น พระเวสสันดร ตอน กัณฑ์มัทรี๖
างสาวนพวรรณ ชาญชัย ม.๕/๗ เลขที่ ๒
คำนำ
หนังสือเล่มเล็กฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อประกอบการเรียนวิชาท๓๒๑๐๑
ภาษาไทย เรื่องมหาเวสสันตรชาดกกัณฑ์มัทรี ในเนื้อหาประกอบด้วย
ปรูะวัติผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ ที่มา เนื้อเรื่อง คุณค่าต่างๆที่ได้รับ
จากเนื้อหา นับเป็นเรื่องที่ให้ประโยชน์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะการแสดงถึงความ
รักความผูกพันของผู้เป็นแม่ที่มีต่อลูก
ผู้จัดทำได้พยายามคันคว้าและคัดสรรความรู้พร้อมทั้งสอดแทรก
แนวคิดประสบการณ์ส่วนตัวไว้ในความเรียงและการแต่งร่ายยาว
ความกตัญญู หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มเล็กฉบับนี้คงมีประโยชน์แก่
ผู้ที่ได้ศึกษาบ้างพอสมควร ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
นพวรรณ ชาญชัย
ผู้จัดทำ
สารบัญ
ประวัติผู้แต่ง หน้า
ความเป็นมา ๑
ลักษณะคำประพันธ์ ๒
ตัวละคร ๓
เรื่องย่อ ๔
คุณค่าด้านเนื้อหา ๕
คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๖
คุณค่าด้านสังคม
การนำข้อคิดที่ได้จากเรื่องไปใช้ ๗
แต่งคำประพันธ์ประเภทร่ายยาว ๘
แหล่งที่มา ๙
๙
๑๐
๑
ประวัติผู้แต่ง
เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เป็นกวีเอกคนหนึ่งใน
สมัยต้นรัตนโกสินทร์ มีนามเดิมว่า หน เกิดเมื่อ
ใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด น่าจะอยู่ในช่วง
ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา และถึงแก่อสัญกรรม
ในสมัยรัชกาลที่ ๑ พ.ศ. ๒๓๔๘ ผลงานด้าน
วรรณคดีที่ท่านได้แต่งไว้หลายเรื่องด้วยกัน
เจ้าพระยาพระคลัง เป็นบุตรเจ้าพระยา
บดินทร์สุรินทร์ฦๅชัย (บุญมี) กับท่านผู้หญิง
เจริญ มีบุตรธิดาหลายคน ที่มีชื่อเสียงคือ เจ้า
จอมพุ่ม ในรัชกาลที่ ๒ เจ้าจอมมารดานิ่ม
พระมารดาสมเด็จฯ กรมพระยาเดชาดิศร (มั่ง)
ในรัชกาลที่ ๒ นายเกต และนายพัด ซึ่งเป็นกวี
และครูพิณพาทย์ เป็นต้นสกุล บุญ-หลง
มีหลักฐานระบุได้ว่าท่านได้รับราชการมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี มีบรรดาศักดิ์เป็นหล
วงสรวิชิต ตำแหน่งนายด่านเมืองอุทัยธานี ครั้นเมื่อถึงปลายรัชกาล ที่เหตุ
ระส่ำระสายเกิดจลาจลในพระนคร ท่านได้ลอบส่งคนนำหนังสือแจ้งเหตุภายใน
พระนครไปถวายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ภายหลังคือ พระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก) ซึ่งกำลังยกกองทัพไปตีเขมรหลวงสรวิชิต (ในเวลานั้น)
ออกไปรับสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกถึงทุ่งแสนแสบ แล้วบอกข้อราชการต่างๆ
จากนั้นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้เข้ามาปราบเหตุจลาจลในพระนคร แล้ว
ทรงปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์สมบัติ เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อ
เหตุการณ์ในพระนครสงบเรียบร้อย พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่ง
ตั้งให้ท่านเป็นพระยาพิพัฒน์โกษา และในที่สุดเมื่อตำแหน่งเจ้าพระยาพระคลังว่างลง
ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าพระยาพระคลัง เป็นเสนาบดีจตุสดมภ์
กรมท่า มีหน้าที่ควบคุมบังคับบัญชากิจการทางหัวเมืองชายทะเลทั้งหมด เจ้าพระยา
พระคลังท่านนี้นอกจากมีความสามารถในเชิงบริหารกิจการบ้านเมือง และเป็นนักรบ
แล้ว ยังมีความสามารถในเชิงอักษรศาสตร์เป็นที่ยกย่องว่าเป็นกวีฝีปากเอก มี
สำนวนโวหารไพเราะ ทั้งร้อยกรองหลากหลายชนิด และสำนวนร้อยแก้วที่มีสำนวน
โวหารไพเราะไม่แพ้กัน
๒
ความเป็นมา
เรื่องมหาเวสสันดรชาดกเป็นวรรณคดีเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา มีเค้าโครงเรื่อง
มาจากที่พระพุทธเจ้าทรงเทศนา ณ วัดนิโครธาราม เมืองกบิลพัสดุ์ ขณะที่
ประทับอยู่ที่วัดนิโครธาราม บรรดาพระประยูรญาติ ได้เข้าเฝ้าแต่ก็มีใจกระด้าง
ถือตนไม่ยอมน้อมไหว้ พระองค์จึงทำให้บรรดาพระประยูรญาติสิ้นความมานะ
ถือตน ด้วยพุทธบารมีให้บังเกิดฝนโบกขรพรรษ์ ฝนโบกขรพรรษนี้มีลักษณะ
พิเศษคือ มีสีแดงใสบริสุทธิ์ หากผู้ใดปรารถนาให้เปียกก็เปียก หากผู้ใดไม่
ปรารถนาให้เปียกก็ไม่เปียก
ภิกษุทั้งหลายเห็นถึงความอัศจรรย์จึงทูลถามพระพุทธองค์ พระองค์จึงตรัสว่า
ฝนโบกขรพรรษไม่มีความอัศจรรย์ เพราะเมื่อชาติก่อนก็เคยตกลงมาแล้ว เป็น
เหตุให้พระองค์ทรงเทศนาเรื่อง มหาเวสสันดรชาดก ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบพระชาติ
ก่อนบรรลุธรรม แต่ละชาติทรงบำเพ็ญบารมีแตกต่างกันดังนี้
๑. เตมิยชาดก (เต) เสวยชาติเป็นพระเตมีย์กุมารบำเพ็ญเนกขัมบารมี
๒. มหาชนกชาดก(ชะ) เสวยชาติเป็นพระชนกกุมาร บำเพ็ญวิริยะบารมี
๓. สุวัณณสามชาดก(สุ)เสวยชาติเป็นพระสุวรรณสาม บำเพ็ญเมตตาบารมี
๔. เนมิราชชาดก(เน) เสวยชาติเป็นพระเนมิราชกุมาร บำเพ็ญอธิษฐานบารมี
๕. มโหสถชาดก(มะ) เสวยชาติเป็นมโหสถกุมาร บำเพ็ญปัญญาบารมี
๖. ภูริทัตชาดก(ภู) เสวยชาติเป็นพญานาคชื่อภูริทัต บำเพ็ญศีลบารมี
๗. จันทกุมารชาดก(จะ)เสวยชาติเป็นพระจันทกุมาร บำเพ็ญศีลบารมี
๘. พรหมนารทชาดก(นา) เสวยชาติเป็นพระพรหมนารทกุมาร บำเพ็ญ
อุเบกขาบารมี
