เสนอ ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมสิ่งประดิษฐ์ ครูสุภัทรกุล มั่นหมาย นายอนันสิทธิ์ ชูแกัว ม.6/6 เลขที่24 ผ้าไหม จากภูมิปัญาท้องถิ่นเมืองสุรินทร์
คำ นำ "ผ้าไหมไทย" เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ที่มีจุดประสงค์เพื่อให้คณะผู้จัดทำ ได้มีการสร้างองค์ ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาไทย โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์อย่างเป็นระบบถูกต้อง และการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ปัญญาไทยและวัฒนธรรมไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชางาน ประดิษฐ์(ง33102) ทั้งนี้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นี้มีเนื้อหาความรู้เกี่ยวกับผ้าไหมไทย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต ความรู้และความสามารถของคนไทย อันเกิดจากการสั่งสมสติปัญญาความรู้ที่หลากหลาย จนกลายปันภูมิปัญญา และวัฒนธรรมที่สืบทอดรุ่นสู่รุ่น คณะผู้จัดทำ หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะให้ความรู้และประสบการณ์แก่ผู้อ่าน เพื่อเป็นประโยชน์ในการอนุรักษ์สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นเรื่องผ้าไหมไทยและหากมี ข้อผิดพลาดประการใดคณะผู้จัดทำ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย นายอนันสิทธิ์ ชูแก้ว ผู้จัดทำ 1
สารบัญ เรื่อง หน้า คำ นำ 1 ประวัติความเป็นมา 2-3-4 สถานที่ทำ ผ้าไหม 5-6 วัสดุอุปกรณ์ในการทอผ้า 7 วิธีการทอผ้าไหม 8-9-10-11-12 ลายผ้าทอไหมพื้นเมืองสุรินทร์ 13-14 ผลิตภัณฑ์์จากผ้าทอไหมพื้นเมืองสุรินทร์ 15-16 ประโยชน์ของผ้าไหมผ้า 17 ลักษณะเด่นของผ้าไหม 18 สรุป อ้างอิง 19 20
ประวัติความเป็นมา "ผ้าทอเมืองสุรินทร์" นับเป็นงานหัตถกรรมที่งดงามและสืบทอดมาหลายชั่วอายุ คน การทอผ้ามีอยู่ทั้งในวัฒนธรรมไทยและเขมรนับเนื่องกว่าศตวรรษ เสื้อผ้าไม่ใช่ เพียงเครื่องนุ่งห่ม แต่แสดงสถานภาพทางสังคม ด้วยลวดลาย วัสดุที่ใช้ในการถัก ผ้าไหมทอมือเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนหลายแห่งในสุรินทร์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับ พิธีกรรมและเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น ในหลายขั้นตอนของการผลิตนั้นเกิดในครัว เรือน แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายผ้าทอ จึงเรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมของการผลิต ในครัวเรือนกับการแบ่งงานกันทำ บางครัวเรือนเน้นการปลูกหม่อนและเลี้ยงไหม และผลิตเป็นเส้นไหม อีกครอบครัวจะซื้อเส้นไหมดังกล่าวมามัดย้อมหรือที่เรียกว่า "มัดหมี่" จากนั้น จะขายไหมที่พร้อมสำ หรับการทอให้กับอีกครอบครัวหนึ่ง 2
