ียวกับการฝากทรัพยจ์ ากผฝู้ าก
การคืนทรัพยส์ นิ ท่ีฝาก
เม่ือผูร้ ับฝากตอ้ งคนื ทรพั ยส์ ินท่ฝี าก ผรู้ ับฝากต้องคืนให้แก่บคุ คลตา่ งๆ ตามทีม่ าตรา 665
กาหนดไว้ดังน้ี

1) คืนใหแ้ ก่ผฝู้ ากหรอื ตวั แทนของผ้ฝู ากทม่ี อี านาจรบั ทรพั ยส์ ินน้ันได้
2) คืนให้แก่บุคคลผู้มีชื่อเป็นผู้ฝากในกรณีท่ีผู้ฝากได้สักทรัพย์สินในนามของผู้มี
ชื่อนน้ั

5

3) คืนให้แก่บุคคลที่ผู้ฝากไว้หรือผู้ฝากได้ให้คาสั่งโดยชอบให้ผู้รับฝากซ้ือแก่ผู้ใด
ผรู้ บั สารทม่ี หี น้าท่ีคือทรพั ยส์ ินท่สี รา้ งใหแ้ ก่บคุ คลน้ันโดยตรง

4) คนื ให้แกท่ ายาทของผ้ฝู ากเพอ่ื ผู้ฝากไดต้ ามกฎหมาย

การฝากทรพั ย์เฉพาะกรณี
การฝากทรัพย์เฉพาะกรณคี อื การฝากทรัพยท์ ี่มกี ฎหมายกาหนดหลักเกณฑ์ไว้เป็น

การเฉพาะได้แก่ การฝากเงิน และการฝากของในโรงแรม
การฝากเงินคือการนาเงินไปฝากไว้กับผู้รับฝากธนาคารหรือองค์กรต่างๆโดยการ

ฝากเงนิ ในลกั ษณะนจี้ ะมงุ่ เน้นท่มี ลู คา่ เงินมากกว่าคุณคา่ ขอเงนิ ตรานั้นๆไมไ่ ด้หมายความ
ถึงการฝากเงนิ ธนบัตรโบราณเหรยี ญโบราณซ่ึงแบบน้กี ็ใช้หลกั เกณฑ์การฝากทรัพย์ทัว่ ไป
การฝากเงินกฎหมายกาหนดหลกั เกณฑ์ดังนี้

1) ผู้รับฝากไม่จาเป็นต้องคืนเงินตราฉบับเดียวกับท่ฝี ากแต่ต้องคนื เงินให้ครบตาม
จานวนทฝี่ าก

2) ผรู้ บั ฝากสามารถใชเ้ งินทีฝ่ ากกไ็ ดแ้ ตเ่ พยี งต้องคนื ให้ครบถ้วนเท่านัน้
คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 1795/2541
จาเลยเป็นธนาคารผู้รับฝากเงินเป็นอาชีพโดยหวังผลประโยชน์ในการเอาเงินฝากของผู้
ฝากไปแสวงหาผลประโยชน์จะต้องใช้ความระมัดระวังและความรู้ความชานาญเป็น
พิเศษตรวจสอบลายมือชื่อผู้จ่ายว่าเหมือนลายมือช่ือท่ีให้ตัวอย่างไว้แก่จาเลยหรือไม่
ฉะน้ัน เมื่อไม่ปรากฏว่าจาเลยได้ใช้ความระมัดระวังและความรู้ความชานาญดังกล่าวแต่
อย่างใด การที่จาเลยได้จ่ายหรือหักบัญชีเงินฝากของโจทก์ให้บุคคลอนื่ ไปจึงถอื ได้ว่าเป็น
ความประมาทเลินเล่อของจาเลย ขณะท่ีบัญชีของโจทก์ยังเดินสะพัดอยู่น้ันโจทก์ยังไม่
ทราบว่ามีผู้ปลอมลายมือชื่อโจทก์ส่ังจ่ายเช็คพิพาทนาไปเบิกเงินหรือเรียกเก็บเงินจาก
จาเลย โจทก์มาทราบหลงั จากที่ไดช้ าระหน้ีให้แก่จาเลยครบถ้วนแล้ว โจทก์ไปตรวจสอบ
เช็คต่าง ๆที่มีผู้นาไปเรียกเก็บเงินจากจาเลยจึงทราบว่ามีผู้ลงลายมือช่ือโจทก์ปลอมใน

6

เช็คพิพาทดังน้ี การท่ีโจทก์ยอมรับรองเรื่องหนี้เงินที่เบิกเกินบัญชี จะถือว่าโจทก์ยอมรบั
หนี้ตามเชค็ พพิ าทปลอมดว้ ยหาไดไ้ ม่ โจทก์จงึ มใิ ชผ่ ูต้ ้องตัดบทมิใหย้ กขอ้ ลายมือชื่อปลอม
ข้ึนเป็นข้อต่อสู้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1008 วรรคแรก เมื่อเช็ค
พิพาทเป็นเช็คที่มีผู้ปลอมลายมือช่ือโจทก์ผู้ส่ังจ่ายจาเลยย่อมต้องรับผิดใช้เงินตามเช็ค
พพิ าทแก่โจทก์ตามมาตรา 1008 วรรคแรก จาเลยได้จา่ ยเงนิ ตามเช็คทีม่ ลี ายมือช่ือโจทก์
ปลอมรวม 54 ฉบับ และหักเงินจากบัญชีของโจทก์พรอ้ มคิดดอกเบ้ียทบต้นเอาแก่โจทก์
ตลอดมา ดังนี้นอกจากต้องคืนเงินตามเช็คท้ัง54 ฉบับ แก่โจทก์แล้ว จาเลยยังต้องคืน
ดอกเบี้ยดงั กล่าวให้แกโ่ จทก์ด้วย
การฝากของในโรงแรม

