๓ บุพบทบอกความเกี่ยวข้อง
คำบุพบทบอกความเกี่ยวข้องหรือความประสงค์ เช่น กับ เเก่ เเด่ ต่อ เเต่ เฉพาะ
สำหรับ เพื่อ โดย ตาม ฯลฯ
ตัวอย่าง - อาร์มี่มอบของขวัญแด่แพร
- เขาถวายปัจจัยแด่พระสงฆ์
- คุณครูให้รางวัลแก่ฉัน
๔ บุพบทบอกเวลา
คำบุพบทบอกเวลา มักใช้คำว่า เมื่อ ตั้งเเต่ เเต่ จนกระทั่ง ฯลฯ
ตัวอย่าง - เด่นชัยตื่นนอนตั้งแต่ ๐๔:๐๐ น.
- เขาอ่านหนังสือจนดึก
- คุณพ่อไปทำงานแต่เช้า
ข้อสังเกต
คำบุพบทที่มักใช้กันมาก ได้เเก่ เเด่ เเก่ ตั้งเเต่ กับ บน ล่าง เหนือ ใต้ ข้าง ริม
ไกล ใกล้ ถึง จาก สำหรับ เฉพาะของ ด้วย เพื่อ จน ตั้งเเต่ ต่อ ประมาณ
คำบุพบทบางคำเป็นได้ทั้งคำบุพบทเเละคำวิเศษณ์
เราจะสังเกตเห็นจากการใช้คำต่างกัน คือ คำบุพบทต้องนำหน้าคำที่อยู่ข้างหลัง
จะใช้ตามลำพังไม่ได้ เเต่คำวิเศษณ์ต้องใช้ประกอบคำที่อยู่ข้างหน้า เช่น
- เขายืนอยู่ข้างใน ส่วนคุณยืนอยู่ข้างนอก (ใน นอก ทำหน้าที่เป็นคำวิเศษณ์)
- บ้านเขาอยู่ริมคลอง (ริม ทำหน้าที่เป็นคำบุพบท)
๔๓
ตำแหน่งของคำบุพบท
๑. ทำหน้าที่นำหน้าคำนาม ตัวอย่างเช่น
- คุณย่าถวายสิ่งของเเด่พระสงฆ์ (แด่ เป็นคำบุพบท , พระสงฆ์ เป็นคำนาม)
- คุณตาบริจาคสิ่งของเเก่คนยากจน (แก่ เป็นคำบุพบท , คน เป็นคำนาม)
- บ้านคุณย่าตั้งอยู่ริมคลอง (ริม เป็นคำบุพบท , คลอง เป็นคำนาม)
๒. ทำหน้าที่นำหน้าคำสรรพนาม ตัวอย่างเช่น
- ปากกาของคุณอยู่บนโต๊ะ (ของ เป็นคำบุพบท , คุณ เป็นคำสรรพนาม)
- หนังสือเล่มนี้เป็นของฉันเอง (ของ เป็นบุพบท , ฉัน เป็นคำสรรพนาม)
- เธอเขียนจดหมายถึงเขา (ถึง เป็นคำบุพบท , เขา เป็นคำสรรพนาม)
๓. ทำหน้าที่นำหน้าคำกริยา ตัวอย่างเช่น
- น้ำขวดนี้เก็บไว้สำหรับดื่ม (นี้ เป็นคำบุพบท , เก็บ เป็นคำกริยา)
- เขากำลังโฆษณาเพื่อหาเสียง (กำลัง เป็นคำบุพบท , โฆษณา เป็นคำกริยา)
๔. ทำหน้าที่นำหน้าคำวิเศษณ์ ตัวอย่างเช่น
- เราควรตื่นนอนเเต่เช้าทุกวัน (แต่ เป็นคำบุพบท , เช้า เป็น คำวิเศษณ์)
๕. ทำหน้าที่นำหน้าประโยคหรือข้อความ ตัวอย่างเช่น
- ฉันมาโรงเรียนตั้งเเต่คนในบ้านยังไม่ตื่น (ตั้งแต่ เป็นคำบุพบท)
- ครูให้รางวัลเฉพาะคนที่ตั้งใจเรียนเท่านั้น (เฉพาะ เป็นคำบุพบท)
คำบุพบท "เเด่" จะใช้ต่อเมื่อผู้น้อยให้สิ่งของผู้ที่มีอายุมากกว่า
เเก่กว่า อาวุโสกว่า คำว่า "เเก่" จะใช้ต่อเมื่อผู้ที่มีอายุมากกว่า
ให้สิ่งของผู้ที่มีอายุน้อยกว่า หรือผู้ที่มีอายุเสมอกัน
๔๔
เรียนรู้เรื่องมารยาทในการอ่าน
การอ่านในชีวิตประจำวัน มีทั้งการอ่านในใจและอ่านออกเสียง การอ่านจึงต้องมี
ความระมัดระวังในการปฏิบัติตน เช่น การจัดหาที่นั่งให้สะดวกสบายและถูกสุขลักษณะ
อ่านหนังสือในระยะที่เหมาะสมกับสายตา นอกจากนั้นจึงต้องคำนึงถึงมารยาทในการอ่าน
อีกด้วย ข้อพึงปฏิบัติและมารยาทการอ่านที่สำคัญ ดังนี้
๑. ไม่อ่านออกเสียงดังจนรบกวนผู้อื่น
๒. ออกเสียงถูกต้องชัดเจน ตามอักขรวิธี
๓. กรณีอ่านหนังสือในห้องสมุด ต้องไม่ส่งเสียงหรือทำเสียงดังรบกวนผู้อื่น
๔. เลือกอ่านหนังสือที่มีประโยชน์ต่อตนเองและสังคม
๕. อ่านอย่างมีวิจารณญาณ มีเหตุผล ไม่หลงเชื่อในสิ่งงมงายไร้เหตุผล
๖. ระมัดระวังในการถือหนังสือมิให้เกิดความเสียหาย
๗. ถ้าต้องการเรื่องหนึ่งเรื่องใดจากหนังสือ อาจเพื่อนำไปเป็นหลักฐานอ้างอิง
ควรถ่ายสำนวนไว้ ไม่ควรฉีกออกไปจากเล่ม
๘. การแสดงความคิดเห็นในการอ่านต้องมีเหตุผล ไม่มีอคติในการอ่าน
๙. เมื่อนำเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใดจากเรื่องที่อ่านไปใช้อ้างอิงในงานเขียน เช่น
รายงานควรใส่อ้างอิงถูกต้องตามหลักการ เพื่อเป็นการให้เกียรติผู้เขียน
๑๐. ถ้าบังเอิญทำหนังสือเสียหาย ควรซ่อมหนังสือให้ถูกต้องตาม ซ่อมหนังสือ
เพื่อมิให้หนังสือชำรุดยิ่งขึ้น
๔๕
แบบฝึกหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ ๕
คำชี้แจง ให้นักเรียนเติมคำบุพบทให้เหมาะสม
๑. บ้านปาร์คอยู่.......................โรงเรียน
๒. น้ำ......................เรือเสือ........................ป่า
๓. เขาจัดอาหารไว้............................พระสงฆ์
๔. เขาเดินทาง.............................รถไฟ
๕. เขามา...............................เพชรบุรี
๖. นักรบพลีชีพ............................ชาติ
๗. เราควรมีน้ำใจ.........................ผู้อื่น
๘. นักเรียนมอบพวงมาลัย...............................คุณครู
๙. สร้อยเส้นนี้เป็น.........................เตชิน
๑๐. นิวมาโรงเรียน...........................เช้า
คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกใช้คำบุพบทที่กำหนดให้ โดยให้ขีดเส้นใต้คำที่เลือก
๑. เขาปลูกต้นไม้ไว้ ใต้ / ริม ระเบียง
๒. ยาเสพติดให้โทษ ต่อ / จาก ร่างกาย
๓. ที่ดินนี้เหมาะ เเด่ / เเก่ การปลูกต้นไม้
๔. เขาอ่านหนังสือ ตั้งเเต่ / จนกระทั่ง เช้า จนตอนนี้ก็ยังไม่หยุด
๕. หนังสือเล่มนี้มีความรู้ทั่วไปเกี่ยว สำหรับ / กับ ประวัติศาสตร์
๔๖
คำชี้แจง ให้นักเรียนทำเครื่องหมายถูกในช่องว่างที่เป็นคำบุพบท
๑. นรินวาดภาพด้วยดินสอสองบี
๒. บ้านของมานีอยู่ในหมู่บ้านเเสนสุข
๓. เขาบริจาคเสื้อผ้าเเก่เด็กยากไร้
๔. เขากินหมูย่างตั้งเเต่ เมื่อคืน
๕. มูมู่สุนัขของดารินเเสนรู้ มาก
คำชี้แจง นักเรียนคิดว่าคำบุพบทมีความสำคัญอย่างไร
_________________________________________________________________
_________________________________________________________________
_________________________________________________________________
_________________________________________________________________
_________________________________________________________________
_________________________________________________________________
_________________________________________________________________
๔๗
หน่วยการเรียนรู้ที่ เงินเหรียญบาท
๖
บทหกเล่าตามชื่อ เรื่องมันคือค่าเหรียญบาท
ตาปกดุจนักปราชญ์ แฝงข้อคิดพินิจดู
คำสันธานน่าเรียนรู้
มาเถิดชวนกันอ่าน และนั้นเชื่อมความคล้อยตาม
ท้ายบทลองเปิดดู
พัฒนา
ทักษะการอ่านและคิด
ยามเย็นตะวันเริ่มอ่อนแสง เด็ก ๆ ต่างออกมาวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน เด็กกลุ่ม
หนึ่งวิ่งแจ้นไปบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน บ้านหลังนั้นเป็นบ้านของตาปก ตาปกแกเป็น
