The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ความรู้เรื่อง-ตาแหลว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sirisopa Kaodee, 2023-08-17 23:13:00

ความรู้เรื่อง-ตาแหลว

ความรู้เรื่อง-ตาแหลว

ต๋าแหลว’ เป็นเครื่องจักสานชนิดหนึ่ง ทำจากไม้ไผ่จะทำจาก ‘ตอก’ หนึ่งก้านที่หักไปมาเป็นแฉก หรือ จะทำจากตอกหลายก้านมาสานรวมกันเป็นแฉกก็ได้ สำหรับ คำว่า ต๋าแหลว หรือ ตาเหลว เป็นภาษาเหนือ หมายถึง ‘ตานกเหยี่ยว’ (‘แหลว’ เป็นชื่อเรียกนกเหยี่ยวชนิดหนึ่งในภาษาเหนือ) การสร้างต๋าแหลวด้วยการนำ ไม้ไผ่มาจักตอกให้เป็นเส้นบางแล้วนำมาสานเป็นทบ ๆ จึงเปรียบเสมือนการสร้างตาที่แหลมคมเฉกเช่นเหยี่ยว คอยสอดส่องเฝ้าระวังสิ่งอาถรรพ์หรือสิ่งคุกคามไม่ให้ย่างกรายเข้ามาในอาณาเขต ด้วยเหตุนี้ นอกจากประเพณี แฮกนา (แรกนา) แล้ว เรายังสามารถพบเห็นต๋าแหลวประกอบพิธีกรรมอื่น ๆ ได้อีก เช่น ในประเพณีของชาว ไทลื้อ มีการใช้ต๋าแหลวในการปิดกั้นหมู่บ้าน ไม่ให้คนนอกเข้าและคนในออก ระหว่างทำพิธีเซ่นสรวงผีบ้าน ต๋าแหลว เรียกชื่อเป็นภาษากลางก็คือ ‘เฉลว’ ทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์เป็นสัญลักษณ์บอกสถานที่ ในอดีตภาค กลางใช้เฉลวเป็นเครื่องบอกด่านเก็บภาษีอากรทางน้ำ หรือที่เรียกว่าการเก็บจังกอบ ถ้าเห็นสัญลักษณ์เฉลวอยู่ ที่ท่าแสดงว่าท่านี้เป็นด่านจังกอบ ตามความเชื่อเฉลวเป็นสิ่งอันเป็นมงคล เป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์บ่งบอกถึง เขตห่วงห้าม เขตป้องกันสิ่งชั่วร้าย สิ่งไม่ดี ชาวบ้านจะนำเฉลวมาประกอบพิธีต่าง ๆ เกี่ยวกับความเชื่อ เช่น การสู่ขวัญข้าว สืบชะตา ทำบุญบ้าน ทำบุญเมือง มัดติดหน้าบ้าน ปักบนหม้อยาเพื่อรักษาสรรพคุณ ปักไว้ในที่ ไม่ใช้ผีผ่าน และที่สำคัญในการประกอบการปลุกเสกที่เป็นพุทธคุณ