1) ความหมายของคาว่า เจ้าสานักโรงแรม คนเดินทางหรือแขกอาศัย คือ เจ้า
สานักโรงแรม หมายถึง บรรดาผู้ควบคุมและจัดการสถานที่ทุกชนิดที่จัดตั้งขึ้นเพ่ือรับ
สินจ้างสาหรับคนเดินทาง หรือบุคคลที่ประสงค์จะหาท่ีอยู่ หรือ พักชั่วคราวคนเดินทาง
หรือ แขกอาศัย หมายถึง บุคคลผู้ที่มาพักอาศัยในโรงแรมหรือสถานท่ีทานองเดียวกัน
โดยเสยี ค่าพักอาศัย
2)เจ้าสานักต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใด ๆ อันเกิดแก่ทรัพย์ซึ่งคน
เดนิ ทาง หรือแขกอาศยั หากไดพ้ ามา
3)ขอบขา่ ยของความรบั ผดิ ชอบของเจ้าสานกั มีเพยี งใด (มาตรา 675 – 676)

3.1) กรณไี ม่ไดฝ้ ากทรัพย์สินไว้กบั เจา้ สานักโรงแรม
(ก) รับผิดโดยไม่จากัดจานวน เจ้าสานักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทาง
หรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายอย่างใด ๆ แม้ถึงว่าความสูญหายนั้นจะเกิดข้ึน
เพราะผ้คู นไปมาเขา้ ออก ณ โรงแรมโฮเตล็ หรือสถานท่เี ชน่ นัน้ ก็ตอ้ งรับผดิ

(ข) รับผิดจากัดจานวน หากความสูญหายบุบสลาย ดังกล่าวข้างต้นน้ัน
เกี่ยวกับ สิ่งต่อไปน้ี กฎหมายกาหนดความรับผิดชอบของเจ้าสานักไว้เพียง 500 บาท
เท่านน้ั คือ

7

(1) เงินตรา (2) ธนบัตร (3) ต๋ัวเงิน (4) พันธบัตร (5) ใบหุ้น (6) ใบหุ้นกู้
(7) ประทวนสินค้า (8) อัญมณี หรือ (9) ของมีค่าอื่น ๆ เช่น แหวนเพชร สายสร้อย
ทองคาเปน็ ต้น

3.2) กรณีฝากทรัพย์สินไว้กับเจ้าสานักและได้บอกราคา แห่งของน้ันไว้ชัดแจ้ง
หากทรพั ย์สนิ นัน้ สูญหายบุบสลายเจา้ สานกั ต้องรบั ผดิ ตามราคาแห่งทรพั ย์สนิ น้ัน

4) ขอ้ ความยกเวน้ หรือจากดั ความรับผดิ ชอบของเจ้าสานักปดิ ไว้มีผลเพยี งไร
หลัก คาแจ้งความท่ีปิดไว้ในโรงแรม โฮเต็ล หรือสถานที่อื่นทานองเช่นว่าน้ีมีข้อความ
ยกเว้นหรอื จากัดความรับผดิ ของเจ้าของสานัก ข้อความดังกล่าวน้ันเป็นโมฆะ เว้นแตค่ น
เดินทาง หรือ แขกอาศัยจะได้ตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจากัดความรับผิดชอบ
นน้ั

5) อายุความฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทน จากเจ้าสานักอันเก่ียวกับทรัพย์สิน
ของ คนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลาย ต้องฟ้องเจ้าสานักภายใน 6 เดือน
นับแตว่ นั ทต่ี น ออกจากสถานท่ีนน้ั

6)ขอ้ ยกเวน้ ความรับผิดชอบของเจ้าสานักโรงแรม
6.1)กรณีทั่วไปซึ่งเจ้าสานกั ไม่ต้องรับผดิ ชอบ กรณีท่ีความสญู หายหรือบุบสลาย
ท่ีเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัย ในกรณีต่อไปน้ีเจ้าสานักไม่ต้องรับ
ผดิ คอื

(1) เหตุสุดวิสัย เช่น เกิดแผ่นดินไหวทาให้ตึกโรงแรมถล่มพังทลายทับ
ทรพั ยส์ นิ ของผู้เดินทางสญู หายหมด

(2) สภาพแหง่ ทรพั ย์นั้นเอง เชน่ ของเนา่ ของเสยี ง่าย
(3) ความผิดของคนเดินทาง หรือแขกอาศัยเอง
(4) ความผดิ ของบริวารของคนเดินทางหรอื แขกอาศยั เช่น คนใช้ลักทรพั ย์
นายจา้ ง

8

(5) ความผิดของบุคคล ซ่ึงคนเดินทางหรือแขกอาศัยได้ต้อนรับ เช่น มีผู้มา
เยี่ยมคนเดินทางมาถงึ ทห่ี ้องพกั แลว้ แอบขโมยทรัพย์สนิ ของคนเดินทางไป ทั้งนี้เน่อื งจาก
คนเดนิ ทางไดต้ ้อนรับ บคุ คลเหลา่ น้เี อง ทางเจา้ ของโรงแรมเองจึงไม่ต้องรับผิด

6.2)กรณีซ่ึงคนเดินทางหรือแขกอาศัยไม่ปฏิบัติหน้าท่ีตามกฎหมาย เช่นมิได้
กาหนดราคาทรัพย์ซึ่งได้นาฝาก หรือเมื่อพบเห็นวา่ สูญหายหรือบุบสลายข้ึน คนเดินทาง
หรือแขกอาศัยตอ้ งแจ้ง ต่อเจา้ สานักทนั ทมี ิฉะนน้ั เจา้ สานกั ยอ่ มพน้ ความรับผิด

