๕๐ หน่วย ที่ ชื่อหน่วย มำตรฐำนกำร เรียนรู้/ตัวชี้วัด สำระส ำคัญ เวลำ (ชม.) น้ ำหนัก คะแนน กำรทดสอบและปรับปรุง สมรรถภำพทำงกำยตำมผลกำร ทดสอบ จะท ำให้สุขภำพแข็งแรง ระหว่ำงปี ๓๘ ๘๐ ปลำยปี ๒ ๒๐ รวม ๔๐ ๑๐๐
๕๑ โครงสร้ำงรำยวิชำพื้นฐำน พ ๑๕๑๐๑ สุขศึกษำฯ ๕ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้สุขศึกษำและพลศึกษำ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๕ เวลำ ๔๐ ชั่วโมง หน่วย ที่ ชื่อหน่วย มำตรฐำนกำร เรียนรู้/ตัวชี้วัด สำระส ำคัญ เวลำ (ชม.) น้ ำหนัก คะแนน ๑ ระบบในร่ำงกำย พ.๑.๑ ป.๕/๑ ป.๕/๒ ระบบย่อยอำหำร และระบบ ขับถ่ำย มีควำมส ำคัญต่อกำร ด ำรงชีวิต กำรเจริญเติบโต และ พัฒนำกำรของร่ำงกำย จึงควร ดูแลอย่ำงถูกต้อง เพื่อให้ กำรเจริญเติบโตและพัฒนำกำร เป็นไปตำมวัย ๒ ๑๐ ๒ ชีวิต และครอบครัว พ.๒.๑ ป.๕/๑ ป.๕/๒ ป.๕/๓ กำรเจริญเติบโตทำงร่ำงกำย ท ำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลง ทำงเพศ จึงต้องดูแลตนเอง และ วำงตัวที่เหมำะสมกับเพศตำม วัฒนธรรมไทย ครอบครัวตำมวัฒนธรรมไทย เป็นครอบครัวที่อบอุ่น กำรมี พฤติกรรมที่พึงประสงค์จะช่วย แก้ปัญหำควำมขัดแย้ง ในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน ๔ ๑๐ ๓ สุขภำพของเรำ พ.๔.๑ ป.๕/๑ ป.๕/๒ ป.๕/๓ กำรปฏิบัติตนตำมหลัก สุขบัญญัติแห่งชำติ จะส่งผลให้ ผู้ปฏิบัติมีสุขภำพร่ำงกำยที่ แข็งแรง สมบูรณ์ ข้อมูลสุขภำพมีประโยชน์ต่อ กำรดูแลและสร้ำงเสริมสุขภำพ จึงต้องสืบค้นจำกแหล่งข้อมูล ที่เชื่อถือได้ ๑๐ ๑๒
๕๒ หน่วย ที่ ชื่อหน่วย มำตรฐำนกำร เรียนรู้/ตัวชี้วัด สำระส ำคัญ เวลำ (ชม.) น้ ำหนัก คะแนน กำรตัดสินใจเลือกซื้ออำหำร และผลิตภัณฑ์สุขภำพ ควรมีหลัก ในกำรพิจำรณำเลือกซื้อที่ถูกต้อง และมีเหตุผลในกำรตัดสินใจ จึงจะส่งผลดีต่อร่ำงกำย อำกำรเจ็บป่วยที่เกิดจำกโรค ส่งผลต่อชีวิตประจ ำวัน ดังนั้นเรำ จึงควรรู้วิธีป้องกันตนเองจำกโรค ที่พบบ่อยในชีวิตประจ ำวัน จะช่วยลดควำมรุนแรงของโรค และกำรแพร่ระบำดของโรคได้ ๔ ควำมปลอดภัย ในชีวิต พ.๕.๑ ป.๕/๑ ป.๕/๒ ป.๕/๓ ป.๕/๔ สำรเสพติดเป็นสำรอันตรำย ที่มีหลำยประเภท และส่งผล กระทบต่อผู้เสพ ทั้งทำงด้ำน ร่ำงกำย จิตใจ อำรมณ์ สังคม และสติปัญญำ ดังนั้นจึงต้องรู้ วิธีกำรปฏิบัติตนเพื่อป้องกัน ตนเอง และหลีกเลี่ยงกำรใช้ สำรเสพติด กำรใช้ยำรักษำโรคอำจท ำให้ เกิดอันตรำยต่อผู้ใช้ได้ ดังนั้น จึงต้องใช้ยำอย่ำงถูกวิธีเพื่อ ควำมปลอดภัย สื่อต่ำง ๆ มีอิทธิพลต่อ พฤติกรรมกำรดูแลสุขภำพ ของเรำ ดังนั้นเรำจึงควรเลือกใช้ สื่ออย่ำงเหมำะสม ๘ ๑๔ ๕ กิจกรรมทำงกำย และกีฬำ พ.๓.๑ ป.๕/๑ ป.๕/๒ กำรเคลื่อนไหวร่ำงกำยและ ยืดหยุ่น เป็นกำรฝึกทักษะและ ๑๔ ๓๔
๕๓ หน่วย ที่ ชื่อหน่วย มำตรฐำนกำร เรียนรู้/ตัวชี้วัด สำระส ำคัญ เวลำ (ชม.) น้ ำหนัก คะแนน ป.๕/๓ ป.๕/๔ ป.๕/๕ ป.๕/๖ พ.๓.๒ ป.๕/๑ ป.๕/๒ ป.๕/๓ ป.๕/๔ พ.๔.๑ ป.๕/๕ พ.๕.๑ ป.๕/๕ ควบคุมกำรเคลื่อนไหวในกำรรับ แรง กำรใช้แรง และควำมสมดุล กำรเคลื่อนไหวร่ำงกำยให้เข้ำกับ จังหวะจะท ำให้ผู้ฝึกเกิดควำม แข็งแรงและเกิดควำมเพลิดเพลิน กำรเล่นเกมและกิจกรรม ทำงกำยช่วยส่งเสริมทักษะกำร เคลื่อนไหว ทักษะกำรคิด และยัง ท ำให้เกิดควำมสนุกสนำน ดังนั้น กำรปฏิบัติกิจกรรมดังกล่ำว จะต้องปฏิบัติตำมกฎ กติกำของ กำรเล่น เพื่อควำมปลอดภัย กีฬำ เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ ทักษะกำรเคลื่อนไหวร่ำงกำย และมีกฎ กติกำในกำรเล่น ผู้เล่น จึงต้องฝึกให้เกิดทักษะ และ ปฏิบัติตำมกฎ กติกำ กำรเล่น ตำมชนิดกีฬำให้ถูกต้อง และมีน้ ำใจนักกีฬำ กิจกรรมนันทนำกำรเป็น กิจกรรมที่ท ำในเวลำว่ำง และ ท ำให้เกิดควำมสนุกสนำน เพลิดเพลิน เป็นกำรใช้ เวลำว่ำงให้เป็นประโยชน์ สมรรถภำพทำงกำยที่ดีย่อมมี ผลต่อกำรท ำงำนที่ดี กำรทดสอบ สมรรถภำพทำงกำยจะท ำให้เรำ สำมำรถปรับปรุงสมรรถภำพ
๕๔ หน่วย ที่ ชื่อหน่วย มำตรฐำนกำร เรียนรู้/ตัวชี้วัด สำระส ำคัญ เวลำ (ชม.) น้ ำหนัก คะแนน ทำงกำย เพื่อประสิทธิภำพใน กำรท ำงำนที่ดีขึ้นด้วย ระหว่ำงปี ๓๘ ๘๐ ปลำยปี ๒ ๒๐ รวม ๔๐ ๑๐๐
๕๕ โครงสร้ำงรำยวิชำพื้นฐำน พ ๑๖๑๐๑ สุขศึกษำฯ ๖ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้สุขศึกษำและพลศึกษำ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๖ เวลำ ๔๐ ชั่วโมง หน่วย ที่ ชื่อหน่วย มำตรฐำนกำร เรียนรู้/ตัวชี้วัด สำระส ำคัญ เวลำ (ชม.) น้ ำหนัก คะแนน ๑ ระบบในร่ำงกำย พ.๑.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ระบบหำยใจ ระบบไหลเวียน โลหิต และระบบสืบพันธุ์ มีควำมส ำคัญและมีผลต่อสุขภำพ กำรเจริญเติบโต และพัฒนำกำร ของร่ำงกำย ดังนั้นเรำจึงควร ดูแลรักษำระบบหำยใจ ระบบไหลเวียนโลหิต และ ระบบสืบพันธุ์ ให้ท ำงำนได้ ตำมปกติ ๓ ๑๐ ๒ สัมพันธภำพและ เพศศึกษำ พ.๒.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ กำรสร้ำงสัมพันธภำพที่ดีกับ สมำชิก ในครอบครัวและเพื่อน จะท ำให้เข้ำใจตนเองและผู้อื่น อีกทั้งยังสำมำรถอยู่ร่วมกันกับ ผู้อื่นได้อย่ำงมีควำมสุข กำรมีเพศสัมพันธ์ กำรติดเชื้อ เอดส์ และกำรตั้งครรภ์ก่อนวัย อันควร ล้วนแต่มีสำเหตุเกิดจำก พฤติกรรมเสี่ยง เรำจึงควรศึกษำ ท ำควำมเข้ำใจเพื่อจะได้ป้องกัน ตนเองจำกพฤติกรรมดังกล่ำว ๕ ๑๒ ๓ สุขภำพ กับสิ่งแวดล้อม พ.๔.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ควำมรับผิดชอบต่อสุขภำพ ของตนเองและส่วนรวม สำมำรถ ท ำได้โดยกำรเสนอแนะแนวทำง และแสดงพฤติกรรม ในกำรป้องกันและแก้ไขปัญหำ สิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อสุขภำพ ๘ ๑๔
๕๖ หน่วย ที่ ชื่อหน่วย มำตรฐำนกำร เรียนรู้/ตัวชี้วัด สำระส ำคัญ เวลำ (ชม.) น้ ำหนัก คะแนน กำรแสดงควำมรับผิดชอบต่อ สุขภำพของส่วนรวม สำมำรถ ท ำได้โดยกำรวิเครำะห์ผลกระทบ และเสนอแนวทำงป้องกัน โรคติดต่อส ำคัญที่พบ ในประเทศไทย ๔ ภัยธรรมชำติ และสำรเสพติด พ.๕.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ควำมรุนแรงของภัยธรรมชำติ มีผลกระทบต่อร่ำงกำย จิตใจ และสังคม ดังนั้นจึงควรศึกษำ วิธีกำรปฏิบัติตน เพื่อควำม ปลอดภัยจำกธรรมชำติ สำรเสพติดเป็นอันตรำยทั้งต่อ ตนเองและผู้อื่น เรำจึงหลีกเลี่ยง และชักชวน ให้ผู้อื่นห่ำงไกล จำกสำรเสพติด ๔ ๑๒ ๕ กิจกรรม พำเพลิน พ.๓.๑ ป.๖/๑ ป.๖/๒ ป.๖/๕ พ.๓.๒ ป.๖/๑ ป.๖/๒ กำรออกก ำลังกำยที่ถูกต้อง ตำมหลักกำร สำมำรถน ำ หลักกำรเคลื่อนไหวร่ำงกำยโดย กำรใช้แรง กำรรับแรงและควำม สมดุลในกำรเคลื่อนไหวร่ำงกำย มำปรับปรุง เพื่อเพิ่มพูนทักษะ กำรออกก ำลังกำยเพื่อสุขภำพ สมรรถภำพทำงกำย และ กำรสร้ำงเสริมบุคลิกภำพ กำยบริหำรประกอบเพลงเป็น กำรเคลื่อนไหวร่ำงกำยร่วมกับ ผู้อื่นแบบ ผสมผสำน ทั้งแบบอยู่ กับที่ และเคลื่อนที่ โดยใช้จังหวะ เพลงประกอบ ๘ ๑๔
