1. อังรี ดูนังต์ ผูจ้ ุดประกายกาชาด
นายองั รี ดูนังต์ (HENRY DUNANT) เกดิ เมือ่ วันท่ี 8 พฤษภาคม พ.ศ.
2371 ณ นครเจนวี า ประเทศสวิตเซอรแ์ ลนด์ เม่อื พ.ศ. 2402 ขณะท่ีเขา
เดินทางไปประเทศอิตาลี เขาได้พบเห็นเหตุการณ์อนั น่าสลดใจ และความทารุณ
โหดร้ายอนั เนือ่ งมาจากสงคราม เขาจงึ ชักชวนชาวบ้านทาการช่วยเหลือ
ผู้บาดเจ็บเป็นจานวนมากในสงครามทีซ่ อลเฟริโน ตอ่ จากน้นั สามปี เขาไดเ้ ขียน
หนังสือขนึ้ เลม่ หนึ่ง มีชอื่ ว่า ความทรงจาแหง่ ซอลเฟริโน ซ่งึ บรรยายเกีย่ วกบั
เหตกุ ารณ์ทเี่ ขาไดพ้ บในสงครามครั้งน้นั โดยเขาได้เสนอความคิดทวี่ า่ “จะ
เปน็ ไปได้หรอื ไม่ ที่จะตัง้ องค์กรอาสาสมคั รเพื่อช่วยเหลอื ทหารบาดเจบ็ ในยาม
เกดิ สงคราม” จากประเดน็ สบื เนื่องความคิดดังกลา่ วไดป้ รากฏผลมาจนถงึ ทกุ
วนั นี้ คือ
1. การรเิ ริม่ กอ่ ต้ังคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ และการกอ่ ต้ัง
สภากาชาดประจาชาติข้ึนใน พ.ศ. 2406 โดยมีบทบาทในการชว่ ยเหลือบรรเทา
ทุกข์ เม่อื เกิดภัยสงครามและภัยพบิ ัติต่างๆ
2. การเผยแพรแ่ ละพฒั นากฎหมายมนุษยธรรมระหวา่ งประเทศ (Inter
National Humanitarian Law) จากการประชุมกาชาดระหว่างประเทศใน
พ.ศ. 2407 ทน่ี ครเจนีวา ประเทศสวิตเซอรแ์ ลนด์ ซึ่งเป็นทมี่ าของอนุสญั ญาเจนี
วา (Geneva Conventions) และถือไดว้ ่าเปน็ กฎหมายมนษุ ยธรรมฉบบั แรก
ของโลกผลของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศนี้ ทาให้องค์กรกาชาด
ระหวา่ งประเทศและกาชาดประจาชาติ มบี ทบาทในการเข้าช่วยเหลือเพอ่ื น
มนษุ ย์อยา่ งดีเยีย่ มน้ี ทาให้ นายองั รี ดูนังต์ ได้รับรางวลั โนเบลสาขาสนั ตภิ าพ
ครง้ั แรกของโลกในปี พ.ศ. 2444 เมอื่ อายุ 73 ปี และตอ่ จากนนั้ องค์กรกาชาด
ระหวา่ งประเทศได้รบั รางวัลโนเบล สาขาสันติภาพอีก 3 คร้ัง นายองั รดี ูนงั ต์
ถึงแกก่ รรมเมื่อวนั ที่ 30 ตลุ าคม พ.ศ.2453 อายุ 82 ปี
ดังนน้ั วันที่ 8 พฤษภาคมของทุกปี ประเทศทว่ั โลกที่เป็นสมาชิกกาชาด
ได้พรอ้ มใจกนั จัดกิจกรรมวนั กาชาดโลก เพื่อแสดงความราลึกถึงผรู้ ิเร่มิ ก่อต้ัง
กาชาด นายอังรี ดูนังต์ ผซู้ ึ่งเป็นแบบอยา่ งของนกั มนุษยธรรมที่อทุ ศิ ตนเพ่อื