ประเภทของต๋าแหลวในภูมิปัญญาของชาวล้านนามีอยู่หลายประเภทด้วยกัน โดยจะแบ่งตามลักษณะ การใช้งาน ซึ่งพอจะแบ่งได้ 4 ประเภท คือ 1) ‘ต๋าแหลวหลวง’ เป็นต๋าแหลวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาต๋าแหลว ทั้งหมด มีลักษณะเป็นต๋าแหลว 6 แฉก และ 8 แฉก ใช้ตอกไม้ไผ่จำนวน 42 เส้น การสานต๋าแหลวหลวงมักถูกใช้ในงานสืบชะตาเมือง สืบชะตา หลวง หรือใช้สำหรับให้คน สัตว์ ลอดผ่านเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้ได้ลอด ผ่านใต้ต๋าแหลว ขจัดสิ่งชั่วร้ายและความอัปมงคลทั้งหลาย 2) ‘ต๋าแหลว 7 ชั้น’ หรือ ‘ต๋าแหลวคาเขียว’ ใช้ในพิธีกรรมพื้นเมือง เช่น พิธีสืบชะตา หรือประดับไว้ตรงบนประตู หรือทางเข้าบ้าน หรือหน้า บ้าน เพื่อดักความชั่วร้ายและสิ่งอัปมงคล หากผู้ใดได้ลอดต๋าแหลว ก็ สามารถขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายนั้นออกไปจากตัวได้ 3) ‘ต๋าแหลวแม่หม้าย’ คล้ายกับตาแหลว 7 ชั้น มีลักษณะเหมือนกงจักร จะถูกสานด้วยตอก 6 เส้น ให้มีลักษณะเป็นตา หกเหลี่ยมอยู่ตรงกลาง ส่วนปลายของไม้ทั้งสองด้านถูกพับให้งอในมุม 90 องศา ใช้กับพิธีกรรม แฮกข้าวทำขวัญต้นข้าว หรือก่อนปลูกข้าวและก่อนข้าวตั้งร่วง โดยจะ เรียกว่า ‘หมายนา’ ขึ้นรั้วสานสี่แจ่ง ใส่ต๋าแหลวแม่หม้ายไว้ทั้ง 4 มุม มี ปลาสาน มีกุ้งสานแขวน ไว้ป้องกันภูตผีร้ายมาทำร้ายพระแม่โพสพ กัน แมลงสิ่งอัปมงคลมารบกวนข้าว และเป็นการทำขวัญพืชพรรณให้เกิด ความอุดมสมบูรณ์ ตามตำนานกล่าวว่า แต่ก่อนเมล็ดข้าวใหญ่มากมี แม่หม้ายมาตีข้าว ข้าวแตกไปอยู่บนเขากลายเป็นข้าวไร่ของชาวเขา ที่ตกมาอยู่กับน้ำก็เป็นข้าวนาดำ ข้าวก็เหมือนกับแม่ เรียกว่า 'แม่โพสพ' มีนิสัยอ่อนโยนต้องดูแลให้ดี ทุกคนต้องไหว้แม่โพสพต้องกตัญญูกับ แม่โพสพ ถ้าเราละเลยเรื่องการกตัญญูต่อข้าว แม่โพสพก็จะหนีไป บนเขา 4) ‘ต๋าแหลวหมาย’ ใช้เป็นตัวกำหนดเขตในการครอบครองพื้นที่ทำกิน เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ หากผู้ใดมาพบเห็นก็จะได้ไม่ล่วงเกิน เช่น ห้ามฉี่รด ห้ามถมน้ำลาย ห้ามทิ้งขยะสิ่งสกปรก และแย่งชิง


ต๋าแหลว' เป็นเครื่องหมายทางพิธีกรรมตามความเชื่อของคนล้านนา เพื่อแสดงอาณาเขตที่มีเจ้าของ เขตหวงห้าม และยังเชื่อว่าจะสามารถปกป้องพื้นที่นั้นให้คลาดแคล้วจากภัยพิบัติทั้งปวง เช่นในทุ่งนาเชื่อว่าจะ สามารถป้องกันภูตผีร้ายมาทำร้ายพระแม่โพสพ กันแมลงสิ่งอัปมงคลมารบกวนข้าว และเป็นการทำขวัญพืช พรรณให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ‘ต๋าแหลวหลวง’ เป็นต๋าแหลวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาต๋าแหลวทั้งหมด มีลักษณะเป็นต๋าแหลว 6 แฉก และ 8 แฉก ใช้ตอกไม้ไผ่จำนวน 42 เส้น การสานต๋าแหลวหลวงมักถูกใช้ในงานสืบชะตาเมือง สืบชะตา หลวง หรือใช้สำหรับให้คน สัตว์ ลอดผ่านเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้ได้ลอดผ่านใต้ต๋าแหลว ขจัดสิ่งชั่วร้ายและความ อัปมงคลทั้งหลาย


พิธีการแฮกนาแบบท้องถิ่นของภาคเหนือนั้น แม้จะเรียบง่ายกว่าพระราชพิธีหลวง แต่จุดประสงค์ นั้นไม่ต่างกัน คือเพื่อเสี่ยงทายและเพื่อบูชาพระแม่โพสพ ขอให้การทำนาเป็นไปได้อย่างราบรื่นนั่นเอง โดยเริ่ม จากการกำหนดบริเวณประกอบพิธี ซึ่งจะอยู่ภายในเนื้อที่นาของตน เรียกว่า ‘ค้างแรกเข้า’ ซึ่งถือเป็นจุดมงคล ของที่นาและเป็นที่สถิตของผีเสื้อนา (ผีอารักษ์ที่นาหรือเทวดาอารักษ์ที่นา) มีการทำแท่นเพื่อบูชาพระแม่โพสพ รวมถึงมีของเซ่นไหว้พระแม่ธรณีด้วย จากนั้นจะมีการปักต๋าแหลวที่สี่มุมของบริเวณพิธี และปัก 'ต๋าแหลวหลวง' หรือต๋าแหลวแรกนาไว้ตรงกลางที่นั้นเอง ตามตำนานกล่าวว่า แต่ก่อนเมล็ดข้าวใหญ่มากมีแม่หม้าย มาตีข้าว ข้าวแตกไปอยู่บนเขากลายเป็นข้าวไร่ของชาวเขา ที่ตกมาอยู่กับน้ำก็ เป็นข้าวนาดำ ข้าวก็เหมือนกับแม่ เรียกว่า 'แม่โพสพ' มีนิสัย อ่อนโยนต้องดูแลให้ดี ทุกคนต้องไหว้แม่โพสพต้องกตัญญูกับ แม่โพสพ ถ้าเราละเลยเรื่องการกตัญญูต่อข้าว แม่โพสพก็จะหนีไป บนเขา รูปแบบหนึ่งของ 'ต๋าแหลวแม่หม้าย'


