หน่วยการเรียนรู้ที่4 ธุรกรรมทางการเงินดิจิทัล FINTECH
จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. เข้าใจเกี่ยวกับความรู้ความหมายและวิวัฒนาการของธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Fintech) ได้ 2. อธิบายประเภทและประโยชน์ของธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Fintech) ได้ 3. อธิบายผลกระทบและบทบาทของ Fintech กับระบบการเงินของไทยได้ 4. ปฏิบัติการ Fintech-Startup 5. มีคุณธรรม จริยธรรมและความรับผิดชอบ ตระหนักถึงการเป ็ นพลเมืองดิจิทัล
คำ นำ การดำ เนินการเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินในชีวิตประจำ วัน บางคนอาจจะไม่ ทราบว่ากิจกรรมที่เกี่ยวกับการเงินต่าง ๆ นั้นเรียกว่าธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Fintech) ซึ่งจะมีรูปแบบต่าง ๆ เช่น การกดบัตร ATM การใช้บัตรเครดิต การโอนเงินออนไลน์ การชำ ระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ด้วยระบบออนไลน์ ทั้งนี้ในปัจจุบันธุรกรรมการเงิน ดิจิทัล(Fintech) ได้ขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ระดับภูมิภาคแต่เป็นระดับโลก ที่มี
สารบัญ 1.ความหมาย Fintech 1 2.วิวัฒนาการของธุรกรรมการเงิน 2-3 3.ประเภทของธุรกรรมการเงินดิจิทัล 4-9 4.ประโยชน์ของธุรกรรมการเงินดิจิทัล 10 5.ผลกระทบของ Fintech 11-12 6.บทบาทของFinTechกับการเงินของไทยในอนาคต 13-19 7.ผลสำ เร็จของธุรกรรมการเงินดิจิทัล 20-22 8.Fintech Startup 23-26 ข้อดี-ข้อเสีย ของ Fintech 27 สรุป 28 บรรณานุกรม 29 หน้า
1.ความหมายของ Fintech ชื่อ Fintech มีที่มาจากคำ ว่า Financial และ Technology มีความหมายตรงตัวว่า เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเงิน หรือการนำ เทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจการเงิน ไม่ว่า จะเป็นนวัตกรรมตู้ ATMที่ช่วยให้คนกดเงินสดได้สะดวกเพียงแค่มีบัตร บัตรเครดิต การโอน เงินออนไลน์ ฯลฯ เหล่านี้ก็ล้วนเป็น Fintech อย่างหนึ่งFintech (Financial Technology) คือ Financial Technology คือการนำ เอาเทคโนโลยีมาใช้กับการเงินในการสร้างนวัตกรรมใหม่ เพื่อเป็นสินค้า บริการ การแก้ปัญหาทางการเงิน รวมถึงเป็นแนวทางในการประกอบ ธุรกิจใหม่ ๆ ทำ ให้การจัดการ และการเข้าถึงทางการเงินเป็นไปได้ง่ายขึ้น ด้วยเทคโนโลยี เทคโนโลยีทางการเงิน มีจุดเริ่มต้นจากการนำ ระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในระบบงานของ ธนาคาร เมื่อเทคโนโลยีเติบโตขึ้นพร้อม ๆ กับความสามารถในการเข้าถึงของบุคคลทั่วไป
การเติบโตของสตาร์ตอัพด้าน Fintech จะมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่ หากพิจารณาวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีทางการเงินจะเห็นว่า Fintech ไม่ได้เป็นเรื่อง ใหม่แต่อย่างใด ตามงานศึกษาของ Arner, Janos Barberis, and Ross P. Buckley ได้แบ่งยุคสมัยของ Fintech ออกเป็น 3 ช่วงโดย Fintech 1.0 เป็นยุคหลัง สงครามโลกที่ระบบการเงินของประเทศต่าง ๆ เริ่มมีการเชื่อมโยงถึงกัน ด้วยระบบแอ นะล็อกขณะที่ Fintech 2.0 เป็นยุคดิจิทัลที่มีการนคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเข้า มาใช้ปัจจุบันกำ ลังอยู่ในยุค Fintech 3.0 (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 -ปัจจุบัน) ซึ่งเป็นช่วง หลังวิกฤติ Subprime ที่แม้เริ่มต้นเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาแต่ได้ส่งผลกระทบไปสู่ระบบ การเงินของประเทศอื่น ๆทั่วโลก โดยสาเหตุหลักมาจากความไม่รับผิดชอบของสถาบัน การเงินขนาดใหญ่ ทำ ให้ผู้บริโภคลดความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงินเหล่านี้ลง และ นำ ไปสู่ความนิยมในการระดมทุนทางเลือกอย่างCryptocurrency ชื่อดังอย่างบิตคอย น์ (Bitcoin) หรือKickstarterผู้นำ ด้านCrowdfunding 2.วิวัฒนาการของธุรกรรมการเงิน
