The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 3234ด.ญ.ภัทรมน ช่างปัด, 2023-02-26 09:03:14

รถพลังงานแบตเตอรี่จากขวดพลาสติก

โครงงาน

โครงงานการออกแบบด้วยเทคโนโลยีเชิงบูรณาการ เรื่อง การประดิษฐ์รถพลังงานแบตเตอรี่จากขวดพลาสติก จัดทำโดย 1.ด.ญ.ชัญญภัตน์ ศักดา เลขที่ 6 2.ด.ช.พงค์ภัค เครืองวงค์ เลขที่ 26 3.ด.ญ.จินันทินี ไชยประเสริฐ เลขที่ 27 4.ด.ช.ศิวกร ทองมังกร เลขที่ 33 5.ด.ญ.ภัทรมน ช่างปัด เลขที่ 34 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ห้อง 2 เสนอ คุณครูสุนทรา ธรรมสอน รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ว 20218 โครงงานออกแบบด้วย เทคโนโลยีเชิงบูรณาการ โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม จังหวัดเชียงราย


ก เรื่อง : การประดิษฐ์รถพลังงานแบตเตอรี่จากขวดพลาสติก คณะผู้จัดทำ : 1. ด.ญ.ชัญญภัตน์ ศักดา เลขที่ 6 2. ด.ช.พงค์ภัค เครืองวงค์ เลขที่ 26 3. ด.ญ.จินันทินี ไชยประเสริฐ เลขที่ 27 4. ด.ช.ศิวกร ทองมังกร เลขที่ 33 5. ด.ญ.ภัทรมน ช่างปัด เลขที่ 34 โรงเรียน : สามัคคีวิทยาคม จังหวัดเชียงราย ครูที่ปรึกษา : คุณครูสุนทรา ธรรมสอน ปีการศึกษา : 2565 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ บทคัดย่อ โครงงานการออกแบบด้วยเทคโนโลยีนี้เป็นการศึกษาค้นคว้าและประดิษฐ์ เรื่อง การประดิษฐ์ รถพลังงานแบตเตอรี่จากขวดพลาสติก โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจหรือช่วย บรรเทาฝันร้ายและนำของเหลือใช้ภายในบ้าน มาทำให้เกิดประโยชน์ซึ่งทำให้เกิดผลดีด้านความคิด สร้างสรรค์ในการทำสิ่งประดิษฐ์ครั้งนี้ได้นำความคิดสร้างสรรค์ออกมาประดิษฐ์เป็นรถพลังงาน แบตเตอรี่จากขวดพลาสติก ผลการดำเนินงานจากผลการตรวจสอบคุณภาพและประสิทธิภาพการใช้งาน โดยการนำ สิ่งของเหลือใช้มาประดิษฐ์ผลปรากฏว่าสิ่งที่ประดิษฐ์ช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และศึกษาการ เรียนรู้เรื่องการออกแบบและเทคโนโลยีสามารถนำความรู้มาประดิษฐ์รถพลังงานจากแบตเตอรี่จาก ขวดพลาสติกอย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพในการใช้งาน


ข กิตติกรรมประกาศ โครงงานเรื่อง การประดิษฐ์รถพลังงานจากแบตเตอรี่จากขวดพลาสติก คณะผู้จัดทำได้ ดำเนินการจัดทำเพื่อลดขยะในโลก โดยการนำวัสดุที่ใช้แล้วหรือวัสดุเหลือใช้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยได้รับการสนับสนุนการให้คำปรึกษาจากคุณครูและได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ปกครองที่ได้ให้ ข้อเสนอแนะ แนะนำการทำต่างๆ คณะผู้จัดทำหวังว่าโครงงานนี้จะเป็นแนวทางและประโยชน์ต่อผู้ที่พบเห็น และขอขอบคุณทุก ท่านที่ได้กล่าวถึงมาข้างหน้าและที่ไม่ได้กล่าวถึง ณ ที่นี้เป็นอย่างสูง คณะผู้จัดทำโครงงานรถพลังงานแบตเตอรี่จากขวดพลาสติก


ค สารบัญ หน้า บทคัดย่อ ก กิตติกรรมประกาศ ข สารบัญ ค บทที่ 1 บทนำ 1 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3 บทที่ 3 วิธีการดำเนินการ 13 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 20 บทที่ 5 สรุปและอภิปราย 21 บรรณานุกรม 22 ภาคผนวก 23


1 บทที่1 บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา เนื่องด้วยในปัจจุบันมีปัญหาภาวะโลกร้อนเกิดขึ้นในทั่วโลกและส่วนหนึ่งของภาวะ โรคร้อนเกิดจากการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองนับว่าเป็นปัญหาที่สำคัญระดับชุมชนและ ประเทศสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของประชากรและการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในสังคมไทย เช่น กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ชุมชนเมืองที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว การใช้สิ่งอำนวยความ สะดวก ในขณะนี้ประสบปัญหาเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนเกิดขึ้นทั้งการขยายตัวของประชากร การตัดไม้ทำลายป่า การปล่อยของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม และการทิ้งขยะ โดย สาเหตุของการทิ้งขยะมากขึ้น เช่น ขวดน้ำพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ทำให้เกิดความ เสียหาย ไม่คุ้มค่า และสิ้นเปลืองทรัพยากร ดังนั้นเราจึงทำโครงงานเรื่อง การประดิษฐ์รถพลังงานแบตเตอรี่จากขวดพลาสติก เพื่อเป็นการลดโลกร้อนเนื่องจากการนำขวดน้ำพลาสติกที่ถูกทิ้งเรี่ยราดและยังไม่ถูกนำไป รีไซเคิลภายในโรงเรียนสามัคคีวิทยาคมเพื่อนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ วัตถุประสงค์ของการศึกษา 1. เพื่อศึกษาการประดิษฐ์รถพลังงานแบตเตอรี่จากขวดพลาสติก 2. เพื่อประยุกต์ใช้สิ่งของที่ไม่ใช้นำมารีไซเคิลใหม่ได้อีกครั้ง 3. ลดขยะประเภทขวดน้ำพลาสติก ประโยชน์ของการศึกษา 1.เพื่อให้ขยะในโรงเรียนลดน้อยลง 2.ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ 3.ถังขยะขวดน้ำสามารถใช้งานได้จริง 4.ได้ชิ้นงานที่มีความคิดสร้างสรรค์