ในความเชื่อตามภูมิปัญญาชาวล้านนามีต๋าแหลวอีก ประเภทหนึ่ง สานง่ายแต่สานเป็นยาก เพราะมีลักษณะพิเศษ คือมีเจ็ดชั้น สานต่อกันโดยสานต่อไปเรื่อย ๆ และสามารถต่อชั้น ขึ้นไปได้อีก ความยากคือการต่อชั้นแต่ละชั้น ถ้าต่อผิด ถึงจะดู เหมือนต๋าแหลวแต่นั่นไม่ใช่ต๋าแหลว ชาวเหนือมีชื่อเรียกต๋าแหลว นี้หลายชื่อ เช่น ต๋าแหลวเจ็ดจั้น ต๋าแหลวใบคา ต๋าแหลวคาเขียว ต๋าแหลวหญ้าคา เป็นต้น ก็คือต๋าแหลวนี้มี 7 ชั้น แล้วนำหญ้าคา มาสานพันกันใช้ขึงติดกับต๋าแหลว ดังนั้นจึงเรียกว่า ต๋าแหลว คาเขียว เพราะใบคาที่นำมาสานพันกันเป็นสีเขียว 'ต๋าแหลวรูปปลา' กุศโลบายและความเชื่อ เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของข้าว หรือพืชพันธุ์ ' ต๋าแหลว 5 แฉก' ต๋าแหลวหม้อยา ที่ปักไว้บนหม้อยาเพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายข้าม หม้อยา ทำให้ยาไร้สรรคุณตามความเชื่อ เมื่อ ปักต๋าแหลวหม้อยาแล้ว จะป้องกันภูตผีร้าย มาข้ามหม้อยา ทำให้คงสรรพคุณยาได้


การสร้างต๋าแหลวด้วยการนำไม้ไผ่มาจักตอกให้เป็นเส้นบางแล้วนำมาสานเป็นทบ ๆ จึงเปรียบเสมือน การสร้างตาที่แหลมคมเฉกเช่นเหยี่ยว คอยสอดส่องเฝ้าระวังสิ่งอาถรรพ์หรือสิ่งคุกคามไม่ให้ย่างกรายเข้ามาใน อาณาเขต ด้วยเหตุนี้ นอกจากประเพณีแฮกนา (แรกนา) แล้ว เรายังสามารถพบเห็นต๋าแหลวประกอบพิธีกรร อื่น ๆ ได้อีก เช่น ในประเพณีของชาวไทลื้อ มีการใช้ต๋าแหลวในการปิดกั้นหมู่บ้าน ไม่ให้คนนอกเข้าและคน ในออก ระหว่างทำพิธีเซ่นสรวงผีบ้าน รูปแบบหนึ่งของ 'ต๋าแหลว 5 แฉก' ตามความเชื่อที่ว่าเหมือนมีคนมานั่งท่องบทสวด นะโม พุท ธา ยะ ตลอดเวลา บทสวดนี้เรียกอีกอย่างว่าบทสวดพระเจ้าห้าพระองค์ ซึ่ง 'นะ' หมายถึง พระกุกกุสันโธ ใช้เขียนแทน ธาตุน้ำ หรือ อาโปธาตุ 'โม' หมายถึง พระโกนาคม ใช้เขียนแทนธาตุดิน หรือ ปฐวีธาตุ 'พุท' หมายถึง พระกัสสปะ ใช้เขียนแทนธาตุไฟ หรือ เตโชธาตุ 'ธา' หมายถึง พระสมณะโคดม (พระพุทธเจ้าองค์ ปัจจุบัน) ใช้เขียนแทน ธาตุลม หรือวาโยธาตุ ส่วน 'ยะ' หมายถึง พระศรีอารยเมตไตรย (พระพุทธเจ้าองค์ถัดไป หลัง พ.ศ. 5000) ใช้เขียนแทน อากาศธาตุเชื่อว่าบทสวดนี้จะปกป้องภัยอันตราย จากศัตรูทั้งปวงที่จะเข้ามาใกล้


Click to View FlipBook Version