๕๗ หน่วย ที่ ชื่อหน่วย มำตรฐำนกำร เรียนรู้/ตัวชี้วัด สำระส ำคัญ เวลำ (ชม.) น้ ำหนัก คะแนน กิจกรรมแบบผลัดและเกม น ำไปสู่กีฬำเป็นกำรใช้ทักษะ กำรเคลื่อนไหวร่วมกับผู้อื่นใน ลักษณะแบบผลัดและแบบ ผสมผสำนทั้งแบบอยู่กับที่ เคลื่อนที่ และใช้อุปกรณ์ ประกอบ ซึ่งผู้เล่นต้องใช้ทักษะ กำรวำงแผนและสำมำรถเพิ่มพูน ทักษะกำรออกก ำลังกำยได้อย่ำง ถูกวิธีและเป็นระบบ กำรเข้ำร่วมหรือปฏิบัติ กิจกรรมนันทนำกำร ผู้ปฏิบัติ สำมำรถน ำควำมรู้และหลักกำร ที่ได้ไปเป็นพื้นฐำนในกำรศึกษำ หำควำมรู้เรื่องอื่น ๆ ได้ ๖ กีฬำ พ.๓.๑ ป.๖/๓ ป.๖/๔ พ.๓.๒ ป.๖/๓ ป.๖/๔ ป.๖/๕ ป.๖/๖ พ.๔.๑ ป.๖/๔ กำรเล่นกรีฑำ ผู้เล่นจะต้อง ปฏิบัติตำมกฎ กติกำ ในกำรแข่งขันอย่ำงเคร่งครัด โดยค ำนึงถึงควำมปลอดภัยของ ตนเองและผู้อื่น มีน้ ำใจนักกีฬำ รู้จักประเมินทักษะกำรเล่นของ ตนเองเป็นประจ ำ และใช้ทักษะ กลไก เพื่อปรับปรุงเพิ่มพูน ควำมสำมำรถของตนเองและ ผู้อื่นในกำรเล่น กำรเล่นวอลเลย์บอล เป็นกำรเล่นกีฬำสำกลประเภท ทีมที่มีอุปกรณ์ประกอบ ซึ่งผู้เล่น จะต้องใช้ทักษะวำงแผนและ ๑๐ ๑๘
๕๘ หน่วย ที่ ชื่อหน่วย มำตรฐำนกำร เรียนรู้/ตัวชี้วัด สำระส ำคัญ เวลำ (ชม.) น้ ำหนัก คะแนน เพิ่มพูนทักษะกำรออกก ำลังกำย และกำรเคลื่อนไหวอย่ำงเป็น ระบบและถูกวิธี น ำกลวิธีกำรรุก และกำรรับมำใช้ และในขณะเล่น ต้องปฏิบัติตำมกฎ กติกำ โดยค ำนึงถึงควำมปลอดภัย ของตนเองและผู้อื่น และมีน้ ำใจ นักกีฬำ ตะกร้อเป็นกีฬำไทยที่ผู้เล่น ต้องมีทักษะในกำรเล่น รู้จักน ำ กลวิธีกำรรุกและกำรรับมำใช้ และในขณะเล่นควรปฏิบัติตำม กฎ กติกำกำรเล่น มีน้ ำใจนักกีฬำ และค ำนึงถึงควำมปลอดภัยของ ตนเองและผู้อื่น กำรสร้ำงเสริมและปรับปรุง สมรรถภำพทำงกำย อย่ำงต่อเนื่อง จะท ำให้สุขภำพ แข็งแรง ระหว่ำงปี ๓๘ ๘๐ ปลำยปี ๒ ๒๐ รวม ๔๐ ๑๐๐
๕๙ สื่อ/แหล่งเรียนรู้ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้สุขศึกษำและพลศึกษำได้จัดท ำสื่อและจัดให้มีแหล่งเรียนรู้ตำมหลักกำร และ นโยบำยของกำรจัดกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน ดังนี้ สื่อกำรเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนกำรจัดกำรกระบวนกำรเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้ำถึงควำมรู้ ทักษะกระบวนกำร และคุณลักษณะตำมมำตรฐำนของหลักสูตรได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ สื่อกำร เรียนรู้มีหลำกหลำยประเภท ทั้งสื่อธรรมชำติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่ำย กำรเรียนรู้ ต่ำง ๆ ที่มีในท้องถิ่นกำรเลือกใช้สื่อควรเลือกให้มีควำมเหมำะสมกับระดับพัฒนำกำร และลีลำกำรเรียนรู้ที่ หลำกหลำยของผู้เรียนกำรจัดหำสื่อกำรเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสำมำรถจัดท ำและพัฒนำขึ้นเอง หรือปรับปรุง เลือกใช้อย่ำงมีคุณภำพจำกสื่อต่ำง ๆ ที่มีอยู่รอบตัวเพื่อน ำมำใช้ประกอบในกำรจัดกำรเรียนรู้ที่สำมำรถส่งเสริม และสื่อสำรให้ผู้เรียนเกิดกำรเรียนรู้ โดยสถำนศึกษำควรจัดให้มีอย่ำงพอเพียง เพื่อพัฒนำให้ผู้เรียน เกิดกำร เรียนรู้อย่ำงแท้จริงสถำนศึกษำเขตพื้นที่กำรศึกษำ หน่วยงำนที่เกี่ยวข้องและผู้มีหน้ำที่จัดกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน ควรด ำเนินกำรดังนี้ ๑. จัดให้มีแหล่งกำรเรียนรู้ ศูนย์สื่อกำรเรียนรู้ ระบบสำรสนเทศกำรเรียนรู้ และเครือข่ำยกำรเรียนรู้ ที่มีประสิทธิภำพทั้งในสถำนศึกษำและในชุมชน เพื่อกำรศึกษำค้นคว้ำและกำรแลกเปลี่ยนประสบกำรณ์กำร เรียนรู้ระหว่ำงสถำนศึกษำ ท้องถิ่น ชุมชน สังคมโลก ๒. จัดท ำและจัดหำสื่อกำรเรียนรู้ส ำหรับกำรศึกษำค้นคว้ำของผู้เรียน เสริมควำมรู้ให้ผู้สอน รวมทั้ง จัดหำสิ่งที่มีอยู่ในท้องถิ่นมำประยุกต์ใช้เป็นสื่อกำรเรียนรู้ ๓. เลือกและใช้สื่อกำรเรียนรู้ที่มีคุณภำพ มีควำมเหมำะสม มีควำมหลำกหลำย สอดคล้องกับวิธีกำร เรียนรู้ ธรรมชำติของสำระกำรเรียนรู้ และควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคลของผู้เรียน ๔. ประเมินคุณภำพของสื่อกำรเรียนรู้ที่เลือกใช้อย่ำงเป็นระบบ ๕. ศึกษำค้นคว้ำ วิจัย เพื่อพัฒนำสื่อกำรเรียนรู้ให้สอดคล้องกับกระบวนกำรเรียนรู้ ของ ผู้เรียน ๖. จัดให้มีกำรก ำกับ ติดตำม ประเมินคุณภำพและประสิทธิภำพเกี่ยวกับสื่อและกำรใช้สื่อกำรเรียนรู้ เป็นระยะ ๆ และสม่ ำเสมอ ในกำรจัดท ำ กำรเลือกใช้ และกำรประเมินคุณภำพสื่อกำรเรียนรู้ที่ใช้ในสถำนศึกษำควรค ำนึงถึง หลักกำรส ำคัญของสื่อกำรเรียนรู้ เช่น ควำมสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์กำรเรียนรู้ กำรออกแบบ กิจกรรมกำรเรียนรู้ กำรจัดประสบกำรณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหำมีควำมถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบควำมมั่นคง ของชำติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีกำรใช้ภำษำที่ถูกต้อง รูปแบบกำรน ำเสนอที่เข้ำใจง่ำย และน่ำสนใจ
๖๐ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ อัตรำส่วนคะแนน คะแนนระหว่ำงปีกำรศึกษำ : สอบปลำยปีกำรศึกษำ = ๘๐ : ๒๐ รำยกำรวัด คะแนน ระหว่ำงภำค มีกำรวัดและประเมินผล ดังนี้ ๑. คะแนนระหว่ำงปีกำรศึกษำ ๑.๑ วัดโดยใช้แบบทดสอบ ๑.๒ วัดทักษะ/กระบวนกำร/สมรรถนะ (เลือกวัดตำมแผนกำรจัดกำรเรียนรู้) ๑.๒.๑ ภำระงำนที่มอบหมำย - กำรใบงำน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะ - กำรศึกษำค้นคว้ำ - กำรร่วมกิจกรรมกำรเรียนรู้ ๑.๒.๒ แฟ้มสะสมงำน ๑.๒.๓ กำรเข้ำร่วมกิจกรรมทำงพลศึกษำ และกำรทดสอบสมรรถภำพทำงกำย ๑.๒.๔ สมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน ๑.๓ วัดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และเจตคติที่ดีต่อวิชำสุขศึกษำและพลศึกษำ ๒. คะแนนสอบกลำงปีกำรศึกษำ วัดและประเมินผลโดยใช้แบบทดสอบ ๘๐ ๗๐ ๑๐ คะแนนสอบปลำยปีกำรศึกษำ มีวัดและประเมินผลโดยใช้แบบทดสอบ ๒๐ รวม ๑๐๐ เกณฑ์กำรวัดผลประเมินผล ๑. กำรวัดและประเมินผลโดยใช้แบบทดสอบ ๑.๑ เกณฑ์ให้คะแนนแบบทดสอบแบบเลือกตอบ พิจำรณำจำกควำมถูกผิดของกำรเลือกตอบ ตอบถูกให้ ๑ คะแนน ตอบผิดให้ ๐ คะแนน ๑.๒ เกณฑ์ให้คะแนนแบบทดสอบแบบถูกผิด พิจำรณำจำกควำมถูกผิดของค ำตอบ ตอบถูกให้ ๑ คะแนน ตอบผิดให้ ๐ คะแนน