2 ขอบเขตการของการศึกษา 1.ขอบเขตของเนื้อหา เนื้อหาที่ใช้ในการศึกษาเป็นการนำขวดพลาสติกมา ประดิษฐ์เป็นประดิษฐ์รถพลังงานแบตเตอรี่จากขวดพลาสติก 2.สถานที่ที่ใช้ในการศึกษา โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม 3.ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษา วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 สมมติฐานของการศึกษา รถพลังงานแบตเตอรี่จากขวดน้ำพลาสติกจะสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดขยะจากขวดน้ำพลาสติกในโรงเรียนได้ นิยามศัพท์เฉพาะ ขยะ คือ สิ่งของหรือเศษวัสดุเหลือใช้ หรือสิ่งที่เราไม่ต้องการและต้องมีการจัดทิ้ง ขยะโดยทั่วไป มี 4 ประเภท ขยะอินทรีย์ขยะทั่วไป ขยะรีไซเคิล และขยะอันตราย รีไซเคิล คือ เป็นการนำเศษวัสดุของเหลือกินเหลือใช้มาแปรรูปใหม่เพื่อนำกลับมา ใช้งานอีกครั้ง ภาวะโลกร้อน คือ อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจากภาวะเรือนกระจก ซึ่งมีต้นเหตุ จากการที่มนุษย์ ได้เพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ การขนส่ง และการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม แบตเตอรี่ คือ อุปกรณ์ที่ประกอบด้วยเซลล์ไฟฟ้าเคมี (electrochemical cell) ตั้งแต่หนึ่งเซลล์ขึ้นไป โดยแต่ละเซลล์มีการเชื่อมต่อกันทางไฟฟ้า จึงสามารถเปลี่ยน พลังงานเคมีที่มีสะสมเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ ขวดน้ำ คือ ภาชนะที่มีรูปทรงยาว ทั่วไปใช้บรรจุน้ำ หรือของเหลว ส่วนใหญ่ทำ จากวัสดุประเภทแก้ว หรือ พลาสติก ประดิษฐ์คือ จัดทําขึ้น คิดทําขึ้น สร้างขึ้น แต่งขึ้น


3 บทที่2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ในการศึกษาเรื่อง การประดิษฐ์รถพลังงานแบตเตอรี่จากขวดพลาสติกซึ่ง มีวัตถุประสงค์คือ เพื่อเป็นการลดโลกร้อนเนื่องจากการนําขวดน้ำพลาสติกที่ถูกทิ้งเรี่ยราดและยังไม่ถูกรีไซเคิลภายใน โรงเรียนสามัคคีวิทยาคมเพื่อนํากลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์คณะผู้จัดทำได้ศึกษาความรู้เกี่ยวกับ การทำงานของมอเตอร์วงจรไฟฟ้าและลดค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ในการทำความสะอาดเป็นการ นำวัสดุเหลือใช้มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์เสริมสร้างความสามัคคี ความรับผิดชอบ กระบวนการ คิดการแก้ปัญหาและทักษะการทำงานด้านงานช่างไฟฟ้าให้คณะผู้จัดทำ ผู้ศึกษาได้ทำการศึกษา ค้นคว้าหาความรู้โดยศึกษา ตามหัวเรื่องดังนี้ 2.1 สภาวะโลกร้อน 2.2 ปัญหาขยะพลาสติก 2.3 รถพลังงานแบตเตอรี่ 2.1 ภาวะโลกร้อน เว็บไซต์https://gracz.co.th/blog/post/planet-global-warming ได้กล่าวไว้ว่า ภาวะ โลกร้อน คือ การที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจากภาวะเรือนกระจก หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อว่า Green house effect ซึ่งมีต้นเหตุจากการที่มนุษย์ ได้เพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากการ เผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ การขนส่ง และการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม นอกจากนั้น มนุษย์เรายังได้ เพิ่มก๊าซกลุ่มไนตรัสออกไซด์ และคลอโรฟลูโรคาร์บอน (CFC) เข้าไปอีกด้วย พร้อมๆกับการที่เราตัด และทำลาย ป่าไม้จำนวนมหาศาลเพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ ทำให้กลไกในการดึง เอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากระบบบรรยากาศถูกลดทอนประสิทธิภาพลง และในที่สุดสิ่ง ต่างๆที่เราได้กระทำต่อโลกได้หวนกลับมาสู่เราในลักษณะของภาวะโลกร้อน ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิด สภาวะโลกร้อน ซี่งปรากฏการณ์ทั้งหลายเกิดจากภาวะโลกร้อนขึ้นที่มีมูลเหตุมาจากการปล่อยก๊าซพิษ ต่างๆ จากโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้แสงอาทิตย์ส่องทะลุผ่านชั้นบรรยากาศมาสู่พื้นโลกได้มากขึ้น


4 ซึ่งนั่นเป็นที่รู้จักกันโดยเรียกว่า สภาวะเรือนกระจกก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ 6 ชนิด ที่จะต้องลดการ ปล่อย ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซมีเทน (CH4) ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N2O) ก๊าซไฮโดร ฟลูโรคาร์บอน (HFCS) ก๊าซเปอร์ฟลูโรคาร์บอน (CFCS) และก๊าซซัลเฟอร์เฮกซ่าฟลูโอโรด์ (SF6) ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนในแต่ละด้าน มีดังนี้ 1.ผลกระทบด้านนิเวศวิทยา คือ แถบขั้วโลกได้รับผลกระทบมากสุดและก่อให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูเขาน้ำแข็ง ก้อนน้ำแข็งจะละลายอย่างรวดเร็ว ทำให้ ระดับน้ำทะเลทางขั้วโลกเพิ่มขึ้น และไหลลงสู่ทั่วโลกทำให้เกิดน้ำท่วมได้ทุกทวีป นอกจากนี้จะพลอย ทำให้สัตว์ทางทะเลเสียชีวิตเพราะระบบนิเวศเปลี่ยนแปลง ส่วนทวีปยุโรป ยุโรปใต้ภูมิประเทศจะ กลายเป็นพื้นที่ลาดเอียงเกิดความแห้งแล้ง ในหลายพื้นที่ปัญหาอุทกภัยจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากธารน้ำแข็ง บนบริเวณยอดเขาสูงที่ปกคลุมด้วยหิมะจะละลายจนหมด ขณะที่เอเชียอุณหภูมิจะสูงขึ้นเกิดฤดูกาลที่ แห้งแล้ง มีน้ำท่วม ผลิตผลทางอาหารลดลง ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นสภาวะอากาศ แปรปรวนอาจทำให้ เกิดพายุต่าง ๆ มากมายเข้าไปทำลายบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของประชาชน ซึ่งปัจจุบันก็เห็นผลกระทบ ได้ชัด เช่น การเกิดพายุใต้ฝุ่น แต่แถบทวีปอเมริกาเหนืออุตสาหกรรมการผลิตอาหารจะได้รับ ผลประโยชน์เนื่องจากอากาศที่อุ่นขึ้น พร้อม ๆ กับทุ่งหญ้าใหญ่ของแคนาดาและทุ่งราบใหญ่ สหรัฐอเมริกานักวิจัยได้มีการคาดประมาณอุณหภูมิผิวโลกในอีก 100 ปีข้างหน้า หรือประมาณปี 2643 ว่า อุณหภูมิจะสูงขึ้นจากปัจจุบันราว 4.5 องศาเซลเซียส เนื่องจากคาดการณ์ว่าจะมีการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึงร้อยละ 63 และก๊าซมีเทนร้อยละ 27 ของก๊าซเรือนกระจก สำหรับประเทศ ไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 1 องศาเซลเซียส ในช่วง 40 ปี อย่างไรก็ตาม หากอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น 2- 4 องศาเซลเซียส จะทำให้พายุไต้ฝุ่นเปลี่ยนทิศทางเกิดความรุนแรง และมีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 10- 20 ในอนาคต นอกจากนี้ฤดูร้อนจะขยายเวลายาวนานขึ้นในขณะที่ฤดูหนาวจะสั้นลง 2. ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ คือ รัฐที่เป็นเกาะเล็ก ๆ ของทวีปอเมริกาจะได้รับผลจาก ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นกัดกร่อนชายฝั่ง จะสร้างความเสียหายแก่ระบบนิเวศ แนวปะการังจะถูกทำลาย ปลาทะเลประสบปัญหา เนื่องจากระบบนิเวศที่แปรเปลี่ยนไป ธุรกิจท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญจะ สูญเสียรายได้มหาศาล นอกจากนี้ ในเอเชียยังมีโอกาสร้อยละ 66-90 ที่อาจเกิดฝนกระหน่ำและมรสุม อย่างรุนแรง รวมถึงเกิดความแห้งแล้งในฤดูร้อนที่ยาวนาน ทั้งนี้ ในปี 2532-2545 ประเทศไทยเกิด ความเสียหาย จากอุทกภัย พายุ และภัยแล้ง คิดเป็นมูลค่าเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 70,000