คนที่ช่างพูดช่างจา แกเมีเรื่องเล่ามากมายที่จะนำมาเล่าสู่ใคร ๆ ฟัง ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือ
คนแก่เหมือนกันก็จะชอบฟังเรื่องต่าง ๆ ที่แกเล่า บางเรื่องก็จริง บางเรื่องก็ไม่จริง บางเรื่อง
แกก็แต่งขึ้นมาสด ๆ ตรงนั้น เพราะเช่นนี้เวลาไปที่ใดก็มักจะมีคนคะยั้นคะยอให้แกเล่าเรื่อง
ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง เช่นเดียวกันกับเด็กห้าหกคนที่กำลังวิ่งไปที่บ้านแก ก็คงจะเพราะไป
ฟังเรื่องที่แกเล่านั่นเอง
เมื่อเด็ก ๆ วิ่งไปถึงก็เห็นตาปกแกนั่งแคร่กินหมากอยู่แล้ว จึงเข้าไปนั่งใกล้ ๆ แล้ว
ขอให้ตาปกช่วยเล่าเรื่องให้พวกเขาฟังอีก เสียงหัวเราะของตาปกดังลั่นแทบจะไปถึงหน้า
หมู่บ้านได้ เพราะเด็ก ๆ พวกนี้มาบ้านแกทุกวัน จนแกเองก็ไม่รู้ว่าจะเล่าเรื่องอะไรให้เด็ก ๆ
ฟังแล้ว แกเลยนึกขึ้นได้ว่าวันที่ไปตลาด แกไปได้เรื่องมาอีกเรื่องหนึ่งจึงได้เล่าเรื่องนั้นให้
เด็ก ๆ ฟัง ตาปกเล่าว่า
“คนเราน่ะจะมองเห็นบางสิ่งว่ามันมีค่าก็ต่อเมื่อมันสำคัญเท่านั้นแหละพวกเอ็งว่า
ไหม ข้าจะเล่าเรื่องยายนงให้พวกเอ็งฟังก็แล้วกัน ยายนงน่ะแกเป็นคนรวยบ้านอยู่นู่น
หน้าหมู่บ้าน เมื่ออาทิตย์ก่อนข้าไปเจอแกซื้อปลาอยู่ที่ตลาด แกก็นะถือของอะไรไม่รู้วุ่นวาย
ไปหมด มีทั้งผักทั้งหมูทั้งไก่ โอ้..เต็มไม้เต็มมือไปหมด คราวนี้แกก็ไปแวะซื้อปลา ทั้งหมดน่ะ
มันเท่าไหร่ข้าก็ไม่รู้หรอก แต่แกได้ตังทอนมาเป็นเหรียญทั้งนั้นเลย เพราะของแกก็เต็มมืออยู่
น่ะนะเลยรับตังทอนพลาดเงินเหรียญกระจัดกระจาย แกก็ก้มหยิบเหรียญแรกหยิบเหรียญสิบ
เหรียญนี้อยู่ไกลด้วยนา แต่แกหยิบก่อนเพื่อนเลย ต่อมาแกหยิบเหรียญห้าใกล้เข้ามาหน่อย
จากนั้นแกก็ทำทีจะเดินไป แม่ค้าปลาก็ท้วงว่า..เอ้อยายนั่นน่ะอีกเหรียญนึง เหรียญบาท
ว่าจบยายนงก็สวนมาว่าเอ้อ...ช่างมัน แล้วแกก็เดินไปเลย ดูซิน่ะเงินตั้งหนึ่งบาทเป็นข้า
ข้าเก็บแหละวะ”
๔๙
ตาปกพูดจบแกก็บ้วนหมากใส่โถ พรางใช้ผ้าขาวม้าที่พาดเอวไว้ขึ้นมาเช็ดน้ำหมากที่เปื้อน
ปากอยู่ จากนั้นแกก็เล่าของแกต่อไปว่า...
“แล้วเป็นไงพวกเอ็งรู้ไหม เมื่อวานนี้เองข้าก็ไปเจอยายนงที่ตลาดอีกเหมือนเดิม ถือของ
วุ่นวายเต็มมือ ทั้งไก่ทั้งหมูทั้งผักทั้งปลา แต่ละอย่างก็แพง ๆ ทั้งนั้น คราวนี้ข้าก็เห็นแกพะว้า
พะวงหาอะไร ๆ ของแกอยู่ สักพักก็เดินวนไปวนมา มารู้ทีหลังว่าแกลืมซื้อพริก ซื้อของแทบ
จะครบละมาลืมซื้อพริก ตอนนั้นข้าก็ไม่เข้าใจว่าแกหาอะไรของแก ที่แท้แกหาเงินบาทเดียว
พริกน่ะมันห้าบาท เงินที่แกพกมาเหลือสี่บาท จะติดเขาก็คงจะอาย หาอยู่นานเชียวนา
บอกว่ามีแน่ ๆ แกว่าอีกว่าบาทเดียวจำได้ว่าใส่กระเป๋าไว้ แกก็เอากระเป๋ามาเปิดดู พลิกซ้าย
พลิกขวา ดึงเข้าดึงออกก็ไม่เจอ สุดท้ายแกก็ไม่ได้พริกเสีย กลับไปอย่างนั้นแหละ เพราะขาด
เงินแค่บาทเดียว พวกเอ็งเห็นไหมข้าไม่ได้จะบอกว่าเงินบาทน่ะมันสำคัญอะไรขนาดนั้นแต่ข้า
กำลังจะบอกพวกเอ็งว่าของบางอย่างอาจถูกมองว่าน้อยค่าหรือด้อยค่า แต่ความจริงแล้วไม่ใช่
ทุกสิ่งมีค่าและจะมีค่ามาก ๆ เมื่อถูกเวลาของมัน ดูอย่างยายนง วันนั้นไม่เห็นค่าของเงินหนึ่ง
บาทปล่อยทิ้งไว้เสีย พอมาอีกวันกลับพยายามหาเหรียญบาทนั้นแทบตาย นี่แหละหนากว่าจะ
เห็นค่าก็ต้องรอให้มันสำคัญเสียก่อน”
กว่าตาปกจะเล่าจบพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปเสียแล้ว จากท้องฟ้าสีทองกลายเป็นสีหม่น
ยังดีที่ยังคงมีแสงอยู่บ้าง ตาปกจึงได้บอกให้เด็ก ๆ เหล่านั้นรีบกลับไปบ้านของตน เด็กน้อยห้า
หกคนยืนขึ้นยกมือไหว้ขอบคุณตาปกแล้วก็วิ่งแจ้นออกไปอย่างตอนที่เข้ามา ส่วนตาแกก็หอบ
จานหมากเดินขึ้นบ้านจนลับตาไป
๕๐
รอบรู้
หลักภาษา
เรียนรู้เรื่องคำสั นธาน
คำสันธาน คือ คําที่เชื่อมประโยคกับคํา เชื่อมประโยคกับกลุ่มคํา หรือเชื่อมประโยค
กับประโยครวมให้เป็นประโยคเดียวกัน ทำให้ประโยคใหม่นั้นชัดเจนกะทัดรัด สละสลวยยิ่งขึ้น
ดังนั้นประโยคที่เกิดใหม่จึงสามารถแยกเป็นประโยคความเดียวได้ตั้งแต่ ๒ ประโยคขึ้นไป
จะพบคำสันธานในประโยคความรวมและประโยคความซ้อน
ชนิดของคำสันธาน
ขนาด
๑ คำสันธานที่เชื่อมความคล้อยตามกัน ได้แก่ คำว่า และ ทั้ง...และทั้ง...ก็ ครั้น...ก็
ครั้น...จึง ก็ดี เมื่อ...ก็ว่าพอ...แล้ว เช่น ทั้งพ่อและแม่ของผมเป็นคนใต้
๒ คำสันธานที่เชื่อมความขัดแย้งกัน เช่นคำว่า แต่ แต่ว่ากว่า...ก็ ถึง...ก็ เป็นต้น
เช่น ผมต้องการพูดกับเขา แต่เขาไม่ยอมพูดกับผม
๓ คำสันธานที่เชื่อมข้อความให้เลือก ได้แก่ คำว่า หรือ หรือไม่ ไม่...ก็ หรือไม่ ก็ไม่
เช่นนั้น มิฉะนั้น...ก็ เป็นต้น เช่น นักเรียนชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์หรือภาษาไทย
๔ คำสันธานที่เชื่อมความที่เป็นเหตุเป็นผล ได้แก่ เพราะ เพราะว่า ฉะนั้น...จึง ดังนั้น
เพราะฉะนั้น...จึง เป็นต้น เช่น นักเรียนมาโรงเรียนสาย เพราะฝนตกหนัก
๕๑
หน้าที่ของคำสันธาน
๑. เชื่อมคำกับคำ
- ผักกาดและหัวหอมเป็นพืชสวนครัว
- เธอชอบสีแดงหรือสีส้ม
๒. เชื่อมข้อความกับข้อความ
- การส่งเสียงดังในห้องสมุดเป็นการกระทำที่ไม่ดีรบกวนผู้อื่น เพราะฉะนั้น
จึงต้องมีกฎห้ามส่งเสียงดังติดประกาศไว้
- คนเราต้องการอาหาร เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค
ด้วยเหตุนี้เราจึงจำเป็นต้องประกอบอาชีพเพื่อให้ได้เงินมาซื้อสิ่งจำเป็น
เหล่านี้
๓. เชื่อมประโยคกับประโยค
- พี่เป็นคนขยันแต่น้องเกียจคร้านมาก
- เราหวงแหนแผ่นดินไทยอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเรา
๔. เชื่อมความให้สละสลวย
- คนเราก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้างเป็นธรรมดา
- ฉันก็เป็นคนจริงคนหนึ่งเหมือนกัน
๕๒
แบบฝึกหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ ๖
คำชี้แจง ให้นักเรียนเติมคำสันธานเพื่อให้ประโยคสมบูรณ์
๑ คุณแม่เสียใจ...............................กระเป๋าเงินหาย
๒ ชมพู่...........................ลิ้นจี่เป็นผลไม้
๓ เธอชอบสีดำ.............................หรือสีขาว
๔ ชาตรีต้องการซื้อรถ..........................เงินยังไม่พอ
๕ .......................ถั่วจะสุก งา..........................ก็ไหม้
๖ การส่งเสียงดังในห้องสมุดเป็นการกระทำที่ไม่ดีรบกวนผู้อื่น........................
