ไพล
ไพล หรอื ว่ำนไพล ชอ่ื สามัญ Phlai,
Cassumunar ginger, Bengal root
ไพล ชื่อวทิ ยำศำสตร์ Zingiber montanum
(J.Koenig) Link ex A.Dietr.
(ชือ่ พ้องวิทยาศาสตร์ Zingiber cassumunar
Roxb., Zingiber purpureum Roscoe)
จดั อยูใ่ นวงศ์ขงิ (ZINGIBERACEAE)
สมุนไพรไพล มชี ือ่ ท้องถิ่นอ่ืน ๆ ว่า ปูขมิน้ มิน้ สะลา่ ง (ฉาน-แมฮ่ ่องสอน), วา่ นไฟ ไพลเหลือง (ภาคกลาง),
ปเู ลย ปลู อย (ภาคเหนอื ), วา่ นปอบ (ภาคอีสาน) เปน็ ตน้
ลกั ษณะของไพล
ต้นไพล ลักษณะไพลเปน็ ไมล้ ้มลกุ
มคี วามสงู ประมาณ 0.7-1.5 เมตร
มีเหงา้ อยู่ใตด้ ิน เปลอื กมสี ีน้าตาลแกม
เหลือง เนอ้ื ดา้ นในมสี ีเหลอื งถึงสีเหลอื ง
แกมเขียว แทงหน่อหรือล้าต้นเทียมข้ึน
เป็นกอ โดยจะประกอบไปดว้ ยกาบ
หรอื โคนใบหมุ้ ซ้อนกันอยู่ เหง้าไพลสด
ฉา้่ นา้ รสฝาด เอยี ด ร้อนซ่า มีกลนิ่
เฉพาะ ส่วนเหง้าไพลแก่สดและแห้งจะ
มรี สเผ็ดเล็กน้อย ขยายพนั ธุด์ ้วย
วธิ ีการใชเ้ มล็ด แง่ง หรือเหงา้ แต่โดยทว่ั ไปแล้วจะใชส้ ่วนของเหง้าเปน็ ท่อนพันธใ์ุ นการเพาะปลูก
พรรณไมช้ นดิ นม้ี ีถน่ิ ก้าเนดิ อยู่ในเอเชียแถบประเทศอินเดยี อนิ โดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ปลูกกนั
มากในจงั หวัดกาญจนบุรี สพุ รรณบรุ ี ปราจนี บุรี และสระแก้ว
ใบไพล ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนานแกมรูปหอก ใบเปน็ ใบเดีย่ วเรียงสลับ กว้างประมาณ 3.5 -
5.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 18 - 35 เซนตเิ มตร
ดอกไพล ออกดอกเปน็ ชอ่ แทงจากเหง้าใตด้ ิน กลีบดอกมีสีนวล มีใบประดับสมี ่วง
ผลไพล ลกั ษณะของผลเปน็ ผลแห้งรูปกลม
กศน.ตำบลบอ่ สวก ศนู ยก์ ำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศัยอำเภอเมืองน่ำน หน้ำ 1
สรรพคุณของไพล
1. ดอกไพล สรรพคณุ ชว่ ยขับโลหิตและกระจายเลอื ดเสีย กระจายเลอื ดที่เปน็ ลม่ิ เป็นก้อน (ดอก)
2. ชว่ ยแก้ธาตุพกิ าร (ตน้ ไพล)
3. สรรพคุณสมนุ ไพรไพล ใบช่วยแกไ้ ข้ (ใบ)
4. ช่วยแก้อาเจยี น อาการอาเจยี นเป็นโลหิต (หัวไพล)
5. ช่วยแก้อาการปวดฟนั (หัวไพล)
6. ไพลกบั สรรพคุณทางยา เหง้าช่วยขบั โลหิต (เหงา้ )
7. ชว่ ยแก้เลือดกา้ เดาไหลออกทางจมกู (ราก)
8. ชว่ ยรกั ษาโรคทบี่ ังเกิดแตโ่ ลหติ ออกทางปากและจมูก (เหง้า)
9. เหงำ้ ไพล ใช้เป็นยารักษาหอบหดื ด้วยการใชเ้ หงา้ แห้ง 5 ส่วน / ดปี ลี 2 ส่วน / พรกิ ไทย 2 สว่ น /
กานพลู 1/2 ส่วน / พมิ เสน 1/2 ส่วน น้ามาบดผสมรวมกัน ใชผ้ งยา 1 ช้อนชาชงกบั น้ารอ้ นแลว้
รับประทาน หรือจะป้ันเป็นยาลกู กลอนด้วยการใช้น้าผึง้ ขนาดเท่าเม็ดพทุ รา แล้วรบั ประทานคร้ังละ
2 ลูก โดยต้องรบั ประทานตดิ ตอ่ กันเรื่อย ๆ จนกวา่ อาการจะดขี ้ึน (เหง้าแห้ง)
10. ช่วยแกอ้ าการทอ้ งอดื ทอ้ งเฟ้อ แกท้ ้องข้ึน ท้องเดิน ชว่ ยขับลมในล้าไส้ ด้วยการใช้เหงา้ แห้งนา้ มาบด
เปน็ ผงแลว้ รับประทานคร้ังละ 1 ชอ้ นชา ด้วยการนา้ มาชงกับน้าร้อนและผสมเกลอื ด้วยเล็กนอ้ ยแล้ว