ชว่ ยเหลือเพื่อนมนษุ ย์ให้รอดพน้ จากความโหดรา้ ยของภยั สงั คม
2. เครอ่ื งหมายกาชาด
เคร่ืองหมายกาชาด มี 3 แบบ คือ
1. กากบาทแดงบนพ้นื สีขาว (Red Cross)
เปน็ สญั ลกั ษณก์ าชาดทใ่ี ชก้ ันทั่วโลกในปจั จุบัน ไดแ้ ก่ สภากาชาดประเทศ
ตา่ งๆ โดยใน พ.ศ. 2406 ไดม้ ีการประชุมนานาชาตทิ ่นี ครเจนีวา ซึง่ ที่ประชุม
ไดร้ ับรองใหใ้ ชก้ าชาดบนพ้ืนขาวเปน็ เคร่อื งหมายพิเศษอันเดน่ ชัด และตอ่ มาใน
พ.ศ.2407 ได้มกี ารประชมุ ผแู้ ทนระหว่างประเทศทีจ่ ดั ขนึ้ ณ นครเจนวี า ซ่ึงมี
การรับรองอนุสญั ญาเจนวี าฉบับแรก และมีการรบั รองกาชาดบนพน้ื ขาวอย่าง
เป็นทางการ
2. เส้ยี ววงเดือนแดงพืน้ ขาว (Rec Crescent
เป็นสญั ลกั ษณ์ขอCงกroาsชsา)ดในกลุ่มประเทศท่ีนบั ถือศาสนาอิสลาม ซ่ึง
เรียกวา่ สภาเสีย้ ววงเดือนแดงประเทศตา่ งๆ มกี ารใช้คร้งั แรกใน พ.ศ. 2419 ใน
สงครามระหวา่ งรัสเซียและตุรกี ในคาบสมุทรบอลขา่ น จักรวรรดิออตโตมานตก
ลงใจใชเ้ ครอ่ื งหมายเสีย้ ววงเดือนแดงบนพื้นขาวแทนเครือ่ งหมายกาชาด ตอ่ มา
ใน พ.ศ. 2472 เครอ่ื งหมายน้ไี ด้รบั การยอมรบั ทป่ี ระชุมทางการฑตู และถูกนามา
เขยี นไวใ้ นอนุสญั ญาด้วย
3. ครสิ ตัลแดงบนพื้นขาว (Red Crystal)
เป็นเครื่องหมายทไ่ี ดร้ บั การรับรองใหเ้ ปน็ สัญลักษณใ์ หมเ่ ม่อื วันท่ี 8 ธันวาคม
พ.ศ. 2548 เพอื่ เพมิ่ ความยืดหยุ่นในการใชส้ ัญลกั ษณแ์ ละยุติปัญหาการใช้
สัญลกั ษณท์ ี่แตกตา่ งกนั หลายรูปแบบ นอกเหนอื ไปจากสญั ลักษณก์ าชาดและ
เส้ียววงเดอื นแดง
3. กาชาดกบั การคุ้มครองและช่วยเหลือเพ่อื นมนษุ ย์
1. ใช้เพื่อการคุม้ ครอง (ในยามสงคราม)
- เจา้ หนา้ ทีแ่ ละอุปกรณ์ เครือ่ งมือ เครื่องใชข้ องหนว่ ยงานกาชาด
- บุคลากรทางการแพทย์ของกองทพั
- หน่วยบรกิ ารทางการแพทย์ บุคลากรด้านศาสนา และองคก์ ร
มนุษยธรรมอ่ืน ๆ อาจสามารถใช้เคร่ืองหมายกาชาดได้ แต่ต้องได้รับการยินยอม
จากเจ้าหน้าที่ทเ่ี ก่ยี วข้อง
- ขนาดของเครื่องหมายจะมีขนาดใหญ่ เห็นเด่นชดั
- ตอ้ งเปน็ เครือ่ งหมายกาชาดเทา่ นั้น ไม่ตอ้ งมชี อื่ องค์กรหรอื ตัวอักษรอนื่
ใด
2. ใช้เพื่อการบง่ ช้ี (ในยามสงบ)
- จะตอ้ งมีเครอ่ื งหมายและช่อื องค์กรท่ีเกยี่ วขอ้ งปรากฏอยูด่ ้วยกนั
