ประวตั ิ
ความเป็ นมา
กีฬาแบดมินตนั
ประวตั คิ วามเป็ นมา
♡ ในปี พ.ศ. 2413 ซ่ึงพบวา่ มีการเลน่ กีฬาลกู ขนไกเ่ กิดข้ึนทเี่ มืองปู
นา (Poona) ในประเทศอนิ เดยี เป็ นเมืองเล็ก ๆ หา่ งจากเมืองบอม
เบย์ประมาณ 50 ไมล์ โดยไดร้ วมการเลน่ สองอยา่ งเขา้ ดว้ ยกนั คอื
การเลน่ ปนู าของประเทศอนิ เดยี และการเลน่ ไมต้ กี บั ลกู ขนไก่
(Battledore Shuttle Cock) ของยโุ รป
♡ ในปี พ.ศ. 2416 เกมกีฬาตีลูกขนไก่เลยถูกเรียกว่า แบดมิ นตนั
เนื่องจากมีนายทหารองั กฤษทีไ่ ปประจาการอยูท่ ีเ่ มืองปูนา นาการ
เล่นตีลูกขนไก่น้ี กลบั ไปองั กฤษ และเล่นกันอยา่ งกว้ างขวาง ณ
คฤหาสน์ แบดมิ นตนั (Badminton House) ของดยุคแห่งบิวฟอร์ ด ที่
กลอสเตอร์ เชี ยร์
♡ ปี พ.ศ. 2532 มีการจดั แขง่ ขนั แบดมินตนั ชิ งชนะเลิศแหง่ ประเทศ
องั กฤษหรือทเี่ รียกกนั วา่ ออลองิ แลนด์ เป็ นคร้งั แรก
♡ จนกระท่งั ปี พ.ศ.2436 ได้มี กา รจดั ต้ งั สมาค มแ บด มิ นตนั แห่ง
ประเทศองั กฤษข้ึน ซ่ึงนบั เป็ นสมาคมแบดมินตนั แหง่ แรกของโลก
ประวตั ิผรู้ ิเริ่มกีฬาแบดมินตนั
จอห์น ลอเรน บอลดว์ นิ ผูร้ ิเริ่มกีฬาแบดมินตนั
ข้ึนเป็ นคร้งั แรกโดยจดั การเลน่ ทคี่ ฤหาสน์แบดมิน
ตนั (Badminton House) ในปราสาทของทา่ นดยุค
แหง่ บวิ ฟอร์ด ในกลอสเตอร์ชาร์ ประเทศองั กฤษ
บอลดว์ นิ มีความคิดริเริ่มเมื่อใดไมป่ รากฏแน่ชดั
แตว่ า่ กนั ประมาณ 60 ปี กวา่ ของคริสต์ศตวรรษ
ทแี่ ล้ว
ประวตั ิความเป็ นมาในประเทศไทย
♡ พ.ศ. 2456 โดยเริ่มเลน่ กีฬาแบดมินตนั แบบมีตาขา่ ย โดยพระยา
นิ พทั ยกุลพงษ์ ไดส้ ร้ างสนามข้ึ นที่บ้าน ซ่ึ งต้งั อยูร่ ิ มคลองสมเด็จ
เจ้าพระยาธนบุรี แล้วนิ ยมเลน่ กนั อยา่ งแพร่หลายออกไป ส่วนมาก
เลน่ กนั ตามบา้ นผูด้ มี ีตระกูล วงั เจ้านาย และในราชสานัก การเลน่
แบดมินตนั คร้งั น้ นั นิ ยมเลน่ ขา้ งละ 3 คนกนั มาก
♡ พ.ศ. 2462 สโมสรกลาโหมไดเ้ ป็ นผูจ้ ดั แขง่ ขนั แบดมินตนั ทว่ั ไปข้ึน
เป็ นคร้ ังแรก โดยจดั การแขง่ ขัน 3 ประเภทไดแ้ ก่ประเภทเดยี่ ว
ประเภทคู่ และประเภทสามคน ปรากฏว่าทีมแบดมิ นตนั บางขวาง
นนทบุรี (โรงเรี ยนราชวิทยาลยั บางขวางนนทบุรี ) ชนะเลิศทุก
ประเภท นอกจากน้ี มีนกั กีฬาแบดมินตนั ฝีมือดเี ดนิ ทางไปแขง่ ขนั ยงั
ประเทศใกล้เคียงอยูบ่ อ่ ยๆ
♡ พ.ศ. 2494 พระยาจนิ ดารกั ษ์ไดก้ อ่ ต้งั ข้ึนเป็ นสมาคมชื่อวา่ “สมาคม
แบดมินตนั แหง่ ประเทศไทย” เมื่อแรกต้งั มีอยู่ 7 สโมสร คอื สโมสร
สมานมิตร สโมสรบางกอก สโมสรนิ วบอย สโมสรยูนิ ต้ี สโมสร ส.
ธรรมภกั ดี สโมสรสิ งห์ อุดม และ สโมสรศิ ริ บาเพ็ญบุญ ซ่ึ งใน
ปัจจุบนั น้ีเหลือเป็ นสโมสรสมาชิ กของสมาคมอยูเ่ พยี ง 2 สโมสร คือ
สโมสรนิ วบอย และสโมสรยูนิ ต้ีเทา่ น้ ัน และในปี เดยี วกนั สมาคม
แบดมินตนั แห่งประเทศไทยก็ ไดส้ มคั รเข้าเป็ นสมาชิ กของสหพนั ธ์
แบดมินตนั นานาชาติ
ทกั ษะการเลน่
กีฬาแบดมินตนั
การจบั ไมแ้ บดมินตนั
♡ วิธีการคือ ผู้ที่ถนัดมื อขวาก็ ใช้ มือขวาจบั โดยยื่นมือขวาออกไป
ขา้ งหน้ าเหมือนกบั การจบั มือกบั บุคคลอนื่ ทีถ่ ูกแนะนาให้รู้จกั โดยให้
น้ิ วท้งั 4 การอบดา้ มไม้แบดมิ นตนั น้ิ วหวั แมม่ ือกบั น้ิ วช้ี จะอยูต่ รง
ดา้ นสนั ของดา้ มไม้แบดมินตนั เป็ นรูปตวั วโี ดยตาแหน่งน้ิ วหวั แมม่ ือจะ
ทาบอยูท่ างดา้ นแบนของดา้ มไมแ้ บดมินตนั
การจบั ลูกแบดมินตนั
♡ เมื่อรู้ถึงวธิ ีการจบั ไม้แล้วต่อไปก็ต้องรู้ถึงการจบั ลูกขนไกซ่ ่ึ งเป็ น
อุ ป ก ร ณ์ ป ร ะ ก อ บ ก า ร เ ล่น กี ฬ า แ บ ด มิ น ต ัน ก า ร จ บั ลู ก ข น ไ ก่มี
ความสาคญั อยา่ งมากในการเสิ ร์ ฟลูกการจบั ลูกขนไก่ที่นิ ยมกนั มี
3 วธิ คี ือ
1.จบั ทีห่ วั ไม้คอร์ กของลูก โดยใช้ น้ิ วหวั แมม่ ือ ช้ี และน้ิ วกลาง
จบั ลกู
2.จบั ทปี่ ลายขนไกด่ า้ นในของลกู โดยใช้น้ิ วหวั แมม่ ือกบั น้ิ วช้ี