7) สิทธิของเจ้าสานักโรงแรม
7.1)สิทธิยึดหน่วงเครื่องเดินทางหรือทรัพย์สินอย่างอื่น ของคนเดินทางหรือ

แขกอาศัยมสี าระสาคัญดังนี้
(1) ลักษณะสิทธิยึดหน่วงในเร่ืองวิธีการ เฉพาะสาหรับเจ้าสานักโรงแรมนี้

แตกตา่ ง กบั หลักการยดึ หนว่ งทวั่ ไป
(2) หนีอ้ นั เจา้ สานกั ใช้สทิ ธิยึดหน่วงได้
1) หนที้ ค่ี า้ งชาระคา่ พกั อาศัย
2) หน้ีค้างค่าชาระเพื่อการอื่น ๆ อันเจ้าสานักได้ทาให้แก่คนเดินทางหรือ

แขกอาศัยตามต้องการ
3) หนีค้ ้างชาระท่เี จา้ สานักออกทดแทนไป

(3) ลกั ษณะทรพั ยส์ ินทเี่ จา้ สานกั มีสทิ ธิยึดหน่วงไดม้ ีองคป์ ระกอบ 2 ประการ
1) ตอ้ งเปน็ ทรพั ย์สนิ ของคนเดนิ ทางหรอื แขกอาศยั
2) ต้องเปน็ ทรพั ยส์ นิ ซ่งึ คนเดินทางหรอื แขกอาศยั ได้นามาไวใ้ นโรงแรมฯ

(4) เจ้าสานักมีสิทธิยึดหน่วงทรัพย์สินไว้จนกว่าจะได้รับใช้เงินบรรดาที่ค้าง
แก่ตน
คาพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 1370/2526
ความรับผดิ ของเจา้ สานกั โรงแรมเพื่อทรพั ยส์ นิ ของคนเดนิ ทางหรือแขกอาศยั ทส่ี ญู หาย
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 674 และ 675 มไิ ด้จากัดแต่เฉพาะใน
ทรพั ยส์ ินซึ่งคนเดนิ ทางพาเขา้ ไปในหอ้ งพกั หรอื พาเข้าไปในบรเิ วณตัวอาคารโรงแรม

9

เทา่ น้ันเมอ่ื โจทก์มาพกั โรงแรมของจาเลย และนารถยนตจ์ อดไวท้ โี่ รงจอดรถหรอื ลาน
จอดรถในบริเวณโรงแรมโดยลอ็ คกุญแจประตรู ถไว้ ตอ่ มารถสญู หายโดยถูกคนร้ายลกั ไป
และโจทกไ์ ด้แจ้งให้จาเลยทราบทันทีจาเลยก็ต้องรบั ผดิ ต่อโจทก์

อายคุ วามตามสัญญาฝากทรพั ย์
อายุความฟ้องตามสัญญาฝากทรัพย์ ผู้รับฝากทรัพย์สามารถเรียกร้องค่าบาเหน็จ

ในการรับฝากค่าใช้จ่ายในการฝากทรัพย์และค่าสินไหมทดแทนกรณีที่เกิดความเสยี หาย
โดยอายุความฟ้องร้องคือ 6 เดือน นับแต่วันส้ินสัญญา คือเม่ือผู้ฝากเรียกทรัพย์สินท่ีสัก
คืน เมื่อฝ่ายนึงบอกเลิกสญั ญาเพราะอีกฝา่ ยหน่ึงผิดสัญญา ตลอดจนเม่ือทรัพยส์ ินทีฝ่ าก
ถูกทาลายสูญหายไป

ส่วนอายคุ วามกรณีผฝู้ ากเรยี กคนื ทรัพยส์ นิ ทฝี่ ากมอี ายคุ วาม 10 ปี
อายุความฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าสานักอันเก่ียวกับทรัพย์สินของ
คนเดินทางหรือแขกอาศัยสญู หายหรือบุบสลายต้องฟ้องเจ้าสานักภายใน 6 เดือนนับแต่
วนั ท่ตี นออกจากสถานทีน่ น้ั

10

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เรือ่ ง การฝากทรัพย์

มาตรา ๖๕๗ อันว่าฝากทรัพย์น้ัน คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหน่ึง เรียกว่าผู้ฝาก ส่งมอบ
ทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกคนหน่ึง เรียกว่าผู้รับฝาก และผู้รับฝากตกลงว่าจะเก็บรักษา
ทรพั ย์สนิ น้ันไว้ในอารักขาแหง่ ตน แลว้ จะคนื ให้

มาตรา ๖๕๘ ถ้าโดยพฤติการณ์พึงคาดหมายได้ว่าเขารับฝากทรัพย์ก็เพ่ือจะได้รับ
บาเหน็จค่าฝากทรัพย์เท่าน้ันไซร้ ท่านให้ถือว่าเป็นอันได้ตกลงกันแล้วโดยปริยายว่ามี
บาเหนจ็ เชน่ นนั้