5 ล้านบาทรายงาน " Global Deserts Outlook" ของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ เนื่องใน วันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน ชี้ว่า ภายใน 50 ปีข้างหน้า ระบบนิเวศวิทยาทะเลทราย จะ เปลี่ยนแปลงไปทั้งด้านชีววิทยา เศรษฐกิจและวัฒนธรรม ปัจจุบันพืชและสัตว์ทะเลทราย คือแหล่ง ทรัพยากรมีคุณค่าสำหรับผลิตยาและธัญญาหารใหม่ๆ ที่ทำให้ไม่ต้องสิ้นเปลืองน้ำและยังมีช่องทาง เศรษฐกิจใหม่ๆ ที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ เช่น การทำฟาร์มกุ้งและบ่อปลาในทะเลทรายรัฐอาริโซนา และทะเลทรายเน เจฟในอิสราเอล อย่างไรก็ตาม ทะเลทรายที่มีอยู่ 12 แห่งทั่วโลก กำลังเผชิญปัญหา ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องการขยายตัว แต่เป็นความแห้งแล้งเนื่องจากโลกร้อน ธารน้ำแข็งซึ่งส่งน้ำมาหล่อเลี้ยง ทะเลทรายในอเมริกาใต้กำลังละลาย น้ำใต้ดินเค็มขึ้น รวมทั้งผลกระทบที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ซึ่งหาก ไม่มีการลงมือป้องกันอย่างทันท่วงที ระบบนิเวศวิทยาและสัตว์ป่าในทะเลทรายจะสูญหายไปภายใน 50 ปีข้างหน้าในอนาคตประชากร 500 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในเขตทะเลทรายทั่วโลกจะอยู่ไม่ได้อีกต่อไป เพราะอุณหภูมิสูงขึ้นและน้ำถูกใช้จนหมดหรือเค็มจนดื่มไม่ได้ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมากต่อ ชายหาดน้ำทะเล หรือมหาสมุทร ซึ่งรวมถึงแหล่งแม่น้ำเค็มและแหล่งแม่น้ำจืดต่างๆบนโลก 3. ผลกระทบด้านสุขภาพ คือ ภาวะโลกร้อนไม่เพียง ทำให้ระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไปแต่มีสิ่ง ซ่อนเร้นที่แอบแฝงมาพร้อม ปรากฏการณ์นี้ด้วยว่าโลกร้อนขึ้นจะสร้างสภาวะที่พอเหมาะพอควรให้ เชื้อโรคเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โลกร้อนขึ้นจะก่อให้เกิด สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การฟักตัวของ เชื้อโรคและศัตรูพืช ที่เป็นอาหารของมนุษย์บางชนิด โรคที่ฟักตัวได้ดีในสภาพร้อนชื้นของโลก จะ สามารถเพิ่มขึ้นมากในอีก 20 ปีข้างหน้า ทั้งจะมีการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นในโรคมาลาเรีย ไข้ส่า อหิวาตกโรค และอาหารเป็นพิษนักวิทยาศาสตร์ในที่ประชุมองค์การอนามัยโลก และ London School of Hygiene and Tropical Medicine วิทยาลัยศึกษาด้านสุขอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อน ของอังกฤษ แถลงว่า ในแต่ละปีประชาชนราว 160,000 คนเสียชีวิตเพราะได้รับผลกระทบจากภาวะ โลกร้อน ตั้งแต่โรคมาลาเรีย ไปจนถึงการขาดแคลนสุขอนามัยที่ดี และตัวเลขผู้เสียชีวิตนี้อาจเพิ่มขึ้น เกือบสองเท่าตัวในอีก 17 ปีข้างหน้า แถลงการณ์ของคณะแพทย์ระดับโลกระบุว่า เด็กในประเทศ กำลังพัฒนาจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงมากที่สุด เช่นในประเทศแถบแอฟริกา ละตินอเมริกา และเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะต้องเผชิญกับการแพร่ขยายของการขาดแคลนสุขอนามัยโรคท้องร่วง และโรค มาเลเรีย ท่ามกลางอุณหภูมิโลกร้อนขึ้น น้ำท่วม และภัยแล้ง


6 ผู้แนะนำวิธีการช่วยป้องกันสภาวะโลกร้อนไว้ดังนี้ 1. ลดระดับการใช้งานเครื่องใช้ ไฟฟ้าลง เช่น เพิ่มความร้อนของเครื่องปรับอากาศใน สำนักงานหรือที่พักอาศัยลงสักหนึ่งองศา หรือ ปิดไฟขณะไม่ใช้ งาน 2. นำกระดาษหรือภาชนะบรรจุอื่นๆ กลับไปใช้ใหม่ พยายามซื้อสิ่งของที่มีอายุ การใช้งาน นานๆ จะช่วยลดการใช้พลังงานของโลกอย่างมากมาย 3. รักษาป่าไม้ให้ได้มากที่สุด และลดหรืองดการจัดซื้อสิ่งของหรือเฟอร์นิเจอร์ ต่างๆ ที่ทำ จากไม้ที่ตัดเอามาจากป่า เพื่อปล่อยให้ต้นไม้และป่าไม้เหล่านี้ได้ทำหน้าที่การ เป็นปอดของโลกสืบไป 4. ลดการใช้น้ำมัน จากการขับขี่ยวดยานพาหนะ 2.2 ปัญหาขยะพลาสติก เว็บไซต์https://www.greenpeace.org/thailand/tag/plastic/ ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อโลกเต็ม ไปด้วยขยะพลาสติกการผลิตพลาสติกมีความสัมพันธ์กับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ บริษัทข้ามชาติมัก เลือกประเทศด้อยพัฒนาซึ่งมีการจัดการของเสียที่ไร้ประสิทธิภาพและการบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ เป็นปลายทางของการระบายผลิตภัณฑ์พลาสติกของตน ขณะที่สารเคมีที่เป็นพิษในกระบวนการผลิต พลาสติกสามารถหลุดรอดและตกค้างยาวนานในสิ่งแวดล้อมทีมงานกรีนพีซกำลังสำรวจขยะกอง พลาสติกที่มีปริมาณกว่า 51,000 เมตริกตัน ขยะเหล่านี้มาจากเกาหลีใต้และถูกทิ้งอยู่ในบริเวณการ จัดการขยะ Verde Soko ในฟิลิปปินส์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีพ.ศ.2561มนุษย์เรายังหนีไม่พ้น “พลาสติก”หากคิดว่ามลพิษพลาสติกยังคงวนเวียนอยู่ในมหาสมุทร แต่ยังมาไม่ถึงมนุษย์เรา คุณคิด ผิด เพราะหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของออสเตรีย (The Environment Agency Austria)ได้นำ อุจจาระจากผู้ร่วมการทดลอง 8 คน จาก 8 ประเทศอย่าง ออสเตรีย อิตาลี ฟินแลนด์ เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ญี่ปุ่น รัสเซีย และสหราชอาณาจักร โดยแต่ละคนได้รับประทานอาหารประจำวันแบบปกติ (ผู้ที่ร่วมการทดลองไม่มีใครทานมังสวิรัติและมี 6 คนที่ทานปลาทะเล) ก่อนที่จะส่งอุจจาระของพวก เขาให้หน่วยงานได้วิเคราะห์และ ผลที่ได้คือ ตรวจเจอไมโครพลาสติกจากอุจจาระของผู้ที่ร่วมการ ทดสอบทุกราย โดยไมโครพลาสติกที่พบมีตั้งแต่ โพลีเอธีลีน (ส่วนประกอบของถุงพลาสติก) โพลีพรอ พีลีน (ฝาขวดน้ำ) ไปจนถึง โพลีไวนิลคลอไรด์ (ที่พบได้จากท่อพีวีซี) เฉลี่ยแล้วพบว่าในแต่ละ 10 กรัม ของอุจจาระจะเจออนุภาคของไมโครพลาสติกจำนวน 20 ชิ้น สัตว์บนบกก็ถูก(พลาสติก)ทำร้าย เช่นกัน ซึ่งไม่ใช่แค่สัตว์ทะเลเท่านั้นที่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามอันน่ากลัวนี้ แต่สัตว์บนบกก็ต้องเผชิญ