จึงต้องมีกฎห้ามส่งเสียงดังติดประกาศไว้
๗ คนเรา...........................ต้องมีผิดพลาดกันบ้างเป็นธรรมดา
๘ ป่าไม้หมดไปโลก...........................เกิดความแห้งแล้ง
๙ เขาพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง .............................ฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ
๑๐ ฉันเป็นคนขยัน................................น้องเป็นคนเกียจคร้าน
๕๓
หน่วยการเรียนรู้ที่
๗ บันทึกเล่มเเรกของฉัน
บันทึกบทที่เจ็ด เล่าเบ็ดเตล็ดเสริมความรู้
เรียบเรียงลองตรองดู เขียนพรั่งพรูเป็นเรื่องราว
อ้ออ๋อขาน ว้าย! สั้น ยาว
อุ๊ย! โอ๊ย! บอกอุทาน ฝึกปรือชาญเปรื่องปัญญา
หมั่นเพียรดั่งเพชรพราว
พัฒนา
ทักษะการอ่านและคิด
วันจันทร์ ที่ ๓ เดือนมกราคม ปี พ.ศ.๒๕๖๕
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเด็กหญิงพรอุษา ตอนนี้อายุสิบสองปีแล้ว เป็นครั้งแรกที่ฉันเขียนบันทึก
เล่มนี้ รู้สึกแปลกนิดหน่อยแต่ฉันคาดหวังว่ามันคงจะเป็นอะไรที่น่าสนุก เมื่อฉันได้กลับมาอ่าน
บันทึกเล่มนี้อีกครั้งในอนาคต วันนี้ฉันตื่นนอนเวลาตีห้าครึ่ง ฉันล้างหน้าและอาบน้ำ แปรงฟัน
พร้อมแต่งกายด้วยชุดนักเรียน ข้าวมื้อเช้าฉันกินตอนหกโมงเช้า หลังจากนั้นก็ไปโรงเรียน ฉัน
ทำความเคารพคุณครูที่หน้าโรงเรียนแล้วขึ้นไปที่ห้องเรียนและนั่งอ่านหนังสือ เมื่อได้ยินเสียง
สัญญาณก็ลงมาด้านล่างเพื่อทำกิจกรรมหน้าเสาธง แล้วกลับขึ้นห้องเรียนหลังกิจกรรมเสร็จสิ้น
วันนี้เรียนวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์ ฉันกลับบ้านโดยรถยนต์ของคุณพ่อ พอ
ถึงบ้านฉันก็รีบไปดูโทรทัศน์รายการโปรด หลังจากนั้นฉันจึงเข้านอน
วันพุธ ที่ ๑๙ เดือนมกราคม ปี พ.ศ. ๒๕๖๕
ตอนนี้สถานการณ์โควิด ในประเทศไทยยังน่าเป็นห่วง ฉันจึงต้องสวมหน้ากากอนามัย
ก่อนออกจากบ้านเสมอ วันนี้ฉันตื่นแต่เช้ามาอาบน้ำ ล้างหน้า และแปรงฟัน สวมเครื่องแบบ
ของโรงเรียน กินข้าวเช้าคนเดียว ฉันไปโรงเรียนโดยรถของพี่ชายฉัน และไม่ลืมที่จะสวม
หน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านด้วยทุกครั้ง พอถึงโรงเรียนฉันไหว้ขอบคุณพี่ชายที่มาส่งฉัน
และขึ้นไปบนห้องเรียนเพื่ออ่านหนังสือ เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณให้เข้าแถว ฉันจึงลงมาเข้าแถว
ฉันเรียนทุกรายวิชาเหมือนกับเมื่อวาน แต่วันนี้คุณครูไม่สั่งการบ้าน ฉันจึงมีเวลาว่างเหลือเฟือ
๕๕
วันพฤหัสบดี ที่ ๒๗ เดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. ๒๕๖๕
วันนี้มีข่าวร้าย เพื่อนสนิทของฉันมีผลตรวจเชื้อโควิดเป็นบวก ทำให้วันนี้ฉันต้อง
หยุดเรียนเพื่อกักตัวอยู่ที่บ้าน ฉันหวังว่าเพื่อนของฉันจะปลอดภัยและหายไว ๆ วันนี้พี่ชาย
ของฉันก็ไม่ได้ไปทำงานเหมือนกัน เราสองคนเลยทำหน้าที่เฝ้าบ้าน ฉันไม่รู้จะทำอะไรดีเลย
ขึ้นไปนอนเล่นที่ระเบียงชั้นสองของบ้านกับพี่ชาย พอมองไปบนท้องฟ้าก็เห็นก้อนเมฆลอย
อยู่ไกล ๆ มีเมฆบางสลับเมฆครึ้มอยู่ข้างบน รู้สึกแปลกประหลาดมาก และพี่ชายก็บอกฉัน
ว่า เมฆพวกนั้นจะช่วยเยียวยาความทุกข์ได้ อย่างบางคนผิดหวังในความรัก พอไปนั่งเหม่อ
ดูท้องฟ้าเห็นเมฆลอยมาแล้วก็ลอยไป สักพักหนึ่งจะเข้าใจว่าทุกอย่างผ่านมาแล้วเดี๋ยวมันก็
ไป ถึงตอนนี้จะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่บอกแต่พอโตเท่าพี่ชายฉันก็คงจะเข้าใจไปเองแหละ
๕๖
วันเสาร์ ที่ ๙ เดือนเมษายน ปี พ.ศ. ๒๕๖๕
ฉันห่างหายจากเขียนบันทึกไปหลายเดือนเลย วันนี้ฉันกลับมาเขียนบันทึกอีกครั้ง
เพราะต้องการบันทึกเรื่องราวดี ๆ ครอบครัวของฉันได้ไปเที่ยวที่จังหวัดนครราชสีมา โดยที่
คุณพ่อเป็นคนขับรถ คุณแม่เป็นคนเตรียมกระเป๋า คอยดูแลพวกเรา พี่ชายของฉันก็เอาแต่
นอนหลับบนรถ และฉันจึงเป็นคนรับหน้าที่สร้างความสนุกสนานบนรถ เมื่อไปถึงที่ท่องเที่ยว
พวกเราแวะกินข้าวกลางวันกันที่ฟาร์มโคนม ที่นั่นมีวิวเป็นภูเขาที่สวยมาก พอไปถึงทางเข้า
คุณแม่ก็ซื้อตั๋วเข้าชมให้พวกเราด้วย ก่อนจะขึ้นรถรางชมฟาร์ม ครั้งแรกฉันนึกว่าในฟาร์มจะมี
แค่โคนม แต่ที่นั่นมีทั้งนกกระจอกเทศ และอูฐ ฉันรู้สึกสนุกมาก พอถึงที่พักฉันก็หลับทันที
หลังจากนั้นครอบครัวของพวกเราก็เที่ยวชมเมืองอยู่ที่นครราชสีมาต่ออีกสองวัน
วันอาทิตย์ ที่ ๒๖ เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. ๒๕๖๕
ดาวตกเป็นเรื่องของเทวดาบนฟ้ากำลังจะลงมายังโลกมนุษย์ หากใครก็ตามที่เห็น
ดาวตกจะเป็นคนโชคดี อธิษฐานขอพรอะไรก็จะสมหวัง ใครก็ตามที่เห็นดาวตกแล้วจะต้องรีบ
ยกมือขึ้นอธิษฐานด้วย เพราะเทวดาจะช่วยให้สมหวังในสิ่งที่อยากได้ วันนี้เองฉันได้เห็น
ดาวตกเป็นครั้งแรก และฉันก็ขอพรให้คุณพ่อ คุณแม่ และพี่ชายของฉันมีความสุขมาก ๆ
ให้มีรอยยิ้มทุกวัน อย่าได้เจ็บป่วยเลยนะคะ
วันศุกร์ ที่ ๑๔ เดือนตุลาคม ปี พ.ศ.๒๕๖๕
ฉันเป็นคนหนึ่งที่ระลึกถึงวันเกิดของตัวเองเสมอ เพราะฉันคิดว่าคงเป็นวันที่คุณพ่อ