- ไม่สามารถใชเ้ คร่ืองหมายกากบาทอยา่ งเดียวท่ีปลอกแขน ต้องใช้ตรา
สญั ลกั ษณ์สภากาชาดไทย
- ใชเ้ พื่อบ่งชี้ว่าบคุ คลหรือส่ิงของต่าง ๆ เป็นของหนว่ ยงานองค์กรกาชาด
และเส้ียววงเดอื นแดง
- เครื่องหมายจะต้องมีขนาดเล็ก
การใชเ้ คร่ืองหมายในทางที่ผดิ
ทุกประเทศทเ่ี ป็นภาคีของอนสุ ญั ญาเจนีวา มพี นั ธกรณที จ่ี ะต้องกาหนด
มาตรการป้องกนั และปราบปรามการใช้เครื่องหมายกาชาด ในทางทีผ่ ิดในทุก
โอกาส และโดยเฉพาะจะตอ้ งออกกฎหมายคุ้มครองเครือ่ งหมายกาชาดและ
เสี้ยววงเดอื นแดง “การใชเ้ ครอื่ งหมายกาชาดใดๆ ซง่ึ มไิ ดอ้ นญุ าตไว้ในอนสุ ญั ญา
เจนีวา และพธิ สี ารเพ่ิมเติมถอื ว่าเป็นการใช้เครื่องหมายกาชาดในทางที่ผิดท้งั สนิ้
ตอ่ ไปน้ีเป็นตัวอยา่ งการใช้เคร่ืองหมายที่ผิดใช้เลยี นแบบการใช้เครอื่ งหมายที่
กอ่ ให้เกดิ ความสบั สนกับเคร่อื งหมายกาชาดหรอื เส้ยี ววง เดือนแดง (เชน่ มสี หี รือ
รปู แบบท่คี ลา้ ยกัน)
4. องค์กรกาชาดฯ และประเทศสมาชิก
ปัจจุบันกาชาดสากลหรอื กาชาดระหวา่ งประเทศ ประกอบดว้ ยองค์กร
หลัก 3 องค์กร คอื
4.1 คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (The Inter national
Committee of The Red Cross) หรอื ICRC มีบทบาทหน้าท่หี ลัก คือ การ
ช่วยเหลือบรรเทาทุกขเ์ มื่อเกิดขัดแยง้ ทางทหาร เกิดสงครามกลางเมือง หรือ
สงครามระหวา่ งประเทศ และธารงรักษาหลักการกาชาด
4.2 สหพันธ์สภากาชาดและสภาเส้ียววงเดอื นแดงระหว่างประเทศ
(The Iniernational Federation of Red Cross and Red Crescent
Societies) หรอื Federation หรือ IFRC มีบทบาทหน้าทหี่ ลัก คือ ตดิ ตอ่
ประสานงานกบั สภากาชาดระหว่างประเทศเพื่อชว่ ยเหลอื บรรเทาทุกข์
ผู้ประสบภัยธรรมชาตทิ ั่วไป พัฒนาด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนและ
เยาวชน จดั ตง้ั และพัฒนาสภากาชาดของประเทศตา่ งๆ โดยปฏิบตั ิงานตาม
หลกั การของกาชาดและอนสุ ญั ญาเจนีวา
4.3 สภากาชาดประจาชาติ สภาเสย้ี ววงเดอื นแดงประจาชาติ และ
คริสตัลแดง (The National Red Cross and Red Crescent societies and
Red Crystal) หรอื NS มบี ทบาทหน้าที่หลกั คือ ฝกึ อบรมบคุ ลากร เพื่อ
ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ เช่น แพทย์ พยาบาล อาสาสมัคร ฯลฯ เพอ่ื ปฏบิ ัตงิ านใน
โครงการต่างๆ ของสภากาชาด และบรรเทาทกุ ขเ์ มอ่ื เกิดภัยพิบัติ รวมถงึ
ฝกึ อบรมเยาวชนเพื่อการช่วยเหลือบรรเทาทกุ ขด์ ว้ ย
ปจั จุบันสหพันธส์ ภากาชาดฯ มสี มาชกิ รวมทงั้ สิน้ 188 ประเทศ จาแนก
ตามทวปี ดังนี้ (ขอ้ มลู : เดือนกรกฎาคม 2555)
1. ทวีปยโุ รป มีสมาชกิ 44 ประเทศ เปน็ สภากาชาดทั้งหมด
2. ทวีปเอเชยี มีสมาชิก 45 ประเทศ จาแนกเปน็ 20 สภากาชาด และ
24 สภาเส้ียววงเดือนแดงและ 1 คริสตลั แดง
3. ทวปี อเมรกิ าเหนือ มีสมาชกิ 22 ประเทศ เป็นสภากาชาดทั้งหมด
4. ทวปี อมริกาใต้ มีสมาชกิ 13 ประเทศ เป็นสภากาชาดท้ังหมด
5. ทวีปออสเตรเลยี มีสมาชิก 12 ประเทศ เป็นสภากาชาดทั้งหมด
6. ทวีปแอฟรกิ า มสี มาชกิ 52 ประเทศ จาแนกเปน็ 43 สภากาชาด
และ 9 สภาเสี้ยววงเดือนแดง
5. หลกั การกาชาด (Red Cross Principles)
เป็นหลกั ปฏิบัติของสภากาชาดและสภาเสีย้ ววงเดอื นแดงทุกประเทศ ในการ
ดาเนนิ งานภารกิจของกาชาด เปน็ มตจิ ากการประชุมกาชาดระหวา่ งประเทศ ณ กรงุ
เวยี นนา ประเทศออสเตรีย เมอื่ พ.ศ. 2508 ซ่ึงมี 7 ประการ ดงั น้ี
5.1 มนุษยธรรม (Humanity) กาชาดถือกาเนิดมาเพอื่ การชว่ ยเหลือบรรเทาทกุ ข์
เพอ่ื นมนษุ ย์ โดยมวี ัตถปุ ระสงค์ คือ การปอ้ งกนั ชีวิตและสุขภาพการเคารพในสิทธขิ องมนุษย์
รวมท้งั การสง่ เสริมสัมพันธภาพความรว่ มมือเพื่อสนั ติสขุ ทย่ี ่ังยืนของมนษุ ยชาติ
5.2 ความไมล่ าเอียง (Impartiality) กาชาดไมแ่ บง่ เชือ้ ชาติ สญั ชาติ ศาสนา ชนชั้น
และลัทธกิ ารเมืองมหี น้าที่ช่วยเหลอื เพอ่ื นมนษุ ยต์ ามความจาเปน็ และความรีบด่วนของปญั หาเพือ่
การป้องกนั ชีวิตและสุขภาพ
5.3 ความเป็นกลาง (Neutrality) กาชาดไม่เขา้ ข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึง่ ไม่เข้าไปมสี ว่ น
ร่วมในการขัดแย้งทางดา้ นการเมอื ง เชอ้ื ชาติ ศาสนา หรือความคดิ เห็นใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็
ตาม
5.4 ความเปน็ อสิ ระ (Independence) กาชาดเป็นองคก์ รอิสระ ให้ความช่วยเหลอื
ด้านมนุษยธรรม โดยไมข่ นึ้ กบั รัฐบาลของประเทศ แต่ต้องปฏิบตั ติ ามกฎของหลกั การกาชาดเสมอ