นอกจากนี้ หลังวิกฤติภาครัฐจำ เป็นต้องเข้ามาควบคุมโดยออก กฎระเบียบในการประกอบธุรกิจการเงินให้มีความเข้มงวดมากขึ้นจนใน ที่สุดสถาบันการเงินหลายแห่งต้องลดจำ นวนพนักงานลงเพื่อความอยู่รอด ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการนำ เทคโนโลยีมาใช้ทดแทน มนุษย์เพื่อลดต้นทุน ในการประกอบธุรกิจ เช่น บริษัท Wealthfront ผู้นำ เสนอแอปพลิเคชัน ที่ใช้ Robo Advisor มาช่วยวางแผนการลงทุนแบบอัตโนมัติให้กับนัก ลงทุนรายย่อยอีกทั้งการนำ เสนอผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างสมาร์ตโฟนยังทำ ให้ คนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุก เวลา และข้อมูลผู้ใช้รายบุคคลยังถูกเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ ทำ ให้ผู้เล่น หน้าใหม่อย่างสตาร์ตอัพสามารถนำ เสนอนวัตกรรมทางการเงินซึ่งเปลี่ยน สนามการแข่งขันธุรกิจตลาดเงินไปตลอดกาล เช่น การทำ ธุรกรรมที่มี ลักษณะ Peer-to-Peer (P2P)ระหว่างบุคคลทั่วไป โดยไม่จำ เป็นต้องมี สถาบันตัวกลางผ่านแอปพลิเคชั่นและเเพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น TransferWise (สำ หรับการโอนเงิน) Lending Club (สำ หรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนหุ้น) ซึ่งแม้ว่าวิวัฒนาการ ที่กล่าวมาเหล่านี้จะเริ่มต้นที่ประเทศพัฒนาแล้วเช่นในสหรัฐอเมริกาและ ยุโรป แต่กำ ลังขยายตัวไปสู่ประเทศกำ ลังพัฒนาอย่างจีน อินเดียรวมถึง ประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
3.1 ประเภท Fintech แบ่งตามจุดประสงค์ในการใช้งาน ดังนี้ 3.1.1 Banking Technologyการนำ เทคโนโลยีมาใช้กับระบบธนาคาร และ สถาบันการเงินส่วนใหญ่ได้นำ เทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้บริการต่าง ๆ ยกไปอยู่ในรูปแบบดิจิทัล จากที่เราต้องเดินทางไปทำ ธุรกรรมที่สาขา แต่ทุกวันนี้เราสามารถทำ ธุรกรรมผ่านทาง โทรศัพท์มือถือได้เลย หรือ Mobile banking 3.1.2 Lending Technology เทคโนโลยีเพื่อการขอสินเชื่อกู้ยืมของเพียร์พาวเวอร์ จัดอยู่ในประเภทนี้ คือ มีลักษณะเป็นแพลตฟอร์มที่เกิดขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดการ ขอและให้สินเชื่อ Fintech ประเภทนี้จะอยู่บนพื้นฐานการสมัครขอสินเชื่อ ตรวจสอบ เครดิต 3. ประเภทของธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Fintech)
3.1.3 Cryptocurrency สกุลเงินดิจิทัลที่หลายคนรู้จักกันดี ที่นำ เทคโนโลยี Blockchain เข้ามาใช้ โดยสกุลเงิน ดิจิทัล ซึ่งสกุลเงินดิจิทัลถือเป็นระบบการเงินแห่งอนาคตที่จะเข้ามาสร้างความเท่าเทียม ทางการเงิน รวมถึงช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อ เพราะเมื่อเกิดเงินเฟ้อมากขึ้น ทำ ให้มูลค่าเงินในสกุลนั้น ๆ เสื่อมถอย หรือลดลง ซึ่งปัญหานี้ได้เกิดขึ้นแล้วในบางประเทศอย่างเช่น ประเทศ เวเนซุเอลา และตุรกี 3.1.4 Payment Technology ระบบการจ่ายเงินที่ดำ เนินการด้วยเทคโนโลยี Fintech ประเภทนี้ คือระบบตัวแทนการใช้ จ่ายที่ผู้ใช้ต้องเปิดบัญชีกับทางแพลตฟอร์มจึงจะสามารถใช้งานได้ ตัวอย่างเช่น ระบบ EWallet ต่าง ๆ เครดิตการ์ด ซึ่งระบบ Payment จะต่างจาก Mobile Banking ตรงที่เจ้าของ แพลตฟอร์มไม่ใช่ธนาคารและให้บริการเฉพาะการใช้จ่ายเท่านั้น
3.1.5 Application Programing Interface (API Data) ระบบ API Data ทำ หน้าที่เป็นเหมือนสะพานเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้กับแพลตฟอร์มเป็นเหมือนประตูบ้านที่จะอนุญาตให้เฉพาะเจ้าของบัญชีหรือผู้ใช้ที่ถูกต้องเข้าถึงข้อมูลนั้นๆได้ ระบบนี้สามารถใช้ได้ทั้งกับMobileBanking และแพลตฟอร์มอื่น ๆ 3.1.6 Regulation Technology นอกจากจะใช้เพื่อเข้าถึงบริการหรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินแล้วFintechยังสามารถใช้เพื่อตรวจสอบและป้องกันการเข้าถึงบริการเหล่านั้นในลักษณะที่ไม่ถูกต้องได้อีกด้วยRegulation Technology หรือ Regtech ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตรวจสอบการทำ ธุรกรรมให้เป็นไปอย่างถูกต้องและราบรื่นอาจเป็นAIหรือ เป็นระบบภายในของธนาคารหรือแพลตฟอร์มก็ได้ 3.1.7 Insurance Technology/ Insurtech ในปัจจุบันการซื้อประกันไม่ได้เป็นเพียงการซื้อความคุ้มครองอย่างเดียวอีกต่อเพราะการซื้อประกันถือเป็นการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งการใช้เทคโนโลยีทางการเงินเข้ามาช่วยคำ นวณ เบี้ยประกันผลตอบแทนความเสี่ยง จุดคุ้มทุน รวมถึงการหาประกันที่ใช้เหมาะกับความต้องการของผู้ซื้อและยังช่วยให้ผู้เสนอขายประกันได้อย่างสะดวก