3. จบั โดยการวางลกู อยบู่ นฝ่ ามือ
การส่งลูก
♡ การส่งลูกเป็ นวธิ กี ารของการเริ่มเลน่ ในการเลน่ หรือฝึ กทกั ษะแบบ
ตา่ ง ๆ ไมว่ า่ จะเป็ นเริ่มฝึ กตลี ูกแบบตา่ ง ๆ ตลอดจนเริ่มการแขง่ ขนั
การส่งลูกจะส่งไดท้ ้งั ลกู หน้ามือและหลงั มือซ่ึ งวธิ กี ารส่งมีดงั น้ี
การส่งลกู หน้ามือ
1.ผู้ทีจ่ ะส่ งลูกจะยืนห่างจากเส้ นกลางสนามและเส้ นส่ งลูกส้ นั
ประมาณ 2-3 น้ิ ว (ในกรณี เลน่ ประเภทคู)่ และยืนหา่ งเส้ นส่งลูกส้นั
ประมาณ 2-3 ฟุต (ในกรณี เลน่ ประเภทค)ู่
2.ยื นให้ เท้าช้ า ยอยูข่ ้างหน้ าสา หรับผู้ที่ถนัด มื อข วา ย่อเข า่
เล็กน้อย เทา้ ท้งั สองขา้ งจะไมย่ กพน้ พ้นื สามเวลาส่งลูก
3.ใช้ มือซ้ ายจบั ลูกขนไก่ งอแขนพอประมาณ มือขวาเง้ือไม้
ระดบั เอวพร้อมทจี่ ะส่งลูก
4.ตามองเป้ าหมายที่จะส่ งลูก ปลอยลูก พร้อมกบั ตวดั แขนมา
ขา้ งหน้าเมื่อไม้สมั ผสั กบั ลูกให้กระดกขอ้ มือช่วยส่งลกู ไปยงั ทิศทางที่
ต้องการ
การส่งลูกหลงั มือ
1.ผู้ที่จะส่ งลูกจะยืนห่างจากเส้ นกลางสนามและเส้ นส่ งลูกส้ นั
ประมาณ 2-3 น้ิ ว
2.ยื นให้ เท้าข ว าอยูข่ ้างหน้ า สา หรับผู้ที่ถนัด มื อข วา ย่อเข า่
เล็กน้อย เทา้ ท้งั สองขา้ งจะไมย่ กพน้ พ้นื สนามเวลาส่งลกู
3.ใช้ มือซ้ ายจบั ลูกขนไก่ บริ เวณปลายขนไกท่ างดา้ นซ้ ายของ
ลาตวั หลงั มือดา้ นขวาอยดู่ า้ นหน้า
งอแขนพอประมาณ มือขวาเง้อื ไมร้ ะดบั เอวพร้อมทจี่ ะส่งลูก
4.ตามองเป้ าหมายทีจ่ ะส่ งลูก ปลอ่ ยลูก พร้อมกบั ตวดั แขนมา
ขา้ งหน้าเมื่อไมส้ มั ผสั กบั ลูกให้กระดกขอ้ มือช่วยส่งลูก ไปยงั ทิศทางที่
ต้องการ
ร้จู กั แหลง่ ทมี่ าของแรงตลี กู
♡ การตีลูกในกีฬาแบดมินตนั ไมเ่ หมือนการตลี ูกเทนนิ สหรือสคว๊ อช
เพราะลกู ขนไกม่ ีน้าหนกั เบาการตลี กู ขนไกใ่ ห้พุง่ ไปขา้ งหน้าอยา่ งแรง
จงึ ต้องอาศยั จงั หวะทีส่ มบูรณ์ผสมผสานกนั ของแรงเหวยี่ งทีม่ าจาก
แหลง่ ตา่ ง ๆ ของแรงตลี ูกแหลง่ ทมี่ าของแรงตลี กู จาแนกออกไดจ้ าก 3
แหลง่ ใหญ่ คอื
1. แรงทีเ่ กิดจากการถา่ ยเปลีย่ นน้าหนกั ตวั จากเทา้ หลงั ไปสู่เทา้
หน้ า
2. แรงทเี่ กิดจากการเหวยี่ งของลาแขน
3. แรงทเี่ กิดจากการตวดั และการสะบดั อยา่ งแรงของขอ้ มือ
ฟตุ เวริ ์คกบั จงั หวะของการตลี กู
♡ ฟุตเวริ ์ คหรือจงั หวะเท้าสาหรบั การเลน่ แบดมินตนั มีความสาคญั
มากทีส่ ุดฟุตเวริ ์คทีด่ จี ะทาให้การออกตวั สืบเทา้ พาตวั พุง่ ไปสู่ทิศทาง
ต่าง ๆ รอบสนามกระทาไดด้ ว้ ยความคลอ่ งแคล่วและฉบั ไวเพราะ
หลกั การสาคญั ทีส่ ุดในกีฬาแบดมินตนั สาหรบั ผูเ้ ลน่ ทุกคนทีเ่ ลน่ เพื่อ
ความเป็ นเลิศในระดบั แขง่ ขนั จะต้องจาไว้ให้แมน่ ก็คอื
- จะต้องวงิ่ เขา้ ไปหาลูกเสมอ อยา่ ท้ิงช่วงปลอ่ ยให้ลูกวงิ่ มาหา
- จะต้องพงุ่ ตวั เขา้ ตลี ูกให้เร็วทสี่ ุดและตลี ูกขณะทอี่ ยใู่ นระดบั ทสี่ ูงทสี่ ุด
ทกั ษะการตลี ูก
♡ ลูกหลกั อนั เป็ นแมบ่ ทของการเลน่ แบดมินตนั แตล่ ะจาพวกของการ
ตลี ูกทีก่ ลา่ วมาน้ี จะมีวธิ กี ารตี การวางเทา้ ฟุตเวริ ์ค กบั จงั หวะการตี
ลูกทีแ่ ตกตา่ งกนั ผู้เลน่ ทีช่ านาญแล้ว จะสามารถตีและบงั คบั ลูก 4
จาพวกน้ี ให้ ข้ามตาขา่ ยไปด้วยความหลากหลาย อาจจะมี ความ
แตกตา่ งกนั ในรูปแบบตา่ ง ๆ อาทิเช่น วถิ ี ความเร็ว ความยาว ความ
กว้าง ความสูง ความลึก การฉีกมมุ ความหนกั แรง เบา ความเฉียบ
คม ถ้าทาอยา่ งน้ี ไดแ้ ละสามารถนาเอาความหลากหลายไปใช้ ใน
สถานการณ์ทีถ่ ูกต้องน่นั คือศิลปะสุดยอดของการเลน่ กีฬาแบดมินตนั
ทจี่ ะยงั ผลให้ผลให้ผูเ้ ลน่ มีสไตล์หลากหลายของการตลี กู
ลูกโยน(Lob or Clear)
♡ คือ ลูกทีต่ ีพุง่ โดง่ ขา้ มไปในระดบั สูงและย้อยตกลงมาในมุม 90
องศาในแดนตรงกนั ขา้ มเป็ นลูกทีต่ จี ากเหนือศีรษะ หรือ ลูกทงี่ ดั จาก