5.5 บริการอาสาสมัคร (Volunlary Service) กาชาดเปน็ องค์กรการกุศลสาธารณะ
ทางานดว้ ยความสมคั รใจ เต็มใจ และไมค่ ดิ หวงั ส่งิ ตอบแทนจากการทาหน้าท่ใี ห้บริการตา่ ง ๆ
5.6 ความเป็นเอกภาพ (Unity) แตล่ ะประเทศมีสภากาชาดหรือสภาเสี้ยววงเดือน
แดงได้เพียงสภาเดียวทาหน้าทใ่ี หบ้ ริการด้านมนุษยธรรม เพือ่ ช่วยเหลอื ผู้ทุกข์ยาก ผูป้ ระสบภัย
ต่างๆ ทวั่ ประเทศ
5.7 ความเปน็ สากล (Universality) สภากาชาดหรือสภาเสยี้ ววงเดอื นแดงเปน็
องค์กรทม่ี อี ยู่ทว่ั โลก มีฐานะความรบั ผดิ ชอบและหน้าทีใ่ นการให้ความชว่ ยเหลือซง่ึ กนั และกันเท่า
เทียมกนั
6. กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
(International Humanitarian Law : IHL)
กฎหมายมนษุ ยธรรมระหวา่ งประเทศ เป็นส่วนสาคญั ส่วนหนง่ึ ของ
กฎหมายระหวา่ งประเทศ กฎหมายนป้ี ระกอบด้วยกฎเกณฑ์ตา่ งๆ ทม่ี ุ่งค้มุ ครอง
ผู้ทีไ่ ม่สามารถทาการสรู้ บไดอ้ ีกต่อไปและม่งุ ทีจ่ ะจากัดวิธีการและวถิ ีทางการสู้รบ
เกิดขึน้ กฎหมายมนุษยธรรมระหวา่ งประเทศท่ีใชใ้ นการสรู้ บตามความหมาย
ของ ICRC คือ สนธสิ ญั ญาระหว่างประเทศ หรือกฎเกณฑจ์ ารีตประเพณี ซ่ึงม่งุ ที่
จะใช้ในการแกป้ ญั หาดา้ นมนษุ ยธรรม อันมีสาเหตุโตยตรงมาจากการสู้รบไม่ว่า
จะเปน็ เหตุการณ์สู้รบระหว่างประเทศ หรือไม่ใช่การสรู้ บระหว่างประเทศ
ผ่าน กฎเกณฑเ์ กี่ยวกับการจากัดสิทธขิ องฝา่ ยต่างๆ ทที่ าการส้รู บ ในการเลอื กใช้
วิธกี ารหรือวิถที างของการ
สู้รบ รวมถงึ คุ้มครองบคุ คลและทรพั ย์สนิ ทีไ่ ดร้ ับผลกระทบจากการสู้รบ
ความคดิ ของนายอังรี ดูนังต์ นอกจากริเร่ิมให้มีการกอ่ ตั้งกลุ่มองค์กร
กาชาดระหว่างประเทศ และสภากาชาดประจาชาติแลว้ ความคิดของเขาอีก
ประการหน่ึง คอื การกาหนดข้อตกลงรว่ มกันระหวา่ งประเทศ เพื่อการปกป้อง
คมุ้ ครองชวี ิตและศกั ดิ์ศรีความเปน็ มนษุ ยใ์ นยามสงคราม หรือการขัดกันทาง
อาวุธ ที่เรยี กวา่ "กฎหมายมนษุ ยธรรมระหว่างประเทศ (Intenational
Humanitanon Law : IHL) ซ่ึงมตี ้นกาเนิดมาจาก
อนุสญั ญาเจนีวา 4 ฉบบั เพอ่ื การคุ้มครองทหารและพลเรือน ตลอดท้ัง
พิธสี ารเพิม่ เตมิ เพ่ือให้ครอบคลุมการช่วยเหลือผู้ประสบภยั จากลงครามและ