7 กับอันตรายเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ช้างที่อาศัยอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นกกระสาในสเปน หรือแม้กระทั่งไฮยีนาที่ดินแดนห่างไกลอย่างเอธิโอเปีย ก็หนีไม่พ้นวิกฤตขยะพลาสติก พวกมันอาจ บังเอิญกินพลาสติกเข้าไปโดยไม่รู้ตัว หรืออาจโชคร้ายถูกห่อหุ้มด้วยขยะพลาสติก อาทิ ช้างในอุทยาน แห่งชาติเขาใหญ่ ที่มีรายงานและภาพถ่ายระบุว่า อุจาระของช้างตัวนี้มีถุงพลาสติกและถุงขนมปนอยู่ ด้วย การปนเปื้อนเหล่านี้อันตรายมากเพราะ เมื่อสัตว์กินชิ้นส่วนของพลาสติกเข้าไปพลาสติกชิ้นนั้น จะไปกีดขวางลำไส้ของสัตว์ และไปรบกวนระบบย่อยอาหาร โดยทำให้เอนไซม์ในกระเพาะอาหาร หยุดหลั่ง และที่น่ากลัวกว่านั้นคือระดับฮอร์โมนถูกรบกวนหรือทำให้เกิดผลกระทบอื่นๆ ในระบบของ ร่างกาย มีประมาณการว่าในแต่ละปีมีนกทะเลราว 1 ล้านตัวและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลราว 100,000 ชีวิตตายจากการกินพลาสติกเข้าไปและไปรบกวนระบบย่อยอาหารและติดค้างในกระเพาะ อาหารและลำไส้คงไม่ใช่เรื่องดีนัก ถ้าพวกเราเน้นความสะดวกสบายจากการใช้พลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง พวกมันมีอายุการใช้งานสั้น แต่ใช้เวลาย่อยสลายยาวนาน ดังนั้นเพื่อลดภาระโลกและลดผลกระทบที่ จะเกิดขึ้นกับเราในอนาคต คำตอบคือ การลดใช้พลาสติกตั้งแต่ต้นทาง พัฒนาหาวัสดุทางเลือกที่ไม่ ตกค้างในสิ่งแวดล้อมและไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-use Plastic) กำลังคุกคามสิ่งมีชีวิตในทะเล มหาสมุทรรวมถึงโลกทั้งใบของเรา พลาสติกกลายมาเป็นสิ่งอำนวย ความสะดวกของเราในปัจจุบัน แต่ขยะพลาสติกเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อโลกและทำร้ายสิ่งมีชีวิตใน ทะเลเป็นจำนวนมาก โดยการทำงานร่วมกับผู้บริโภค กรีนพีซตั้งคำถามต่อบริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ พลาสติกถึง “การขยายความรับผิดชอบ(extended producer responsibility)” และแผนงานลด รอยเท้าพลาสติก(plastic footprint) และการยุติการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ล้นเกินที่ออกแบบให้ ใช้ครั้งเดียวทิ้งและกลายเป็นมลพิษในสิ่งแวดล้อม กรีนพีซยังเรียกร้องรัฐบาลให้ลงมือจัดการมลพิษ พลาสติกนี้โดยสนับสนุนระบบการผลิตและการบริโภคแบบของเสียเหลือศูนย์พลาสติก เป็นวัสดุพอลิ เมอร์ที่ผ่านกระบวนการสังเคราะห์โดยใช้วัตถุดิบจากแหล่งปิโตรเคมีเป็นหลัก เนื่องจากความคงทน ทำให้พลาสติกถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย และพบเห็นได้ทั่วไป แต่บางประเภทก็ถูกนำมาใช้งาน เพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่กลับถูกทิ้งอยู่ในสิ่งแวดล้อมอีกยาวนาน พลาสติกที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่จะถูกแบ่งตามหมายเลข เพื่อจะได้ทราบว่าผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นใช้พลาสติกประเภทใด เพราะ แต่ละชนิดมีการใช้งานแตกต่างออกไป บางชนิดนำมาใช้ซ้ำได้ บางชนิดนำมารีไซเคิลได้ แต่หลายชนิด ก็ไม่สามารถแตกตัวหรือนำมารีไซเคิลได้เราพบพลาสติกแทบในทุกๆที่ และมลพิษของพลาสติกก็ ส่งผลกระทบกับระบบนิเวศในทุกๆที่เช่นเดียวกัน ตั้งแต่ในมหาสมุทร แหล่งน้ำ ในป่า เกาะที่ห่างไกล