3.2 ประเภทของ Fintech แบ่งตามกลุ่มด้านการเงินมีดังนี้ 3.2.1 กลุ่มการชำ ระเงินโอนเงิน (Payments/Transfers) ซึ่งถือเป็นจุดกำ เนิดแนวคิด Fintech ที่มีจุดเด่นในด้านความสะดวกรวดเร็วในการชำ ระเงิน โดยลูกค้าไม่จำ เป็นต้องใช้เงินสด บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือโอนผ่านบัญชีธนาคาร เพื่อชำ ระ เงินค่าสินค้า 3.2.2 กลุ่มธุรกรรมที่เกี่ยวกับการลงทุน (Investments) เป็นบริการด้านการลงทุนและที่ ปรึกษาทางการเงินแบบออนไลน์ ซึ่งโดยทั่วไปผู้ที่เข้าถึง บริการด้านการลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีสินทรัพย์สูงแต่ในปัจจุบันธุรกิจ Fintech เกี่ยว กับการลงทุนได้พัฒนาเพื่อช่วยให้กลุ่มผู้มี รายได้ทั่วไปสามารถเข้าถึงการวางแผนทางการเงินและการลงทุนได้ง่ายขึ้นโดยการนำ เทคโนโลยี Robo-Advisor ที่ มีการใช้ Artificial Intelligence : Al เข้ามาใช้เรียนรู้พฤติกรรมการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆผ่านข้อมูลสถิติและผลการวิเคราะห์ที่ได้จากการตอบแบบสอบถาม ทางออนไลน์ โดย Robo-Advisor จะทำ หน้าที่เลือกการลงทุนที่เหมาะสมและช่วยบริหารเงิน ลงทุน
3.2.3 กลุ่มธุรกรรมที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อและเงินทุน (Lending & Financing)มีการให้บริการในหลายรูปแบบ ได้แก่ KICK PER 1) Crowd Funding การระดมทุนจากคนจำ นวนมากเพื่อโครงการหรือธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง โดยเจ้าของโครงการนั้นต้องนำ เอาความคิดหรือธุรกิจของตนเองออกมาขอระดมทุนจากนักลงทุน ให้ได้จำ นวนเงินตามที่ต้องการ ผู้ระดมทุนได้เงิน นักลงทุนได้ผลตอบแทนเป็นการระดมทุน จากมวลชนผ่านเว็บไซต์ เพื่อเป็นช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำ หรับผู้ที่มีแนวคิด สร้างสรรค์ หรือริเริ่มโครงการเพื่อสังคม ส่วนรวมแต่ไม่มีเงินทุนในการดำ เนินการ โดยการ ระดมทุนของ Crowd Funding มีหลายรูปแบบ เช่น การบริจาคเงินการจ่ายเงินเพื่อสั่งจอง สินค้าในโครงการที่จะผลิตออกมาขาย การให้เจ้าของนำ เสนอโครงการผ่านเว็บไซต์เพื่อระดม ทุนจากบุคคลทั่วไป
2) P2P (Peer-to-Peer) เป็นการให้กู้ยืม เงินระหว่างบุคคลกับ บุคคลผ่านออนไลน์แพลตฟอร์ม โดย ไม่ต้องผ่านตัวกลางทางการเงินเช่น ธนาคารหรือสถาบัน การเงิน แต่ระบบจะสามารถเชื่อมโยงระหว่างผู้ให้กู้กับผู้กู้เงิน โดยตรง โดยมีแพลตฟอร์มกลางที่เป็นผู้ให้คะแนนเครดิตของแต่ละคน ตัวอย่างผู้ให้บริการ ได้แก่ Zopa Prosper และ Satangdee 3) Marketplace Lending เป็นการสนับสนุนเงินลงทุนระยะสั้น เพื่อปล่อยกู้ให้แก่ธุรกิจที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนโดยเฉพาะกลุ่ม SME ที่อยู่ในแพลตฟอร์ม ของ ผู้ให้บริการเช่น Amazon และ Alibaba โดยผู้ให้บริการมีการคิดค้นและพัฒนาCredit Scoring Model เป็นของตนเองและมีการนำ ข้อมูลผู้ซื้อและผู้ขายในตลาดของตนเองมาใช้ ประเมินความสี่ยงในการผิดนัด ชำ ระหนี้ รวมทั้งนำ ข้อมูลความนิยมสินค้าและระดับสินค้า คงคลังของผู้ขายมาใช้ประเมินอัตราดอกเบี้ย ในการปล่อยกู้ระยะสั้น 36 เดือน ตัวอย่างผู้ให้ บริการได้แก่ Kabbage Amazon lending และ Alipay Financial
4.1 บุคคลทั่วไป ได้ประโยชน์จาก Fintechในลักษณะการขยายโอกาสการเข้าถึงบริการทางการ เงิน(Financial inclusion) ที่ทำ ให้คนที่ไม่มีบัญชีธนาคารสามารถใช้จ่ายทำ ธุรกรรมรวมถึง สามารถขอสินเชื่อลงทุนได้ด้วยตนเอง 4.2 สถาบันการเงิน ใช้ประโยชน์จาก Fintech ได้ด้วยการนำ ระบบ API DATA หรือการตรวจสอบความปลอดภัย ด้วย Regtech รวมถึงสิ่งที่ง่ายและเป็นประโยชน์ที่สุด คือการสร้างระบบธนาคารย่อยๆแบบ Mobile Banking ลงมาให้อยู่ในโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4.3 ผู้ให้บริการ E-Commerce ใช้ประโยชน์ได้ทั้งในรูปแบบของระบบ Payment การ เชื่อมต่อAPI Data และ Banking Technology เพราะเป็นการขายออนไลน์ที่เกิดการใช้ จ่ายขึ้นในแพลตฟอร์ม 4.4 นักลงทุนFintech เอื้อต่อการลงทุนทั้งในรูปแบบตลาด Cryptocurrency,Insurtech และ Lending Technology ซึ่งถือเป็นโอกาสสำ หรับนัก ลงทุนที่อยากลองลงทุนในรูปแบบใหม่ ๆ 4. ประโยชน์ของธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Fintech)