ความขดั กันทางอาวธุ มากยง่ิ ขึ้น
6.1 อนสุ ัญญาเจนีวา
เป็นสาระสาคญั ของ IHL ในการคุ้มครองและช่วยเหลือผปู้ ระสบภัยจาก
สงคราม และการขดั กันทางอาวุธ ผลการประชมุ ทางการทูตระหว่างประเทศ
เมอื่ พ.ศ. 2492 ได้มกี ารลงนามรับรอง อนสุ ัญญาเจนีวา 4 ฉบบั
อนุสัญญาฉบับท่ี 1 วา่ ด้วยการค้มุ ครองและชว่ ยเหลือทหารบาดเจบ็
เจบ็ ป่วยในสนามรบ
อนุสญั ญาฉบับที่ 2 วา่ ดว้ ยการคุ้มครองและช่วยเหลือทหารบาดเจบ็
เจบ็ ป่วยในสงครามทางทะเล
อนุสัญญาฉบับที่ 3 ว่าด้วยการกาหนดสถานภาพและการปฏบิ ตั ิตอ่ เชลย
ศึก
อนุสญั ญาฉบับที่ 4 ว่าด้วยการคุ้มครองและช่วยเหลือพลเรอื นในเขต
พื้นทท่ี มี่ กี ารขดั แย้งกนั ทางอาวธุ
สาระสาคัญของอนสุ ัญญาเจนีวา
ประเทศภาคที ัง้ หลายจักดาเนนิ การเพ่อื คารพและประกันให้มีการเคารพวา่
ผู้บาดเจบ็ ต้องไม่ถกู ทอดท้ิง
ผูป้ ว่ ยตอ้ งได้รับการดูแล
ผเู้ สยี ชวี ิตตอ้ งถูกค้นหา
พาหนะเคล่ือนย้ายผูบ้ าดเจ็บต้องไดร้ บั การคมุ้ ครอง
เชลยศกึ ต้องไดร้ บั การปลดปลอ่ ยและส่งกลับโดยไม่ชักช้า
ให้ความชว่ ยเหลือแก่เรืออับปาง
โรงพยาบาลตอ้ งไม่ถูกคกุ คาม
หบี ห่อยาและเวชภณั ฑ์มีเสน้ ทางลาเลียงทปี่ ลอดภยั
สตรีต้องไดร้ บั ความคุม้ ครองเป็นพิเศษให้พน้ จากการถูกข่มขืน
หา้ มการปล้นสะดม
หา้ มแก้แค้นผทู้ ไี่ ด้รบั การคุ้มกัน
เป็นหลักของกฎหมายมนษุ ยธรรมระหวา่ งประเทศ
เป็นตราสารระหว่างประเทศทส่ี าคัญท่ีสุดในการปกป้องศกั ดศิ์ รีของ
มนุษย์ในยามสงคราม
เป็นอนุสัญญาที่ได้รับกรให้สตั ยาบันมากทส่ี ุดในโลก (191 ประเทศ)
6.2 พธิ ีสารเพิ่มเตมิ
พิธีสารเพมิ่ เติม (The Additional Protocols) คอื ขอ้ กฎหมาย IHL ที่
ขยายความเพิ่มเติมอนสุ ัญญาเจนีวา เพอื่ ให้มปี ระสทิ ธภิ าพการปกปอ้ งชีวติ และ
ศกั ด์ิศรีของเพ่ือนมนษุ ย์ โดยเฉพาะกลุ่มพลเรือนใหไ้ ดร้ ับการคมุ้ ครองมากยง่ิ ขนึ้
จงึ มกี ารลงนามรบั รอง พิธีสารเพิ่มเตมิ 2 ฉบับ ใน พ.ศ. 2550
- พิธสี ารฉบับท่ี 1 การคมุ้ ครองพลเรอื น ซ่ึงได้รบั ผลกระทบจากการขัดกนั
ทางอาวุธระหวา่ งประเทศครอบคลมุ ถึงทรัพยส์ นิ ของพลเรือน อปุ กรณ์
รกั ษาพยาบาล แพทย์ พยาบาล เจา้ หนา้ ที่บรรเทาทุกข์ และกาหนดวิธกี ารใช้
อาวุธในการทาสงคราม