8 หรือแม้แต่ในน้ำแข็งของทวีปอาร์กติก พลาสติกส่วนใหญ่ใช้เวลานานในการย่อยสลาย เราไม่สามารถรู้ แน่ชัดว่าใช้ระยะเวลานานแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ คือ ถ้าหากพลาสติกปนเปื้อนเข้าสู่สิ่งแวดล้อมแล้ว ก็ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะเก็บกวาดให้หมดไป พลาสติกที่เราใช้ หลังจากกลายเป็นขยะแล้ว ก็จะมี ปลายทางอยู่ที่หลุมฝังกลบ หรือปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม เช่น แม่น้ำ ทะเล เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าก็ จะแตกตัวออกมาเป็นพลาสติกขนาดเล็ก หรือไมโครพลาสติก ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า การผลิตพลาสติกมีความสัมพันธ์กับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ บริษัทข้ามชาติมักเลือกประเทศด้อย พัฒนาซึ่งมีการจัดการของเสียที่ไร้ประสิทธิภาพและการบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอเป็นปลายทางของ การระบายผลิตภัณฑ์พลาสติกของตน ขณะที่สารเคมีที่เป็นพิษในกระบวนการผลิตพลาสติกสามารถ หลุดรอดและตกค้างยาวนานในสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์และสัตว์และการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากวงจรชีวิตพลาสติกทำให้เป้าหมายเพื่อจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ย ผิวโลกที่ 1.5 องศาไม่เป็นผล พลาสติกกว่า 90% ทำมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล จากรายงานล่าสุดของ CIEL ประมาณว่าการปล่อยมลพิษจากการผลิตพลาสติกทั่วโลกและการเผาเฉพาะปี 2562 เพียงปี เดียว เท่ากับการปล่อยมลพิษจากโรงไฟฟ้าถ่านหินราว 189 โรง รายงานฉบับเดียวกันยังประมาณว่า ในปี พ.ศ. 2593 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกอาจเพิ่มขึ้นอีก 10-13% และหากการใช้พลาสติกยังเป็น เช่นนี้ต่อไป การนำเชื้อเพลิงฟอสซิลมาทำพลาสติกอาจเท่ากับ 20% ของการใช้น้ำมันในปี 2593 นอกจากนี้ การกำจัดขยะที่ไม่ถูกวิธี เผาโดยไม่มีการควบคุม ก่อให้เกิดสารไดออกซิน สร้างมลพิษใน ดิน อากาศ ทั้งในรูปแบบฝุ่นละออง ก๊าซพิษ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ ทำให้เป็นอันตรายต่อผู้คนทั่วไป ที่สูดดมหรือสัมผัส ข้อมูลจากสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ระบุว่าพนักงานเก็บขยะที่ต้องอยู่กับ แหล่งสะสมเชื้อโรคเป็นเวลานานกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน ป่วยบ่อยกว่าคนทั่วไป 10-15%9 โดยต้องเสี่ยง ต่ออันตรายหลายรูปแบบ ทั้งถูกของมีคมบาดจนอาจเกิดแผลติดเชื้อและบาดทะยัก อันตรายจากเชื้อ โรคในกระดาษชำระ ถุงยางอนามัย ผ้าอนามัย เศษอาหารเน่าบูด และซากสัตว์ โดยโรคภัยจากขยะที่ เกิดบ่อยได้แก่ โรคระบบทางเดินอาหาร ท้องร่วง โรคจากการติดเชื้อ โรคภูมิแพ้ คลื่นไส้อาเจียนปวด ศีรษะ และโรคมะเร็ง เป็นต้น ในด้านการสูญเสียทางเศรษฐกิจนั้น รัฐบาลไทยใช้งบประมาณในการ จัดการขยะมากถึง 13,000 ล้านบาท/ปี โดยในจำนวนนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการรักษาเมื่อเกิดโรค รวมทั้งการจัดการดินเสียและน้ำท่วมจากการอุดตันของขยะแต่พลาสติกไม่ใช่ผู้ร้าย ความสะดวกสบาย ของเราต่างหากที่น่ากลัว หลายคนใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งเพราะตอบโจทย์เรื่องความสะดวก รวดเร็ว แต่พลาสติกชิ้นนั้นกลับใช้เวลานานในการย่อยสลาย เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น


9 ทางที่ดีที่สุดคือ การลดใช้พลาสติกตั้งแต่ต้นทางเพื่อลดการใช้ทรัพยากรที่มากเกินความจำเป็น หาก จำเป็นต้องใช้ พยายามใช้ซ้ำให้ได้มากที่สุด และหาวัสดุทางเลือกที่ไม่ตกค้างในสิ่งแวดล้อมและไม่เป็น อันตรายต่อสิ่งมีชีวิต แต่คนส่วนหนึ่งไม่เห็นประโยชน์ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ไม่ได้เห็นผลอย่าง ชัดเจนว่าการแยกขยะและทำความสะอาดก่อนทิ้งนั้นสำคัญอย่างไร จากผลสำรวจของชีวจิตโพล โครงการ 6 ระบุว่า คนไทยสูงถึง 92.3% รู้ว่าขยะที่ทิ้งก่อให้เกิดโรคแต่ไม่ทราบว่าขยะนั้นส่งผลต่อ ร่างกายและทำให้เกิดโรคภัย การแยกขยะก็ยังจำกัดอยู่ในวงแคบ และสิ่งอำนวยความสะดวกในการ ทิ้งอย่างถูกต้องก็หายาก เช่น ไม่มีถังแยกขยะตามประเภท ระบบแยกขยะมีหลายระบบ ป้ายไม่ชัดเจน ในยุคอุตสาหกรรม มีการวางแผนการตลาดที่กระตุ้นให้คนบริโภคในปริมาณมากและถี่ ด้วยสินค้าใหม่ โปรโมชั่นต่างๆ ราคาที่ถูก (แต่อายุการใช้งานน้อย) มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมที่แพงกว่าซื้อใหม่ ทำให้ พฤติกรรมและแนวคิดการใช้ของของคนในปัจจุบันเปลี่ยนไป ตั้งแต่อาหาร (1ใน 3 ของอาหารที่ผลิต ทั่วโลกกลายเป็นขยะ12) เสื้อผ้า (จากที่ต้องรอคอลเลคชั่นใหม่ปีละ 2 ครั้งตามฤดูกาล ปัจจุบันห้าง ร้านเสื้อผ้าชั้นนำส่งคอลเลคชั่นใหม่ๆ เข้าร้าน 2 ครั้งต่อสัปดาห์13) หนังสือ เฟอร์นิเจอร์ และ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ทำให้หลายคนเลือกที่ทิ้งแล้วซื้อของใหม่มากกว่าซ่อม ซึ่ง เราก้สามารถที่จะแก้ไขปัญหามลพิษพลาสติกโดย หลักการ Extended Producer Responsibility (EPR) ซึ่ง หลักการ Extended Producer Responsibility (EPR) คือ หลักการที่ขยายความ รับผิดชอบของผู้ผลิตไปยังช่วงต่าง ๆ ของวงจรชีวิตของบรรจุภัณฑ์ เป็นแนวทางให้ผู้ผลิตคำนึงถึง ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ กระจายสินค้า การรับคืน การเก็บ รวบรวม การใช้ซ้ำ การนำกลับมาใช้ใหม่ และการบำบัด ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงได้จัดทำ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ.2561-2573 โดยเป้าหมายสูงสุดของ Roadmap นี้คือ การ นำขยะพลาสติกเป้าหมายกลับมาใช้ประโยชน์ร้อยละ 100 ภายในปี 2570 ภายใต้ Roadmap นี้ได้ แบ่งแผนปฏิบัติการออกเป็นทั้งหมด 3 ระยะด้วยกัน คือ ระยะที่ 1 (พ.ศ.2561-2562) ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2563-2565) และระยะที่ 3 (พ.ศ.2566-2573) ซึ่งทั้ง 3 ระยะนั้นจะดำเนินมาตรการลดการเกิดขยะ พลาสติก ณ แหล่งกำเนิด มาตรการลด เลิกใช้พลาสติก ณ ขั้นตอนการบริโภค และมาตรการจัดการ ขยะพลาสติกหลังการบริโภค หากประเทศไทยสามารถดำเนินการตาม Roadmap การจัดการขยะ พลาสติก และแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ.2561-2573 ให้บรรลุได้ตามเป้าหมาย จะสามารถลดปริมาณขยะพลาสติกที่ต้องนำไปกำจัดได้ประมาณ 0.78 ล้านตันต่อปี และสามารถ ประหยัดงบประมาณในการจัดการขยะมูลฝอยได้ประมาณ 3,900 ล้านบาทต่อปี ซึ่งในการดำเนินงาน