คุณแม่ และพี่ชายของฉันปลื้มปีติและมีความสุขที่สุดวันหนึ่ง สิ่งที่ฉันทำในวันเกิดปีนี้ก็เหมือน
กับทุกปีที่ผ่านมา ฉันตื่นมาใส่บาตรในตอนเช้า และในตอนเย็นก็จัดงานฉลองเล็ก ๆ ฉันได้รับ
ของขวัญวันเกิดจากคนในครอบครัว ไม่มากก็น้อยปีนี้ก็เช่นเดียวกัน ฉันมีความสุขมากจน
ร้องไห้ในตอนเป่าเทียนขอพร ฉันอธิษฐานขอให้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เป็นวันที่เริ่มต้นมีแต่สิ่งที่
ดีเข้ามาในชีวิต ขอบคุณพ่อ คุณแม่ พี่ชายที่ฉันรัก และขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่เป็นกำลังใจ
และคอยอยู่ข้าง ๆ เสมอมา
๕๗
“เปาะ แปะ เปาะ แปะ” เสียงฝนตกกระทบหลังคาค่อย ๆ ดังขึ้น
ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืน ท้องฟ้าถูกไปด้วยเมฆหนาครึ้ม
พระจันทร์เองก็ถูกบดบังจนไม่เห็นแสงเลยในคืนแห่งสายฝนนี้
เสียงกบเขียดร้องสลับกันในพงหญ้าหลังบ้าน ลมเย็นพัดมาเป็น
ระยะ ๆ จนรู้สึกได้ ทุกสิ่งรอบกายแสดงความเคลื่อนไหว แต่สิ่งที่
สัมผัสได้กลับกลายเป็นความเงียบเหงา แต่บรรยากาศที่
มืดหม่นนั้นกลับถูกกลืนกินด้วยภาพของหญิงสาวในชุดสีเหลือง
ที่กำลังนั่งอ่านสมุดบันทึกเล่มเก่าปกสีน้ำตาลพร้อมรอยยิ้มบนโซฟาตัวโปรดของเธอ
หลังจากนั่งอ่านบันทึกเล่มนั้นมานานกว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนจะย้ายที่นั่งจากโซฟาไปยัง
โต๊ะทำงาน เธอได้หยิบปากกาติดมือมาหนึ่งด้าม แล้วเริ่มลงมือเขียนบางอย่างลงบน
บันทึกเล่มนั้นด้วยความตั้งใจ
วันอังคาร ที่ ๑๔ เดือนตุลาคม ปี พ.ศ. ๒๕๗๙
สวัสดี จากบันทึกหน้าสุดท้ายนี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว หลังจากที่ฉันไม่ได้กลับ
บ้านหลังนี้อีกเลย จากตอนนั้นที่ย้ายบ้านไปอยู่ต่างจังหวัด การค้นพบบันทึกเล่มนี้คงเป็น
เรื่องราวที่ดีที่สุดของวันนี้ ฉันนั่งอ่านมันมามากกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว เหมือนกับว่าฉันนั้น
กำลังนั่งเครื่องย้อนเวลาได้เลยทีเดียว ขอบคุณที่ตัวฉันในวัยสิบสองปีที่ได้มอบเรื่องราว
ความทรงจำที่แสนล้ำค่าให้กับฉันเพื่อให้ได้กลับไปย้อนคิดถึงอีกครั้ง แม้จะไม่มีรูปถ่าย
เลยก็ตาม ฉันเองก็หวังว่าตัวฉันในอีกสิบปี ยี่สิบปีข้างหน้า จะหยิบมันขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
เพราะมันทั้งสนุกและเต็มไปด้วยเรื่องราวสนุกสนาน และก่อนจะจากกันไป
"สุขสันต์วันเกิดนะพรอุษา ในวัย ๒๖ ปี ที่เติบโตมาอย่างปลอดภัยและแข็งแรง
ขอให้ได้เจอช่วงเวลาที่สวยงามตลอดไปนะ" ...
๕๘
รอบรู้
หลักภาษา
เรียนรู้เรื่อง คำอุทาน
คำอุทาน คือ คำที่เปล่งออกมาเพื่อแสดงอารมณ์ หรือความรู้สึกของผู้พูด ส่วนมากจะ
ไม่มีความหมายตรงตามถ้อยคำ แต่จะมีความหมายเน้นความรู้สึก และอารมณ์ของผู้พูดเป็น
สำคัญ มีทั้งที่เป็นคำคำเดียว และกลุ่มคำ
คำอุทานแบ่งออกเป็น ๓ ชนิด ดังนี้
๑. คำอุทานบอกอาการ
๒. คำอุทานที่ใช้ในคำประพันธ์
๓. คำอุทานเสริมบท
๑ บอกอาการ
คำอุทานบอกอาการ เป็นคำอุทานที่บอก
อาการหรือแสดงความรู้สึกและอารมณ์ต่าง ๆ
ของผู้พูด คำอุทานชนิดนี้มักจะอยู่หน้าประโยค
และมีเครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) กำกับหลังคำ
อุทานนั้นเสมอ
ตัวอย่าง ว้าย คำที่เปล่งออกมาแสดงอาการตกใจ หรือดีใจ เป็นต้น
ยกตัวอย่าง ว้าย ! งูเข้าบ้าน
อ้อ,อ๋อ คำที่เปล่งออกมาแสดงว่ารู้แล้ว เข้าใจแล้ว นึกได้แล้ว
ยกตัวอย่าง อ๋อ ! เรื่องนี้ฉันนึกออกแล้ว
โอ๊ย คำที่เปล่งออกมาแสดงความรู้สึกเจ็บปวด หรือแปลก เป็นต้น
ยกตัวอย่าง โอ๊ย ! เจ็บจริง ๆ ฉันทนไม่ไหวแล้ว (รู้สึกเจ็บปวด)
เอ๊ะ คำที่เปล่งออกมาแสดงความฉงนไม่เข้าใจ หรือไม่พอใจ
ยกตัวอย่าง เอ๊ะ ! ใครมากันเยอะแยะเลย (ฉงน)
เอ๊ะ ! บอกว่าอย่าทำไม่เชื่อหรือไง (ไม่พอใจ)
๕๙
๒ ใช้ในคำประพันธ์
คำอุทานที่ใช้ในคำประพันธ์ เป็นคำอุทานที่แทรกในคำประพันธ์เพื่อให้สละสลวยขึ้น
มักจะปรากฏเป็นคำสร้อยส่วนมากพบเป็นคำขึ้นต้นและลงท้ายบทประพันธ์ประเภทโคลง
และร่าย เพื่อแสดงความรู้สึกและทำให้จำนวนคำประพันธ์มีพยางค์ครบตามฉันทลักษณ์
ตัวอย่าง โอ้ว่ารักหนอรักนี้หนักจิต บางคราวคิดว่าสนุกเป็นสุขี
บางคราวโอนแรงหึงตรึงทวี บางครั้งกลุ้มฤดีนี้อย่างไร
คำว่า โอ้ ใช้แสดงความรำพึง พรรณนาวิงวอน
๓ คำอุทานเสริมบท
คำอุทานเสริมบท เป็นคำอุทานที่ใช้เป็นคำสร้อยหรือคำเสริมบทต่าง ๆ คำอุทาน
ประเภทนี้บางคำ เสริมคำที่ไม่มีความหมาย เพื่อยืดเสียงให้ยาวออกไป บางคำก็เพื่อเน้น
คำให้กระชับและหนักแน่น
ตัวอย่าง ลูกต้องหมั่นอ่านหนังสือหนังหาให้มากนะ
หนูเดินระวัง ๆ หน่อยนะ เดี๋ยวแข้งขาหักจะลำบาก
กรวิทย์ชอบแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวจ้าวของ น่าเบื่อจริง ๆ
วัดวาอารามเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เราควรเคารพสถานที่
เวลาเดินข้ามถนนหนทางก็เหลียวซ้ายแลขวาก่อน
ข้อสังเกต
คำอุทานในคำประพันธ์ ประเภทร้อยกรอง ไม่ต้องใส่เครื่องหมายอัศเจรีย์ (!)