จากประเทศญี่ปุ่น แต่การดำ เนินงานของโครงการก็ทำ ได้เพียงระยะหนึ่งอันต้องหยุดไป เนื่องจาก เกษตรกร ไทยยังคงทำ ในลักษณะแบบเดิมเพราะความเคยชิน ไม่ตอบรับต่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่แบบใหม่ที่ได้รับ การพัฒนาขึ้นจากความช่วยเหลือของญี่ปุ่น หลังสงครามโลกครั้งที่สองได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำ คัญของผ้าไหมไทยขึ้น โดย เจมส์ แฮร์รสัน ทอมปั สัน ชาวสหรัฐอเมริกาที่คนไทยรู้จักในนามว่า จิม ทอมป์สัน ซึ่งเป็นผู้ให้ความสนใจผลงานด้าน คิลปะ ใน แถบภาคตะวันออกเฉียงเห็นอีกของไทยรวมทั้งลาว และเขมร จิม ทอมปัสัน ได้ซื้อผ้าไหมไทย ลวดลายต่างๆ เก็บสะสมไว้ และทำ การศึกษาลวดลายผ้าไหมในหมู่บ้านเป็นแหล่งการผลิตผ้าไหม พร้อมกับสะสมแสวงหา ช่างทอผ้าไหมเพิ่มอีก ในที่สุดได้พบช่างมีฝีมือถูกใจที่กรุงเทพมหานคร บริเวณชุมชนบ้านครัว (หลังโรงแรม เอเชีย เขตราชเทว ในบัจจุบัน) ชมุชนแห่งเดิมเป็นชาวมุสลิมเชื้อสายเขมรอพยพ เข้ามาอาศัยอยู่ตั้งแต่ตอน ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีความชำ นาญในการทอผ้าไหม ซึ่ง จิม ทอมป์สัน ได้เข้ามาสนับสนนุให้ชาวบ้าน ใน ชุมชนทอผ้าไหม สามารถสร้างรายให้ชาวบ้านมากขึ้น หลังจากนั้นได้มีการปรับปรุงผ้าไหมไทยโดยใช้หลัก การตลาด การผลิต เพื่อขยายตลาดและทำ การบุกเบกของไทยไปสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะ สหรัฐอเมริกา และแพร่เข้าวงการภาพยนตร์ ของภาคตะวันตก และ ละครบรอดเวย์ ในปี พ.ศ. 2502 นัก ออกแบบชาวฝรั่งเศสได้ใช้ผ้าไหมไทยทำ การออกแบบและตัดเย็บฉลองพระองค์ของ สมเด็จพระนางเจ้าริกิติ พระบรมราชินีนาถ ครั้งเสด็จเยือนประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ถือได้ว่าเป็นการเปิดโอกาสผ้าไหมของไทยสู่ตลาดต่างประเทศ 3
ผ้าไหมทอมือในสุรินทร์มีเอกลักษณ์คือสีแดงที่มาจากครั่ง ในภาษาเขมรเรียกว่า "เลียก" ครั่งเป็นแมลงประเภทหนึ่งที่ขับสารมีลักษณะเป็นเหมือนยางหรือชันออก มาไว้ป้องกันตัวเองจากศัตรู สารนี้เรียกว่า "ครั่งดิบ" มีสีแดงม่วง ลักษณะคล้ายขี้ผึ้ง สีเหลืองแก่ หรือยางสีส้ม ความเชื่อและข้อห้ามจำ นวนไม่น้อยเกี่ยวข้องกับครั่งและกระบวนการย้อมสี ใน ภาษาเขมร "เลียก" หมายถึง "หลบซ่อน" ในช่วงพิธีขึ้นบ้านใหม่ ชุมชนเชื้อสาย เขมรสุรินทร์ใช้ครั่งเป็นส่วนประกอบพิธี เพื่อป้องกันบ้านจากยันตราย ครังขึ้นเล็ก จำ าที่เพบไปว้นบอน จะเก็บไว้ในตู้หรือลิ้นชัก ด้วยความเชื่อที่ว่าครั่งจะบังตาไมให้ขโมยเห็นสิ่งของมี 4