ล่า ง ก็ ไ ด้ ตีไ ด้ท้ งั ห น้ า มื อ โ ฟ ร์ แ ฮ น ด์ แ ล ะ ห ลัง มื อ แ บ็ค แ ฮ น ด์
ลกู โยนอาจจะแบง่ ออกมาได้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ คอื
1.ลกู โยนหน้ามือ (Forehand Clear)
2.ลูกโยนหลงั มือ (Backhand Clear)
3.ลูกงดั โยน (Underhand Clear)
ลูกโยนหน้ ามือ
♡ แรงทีต่ ีเกิ ดจากการประสานงานของแรงทีเ่ หวยี่ ง แรงตวดั การ
สะบดั ของลาแขนขอ้ มือจงั หวะฟุตเวริ ์ คทีถ่ ูกต้อง บวกกบั การเปลีย่ น
น้าหนักตวั จากเท้าหลงั ไปสู่เท้าหน้ า โดยทีแ่ รงตีทีผ่ า่ นแร็ กเก็ตไป
สมั ผสั ลูกในช่วงวนิ าทีทีถ่ ูจงั หวะจะโคน รวมแรงดดี ผลกั ดนั ให้ลูก
พงุ่ สงู โดง่ ไปยงั สนามตรงขา้ ม ตามเป้ าหมายทตี่ ้องการ
ลกู โยนหลงั มือ
♡ แรงตีเกิดจากการ ประสานงานเช่นเดยี วกนั กบั การตลี ูกหน้ ามือ
แต่การวางฟุตเวริ ์ คสลบั กนั และไมม่ ีแรงทีโ่ ถมทีม่ าจากการเปลีย่ น
น้าหนักตวั จากเท้าหลงั ไปสู่เทา้ หน้ า แรงตีลูกหลงั มือเกือบท้งั หมดจงึ
มาจากแรงเหวยี่ ง แรงตวดั และการสะบดั ลาแขน กบั ขอ้ มือเทา่ น้ ัน
โดยเหตุทกี่ ารตลี ูกหลงั มือ แหลง่ ทีม่ าของแรงตลี ูกมีจากดั แรงเหวยี่ ง
แรงตวดั ของลาแขนทมี่ าจากหวั ไหล่ กบั แรงทเี่ กิดจากการสะบดั ขอ้ มือ
จึงจาเป็ นต้องประสานงานสอดคล้องกนั อยา่ งกลมกลืนเป็ นจงั หวะ
เดีย ว โ ด ย ท ฤ ษ ฎี แ ล้ ว ลู ก ห ลัง มื อ น่ า จ ะ เป็ น ลูก รับ สา ห รับ แ ก้ ไ ข
สถานการณ์ ม ากกว่าเป็ นลูกบุกแต่ถ้ าฝึ กตีลูกให้ แร งและมี ควา ม
คลอ่ งแคลว่ ชานาญ จะกลายเป็ นการตีลูกทีผ่ ูเ้ ลน่ สามารถสร้างเข้ียว
เล็บให้แกก่ ารตลี ูกหลงั มือของตนกลายเป็ นการเลน่ เชิ งรุก ได้
ลกู งดั โยน
♡ คือการตีลูกโดยช้ อนตวดั ตีลูกจาก ลา่ งสะบดั ข้ึ นดา้ นบนเป็ นการ
ช้ อนตลี ูกจากต่าไปสู่สูงเป็ นทีล่ ูกทไี่ มต่ ้องใช้ แรงเหวยี่ งตมี ากเทา่ ไหร่
ใช้ ข้อกระตุกหรือสะบดั ลูกก็ จะปลิวออกจากแร็ กเก็ตอยา่ งงา่ ยดาย
ส่วนมากจะเป็ นลูกทเี่ ขา้ ประชิดดา้ นหน้าของสนามเช่น การเขา้ รบั ลูก
แตะหยอดหรือลูกหยอดทีฝ่ ่ ายตรงขา้ มส่งขา้ มมา หรือการรบั ลูกตบ
เป็ นต้น การงดั ลูกแบง่ เป็ นสองวถิ ใี หญ่ ๆ คอื การงดั ลกู ให้พง่ ขา้ มไป
โดยไมโ่ ดง่ มากนัก ใช้ เป็ นการงดั ลูกแบบรุก อกี วถิ หี น่ึ งคือการงดั ลูก
โดง่ ดงึ ให้คตู่ อ่ ส้ ูไปดา้ นหลงั สนาม เพอื่ ให้เวลาสาหรบั การกลบั ทรงตวั
ส่จู ดุ ศนู ยก์ ลางไดม้ ากข้ึน
หลกั ข้นั พ้นื ฐานทไี่ ดอ้ ธบิ ายไว้แล้ว คอื
1.หน้าแร็กเก็ตต้องต้งั ให้ตรงขณะตลี กู
2.ขณะที่แร็ กเก็ ตสมั ผัสกระทบตีลูกน้ ันแขนท้งั สองของผู้เล่น
จะต้องเหยียดตรงอยใู่ นแนวตรงเสมอ
3.วงิ่ เขา้ ไปหาลูกอยา่ รอให้ลกู วงิ่ เขา้ มาหาเรา
4.เขา้ ประชิ ดลูกในระดบั สูงทสี่ ุดเทา่ ทเี่ ราจะสามารถทาไดแ้ ละ
5.ต้องรู้จกั ดกั ลกู และเขา้ ปะทะลูกเสมอ
ลูกตบ (Smash)
♡ ในเกมแบดมินตนั ลูกตบเป็ นลูกทีเ่ ดด็ ขาดทีต่ จี ากเบ้อื งสูงกดลงสู่
เป้ าหมายให้พุง่ สู่พ้นื ในวถิ ตี รงทรี่ ุนแรง และเร็วทสี่ ุดเป็ นลกู ทพี่ ุง่ ไปสู่
เป้ าหมายดว้ ยความเร็วทีส่ ุดสูงกวา่ เกมเลน่ อนื่ ๆ ทีใ่ ช้ แร็กเก็ต เป็ น
ลกู ทใี่ ช้ บบี บงั คบั ให้คูต่ อ่ ส้ ตู ้องตกเป็ นฝ่ ายรบั มีเวลาจากดั สาหรบั การ
เตรียมตวั ตอบโต้ ลูกตบเป็ นลูกฆา่ เป็ นลูกทาแต้มทีไ่ ดผ้ ลถ้ารู้จกั ใช้
อยา่ งถูกต้อง
1.เมื่อคูต่ อ่ ส้ ูโยนลูกขา้ มตาขา่ ยเพยี งคร่ึงสนามหรือส่งลูกมาไมถ่ งึ
หลงั
2.เมือต้องการบบี ให้คตู่ อ่ ส้ เู สียหลกั ผละออกจากจดุ ศูนย์กลาง
3.เมื่อต้องการให้คูต่ อ่ ส้ ูกงั วลใจ พะวงอยกู่ บั การต้งั รบั
4.เพือ่ ผลของการหลอกลอ่ เมื่อคูต่ อ่ ส้ ูเกิดความกงั วลใจ ทาให้
ประสิทธผิ ลของการใช้ลกู หลกั อนื่ ๆ เพิม่ มากข้ึน
5.เมื่อต้องการเผดจ็ ศึกยุติการตอบโต้ หรือใช้ เมื่อคูต่ อ่ ส้ ูเผลอตวั