๖๑ ๑.๓ เกณฑ์ให้คะแนนแบบทดสอบแบบเติมค ำ พิจำรณำจำกควำมถูกผิดของค ำตอบ ตอบถูกให้ ๑ คะแนน ตอบผิดให้ ๐ คะแนน ๑.๔ เกณฑ์ให้คะแนนแบบทดสอบแบบจับคู่ พิจำรณำจำกควำมถูกผิดของกำรจับคู่ จับคู่ถูกให้ ๑ คะแนน จับคู่ผิดให้ ๐ คะแนน ๑.๕ เกณฑ์กำรให้คะแนนแบบทดสอบแบบเขียนตอบ พิจำรณำจำกค ำตอบในภำพรวมทั้งหมด โดยก ำหนดระดับคะแนนเป็น ๔ ระดับ ดังนี้ ระดับคะแนน เกณฑ์กำรให้คะแนน ๓ ตอบได้ถูกต้อง สำมำรถอธิบำยเหตุผลได้อย่ำงชัดเจน ๒ ตอบได้ถูกต้อง สำมำรถอธิบำยเหตุผลได้เป็นบำงส่วน แต่ยังไม่อย่ำงชัดเจน ๑ ตอบได้ถูกต้อง แต่ไม่สำมำรถอธิบำยเหตุผลได้ ๐ ตอบไม่ถูกต้อง และไม่สำมำรถอธิบำยเหตุผลได้ ๒. กำรวัดและประเมินผลด้ำนทักษะ/กระบวนกำร/สมรรถนะ ๒.๑ ภำระงำนที่มอบหมำย - ใบงำน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะ ก ำหนดเกณฑ์กำรใบงำน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะ ๔ ระดับ ดังนี้ ระดับคุณภำพ เกณฑ์กำรให้คะแนน ๔ (ดีมำก) - ท ำใบงำน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะครบถ้วนและเสร็จตำมก ำหนดเวลำ - ท ำใบงำน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะได้ถูกต้อง - แสดงล ำดับขั้นตอนของกำรท ำใบงำน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะชัดเจนเหมำะสม ๓ (ดี) - ท ำใบงำน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะครบถ้วนและเสร็จตำมก ำหนดเวลำ - ท ำใบงำน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะได้ถูกต้อง - สลับขั้นตอนของกำรท ำใบงำน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะ หรือไม่ระบุขั้นตอนของกำร ท ำใบงำน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะ ๒ (พอใช้) - ท ำใบงำน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะครบถ้วน แต่เสร็จหลังก ำหนดเวลำเล็กน้อย - ท ำใบงำน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะข้อไม่ถูกต้อง - สลับขั้นตอนของกำรท ำใบงำน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะ หรือไม่ระบุขั้นตอน ของกำรท ำใบงำน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะ ๑ (ปรับปรุง) - ท ำใบงำน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะไม่ครบถ้วน หรือไม่เสร็จตำมก ำหนด เวลำเล็ก - ท ำใบงำน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะไม่ถูกต้อง
๖๒ - แสดงล ำดับขั้นตอนของกำรท ำใบงำน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะไม่สัมพันธ์ กับ โจทย์หรือไม่แสดงล ำดับขั้นตอน - กำรประเมินผลกำรศึกษำค้นคว้ำ กำรศึกษำค้นคว้ำ ก ำหนดเกณฑ์กำรประเมินผล เป็น ๔ ระดับ ดังนี้ ระดับคุณภำพ เกณฑ์กำรพิจำรณำ ๔ (ดีมำก) - กำรวำงแผนชัดเจนและท ำงำนเป็นระบบ - แสดงข้อมูลที่ละเอียดชัดเจน - แสดงควำมเชื่อมโยงระหว่ำงเนื้อหำวิชำได้ชัดเจน - ลงข้อสรุปที่ถูกต้องชัดเจน - น ำเสนอผลงำนอย่ำงเหมำะสม ๓ (ดี) - กำรวำงแผนชัดเจน - แสดงข้อมูลที่ละเอียด - แสดงควำมเชื่อมโยงระหว่ำงเนื้อหำวิชำได้ชัดเจน - ลงข้อสรุปที่ถูกต้องชัดเจน - น ำเสนอผลงำนได้ยังไม่ชัดเจน ๒ (พอใช้) - กำรวำงแผนไม่ชัดเจน - แสดงข้อมูลบำงส่วนผิดพลำด - แสดงควำมเชื่อมโยงระหว่ำงเนื้อหำวิชำไม่ชัดเจน - ลงข้อสรุปบำงส่วนผิดพลำด - น ำเสนอผลงำนได้ไม่ชัดเจน ๑ (ปรับปรุง) - กำรวำงแผนไม่ชัดเจน - แสดงข้อมูลไม่ถูกต้อง - แสดงควำมเชื่อมโยงระหว่ำงเนื้อหำวิชำไม่ชัดเจน - ลงข้อสรุปไม่ถูกต้อง - น ำเสนอผลงำนได้ไม่ถูกต้อง - กำรประเมินผลกำรร่วมกิจกรรมกำรเรียนรู้ กำรร่วมกิจกรรมกำรเรียนรู้ส่วนใหญ่มอบหมำยภำระงำนเป็นกลุ่ม ก ำหนดเกณฑ์กำร ประเมินผลกำรร่วมกิจกรรมกำรเรียนรู้ ดังนี้
๖๓ รำยกำรประเมิน ระดับคุณภำพ เกณฑ์กำรพิจำรณำ ๑. กำรวำงแผน ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) - วำงแผนและมอบหมำยหน้ำที่ให้สมำชิกได้ชัดเจน - วำงแผน แต่มอบหมำยหน้ำที่ให้สมำชิกไม่ชัดเจน - ไม่มีกำรวำงแผน ๒. ควำมร่วมมือ ในกลุ่ม ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) - ทุกคนท ำงำนตำมหน้ำที่รับผิดชอบ - สมำชิกส่วนมำกท ำงำนตำมหน้ำที่ - สมำชิกไม่ท ำงำนตำมหน้ำที่ ๓. ทักษะกำร ปฏิบัติกำร ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) - ปฏิบัติตำมขั้นตอนอย่ำงถูกต้องเหมำะสม - ปฏิบัติตำมขั้นตอนแต่ยังมีข้อผิดพลำดเป็นบำงส่วน - ไม่สำมำรถปฏิบัติได้ตำมขั้นตอนและมีควำมผิดพลำด ๔. กำรเขียนรำยงำน ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) - เขียนรำยงำนได้ถูกต้องเหมำะสมและน ำเสนอได้สมบูรณ์ - เขียนรำยงำนไม่สมบูรณ์ - รำยงำนมีข้อผิดพลำดหรือไม่เขียนรำยงำน ๕. เวลำ ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) - ปฏิบัติงำนเสร็จสมบูรณ์ตำมเวลำที่ก ำหนด - ปฏิบัติงำนเสร็จตำมเวลำที่ก ำหนดแต่ไม่สมบูรณ์ - ปฏิบัติงำนไม่เสร็จสมบูรณ์ตำมเวลำที่ก ำหนด ๒.๒ แฟ้มสะสมงำน กำรประเมินแฟ้มสะสมงำน ก ำหนดเกณฑ์กำรประเมินเป็น ๔ ระดับ ระดับคุณภำพ เกณฑ์กำรพิจำรณำ ๔ (ดีมำก) - ผลงำนมีรำยละเอียดอย่ำงเพียงพอที่แสดงถึงระดับควำมรู้และพัฒนำกำร ของ ผู้เรียนและแสดงถึงควำมเข้ำใจในเรื่องที่ศึกษำ ๓ (ดี) - ผลงำนมีรำยละเอียดอย่ำงเพียงพอที่แสดงถึงระดับควำมรู้และพัฒนำกำร ของผู้เรียน ไม่มีข้อผิดพลำดที่แสดงว่ำไม่เข้ำใจ ๒ (พอใช้) - ผลงำนมีรำยละเอียดแสดงไว้ในบันทึกให้เห็นถึงระดับควำมรู้และพัฒนำกำรของ ผู้เรียนแต่พบว่ำบำงส่วนมีควำมผิดพลำดหรือไม่ชัดเจนหรือแสดงถึง ควำม ไม่เข้ำใจในเรื่องที่ศึกษำของผู้เรียน ๑ (ปรับปรุง) - ผลงำนมีข้อมูลน้อย ไม่มีรำยละเอียดแสดงไว้ในบันทึกหรือแสดงให้เห็นถึงระดับควำมรู้ และพัฒนำกำรของผู้เรียน
๖๔ ๒.๓ กำรเข้ำร่วมกิจกรรมทำงพลศึกษำ และกำรทดสอบสมรรถภำพทำงกำย - กำรประเมินผลกำรเข้ำร่วมกิจกรรมทำงพลศึกษำ ระดับคุณภำพ เกณฑ์กำรพิจำรณำ ๔ (ดีมำก) - ผู้เรียนมีควำมสนใจในกิจกรรมทำงพลศึกษำในทุกคำบเรียนอย่ำงเต็มที่ และ พยำยำมพัฒนำตนเองตลอดเวลำ - ฝึกฝนทักษะกำรเคลื่อนไหว และทักษะกลไกต่ำง ๆ ตำมชนิดของกิจกรรม อย่ำง ตั้งใจในทุกคำบเรียน จนสำมำรถพัฒนำตนเองให้มีทักษะต่ำง ๆ ในระดับ ที่ดี ขึ้นได้ ๓ (ดี) - ผู้เรียนมีควำมสนใจในกิจกรรมทำงพลศึกษำในบำงคำบเรียนอย่ำงเต็มที่ และ พยำยำมพัฒนำตนเองตลอดเวลำ - ฝึกฝนทักษะกำรเคลื่อนไหว และทักษะกลไกต่ำง ๆ ตำมชนิดของกิจกรรม อย่ำงตั้งใจในบำงคำบเรียน จนสำมำรถพัฒนำตนเองให้มีทักษะต่ำง ๆ ในระดับ ที่ดีขึ้นได้ ๒ (พอใช้) - ผู้เรียนมีควำมสนใจในกิจกรรมทำงพลศึกษำบ้ำง และพยำยำมพัฒนำตนเอง ใน บำงครั้ง - ไม่ฝึกฝนทักษะกำรเคลื่อนไหวและทักษะกลไกต่ำง ๆ ตำมชนิดของกิจกรรม แต่ มีทักษะต่ำงๆในระดับที่ดีขึ้น ๑ (ปรับปรุง) - ผู้เรียนไม่มีควำมสนใจในกิจกรรมทำงพลศึกษำในทุกคำบเรียน และไม่พยำยำม ที่จะพัฒนำตนเองเลย - ไม่ฝึกฝนทักษะกำรเคลื่อนไหว และทักษะกลไกต่ำงๆ ตำมชนิดของกิจกรรม และไม่มีกำรพัฒนำตนเองเลย - การทดสอบสมรรถภาพทางกาย พิจารณาจากการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ๗ แบบทดสอบ โดยก าหนดคะแนนเป็น ๔ ระดับ ก าหนดเกณฑ์การประเมิน ดังนี้ ระดับคุณภำพ เกณฑ์กำรพิจำรณำ ๔ (ดีมำก) - มีภำพรวมของผลกำรทดสอบสมรรถทำงกำยทั้ง ๗ แบบอยู่ในเกณฑ์ดีมำก ๓ (ดี) - มีภำพรวมของผลกำรทดสอบสมรรถทำงกำยทั้ง ๗ แบบอยู่ในเกณฑ์ดี ๒ (พอใช้) - มีภำพรวมของผลกำรทดสอบสมรรถทำงกำยทั้ง ๗ แบบอยู่ในเกณฑ์พอใช้ ๑ (ปรับปรุง) - มีภำพรวมของผลกำรทดสอบสมรรถทำงกำยทั้ง ๗ แบบอยู่ในเกณฑ์ต้องปรับปรุง