คำอุทานเสริมบท จะวางอยู่ในตำแหน่งใดในประโยคก็ได้ และหลังคำนั้นไม่ต้องใส่
เครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) หลังคำ
๖๐
แบบฝึกหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ ๗
คำชี้แจง ให้นักเรียนจับคู่ระหว่างคำอุทานบอกอาการกับอารมณ์ ความรู้สึกให้ถูกต้อง
เอ๊ะ ! แสดงความดีใจ
ไชโย ! แสดงความเจ็บปวด
โอ๊ย ! แสดงความสงสาร
โธ่ ! แสดงความโกรธเคือง
โอ้โฮ !
แสดงความแปลกใจ
ชิชะ !
แสดงความสงสัย
คำชี้แจง ให้นักเรียนขีดเส้นใต้คำที่เป็นคำอุทานเสริมบท
๑. เดี๋ยวนี้มือไม้ฉันมันสั่นไปหมด
๒. เขาตั้งใจศึกษาเล่าเรียน
๓. เธอเชื่อใจสามีอย่างไม่ลืมหูลืมตา
๔. หนังสือหนังหาเดี๋ยวนี้ราคาแพงมาก
๕. เธอต้องอาบน้ำอาบท่าก่อนออกจากบ้านนะ
๖. เราไม่ได้ต้องการพิธีรีตองอะไรอยู่แล้ว
๗. เธอเห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอหรืออย่างไร
๖๑
ประมวลข้อสอบท้ายเล่ม
ฝึกสมอง
ประลองปัญญา
ข้อสอบชุดที่ ๑
คำชี้แจง ให้นักเรียนทำเครื่องหมายกากบาท (X) ข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
๑. คำนามคืออะไร
ก. คำที่ใช้แทนชื่อสิ่งต่าง ๆ ข. คำที่แสดงความรู้สึกนึกคิด
ค. คำที่แสดงอาการทางร่างกาย ง. คำที่ใช้เรียกชื่อคน สัตว์ สิ่งของ หรือสถานที่
๒. คำนามในข้อใดเป็นวิสามานยนาม
ก. โรงเรียน ข. หนังสือ
ค. ครูวิภาวดี ง. ดินสอ
๓. ประโยคในข้อใดมีสมุหนาม
ก. กระแตเป็นนักร้อง ข. น้ำหวานเรียนเก่งว่าพี่ ๆ น้อง ๆ
ค. ปกป้องชอบดูรายการร้องเพลง ง. ฝูงผึ้งกำลังทำรัง
๔. คำนามที่บอกลักษณะ รูปร่าง หรือขนาด เป็นคำนามชนิดใด
ก. วิสามานยนาม ข. ลักษณนาม
ค. อาการนาม ง. สมุหนาม
๕. ข้อใดคือหน้าที่ของคำนาม
ก. เป็นคำที่ช่วยขยายความในประโยค ข. เป็นคำเชื่อมประโยคเข้าด้วยกัน
ค. เป็นประธานหรือกรรมในประโยค ง. เป็นคำที่ใช้นำหน้าคำประเภทอื่น
๖. “ปากกาด้ามนี้ราคาแพง” คำว่า ปากกา เป็นคำนามชนิดใด
ก. คำนามทั่วไป ข. คำนามชี้เฉพาะ
ค. คำนามบอกเวลา ง. คำนามแสดงอาการ
๗. “พ่อแม่ทำงานหนักเพื่อฉัน” จากประโยคนี้คำใดเป็นคำบุพบท
ก. แม่ ข. ฉัน
ค. เพื่อ ง. ทำ
๖๓
๘. ข้อใดคือความหมายของคำบุพบท
ก. คำที่ใช้เรียกชื่อ คน สัตว์ สิ่งของ
ข. คำที่ใช้นำหน้าคำหรือกลุ่มคำ เพื่อแสดงความสัมพันธ์ของประโยค
ค. คำที่บอกสภาพของคำนาม หรือคำสรรพนาม
ง. คำที่ใช้เชื่อมประโยคหรือข้อความ
๙. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของคำบุพบท
ก. นำหน้าคำนาม ข. นำหน้าประโยค
ค. นำหน้าคำสรรพนาม ง. นำหน้าคำอุทาน
๑๐. ข้อใดคือคำบุพบทบอกเวลา
ก. จนกระทั่ง ข. จาก
ค. แด่ ง. กับ
๑๑. ข้อใดคือคำบุพบทบอกความเป็นเจ้าของ
ก. อัน ข. จน
ค. ใน ง. แห่ง
๑๒. “เขาทำความดี….ไม่หวังสิ่งตอบแทน” ควรเติมคำบุพบทใดในช่องว่าง
ก. โดย ข. ด้วย
ค. เพื่อ ง. เฉพาะ
๑๓. ข้อใดไม่ใช่คำสันธาน
ก. ตั้มร้องไห้เพราะมานีทอดทิ้ง
ข. น้ำท่วมเพราะฝนตกหนัก
ค. เพราะอยากได้คะแนนดิฉันจึงขยัน
ง. นกตัวนั้นร้องเพลงเพราะเสียนี่กระไร
๑๔. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของคำสันธาน
ก. เชื่อมคำกับคำ ข. เชื่อมประโยคกับประโยค
ค. นำหน้าบท ง. เชื่อมวลีกับวลี
๖๔
๑๕. ข้อใดมีคำสันธาน
ก. เดินทางโดยรถยนต์ ข. ถึงจุดหมายปลายทาง
ค. ควรไว้ใจแก่กัน ง. ถ้าไม่รีบจะไปไม่ทัน
๑๖. ข้อใดไม่ใช่ชนิดของคำสันธาน
ก. เชื่อมปัจจุบันกับอดีต ข. เชื่อมใจความขัดแย้งกัน
ค. เชื่อมใจความให้เลือก ง. เชื่อมใจความเป็นเหตุเป็นผลกัน
๑๗. คำสันธานในข้อใดเป็นสันธานเชื่อมใจความคล้อยตามกัน
ก. เพราะ...จึง ข. แต่ทว่า
ค. ทั้ง...และ ง. กว่า...ก็
๑๘. “ครูใหญ่ไปไหน ถามใครก็ไม่มีใครรู้” คำที่พิมพ์ตัวหนาเป็นคำวิเศษณ์ประเภทใด
ก. ปฤจฉาวิเศษณ์ ข. อนิยมวิเศษณ์
ค. นิยมวิเศษณ์ ง. ลักษณวิเศษณ์
๑๙. “เชียงใหม่อยู่ภาคเหนือ หาดใหญ่อยู่ภาคใต้” คำที่พิมพ์ตัวหนาเป็นคำวิเศษณ์
ประเภทใด
ก. ลักษณวิเศษณ์ ข. อนิยมวิเศษณ์
ค. นิยมวิเศษณ์ ง. สถานวิเศษณ์
๒๐. “บุรุษไปรษณีย์ส่งจดหมายอย่างรีบด่วน” คำที่พิมพ์ตัวหนาทำหน้าที่ขยายส่วนใด
ของประโยค
ก. ขยายประธาน ข. ขยายกริยา
ค. ขยายกรรม ง. ถูกทั้งข้อ ข และ ง
๒๑. คำว่า “มาก” ในข้อใดทำหน้าที่ขยายคำวิเศษณ์ด้วยกัน
ก. เธอชอบตุ๊กตามาก ข. ผู้หญิงคนนี้เรียนเก่งมาก
ค. นักเรียนกลุ่มนี้มีมารยาทมาก ง. พ่อโกรธเขามาก
๒๒. "ผู้ร้ายหลายคนกำลังถูกตำรวจเข้าจับกุม" คำที่ขีดเส้นใต้ทำหน้าที่ขยายคำว่าอะไร
ก. ผู้ร้าย ข. ตำรวจ
ค. คน ง. จับกุม
๖๕
๒๓. ข้อใดต่อไปนี้มีคำวิเศษณ์ประเภทนิยมวิเศษณ์
ก. นี่เธอจะไปกับเขาหรือไม่ ข. นี้เป็นหนังสือของฉัน
ค. หนังสือของฉันคือเล่มนี้ ง. โน่นกระเป๋าคุณหรือครับ
๒๔. “โอ้ศรีเสาวลักษณ์ล้ำ แลโลม โลกเอย” คำที่ขีดเส้นใต้เป็นคำชนิดใด และทำหน้าที่
ใดในประโยค
ก. เป็นคำสรรพนาม ทำหน้าที่เชื่อมประโยค
ข. เป็นคำกริยา ทำหน้าที่แสดงอาการ การกระทำของประธาน
ค. เป็นคำอุทาน ทำหน้าที่บอกอาการ ความรู้สึกของประธาน
ง. เป็นคำอุทาน ทำหน้าที่เสริมบทที่ใช้เป็นคำสร้อย
๒๕. คำที่ขีดเส้นใต้ในข้อใดไม่ใช่คำอุทาน
ก. โอ้โฮ! วันนี้เธอมาเรียนแต่เช้าเลยนะ ข. ไชโย! เราชนะแล้ว
ค. เด็กเอ๋ยเด็กน้อย ง. นกเกาะอยู่บนหลังคา
๒๖. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับคำอุทาน
ก. ทำหน้าที่เป็นบทขยายส่วนต่าง ๆ ของประโยคเพื่อให้ได้ใจความชัดเจนมากขึ้น
ข. คำที่เปล่งออกมาเพื่อแสดงอารมณ์ หรือความรู้สึกของผู้พูด
ค. คำอุทานบอกอาการ จะไม่ใส่เครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) กำกับหลังคำอุทาน
ง. คำอุทานเสริมบทจะวางไว้หน้าประโยคเท่านั้น และต้องใส่เครื่องหมายอัศเจรีย์ (!)
