The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mu1mawin, 2022-07-15 04:50:11

pdf_20220715_154237_0000

pdf_20220715_154237_0000

เอเชียใต้
South Asia

คำนำ

รายงานฉบับนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิชาประวัติศาสตร์ เรื่อง ทวีปเอเชีย
(เอเชียใต้) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/14 โรงเรียนสตรีวิทยา ๒
ในพระราชูปถัมภ์ ฯ

มีจุดประสงค์ เพื่อการศึกษาความรู้ที่ได้จากเรื่อง ทวีปเอเชีย
โดยเฉพาะทวีปเอเชียใต้ ซึ่งกลุ่มของเราได้ศึกษาประเด็นเกี่ยวกับ
ที่ตั้งของทวีป สภาพทางภูมิศาสตร์ พัฒนาการของเอเชียใต้
การปกครอง และอื่นๆ อีกมากมาย
ซึ่งรายงานนี้ คุณครูผู้สอนได้เลือกหัวข้อนี้ในการทำรายงาน
ผู้จัดทำจะต้องขอขอบคุณ คุณครู ทวีวุฒิ สุริบุตร ผู้ให้ความรู้
และแนวทางการศึกษา และเพื่อน ๆ ทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือมา
โดยตลอด ผู้จัดทำหวังว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้ และเป็น
ประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกๆ ท่าน

1

สารบัญ

ที่ตั้ง และ สภาพภูมิประเทศ ......................... 3
พัฒนาการของเอเชียใต้ ............................. 5
ยุคอาณานิคม ............................................ 11
ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ...................... 13
เกาะศรีลังกา ............................................. 15
เนปาล ....................................................... 16
ภูฏาน ........................................................ 17
มัลดีฟส์ ..................................................... 18

2

ที่ตั้ง และ สภาพภูมิศาสตร์

เอเชียใต้ตั้งอยู่ทางใต้ของทวีปเอเชีย ทิศเหนือติดต่อกับ
ประเทศจีน ทิศตะวันออกติดต่อกับประเทศเมียนมาร์ และ
จดอ่าวเบงกอล ทิศใต้จดมหาสมุทรอินเดีย ทิศตะวันตก
ติดต่อกับประเทศอิหร่าน, อัฟกานิสถาน และ จดทะเลอาหรับ

ประเทศที่ตั้งอยู่มนเอเชียใต้ ได้แก่ .....

อินเดีย (India)

ปากีสถาน (Pakistan)

บังกลาเทศ (Bangladesh)

เนปาล (Nepal)
ภูฏาน (Bhutan)
ศรีลังกา (Sri Lanka)
มัลดีฟส์ (Maldives)

3

ลักษณะภูมิประเทศเอเชียใต้ มีลักษณะเป็นคาบสมุทรขนาดใหญ่ในมหาสมุทร
อินเดีย ขนาบด้วยเทือกเขาสูงทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านเหนือ และที่สูง
ด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งทำให้เอเชียใต้แยกจากส่วนอื่นๆ ของเอเชียได้อย่าง
ชัดเจน แม้ว่าดินแดนเอเชียใต้จะมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกันมากมาย
แต่บริเวณดังกล่าวก็มีมนุษย์ตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ 4,500 ปีมาแล้ว

ศูนย์กลางของเอเชียใต้ดั้งเดิมอยู่
บริเวณสองฝั่งของแม่น้ำสินธุ บริเวณ
ดังกล่าวเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ ซึ่งเหมาะ
แก่การเพาะปลูก ผู้คนจึงเข้ามาตั้ง
ถิ่นฐานกันเป็นจำนวนมาก และได้
พัฒนาจนกลายเป็นเมืองโบราณที่
สำคัญ 2 เมือง คือ เมืองฮารัปปา และ
เมืองโมเฮนโจดาโรของชาวดราวิเดียน
ต้นกำเนิดของอารยธรรมสินธุ

ซึ่งถือได้ว่าเป็นอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเพราะความอุดม
สมบูรณ์ของลุ่มน้ำสินธุที่ทำให้ชาวอารยันซึ่งอพยพเข้ามาภายหลัง ได้พยายาม
เข้ามาครอบครองดินแดนในแถบนี้แทนชาวดราวิเดียน และขับไล่ให้ไปอยู่ในบริเวณ
ที่แห้งแล้งกว่า