หรือเสียหลกั การทรงตวั บกุ ทาคะแนนดว้ ยลกู เดด็ ขาด
วถิ ที างทดี่ ขี องลกู ตบ
♡ ลูกตบทีส่ มบูรณ์แบบ ต้องพุง่ จากแร็กเก็ตมีวถิ ขี า้ มตาขา่ ยไปเป็ น
เส้ นตรง พุง่ เฉียดผา่ นตาขา่ ยโดยไมเ่ ปิ ดโอกาสให้คตู่ อ่ ส้ ูดกั ลูกสวนโต้
กลบั มาได้ ต้องพุง่ ปักหวั ไปยงั แดนตรงขา้ มดว้ ยความเร็วและรุนแรง
โดยใช้แหลง่ ทมี่ าของการตลี กู ท้งั หมดโถมใช้เสริมพลงั ในการตบลกู
เป้ าหมายการลกู ตบแบง่ ออกไดเ้ ป็ น
1.ตบลูกให้ห่างตวั ผู้รับ เป็ นการตบลูกแบบเบสิ คพ้ืนฐาน บีบ
บงั คบั ให้คู่ตอ่ ส้ ูผละออกจากศูนย์กลางสนามเพื่อไปรบั ลูก ณ อกี จุด
หน่ึ ง ระหว่างทีต่ ้องเคลื่อนย้ายผละจากทีม่ ่นั เดมิ คู่แขง่ อาจจะกระทา
การผิ ดผลาดในจงั หวะใดจงั หวะหน่ึ งยงั ผลให้การตีหรือการรบั ลูก
กลบั มาผิดพลาดส้นั ไปหรือยาวเกินไป
2.ตบลูกพุง่ เข้าหาตวั ผู้รบั เป็ นการตบลูกสวนทางกบั หลกั การ
เลือกเป้ าหมายการตลี ูกในเกมแบดมินตนั แตอ่ าศยั ทีก่ ารตบลูกทีพ่ ุง่
เร็วและแรง การตบลูกพุง่ แรงเขา้ หาตวั คูต่ อ่ ส้ ูอาจจะทาให้เกิดความ
เพลีย่ งพลา้ อยา่ งงา่ ย ๆ ก็ได้
ลูกดาด (Drive)
♡ คือลูกทีพ่ ุง่ เฉียดขา้ มตาขา่ ย มีวถิ พี ุง่ ขา้ มขนานไปกบั พ้ืนสนาม ผู้
เลน่ ตีลูกดาดสูงในระดบั อก ตีไดท้ ้งั หน้ ามือโฟร์ แฮนด์ และหลงั มือ
แบค็ แฮนดท์ ้งั จากดา้ นซ้ าย ขวาของลาตวั ลูกดาดทตี่ จี ากระดบั ตา่ ลกู ที่
ขา้ มไปจะลอยสูงไมข่ นานกบั พ้นื สนาม มีแนวโน้มทจี่ ะขา้ มตาขา่ ยไป
ในลกั ษณะของลกู งดั โดง่ ลูกดาดใช้ สาหรบั สร้างสถานการณ์เป็ นฝ่ าย
รุกโจมตี ไมเ่ ปิ ดโอกาสให้อกี ฝ่ ายหน่ึ งตอบโต้กลบั มาไดด้ ว้ ยลูกตบ
เป็ นลูกทีพ่ ุง่ ขา้ มตาขา่ ยดว้ ยความเร็วในวถิ ตี รงโดยทีผ่ ู้เลน่ สามารถ
วางเป้ าหมายให้ลูกพุง่ ไปสู่ทุกจุดของสนามตรงขา้ ม อาจเป็ นลูกดาด
สุดสนาม, ดาดคร่ึงสนาม, หรือตีเบา ๆ ให้กลายเป็ นลูกแตะหยอด
ลูกดาดเป็ นลูกทีแ่ รงตมี าจากแรงเหวยี่ งของแขน ผสมผสานกบั แรง
ตวดั ของขอ้ มือ อาจจะมีแรงโถมของนา้ หนกั ตวั หรือไมม่ ีเลยก็ได้
ลูกดาดใช้ กนั มากในประเภทคู่ เพราะลูกดาดรกั ษาความเป็ นฝ่ ายรุก
หลีกเลีย่ งการส่งลกู โดง่ เปิ ดโอกาสให้คูแ่ ขง่ ใช้ตบไดอ้ กี ท้งั ยงั บบี บงั คบั
ให้คูแ่ ขง่ มีเวลาสาหรบั การตโี ต้กลบั มาดว้ ยช่วงเวลาส้นั ยิ่งถ้าคูแ่ ขง่ ขนั
เสียหลกั ถลาไปอกี ซีกหน่ึงของสนาม
ลูกหยอด (Drop)
♡ คือลูกทีต่ จี ากส่วนตา่ ง ๆ ของสนามให้พุง่ ย้อยขา้ มตาขา่ ย และตก
ลงสู่พ้นื สนามดา้ นตรงขา้ มดดยไมเ่ กินเส้ นส่งลูกส้นั จะหยอดดว้ ยดว้ ย
ลูกหน้ ามือก็ได้ หรือหลงั มือก็ได้ หรือจะตตี ดั หยอดจากลูกโดง่ เหนื อ
ศีรษะก็ได้ ลูกหยอดเป็ นการทาให้คู่ตอ่ ส้ ูต้องวงิ่ เขา้ มาเลน่ ลูกหน้ าตา
ขา่ ยทาให้พ้ืนทีส่ ่วนหลงั ของสนามมีพ้ืนทีม่ ากข้ึ น การหยอดมีหลาย
แบบ เช่น ลูกหยอดหน้ าตาขา่ ย ลูกตดั หยอด แตล่ ูกหยอดทีด่ จี ะต้อง
เลียดตาขา่ ยและพยายามให้ลูกตกชิดตาขา่ ยมากทสี่ ดุ
การตลี กู หยอดมีวธิ กี ารดงั น้ีคือ
1.เวลาตลี กู หยอดต้องให้แขนตงึ ตามองลกู ทจี่ ะหยอด
2.เมื่อหน้ าไม้จะสมั ผสั ลูกขนไกใ่ ห้เอยี งหน้ าไม้ไปในทิศทางที่
ต้องการให้ลกู ไปตกพร้อมท้งั กระดกขอ้ มือเมื่อไมส้ มั ผสั กบั ลูกขนไก่
3.ลกู ทหี่ ยอดจะเป็ นการหยอดจากหน้ามือหรือหลงั มือก็ได้
ข้นั ตอน
การฝึ ก
แบดมินตนั
1 ตตี รงกลางลูกขนไกเ่ สมอคณุ ควรตกี ่ึงกลางส่วนมนทเี่ ป็ นยางของลูก
ขนไก่ หรือเรียกว่า "สวตี สป็ อต" ของลูกขนไกใ่ ห้ไดท้ ุกๆ คร้งั คุณ
สามารถฝึ กฝนเทคนิ คน้ี โดยมองไปทีก่ ่ึงกลางของลูกขนไก่ เมื่อคุณ
ลูกขนไกเ่ หนือศีรษะ
2.ตีลูกขนไก่ในจุดสูงสุดของวิถีโค้งของมนั เพื่อใช้ ประโยชน์ จาก
ความเร็วและความสูงของลูกขนไก่ ให้ตลี ูกขนไกใ่ นจุดสูงสุดของวถิ ี