คือ การทำ ให้คนทั่วไปมีอำ นาจจัดการการเงินของตนเองมากพอกับ ที่ธนาคารสามารถทำ ได้ ประกอบกับมีหลาย ๆ รูปแบบในการให้บริกนอกจากประโยชน์ที่เกิดขึ้นแล้วยังจะพบการตั้ง คำ ถามกับ Fintech ในลักษณะการ Disruption ระบบการเงินแบบดั้งเดิมด้วย โดยกลุ่มที่มองว่าอาจได้รับผลกระทบจากFintech มีอยู่ 2 กลุ่ม คือ 5.1 ธนาคารหรือสถาบันการเงินด้วยความเป็นเจ้าเก่าที่ครองอำ นาจทางการเงินมาโดย ตลอด ทำ ให้เมื่อ Fintech กำ เนิดขึ้นมา โดยมีลักษณะที่คล้ายกับการให้บริการของทาง ธนาคาร จึงมีการตั้งคำ ถามว่าธนาคารจะอยู่ได้หรือไม่หากมี การนิยมใช้ Fintech กันมากขึ้น จากข้างต้นพบว่า แม้ Fintech มีหลายประเภทเพื่อตอบสนองความต้องการในการบริหาร จัดการ การเงิน แต่ไม่ได้มีแหล่งใดรับฝากเงินเหมือนที่ธนาคารทำ การได้รับเงินสดจาก เทคโนโลยีทางการเงินนั้นเป็นไปได้ยาก 5.ผลกระทบของ Fintech
5.2 ห้างสรรพสินค้า เมื่อมีการซื้อขายออนไลน์แบบครบขั้นตอนในแพลตฟอร์มเกิดขึ้นด้วยความช่วยเหลือจาก Fintech การซื้อขายสินค้าที่ต้องเดินทางออกไปเพื่อค้นหา จึงมีความจำ เป็นลดลง รวมถึงขณะนี้ ประเทศไทยมีอัตรา การใช้จ่ายออนไลน์สูงที่สุดในเอเชีย ห้างสรรพสินค้าจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ อาจได้รับผลกระทบ แต่พฤติกรรม ของผู้บริโภคที่ชอบซื้อขอที่ได้สัมผัสด้วยมือ มองเห็นด้วย ตา รวมถึงต้องการที่นั่งเล่น พบเจอกับเพื่อนก็ยังมีอยู่เช่นกัน 5.3 การลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีฟินเทคในยุคดิจิทัลนี้ช่วยเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยมีโอกาสการ ลงทุนได้ง่ายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นนักลงทุนที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเงินใด ๆ เลยยังมีโอกาสเข้า สู่โลกทางการเงินนี้ได้ด้วยแอปพลิเคชั่นบนมือถือเพียงเครื่องเดียวเท่านั้น เช่น แอปพลิเคชั่น ตลาดหุ้น ข้อดีของการลงทุนผ่านโทรศัพท์มือถือนี้คือใช้งานง่าย แม้แต่มือใหม่ก็สามารถเรียนรู้ วิธีการใช้งานได้อย่างรวดเร็วเพราะในแอปพลิเคชั่นได้ออกแบบด้วยฟีเจอร์การใช้งานแบบง่าย เทรดออนไลน์
เทคโนโลยีทางการเงิน (Financial Technology) หรือฟินเทค(Fintech) เป็นหนึ่งใน ทิศทางการพัฒนา ระบบการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความสำ คัญ โดยมุ่งให้เกิด การนำ เทคโนโลยีมาสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินที่หลากหลาย รวมถึงผลักดันให้เกิดระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เอื้อต่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการ พัฒนาบริการทางการเงินอย่างเป็นรูปธรรมในหลายมิติ เพื่อให้สามารถตอบสนอง ความ ต้องการของผู้ใช้บริการได้ดีขึ้น เพิ่ม ความสะดวก รวดเร็ว ค่าใช้จ่ายถูกลง ขณะที่มีความมั่นคงปลอดภัยและมีการบริหารความ เสี่ยงที่เหมาะสม โดยมีการดำ เนินการในหลายด้านได้เเก่ 6.1 การสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมทางการเงินผ่านกลไก Regulatory Sandbox ที่เอื้อให้ผู้ให้บริการทางการเงินทั้งสถาบันการเงินและที่ไม่ใช่ สถาบันการเงิน สามารถพัฒนาบริการด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และให้บริการได้รวดเร็วขึ้น โดยเริ่มจากการทดสอบการมห้บริการในขอบเขตจำ กัด เพื่อให้สามารถ ควบคุมความเสี่ยง ได้ และมีการติดตามประเมินผลจากธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างใกล้ชิดก่อนนำ ออก ให้ บริการในวงกว้าง 6. บทบาทของ FinTech กับระบบการเงินของไทยในอนาคต
6.2 การส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนานวัตกรรมทาง การเงิน โดยเฉพาะที่มีลักษณะเป็นโครงสร้าง ที่กรุงเทพมหานคร พื้นฐาน รองรับการพัฒนาต่อยอดบริการในอนาคตได้อย่างรวดเร็ว ที่ สำ คัญ ได้แก่ 6.2.1 การจัดตั้ง Thailand Blockchain Community Initiativeซึ่งเป็นความร่วมมือของภาคการเงินและภาคธุรกิจ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) และส่งเสริมการนำ บล็อกเชน (Blockchain) มาพัฒนาบริการทางการเงินที่ หลากหลาย และส่งเสริมให้เกิดการร่วมกัน ใช้งานในวงกว้างทั้งในภาคการเงินภาคธุรกิจและ ภาครัฐ 6.2.2 การพัฒนา National Digital Identity (NDID) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำ หรับ การพิสูจน์ และยืนยันตัวตนในรูปแบบดิจิทัล โดยใช้หลักการตรวจสอบยืนยันข้อมูลกับหน่วย งานที่เชื่อถือได้ หรือผู้ให้บริการที่เคยรู้จักตัวตนของผู้ขอใช้บริการรายนั้นแล้วผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่ปลอดภัยซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถทำ ธุรกรรมทางการเงิน เช่น การเปิดบัญชีเงินฝาก การสมัครใช้บริการ การยื่นขอสินเชื่อ ฯลฯ ได้สะดวก มากขึ้น โดยไม่ต้องยื่นเอกสารหลักฐานทั้งหมดให้แก่ผู้ให้บริการรายใหม่ทุกครั้งที่ต้องการใช้ บริการ