จุดเริ่มต้นบริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุ
ที่ประชากรได้รวมตัวอาศัยอยู่ใน
บริเวณนี้อย่างหนาแน่น ก็ได้เริ่ม
ขยายตัวเข้าไปสู่บริเวณต่างๆ
ในภูมิภาคเอเชียใต้ ทั้งในอินเดีย
ปากีสถาน และบังกลาเทศ ซึ่ง
เป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การทำการ
เกษตรกรรมเช่นกัน

4

พัฒนาการเอเชียใต้

ชาวดราวิเดียน เป็นชนกลุ่มแรกที่อาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุ และก่อตั้ง
เป็นอารยธรรมลุ่มน้ำสินธุขึ้น จากการขุดพบเจอเมืองโบราณ 2 เมือง คือ
เมืองฮารัปปา และเมืองโมเฮนโจดาโร และได้พบหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึง
ความเจริญของชาวดราวิเดียนในสมัยนั้น เช่น ลักษณะของซากเมืองที่
แสดงให้เห็นถึงการวงผังเมืองที่ดี และมีการวางระบบสาธารณูปโภค
ภายในตัวเมือง มีการค้นพบยุ้งฉางไว้กักเก็บผลิต แสดงให้เห็นถึงบริเวณนี้
มีการทำการเกษตรกรรม ยังมีโบราณวัตถุซึ่งมีรูปแบบของอารยธรรมนี้
ไปปรากฎอยู่ในอารยธรรมอื่น เช่น อารยธรรมเมโสโปเตเมีย แสดงให้เห็น
ถึงชาวดราวิเดียนมีการค้าขายกับชาวต่างชาติ หรือโลกภายนอกด้วย

ต่อมาหลังจากนั้น ชาวอารยันอพยพเข้ามายึดครอวพื้นที่อุดมสมบูรณ์
แทนชาวดราวิเดียนบริเวณลุ่มน้ำสินธุ คงคา และพรหมบุตร และสร้าง
อารยธรรมความเจริญรุ่งเรืองขึ้น มีลักษณะเป็นนครรัฐ แต่ละรัฐเป็นอิสระ
ไม่ขึ้นต่อกัน มีกษัตริย์ของตนปกครองแว่นแคว้น อารยธรรมของชาว
อารยันที่เหลือไว้ คือ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และระบบวรรณะ ซึ่งเป็นการ
แบ่งชนชั้นทางสังคมต่างๆ อย่างชัดเจน และให้ปฏิบัติตนตามหน้าที่ของ
วรรณะนั้นๆ

5

ชาวดราวิเดียน

ชาวดราวิเดียน คือ ชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่ตั้งถิ่นฐานบริเวณลุ่มน้ำสินธุ
ราว 4,000 กว่าปีมาแล้ว ผู้คนมีลักษณะ รูปร่างเตี้ย ผิวคล้ำ และจมูก
แบน คล้ายกับคนทางตอนใต้ในอินเดียบางพวกในปัจจุบัน

ชาวอารยัน

ชาวอารยัน มีลักษณะผิวขาว ตาสีฟ้า จมูกโด่งเป็นสัน ถิ่นกำเนิดของ
ชาวอารยัน คือ บริเวณเทือกเขาคอเคซัส ซึ่งปัจจุบันอยู่บริเวณประเทศ
จอร์เจีย และได้อพยพมาที่ลุ่มน้ำสินธุ ไล่ชาวดราวิเดียนไปอยู่ในที่ที่แห้งแล้ง
กว่า ชาวอารยันคาดว่าได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมหลายอย่างจาก
เมโสโปเตเมีย

6

ระบบวรรณะ

ระบบวรรณะ เป็นการแบ่งชนชั้นทางสังคม การแบ่งคนออกเป็น 4 จำพวก
ด้วยฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม มีสิทธิหน้าที่ในวรรณะตนต่างกันมาตั้งแต่
กำเนิด โดยมาจากรากฐานความเชื่อที่แต่ละวรรณะมีกำเนิดมาจากส่วนต่างกัน
ของพระพรหม ได้แก่ ...