๒๗. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของคำอุทาน
ก. ทำหน้าที่แสดงความรู้สึกของผู้พูด
ข. ทำหน้าที่เพิ่มน้ำหนักของคำ
ค. ทำหน้าที่ประกอบข้อความในคำประพันธ์
ง. ทำหน้าที่เชื่อมคำหรือกลุ่มคำเพื่อแสดงความสัมพันธ์ภายในประโยค
๒๘. คำอุทานต่อไปนี้ “ชะ, ชะชะ, ชิ, ชิชะ, ชิชิ” แสดงให้เห็นว่าผู้พูดรู้สึกอย่างไร
ก. ตกใจ ข. ฉงนไม่เข้าใจ
ค. ผิดหวัง ง. โกรธ
๖๖
๒๙. ข้อใดคือความหมายของคำกริยา
ก. คำที่แสดงอาการของ นาม หรือ สรรพนาม
ข. คำชนิดหนึ่งที่ใช้เรียกชื่อ คน สัตว์ สิ่งของ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ค. คำกริยาชี้เฉพาะ เช่น ผู้หญิงใส่เสื้อสีแดง
ง. คำที่บอกหมวดหมู่ หรือสิ่งที่มีจำนวนมาก
๓๐. คำกริยาแบ่งได้กี่ชนิด
ก. ๑ ชนิด อกรรมกริยา
ข. ๒ ชนิด อกรรมกริยา สกรรมกริยา
ค. ๓ ชนิด อกรรมกริยา สกรรมกริยา วิกตรรถกรรมกริยา
ง. ๔ ชนิด อกรรมกริยา สกรรมกริยา วิกตรรถกรรมกริยา กริยานุเคราะห์
๓๑. ข้อใดมีคำกริยา
ก. เสื้อสีแดง ข. เสื้อสีเหลือง
ค. มะละกอ ง. นกเขาขัน
๓๒. ข้อใดไม่มีคำช่วยกริยา
ก. ฉันคงไม่ไป ข. เธอจะทำอะไร
ค. น้องกินข้าวผัด ง. ฝนอาจตก
๓๓. ข้อใดเป็นสกรรมกริยา
ก. ปลิว ข. วิ่ง
ค. หยิบ ง. นอน
๓๔. ข้อใดคือคำสรรพนาม
ก. คน สัตว์ และสิ่งของ
ข. คำชนิดหนึ่งที่ใช้เรียกชื่อ คน สัตว์ สิ่งของ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ค. คำนามชี้เฉพาะ เช่น ขอทานคนนั้นใส่เสื้อสีดำ
ง. บอกหมวดหมู่ หรือสิ่งที่มีจำนวนมาก
๓๕. “น้าหมวยบอกอาฮุ้ย มันนะ ว่าฉันฝากน้ำผึ้งให้มัน ๒ ขวด” มีคําสรรพนามกี่คํา
ก. ๒ คํา ข. ๓ คํา
ค. ๔ คํา ง. ๕ คํา
๖๗
๓๖. ข้อใดคือความหมายของประพันธสรรพนาม
ก. คำนามหรือคำสรรพนาม ได้แก่ ต่าง บ้าง กัน
ข. คำนาม เพื่อชี้เฉพาะ เจาะจง ให้ผู้พูดกับผู้ฟังเข้าใจกัน ได้แก่ นั่น นี่ โน่น นี้ นั้น
ค. ใช้เชื่อมประโยค ได้แก่ ผู้ ที่ ซึ่ง อัน
ง. ใช้แทนคำนามบอกความไม่ชี้เฉพาะเจาะจง ที่แน่นอนลงไป
๓๗. บุรุษสรรพนาม สามารถแบ่งออกได้เป็นกี่ชนิด
ก. ๑ ประเภท สรรพนามบุรุษที่ ๑
ข. ๒ ประเภท สรรพนามบุรุษที่ ๑ สรรพนามบุรุษที่ ๒
ค. ๓ ประเภท สรรพนามบุรุษที่ ๑ สรรพนามบุรุษที่ ๒ สรรพนามบุรุษที่ ๓
ง. ๔ ประเภท สรรพนามบุรุษที่ ๑ สรรพนามบุรุษที่ ๒ สรรพนามบุรุษที่๓
สรรพนามบุรุษที่ ๔
๓๘. ข้อใดคือความหมายของปฤจฉาสรรพนาม
ก. คำนามหรือคำสรรพนาม ได้แก่ ต่าง บ้าง กัน
ข. คำนาม เพื่อชี้เฉพาะ เจาะจง ให้ผู้พูดกับผู้ฟังเข้าใจกัน ได้แก่ นั่น นี่ โน่น นี้ นั้น
ค. ใช้เชื่อมประโยค ได้แก่ ผู้ ที่ ซึ่ง อัน
ง. ใช้แทนคำนามที่มีเนื้อความเป็นคำถาม เช่น ใคร อะไร ผู้ใด ไหน
๓๙. คำสรรพนาม มีประโยชน์อย่างไร
ก. เพื่อให้ใช้ได้ง่าย
ข. เพื่อช่วยให้เนื้อความสละสลวยไพเราะมากขึ้น
ค. บอกหมวดหมู่หรือสิ่งที่มีจำนวนมาก
ง. บอกเวลาและสถานที่
๔๐. คําว่า "ที่" ในข้อใดเป็นสรรพนามเชื่อมประโยค
ก. แมวของนิดอยู่บนที่นอน
ข. ดินที่จังหวัดมุกดาหารแห้งแล้งมาก
ค. ขนมเค้กที่อยู่ในตู้เย็นอร่อยมาก
ง. เขาเป็นคนอ้วนที่มีผิวพรรณสวย
๖๘
ข้อสอบชุดที่ ๒
คำชี้แจง ให้นักเรียนทำเครื่องหมายกากบาท (X) ข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
๑. คำนามในข้อใดเป็นสามานยนาม
ก. ละครเรื่องลูกทาส ข. ชมพู่ อารยา
ค. คุณครู ง. หนังสือเรื่องก้านกล้วย
๒. คำว่า “ขัน” ในข้อใดเป็นคำนาม
ก. ไก่ขันตอนเช้าตรู่ ข. พ่อขันเชือกมัดไว้ให้แน่น
ค. เขาทำงานอย่างขยันขันแข็ง ง. พี่ใช้ขันตักน้ำมาล้างหน้า
๓. “ครูคือแม่พิมพ์ของชาติ” คำว่า แม่พิมพ์ เป็นคำนามชนิดใด
ก. สามานยนาม ข. วิสามานยนาม
ค. ลักษณนาม ง. อาการนาม
๔. ข้อใดไม่มีอาการนาม
ก. เกิดเป็นคนต้องมีความหวัง ข. คิดดีชีวิตก็มีความสุข
ค. ความใดที่ไม่ดีไม่งามก็ไม่ต้องเจรจา ง. ความเย็นทำให้รู้สึกเหน็บหนาว
๕. ข้อใดใช้ “การ” และ “ความ” ได้ถูกต้อง
ก. การเรียน การคิด ข. การคิด ความอบอุ่น
ค. การเดิน ความอดทน ค. การพร้อม ความคิด
๖. “ฉันกับแม่ไปทำธุระที่ห้างแห่งหนึ่งตั้งแต่เช้ากว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึก” จากประโยคนี้มี