6.2.3 การพัฒนาและส่งเสริมการใช้มาตรฐาน QR Code เพื่อการชำ ระเงินที่ช่วยเพิ่มทางเลือกในการชำ ระเงินให้สามารถทำ ได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้นผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Payment) ซึ่งมีการใช้งานอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ รองรับการชำ ระเงินได้หลากหลายทั้ง บัญชีเงินฝากธนาคาร บัตรเครดิต บัตรเดบิตและเงินอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยมห้ร้านค้าขนาดกลาง และเล็กมีช่องทางรับชำ ระเงินที่สะดวกต้นทุนต่ำ สนับสนุนการเข้าถึงบริการทางดิจิทัสในไทย ให้แพร่หลายมากขึ้นโดยมีร้านค้าที่ติดตั้ง QR Code แล้วกว่า 3 ล้านร้านค้าและยังเปิดโอกาส ในการต่อยอดการพัฒนาบริการชำ ระเงินระหว่างประเทศด้วยต้นทุนต่ำ 6.2.4 การพัฒนาระบบต้นแบบของการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) หรือ Distributed Ledger Technology (DLT) ในระบบการเงินเพื่อสร้าง ระบบนิเวศให้ผู้เกี่ยวข้องได้เรียนรู้เทคโนโลยีนี้ ในเชิงลึกและประเมินความเหมาะสมในการนำ ไปใช้จริงต่อไป ได้แก่ โครงการอินทนนท์ที่ทดสอบใช้ บล็อกเชน (Blockchain) ในการโอนเงินระหว่างสถาบันการเงิน และโครงการ DLT Scripless Bond ที่นำ เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาทดสอบใช้ในการจำ หน่ายพันธบัตรเพื่อช่วย ลดความซับซ้อน ลดขั้นตอนและเวลาการทำ งานของผู้ที่เกี่ยวข้อง
6.3 การส่งเสริมองค์ความรู้ด้าน Fintech แก่ผู้เกี่ยวข้อง สถาบันการเงินหน่วยงานภาครัฐและ 63 ภาคธุรกิจ ผ่านกิจกรรมต่าง ๆเช่น Bangkok Fintech Fair เพื่อส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินและ เผยแพร่ความรู้ด้าน Fintech ผ่านการสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของวิทยากร ผู้มีประสบการณ์สูงจากทั้งในประเทศ และต่างประเทศและการจัดแสดงนวัตกรรม ทางการเงิน การจัดงานBlockchain the Series @ BOT เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับการ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ในบริการทางการเงินและงาน Journey of Biometrics in Financial Services เพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนแนวคิดและมุมมองในการ ใช้เทคโนโลยีBiometrics เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในบริการทางการเงินและ การชำ ระเงินการส่งเสริมและพัฒนา Fintech ตามข้างต้น ธนาคารแห่งประเทศไทยมุ่งหวังให้ ภาคการเงินไทยก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและใช้โอกาสจากความก้าวหน้าของ เทคโนโลยี ในการยกระดับบริการ ทางการเงินและการชำ ระเงินที่มีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ และเป็นส่วนสำ คัญ ในการสนับสนุนการใช้ชีวิตประจำ วันของประชาชน และการดำ เนินงาน ของภาคธุรกิจและภาครัฐ ช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของไทยในยุคดิจิทัล
ปี ค.ศ. 2019 กับอนาคตของ Fintech จะยังคงครองโลกธุรกิจการเงินต่อไปในปีหน้าอย่าง แน่นอน แต่จากนี้จะได้พบการเปลี่ยนแปลง ที่จะปฏิวัติกระบวนการความรู้ทางการเงิน และ การบริการอย่างเข้มข้นขึ้น ซึ่งทิศทาง Fintechในปี ค.ศ. 2019 จะไปในทิศทางแห่งอนาคต ดังนี้ 1) Al Call Center วิวัฒนาการ AI ที่ใช้เสียงผู้ช่วยมาแล้วจาก Google Application หรือเสียงผู้ช่วยในการอ่าน หนังสือ ต่อไปนี้จะได้เห็นวิวัฒนาการ AI เสียงผู้ช่วยในระบบ Call Center ของธนาคาร เพื่อ ให้การโทรศัพท์ติดต่อธนาคารง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างธนาคารที่เริ่มใช้ระบบนี้ แล้วคือ OCBC ที่ ร่วมมือกับ Google เปิดตัว A. Powered VoiceBan king ในสิงคโปร์ เทคโนโลยีนี้จะให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในการคำ นวณดอกเบี้ยเงินกู้ การวางแผนการลงทุนใน อนาคตและค้นหาสาขาธนาคารหรือตู้เอทีเอ็ม แบบเรียลไทม์ ได้รับคำ ตอบที่ถูกต้อง และยัง ช่วยในการ ตรวจจับการทุจริตได้ด้วย