โค้งของมนั วธิ นี ้ีจะช่วยให้คุณตบลูกเหนือศีรษะเพอื่ พิชิ ตคูแ่ ขง่ และ
สามารถควบคุมตาแหน่งของลูกขนไกไ่ ดโ้ ดยงา่ ย อยา่ คอยจนลูกขน
ไกเ่ ขา้ ใกล้คุณ หรือรอจนลูกขนไกล่ ดแรงผลกั ดนั และระดบั ความสูง
3.กลบั มาทีจ่ ุดก่ึงกลางของคอร์ทอยเู่ สมออื ยา่ เสียตาแหน่งหลงั จากคุณ
ตีโต้ จงกลบั ไปยงั จุดก่ึงกลางดา้ นหลงั ของคอร์ ท การยืนตาแหน่ง
กลางคอร์ท ในขณะทีข่ ยบั เทา้ ไปดว้ ย และเตรียมพร้อมสาหรบั การ
ตชี ็อตตอ่ ไป จะทาให้คณุ อยใู่ น "ทว่ งทา่ ทพี่ ร้อมเสมอ"
4.ตลี ูกขนไกใ่ ห้ถงึ เส้ นหลงั การตีลูกขนไกไ่ ปเส้ นหลงั ต้องใช้ ท้งั ความ
แมน่ ยาและพละกาลงั ทาให้คแู่ ขง่ ของคณุ ต้องสลบั ถอยหลงั ไปมา และ
ต้องออกแรงค่อนขา้ งมากในการตีลูกขนไก่โต้กลบั มา หากคุณไม่
แน่ใจจะตลี ูกขนไกไ่ ปตรงไหนในการตชี ็ อตตอ่ ไป และเส้ นหลงั เปิ ด
โลง่ อยู่ ให้คุณเล็งไปทจี่ ดุ น้ นั ในตอนแรกให้เล็งไปทตี่ าแหน่งกอ่ นถึง
เส้ นหลงั เพอื่ คุณจะไดไ้ มเ่ สียฟาวล์หากลกู ขนไกอ่ อกเส้ นหลงั
5.ฝึ กฝนการเคลื่อนไหวเท้า แบดมินตนั คล้ายกบั กีฬาสควอชทีค่ วาม
สาเร็จจะอยูต่ รงการเคลื่อนไหวเทา้ หากคุณยืนขาตายในคอร์ท คุณ
จะไมส่ ามารถตโี ต้กลบั คแู่ ขง่
กระโดดสควอท - สองมือพาดไปดา้ นหลงั แล้วยอ่ เขา่ ให้ต่าทสี่ ุดเทา่ ที่
จะทาได้ จากน้ ันกระโดดสุดตวั ทาซ้าแบบน้ี 10 คร้ งั ทา่ ออกกาลงั
กายน้ี จะช่วยให้เขา่ กบั ลาตวั แข็ งแรงข้ึ น เพื่อที่ในตอนแขง่ คุณจะ
กระโดดตบลูกไดส้ มบูรณ์
ข้ึ นลงบนั ไดเร็ วๆ - ทา่ น้ี ทาไดห้ ลายแบบกบั อุปกรณ์น้ี ไมเ่ พียงจะ
ช่วยให้คุณพฒั นาการเคลือ่ นเท้า มนั ยงั ช่วยฝึ กการยืนระยะของคุณ
อกี ดว้ ย
ลนั จ์ - บางคนอาจเกลียดทา่ ออกกาลงั กายน้ี แต่มนั ช่วยคุณสร้าง
กล้ามเน้ื อทีข่ าไดด้ ี โดยเฉพาะต้นขาหน้ า ขอแนะนาให้ทากระโดด
ลนั จ์หน้ า 10 หนและกระโดดลนั จ์ขา้ ง 10 หน ให้แน่ใจวา่ ทาสุดตวั
มนั จะช่วยเวลาคุณพงุ่ ไปรบั ลูกขนไกไ่ ดด้ ขี ้ึน โดยเฉพาะลูกหยอดหน้า
เน็ ต อยา่ ลมื ทจี่ ะทามนั ให้ถูกวธิ ดี ว้ ย
เคลอื่ นเทา้ ตามคาส่งั รอบคอร์ท (โดยมีลูกขนไกห่ รือไมก่ ็ได)้ - พอคุณ
เริ่มรบั ลูกไดท้ ุกมมุ ของคอร์ทแล้ว หาคหู่ หู รือโค้ชมาช่วยช้ีตาแหน่งแต่
ละมุมของคอร์ท จากน้ นั คณุ ขยบั เทา้ ตามไปยงั จดุ ทเี่ ขาช้ีเป้ า
6.ฝึ กฝนการเสิ ร์ ฟลูกหยอด ไมว่ ่าคุณจะเล่นประเภทเดยี่ ว หรื อ
ประเภท ในการเสิร์ฟลกู ขนไก่ คุณไมค่ วรแคต่ ลี กู ขนไกใ่ นน้าหนักที่
เบามากๆ ไมเ่ ช่นน้ ันลูกขนไกอ่ าจตกลงในฝ่ังของคุณ ให้คุณตที ีจ่ ุด
สมั ผสั ทสี่ ูงข้ึน และหยอ่ นลูกขนไกใ่ ห้ใกล้กบั ไม้แบดมินตนั แทนทจี่ ะ
เป็ นดา้ นหน้าของไมแ้ บดมินตนั
7.ฝึ กฝนการเสิร์ฟลูกยาวในการเลน่ ประเภทเดยี่ ว การเสิร์ฟลูกยาว
ไปสุดเส้ นหลงั จะทาให้คู่แขง่ ไมท่ นั ต้งั ตวั ในการเสิร์ ฟลูกยาวน้ ัน
ปลอ่ ยให้ลูกขนไกห่ ลน่ ลงมาหน้ าคุณ ในขณะทีค่ ุณเง้อื ไม้ของคุณไป
ดา้ นหลงั เกือบเป็ นตาแหน่งเดยี วกบั ระดบั ของหวั ไหล่ ซ่ึ งจะทาให้คุณ
สร้ า งแ รงผลกั ดนั ได้มา กข้ึ น ก่อนที่คุณจะวา ดไม้แบ ดมิ นต นั ไป
ดา้ นหน้าเพอื่ ตลี ูกขนไก่
สนามและ
อุปกรณ์สนาม
40 มม.
420 มม.
40 มม.
40 มม.
40 มม.
420 มม.
40 มม.
2,530 มม. 2,530 มม.
เส้ นเขตหลงั และเป็ นเส้ นหลงั ของการส่งลกู ประเภทเดยี่ ว
40 มม. เส้ นหลงั ของการส่งลูกประเภทคู่
720 มม.
สนามส่งลกู สนามส่งลูก
40 มม. ดา้ นขวา ดา้ นซ้ าย
3,880 มม.
40 มม. เ ้สนเซตข้าง สาหรับเล่น ูค่เส้ นส่งลูกส้นั เสา
1,980 มม. เ ้สนเซตข้างสาหรับเล่นเดี่ยวตาขา่ ย
เ ้สนเซตข้างสาหรับเล่นเดี่ยว
เสา เ ้สนเซตข้าง สาหรับเล่น ูค่เส้ นส่งลูกส้นั
1,980 มม.
13.40 ม.
40 มม.
สนามส่งลกู สนามส่งลกู
ดา้ นขวา ดา้ นซ้ าย
3,880 มม. เส้ นหลงั ของการส่งลกู ประเภทคู่
40 มม.