๖๕ ๒.๔ สมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน - การประเมินผลสมรรถนะส าคัญของผู้เรียน ประเมินโดยใช้แบบประเมินสมรรถนะ ส าคัญของผู้เรียน ก าหนดเกณฑ์การประเมิน ดังนี้ ระดับคุณภำพ เกณฑ์กำรให้คะแนน (๓) ดีเยี่ยม ผู้เรียนปฏิบัติตนตำมสมรรถนะจนเป็นนิสัย และน ำไปใช้ในชีวิตประจ ำวัน เพื่อประโยชน์สุขของตนเองและสังคม โดยพิจำรณำจำกผลกำรประเมินระดับดีเยี่ยม จ ำนวน ๓-๕ สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลกำรประเมินต่ ำกว่ำระดับดี (๒) ดี ผู้เรียนมีสมรรถนะในกำรปฏิบัติตำมกฎเกณฑ์ เพื่อให้เป็นกำรยอมรับของสังคม พิจำรณำจำก ๑. ได้ผลกำรประเมินระดับดีเยี่ยม จ ำนวน ๑-๒ สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลกำรประเมินต่ ำกว่ำระดับดี หรือ ๒. ได้ผลกำรประเมินระดับดีเยี่ยม จ ำนวน ๒ สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลกำรประเมินต่ ำกว่ำระดับผ่ำน หรือ ๓. ได้ผลกำรประเมินระดับดี จ ำนวน ๔-๕ สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลกำรประเมินต่ ำกว่ำระดับผ่ำน (๑) พอใช้ ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติตำมกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่สถำนศึกษำก ำหนด พิจำรณำจำก ๑. ได้ผลกำรประเมินระดับผ่ำน จ ำนวน ๔-๕ สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลกำรประเมินต่ ำกว่ำระดับผ่ำน หรือ ๒. ได้ผลกำรประเมินระดับดี จ ำนวน ๒ สมรรถนะ และไม่มี สมรรถนะใด ได้ผลกำรประเมินต่ ำกว่ำระดับผ่ำน (๐) ปรับปรุง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตำมเกณฑ์และเงื่อนไขที่ก ำหนด โดยพิจำรณำ จำกผลกำรประเมินระดับต้องปรับปรุง ตั้งแต่ ๑ สมรรถนะ เกณฑ์กำรให้คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติสม่ าเสมอ ให้ ๓ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบ่อยครั้ง ให้ ๒ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครั้ง ให้ ๑ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติน้อยครั้ง ให้ ๐ คะแนน
๖๖ เกณฑ์กำรตัดสินคุณภำพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภำพ ๑๓-๑๕ ดีเยี่ยม (๓)๙-๑๒ ดี (๒)๕-๘ ผ่าน (๑) ต่ ากว่า ๕ ไม่ผ่าน (๐)
๖๗ แบบประเมินสมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน ชื่อ................................................นามสกุล................................................เลขที่..............ชั้น................. ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน และขีด ลงในช่องที่ตรงกับคะแนน สมรรถนะด้ำน รำยกำรประเมิน ระดับคุณภำพ ดีเยี่ยม (๓) ดี (๒) ผ่ำน (๑) ไม่ผ่ำน (๐) ๑. ควำมสำมำรถ ในกำรสื่อสำร ๑.๑ มีความสามารถในการรับ-ส่งสาร ๑.๒ มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความเข้าใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอย่างเหมาะสม ๑.๓ ใช้วิธีการสื่อสารที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ ๑.๔ เจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ ได้ ๑.๕เลือกรับและไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยเหตุผลและถูกต้อง สรุปผลกำรประเมิน รวม .......... คะแนน ระดับ ............... ๒. ควำมสำมำรถ ในกำรคิด ๒.๑ มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ๒.๒ มีทักษะในการคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์ ๒.๓ สามารถคิดอย่างมีวิจารณญาณ ๒.๔ มีความสามารถในการสร้างองค์ความรู้ ๒.๕ ตัดสินใจแก้ปัญหาเกี่ยวกับตนเองได้อย่างเหมาะสม สรุปผลกำรประเมิน รวม .......... คะแนน ระดับ ............... ๓. ควำมสำมำรถ ในกำรแก้ปัญหำ ๓.๑ สามารถแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้ ๓.๒ ใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา ๓.๓ เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงในสังคม ๓.๔ แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการปูองกันและ แก้ไขปัญหา ๓.๕ สามารติดสินใจได้เหมาะสมตามวัย สรุปผลกำรประเมิน รวม .......... คะแนน
๖๘ สมรรถนะด้ำน รำยกำรประเมิน ระดับคุณภำพ ดีเยี่ยม (๓) ดี (๒) ผ่ำน (๑) ไม่ผ่ำน (๐) ระดับ ............... ๔. ควำมสำมำรถ ในกำรใช้ ทักษะชีวิต ๔.๑ เรียนรู้ด้วยตนเองได้เหมาะสมตามวัย ๔.๒ สามารถท างานกลุ่มร่วมกับผู้อื่นได้ ๔.๓ น าความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ าวัน ๔.๔ จัดการปัญหาและความขัดแย้งได้เหมาะสม ๔.๕ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อ ตนเอง สรุปผลกำรประเมิน รวม .......... คะแนน ระดับ ............... ๕. ควำมสำมำรถ ในกำรใช้ เทคโนโลยี ๕.๑ เลือกและใช้เทคโนโลยีได้เหมาะสมตามวัย ๕.๒ มีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี ๕.๓ สามารถน าเทคโนโลยีไปใช้พัฒนาตนเอง ๕.๔ ใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ๕.๕ มีคุณธรรม จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยี สรุปผลกำรประเมิน รวม .......... คะแนน ระดับ ............... ระดับคุณภำพตำมเกณฑ์กำรประเมินในหลักสูตรรำยชั้น ลงชื่อ................................................................ผู้ประเมิน