บ้านท่าสว่าง ตั้งอยู่ในอำ เภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิง หัตถกรรมผ้าไหมแห่งเดียวของประเทศ เป็นหมู่บ้านที่มีฝีมือในการทอผ้าไหม โบราณที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสุรินทร์ ด้วยเทคนิคการทอผ้ายกทองแบบ โบราณผสานกับลวดลายที่วิจิตรงดงามโดยการทอผ้าแต่ละผืนต้องใช้คนทอเป็น จำ นวนมากและใช้เวลาในการทอนานหลายเดือน มีลวดลายที่ละเอียดสวยงามเป็น เอกลักษณ์ เนื้อละเอียดนุ่มแน่นชนิดจับต้องได้ จนได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ทอผ้า ไหมยกทองโบราณเพื่อมอบให้กับผู้นำ เอเปค เมื่อปี พ.ศ.2546 จนกลายเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวด้านหัตกรรมที่สำ คัญของจังหวัดสุรินทร์ 5 สถานที่ทำ ผ้าไหม
ผ้าไหมบ้านท่าสว่าง มีจุดเด่นพิเศษกว่าที่อื่น คือ "ไหมน้อย" ที่ละเอียดนุ่มนวล สาวและทอได้ยากยิ่ง จนเริ่มจะเลือนหายไป แทบไม่มีใครทราบว่าช่างที่นี่ท่อไหม น้อยได้จนกระทั่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระ ราชปรารภว่า "สมัยก่อนผ้าไหมไทยมีความนุ่ม เนียน แน่น มาก ทำ อย่างไรจึงจะ ได้ผ้าชนิดนั้นคืนกลับมา" เหล่าข้าราชบริพารก็ออกเสาะหา จนได้พบผ้าทอไหม น้อยที่ท่าสว่าง เมื่อทอขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเป็นที่พอพระทัย จึงพระราชทานเงินส่วน พระองค์ สร้างโรงทอผ้าตามรูปแบบราชสำ นักโบราณขึ้นที่บ้านท่าสว่างแห่งนี้ เมื่อ เข้ามาภายในหมู่ข้าน จะพบกับร้านขายผ้าไหม เรียงรายกันตามเส้นทางถนนหลาย ร้าน ทั้งในรูปแบบของผ้าถุง เสื้อ กระเป๋า กางเกง ราคาเริ่มที่หลักพันจนถึงหลักหมื่น 6
- หูก - ฟิม ( เครื่องมือใช้ในการทอ ) - กง ( ใช้ในการกวักด้าย ) - หลักตีนกง ( ไม้ที่ใช้ยึดทั้งสองข้างในการกวักด้าย ) - หลา - กระสวย - กี - เขายาว ( ไม้เก็บลายขิด - หลอดใส่ด้าย - ไม้ค้ำ พื้น ( ไม้พับผ้าที่ทอเสร็จแล้ว ) 7 วัสดุอุปกรณ์ในการทอผ้า
8 วิธีการทอผ้าทอไหม 1. การฉลุกระดาษลายมัดหมี่ หลังจากเลือกลายที่จะนำ มาเป็นแบบในการมัดหมี่ได้แล้ว ให้ตั้งค่า หน้า กระดาษเท่าผ้าที่จะทอจริง แล้วปรับขนาดลายให้เต็มหน้ากระดาษ จากนั้นก็สั่งพิมพ์ ออกมาเป็นลายบนกระดาษ สมมติว่าลายข้างล่างนี้เป็น ลายที่พิมพ์ออกมาแล้ว ให้นำ กระดาษมาเจาะตัดส่วนที่เป็นลายออก ก็จะได้ ลายที่สามารถนำ ไปเป็นแบบในการมัด หมี่ได้เลย
9 2. วิธีการลอกลายมัดหมี่ นำ ลายที่ฉลุออกแล้ว วางช้อนทับหัวหมี่ที่เตรียมไว้ เลือกตำ แหน่งที่พอดี และ สวยงามแล้วใช้ดินสอเขียนจุดช้าย - ขวา ที่ลำ หมี่ตามรอยฉลุให้เป็น ข้อ ๆ ไว้เพื่อที่จะ มัดตาม (ดังรูป) 3. วิธีการมัดหมี่ หลังจากลอกลายตามรอยฉลุแล้ว ใช้เชือกฟางมามัดให้แน่นเพื่อ ป้องกันสีซึม เข้าในข้อหมี่ หลังจากมัดเสร็จก็จะได้ลาย ที่พิมพ์มาจากคอมพิวเตอร์ทันที