720 มม.
40 มม.
เส้ นเขตหลงั และเป็ นเส้ นหลงั ของการส่งลกู ประเภทเดยี่ ว
6.10 ม.
1. สนามและอุปกรณ์สนาม
1.1 สนามจะเป็ นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าประกอบดว้ ยเส้ นกว้ าง
ขนาด 40 มิลลิเมตร
1.2 เส้ นทุกเส้ นต้องเดน่ ชดั และควรทาดว้ ยสีขาวหรือสีเหลอื ง
1.3 เส้ นทุกเส้ นเป็ นส่วนประกอบของพ้นื ทซี่ ่ึงกาหนดไว้
1.4 เสาตาขา่ ยจะต้องสูง 1.55 เมตรจากพ้นื สนาม และต้งั
ตรงเมื่อขึงตาขา่ ยให้ตงึ ตามทไี่ ดก้ าหนดไว้ในกติกา ขอ้ 1.10
โดยทจี่ ะต้องไมม่ ีส่วนหน่ึ งส่วนใดของเสายื่นเขา้ มาในสนาม
(เฉ พา ะ ร าย การ ที่รับร องโด ย IBF จะ ต้ องใช้ ร ะ เบีย บน้ี
จนกระท่งั 1 สิ งหาคม พ.ศ. 2547 ทุกรายการที่แขง่ ขัน
จะต้องยึดตามระเบยี บน้ี)
1.5 เสาตาขา่ ยจะต้องต้งั อยูบ่ นเส้ นเขตข้างของประเภทคู่
ตามทีไ่ ดแ้ สดงไว้ในภาพผงั ก. โดยไมต่ ้องคานึ งว่าจะเป็ น
ประเภทเดยี่ วหรือเลน่ คู่
1.6 ตาขา่ ยจะต้องถกั ดว้ ยเส้ นดา้ ยสีเขม้ และมีขนาดตากว้าง
ไมน่ ้อยกวา่ 15 มิลลิเมตร และไมเ่ กิน 20 มิลลิเมตร
1.7 ตาขา่ ยต้องมีความกว้าง 760 มิลลิเมตร และความยาว
อยา่ งน้อย 6.1 เมตร
1.8 ขอบบนของตาขา่ ยต้องมีแถบผา้ สีขาวพบั สอง ขนาดกว้าง
75 มิลลิเมตร ทบั บนเชือกหรือลวดทรี่ ้อยตลอดแถบผา้ ขาว
1.9 เชือกหรือลวดต้องมีขนาดพอทจี่ ะขึงให้ตงึ เตม็ ทกี่ บั หวั เสา
1.10 สุดขอบบนตาขา่ ยต้องสูงจากพ้ืนทีต่ รงก่ึงกลางสนาม
1.524 เมตร และ 1.55 เมตร เหนื อเส้ นเขตขา้ งของประเภทคู่
1.11 ต้องไมม่ ีช่องว่างระหว่างสุดปลายตาขา่ ยกับเสา ถ้ า
จาเป็ นต้องผกู ร้อยปลายตาขา่ ยท้งั หมดกบั เสา
2. ลูกขนไก่
2.1 ลูกขนไกอ่ าจทาจากวสั ดุธรรมชาติ หรือวสั ดุสงั เคราะห์
ไมว่ ่าลูกน้ ันจะทาจากวสั ดุชนิ ดใดก็ตาม ลกั ษณะวถิ วี งิ่ ทว่ั ไป
จะต้องเหมือนกบั ลูกซ่ึ งทาจากขนธรรมชาติ ฐานเป็ นหวั ไม้
ก๊ อก หุ้มดว้ ยหนังบาง
2.2 ลูกขนไกต่ ้องมีขน 16 อนั ปักอยูบ่ นฐาน
2.3 วดั จากปลายขนถงึ ปลายสุดของฐาน โดยความยาวของ
ขนในแตล่ ะลูกจะเทา่ กนั หมด ระหวา่ ง 62 มิลลิเมตร ถงึ 70
มิลลิเมตร
2.4 ปลายขนแผเ่ ป็ นรูปวงกลม มีเส้ นผา่ ศูนย์กลางระหวา่ ง
58 มิลลิเมตร ถงึ 68 มิลลิเมตร
2.5 ขนต้องมดั ให้แน่นดว้ ยเส้ นดา้ ย หรือวสั ดุอนื่ ทเี่ หมาะสม
2.6 ฐานของลกู ต้องมีเส้ นผา่ ศูนยก์ ลาง 25 มิลลิเมตร ถงึ 28
มิลลิเมตร และส่วนลา่ งมนกลม
2.7 ลูกขนไกจ่ ะมีนา้ หนักต้งั แต่ 4.74 ถงึ 5.50 กรมั
2.8 ลูกขนไกท่ ไี่ มใ่ ช้ขนธรรมชาติ
2.8.1 ใช้วสั ดุสงั เคราะห์แทนขนธรรมชาติ
2.8.2 ฐานลกู ดงั ทไี่ ดก้ าหนดไว้ในกตกิ าขอ้ 2.6
2.8.3 ขนาดและน้าหนักของลูกต้องเป็ นไปตามที่ได้
กาหนดไว้ ในกติกาขอ้ 2.3, 2.4 และ 2.7 อยา่ งไรก็ ตาม
ความแตกตา่ งของความถว่ งจาเพาะ และคุณสมบตั ิของวสั ดุ
สงั เคราะห์โดยการเปรียบเทยี บกบั ขนธรรมชาติ ยอมให้มี
ความแตกตา่ งไดถ้ งึ 10%
2.9 เนื่ องจากมิ ไดก้ าหนดความแตกต่างในเรื่องลกั ษณะ
ท่วั ไป ความเร็ วและวิถีวงิ่ ของลูกอาจมี การเปลี่ยนแปลง
คุณลกั ษณะดงั กลา่ วขา้ งต้น ไดโ้ ดยการอนุมตั ิจากองค์กร
แห่งชาติที่เกี่ยวข้องในทีซ่ ่ึ งสภาพความกดอากาศสูงหรื อ
สภาพดินฟ้ าอากาศ เป็ นเหตุให้ลูกขนไก่ตามมาตรฐานที่
กาหนดไว้ไมเ่ หมาะสม
กฎกติกา
แบดมินตนั
กติกาเบอ้ื งต้น
1. การออกนอกเส้ น มีการกาหนดเส้ นออกแตง่ ต่างกนั ในกรณี เลน่
เดยี่ วและเลน่ คู่
2. การเสิร์ฟลกู ตามกติกา ทถี่ กู ต้อง คือ
1. หวั ไมข้ ณะสมั ผสั ลกู ต้องตา่ กวา่ ขอ้ มืออยา่ งเห็นไดช้ ดั
2. หวั ไมข้ ณะสมั ผสั ลกู ต้องต่ากวา่ เอวอยา่ งเห็นไดช้ ดั
3. ผเู้ ลน่ ต้องไมถ่ ว่ งเวลา หรือเสริฟช้ า หรือเสริฟ 2 จงั หวะ
การเสริฟ ต้องเสริฟไปดว้ ยจงั หวะเดยี ว
4. ขณะเสิร์ฟ ส่วนใดส่วนหน่ึงของเทา้ ท้งั 2 ขา้ งต้องสมั ผสั