๖๙ ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การประเมินผลคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ประเมินโดยใช้แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ก าหนดเกณฑ์ในการประเมิน ดังนี้ ระดับคุณภำพ เกณฑ์กำรให้คะแนน (๓) ดีเยี่ยม ผู้เรียนปฏิบัติตนตำมคุณลักษณะจนเป็นนิสัยและน ำไปใช้ในชีวิตประจ ำวัน เพื่อประโยชน์ สุขของตนเองและสังคม โดยพิจำรณำจำกผลกำรประเมินทั้ง ๘ คุณลักษณะ คือ ได้ระดับ ๓ จ ำนวน ๕-๘ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลกำรประเมินต่ ำกว่ำระดับ ๒ (๒) ดี ผู้เรียนมีคุณลักษณะในกำรปฏิบัติตำมกฎเกณฑ์ เพื่อให้เป็นกำรยอมรับของสังคม พิจำรณำจำก ๑. ได้ผลกำรประเมิน ระดับ ๓ จ ำนวน ๑-๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด ได้ผลกำรประเมินต่ ำกว่ำระดับ ๒ หรือ ๒. ได้ผลกำรประเมิน ระดับ ๓ จ ำนวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด ได้ผลกำรประเมินต่ ำกว่ำระดับ ๑ หรือ ๓. ได้ผลกำรประเมิน ระดับ ๒ จ ำนวน ๕-๘ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด ได้ผลกำรประเมินต่ ำกว่ำระดับ ๑ (๑) ผ่ำน ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติตำมกฎเกณฑ์ และเงื่อนไขที่สถำนศึกษำก ำหนด พิจำรณำจำก ๑. ได้ผลกำรประเมิน ระดับ ๑ จ ำนวน คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด ได้ผลกำรประเมินต่ ำกว่ำระดับ ๑ หรือ ๒. ได้ผลกำรประเมิน ระดับ ๒ จ ำนวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด ได้ผลกำรประเมินต่ ำกว่ำระดับ ๑ (๐) ไม่ผ่ำน ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตำมเกณฑ์และเงื่อนไขที่ก ำหนด โดยพิจำรณำจำก ผลกำรประเมิน ระดับ ๐ ตั้งแต่ ๑ คุณลักษณะขึ้นไป เกณฑ์กำรให้คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติสม่ ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบ่อยครั้ง ให้ ๒ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบำงครั้ง ให้ ๑ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติน้อยครั้ง ให้ ๐ คะแนน
๗๐ แบบประเมินคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ชื่อ.............................................นามสกุล..........................................เลขที่..............ชั้น................. ค ำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน และขีด ลงในช่องที่ตรงกับคะแนน คุณลักษณะ รำยกำรระเมิน ระดับคุณภำพ ดีเยี่ยม (๓) ดี (๒) ผ่ำน (๑) ไม่ผ่ำน (๐) ๑. รักชำติ ศำสน์ กษัตริย์ ๑.๑ ยืนตรงเคำรพธงชำติ และร้องเพลงชำติได้ ๑.๒ เข้ำร่วมกิจกรรมที่สร้ำงควำมสำมัคคี และเป็น ประโยชน์ต่อโรงเรียน ๑.๓ เข้ำร่วมกิจกรรมทำงศำสนำที่ตนนับถือ ปฏิบัติตำมหลักศำสนำ ๑.๔ เข้ำร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับสถำบัน พระมหำกษัตริย์ตำมที่โรงเรียนจัดขึ้น ๒. ซื่อสัตย์ สุจริต ๒.๑ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นจริง ๒.๒ ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง ๓. มีวินัย รับผิดชอบ ๓.๑ ปฏิบัติตำมข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ ของโรงเรียน ๓.๒ มีควำมตรงต่อเวลำในกำรปฏิบัติกิจกรรมต่ำง ๆ ในชีวิตประจ ำวัน ๔. ใฝ่เรียนรู้ ๔.๑ รู้ จักใช้เวลำว่ำงให้เป็นประโยชน์ และน ำไปปฏิบัติ ได้ ๔.๒ รู้จักจัดสรรเวลำให้เหมำะสม ๔.๓ เชื่อฟังค ำสั่งสอนของบิดำ-มำรดำ ครู ๔.๔ ตั้งใจเรียน ๕. อยู่อย่ำง พอเพียง ๕.๑ ใช้ทรัพย์สินและสิ่งของของโรงเรียนอย่ำง ประหยัด ๕.๒ ใช้อุปกรณ์กำรเรียนอย่ำงประหยัดและรู้คุณค่ำ ๕.๓ ใช้จ่ำยอย่ำงประหยัดและมีกำรเก็บออมเงิน
๗๑ คุณลักษณะ รำยกำรระเมิน ระดับคุณภำพ ดีเยี่ยม (๓) ดี (๒) ผ่ำน (๑) ไม่ผ่ำน (๐) ๖. มุ่งมั้นในกำร ท ำงำน ๖.๑ มีควำมตั้งใจและพยำยำมในกำรท ำงำนที่ได้รับ มอบหมำย ๖.๒ มีควำมอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพื่อให้ งำนส ำเร็จ ๗. รักควำมเป็น ไทย ๗.๑ มีจิตส ำนึกในกำรอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิ ปัญญำไทย ๗.๒ เห็นคุณค่ำและปฏิบัติตนตำมวัฒนธรรมไทย ๘. มีจิตสำธำรณะ ๘.๑ รู้จักช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูท ำงำน ๘.๒ รู้จักกำรดูแลรักษำทรัพย์สมบัติและสิ่งแวดล้อม ของห้องเรียนและโรงเรียน ระดับคุณภำพตำมเกณฑ์กำรประเมินในหลักสูตรรำยชั้น ลงชื่อ................................................................ผู้ประเมิน
๗๒ ๔. เกณฑ์กำรตัดสินผลกำรเรียน ๔.๑ เกณฑ์การตัดสินระดับผลการเรียน ระดับผลกำรเรียน ควำมหมำย ช่วงคะแนน ๔ ผลการเรียนดีเยี่ยม ๘๐ - ๑๐๐ ๓.๕ ผลการเรียนดีมาก ๗๕ - ๗๙ ๓ ผลการเรียนดี ๗๐ - ๗๔ ๒.๕ ผลการเรียนค่อนข้างดี ๖๕ - ๖๙ ๒ ผลการเรียนปานกลาง ๖๐ - ๖๔ ๑.๕ ผลการเรียนพอใช้ ๕๕ - ๕๙ ๑ ผลการเรียนผ่านเกณฑ์ขั้นต่ า ๕๐ - ๕๔ ๐ ผลการเรียนต่ ากว่าเกณฑ์ ๐ - ๔๙ ๔.๒ เกณฑ์การตัดสินผลการเรียน ร และ มส. (๑) ตัดสินผลการเรียน ร หมายถึง รอการตัดสินและยังตัดสินผลการเรียนไม่ได้เนื่องจาก ผู้เรียนไม่มี ข้อมูลผลการเรียนในรายวิชาครบถ้วน ได้แก่ ไม่ได้วัดผลกลางภาคเรียน/ปลายภาคเรียน ไม่ได้ส่ง งานที่มอบหมายให้ท า ซึ่งงานนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินผลการเรียน หรือมีเหตุสุดวิสัยที่ท า ให้ประเมินผลการเรียนไม่ได้ ตัดสินผลการเรียน มส. หมายถึง ผู้เรียนไม่มีสิทธิเข้ารับการวัดผลปลายภาคเรียน เนื่องจากผู้เรียน มีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด และไม่ได้รับการผ่อนผันให้เข้ารับการวัดผล ปลายภาคเรียน
๗๓ อภิธำนศัพท์ กลไกของร่ำงกำยที่ใช้ในกำรเคลื่อนไหว (Body Mechanism) กระบวนการตามธรรมชาติในการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายตามลักษณะ โครงสร้าง หน้าที่ และการท างานร่วมกันของข้อต่อ กล้ามเนื้อ กระดูกและระบบประสาท ที่เกี่ยวข้องภายใต้ขอบข่าย เงื่อนไข หลักการ และปัจจัยด้านชีวกลศาสตร์ที่มีผลต่อการ เคลื่อนไหว เช่น ความมั่นคง (Stability) ระบบคาน (Leverage) การเคลื่อน (Motion) และแรง (Force) กำรเคลื่อนไหวเฉพำะอย่ำง (Specialized Movement) การผสมผสานกันระหว่างทักษะย่อยของทักษะการเคลื่อนไหวพื้นฐานต่าง ๆ การออก ก าลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬาต่าง ๆ ซึ่งมีความจ าเป็นส าหรับกิจกรรมทางกาย เช่น การขว้างลูกซอฟท์บอล ต้องอาศัยการผสมผสานของทักษะการสไลด์ (การเคลื่อนไหวแบบ เคลื่อนที่) การขว้าง (การเคลื่อนไหวแบบประกอบอุปกรณ์) การบิดตัว (การเคลื่อนไหวแบบไม่ เคลื่อนที่) ทักษะที่ท าบางอย่างยิ่งมีความซับซ้อนและต้องใช้การผสมผสานของทักษะการ เคลื่อนไหวพื้นฐานหลาย ๆ ทักษะรวมกัน กำรเคลื่อนไหวในชีวิตประจ ำวัน (Daily Movement) รูปแบบหรือทักษะการเคลื่อนไหวร่างกายในอิริยาบถต่าง ๆ ที่บุคคลทั่วไปใช้ในการ ด าเนินชีวิต ไม่ว่าเพื่อการประกอบกิจวัตรประจ าวัน การท างาน การเดินทางหรือกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การยืน ก้ม นั่ง เดิน วิ่ง โหนรถเมล์ ยกของหนัก ปีนป่าย กระโดดลงจากที่สูง ฯลฯ กำรเคลื่อนไหวพื้นฐำน (Fundamental Movements) ทักษะการเคลื่อนไหวร่างกายที่จ าเป็นส าหรับชีวิตและการด าเนินชีวิตของมนุษย์ ในการ ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นทักษะที่มีการพัฒนาในช่วงวัยเด็ก และจะเป็น พื้นฐานส าหรับการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ เมื่อเจริญวัยสูงขึ้น ตลอดจนเป็นพื้นฐานของ การมีความสามารถในการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเล่นกีฬา การออกก าลังกาย และ การประกอบกิจกรรมนันทนาการ การเคลื่อนไหวพื้นฐาน สามารถแบ่งออกได้เป็น ๓ ประเภท คือ ๑. การเคลื่อนไหวแบบเคลื่อนที่ หมายถึง ทักษะการเคลื่อนไหว ที่ใช้ในการเคลื่อน ร่างกายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ได้แก่ การเดิน การวิ่ง การกระโดด สลับเท้า การกระโจน การ