10 4. การมัดโอบหมื่ การมัดโอบคือ การมัดหมี่ครั้งที่สองเพื่อเก็บสีลายจากการมัดครั้งที่หนึ่งไว้ หลังจาก การมัดโอบเสร็จแล้วนำ หัวหมี่มาย้อมเป็นครั้งที่ 2 เพื่อจะให้หมี่เป็นลายอีก สีหนึ่งขั้น ตอนการย้อมโอบ จะทำ อยู่หลายครั้งเมื่อต้องการลวดลายหลากหลายสี ขึ้น อยู่กับ ลายที่จะนำ มามัดหรือสีสันที่ต้องการ 5. การย้อมสี ขั้นตอนการย้อมสี 1. การย้อมสีธรรมชาติ 1.1 การย้อมเครือหูกให้ต้มน้ำ สีที่สกัดจากธรรมชาติประมาณ 5 ลิตรตาม ต้องการและนำ เครือไหมลง ย้อมในหม้อ ส่วนการย้อมปอยเพื่อกรอเป็นหลอดไว้ทอ ผ้า ถ้าจะให้เกิดสีมีเงาสวยงามควรเลือกคนละ สีจากเครือหูก 1.2 ค่อย ๆ เร่งความร้อนขึ้นจนเดือด หมั่นพลิกไหมกลับไปกลับมาเพื่อ ป้องกันสีด่าง 1.3 ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง นำ ออกผึ่งลมให้แห้งแล้งน้ำ ให้สะอาด 2. การย้อมสีเคมีสำ เร็ การย้อมผ้าพื้นโดยใช้สีเคมีสำ เร็จ สามารถทำ ได้เช่นเดียวกันกับวิธี การย้อมสีจากธรรมชาติ แต่ควรลด เวลาในการย้อมลงเหลือ 40 - 50 นาทีเท่านั้น
11 6. ขั้นตอนการปั่นหลอด หรือกรอหมี่ 1.แก้หมี่ที่มัดเป็นเปราะ ๆ ออกก่อน ( การแก้หมื่ คือการแก้เชือกฟางที่ มัดให้เป็นลวดลายต่าง ๆ ออกให้หมด ) 2. นำ ปอยหมี่ที่แก้เสร็จ จึงใส่กง แล้วดึงเงื่อนไหมมาผูกติดกับหลอดที่อยู่เข็มไน ใช้ มือปั่นหลา หรือไนโดยการหมุนเวียนซ้ายไปตลอด 3. เมื่อครบขืนของลายทันที แล้วปลดออกจากหลาหรือไนเก็บไว้เพื่อทอต่อไป
12 7.ขั้นตอนการสืบหูก 1. นำ เครือไหมที่ย้อมสีเสร็จแล้ว มากางเพื่อดึงให้เส้นไหมตึงเท่ากันจน 2. นำ เครือไหมที่ตึงเท่ากันแล้วมาต่อใส่ฟ้ม โดยการผูกติดกับกกหูก( กกหูก คือ ปมผ้าไหมเดิมที่ทอติดไว้กับฟืมโดยไม่ตัดออกเพื่อที่จะต่อเครือหูกไว้ทอครั้งต่อไป ) 8.วิธีการกางหูก 1. นำ ฟิมที่สืบเครือหูกแล้วไปกางใส่กี่ โดยดึงเส้นไหมตึงสม่ำ เสมอทุกเส้น 2.หูกที่กางเสร็จแล้วจะต้องเรียงเส้นไหมหลังฟืม โดยแยกเส้นไหมออกไม่3ให้ติด กันความยาวประมาณ 1 เมตร 3.นำ ไม้หลาวกลม 2 อัน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 ชม. มาสอดคั่นให้ เส้นไหมของ เครือหูกไขว้กันเป็นกากบาทอยู่ หลังฟื้ม เพื่อให้เลื่อนฟืมไปข้างหน้าในวเลาทอได้ สะดวก
13 ลายผ้าทอไหมพื้นเมืองสุรินทร์
14
15 ผลิตภัณฑ์จากผ้าทอไหมพื้นเมืองสุรินทร์ กระเป๋า
16 ร่ม เสื้อผ้า
17 ประโยชน์ของผ้าไหมผ้า ผลการศึกษาพบว่าประเภทของผ้าทอสามารถแบ่งได้ ๒ ประเภท คือ แบ่งตาม วัตถุดิบที่ใช้ในการทอ แบ่งตามกรรมวิธีในการทอ ผ้าทอมีความสำ คัญเพื่อสนองความ จำ เป็นขั้นพื้นฐานของการดำ รงชีวิต เพราะผ้าทอเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ เพื่อแสดงถึงฐานะ ของผู้สวมใส่ เป็นการแบ่งหน้าที่ระหว่างชายและหญิง อีกทั้งยังขี้ให้เห็นถึงความเป็น