มาตรา ๖๕๙ ถ้าการรับฝากทรัพย์เป็นการทาให้เปล่าไม่มีบาเหน็จไซร้ ท่านว่าผู้รับฝาก
จาต้องใช้ความระมัดระวังสงวนทรัพย์สินซึ่งฝากน้ันเหมือนเช่นเคยประพฤติในกิจกา ร
ของตนเอง
ถ้าการรับฝากทรัพยน์ ้ันมีบาเหน็จค่าฝาก ท่านว่าผู้รับฝากจาต้องใช้ความระมดั ระวังและ
ใช้ฝีมือเพื่อสงวนทรัพย์สินน้ันเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติการณ์ด่ังน้ัน
ทงั้ น้ีย่อมรวมทั้งการใช้ฝมี อื อนั พเิ ศษเฉพาะการในทจ่ี ะพึงใชฝ้ มี อื เชน่ นนั้ ดว้ ย
ถ้าและผู้รับฝากเปน็ ผูม้ ีวชิ าชีพเฉพาะกิจการคา้ ขายหรืออาชีวะอย่างหนึ่งอยา่ งใดก็จาตอ้ ง
ใชค้ วามระมดั ระวงั และใช้ฝมี อื เท่าทเ่ี ป็นธรรมดาจะตอ้ งใชแ้ ละสมควรจะตอ้ งใช้ในกิจการ
คา้ ขายหรืออาชวี ะอย่างนั้น

มาตรา ๖๖๐ ถ้าผู้ฝากมิได้อนุญาต และผู้รับฝากเอาทรัพย์สินซ่ึงฝากน้ันออกใช้สอยเอง
หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย หรือให้บุคคลภายนอกเก็บรักษาไซร้ ท่านว่าผู้รับ
ฝากจะต้องรับผิดเมื่อทรัพย์สินซ่ึงฝากน้ันสูญหายหรือบุบสลายอย่างหนึ่งอย่างใด แม้ถึง
จะเป็นเพราะเหตุสดุ วสิ ัย เว้นแต่จะพิสจู น์ได้ว่าถึงอยา่ งไร ๆ ทรัพย์สินนนั้ ก็คงจะต้องสูญ
หายหรอื บบุ สลายอยู่นัน่ เอง

11

มาตรา ๖๖๑ ถ้าบุคคลภายนอกอ้างว่ามสี ิทธิเหนือทรัพย์สนิ ซ่ึงฝากและยื่นฟอ้ งผู้รับฝาก
ก็ดี หรือยึดทรพั ยส์ ินนน้ั ก็ดี ผรู้ บั ฝากต้องรีบบอกกลา่ วแกผ่ ู้ฝากโดยพลัน

มาตรา ๖๖๒ ถ้าได้กาหนดเวลากันไว้ว่าจะพึงคืนทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นเม่ือไร ท่านว่าผู้รับ
ฝากไม่มีสิทธิจะคืนทรัพย์สินก่อนถึงเวลากาหนด เว้นแต่ในเหตุจาเป็นอันมิอาจจะก้าว
ล่วงเสียได้

มาตรา ๖๖๓ ถึงแม้ว่าค่สู ัญญาจะไดก้ าหนดเวลาไว้ว่าจะพงึ คนื ทรัพยส์ ินซึ่งฝากนน้ั เมื่อไร
ก็ตาม ถา้ ว่าผูฝ้ ากจะเรยี กคนื ในเวลาใด ๆ ผู้รับฝากก็ตอ้ งคืนให้

มาตรา ๖๖๔ ถ้าคู่สัญญาไม่ได้กาหนดเวลาไว้ว่าจะพึงคืนทรัพย์สินซ่ึงฝากน้ันเมื่อไรไซร้
ผู้รบั ฝากอาจคืนทรัพยส์ นิ น้ันไดท้ กุ เม่ือ

มาตรา ๖๖๕ ผู้รับฝากจาต้องคืนทรัพย์สินซึ่งรับฝากไว้น้ันให้แก่ผู้ฝาก หรือทรัพย์สินน้ัน
ฝากในนามของผูใ้ ด คนื ใหแ้ ก่ผนู้ ้นั หรอื ผูร้ ับฝากไดร้ บั คาสั่งโดยชอบให้คนื ทรพั ย์สินน้ันไป
แก่ผู้ใด คืนให้แกผ่ ู้นั้น
แตห่ ากผูฝ้ ากทรพั ย์ตาย ทา่ นให้คนื ทรพั ย์สนิ นัน้ ให้แก่ทายาท

มาตรา ๖๖๖ เม่ือคืนทรัพย์ ถ้ามีดอกผลเกิดแต่ทรัพย์สินซ่ึงฝากนั้นเท่าใด ผู้รับฝาก
จาต้องสง่ มอบพร้อมไปกับทรพั ยส์ ินนั้นด้วย

มาตรา ๖๖๗ คา่ คืนทรพั ย์สนิ ซงึ่ ฝากนนั้ ยอ่ มตกแก่ผู้ฝากเป็นผเู้ สยี

12

มาตรา ๖๖๘ ค่าใช้จ่ายใดอันควรแก่การบารุงรักษาทรัพย์สินซึ่งฝากน้ัน ผู้ฝากจาต้อง
ชดใชใ้ หแ้ กผ่ ู้รับฝาก เว้นแตจ่ ะได้ตกลงกนั ไว้โดยสัญญาฝากทรัพยว์ ่าผ้รู ับฝากจะต้องออก
เงนิ คา่ ใชจ้ า่ ยน้นั เอง

มาตรา ๖๖๙ ถ้าไม่ได้กาหนดเวลาไว้ในสัญญา หรือไม่มีกาหนดโดยจารีตประเพณีว่า
บาเหน็จค่าฝากทรัพย์น้ันจะพึงชาระเม่ือไรไซร้ ท่านให้ชาระเมื่อคืนทรัพย์สินซ่ึงฝาก ถ้า
ได้กาหนดเวลากันไวเ้ ปน็ ระยะอย่างไร กพ็ ึงชาระเมอื่ สิ้นระยะเวลานั้นทกุ คราวไป