2) ธนาคารดิจิทัล ในอนาคตจะได้พบธนาคารทางเลือกบนโลกออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์เเละแอปพลิเคชันมากขึ้นในปีหน้า จากสถิติพบว่าประชากรโลกมีสมาร์ตโฟน 65% (ข้อมูลจาก adobomagazine) และมีแนวโน้ม เพิ่มขึ้น ทำ ให้ลูกค้าสามารถใช้งานแอปพลิเคชั้นธนาคารผ่านมือถือได้ทุกที่ ทั้ง ที่ทำ งานหรือระหว่างเดินทางธนาคารดิจิทัลจะมีการปรับและเพิ่มฟั งก์ชั่นในแอปพลิเคชันทุก 2-3 เดือน เพื่อให้เหมาะกับการใช้งาน มากที่สุด และยังทำ ธุรกรรมได้หลายประเภท ตัวอย่าง บัตรอิเล็กทรอนิกส์ (Revolut) ธนาคาร ดิจิทัลที่ให้บริการแอปทางการเงินที่สามารถแลกสกุลเงินจริงและเงิน Cryptoได้ด้วย ผู้ใช้งาน ควบคุมการเงิน ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสผ่านแอปพลิเคชัน 3) Biometric ความท้าทายหนึ่งของ Fintech คือ การรับมือกับการถูกโจมตีในโลกของไซเบอร์และเรื่อง ความปลอดภัย ภาคการเงินจึงให้ความสำ คัญกับเรื่องนี้เป็นลำ ดับต้น ๆ เทคโนโลยี Biometic จึงถูก นำ มาใช้เพื่อลดการฉ้อโกงนอกจากนี้ การใช้ Biometric เพื่อพิสูจน์ตัวตนยังทำ ได้ รวดเร็ว และไม่ต้องจำ รหัสผ่านให้ยุ่งยากอีกต่อไป การตรวจสอบข้อมูล Biometric เช่น การ จดจำ เสียง ใบหน้า หรือลายนิ้วมือ จากนี้ไปจะได้เห็นการทำ ธุรกรรมทางการเงินด้วย Biometic มากขึ้น ตัวอย่างเช่น การสแกนนิ้วมือ ถอนเงินสดหรือ
ทำ ธุรกรรมอื่น ๆ จากตู้เอทีเอ็ม ปัจจุบันในประเทศญี่ปุ่นมเครื่องเอทีเอ็มที่เปิดใช้งาน Biometric มากกว่า 80,000 เครื่อง ในเร็ว ๆ นี้จะมีในประเทศจีนบราซิล และอินเดีย หลาย ธนาคาร ได้มีการลงทุนในการใช้ระบบ Biometricโดยใช้กล้องจากเครื่องสมาร์ตโฟนเพื่ อ สแกนแล้ว เช่น Lloyds BankingGroup plc ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับไมโครซอฟท์ เพื่อให้ บริการล็อกอินด้วยลายนิ้วมือและใบหน้า ฯลฯ 4) Cloud และ Quantum Computingระบบ Cloud และ Quantum Computing จะ เปรียบเหมือนผู้ช่วยใหม่ของสถาบันการเงิน ระบบ Cloud จะทำ ให้ธนาคารพัฒนา ปรับปรุง แอปพลิเคชัน ตลอดจนการให้บริการออนไลน์ได้รวดเร็วขึ้น ระบบ Cloud จะมาช่วยในการ จัดเก็บข้อมูลที่ซับซ้อนและเพิ่มมากขึ้นของธนาคาร ขณะที่Quantum Computing ก็จะมา เพิ่มความเร็วในการนำ ส่งข้อมูลไปถึงมือลูกค้า การใช้เทคโนโลยี Quantum Computing ของ IBM กับธนาคารBarclays คือ ตัวอย่างการเริ่มต้นทดลองใช้ จนหลาย ๆ สถาบันการ เงินเริ่มหันมา ศึกษาระบบนี้กันบ้างแล้วแนวโน้ม Fintech ในปี ค.ศ. 2019 จะทำ ให้ภาคการ เงินมีประสิทธิภาพเเละสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ลดความผิดพลาดลง
หัวใจของการสร้างสินค้าหรือบริการใน Fintech ให้ประสบความสำ เร็จ มีดังนี้ 7.1 แก้ปัญหาได้ตรงจุด สิ่งที่ต้องคำ นึงถึง คือ ต้องทราบว่าลูกค้ามีปัญหาอะไรแล้วเสนอวิธีการแก้ขอย่างสร้างสรรค์ จะสามารถใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยสร้างพฤติกรรมการใช้บริการใหม่ ๆ ให้ผู้บริโภค ได้ โดยดูจาก ตัวอย่างความ เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เช่น ตัดปัญหาเวลาทำ การของธนาคารด้วยการทำ ธุรกรรม บนธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ หรือลดเวลาการเดินทางไปห้างสรรพสินค้าด้วยการซื้อของ ออนไลน์การเดินทางหรือการใช้บริการต่าง ๆ ที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ลูกค้าจึงมองหาบริ การที่ใช้ งานได้ง่าย และให้ประสบการณ์ที่ดีระหว่างการใช้งานไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเว็บ ไซที่เรียบง่าย เข้าถึงได้ทั้งจากเดสก์ทอปและโทรศัพท์เคลื่อนที่ ความสะดวกรวดเร็วในการติดตั้งแอปพลิเคซัน การใช้งานผ่าน User Interface ที่เข้าใจง่าย สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าในช่วงอายุใด ๆ ก็ตาม 7. ผลสำ เร็จของธุรกรรมการเงินดิจิทัล (Fintech)