๗๔ สไลด์ และการวิ่งควบม้า ฯลฯ หรือการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง เช่น การกระโดด ทักษะการเคลื่อนไหว เหล่านี้เป็นพื้นฐานของการท างานประสานสัมพันธ์ทางกลไกแบบไม่ซับซ้อน และเป็นการ เคลื่อนไหวร่างกายที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ๒. การเคลื่อนไหวแบบอยู่กับที่ หมายถึง ทักษะการเคลื่อนไหวที่ปฏิบัติโดยร่างกายไม่ มีการเคลื่อนที่ของร่างกาย ตัวอย่างเช่น การก้ม การเหยียด การผลักและดัน การบิดตัว การโยก ตัว การไกวตัว และการทรงตัว เป็นต้น ๓. การเคลื่อนไหวแบบประกอบอุปกรณ์ เป็นทักษะการเคลื่อนไหวที่มีการบังคับหรือ ควบคุมวัตถุ ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการใช้มือและเท้า แต่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายก็สามารถ ใช้ได้ เช่น การขว้าง การตี การเตะ การรับ เป็นต้น กำรจัดกำรกับอำรมณ์และควำมเครียด (Emotion and Stress Management) วิธีควบคุมอารมณ์ความเครียดและความคับข้องใจ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น แล้วลงมือปฏิบัติอย่างเหมาะสม เช่น ท าสมาธิ เล่นกีฬา การร่วมกิจกรรม นันทนาการ การคลายกล้ามเนื้อ (muscle relaxation) กำรช่วยฟื้นคืนชีพ (Cardiopulmonary Resuscitation = CPR) การช่วยชีวิตเบื้องต้นก่อนส่งต่อให้แพทย์ในกรณีผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น โดยการนวด หัวใจและผายปอดไปพร้อม ๆ กัน กำรดูแลเบื้องต้น (First Care) การให้การดูแลสุขภาพผู้ป่วยในระยะพักฟื้นและ / หรือการปฐมพยาบาล กำรพัฒนำที่ยั่งยืน (Sustainable Development) การพัฒนาที่เป็นองค์รวมของความเป็นมนุษย์ตามแนวทางของพระธรรมปิฏก (ประยุทธ์ ปยุตโต) เป็นการพัฒนาที่เป็นบูรณาการ คือ ท าให้เกิดเป็นองค์รวมหมายความว่า องค์ประกอบ ทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง จะต้องประสานกันครบทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และจิตวิญญาณ และมีดุลยภาพ สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ กำรละเล่นพื้นเมือง (Folk Plays) กิจกรรมเล่นดั้งเดิมของคนในชุมชนแต่ละท้องถิ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการด าเนินชีวิต หรือวิถีชีวิต เพื่อเป็นการผ่อนคลายอารมณ์ ความเครียด และสร้างเสริมให้มีก าลังกายแข็งแรง สติปัญญาดี จิตใจเบิกบานสนุกสนาน อันก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และเป็นส่วนหนึ่งของ
๗๕ วัฒนธรรม เช่น กิจกรรมการเล่นของชุมชนท้องถิ่น วิ่งเปี้ยว ชักเย่อ ขี่ม้าส่งเมือง ตีจับ มอญ ซ่อนผ้า รีๆ ข้าวสาร วิ่งกระสอบ สะบ้า กระบี่กระบอง มวยไทย ตะกร้อวง ตะกร้อลอดบ่วง กิจกรรมเข้ำจังหวะ (Rhythmic Activities) การแสดงออกของร่างกาย โดยการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้เข้ากับอัตรา ความช้า-เร็วของตัวโน้ต กิจกรรมนันทนำกำร (Recreation Activities) กิจกรรมที่บุคคลได้เลือกท าหรือเข้าร่วมด้วยความสมัครใจในเวลาว่าง และผลที่ได้รับ เป็นความพึงพอใจ ไม่เป็นภัยต่อสังคม กิจกรรมรับน้ ำหนักตนเอง (Weight Bearing Activities) กิจกรรมการออกก าลังกายที่มีการเคลื่อนไหวบนพื้น เช่น การเดิน การวิ่ง การ กระโดดเชือก ยิมนาสติก การเต้นร าหรือการเต้นแอโรบิก โดยกล้ามเนื้อส่วนที่รับน้ าหนักต้อง ออกแรงกระท ากับน้ าหนักของตนเองในขณะปฏิบัติกิจกรรม กีฬำไทย (Thai Sports) กีฬาที่มีพื้นฐานเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของท้องถิ่นและสังคมไทย เช่น กระบี่กระบอง มวยไทย ตะกร้อ กีฬำสำกล (International Sports) กีฬาที่เป็นที่ยอมรับจากมวลสมาชิกขององค์กรกีฬาระดับนานาชาติให้เป็นชนิดกีฬาที่ บรรจุอยู่ในเกมการแข่งขัน เช่น ฟุตบอล วอลเลย์บอล เทนนิส แบดมินตัน เกณฑ์สมรรถภำพทำงกำย (Physical Fitness Reference) ค่ามาตรฐานที่ได้ก าหนดขึ้น (จากการศึกษาวิจัยและกระบวนการสถิติ) เพื่อเป็นดัชนี ส าหรับประเมินเปรียบเทียบว่าบุคคลที่ได้รับคะแนน หรือค่าตัวเลข (เวลา จ านวน ครั้ง น้ าหนัก ฯลฯ) จากการทดสอบสมรรถภาพทางกายแต่ละรายการทดสอบนั้น มีสมรรถภาพทางกายตาม องค์ประกอบดังกล่าวอยู่ในระดับคุณภาพใด โดยทั่วไปแล้วนิยมจัดท าเกณฑ์ใน ๒ ลักษณะ คือ ๑. เกณฑ์ปกติ (Norm Reference) เป็นเกณฑ์ที่จัดท าจากการศึกษากลุ่มประชากร ที่จ าแนกตามกลุ่มเพศและวัยเป็นหลัก ส่วนใหญ่แล้วจะจัดท าในลักษณะของเปอร์เซ็นไทล์
๗๖ ๒. เกณฑ์มาตรฐาน (Criterion Reference) เป็นระดับคะแนนหรือค่ามาตรฐาน ที่ก าหนดไว้ล่วงหน้าส าหรับแต่ละราย การทดสอบเพื่อเป็นเกณฑ์การตัดสินว่าบุคคลที่รับการ ทดสอบ มีสมรรถภาพหรือความสามารถผ่านตามเกณฑ์ที่ได้ก าหนดไว้หรือไม่ มิได้เป็นการเปรียบเทียบกับบุคคลอื่น ๆ ควำมคิดรวบยอดเกี่ยวกับกำรเคลื่อนไหว (Movement Concepts) ความสัมพันธ์ระหว่างขนาด จังหวะ เวลา พื้นที่ และทิศทางในการเคลื่อนไหว ร่างกาย ความเข้าใจถึงความเกี่ยวข้องเชื่อมโยง และความพอเหมาะพอดีระหว่างขนาดของแรง ที่ใช้ ในการเคลื่อนไหวร่างกายหรือวัตถุ ด้วยห้วงเวลา จังหวะและทิศทางที่เหมาะสมภายใต้ ข้อจ ากัดของพื้นที่ที่มีอยู่ และสามารถแปรความเข้าใจดังกล่าวทั้งหมดไปสู่การปฏิบัติการ เคลื่อนไหวในการเล่นหรือแข่งขันกีฬา ควำมเสี่ยงต่อสุขภำพ (Health Risk) การประพฤติปฏิบัติที่อาจน าไปสู่การเกิดอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพของตนเองและ ผู้อื่น เช่น การขับรถเร็ว การกินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ความส าส่อนทางเพศ การมีน้ าหนักตัวเกิน การขาด การออกก าลังกาย การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา การใช้ยาและสารเสพติด ค่ำนิยมทำงสังคม (Health Value) คุณสมบัติของสิ่งใดก็ตาม ซึ่งท าให้สิ่งนั้นเป็นประโยชน์น่าสนใจ สิ่งที่บุคคลยึดถือในการ ตัดสินใจและก าหนดการกระท าของตนเองเกี่ยวกับพฤติกรรมสุขภาพ คุณภำพชีวิต (Quality of Life) ความรับรู้หรือเข้าใจของปัจเจกบุคคลที่มีต่อสถานภาพชีวิตของตนเองภายใต้บริบทของ ระบบวัฒนธรรมและค่านิยมที่เขาใช้ชีวิตอยู่ และมีความเชื่อมโยงกับจุดมุ่งหมาย ความคาดหวัง มาตรฐาน รวมทั้งความกังวลสนใจที่เขามีต่อสิ่งต่าง ๆ คุณภาพชีวิตเป็นมโนคติที่มีขอบเขต กว้างขวาง ครอบคลุมเรื่องต่าง ๆ ที่สลับซับซ้อน ได้แก่ สุขภาพทางกาย สภาวะทางจิต ระดับความเป็นตัวของตัวเอง ความสัมพันธ์ต่าง ๆ ทางสังคม ความเชื่อส่วนบุคคล และ สัมพันธภาพที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม จิตวิญญำณในกำรแข่งขัน (Competitive Spiritual) ความมุ่งมั่น การทุ่มเทก าลังกาย ก าลังใจ ความรู้ความสามารถในการแข่งขัน และ ร่วมมืออย่างสันติเต็มความสามารถ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลที่ตนเองต้องการ