พ้นื ตลอดเวลา
5. การเสิร์ ฟลูกทีถ่ ูกต้อง ต้องให้แร็ กเก็ตสมั ผสั กบั หวั ลูก
กอ่ น หากโดนขนกอ่ นถอื วา่ ผิดกตกิ า
3. ขณะตลี ูกโต้กนั ห้ามนาส่วนหน่ึ งส่วนใดของร่างกายหรือไม้แบด
ไปสมั ผสั กบั เน็ ท
4. ห้ามตีลูกทีฝ่ ่ังตรงขา้ มโต้กลบั มาในขณะทีล่ ูกยงั ไมข่ า้ มเน็ ทมายงั
แดนเรา(Over net)
สหพนั ธ์ แบดมินตนั นานาชาติ ( IBF) ไดก้ าหนดให้ ทดลองใช้ ระบบ
การนับคะแนนการแขง่ ขนั กีฬาแบดมิ นตนั ใหม่ ในระบบ 3 x 21
คะแนน ต้งั แต่ วนั ที่ 1 มกราคม 2549 เป็ นต้นไป
รายละเอยี ดของกติกาการนบั คะแนนมีดงั น้ี
1. แมทช์ หน่ึ งต้องชนะให้ไดม้ ากทสี่ ดุ ใน 3 เกม
2. ทุกประเภทของการแขง่ ขนั ฝ่ ายทีไ่ ด้ 21 คะแนนกอ่ นเป็ นฝ่ าย
ชนะในเกมน้ ัน ยกเว้นเมื่อได้ 20 คะแนนเทา่ กนั ต้องนับต่อให้มี
คะแนนหา่ งกนั 2 คะแนน ฝ่ ายใดไดค้ ะแนนนา 2 คะแนนกอ่ นเป็ นผู้
ชนะ แตไ่ มเ่ กิ น 30 คะแนน หมายความวา่ หากการเลน่ ดาเนิ นมา
จนถงึ 29 คะแนนเทา่ กนั ฝ่ ายใดได้ 30 คะแนนกอ่ น เป็ นผูช้ นะ
3. ฝ่ ายชนะเป็ นฝ่ ายส่งลูกตอ่ ในเกมตอ่ ไป
4. ฝ่ ายชนะการเสีย่ งสิทธ์เิ ป็ นฝ่ ายส่งลูกไดก้ อ่ น หากฝ่ ายตรงขา้ มทา
ลูก "เสี ย" หรื อลูกไมไ่ ดอ้ ยูใ่ นการเล่น ผู้เลือกส่ งลูกก่อนจะได้
คะแนนนา 1-0 และไดส้ ่งลกู ตอ่ แตห่ ากผูส้ ่งลกู ทาลูก "เสีย" หรือลูก
ไมอ่ ยูใ่ นการเล่น ฝ่ ายตรงข้ามจะไดค้ ะแนนตามมาทนั ทีเป็ น 1-1
และฝ่ ายตรงขา้ มจะไดส้ ิทธ์สิ ่งลูกแทน ดาเนิ นเช่นน้ีตอ่ ไปจนจบเกม
5. ประเภทคูใ่ ห้ส่งลกู ฝ่ ายละ 1 คร้งั ตามคะแนนทไี่ ด้ ขณะทเี่ ปลีย่ น
ฝ่ ายส่งลูก หากคะแนนเป็ นจานวนคี่ ผูอ้ ยูค่ อร์ดดา้ นซ้ ายเป็ นผูส้ ่งลูก
หากคะแนนเป็ นจานวนคผู่ อู้ ยูค่ อร์ดดา้ นขวาเป็ นฝ่ ายส่งลูก
การดวิ ส์
หากผู้เลน่ ท้งั สองฝ่ ายทาคะแนนไดเ้ ทา่ กนั ในคะแนนที่ 20 จะมี
การเลน่ ตอ่ จนกว่าว่าจะมีคะแนนมากกว่าฝ่ ายตรงข้าม 2 คะแนน
แตถ่ ้ายงั ไมส่ ามารถทาคะแนนหา่ งกนั 2 แต้มได้ จะเลน่ ตอ่ ไปเรื่อยๆ
แต่ เมื่อแต้มได้ 29 เทา่ กนั ใครทที่ าไดแ้ ต้ม 30 กอ่ นจะเป็ นฝ่ ายชนะ
มารยาทการเลน่
มารยาทผูเ้ ลน่
1. ผูแ้ ขง่ ขนั ต้องตระหนกั อยเู่ สมอวา่ ผเู้ ขา้ แขง่ ขนั เป็ นนกั กีฬาสมคั รเลน่
ซ่ึ งต้องมีน้าใจเป็ นนักกีฬาอยูเ่ สมอ และพร้อมทีจ่ ะให้อภยั แกความ
ผิดพลาดทกุ โอกาส โดยไมค่ านึงถงึ ผลแพช้ นะเป็ นสาคญั จนเกินไป
2. ผเู้ ขา้ แขง่ ขนั แตง่ กายดว้ ยชดุ กีฬาสีขาว สะอาด เรียบร้อย
3. ย้ิ มแย้มแจ่มใสต่อคู่แขง่ ขันแสดงออกถึงมิ ตรภาพความสุภาพ
อ่อนโยนด้วยการสมั ผัสมื อ หรื อเปิ ดโอกาสให้คู่แขง่ ขันได้วอร์ ม
รวมท้งั ไมเ่ อาเปรียบคูต่ อ่ ส้ ูหรือคูแ่ ขง่ ขนั ในการเสีย่ ง ให้โอกาสคูต่ อ่ ส้ ู
เป็ นผนู้ าการเลือกเสีย่ งกอ่ น
4. ไมแ่ สดงกริยาทีไ่ มด่ เี มื่อทาเสียเอง ดว้ ยทา่ ทางหรือคาพูด รวมท้งั
การกลา่ วตาหนิ ผูเ้ ลน่ ฝ่ ายเดยี วกนั
5. ใช้คาพดู ทสี่ ุภาพในการแขง่ ขนั
6. การถามข้อสงสยั หรื อถามคะแนนต่อผู้ตดั สิ นในระหว่างการ
แขง่ ขนั ควรจะใช้ถ้อยคาทสี่ ภุ าพ
7. การอุทธรณ์คาวนิ ิ จฉยั ของผูต้ ดั สิน ก็เป็ นอกี เรื่องหน่ึ งทีผ่ ู้แขง่ ขนั
ควรจะใช้ ถ้ อยคาที่ระมดั ระวงั และเมื่อได้ทาการอุทธรณ์ แล้ว ผู้
อุทธรณ์ต้องอยูใ่ นความสงบ และพร้อมทีจ่ ะทาการแขง่ ขนั ตอ่ ไปได้
และเมื่อผตู้ ดั สินช้ีขาดอยา่ งไรก็ต้องปฏิบตั ิตามดว้ ยความเตม็ ใจ
8. เมื่อขณะดาเนิ นการแขง่ ขนั อยูห่ ากจะหยุดพกั เช่น ขอเช็ดเหงอื่ ดมื่
น้า เปลี่ยนแร็ กเกต เปลี่ยนรองเท้าถุงเท้า ฯลฯ ต้องขออนุญาตผู้
ตดั สินทกุ คร้งั เมื่อไดร้ บั อนญุ าตแิ ล้วจงึ ปฏิบตั ิได้
9. ในการส่งลูกเสียไปให้คู่ต่อส้ ูจะต้องส่งลูกขา้ มตาขา่ ยไปให้เสมอ
การส่งลูกลอดใต้ตาขา่ ยไปให้คู่ตอ่ ส้ ูถือวา่ เป็ นการเสียมารยาทอยา่ ง