7.3 มีความปลอดภัย เนื่องจาก Fintech เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางด้านการเงินไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ความ ปลอดภัย ในการใช้บริการย่อมเป็นปัจจัยพื้นฐานสำ คัญที่ระบบจะต้องมี ทั้งในด้านการรักษา ข้อมูลของลูกค้า รวมไปถึงความปลอดภัย 7.4 ลูกค้าเข้าถึงการบริการได้ง่าย ความสะดวกในการเข้าถึงการบริการถือเป็นสิ่งสำ คัญอย่างหนึ่ง ตัวอย่างที่เห็นชัดในปัจจุบันนี้ เช่น การสร้าง Mobile Application เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้ าถึงบริการได้ ง่าย และ สามารถเข้าใช้งานจากที่ใดก็ได้เปรียบเสมือนจับเอาบริการหน้าร้านใส่ในมือของลูกค้า ซึ่งทุก วันนี้ ใคร ๆ ก็ใช้สมาร์ตโฟน ดังนั้น การสร้าง Mobile Application จึงเป็นอีกหนึ่งบริการ 7.5 ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น หากกลุ่มลูกค้าเป็นนักวิเคราะห์ ชอบอ่านตัวเลข ตีเส้นราคาหุ้น และวิเคราะห์ ข้อมูลในเชิงลึก การใช้บริการผ่านเว็บไซต์หรือโปรแกรมบนเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ดูจะเป็นสิ่งที่ เหมาะสม เนื่องจากการใช้งานบนแท็บเล็ตหรือโทรศัพท์เคลื่อนที่อาจมีข้อจำ กัดในหลาย ๆ ด้าน แต่หากเป็นบริการง่าย ๆ เช่น การชำ ระเงิน โอนเงิน หรือธุรกรรมอื่น ๆ ที่ต้องใช้ในชีวิต ประจำ วัน การทำ ธุรกรรมเหล่านี้บนมือถือจะให้ ความสะดวกกับผู้ใช้งานมากกว่า
7.6 มีระบบรองรับที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการบริการด้านใดก็ตาม ระบบจะต้องมีความสามารถในการนำ เสนอข้อมูลอย่าง ถูกต้อง รวดเร็ว และสามารถรองรับการใช้งานของลูกค้าจำ นวนมากได้อย่างเหมาะสม จะ ต้องมั่นใจว่าระบบ ยังสามารถให้บริการลูกค้าได้ แม้จะมีจำ นวนลูกค้าหลาย ๆ คนเข้าใช้งาน พร้อม ๆ กันก็ตาม อีกทั้งควรมี แผนสำ รองในกรณีระบบหลักเกิดมีปัญหา 7.7 ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว การบริการที่ดีควรปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ เพื่อรักษากลุ่มลูกค้านอกจากการนำ ผลตอบ รับ มาพัฒนาและปรับปรุงบริการแล้ว การเห็นปัญหาเเละความต้องการในอนาคต ก็จะทำ ให้ บริการทันสมัย อยู่เสมอ ความสำ เร็จของ Fintech อาจจะวัดได้จากหลายด้าน แต่สิ่งที่สำ คัญที่สุด คือ การมุ่งที่จะแก้ ปัญหาให้ กับลูกค้า สามารถให้คำ ปรึกษาในระยะยาวให้กับลูกค้าได้ โดยที่ลูกค้าไม่เลิกหรือ เปลี่ยนไปใช้บริการแห่งอื่น และใน ขณะเดียวกันก็สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น
10 Fintech Startup ที่มีมูลค่าการระดมทุนมากที่สุดในประเทศไทย มีดังนี้ 8.1 Omise มีมูลค่าการระดมทุนทั้งหมด 45 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทาง Omiseพัฒนาและ ดำ เนินการโซลู ชั้นที่รับชำ ระเงินออนไลน์และออฟไลน์ มีค่าธรรมเนียมราคาถูก และยังให้การยอมรับการชำ ระเงินผ่าน เครือข่ายSocial media ได้ ทั้งนี้ทาง Omise ยังระดมทุนอีก 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐจาก ICO เพื่อนำ มาพัฒนา Omise Go ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการชำ ระเงินที่จะ Disrupt ระบบธนาคารในปัจจุบัน 8.2 2C2P มีมูลค่าการระดมทุนทั้งหมด 18 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทาง 2C2P คือ ผู้ให้บริการ โซลูชั่น การชำ ระเงินที่ส่วนใหญ่ช่วยให้ร้านค้า ECommerce รับชำ ระเงินออนไลน์ได้สะดวก โดย 2C2P ทำ หน้าที่ ในฐานะผู้ให้ บริการการชำ ระเงินที่เหมาะสำ หรับความต้องการของชาวเอเชีย 8. Fintech Startup
8.3 Rabbit Internet (Rabbit Finance) มีมูลค่าการระดมทุนทั้งหมด 9.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทาง Rabbitเป็นบริษัทที่อยู่หลังบ้านของ Rabbit Finance เป็นหนึ่งใน Thailand'sPremier Comparison Portals สำ หรับประกันภัย และผลิตภัณฑ์มีมูลค่าการระดมทุนทั้งหมด 6.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่ง Jjitta เป็นโซลูชันการ ลงทุนที่มีจุดประสงค์ เพื่อลดความซับซ้อนของการวิเคราะห์ทางการเงินสำ หรับนักลงทุน โดย แพลตฟอร์มการวิเคราะห์หุ้นของ Jittaจะแนะนำ การลงทุน เพื่อช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้ดีขึ้น 8.5 T2P Deep Pocket มีมูลค่าการระดมทุนทั้งหมด 4.1 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย T2PDeep Pocket เป็นผู้ให้บริการ EWallet ในประเทศไทย 8.6 Finnomena มีมูลค่าการระดมทุนทั้งหมด 3.2 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย Finnomena เป็นผู้ให้ข้อมูลและ คำ แนะนำ การลงทุนโดยให้ใช้ Robo-Advisory ในการให้คำ แนะนำ Finnomena ก่อตั้งขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนของประเทศไทย และมีเป้าหมายในการให้ความรูสำ หรับการลงทุนและการวางแผนการเงินแบบส่วนบุคคล