- พธิ ีสารฉบับที่ 2 การคุ้มครองพลเรือนซึ่งได้รบั ผลกระทบจากการขัดแยง้
ที่มใิ ชร่ ะหวา่ งประเทศ เช่น สงครามกลางเมอื ง การขัดแยง้ ระหว่างฝ่ายรฐั บาล
และฝ่ายกบฏ
สาระสาคัญของพิธีสารเพ่ิมเติม
ต้องจากัดวิธีการในการทาสงคราม
ต้องแยกแยะผลเรอื นออกจากผ้ทู ท่ี าการสู้รบ(ทหาร)
หา้ มทาลายส่ิงท่ีจาเป็นตอ่ ความอย่รู อดของพลเรือน
หา้ มนาเดก็ ทีม่ ีอายุตา่ กวา่ 15 ปี เข้ารว่ มในการสรู้ บ
6.3 ศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์
กาชาด ถอื กาเนดิ มาเพอ่ื การชว่ ยเหลอื บรรเทาทุกขเ์ พ่ือนมนุษย์
วัตถุประสงค์ คือปอ้ งกันชวี ิตและสุขภาพ การเคารพในสิทธขิ องมนษุ ย์ รวมทงั้
การสง่ เสรมิ สัมพันธภาพ ความร่วมมือเพอื่ สันตสิ ุขท่ียั่งยนื ของมนษุ ยชาติ เป็น
การช่วยเหลอื โดยไมแ่ บง่ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา ชนชนั้ และลัทธิการเมือง
มนษุ ย์ มคี ุณลักษณะส่วนบคุ คลทสี่ ามารถดาเนนิ ชีวิตด้วยความรบั ผดิ ชอบ
ของตนเอง และมีความเปน็ อสิ ระที่จะพัฒนาบุคลิกภาพภายใตค้ วามรบั ผิดชอบ
และการตดั สนิ ใจของตนเอง มนษุ ย์จงึ มสี ิทธิและเสรีภาพ โดยไมล่ ว่ งละเมดิ สิทธิ
และเสรีภาพของผูอ้ ่นื นั่นกค็ ือการเคารพในคณุ ค่า และศกั ดศิ์ รคี วามเป็นมนุษย์
ของผอู้ ่ืนนนั่ เอง
6.4 สิทธิและเสรภี าพ
สิทธิ ในทางกฎหมาย คือ อานาจท่ีกฎหมายรบั รองคุ้มครองให้แกบ่ ุคคล
เพอื่ เรยี กรอ้ งให้บุคคลอน่ื กระทาการอย่างใดอย่างหนง่ึ สิทธิจึงกอ่ ใหเ้ กิดหนา้ ท่ี
แกบ่ ุคคลอ่ืนดว้ ย เชน่ สทิ ธติ ามบทบัญญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู
เสรีภาพ หมายถึง สภาพการณท์ ่บี คุ คลมีอิสระที่จะกระทาการอย่าง ได
อยา่ งหน่ึง ตามความประสงค์ของตน
สิทธแิ ละเสรีภาพ จึงเป็นคาท่ีใช้ควบคูไ่ ปกับคาอธิบายศักดศ์ิ รคี วามเปน็
มนุษย์ สิทธแิ ละเสรีภาพทจ่ี ะก่อใหเ้ กดิ ผลในทางปฏิบตั ิได้ จะต้องอาศัยพื้นฐาน
จากหลักความเสมอภาค และศักด์ิศรีความเป็นมนษุ ย์ก็เป็นรากฐานของสิทธิและ
เสรภี าพทัง้ ปวงด้วย ดงั น้ันการละเมดิ ศักดศ์ิ รีความเป็นมนุษย์ จึงจะรวมได้ถึงการ
ละเมดิ ในสทิ ธแิ ละเสรีภาพของมนษุ ย์น่นั เอง การกระทาใด ๆ กต็ าม ท่ีทาให้