พราหมณ์ กษัตริย์

(พวกศึกษาคัมภีร์พระเวท) (นักรบ นักปกครอง)

แพศย์ ศูทร

(ประชาชนทั่วไป) (กรรมกรผู้ใช้แรงเงา)

** นอกจากนี้ หากบุคคลที่เกิดจากบิดากับมารดาต่างวรรณะกัน
จะเรียกว่า วรรณะจัณฑาล ชนชั้นนี้จะถูกเหยียดหยามว่าเป็นชนชั้น
ที่ต่ำ ซึ่งเป็นลักษณะความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์ **

7

อินเดียเริ่มมีการปกครองแบบจักรวรรดิขึ้น จักรวรรดิแรกคือในสมัย
ราชวงศ์โมริยะ หรือเมารยะ เป็นจักรวรรดิที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่ และมี
อิทธิพลมากที่สุดจักรวรรดิหนึ่งในอินเดีย ตั้งแต่ พ.ศ. 222 จักรวรรดินี้
มีรากฐานมาจากแคว้นมคธในบริเวณลุ่มแม่น้ำคงคา เมืองหลวงของ
จักรวรรดินี้อยู่ที่เมืองปาฏลีบุตร จักรวรรดินี้รุ่งเรืองที่สุดในสมับของ
พระเจ้าอโศกมหาราช และล่มสลายลงในปี พ.ศ. 360

หลังจากที่ราชวงศ์โมริยะ หรือเมารยะเสื่อมและล่มสลายลง อินเดีย
แตกแยกออกเป็นหลายอาณาจักร ในช่วงเวลานี้เอง ชนเผ่าเร่ร่อนจาก
เอเชียกลาง คือ ชนเผ่ากุษาณะ เข้ามารุกราน
และตั้งอาณาจักรปกครองทางตะวันตก
เฉียงเหนือของอินเดีย อินเดียกลับมา
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกครั้งในสมัย
ราชวงศ์คุปตะ

8

จักรวรรดิคุปตะ เป็นจักรวรรดิที่รุ่งเรืองระหว่างปี พ.ศ. 823 - 1093 ก่อ
ตั้งขึ้นโดยพระเจ้าศรีคุปต์ มีเมืองหลวงอยู่ที่ปาฏลีบุตรเช่นกัน ความ
รุ่งเรืองของจักรวรรดิภายใต้การนำของพระมหากษัตริย์ ทำให้มีความ
เจริญในด้านวิทยาศาสตร์ และศิลปะ ถือว่าเป็นยุคทองของอินเดียในด้าน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม ศิลปะ วรรณคดี ตรรกศาสตร์
คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ ศาสนา และปรัชญา และจักรวรรดินี้ก็ล่มสลาย
ลงในปี พ.ศ. 1093

ต่อมาหลังจากที่ราชวงศ์คุปตะเสื่อมและล่มสลายลง พวกเติร์กได้เข้ามา
รุกราน และปกครองอินเดีย โดยตั้งตัวเป็นสุลต่านปกครองเมืองเดลี (พวก
เติร์กเป็นอิสลาม) หลังจากนั้นพวกชนเผ่าผสมเติร์ก-มองโกลก็รวบรวม
แผ่นดินอินเดียเป็นจักรวรรดิภายใต้ราชวงศ์มุคัล หรือโมกุลนั่นเอง

9

จักรวรรดิโมกุล หรือมุคัล ประมาณ พ.ศ. 2069 - 2401 เป็นช่วงเริ่มต้นของ
ประวัติศาสตร์บุคใหม่ของอินเดีย ตรงกับสมัยราชวงศ์โมกุล เป็นจักรวรรดิอิสลาม
ที่ปกครองอินเดีย ทำให้อารยธรรมอิสลามเข้ามาสู่อินเดีย ระหว่างคริสต์ศตวรรษ
ที่ 15-17 โดยผ่ายทางเปอร์เซีย และก็เป็นช่วงที่อินเดียได้รับอิทธิพลของ
อารยธรรมเปอร์เซียอีกด้วย ผู้ก่อตั้งราชวงศ์นี้ คือ บาบูร์ ได้รวบรวมอินเดียให้
เป็นปึกแผ่นอีกครั้ง มีกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์โมกุล คือ อักบาร์มหาราช ใน
สมัยนี้ เศรษฐกิจของอินเดียมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก มีการติดต่อค้าขาย
กับชาติต่างๆ ในเอเชีย และตะวันตก มีการทำอุตสาหกรรมสิ่งทอจากฝ้าย ซึ่งเป็น
พืชที่ปลูกได้มากในแถบนี้ ราชวงศ์โมกุล ถือเป็นราชวงศ์สุดท้าย และเป็นยุค
สุดท้ายของประวัติศาสตร์อินเดียที่มีกษัตริย์ปกครอง ภายหลังอินเดียก็ได้ตกเป็น
เมืองขึ้น หรืออาณานิคมของอังกฤษในปี พ.ศ. 2401 ถือเป็นการสิ้นสุดของสมัย
โมกุลและราชวงศ์โมกุล