น้ามาดืม่ (เหง้าแหง้ )
11. ช่วยแก้อาการปวดท้อง ทอ้ งเสยี แกบ้ ิด บิดเป็นมูกเลอื ด ด้วยการใช้เหงา้ สดประมาณ 4-5 แว่น น้ามา
ต้าให้ละเอียด แล้วคั้นเอาแต่น้า เตมิ เกลือคร่ึงช้อนชาแลว้ นา้ มารบั ประทาน หรือจะฝนกบั นา้ ปูนใส
รับประทานก็ไดเ้ ช่นกัน (เหงา้ สด)
12. ช่วยแก้อาการท้องผูก (เหง้า)
13. ช่วยสมานแผลในล้าไส้ แกล้ า้ ไสอ้ กั เสบ (เหงา้ )
14. ช่วยแกอ้ จุ จาระพกิ าร (ตน้ ไพล)
15. ชว่ ยขบั ระดู ประจา้ เดือนของสตรี ขบั เลือดรา้ ยทงั้ หลาย และแก้มุตกิดระดขู าว (หัวไพล, เหง้า)
กศน.ตำบลบอ่ สวก ศนู ยก์ ำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศยั อำเภอเมืองน่ำน หนำ้ 2
16. ช่วยท้าให้ประจ้าเดือนมาเป็นปกติ (เหงา้ )
17. ชว่ ยรกั ษาอาการเคลด็ ขัดยอก ฟกชา้ บวม ข้อเทา้ แพลง ดว้ ยการใชห้ ัวไพลนา้ มาฝนแล้วทาบริเวณทม่ี ี
อาการฟกช้าบวมหรือเคล็ดขัดยอก / หรือจะใชเ้ หง้าสด 1 แง่ง นา้ มาฝานเปน็ ช้ินบาง ๆ แลว้ ต้มรวม
กับสมนุ ไพรชนดิ อนื่ ๆ เนื่องจากไพลจะมนี ้ามนั หอมระเหย (เหง้าสด) ช่วยแกอ้ าการเคลด็ ขดั ยอก ฟก
ชา้ บวม ขอ้ เท้าแพลง ด้วยการใชเ้ หง้า 1 เหง้า นา้ มาต้าคัน้ เอาแตน่ า้ มาทานวดบรเิ วณท่ีมีอาการ /
หรือจะน้ามาต้าให้ละเอียดแลว้ ผสมกับเกลอื เล็กน้อย นา้ มาห่อเปน็ ลกู ประคบ แลว้ องั ไอน้าให้ความ
ร้อน นา้ มาใช้ประคบบริเวณท่ีมีอาการฟกช้าบวมและบรเิ วณท่ปี วดเม่ือย เช้า-เยน็ จนกวา่ จะหาย /
หรือจะใชท้ า้ เป็นน้ามันไพล ด้วยการใช้ไพลหนัก 2 กโิ ลกรัม น้ามาทอดในน้ามันพชื ร้อน ๆ 1 กิโลกรมั
ให้ทอดจนเหลืองแลว้ เอาไพลออก และใส่กานพลผู งประมาณ 4 ชอ้ นชา และทอดต่อไปด้วยไฟอ่อน ๆ
ประมาณ 10 นาที เสรจ็ แล้วน้ามากรองรอจนน้ามันอนุ่ ๆ และใส่การบรู ลงไป 4 ช้อนชา ใสภ่ าชนะปิด
ใหม้ ิดชดิ รอจนเยน็ แล้วจึงเขย่าการบูรให้ละลาย แลว้ นา้ น้ามนั ไพลมาทาถูนวดวันละ 2 ครง้ั เวลา
มีอาการปวด เช้า-เยน็ (สูตรของคุณวิบลู ย์ เข็มเฉลมิ ) (เหงา้ , หวั )
18. ช่วยลดอาการอักเสบ แกป้ วด บวม เสน้ ตงึ เมือ่ ยขบ (เหงา้ )
19. ชว่ ยแกเ้ มือ่ ย แก้อาการปวดเม่อื ยกล้ามเนอื้ ปวดตามรา่ งกาย (ใบ)
20. ชว่ ยรักษาโรคผวิ หนงั (เหง้า)
ข้อควรระวงั
การรับประทานในขนาดสูงหรอื การใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานอาจทา้ ให้เกดิ พิษต่อตับได้ และยงั
ไม่มีความปลอดภัยท่จี ะนา้ มาใชเ้ ปน็ ยารักษาโรคหืด และไม่ควรนา้ มารับประทานแบบเดี่ยว ๆ
ติดต่อกนั เป็นระยะเวลานาน นอกจากจะมีการขจัดสารท่ีพิษต่อตับออกไปเสียก่อน
การใชค้ รมี ไพลหา้ มใช้ทาบริเวณขอบตา เนอ้ื เย่ือออ่ น และบริเวณผิวหนังทีม่ บี าดแผลหรือมแี ผลเปิด
ไมแ่ นะนา้ ให้ใชส้ มนุ ไพรชนดิ นี้กบั สตรมี ีครรภ์ หรอื อยรู่ ะหว่างการใหน้ มบตุ รและเด็กเลก็
กศน.ตำบลบ่อสวก ศูนย์กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศยั อำเภอเมืองนำ่ น หนำ้ 3