10 ให้บรรลุหมายนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในภาคของประชาชนที่จะมีบทบาทอย่างมากตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ยกตัวอย่างเช่น การเลือกซื้อ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจนกระทั่งการส่งคืนซากเมื่อใช้งานเสร็จสิ้นแล้ว หรือ แม้แต่ การตัดวงจรการเกิดขยะโดยการลดการใช้ การใช้ซ้ำ เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นภาคประชาชนมีส่วนสำคัญ ที่สามารถช่วยให้การขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการนี้สำเร็จตามเป้าหมาย 2.3 รถพลังงานแบตเตอรี่ เว็บไซต์https://th.wikipedia.org/wiki/รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ ได้กล่าวไว้ว่า รถยนต์ไฟฟ้า แบบใช้แบตเตอรี่ (อังกฤษ: Battery electric vehicle) (BEV) หรือ รถยนต์ไฟฟ้าบริสุทธิ์ (pure electric vehicle) หรือ รถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียว (only-electric vehicle) หรือรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด (all-electric vehicle) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าประเภทหนึ่งที่ใช้พลังงานเคมีที่เก็บไว้ในชุดแบตเตอรี่แบบ ชาร์จไฟได้โดยไม่มีแหล่งที่มาของแรงขับสำรอง (เช่น เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน, เครื่องยนต์สันดาป ภายใน ฯลฯ ) BEV หรือก็คือ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่แปลงพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล การทำงานปกติของ มอเตอร์ไฟฟ้าส่วนใหญ่เกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างสนามแม่เหล็กของแม่เหล็กในตัวมอเตอร์ และสนามแม่เหล็กที่เกิดจากกระแสในขดลวดทำให้เกิดแรงดูดและแรงผลักของสนามแม่เหล็กทั้งสอง ในการใช้งานตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมการขนส่งใช้มอเตอร์ฉุดลาก เป็นต้น นอกจากนั้นแล้ว มอเตอร์ไฟฟ้ายังสามารถทำงานได้ถึงสองแบบ ได้แก่ การสร้างพลังงานกล และ การผลิตพลังงาน ไฟฟ้า มอเตอร์ไฟฟ้าถูกนำไปใช้งานที่หลากหลายเช่น พัดลมอุตสาหกรรม เครื่องเป่า ปั๊ม เครื่องมือ เครื่องใช้ในครัวเรือน และดิสก์ไดรฟ์ มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถขับเคลื่อนโดยแหล่งจ่ายไฟกระแสตรง (DC) เช่น จากแบตเตอรี่, ยานยนต์หรือวงจรเรียงกระแส หรือจากแหล่งจ่ายไฟกระแสสลับ (AC) เช่น จากไฟบ้าน อินเวอร์เตอร์ หรือ เครื่องปั่นไฟ มอเตอร์ขนาดเล็กอาจจะพบในนาฬิกาไฟฟ้า มอเตอร์ ทั่วไปที่มีขนาดและคุณลักษณะมาตรฐานสูงจะให้พลังงานกลที่สะดวกสำหรับใช้ในอุตสาหกรรม มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดใช้สำหรับการใช้งานลากจูงเรือ และ การบีบอัดท่อส่งน้ำมันและปั้มป์สูบ จัดเก็บน้ำมันซึ่งมีกำลังถึง 100 เมกะวัตต์ มอเตอร์ไฟฟ้าอาจจำแนกตามประเภทของแหล่งที่มาของ พลังงานไฟฟ้าหรือตามโครงสร้างภายในหรือตามการใช้งานหรือตามการเคลื่อนไหวของเอาต์พุต และ อื่น ๆ อุปกรณ์เช่นขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าและลำโพงที่แปลงกระแสไฟฟ้าให้เป็นการเคลื่อนไหว แต่


11 ไม่ได้สร้างพลังงานกลที่ใช้งานได้ จะเรียกถูกว่า actuator และ transducer ตามลำดับ คำว่ามอเตอร์ ไฟฟ้านั้น ต้องใช้สร้างแรงเชิงเส้น(linear force) หรือ แรงบิด(torque) หรือเรียกอีกอย่างว่า หมุน (rotary) เท่านั้น ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและตัวควบคุมมอเตอร์แทนเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICEs) ซึ่งคือ เป็นเครื่องยนต์ซึ่งการสันดาปของเชื้อเพลิง (มักเป็นเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์)เกิดขึ้นกับตัวออกซิไดซ์ (มักเป็นอากาศ) ในห้องเผาไหม้ ในเครื่องยนต์สันดาปภายใน การขยายตัวของแก๊สอุณหภูมิและความ ดันสูงเกิดขึ้นจากการสันดาปทำให้เกิดแรงโดยตรงแก่บางส่วนประกอบของเครื่องยนต์ แรงนี้ตามแบบ นำไปใช้กับลูกสูบ ใบพัดเทอร์ไบน์ หรือหัวฉีด แรงนี้เคลื่อนส่วนประกอบไประยะหนึ่ง โดยการเปลี่ยน พลังงานเคมีเป็นพลังงานกลที่มีประโยชน์คำว่า เครื่องยนต์สันดาปภายใน มักหมายถึง เครื่องยนต์ที่ การสันดาปนั้นเกิดขึ้นไม่ต่อเนื่อง เช่น ที่คุ้นเคยกันมากคือ เครื่องยนต์ลูกสูบสี่จังหวะและสองจังหวะ เช่นเดียวกับรุ่นดัดแปลง เช่น เครื่องยนต์ลูกสูบหกจังหวะ และเครื่องยนต์โรตารีวันเคิล เครื่องยนต์ สันดาปภายในชั้นสองใช้การสันดาปต่อเนื่อง: กังหันแก๊ส เครื่องยนต์เจ็ต และเครื่องยนต์จรวดส่วน ใหญ่ ซึ่งทั้งสามเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในบนหลักการเดียวกับที่ได้อธิบายไปข้างต้น เครื่องยนต์ สันดาปภายในค่อนข้างแตกต่างจากเครื่องยนต์สันดาปภายนอก เช่น เครื่องยนต์ไอน้ำหรือสเตอร์ลิง ซึ่งพลังงานถูกส่งไปยังของไหลทำงาน ซึ่งไม่ประกอบด้วย หรือผสมกับ หรือเจือปนกับ ผลิตภัณฑ์การ สันดาป ของไหลทำงานสามารถเป็นได้ทั้งอากาศ น้ำร้อน น้ำความดันสูง หรือกระทั่งโซเดียมในสถานะ ของเหลว ให้ความร้อนในหม้อน้ำบางชนิด ในการขับเคลื่อน มันได้รับพลังงานทั้งหมดจากชุด แบตเตอรี่จึงไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน เซลล์เชื้อเพลิงหรือถังเชื้อเพลิง BEV ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ เปลี่ยนพลังงานเคมีจากเชื้อเพลิงชนิดหนึ่งให้เป็นกระแสไฟฟ้าผ่านทางปฏิกิริยาเคมีของไอออนของ ไฮโดรเจนประจุบวกกับออกซิเจนหรือตัวทำออกซิเดชันอื่น เซลล์เชื้อเพลิงแตกต่างจากแบตเตอรี่ที่ว่า มันต้องการแหล่งจ่ายเชื้อเพลิงและออกซิเจนหรืออากาศอย่างต่อเนื่องเพื่อความยั่งยืนของปฏิกิริยา เคมี ในขณะที่ในแบตเตอรี่สารเคมีภายในจะทำปฏิกิริยาต่อกันเพื่อผลิตแรงเคลื่อนไฟฟ้า (emf) เซลล์ เชื้อเพลิงสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องนานเท่าที่เชื้อเพลิงและออกซิเจนหรืออากาศยังคงถูกใส่ เข้าไป ไม่เหมือนกับแบตเตอรี่ที่จะหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าถ้าสารเคมีหมดอายุการใช้งานยังรวมถึงที่ ไม่ได้จำกัดเฉพาะ - รถจักรยานยนต์ จักรยาน สกูตเตอร์ สเก็ตบอร์ด รถราง เรือบรรทุกสินค้า รถยก รถบัส รถบรรทุก และรถยนต์ในปี พ.ศ. 2559 มีการใช้จักรยานไฟฟ้า 210 ล้านคันทั่วโลกต่อวัน ยอดขายสะสมทั่วโลกของรถยนต์ไฟฟ้าบริสุทธิ์สำหรับงานเบาที่ใช้งานบนทางหลวงได้ทะลุ 1 ล้านคัน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2559 ณ สิ้นปี พ.ศ. 2562 รถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทบนทางหลวงที่ขายดีที่สุด