คำบุพบทกี่คำ
ก. ๓ คำ ข. ๔ คำ
ค. ๕ คำ ง. ๖ คำ
๗. “ฉันตื่น….เช้า…..จะมาทำบุญใส่บาตร” ควรเติมคำบุพบทใดลงในช่องว่าง
ก. เมื่อ, สำหรับ ข. จน, เพื่อ
ค. ตั้งแต่, เฉพาะ ง. แต่, เพื่อ
๖๙
๘. ข้อใดเป็นคำบุพบทบอกความหมายเกี่ยวข้อง
ก. บ้านฉันอยู่ใกล้โรงเรียน ข. หนังสือเล่มนี้เป็นของฉัน
ค. สวนลุมพินีเป็นสวนสาธารณะสำหรับประชาชน ง. รถคันนั้นวิ่งเร็วกว่ารถคันนี้
๙. ประโยคในข้อใดใช้คำบุพบทไม่เหมาะสม
ก. ครูมอบทุนการศึกษาแด่นักเรียนเรียนดี ข. เขายังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน
ค. ร้านขายรองเท้าอยู่ใกล้ตลาดสด ง. ร้องเท้าสีแดงของฉันหาย
๑๐. คำว่า “ใต้” ในข้อใดเป็นคำบุพบท
ก. เพื่อนฉันเป็นคนใต้ ข. พายุพัดมาจากทางใต้
ค. ใครจะไปใต้บ้าง ง. มีรังมดอยู่ใต้เตียง
๑๑. ข้อใดเป็นสันธานเชื่อมใจความขัดแย้งกัน
ก. ถึงป่วยหนักเขาก็ยังไปหาเธอ
ข. เพราะอากาศหนาวจึงใส่เสื้อหนา ๆ
ค. เขาเพลียมากจึงนอนหลับสนิท
ง. เด็ก ๆ ต้องดื่มนมไม่เช่นนั้นจะไม่แข็งแรง
๑๒. ประโยคนี้ควรนำสันธานในข้อใดมาเติมจึงจะเหมาะที่สุด
“.........ลูกเกียจคร้าน แม่....ตีลูก”
ก. ครั้ง...ก็ ข. เพราะ...จึง
ค. ถึง...ก็ ง. กว่า...ก็
๑๓. ข้อใดเป็นสันธานเชื่อมใจความให้เลือก
ก. พอคุณแม่ปลุกฉันก็ลุกขึ้นทันที
ข. เขาเสียสละมากดังนั้นใคร ๆ จึงรัก
ค. ไม่หัวหน้าก็รองหัวหน้าต้องไปพบครู
ง. พี่อยากสวยฉะนั้นพี่จึงกินผลไม้มาก ๆ
๑๔. ข้อใดเป็นสันธานเชื่อใจความคล้อยตามกัน
ก. ทั้งคุณลุงและคุณป้าเป็นคนใจดี ข. เพราะฝนตกหนักน้ำจึงท่วม
ค. เธอควรหางานทำไม่ก็เรียนต่อ ง. กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป
๗๐
๑๕. “…..ต้นขยันต้น.….สอบได้” ควรเติมสันธานข้อใด
ก. เพราะ...จึง ข. ถึง...จึง
ค. เพราะ...ก็ ง. เพราะ...ดังนั้น
๑๖. "สุนัขตัวโปรดซุกซนมาก" คำที่พิมพ์ตัวหนาทำหน้าที่ขยายส่วนใดของประโยค
ก. ขยายประธาน ข. ขยายกริยา
ค. ขยายกรรม ง. ถูกทั้ง ก และ ค
๑๗. "เธอจะกินผลไม้อะไรก็เลือกเอา" ข้อใดถูก
ก. อะไร เป็นปฤจฉาวิเศษณ์
ข. อะไร เป็นอนิยมวิเศษณ์
ค. อะไร เป็นปฤจฉาสรรพนาม
ง. อะไร ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค
๑๘. "ระยะนี้ไข้หวัดใหญ่ระบาด นักเรียนบางส่วนไม่มาเรียน" คำที่ขีดเส้นใต้เป็นคำวิเศษณ์
ประเภทใด
ก. ลักษณวิเศษณ์ ข. ประมาณวิเศษณ์
ค. ปริมาณวิเศษณ์ ง. อนิยมวิเศษณ์
๑๙. ข้อใดเป็นคำวิเศษณ์บอกเวลาทั้งหมด
ก. บน เหนือ เย็น ล่าง ข. ดี ชั่ว สว่าง มืด
ค. เช้า สาย อดีต อนาคต ง. โบราณ ปัจจุบัน อนาคต มาก
๒๐. ข้อใดต่อไปนี้มีอนิยมวิเศษณ์
ก. ใครส่งเสียงอยู่ข้างนอก ข. ที่ไหนเขาก็ชอบไปทั้งนั้น
ค. อะไรวางอยู่ตรงนั้น ง. ฉันพักบ้านหลังไหนก็ได้
๒๑. ข้อใดมีคำนามที่ทำหน้าที่แบบคำวิเศษณ์
ก. บริษัทขายส่งติดต่อกับร้านค้าขายปลีก
ข. บริษัทใหญ่ขายสินค้าให้บริษัทเล็ก
ค. บริษัทการค้าบริจาคเงินให้มูลนิธิการกุศล
ง. ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง
๗๑
๒๒. “กรวิทย์ชอบแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวจ้าวของ น่าเบื่อจริง ๆ” คำที่ขีดเส้นใต้เป็นคำอุทาน
ชนิดใด
ก. คำอุทานเสริมบทที่ใช้เป็นคำเสริม
ข. คำอุทานเสริมบทที่ใช้เป็นคำแทรกระหว่างคำหรือข้อความ
ค. คำอุทานเสริมบทที่ใช้เป็นคำสร้อย
ง. คำอุทานบอกอาการ
๒๓. ข้อใดต่อไปนี้ใช้คำอุทานไม่ถูกต้อง
ก. ตายจริง! ฉันลืมเอากระเป๋าสตางค์มา
ข. ทำเสร็จเสียทีจะได้หมดเรื่องหมดราวกันไป
ค. ไชโย! ฉันสอบตกวิชาภาษาไทยอีกแล้ว
ง. อนิจจา! ไม่น่าเลย ช่างน่าสงสารเสียจริง ๆ
๒๔. ข้อใดไม่ใช่คำอุทานเสริมบท
ก. วัดวาอาราม ข. เด็กน้อย
ค. รถรา ง. หนังสือหนังหา
๒๕. ข้อใดไม่มีคำอุทาน
ก. พวกเขาต้องอดทนต่อภาวะน้ำท่วม
ข. ว้าย! งูเข้าบ้าน
ค. วัดวาอารามเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เราควรเคารพสถานที่
ง. เวลาเดินข้ามถนนหนทางก็เหลียวซ้ายแลขวาก่อน
๒๖. ข้อใดจับคู่ระหว่างคำอุทานบอกอาการกับอารมณ์ ความรู้สึกของผู้พูดไม่ถูกต้อง
๑) เอ๊ะ! ๒) โอ้โฮ! ๓) โธ่! ๔) โอ๊ย!