10

ยุคอาณานิคม

อินเดียมีทรัพยากร และวัตถุดิบที่เป็นที่ต้องการของชาวยุโรป จึงดึงดูด
ให้อังกฤษเข้ามาค้าขายในบริเวณนี้ และต่อมาก็ได้ยึดอินเดียเป็น
อาณานิคม เพื่อผูกขาดแหล่งวัตถุดิบสำหรับป้อนโรงงานอุตสาหกรรม
ของตน สินค้าที่อังกฤษต้องการ เช่น ฝ้าย ไหมดิบ ชา เป็นต้น

อินเดียยุคบริติชราช (ค.ศ.1858 - 1947) ถูกแบ่งการปกครองออกเป็น
บริติชอินเดีย คือเขตปกครองภายใต้ข้าหลวงต่างพระองค์ และรัฐที่มี
เจ้าเมืองปกครอง (มหาราชา ราชา นาวาบ นิซัม) ภายใต้อำนาจของ
รัฐบาลในสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรียแห่งอังกฤษ

11

ในช่วงที่อังกฤษปกครองอินเดียในยุคล่าอาณานิคมนั้น เมืองที่ติด
ชายฝั่งทะเลของอินเดียอย่างเมืองโกลกาตา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ
ดินดอนสามเหลี่ยม ปากแม่น้ำคงคา เป็นเมืองท่าที่สำคัญด้านอ่าวเบงกอล
และเมืองมุมไบ เป็นเมืองท่าด้านทะเลอาหรับ ทั้ง 2 เมืองยังคงเป็นเมือง
ใหญ่ที่มีความสำคัญอยู่ในปัจจุบัน

12

ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง อังกฤษจึงได้ให้เอกราชแก่อินเดียใน
ค.ศ. 1946 แต่อินเดียยังต้องเผชิญกับความขัดแย้งภายในประเทศ
ระหว่างกลุ่มผู้นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู กับ กลุ่มผู้นับถือศาสนา
อิสลาม ซึ่งในเวลาต่อมาได้แยกตัวไปก่อตั้งประเทศปากีสถานใน
ค.ศ. 1947 โดยแบ่งเป็นปากีสถานตะวันตก และตะวันออก แม้จะมีนโยบาย
ทางการเมืองการปกครอง สังคม และศาสนาที่คล้ายคลึงกัน แต่ดินแดน
ทั้งสองส่วนนี้ก็ไม่ได้เอื้ออำนวยต่อการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เนื่องจากมี
อินเดียคั่นกลาง จึงมีปัญหาในเรื่องการติดต่อ และการไปมาหาสู่กันเสมอ
ทำให้ไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้เพราะรัฐบาลกลาง
และหน่วยงานราชการต่างๆ ส่วนมากตั้งอยู่ในบริเวณปากีสถานตะวันตก
จึงทำให้บทบาทการเป็นผู้นำในการบริหารประเทศ และการจัดการ
สวัสดิการด้านต่างๆ เป็นของปากีสถานตะวันตก

13

ส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำกันระหว่างประชาชนทั้งสองดินแดน และมี
การขัดแย้งอย่างรุนแรงจนเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นใน ค.ศ. 1971 และ
ต้องแบ่งดินแดนกัน โดยปากีสถานตะวันตกยังใช้ชื่อเดิม คือ ประเทศ
สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน ส่วนทางตะวันออกได้เปลี่ยนชื่อเป็น
บังกลาเทศ
แม้ว่าจะมีการแยกประเทศ และปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่
ประชากรส่วนใหญ่ในประเทศ ยังประสบปัญหาความยากจน การว่างงาน
ขาดแคลนที่อยู่อาศัย และด้อยการศึกษา อันเนื่องมาจากอุตสาหกรรมใน
ประเทศไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร อีกทั้งยังประสบปัญหาภัยธรรมชาติบ่อยๆ
ทำให้บังคลาเทศขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติเพื่อสร้างผลผลิต