12 ในประวัติศาสตร์ของโลกคือ Nissan Leaf ที่มียอดขายทั่วโลก 450,000 คันตามมาด้วย Tesla Model 3 ที่มียอดขาย 448,634 สรุปได้ว่า รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% จากแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า โดยต้อง เสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานภายนอก และไม่มีเครื่องยนต์ที่ต้องเผาไหม้เชื้อเพลิงจึงไม่ มีการปล่อยไอเสียออกมา รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ซึ่งเกิดจากการพัฒนาทางเทคโนโลยี จึงทำให้ รถยนต์ชนิดนี้ใช้เพียงพลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน โดยวิธีการทำงานของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบ 100% นั้น ไม่ได้มีความละเอียดและซับซ้อนเหมือนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง มีองค์ประกอบหลักในการขับเคลื่อนเพียง 3 ส่วน แต่ทั้งสามส่วนนี้ได้ก่อให้เกิดการขับเคลื่อนที่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งสามส่วนที่ว่านี้ได้แก่ แบตเตอรี่ : พลังงานไฟฟ้าที่ชาร์จเข้ามา จะถูกเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ ซึ่งปัจจุบันนี้แบตเตอรี่ที่ใช้ ในรถยนต์ไฟฟ้าคือแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งเก็บพลังงานไฟฟ้าได้มากและใช้งานได้ทนทานขึ้น อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า : มีหน้าที่ควบคุมและแปลงกระแสไฟจากพลังงานไฟฟ้า กระแสตรงเป็นพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับ เพื่อส่งพลังงานต่อไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า มอเตอร์ไฟฟ้า : ใช้ในการส่งพลังงานที่ได้มาจากตัวแปลงกระแสไฟฟ้าส่งต่อไปยังเพลา เพื่อให้เกิดพลังงานในการขับเคลื่อน และด้วยการพัฒนาทางเทคโนโลยีขั้นสุดจึงทำให้สามารถพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าออกมา ขับเคลื่อนบนท้องถนนได้อย่างเป็นมิตรกับมนุษย์และโลก การทำงานของรถยนต์ชนิดนี้ได้ถูกพัฒนา จนทำงานได้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถใช้พลังงานทางเลือกที่ดีต่อโลกมาเป็นพลังงานหลักใน การขับเคลื่อนจึงทำให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าตัวนี้กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เราจะใช้ในการอนุรักษ์ โลกใบนี้ของเราให้สวยงามเพื่ออนาคตของรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป


13 บทที่3 วัสดุอุปกรณ์และวิธีการด าเนินการ การศึกษาโครงงานเรื่อง รถพลังงานแบตเตอร์รี่จากขวดน ้า ผู้จัดท าได้ศึกษาด าเนินการตามล าดับ ดังนี้ 3.1 เครื่องมือที่ใช้ในการด าเนินงาน 3.1.1วัสดุ-อุปกรณ์ที่ใช้ในการด าเนินงาน 3.2วิธีการด าเนินงานขั้นตอนจัดท าชิ้นงาน 3.1 เครื่องมือทใี่ช่ในการดา เนินงาน 3.1.1 วัสดุ-อุปกรณท์ ี่ใช้ในการดา เนินงาน ภาพที่ 1 ขวดพลาสติก ภาพที่ 2 ฝาขวดน ้า ภาพที่ 3 มอเตอร์ ภาพที่ 4แบตเตอร์รี่


14 ภาพที่ 5 ไม้เสียบลูกชิ้น ภาพที่ 6 ปืนกาว ภาพที่ 7 กรรไกร ภาพที่ 8 ปลอกปากกา ภาพที่ 9 หนังยาง ภาพที่ 10 ปลอกปากกา


15 3.2 วิธีการดา เนินงาน ขั้นตอนจัดทา ชิน้งาน ขั้นตอนที่ 1. เตรียมวัสดุ-อุปกรณ์ส าหรับด าเนินการประดิษฐ์รถพลังงานแบตเตอร์รี่จากขวดพลาสติก ภาพที่ 11 เตรียมวัสดุ-อุปกรณ์ ขั้นตอนที่ 2. เตรียมในส่วนของฝาขวดน ้า น ากาวร้อนมาใส่รอบๆฝาขวดน ้าทั้งด้านบนและล่าโดยเว้นตรง กลางไว้ ท า 2 ชิ้น หลังจากนั้นใช้กรรไกรตัดส่วนที่เกินออก ภาพที่ 12 เตรียมในส่วนของฝาขวดน ้า


16 ขั้นตอนที่ 3. ใช้สกรูและไขควงเจาะรูตรงกลางฝาขวดน ้าที่เตรียมไว้ ทั้งหมด 4 ชิ้น แล้วใช้ไม้เสียบลูกชิ้น เสียบลงไป ติดกาวร้อนให้แน่น ภาพที่ 13 เจาะรูตรงกลางฝาขวดน ้า ขั้นตอนที่ 4. เจาะรู 2 รูให้ตรงกันบริเวณด้านล่างขวดและด้านบนของขวดน ้า เจาะตรงใต้ท้องขวดน ้า ไม่ เจาะตรงกลางมากจนเกินไป และน าส่วนที่เตรียมไว้จากขั้นตอนที่ 3มาใส่ลงไป แล้วน าฝาขวดน ้าอีกชิ้นมา ติดกาวร้อนให้ไม่หลุด ท าทั้งด้านบนและด้านล่างของขวดน ้า และใช้กรรไกลตัดไม้เสียบลูกชิ้นที่เกินออก ภาพที่ 14 เจาะรูขวดน ้า