หญิงอย่างเด่นชัดเพราะการทอผ้าต้องใช้ ความขยัน ความอดทน ความพยายาม ความ ประณีตละเอียดอ่อน ซึ่งเป็นอุปนิสัยของผู้หญิง การทอผ้าเป็นเครื่องแสดงถึงความ พร้อมในวัยที่จะมีครอบครัว ประโยชน์ของผ้าทอเป็นเครื่องนุ่งห่มเพื่อใช้ในชีวิตประจำ วันและใช้ในพิธีกรรมตั้งแต่เกิดนตาย เมื่อสงครมโลกครั้งที่ ๒ ได้ยุติลงปรากฏว่า อุตสาหกรรมการทอผ้าของยุโรปซึ่งเจริญก้าวหน้า ได้เผยแพร่ขยายเข้ามาสู่สังคมไทย ผ้าทอดังกล่าว มีเนื้อแน่น สีไม่ตก มีราคาถูก ซื้อหาได้ง่าย ประหยัดเวลา ไม่ต้องเสีย เวลา ในการทอด้วยมือชาวบ้าน จึงนิยมใช้ผ้าทอจากเครื่องจักรแทนผ้าทอด้วยมือ
18 ลักษณะเด่นของผ้าไหมจังหวัดสุรินทร์ 1. โดยส่วนใหญ่ใช้ไหมเส้นเล็กในการทอ หรือไหมน้อย คือไหมที่สาวมาจากเส้นใย ภายในรังไหม มีลักษณะเรียบ นุ่ม และ เงางาม 2. มีลวดลายที่ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากกัมพูชา และลวดลายที่บรรจงประดิษฐ์ ขึ้นล้วนมีที่มาและมีความหมายอันเป็นมงคล 3. ใช้สีธรรมชาติในการทอ ทำ ให้มีสีไม่ฉูดฉาด มีสีสันที่มีลักษณะเฉพาะ คือ สีจะออก โทนสีขรึม เช่น น้ำ ตาล แดง เขียว ดำ เหลือง อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมจากเปลือกไม้ 4. การทอ จะทอแน่นมีความละเอียดอ่อนในการทอ และประณีต
ผ้าไหมถิ่นกำ เนิดในประเทศจีนและประเทศอินเดีย พ่อค้าชาวจีนได้เผยแพร่ผ้าไหมสู่พื้นที่อื่น ในแถบเอเชีย สำ หรับประเทศไทย นักโบราณคดีพบหลักฐาน ที่แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงแม่อี 3,000 ปีก่อน การทอผ้าไหมในประเทศไทยในอุดมคติการทำ ในครัวเรือนเพื่อใช้เอง หรือทำ ขึ้นเพื่อใช้ในงานพิธี เช่น งานบุญ งานแต่งงาน ต่อมาใช้ในรัชกาลที่ 5 ได้ส่งเสริมให้ใช้ผ้าไหม ผ้าไหมทยนับเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดต่อเนื่องกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน มีความหลากหลายทั้งรูปแบบ ลวดลาย และสีสันแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น ตามความเชื่อ และประเพณีวัฒนธรรมในพื้นถิ่น โดยกรรมวิธีทำ ให้เกิดลวดลายในผ้าไหมไทยเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ลวดลายจากกรรมวิธีการทอ เช่น จก ยก ขิด ขัด ลวดลายจากกรรมวิธีการเตรียมลวดลายเส้นด้ายก่อนทอ เช่นการมัดหมี่ และลวดลายจากกรรมวิธีการทำ ลวดลายหลังจากเป็นผืนผ้า เช่น การย้อม การมัดย้อม 19 สรุป
20 อ้างอิง ผ้าทอไหม: https://www.sac.or.th/ผ้าทอไหม วันที่ค้นหา 30 ธันวาคม 2566 ขั้นตอนการทอผ้า: https://zznice2555.wordpress.com วันที่ค้นหา 30 ธันวาคม 2566 บ้านท่าสว่างจังหวัดสุรินทร์ : https://www.paiduaykan.com วันที่ค้นหา 30 ธันวาคม 2566