14

เกาะศรีลังกา

ในส่วนของประเทศศรีลังกานั้น เคยตกเป็นอาณานิคมของประเทศ
อังกฤษ โดยถูกแยกเป็นอาณานิคมเรียกว่า ซีลอน หลังจากที่ศรีลังกาได้
รับเอกราชจากอังกฤษใน ค.ศ. 1948 ก็เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวทมิฬ
กับ ชาวสิงหล ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ และเป็นผู้ปกครองประเทศ
ความขัดแย้งนี้เพิ่งจะสิ้นสุดลงเมื่อรัฐบาลสิงหลสามารถปราบกลุ่มกบฏ
พยัคฆ์ทมิฬได้สำเร็จใน ค.ศ. 2009

ปัจจุบันศรีลังกาปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย มีอาชีพเกษตรกรรม
เป็นอาชีพหลักของประเทศ โดยมีพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าวเจ้า ยางพารา
ชา และมะพร้าว มีอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ สิ่งทอ น้ำมัน และการ
ก่อสร้าง

15

เนปาล

เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลในเอเชียใต้ เป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่
เป็นอันดับที่ 93 ของโลก ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย มีพรมแดนตอนเหนือ
ติดกับประเทศจีน ทิศใต้ และทิศตะวันตกติดกับประเทศอินเดีย เมืองหลวง
ของเนปาล คือ กาฐมาณฑุ

ชาวเนปาลประมาณ 81.3% นับถือศาสนาฮินดู , อิสลาม 4.4% ,
Kiratism 3.1% , คริสต์ 1.4% และวิญญาณนิยม 0.4%
เนปาลปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เป็นประเทศกำลังพัฒนา โดย
มีเศรษฐกิจรายได้ต่ำ อยู่ในอันดับที่ 145 จาก 187 ประเทศในดัชนีการ
พัฒนามนุษย์ในปี 2557 ประเทศเนปาลยังต้องเผชิญกับความหิว และ
ความยากจนระดับสูง แม้ความท้าทายเหล่านี้ เนปาลยังคงมีการ
พัฒนาการอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลผูกมัดยกระดับประเทศจาก
สถานภาพประเทศด้อยพัฒนาภายในปี 2565

16

ภูฏาน

เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ที่มีขนาดเล็ก และมีภูเขาเป็นจำนวนมาก
ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัยระหว่างประเทศอินเดีย กับ ประเทศจีน
มีเมืองหลวงชื่อ ทิมพู

ประชาชนชาวภูฏานนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน (ตันตรยาน หรือ
บ้างก็เรียกว่า วัชรยาน) 75% , ศาสนาฮินดู 24% , ศาสนาอิสลาม 0.7%
และศาสนาคริสต์ 0.3%

ในช่วงแรก ภูฏานปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยมีพระ
มหากษัตริย์เป็นทั้งประมุขของรัฐ และหัวหน้ารัฐบาล ต่อมาได้เปลี่ยนการ
ปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้
รัฐธรรมนูญ (ตั้งแต่ปี 2551)

17

มัลดีฟส์

เป็นประเทศที่มีพื้นที่ประกอบด้วยหมู่เกาะปะการังจำนวนมากในมหาสมุทร
อินเดีย และตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดียและศรีลังกา
มีเมืองหลวงชื่อ มาเล

กลุ่มชนกลุ่มแรกของมัลดีฟส์ ช่วงแรกนั้น จะนับถือพระพุทธศาสนานิกาย
เถรวาท แต่ต่อมามีการเข้ารีตนับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่จำนวนมาก
และในปัจจุบันก็ได้เป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมัลดีฟส์ ในร้อยละ 99

มัลดีฟส์ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ ประธานาธิบดี
เป็นประมุขรัฐและหัวหน้ารัฐบาล

18

บรรณานุกรม 19

ขอขอบคุณแหล่งภาพ / ข้อมูลจาก...

https://www.wikipedia.org

https://www.trueplookpanya.com

researchgate.net

kalyanamitra.org
thaiindia.net
https://www.bloggang.com
the101.world
lookaside.fbsbx.com
becommon.co
i0.wp.com
img.winnews.tv
supawann096.files.wordpress.com
f.ptcdn.info
dandinth.com
t1.blockdit.com
3.bp.blogspot.com
kcindjija.com
gourmentandcaisine.com
assets.brandinside.asia

บรรณานุกรม

ขอขอบคุณแหล่งภาพ / ข้อมูลจาก...
static.thairath.co.th
mpics.mgronline.com
farm3.staticflickr.com
monstermom.net
tna.mcot.net
tuemaster.com
blog.bangkokair.com
i.pinimg.com

20


Click to View FlipBook Version