17 ขั้นตอนที่ 5. ใช้คัตเตอร์ตัดกลางขวดน ้า ดังภาพ ภาพที่ 15ใช้คัตเตอร์ตัดกลางขวดน ้า ขั้นตอนที่6. น าเทปพันสายไฟมาพันปลอกปากกาให้หนาและยาวพอประมาณล้วตัดออก ภาพที่ 16 พันปลอกปากกา ขั้นตอนที่ 7. เจาะรูตรงกลางขวดน ้าด้านท้าย และน ามอเตอร์มาทากาวร้อนแล้วน าไปแปะด้านในขวด จากนั้นใส่ปลอกปากกาที่พันเทปเอาไว้มาเสียบด้านนอก ดังภาพ ภาพที่ 17 เจาะรูตรงกลางขวดน ้าด้านท้าย


18 ขั้นตอนที่ 8. น าหนังยางมาเกี่ยวตัวปลอกปากกาที่ยู่ด้านนอกไว้กับฝาขวดน ้าด้านหลัง ภาพที่ 18 น าหนังยางมาเกี่ยวตัวปลอกปากกา ขั้นตอนที่ 9. น าแบตเตอร์รี่มาติดกาวร้อนไว้บนมอเตอร์ หากจะใช้งานให้น าสายไฟของมอเตอร์และ แบตเตอร์รี่มาต่อกันให้ตรงกับขั้วบวกและขั้วลบ ภาพที่ 19 น าแบตเตอร์รี่มาติดกาวร้อนไว้บนมอเตอร์


19 ชิ้นงานเสร็จสมบูรณ์ รถพลังงานแบตเตอร์รี่จากขวดพลาสติก พร้อมใช้งาน ภาพที่ 20ชิ้นงานเสร็จสมบูรณ์


บทที่4 ผลการศึกษาและอภิปรายผลศึกษา ในการจัดทำการออกแบบและเทคโนโลยีเชิงบูรณาการ เรื่อง โครงงานประดิþฐ์รถพลังงาน แบตเตอรี่จากขวดพลาÿติก มีผลการดำเนินงานดังนี้ 4.1 ผลการศึกษา งานประดิþฐ์ในครั้งนี้ทำใĀ้ผู้จัดทำโครงงานมีความเข้าใจเกี่ยวกับการทำรถพลังงานแบตเตอรี่ จากขวดพลาÿติก จึงÿามารถทำรถพลังงานแบตเตอรี่จากขวดพลาÿติกได้ÿำเร็จแต่ทำใĀ้มีความภูมิใจ ในการอนุรักþ์ÿิ่งแวดล้อม การใช้เวลาว่างใĀ้เกิดประโยชน์ÿามารถทำใĀ้มีนิÿัยรักดูแลÿิ่งแวดล้อมอีก ครั้งยังÿร้างรายได้ใĀ้กับผู้จัดทำโครงงาน และÿามารถใช้ความรู้ที่ได้จากการผลิตรถพลังงานแบตเตอรี่ จากขวดพลาÿติก ในครั้งนี้ไปเผยแพร่ใĀ้กับผู้ที่ÿนใจได้ 4.2 อภิปรายผลการศึกษา จากการทำรถพลังงานแบตเตอรี่จากขวดพลาÿติกÿามารถใช้ได้จริงตามต้องการทำใĀ้มีความ ภูมิใจในการอนุรักþ์ÿิ่งแวดล้อมการใช้เวลาว่างใĀ้เกิดประโยชน์ซึ่งคณะผู้จัดทำได้ทดลองใช้แล้วพบว่า รถพลังงานแบตเตอรี่จะĀมดพลาÿติก มีประโยชน์และยังÿร้างรายได้ใĀ้แก่ผู้จัดทำ ตัวอย่างผลงาน 20


บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และขšอเสนอแนะ สรุปผลการศึกษา จากการทำโครงงานการประดิþฐŤรถพลังงานแบตเตอรี่ÿอดคลšองกับüัตถุประÿงคŤที่üางไüšคือ ลดขยะ ประเภทขüดน้ำพลาÿติกเพื่อใĀšคณะผูšจัดทำไดšýึกþาคüามรูšเกี่ยüกับการประดิþฐŤรถ พลังงาน แบตเตอรี่ เพื่อนำüัÿดุเĀลือใชšมาประยุกตŤใชšใĀšเกิดประโยชนŤนำÿิ่งของที่ไมŠไดšใชšแลšüนำมารีไซเคิลใĀมŠ อีกครั้ง เÿริมÿรšางคüามÿามัคคี คüามรับผิดชอบ กระบüนการคิดการแกšปŦญĀา และทักþะ การ ทำงานดšานงานชŠางไฟฟŜาใĀšแกŠคณะผูšจัดทำ ประโยชนŤของการศึกษา 1.เพื่อใĀšขยะในโรงเรียนลดนšอยลง 2.ใชšเüลาüŠางใĀšเกิดประโยชนŤ 3.ไดšชิ้นงานที่มีคüามคิดÿรšางÿรรคŤ ขšอเสนอแนะ ในการทำการประดิþฐŤ คüรýึกþาĀาคüามรูšใĀšดีกŠอนและเลือกการประดิþฐŤที่งŠายตŠอการ จัดĀาüัÿดุ อุปกรณŤ เพื่อที่จะดำเนินงานไดšบรรลุüัตุประÿงคŤและลดคüามผิดพลาดในการทำงาน 21


บรรณานุกรม วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี“การประดิษฐ์รถพลังงานแบตเตอรี่จากขวดพลาสติก” < https://www.youtube.com/watch?v=OfcUnjeYlsk> วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี“การประดิษฐร ์ ถพลงังานแบตเตอรี่จากขวดพลาสติก” < https://www.youtube.com/watch?v=rctmv24-W3A > 22


ภาคผนวก


วสัดุ–อุปกรณ ์ ท ี่ใช ้ในการด าเนินงานทั้งหมด ภาพที่ 21 ภาพรวมวัสดุ –อุปกรณ์ที่ใช้งาน วิธีการด าเนินงาน ขั้นตอนจัดท าชิ้นงาน ภาพที่ 22 ภาพข้นัตอนการดา เนินงาน


ภาพผลงาน โครงงาน การประดิษฐ์รถพลังงานแบตเตอรี่จากขวดพลาสติก ภาพที่ 23 ภาพ การประดิษฐ์รถพลังงานแบตเตอรี่จากขวดพลาสติก ภาพที่ 24 ผลงานและสมาชิกกลุ่ม


สมาชิกกลุ่มที่3 โครงงานการออกแบบและเทคโนโลยบีูรณาการ เรื่อง การประดษิฐร ์ ถพลังงานแบตเตอรี่จากขวดพลาสตกิ 1. ด.ญ.ชัญญภัตน์ ศักดา เลขที่ 6 2. ท าหน้าที่ ท าบทที่ 2 1.ด.ช.พงค์ภัค เครืองวงค์ เลขที่ 26 2. ท าหน้าที่ ท าบทที่ 4 1.ด.ญ.จินันทินี ไชยประเสริฐ ลขที่ 27 2. ท าหน้าที่ ท าบทที่ 1 1.ด.ช.ศิวกร ทองมังกร เลขที่ 33 2.ท าหน้าที่ ท าบทที่ 5


1.ด.ญ.ภัทรมน ช่างปัด เลขที่ 34 2.ท าหน้าที่ ท าบทที่ 3


Click to View FlipBook Version