รุนแรง
10. ในระหวา่ งการแขง่ ขนั ถ้าผูต้ ดั สินทาหน้าทีผ่ ิดพลาดแตเ่ ราอยูใ่ น
ฐานะไดเ้ ปรียบไมค่ วรใช้ความไดเ้ ปรียบน้ นั เป็ นประโยชน์
11. การตีลูกเสีย นกั กีฬาทีด่ ตี ้องร้องออกมาดงั ๆ วา่ "เสีย" โดยไม่
ต้องรอให้ผูต้ ดั สินร้องออกมากอ่ น แตถ่ ้าผูต้ ดั สินดูไมท่ นั ผูต้ ลี ูกเสียไม่
ควรจะฉวยโอกาสเลน่ ตอ่ ไปดว้ ย เพราะการฉวยโอกาสเช่นน้ีเป็ นการ
กระทาทไี่ มส่ จุ ริต
12. เมื่อการแขง่ ขนั เสร็ จส้ินลง ถ้าเราเป็ นฝ่ ายชนะจะต้องไมแ่ สดง
ความดใี จจนเกิ นควร ต้องเข้าไปจบั มือคู่แขง่ ขนั ทนั ทีพร้ อมแสดง
ความเสียใจ ถ้ าเป็ นฝ่ ายแพ้ไมค่ วรจะแสดงอารมณ์ ฉุนเฉียวต้อง
ค ว บ คุ ม อ า ร ม ณ์ แ ล ะรี บ ไ ป แ ส ด ง ค ว า ม ยิ น ดีกับ คู่แ ข ง่ โ ด ย ท ัน ที
เหมือนกนั
13. ยอมรบั และเชื่อฟังการตดั สินโดยไมโ่ ต้แยง้ และเมื่อเสร็จส้ินการ
แขง่ ขนั ควรแสดงความเคารพผูต้ ดั ส้ิน
14. ในสนามทีม่ ีผูม้ ารอเลน่ อยูม่ าก และไมใ่ ช่การแขง่ ขนั ไมค่ วรเลน่
กนั นานจนเกินไป ควรเปิ ดโอกาสให้ผูอ้ นื่ ไดเ้ ลน่ บา้ ง
มารยาทผูช้ ม
1. แตง่ กายให้สุภาพ เรียบร้อย เป็ นการให้เกียรติแกก่ ารแขง่ ขนั น้ ัน
ๆ
2. ให้เกียรติแกน่ กั กีฬาท้งั 2 ฝ่ าย ดว้ ยการปรบมือเมื่อมีการแนะนา
คูแ่ ขง่ ขนั
3. ไมก่ ลา่ ววาจาไมส่ ภุ าพ และไมเ่ ชียร์ฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึ งจนไมน่ ่าดู
4. ขณะการแขง่ ขนั ยงั ดาเนิ นอยูไ่ มค่ วรรบกวนสมาธิของผู้แขง่ หรือ
ผชู้ มดว้ ยกนั
5. การนิ่งเงยี บ ในขณะทนี่ กั กีฬากาลงั เลน่ ถอื วา่ เป็ นมารยาทของผชู้ ม
ทดี่ ี
6. ควรปรบมือเมื่อผูเ้ ลน่ ฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึ งเลน่ ไดด้ ี สวยงาม และกระทา
เมื่อลูกไมไ่ ดอ้ ยใู่ นการเลน่
7. ไม่แ ส ด งออกด้ว ย กิ ริ ย า ห รื อวิพ า กษ์ วิจา ร ณ์ กา ร ต ดั สิ นข อ ง
กรรมการ ขณะทาการแขง่ ขนั แมว้ า่ จะมีขอ้ ผิดพลาด
8. เมื่อการแขง่ ขนั ส้ินสุดลง ควรปรบมือเป็ นเกียรติแกน่ กั กีฬาท้งั สอง
ฝ่ าย
มารยาทผตู้ ดั สิน
1. เมื่อเขา้ สู่สนามแขง่ ขนั ต้องแตง่ กายให้ถกู ต้องตามลกั ษณะของการ
เป็ นผู้ตดั สิ น เครื่ องแต่งกายต้ องประณี ต และสะอาด วางตวั ใน
ลัก ษ ณ ะ สุ ภ า พ อ่อ น น้ อ ม แ ต่ส า ร ว ม ไ ม่ห ล อ ก ล้ อ กับ ผู้ห น่ึ ง ผู้ใ ด
แ ส ด ง อ อ ก ถึ ง อ า ก า ร ที่ จ ะ ใ ห้ ค ว า ม ร่ ว ม มื อ กับ ผู้ อื่น ด้ว ย ท ่า ที
กระฉบั กระเฉง ไมใ่ ช่ประหมา่ หรือลกุ ล้ีลกุ ลน
2. ระหว่างการแขง่ ขัน หลีกเลี่ยงการพบปะสนทนากับผู้เล่น ผู้
ฝึ กสอน ตลอดจนผู้คุ้นเคยอนื่ ๆ พยายามต้งั ใจจริ งในการปฏิ บตั ิ
หน้ าทใี่ นการตดั สิน ตดั สินใจดว้ ยความเดด็ ขาดถูกต้อง แสดงออกถึง
ความมีน้าใจเป็ นนกั กีฬา ไมแ่ สดงอารมณ์ออกมา ควรใช้วาจาเฉพาะ
ในสิ่งทีจ่ าเป็ นพูดเฉพาะหลกั การเทา่ น้ ัน เพือ่ สร้างความเชื่อม่นั แก่
ผูฟ้ ัง และไมค่ วรโต้เถยี งกบั ผู้ใดผู้หน่ึ ง ซ่ึ งจะเป็ นการลดฐานะของ
ตนเอง อนั เป็ นการทาให้ เสื่อมศักด์ิศรี และเป็ นการนาไปสู่การ
ทะเลาะววิ าทหรือทาให้เกิดคบั ขอ้ งขนุ ่ เคืองใจได้
3. เมื่อจบการแขง่ ขนั หลงั จากตรวจใบนบั คะแนนเรียบร้อยแล้ว ควร
รีบออกจากสนามแขง่ ขันทนั ที ไมค่ วรรีรออยูเ่ พือ่ ขออภยั ในความ
ผิดพลาดในการตดั สิน หรือเพอื่ แสดงความยินดหี รือเสียใจตอ่ คูแ่ ขง่
ไมค่ วรแสดงความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกบั ปัญหาตา่ ง ๆ ทมี่ ีการถกเถยี ง
กัน ในกรณี ที่มี ผู้สื่อขา่ วข อสัมภาษณ์ ควรให้ ควา มร่วมมื อด้ว ย
อธั ยาศยั อนั ดี โดยช้ีแจงอยา่ งเป็ นธรรมและเหมาะสมในขอบเขตของ
การเป็ นผู้ตดั สิน แตไ่ มค่ วรแสดงความคิดเห็นทีซ่ ้าเติม หรือก้าวกา่ ย
หน้าทขี่ องผูอ้ นื่