๗๗ ทักษะชีวิต (Life Skills) เป็นคุณลักษณะหรือความสามารถเชิงสังคมจิตวิทยา (Psychosocial Competence) และเป็นความสามารถทางสติปัญญาที่ทุกคนจ าเป็นต้องใช้ในการเผชิญสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ เกิดขึ้น ในชีวิตประจ าวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถพัฒนาขึ้นได้ด้วยการฝึก และกระท าซ้ า ๆ ให้เกิดความคล่องแคล่ว เคยชิน จนเป็นลักษณะนิสัย ประกอบด้วยทักษะต่าง ๆ ดังนี้ คือ การรู้จักตนเอง เข้าใจตนเองและเห็นคุณค่าของตนเอง การรู้จักคิดอย่างมี วิจารณญาณและคิดสร้างสรรค์ การรู้จักคิดตัดสินใจและแก้ปัญหา การรู้จักแสวงหาและใช้ข้อมูล ความรู้ การสื่อสารและการสร้างสัมพันธภาพ กับผู้อื่น การจัดการกับอารมณ์และ ความเครียด การปรับตัวท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง การตั้งเป้าหมาย การ วางแผนและด าเนินการตามแผน ความเห็นใจผู้อื่น ความรับผิดชอบต่อสังคมและซาบซึ้งในสิ่ง ที่ดีงามรอบตัว ธงโภชนำกำร (Nutrition Flag) เป็นเครื่องมือที่ช่วยอธิบายและท าความเข้าใจโภชนบัญญัติ ๙ ประการ เพื่อน าไปสู่ การปฏิบัติ โดยก าหนดเป็นภาพ “ธงปลายแหลม” แสดงกลุ่มอาหารและสัดส่วนการกินอาหารใน แต่ละกลุ่มมากน้อยตามพื้นที่ สังเกตได้ชัดเจนว่า ฐานใหญ่ด้านบนเน้นให้กินมากและปลายธง ข้างล่างบอกให้กินน้อย ๆ เท่าที่จ าเป็นโดยมีฐานมาจากข้อปฏิบัติการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี ของคนไทย หรือโภชนบัญญัติ ๙ ประการ คือ ๑. กินอาหารครบ ๕ หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลายและหมั่นดูแลน้ าหนักตัว ๒. กินข้าวเป็นอาหารหลักสลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ ๓. กินพืชผักให้มากและกินผลไม้เป็นประจ า ๔. กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจ า ๕. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย ๖. กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร ๗. หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัด และเค็มจัด ๘. กินอาหารที่สะอาด ปราศจากการปนเปื้อน ๙. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ น้ ำใจนักกีฬำ (Spirit)
๗๘ เป็นคุณธรรมประจ าใจของการเล่นร่วมกัน อยู่ร่วมกัน และมีชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคม ได้อย่างปกติสุขและมีประสิทธิภาพ พฤติกรรมที่แสดงถึงความมีน้ าใจนักกีฬา เช่น การมีวินัย เคารพกฎกติกา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย บริกำรสุขภำพ (Health Service) บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขทั้งของรัฐและเอกชน ประชำสังคม (Civil Society) เครือข่าย กลุ่ม ชมรม สมาคม มูลนิธิ สถาบัน องค์กร หรือชุมชนที่มีกิจกรรม การเคลื่อนไหวทางสังคมเพื่อประโยชน์ร่วมกันของกลุ่ม ผลิตภัณฑ์สุขภำพ (Health Products) ยา เครื่องส าอาง อาหารส าเร็จรูป เครื่องปรุงรสอาหาร อาหารเสริม วิตามิน พฤติกรรมเบี่ยงเบนทำงเพศ (Sex Abuse) การประพฤติปฏิบัติใด ๆ ที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติทางเพศตนเอง เช่น มีจิตใจรักชอบ ในเพศเดียวกัน การแต่งตัวหรือแสดงกิริยาเป็นเพศตรงข้าม พฤติกรรมสุขภำพ (Health Behaviour) การปฏิบัติหรือกิจกรรมใด ๆ ในด้านการป้องกัน การสร้างเสริม การรักษาและการ ฟื้นฟูสุขภาพ อันมีผลต่อสภาวะทางสุขภาพของบุคคล พฤติกรรมเสี่ยง (Risk Behaviour) รูปแบบจ าเพาะของพฤติกรรม ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีความสัมพันธ์กับการเพิ่ม โอกาส ที่จะป่วยจากโรคบางชนิดหรือการเสื่อมสุขภาพมากขึ้น พลังปัญญำ (Empowerment) กระบวนการสร้างเสริมศักยภาพแก่บุคคลและชุมชนให้เป็นผู้สนใจใฝ่รู้ และมีอ านาจ ในการคิด การตัดสินใจ การแก้ปัญหาด้วยชุมชนเองได้เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นบุคคลและ ชุมชน ยังสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพให้อยู่ในสภาพที่ เอื้อต่อการสร้างเสริมและพัฒนาสุขภาพ ภำวะทุพโภชนำกำร (Malnutrition)
๗๙ การขาดสารอาหารที่จ าเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก ท าให้มี ผลกระทบต่อสุขภาพ ภำวะผู้น ำ (Leadership) การมีคุณลักษณะในการเป็นหัวหน้า สามารถชักชวนและชี้น าสมาชิกในกลุ่มร่วมมือ ร่วมใจกันปฏิบัติงานให้ส าเร็จลุล่วงไปด้วยดี ภูมิปัญญำไทย (Thai Wisdom) สติปัญญา องค์ความรู้และค่านิยมที่น ามาใช้ในการด าเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสม เป็น มรดกทางวัฒนธรรมที่เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ ความรู้แขนงต่าง ๆ ของบรรพชนไทยนับ แต่อดีต สอดคล้องกับวิถีชีวิต ภูมิปัญญาไทย จึงมีความส าคัญต่อการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ ของคนไทย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ลักษณะของภูมิปัญญาไทย มีองค์ประกอบต่อไปนี้ ๑. คติ ความเชื่อ ความคิด หลักการที่เป็นพื้นฐานขององค์ความรู้ที่เกิดจากสั่งสม ถ่ายทอดกันมา ๒. ศิลปะ วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณี ๓. การประกอบอาชีพในแต่ละท้องถิ่นที่ได้รับการพัฒนาให้เหมาะสมกับสมัย ๔. แนวคิด หลักปฏิบัติ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่น ามาใช้ในชุมชน ซึ่งเป็นอิทธิพลของ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตัวอย่างภูมิปัญญาไทยที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เช่น การแพทย์แผนไทย สมุนไพร อาหารไทย ยาไทย ฯลฯ แรงขับทำงเพศ (Sex Drive) แรงขับที่เกิดจากสัญชาตญาณทางเพศ ล่วงละเมิดทำงเพศ (Sexual Abuse) การใช้ค าพูด การจับ จูบ ลูบ คล า และ / หรือร่วมเพศ โดยไม่ได้รับการยินยอมจาก ฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะกับผู้เยาว์ สติ (Conscious)