มาตรา ๖๗๐ ผู้รับฝากชอบท่ีจะยึดหน่วงเอาทรัพย์สินซ่ึงฝากนั้นไว้ได้ จนกว่าจะได้รับ
เงนิ บรรดาที่ค้างชาระแกต่ นเกี่ยวด้วยการฝากทรพั ย์น้นั

มาตรา ๖๗๑ ในข้อความรับผิดเพอ่ื ใช้เงินบาเหน็จค่าฝากทรัพย์ก็ดี ชดใช้เงินค่าใช้จ่ายก็
ดี ใชค้ ่าสินไหมทดแทนเก่ยี วแกก่ ารฝากทรัพยก์ ็ดี ท่านห้ามมิให้ฟอ้ งเมื่อพ้นเวลาหกเดือน
นบั แต่วันสน้ิ สัญญา

13

คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 2765/2559
จาเลยเป็นผู้รับจ้างบริหารจัดการเรือ อ. (Ship Management Agent) แทน

เจา้ ของเรือ (Shipowner) โดยจาเลยมีวตั ถุประสงคใ์ นการใหบ้ ริการบรหิ ารจัดการเรอื แก่
เจ้าของเรือเพื่อนาออกให้บริการรับขนส่ง และเม่ือเจ้าของเรือประสงค์จะนาเรือออก
ให้บริการรับขนส่งระหว่างประเทศ จาเลยจึงย่อมต้องทราบและปฏิบัติตามข้อปฏิบัติ
หลักเกณฑ์ และระเบียบว่าด้วยการนาเรือออกให้บริการระหว่างประเทศ ซึ่งการสารวจ
จัดช้ันเรือเพ่ือแก้ไขข้อบกพรอ่ งของเรือ เคร่ืองยนต์ อุปกรณ์ของเรอื และระวางบรรทกุ ก็
เพ่ือให้เรือสามารถจดทะเบียนได้ใบอนญุ าตใช้เรือและนาเรอื ออกใหบ้ รกิ ารได้ พฤตกิ ารณ์
และลักษณะการให้บริการของจาเลยแก่เจ้าของเรือในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการพ าณิชย์
นาวีและอานาจหน้าท่ีของจาเลยในฐานะผู้บริหารจัดการเรือ อ. แทนเจ้าของเรือรวมท้ัง
การว่าจ้างโจทก์ดังกล่าวจึงทาให้การบริการของจาเลยมีลักษณะเป็นตัวแทนค้าต่างตาม
ป.พ.พ. มาตรา 833 ท้ังน้ี ไม่ว่าโจทก์จะรู้หรือไม่ว่าเจ้าของเรือซึ่งเป็นตัวการคือใคร โดย
ท้ังเจ้าของเรือและจาเลยต่างก็มีผลประโยชน์ท่ีจะได้จากการใช้เรือในเชิงพาณิชย์
กล่าวคือ หากจาเลยบริหารจัดการเรือได้อย่างมีประสิทธิภาพเจ้าของเรือก็จะได้ผลกาไร
จากการดาเนินการน้ัน ส่วนจาเลยก็จะได้ผลประโยชนเ์ ปน็ บาเหน็จตอบแทนจากเจ้าของ
เรือ โดยเฉพาะเมื่อมีความจาเป็นต้องปรับปรุง ซ่อมแซมเรือ อ. จาเลยในฐานะผู้บริหาร
จัดการเรือซึ่งได้รับมอบหมายเรือไว้จากเจ้าของเรือย่อมต้องมีหน้าท่ีดูแลรักษาเรือให้อยู่
ในสภาพเหมาะสมแก่การใช้งานดังที่ ป.พ.พ. มาตรา 842 บัญญัติไว้ให้นาบทบัญญัติว่า
ด้วยการฝากทรัพยม์ าใช้บงั คับโดยอนโุ ลมตามควรแก่เรื่อง จาเลยซึง่ เป็นตวั แทนค้าต่างจึง
ยอ่ มเปน็ ผ้ตู อ้ งผกู พนั ตอ่ โจทกซ์ ง่ึ เปน็ คสู่ ญั ญาอกี ฝา่ ยหน่ึง

14

คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 13006/2558
ข้อตกลงจะเป็นสัญญาประเภทใดน้ัน จะต้องดูจากเนื้อหาสาระของข้อตกลง

เป็นสาคัญ หาใช่ดูแต่เพียงชื่อของสัญญา เม่ือตามสัญญาเช่ามีข้อตกลงกาหนดให้โจทก์มี
หน้าที่จดั หาวสั ดุปพู ื้นคลงั สนิ ค้า จดั หาคนงานขนข้าวสารให้แก่ผูเ้ ชา่ จดั เตรียมคลังสนิ ค้า
ตามสัญญาให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยพร้อมท่ีจะเก็บข้าวสารของผู้เช่าได้ทันที อีกท้ังให้
โจทก์เป็นผู้จัดหายามเพื่อรกั ษาความปลอดภัย ข้อสัญญาทั้งหลายเหล่าน้ีแสดงให้เห็นว่า
โจทก์มิได้ส่งมอบให้ผู้เช่าครอบครองและมีอิสระในการใช้คลังสินค้าเองเยี่ยงสิทธิของผู้
เช่าอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป แต่โจทก์ยังคงเป็นผู้ควบคุมดูแลและดาเนินการต่างๆ ภายใน
คลังสินคา้ ท่ีให้เช่าอยโู่ ดยตลอดในแตล่ ะขน้ั ตอน เพอ่ื ทโ่ี จทกจ์ ะได้ใช้ความระมดั ระวงั และ
ใช้ฝีมือเพื่อรักษาสินค้าของโจทก์ในฐานะเป็นผู้มีวิชาชีพในกิจการค้าขายของตนตาม ป.
พ.พ. มาตรา 659 วรรคสาม ข้อตกลงตามสัญญาดังกล่าวจึงมีลักษณะเป็นสัญญาฝาก
ทรพั ย์ อนั ถือเปน็ การให้บริการทอ่ี ยู่ในบงั คับต้องเสียภาษมี ลู ค่าเพมิ่

คาพิพากษาศาลฎกี าท่ี 4196/2558
ทรัพย์ท่ีลูกหนี้โอนไปให้ผู้อ่ืน อันจะเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหน้ีตาม ป.อ.