A) แสดงความสงสาร B) แสดงความเจ็บปวด
C) แสดงแสดงความสงสัย D) แสดงความแปลกใจ
ก. ๑ คู่กับ C ข. ๒ คู่กับ B
ค. ๒ คู่กับ D ง. ๓ คู่กับ A
๗๒
๒๗. คำว่า "พร้อม" ในข้อใดเป็นคำกริยา
ก. เครื่องมือพร้อมแล้ว
ข. เรามีเครื่องมือพร้อมแล้ว
ค. เครื่องมีพร้อมแล้ว
ง. เราออกจากโรงเรียนพร้อมเพื่อน
๒๘. ข้อใดคือคำกริยา
ก. โต๊ะ ข. ตู้
ค. เตียง ง. นอน
๒๙. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของคำกริยา
ก. ทำหน้าที่เป็นตัวแสดงในภาคแสดงของประโยค
ข. ทำหน้าที่ขยายคำนาม
ค. ทำหน้าที่เรียกชื่อคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ต่างๆ
ง. ทำหน้าที่ขยายกริยา
๓๐. ข้อใดเป็นคำกริยาทุกคำ
ก. ฉัน เล่น ข. สมุด เป็น
ค. โอ๊ย วิ่ง ง. เคี้ยว จะ
๓๑. ข้อใดมีคำกริยา
ก. สอยผ้า ข. เสื้อสีเหลือง
ค. มะม่วงเขียวเสวย ง. ตุ๊กตาชาววัง
๓๒. "คุณครูชมว่าเธอลายมือสวย" คำที่ขีดเส้นใต้ ทำหน้าที่ใดในประโยค
ก. เป็นส่วนเติมเต็ม ข. เชื่อมประโยค
ค. เป็นประธานของประโยค ง. เป็นกรรมของประโยค
๓๓. ข้อใดมีคำสรรพนามชี้เฉพาะ (นิยมสรรพนาม)
ก. เวลานั้นเกิดพายุอื้ออึง ข. นั้นคือบ้านของจอย
ค. หนังสือเล่มนั้นหนามาก ง. ไหนกระเป๋าเธอล่ะ
๗๓
๓๔. "นักฟุตบอล.....ก็ฝึกซ้อม.....ก็พักผ่อน" ควรเลือกเติมข้อใดลงในช่องว่าง
ก. ต่าง,บ้าง ข. ต่าง,ต่าง
ค. บ้าง,ต่าง ง. บ้าง,บ้าง
๓๕. "เขา" ข้อใดเป็นสรรพนาม
ก.ลุงดำทำนาที่หลังเขา
ข. อาส้มชอบกีฬาเทนนิส
ค. เขาลูกนี้มันสูงมาก
ง. เขาป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่
๓๖. ข้อใดเป็นคำสรรพนามบุรุษที่ ๑ ทุกคำ
ก. เรา ข้า ฉัน ข. ฉัน ผม เธอ
ค. หล่อน เธอ ท่าน ง. ข้าพเจ้า ใต้เท้า คุณ
๓๗. คำในข้อใด เป็นได้ทั้งสรรพนามบุรุษที่ ๒ และ ๓
ก. ฉัน ข. ผม
ค. คุณ ง. ท่าน
๓๘. อะไร ในข้อใดเป็นอนิยมสรรพนาม
ก. อะไรตกลงมาบนหลังคา ข. เธอพูดอะไรฉันไม่ได้ยิน
ค. อะไรคุณก็ไม่กินสักอย่าง ง. วันนี้เธอทำอาหารอะไร
๓๙. มัน ในข้อใดเป็นคำสรรพนาม
ก. มันไม่อยู่ที่เดิม ข. เขาชอบกินมันเผา
ค. คนอ้วนมีมันมาก ง. แหมกำลังคุยมัน ๆ
๔๐. สรรพนามในข้อใดที่ทำหน้าที่เป็นกรรม
ก. คุณอรพรรณเขาไม่ค่อยตรงเวลาเลย
ข. หลวงปู่แหวนท่านไม่ใคร่ได้พักผ่อน
ค. พระคุณเจ้าไปไหนมาคะ
ง. คุณพ่อตีมันเสียงดังสนั่น
๗๔
เฉลยข้อสอบ
ชุดที่ ๑
๑. ง ๒. ค ๓. ง ๔. ข ๕. ค ๖. ก ๗. ค ๘. ข ๙. ง ๑๐. ก
๑๑. ง ๑๒. ก ๑๓. ง ๑๔. ค ๑๕. ง ๑๖. ก ๑๗. ค ๑๘. ข ๑๙. ง ๒๐. ข
๒๑. ข ๒๒. ก ๒๓. ค ๒๔. ง ๒๕. ง ๒๖. ข ๒๗. ง ๒๘. ง ๒๙. ก ๓๐. ก
๓๑. ง ๓๒. ค ๓๓. ค ๓๔. ก ๓๕. ข ๓๖. ค ๓๗. ค ๓๘. ง ๓๙. ข ๔๐. ค
ชุดที่ ๒
๑. ค ๒. ข ๓. ก ๔. ค ๕. ค ๖. ก ๗. ง ๘. ค ๙. ก ๑๐. ง
๑๑. ก ๑๒. ข ๑๓. ก ๑๔. ก ๑๕. ก ๑๖. ก ๑๗. ข ๑๘. ค ๑๙. ค ๒๐. ง
๒๑. ค ๒๒. ก ๒๓. ค ๒๔. ข ๒๕. ก ๒๖. ข ๑๗. ง ๒๘. ง ๒๙. ค ๓๐. ง
๓๑. ก ๓๒. ง ๓๓. ข ๓๔. ง ๓๕. ง ๓๖. ก ๓๗. ง ๓๘. ค ๓๙. ก ๔๐. ง
๗๕
บรรณานุกรม
กำชัย ทองหล่อ. (๒๕๓๓). หลักภาษาไทย. (พิมพ์ครั้งที่ ๘). กรุงเทพฯ: บำรุงสาส์น.
จิตรลดา วายุบุตร และคณะ. (๒๕๖๔). ชนิดของคำในภาษาไทย 7 ชนิด. สืบค้น
๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕. จาก https://anyflip.com/zngie/djjf/basic?
fbclid=IwAR1F8CD4AFOFGcv2V-ADdhnfXQ7XnEXb7YDPB7kl7SVed-
VcFQLxwRveEoM
ทีมงานทรูปลูกปัญญา. (๒๕๖๔). ชนิดของคำ. สืบค้น ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕. จาก
https://www.trueplookpanya.com/learning/detail/๕๕๑
นารถนารี อินฒะสอน. (๒๕๕๐). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย
เรื่องคำและชนิดของคำ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ที่ได้รับการสอน
โดยการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค TAI กับการสอนแบบปกติ (วิทยานิพนธ์
ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สืบค้นจาก http://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/fulltext/
snamcn/Nartnaree_Intasorn/Fulltext.pdf
บ้านจอมยุทธ. คำอุทาน. สืบค้น ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ . จาก
https://www.baanjomyut.com/library_๓/extension๔/
interjection/index.html.
พรนภา สาคร. แบบเสริมทักษะ เรื่อง ชนิดของคำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖. สืบค้น ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ . จาก
https://www.kroobannok.com/news_file/p50894912058.pdf?
fbclid=IwAR0YCAp4WdaFsqvJ1DHfRcL_-
Ru3pPR9kN8HaELpMnxKdYdMQ8J-j5vPvYc
๗๖
บรรณานุกรม
ระพิน ชูชื่น. ภาษาไทยระดับประถมศึกษา. สืบค้น ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕. จาก
https://itunesu-assets.itunes.apple.com/apple-assets-us-std-
000001/CobaltPublic62/v4/8e/f3/15/8ef315d0-396b-6e7a-8c23-
67344d855500/326-5067942423869452176-
ThaiLanguage__Unit7.pdffbclid=IwAR1aZHMsKmr2pqI2Zm5NZsGOT
__YpnDHu3Phu76wu0gXA9lDG0IUCfMpBjQ
ศริลยา อินทร์วร. คำกริยา. สืบค้น ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๕. จาก
http://cms๕๗๑.bps.in.th/project๓๑๐๕/verb
สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.). (๒๕๖๔). แบบฝึกหัด รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ . กรุงเทพฯ: บริษัท พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำกัด.
สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.). (๒๕๖๔). หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน
ภาษาไทย หลักภาษาและการใช้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ . กรุงเทพฯ:
บริษัท พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำกัด
สาวินี ปะโสทะกัง. คำอุทาน. สืบค้น ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ . จาก
https://sites.google.com/site/khalaeachnidkhxngkha/kha-xuthan
สร้างสรรค์สื่อเพื่อการเรียนรู้ (สสร.). (๒๕๖๔). หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย
หลักภาษาและการใช้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖. (พิมพ์ครั้งที่ ๑).
กรุงเทพฯ: บริษัท สร้างสรรค์สื่อเพื่อการเรียนรู้ (สสร.) จำกัด
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (๒๕๕๖). หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน
ภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อชีวิต ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖.
(พิมพ์ครั้งที่ ๓). กรุงเทพฯ: สกสค. ลาดพร้าว.
๗๗
บรรณานุกรม
QUIZIZZ. (๒๕๖๒). เเบบทดสอบก่อนเรียน เรื่องคำบุพบท. สืบค้น ๒๘ กรกฎาคม
๒๕๖๕. จาก https://quizizz.com/admin/quiz/
5c8d0b5c2acd72001cca243d/-?fbclid=IwAR1aZHMsKmr2pqI2Zm
5NZsGOT__YpnDHu3Phu76wu0gXA9lDG0IUCfMpBjQ
๗๘
คำไทย ๗ ชนิ ด จำให้ดี ง่ายนิ ดเดียว
คำไทยเจ็ดชนิด ให้หนูคิดจำขึ้นใจ
คำนามนั้นไว้ใช้ เรียกคนได้สัตว์สิ่งของ
เช่น บ้าน หนู หมู หมา ไฟ ปากกา ถ้วย เงินทอง
ต่อไปคำที่สอง ใช้สอดคล้องกับคำนาม
นั่นคือสรรพนาม ใช้แทนนามถ้าใครถาม
เรียกแทนได้ทุกยาม เช่น เรา ตาม เขา เธอ ใคร
คำสามคือกริยา บอกอาการที่สงสัย
เช่น เดิน นั่ง ร้องไห้ เอาไว้ใช้บอกอาการ
วิเศษณ์มีความหมาย ช่วยขยายความข่าวสาร
เช่น ดี ชั่ว เร็ว นาน ดัง หอม หวาน นู้น นั่น ไง
บุพบทเชื่อมสัมพันธ์ ระหว่างกันที่สงสัย
เพื่อที่จะช่วยให้ เนื้อความไปต่อเนื่องกัน
เช่น กับ เเก่ เเด่ ต่อ ไว้ช่วยก่อความสานฝัน
เนื้อความต่อเนื่องกัน ประโยคนั้นจะชัดเจน
ต่อไปคำสันธาน เชื่อมผสานให้เราเห็น
เช่น หรือ เเต่ เเละ เป็น เชื่อมไม่เว้นคำสันธาน
สุดท้ายคำที่เจ็ด คือคำเด็ดที่กล่าวขาน
อุ้ย โอ้ย คำอุทาน บอกอาการเราตกใจ
คำไทยเจ็ดชนิด ช่วยกันคิดหายสงสัย
จดจำให้ขึ้นใจ เเละเลือกใช้ถูกต้องเอย