๘๐ ความรู้สึกตัวอยู่เสมอในการรับรู้สิ่งต่าง ๆ การให้หลักการและเหตุผลในการป้องกัน ยับยั้งชั่งใจ และควบคุมตนเองเพื่อไม่ให้คิดผิดทาง ไม่หลงลืม ไม่เครียด ไม่ผิดพลาด ก่อให้เกิด พฤติกรรมที่ถูกต้องดีงาม สมรรถภำพกลไก (Motor Fitness) หรือสมรรถภำพเชิงทักษะปฏิบัติ (Skill - Related Physical Fitness) ความสามารถของร่างกายที่ช่วยให้บุคคลสามารถประกอบกิจกรรมทางกาย โดยเฉพาะ อย่างยิ่งการเล่นกีฬาได้ดี มีองค์ประกอบ ๖ ด้าน ดังนี้ ๑. ความคล่อง (Agility) หมายถึง ความสามารถในการเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ ได้อย่างรวดเร็วและสามารถควบคุมได้ ๒. การทรงตัว (Balance) หมายถึง ความสามารถในการรักษาดุลของร่างกายเอาไว้ ได้ ทั้งในขณะอยู่กับที่และเคลื่อนที่ ๓. การประสานสัมพันธ์ (Co – ordination) หมายถึง ความสามารถในการ เคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่น กลมกลืน และมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการท างานประสานสอดคล้อง กันระหว่างตา-มือ-เท้า ๔. พลังกล้ามเนื้อ (Power) หมายถึง ความสามารถของกล้ามเนื้อส่วนหนึ่งส่วนใด หรือ หลาย ๆ ส่วนของร่างกายในการหดตัวเพื่อท างานด้วยความเร็วสูง แรงหรืองานที่ ได้เป็นผลรวมของความแข็งแรงและความเร็วที่ใช้ในช่วงระยะเวลานั้น ๆ เช่น การยืนอยู่กับที่ กระโดด การทุ่มน้ าหนัก เป็นต้น ๕. เวลาปฏิกิริยาตอบสนอง (Reaction time) หมายถึง ระยะเวลาที่ร่างกายใช้ในการ ตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ เช่น แสง เสียง สัมผัส ๖. ความเร็ว (Speed) หมายถึง ความสามารถในการเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีก หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว สมรรถภำพทำงกำย (Physical Fitness) ความสามารถของระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ในการท างานอย่างมีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล บุคคลที่มีสมรรถภาพทางกายดีนั้นจะสามารถประกอบกิจกรรมในชีวิตประจ าวันได้ อย่างกระฉับกระเฉง โดยไม่เหนื่อยล้าจนเกินไปและยังมีพลังงานส ารองมากพอ ส าหรับกิจกรรม นันทนาการหรือกรณีฉุกเฉิน ในปัจจุบันนักวิชาชีพด้านสุขศึกษาและพลศึกษาได้เห็นพ้องต้องกัน ว่า สมรรถภาพทางกายสามารถจัดกลุ่มได้เป็นสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ (Health – Related Physical Fitness) และหรือสมรรถภาพกลไก (Motor Fitness) สมรรถภาพเชิง ทักษะปฏิบัติ (Skill – Related Physical Fitness)
๘๑ สมรรถภำพทำงกำยเพื่อสุขภำพ (Health – Related Physical Fitness) ความสามารถของระบบต่าง ๆ ในร่างกายประกอบด้วย ความสามารถเชิงสรีรวิทยา ด้านต่าง ๆ ที่ช่วยป้องกันบุคคลจากโรคที่มีสาเหตุจากภาวะการขาดการออกก าลังกาย นับเป็น ปัจจุบันหรือตัวบ่งชี้ส าคัญของการมีสุขภาพดี ความสามารถหรือสมรรถนะเหล่านี้ สามารถ ปรับปรุงพัฒนาและคงสภาพได้ โดยการออกก าลังกายอย่างสม่ าเสมอ สมรรถภาพทางกายมี องค์ประกอบดังนี้ ๑. องค์ประกอบของร่างกาย (Body Composition) ตามปกติแล้วในร่างกายมนุษย์ ประกอบด้วย กล้ามเนื้อ กระดูก ไขมัน และส่วนอื่น ๆ แต่ในส่วนของสมรรถภาพทางกายนั้น หมายถึง สัดส่วนปริมาณไขมันในร่างกายกับมวลร่างกายที่ปราศจากไขมัน โดยการวัดออกมา เป็นเปอร์เซ็นต์ไขมัน (% fat) ด้วยเครื่อง ๒. ความทนทานของระบบไหลเวียนโลหิต (Cardiorespiratory Endurance) หมายถึง สมรรถนะเชิงปฏิบัติของระบบไหลเวียนโลหิต (หัวใจ หลอดเลือด) และระบบหายใจ ในการล าเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์กล้ามเนื้อ ท าให้ร่างกายสามารถยืนหยัดที่จะท างานหรือออก ก าลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่เป็นระยะเวลายาวนานได้ ๓. ความอ่อนตัวหรือความยืดหยุ่น (Flexibility) หมายถึง พิสัยของการเคลื่อนไหว สูงสุดเท่าที่จะท าได้ของข้อต่อหรือกลุ่มข้อต่อ ๔. ความทนทานหรือความอดทนของกล้ามเนื้อ (Muscular Endurance) หมายถึง ความสามารถของกล้ามเนื้อมัดใดมัดหนึ่งหรือกลุ่มกล้ามเนื้อ ในการหดตัวซ้ า ๆ เพื่อต้านแรงหรือ ความสามารถในการคงสภาพการหดตัวครั้งเดียวได้เป็นระยะเวลายาวนาน ๕. ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Muscular Strength) หมายถึง ปริมาณสูงสุดของ แรง ที่กล้ามเนื้อมัดใดมัดหนึ่งหรือกลุ่มกล้ามเนื้อสามารถออกแรงต้านทานได้ ในช่วง การหดตัว ๑ ครั้ง สุขบัญญัติแห่งชำติ (National Health Disciplines) ข้อก าหนดที่เด็กและเยาวชน ตลอดจนประชาชนทั่วไป พึงปฏิบัติอย่างสม่ าเสมอ จน เป็นสุขนิสัย เพื่อให้มีสุขภาพดีทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม ซึ่งก าหนดไว้ ๑๐ ประการ ดังนี้ ๑. ดูแลรักษาร่างกายและของใช้ให้สะอาด ๒. รักษาฟันให้แข็งแรงและแปรงฟันทุกวันอย่างถูกต้อง ๓. ล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารและหลังการขับถ่าย ๔. กินอาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอันตราย และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดสีฉูดฉาด ๕. งดบุหรี่ สุรา สารเสพติด การพนัน และการส าส่อนทางเพศ
๘๒ ๖. สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่น ๗. ป้องกันอุบัติภัยด้วยการไม่ประมาท ๘. ออกก าลังกายสม่ าเสมอและตรวจสุขภาพประจ าปี ๙. ท าจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ ๑๐. มีส านึกต่อส่วนรวม ร่วมสร้างสรรค์สังคม สุขภำพ (Health) สุขภาวะ (Well – Being หรือ Wellness) ที่สมบูรณ์และเชื่อมโยงกันเป็นองค์รวม อย่างสมดุลทั้งมิติทางจิตวิญญาณ (มโนธรรม) ทางสังคม ทางกาย และทางจิต ซึ่งมิได้หมายถึง เฉพาะความไม่พิการและความไม่มีโรคเท่านั้น สุนทรียภำพของกำรเคลื่อนไหว (Movement Aesthetic) ศิลปะและความงดงามของท่วงท่าในการเคลื่อนไหวร่างกายในอิริยาบถต่าง ๆ ซึ่งเป็น ผลมาจากความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบท่าทางการเคลื่อนไหวและการฝึกฝนจนเกิดความ ช านาญ สามารถแสดงออกมาเป็นความกลมกลืนและต่อเนื่อง แอโรบิก (Aerobic) กระบวนการสร้างพลังงานแบบต้องใช้อากาศ ซึ่งในที่นี้ หมายถึง ออกซิเจน (Aerobic -energe delivery) ในการสร้างพลังงานของกล้ามเนื้อ เพื่อท างานหรือเคลื่อนไหว นั้น กล้ามเนื้อจะมีวิธีการ ๓ แบบที่จะได้พลังงานมา แบบที่ ๑ เป็นการใช้พลังงานที่มีส ารองอยู่ในกล้ามเนื้อซึ่งจะใช้ได้ในเวลาไม่เกิน ๓ วินาที แบบที่ ๒ การสังเคราะห์พลังงานโดยไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic energy delivery) ซึ่งใช้ได้ไม่เกิน ๑๐ วินาที แบบที่ ๓ การสังเคราะห์สารพลังงาน โดยใช้ออกซิเจน ซึ่งจะใช้พลังงานได้ระยะ เวลานาน