คุณค่าของความเป็นคนถูกลดคุณค่าลง ถือว่าเปน็ การละเมดิ ศักดศ์ิ รีความเปน็
มนษุ ยเ์ ช่นกัน
6.5 ข้อสังเกตบางประการท่ีน่าพิจารณาเก่ียวกับศักดิ์ศรีความเปน็ มนษุ ย์
ในกรณที บี่ ุคคลไม่สามารถพัฒนาบคุ ลิกภาพของตนเองได้ เชน่ จิตบกพร่อง
จติ ผดิ ปกติ จะดว้ ยเหตุผลใดก็ตาม ใหถ้ อื ว่าศกั ด์ิศรีความเปน็ มนุษย์ยังคงดารงอยู่กับ
บคุ คลนัน้ อยา่ งสมบรู ณ์
การทีบ่ คุ คลใดบคุ คลหนง่ึ จะสรา้ งความเสอ่ื มเสยี ใหแ้ กต่ นเอง เชน่ ใชส้ ิทธิ
และเสรีภาพในทางท่ีผดิ เปน็ อาชญากร สร้างความอับอาย สร้างความเสอ่ื มเสียใหก้ บั
ตนเองและวงศ์ตระกลู การกระทาเช่นน้นั ย่อมเปน็ เคร่อื งพิสจู นว์ ่าบคุ คลน้ันมีศกั ดศิ์ รีท่ีจะ
กาหนดตนเองได้อยา่ งสมบูรณ์
การท่ีบุคคลใดบุคคลหนึ่ง จะสรา้ งความเสอ่ื มเสยี ใหแ้ กต่ นเอง เชน่ ใช้สิทธิ
และเสรภี าพในทางที่ผดิ เป็นอาชญากร สรา้ งความอับอาย สรา้ งความเส่อื มเสยี ใหก้ บั
ตนเองและวงศ์ตระกูล การกระทาเช่นน้นั ยอ่ มเปน็ เคร่ืองพิสจู น์วา่ บคุ คลนนั้ มีศักดิ์ศรีที่จะ
กาหนดตนเองได้อยา่ งอสิ ระ เพียงแตบ่ ุคคลน้นั ใชส้ ทิ ธิและเสรีภาพไปในทางไมถ่ ูกตอ้ ง
หรือใชใ้ นทางทผ่ี ิดนน่ั เอง
บทบญั ญตั ิ ขอ้ กฎหมายใดๆ ของรฐั ทีเ่ กดิ ขน้ึ ถอื เปน็ ภาระหนา้ ท่ขี องรฐั ท่ี
จะตอ้ งให้ความค้มุ ครองศกั ด์ศิ รคี วามเป็นมนษุ ย์ และปกป้องไม่ใหม้ กี ารละเมิดตอ่ ศกั ด์ิศรี
ความเป็นมนษุ ย์
แม้บคุ คลน้ันจะยังไมถ่ ือกาเนิด (อยู่ในครรภ์) หรือบคุ คลนนั้ ได้ตายไปแลว้ ก็
ตาม ย่อมได้รบั การคุ้มครองโดยอานาจรฐั เข่น เดก็ ในครรภ์ การทาแทง้ ถือว่าเป็นสงิ่ ผิด
กฎหมาย เพราะเดก็ มสี ทิ ธิทจี่ ะมีชวี ิตอยูแ่ ละรฐั กใ็ ห้ความคมุ้ ครองชีวติ ดังกลา่ วด้วย
รวมท้ังการคุม้ ครองผู้ทเ่ี สียชีวติ ไปแล้ว การใชป้ ระโยชน์จากศพ
เพ่อื การใดก็ตามกถ็ อื เปน็ การละเมิด นอกจากกรณีทผี่ ตู้ ายได้อุทศิ ร่างกายของตนเองเพอ่ื
ศกึ ษาวิชาทางการแพทย์
สรปุ กฎหมายมนษุ ยธรรมระหว่างประเทศ (IHL)
1. การเคารพชวี ิตทหาร พลเรือน
2. การเคารพสัญลกั ษณก์ าชาด
3. หา้ มทารา้ ยคนทว่ี างอาวุธ
4. ชว่ ยคนบาดเจ็บ รักษาพยาบาล
5. การแบง่ เขตระหว่างทหารและพลเรอื น
6 การจากัดวธิ ใี นการทาสงคราม