8.7 Claim Di มีมูลค่าการระดมทุนทั้งหมด 2 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแอปพลิเคชัน Claim Di สร้างมาเพื่อ ความสะดวกในด้านการเรียกร้องค่าเสียหายระหว่างผู้ขับขี่และบริษัทประกันภัยเมื่อเกิด อุบัติเหตุทางรถยนต์ผู้ขับขี่จะสามารถสื่อสารกับบริษัทประกันของพวกเขาได้สะดวก และยัง ส่งการเรียกร้องได้แบบ Real Time ผ่านภาพถ่ายและภาพวิดีโอ 8.8 Bitkub มีมูลค่าการระดมทุนทั้งหมด 2 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่ง Bitkub เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลและ แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน Cryptocurrency มีบล็อกเชน (Blockchain) และCryptocurrency เป็นธุรกิจหลักมีCryptocurrency หลายสกุลให้แลกเปลี่ยน
8.9 Money Table มีมูลค่าการระดมทุนทั้งหมด 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่ง Money Table เป็น แพลตฟอร์มที่ต้องการลดความซับซ้อนของพนักงานบริษัทที่ต้องการสำ รวจทางเลือก ทางการเงินแบบส่วนบุคคล โดยใช้ข้อมูลขนาดใหญ่และอัลกอริทึมการเรียนรู้ของ เครื่องเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลคะแนนเครดิตของผู้สมัครใช้ประโยชน์บนเครือข่ายบล็อก เชน (Blockchain)และเครือข่าย Decentralized Data เพื่อปกป้องข้อมูล 8.10 FlowAccount มีมูลค่าการระดมทุนทั้งหมด 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่ง FlowAccount เป็น ซอฟต์แวร์ทำ บัญชีบนเว็บไซต์ โดยให้บริการบัญชีในขั้นตอนต่าง ๆ เช่น การออกใบ แจ้งหนี้ การติดตามค่าใช้จ่ายเงินเดือน และการทำ รายงาน ในช่วงเวลาไม่กี่ปี Fintech Ecosystemของประเทศไทยมีการพัฒนามากขึ้นและมีธุรกิจ Fintech ใหม่ปรากฎขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกปี และบางบริษัทมีมูลค่าการระดมทุนใน อุตสาหกรรมFintech ที่น่าสนใจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรม Fintech จะเป็น ส่วนหนึ่งในการผลักดันภาคเศรษฐกิจ
ข้อดี-ข้อเสีย ของFintech ข้อดีของ Fintech คือ ช่วยประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่าย ทำ ให้เราเข้าถึงบริการทางการ เงินได้ดียิ่งขึ้น ไม่ต้องรอคิวนาน อีกทั้ง Fintech ยังช่วยเปิดโอกาสให้คนทั่วไปที่มีราย ได้ต่ำ เข้าถึงบริการสินเชื่อต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ทั้งจากสถาบันทางการเงิน รวมไปถึงเหล่า ธุรกิจ Non-bank ที่ออกผลิตภัณฑ์มาเพื่อจูงใจให้สมัคร จึงเป็นข้อดีของ Fintech ข้อเสียของ Fintech คือ ความไม่เสถียรของระบบ ยังพบถึงปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะ ปัญหา ระบบขัดข้อง มีผู้ใช้บริการเป็นจำ นวนมาก ส่งผลให้ไม่สามารถโอนเงิน หรือทำ ธุรกรรมอื่น ๆ ได้ เป็นต้น
สรุป Fintech (Financial Technology) คือ กลุ่มธุรกิจที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ามา ทำ ให้การบริการที่เกี่ยวข้องกับการเงินและการลงทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การทำ ธุรกรรมรับ-จ่าย-โอนเงินออนไลน์ของธนาคารหรือการวิเคราะห์ข้อมูลหุ้นเพื่อช่วยการตัดสิน ใจของนัก ลงทุน โดยบริการเหล่านี้มักจะอยู่ในรูปแบบของบริการออนไลน์ ซึ่งส่งผลดีต่อผู้บริโภคโดย เข้าถึงบริการ และมีตัวเลือกบริการทางการเงินที่หลากหลายยิ่งขึ้น Fintech จะมีหลายรูปแบบด้วยกันคือ Banking Technology, Lending Technology, Cryptocurrency, Payment Technology, Application Programing Interface, Regulation Technology, Insurance Technology/ Insurtech
ที่มาของข้อมูล มาจากเว็บไซต์ออนไลน์ https://www.gsbresearch.or.th/wpcontent/uploads/2016/07/3IN_hotissue_fintech_detail.pdf https://www.peerpower.co.th/blog/fintech-technology https://www.refinn.com/blog/fintech https://www.peerpower.co.th/blog/crowdfunding-opportunity
จัดทำ โดย นางสาวนิรุชา อินทร์แตง เลขที่ 10 นางสาววีรประภา เล็กเปีย เลขที่ 20 นางสาวสุดารัตน์ พลชัย เลขที่ 23 ชั้น ปวส.1/1 การบัญชี