มาตรา 350 น้ัน หมายถงึ ทรพั ย์ใด ๆ ของลกู หนี้ท่มี ีอยไู่ ดม้ ีการโอนไป ข้อเท็จจริงไดค้ วาม
ว่า จาเลยท่ี 1 ทาสญั ญากบั องคก์ ารคลังสนิ คา้ 2 ฉบับ ฉบับแรกว่าจา้ งใหจ้ าเลยท่ี 1 แปร
สภาพหัวมันสาปะหลังสดจากเกษตรกรท่ีนามาจานาแก่องค์การคลังสินค้าเป็นแป้งมัน
สาปะหลัง ฉบับที่สองเป็นสัญญาเก็บแป้งมันสาปะหลังที่คลังสินค้าของจาเลยที่ 1 โดย
องค์การคลังสินค้าเป็นผู้ส่งมอบให้แก่จาเลยที่ 1 อันเป็นสัญญาฝากทรัพย์ ดังน้ันแป้งมัน
สาปะหลังท่ีจาเลยท่ี 1 แปรสภาพแล้วเก็บไว้ในคลังสินค้าของจาเลยท่ี 1 จึงเป็น
กรรมสิทธ์ิขององค์การคลังสินค้า หาใช่เป็นของจาเลยท่ี 1 ซึ่งเป็นลูกหน้ีของโจทก์ไม่ ท้ัง
องค์การคลังสินค้าได้ร้องทุกข์ให้ดาเนินคดีแก่จาเลยที่ 1 และที่ 2 ข้อหายักยอก แม้
จาเลยท่ี 1 ถึงที่ 3 จะร่วมกันนาเอาแป้งมันสาปะหลังที่เก็บไว้ที่คลังสินคา้ ของจาเลยที่ 1
ไปขาย ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการย้ายไปเสีย ซ่อนเร้นหรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดเพื่อมิ

15

ให้โจทก์ซงึ่ เปน็ เจ้าหน้ขี องตนไดร้ ับชาระหนท้ี ั้งหมดหรือบางสว่ น การกระทาของจาเลยท่ี
1 ถึงที่ 3 จึงไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ท้ังแป้งมันสาปะหลังท่ีจาเลยที่ 1 ถึงท่ี 3
ร่วมกันนาไปขายก็มิใช่ทรัพย์ท่ีถูกยึดหรืออายัด การกระทาของจาเลยท่ี 1 ถึงท่ี 3 จึง
ไมใ่ ช่การทาให้เสยี หาย ทาลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสยี หรือสญู หายหรอื ไรป้ ระโยชน์ซ่งึ ทรพั ย์
ที่ถูกยึดหรืออายัด เพ่ือจะมิให้การเป็นไปตามคาพิพากษาหรือคาสั่งของศาล จึงไม่เป็น
ความผิดตาม ป.อ.มาตรา 187

คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 10570/2557
ผู้ได้รับอนุญาตให้นารถเข้ามาจอดจะต้องหาสถานท่ีจอดเอง เก็บกุญแจรถไว้

เอง และจะต้องดูแลรถกับทรพั ยส์ นิ ภายในรถเอง ท้ังนี้ จาเลยไมไ่ ด้เรียกเก็บค่าบริการใน
การนารถเขา้ จอด ดังนนั้ ความครอบครองในรถยังคงอยูก่ ับเจา้ ของรถหรือผทู้ น่ี ารถเขา้ มา
จอด จาเลยจึงไม่ใช่ผู้รับฝากรถและไม่ได้รับประโยชน์อันเน่ืองจากการท่ีมีผู้นารถเข้าไป
จอดในหา้ งสรรพสินคา้ ทเี่ กดิ เหตุแต่อยา่ งใด เพยี งแต่ไดร้ ับประโยชน์จากผลกาไรท่ีได้จาก
การจาหน่ายสินค้าและการบริการซึ่งเป็นปกติทางการค้าเท่าน้ัน พนักงานรักษาความ
ปลอดภัยของจาเลยรว่ มไมไ่ ด้กระทาประมาทปราศจากความระมดั ระวงั ปลอ่ ยใหค้ นร้าย
ลักรถกระบะคันท่ีโจทก์รับประกันภัยไว้ออกไปโดยไม่ตรวจสอบบัตรอนุญาตจอดรถให้
ถูกต้อง และจาเลยซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่ได้ระมัดระวังดูแลรักษาความปลอดภัยสาหรับ
รถท่ีมีผนู้ ามาจอดในหา้ งสรรพสินคา้ ของจาเลยตามสมควรแลว้ การท่ีรถสูญหายมิใช่เป็น
ผลโดยตรงจากการกระทาหรือละเว้นกระทาของจาเลยและจาเลยร่วม ดังน้ันจาเลยและ
จาเลยร่วม จงึ ไมต่ ้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟอ้ ง

16

คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 5072/2557
ตามคาฟ้องของโจทก์ในส่วนที่อ้างมูลเหตุให้จาเลยท่ี 3 รับผิดต่อโจทก์ใน

ค่าเสยี หายวา่ เม่อื จาเลยท่ี 4 รับสนิ คา้ จากจาเลยท่ี 3 เพ่ือขนส่งทางรถยนต์ไปสง่ มอบแก่
ผู้เอาประกันภัย พบว่าสินค้าเสียหายเพ่ิมอีก 1 กล่อง ในระหว่างการจัดเก็บโดยไม่
ระมัดระวังและไม่ดูแลสินค้าในคลังสินค้าให้ดีเพียงพอของจาเลยท่ี 3 และการขนส่งโดย
รถยนตบ์ รรทุกโดยไมร่ ะมัดระวังและไมด่ แู ลสนิ ค้าใหด้ ีเพียงพอของจาเลยที่ 4 จงึ เปน็ การ
กล่าวอ้างถึงการทาหน้าท่ีผู้รับฝากทรัพยบ์ กพร่องจนเกิดความเสียหายแก่สินค้าท่ีจัดเก็บ
ไว้อันเป็นการผิดสัญญาฝากทรัพย์ท่ีผู้ฝากทรัพย์ใช้สิทธิเรียกร้องเรียกค่าสินไหมทดแทน
เก่ยี วแกก่ ารฝากทรพั ยซ์ ึ่งมีอายคุ วาม 6 เดอื น นับแตว่ นั สิ้นสญั ญาตามท่ีบญั ญตั ไิ วต้ าม ป.
พ.พ. มาตรา 671 จึงไม่มีประเด็นให้ต้องวินิจฉัยในความรับผิดในมูลละเมิดที่จะใช้อายุ
ความในเร่ืองละเมดิ แต่อยา่ งใด

คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 17872/2556
ภ. ไดน้ าหนงั สอื เดินทางและสมดุ บญั ชคี ฝู่ ากเงนิ ของโจทก์ กับใบมอบฉันทะ

ให้เบิกถอนเงินซึ่งมีการปลอมลายมือชื่อโจทก์มาย่ืนถอนเงิน ณ. พนักงานของจาเลย
ตรวจสอบเอกสารแล้วลงลายมือช่ือในช่องผู้รับ ผู้บันทึกรายการเป็นคนแรก แล้วนา
เอกสารดังกลา่ วให้ ส. ตรวจสอบอีกครงั้ แต่ ส. ไมไ่ ด้ลงลายมอื ชื่อในชอ่ งผูร้ บั มอบอานาจ
ในใบถอนเงิน จึงน่าสงสัยว่า ส. ได้ตรวจสอบลายมือชื่อโจทก์ในใบถอนเงินแล้วจริง
หรือไม่ กรณีชาวต่างชาติมอบฉันทะให้ถอนเงินในบัญชีจนหมดหรือเกือบหมด พนักงาน
จาเลยจะโทรศัพท์สอบถามเจ้าของบัญชีก่อน ส. เบิกความว่า โทรศัพท์ไปยังหมายเลข
โทรศัพทท์ ีใ่ ห้ไวใ้ นคาขอเปิดบัญชีแต่ตดิ ตอ่ ไม่ได้ ญ. เบกิ ความว่า โทรศพั ท์ตดิ ต่อกับโจทก์
แต่ติดต่อไม่ได้ เห็นว่า พยานจาเลยมีแต่พนักงานจาเลยกล่าวอ้างลอย ๆ มีน้าหนักน้อย
รับฟังไม่ได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า พนักงานจาเลยผู้รับฝากเงินมิได้ใช้ความระมัดระวังและ
ใช้ฝีมือเท่าท่ีเป็นธรรมดาจะต้องใช้ และสมควรจะต้องใช้ในกิจการคา้ ของจาเลย ตาม ป.
พ.พ. มาตรา 659 วรรคสาม จาเลยจึงต้องรบั ผดิ คนื เงินให้แก่โจทก์ ปัญหาต่อไปว่าโจทก์

17

มีส่วนผิดด้วยหรือไม่ โจทก์เก็บสมุดคู่ฝากและหนังสือเดินทางกับบัตรเอทีเอ็มไว้ใน
กระเป๋าเดินทางซ่ึงเก็บอยู่ในห้องพัก เอกสารดังกล่าวถูกลักไปจากห้องพักโดยการงัด
กระเป๋าเดินทาง เห็นว่า โจทก์ได้ใช้ความระมัดระวังโดยการเก็บเอกสารต่าง ๆ ดังกล่าว
แล้ว ส่วนกุญแจห้องพักสารองนั้น ภ. ไปยืมกุญแจจากพ่ีชายไปไขเข้าห้องพักของโจทก์
และลักเอกสารต่าง ๆ ดังกล่าว หาใช่โจทก์มอบกุญแจสารองให้ ภ. กรณียังถือไม่ได้ว่า
เป็นความประมาทเลินเล่อของโจทก์เช่นกัน ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์มีส่วน
ก่อให้เกิดความเสยี หายดว้ ย จาเลยจึงตอ้ งรับผิดคืนเงินที่ถกู ถอนไปแก่โจทก์

คาพิพากษาศาลฎกี าที่ 6746/2555
การท่ีโจทก์ฎีกาในบางตอนปฏิเสธว่าลายพิมพ์น้ิวมือซ้ายในการถอนเงินและ

ปิดบัญชีไม่ใช่ลายพิมพ์นิ้วมือของ ส. เจ้าของบัญชีเงินฝากประจา แต่บางตอนกลับรับวา่
เป็นลายพิมพ์นิ้วมือของ ส. น้ัน เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ จึงต้องฟัง
ข้อเท็จจริงตามท่ีศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามาว่าเป็นลายพิมพ์น้ิวมือของ ส. สัญญา
ระหว่าง ส. กับจาเลยที่ 1 เป็นเรอ่ื งฝากทรัพย์ ซึง่ ทรัพย์ที่ฝากเปน็ เงิน ไมม่ ีบทบัญญตั ิของ
กฎหมายวา่ จะต้องมีหลักฐานเปน็ หนงั สือลงลายมือช่ือฝ่ายที่ตอ้ งรับผดิ เปน็ สาคัญ ทาเปน็
หนังสือจดทะเบียนหรือทาเป็นหนังสือและจดทะเบียน คู่ความจะตกลงรูปแบบและ
กาหนดเงื่อนไขของสัญญา รวมท้ังจะตกลงแก้ไขเปล่ียนแปลงอย่างไร หรือเม่ือใดก็ได้
ดงั น้ัน ส. กบั จาเลยที่ 1 สามารถตกลงเปลย่ี นแปลงข้อตกลงในการถอนเงนิ ใหมเ่ ป็นให้ ส.
ถอนเงินโดยให้พิมพ์ลายพิมพ์นิ้วหัวแม่มือซ้ายแทนการลงลายมือชื่อได้ ซึ่งข้อตกลง
ดังกล่าวมิใช่เป็นการพิมพล์ ายพมิ พน์ ิ้วมือตาม ป.พ.พ. มาตรา 9 วรรคสอง แม้มิได้มผี ู้รบั
รองลายพิมพ์นิ้วมือก็ใช้บังคับได้ระหว่างคู่สัญญา เน่ืองจากเป็นวิธีการและข้อตกลงท่ีผู้
ฝากจะสั่งใหผ้ ้รู บั ฝากคนื ทรัพยส์ ินทฝี่ ากแกต่ นตาม ป.พ.พ. มาตรา 665 วรรคแรก

18

คาพิพากษาศาลฎกี าท่ี 2806/2555
บริษัท ส. ได้ทาสัญญาว่าจ้างบริษัท บ. ตัดและแปรรูปเหล็กม้วนเพ่ือนาไป

จาหน่ายแก่ลูกค้า และบริษัทดังกล่าวเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินของบริษัท ส. ด้วย เมื่อบริษัท
ส. ได้รับสินค้าจากผู้ขนส่งทางเรือแล้วได้ส่งมอบแก่บริษัท บ. ในสภาพเรียบร้อย และ
บริษัทดงั กล่าวไปฝากให้จาเลยเก็บรักษาไวโ้ ดยบรษิ ทั บ. เป็นผูท้ าสัญญาฝากสนิ คา้ เหล็ก
ม้วนนี้เก็บในคลังสินคา้ กับจาเลย โดยไมไ่ ดค้ วามว่าบริษัทดังกล่าวทาสญั ญาน้ีแทนบริษัท
ส. แต่อย่างใด เมื่อเกิดความเสียหายแก่สินค้าเหล็กม้วนดังกล่าวก็เป็นกรณีท่ีจาเลยต้อง
รับผิดตามสัญญาเก็บของในคลังสินค้าต่อบริษัท บ. คู่สัญญากับจาเลยตามสัญญาเก็บ
ของในคลังสินค้า จาเลยหาได้มีหน้าที่ต้องเก็บรักษาสินค้าด้วยความระมัดระวังตาม
สัญญาเก็บของในคลังสินค้าน้ีต่อบริษัท ส. ซึ่งมิใช่คู่สัญญากับจาเลยแต่อย่างใด ดังนั้น
กรณเี ช่นน้จี งึ เป็นกรณีท่บี ริษัท ส. คูส่ ัญญาจ้างทาของตอ้ งใชส้ ิทธเิ รียกรอ้ งเอาค่าเสียหาย
ของสินค้าตามสัญญาจ้างทาของจากบริษัท บ. ซึ่งเป็นคู่สัญญาจ้างทาของกับจาเลย
เท่าน้ัน หาใช่กรณีบริษัท ส. ยังมีสิทธิเรียกร้องให้จาเลยรับผิดในมูลละเมิดให้ผิดไปจาก
ความรับผิดโดยตรงของคู่กรณีท่ีมีต่อกันตามสัญญาเก็บของในคลังสินค้าและสัญญาจ้าง
ทาของได้อีกไม่ ดังน้ันบริษัท ส. จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จาเลยชดใช้ค่าเสียหายในความ
เสยี หายของสินค้าตามฟ้อง แมโ้ จทก์รับช่วงสทิ ธจิ ากบรษิ ัท ส. ตามสัญญาประกันภัยกไ็ ม่
มีสิทธิเรียกร้องจากจาเลยเช่นเดียวกับบริษัท ส. จาเลยรวมทง้ั จาเลยร่วมผ้รู ับประกันภัย
จากจาเลยยอ่ มไมต่ ้องรบั ผิดต่อโจทก์

คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 3113/2554
จาเลยซึ่งเป็นลูกค้าของโจทก์เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน นิติสัมพันธ์

ระหว่างโจทก์และจาเลยเป็นเร่ืองสัญญาฝากทรัพย์ เมื่อพนักงานโจทก์ปฏิบัติงาน
ผิดพลาดโดยนาเงินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์เข้าบัญชีเงินฝากของจาเลยตามเช็คที่
จาเลยนาเข้าฝากในบัญชี โดยเข้าใจผิดว่าจาเลยมีสิทธิรับเงินตามเช็ค และจาเลยไดถ้ อน
เงินจานวนตามเช็คไปจากบัญชีเงินฝากของจาเลย จึงเป็นการท่ีจาเลยได้เงินนั้นไปโดยไม่
































Click to View FlipBook Version