๙. วิธุรชาดก(วิ) เสวยชาติเป็นพระวิธุรบัณฑิต บำเพ็ญสัจจะบารมี
๑๐. เวสสันดรชาดก(เว) เสวยชาติเป็นพระเวสสันดร บำเพ็ญทานบารมี
๓
ลักษณะคำประพันธ์
แต่งเป็นร่ายยาว มีพระคาถาภาษาบาลีนำ และพรรณนาเนื้อความโดยมีพระคาถา
สลับเป็นตอน ๆ ไปจนจบกัณฑ์ คำประพันธ์ประเภทร่ายยาว หนึ่งบทจะมีกี่วรรคก็ได้
แต่ส่วนมากมี ๕ วรรคขึ้นไป วรรคหนึ่ง ๆ มีตั้งแต่ ๖ คำขึ้นไป ถึง ๑๐ คำหรือมากกว่า
มีบังคับเฉพาะระหว่างวรรค คือ คำสุดท้ายของวรรคจะส่งสัมผัสไปที่คำที่ ๑ ถึง ๕
ของวรรคต่อไป เมื่อจบตอนมักมีคำสร้อย เช่น “นั้นแล” “นี้แล” ร่ายยาวมหา
เวสสันดรชาดก เป็นร่ายยาวสำหรับเทศน์ จะมีคำศัพท์บาลีขึ้นก่อน แล้วแปลเป็น
ภาษาไทย แล้วจึงมีร่ายตาม ในระหว่างการดำเนินเรื่องจะมีคำบาลีคั่นเป็นระยะ ๆ คำ
บาลีนั้นมีความหมายเกี่ยวเนื่องกับข้อความที่ตามมา
ร่ายยาว คือ ร่ายที่ไม่กำหนดจำนวนคำในวรรคหนึ่ง ๆ แต่ละวรรคจึงอาจมี
คำน้อยมากแตกต่างกันไป การสัมผัส คำสุดท้ายของวรรคหน้าสัมผัสกับคำ
หนึ่งคำใดในวรรคถัดไป จะแต่งสั้นยาวเท่าไรเมื่อจบนิยมลงท้ายด้วยคำว่า
แล้วแล นั้นแล นี้เถิด โน้นเถิด ฉะนี้ ฉะนั้น ฯลฯ เป็นต้น
๔
ตัวละคร
พระเวสสันดร เป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญ
อยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดร
ชาดก มีชื่อเรียกต่างๆกัน เช่น หน่อพระชินศรี
โมลีโลก สมเด็จพระบรมนราพิสุทธิ์พุทธางกูร
พระบรมราชพุทธพงศ์ หน่อพระชินศรี สมเด็จ
พระบรมโพธิสัตว์ บรมนราธิบดินทร์ปิ่ นสกล
อาณาจักรจอมพิภพสีพี สมเด็จพระบาทบรม
บพิตรพิชิตโมลี หน่อพระพิชิตมาร สมเด็จพระ
วิสุทธิพงศ์ภูวนาถ สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์
บุรุษรัตนพิเศษเพสสันดร สมเด็จพระปุริโสดม
บรมโพธิสัตว์ ฯลฯ พระเวสสันดรเป็นพระโอรส
ของพระเจ้ากรุงสญชัยและพระนางผุสดีแห่ง
เมืองสีพีมีอุปนิสัยคือมีคุณธรรมสูงเหนือ
มนุษย์ ยากที่มนุษย์ทั่วไปจะทำได้และมีความ
เข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์
พระนางมัทรี เป็นตัวละครประกอบอยู่ใน
วรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกพระ
นางมัทรี เป็นพระราชธิดาแห่งกษัตริย์มัทราช
อภิเษกสมรสกับพระเวสสันดร มีพระโอรสชื่อ
พระชาลีและมีพระธิดาชื่อพระกัณหาอุปนิสัย
ของนางคือมีความจงรักภักดีต่อพระสวามี เป็น
ยอดกุลสตรี ปฏิบัติหน้าที่ภรรยาและมารดาได้
อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน มีความอดทน ไม่ย่อท้อ
ต่อความยากลำบากและมีจิตอันเป็นกุศล
๕
เรื่องย่อ
พระนางมัทรีฝันร้ายว่ามีบุรุษมาทำร้าย จึงขอให้พระเวสสันดรทำนายฝันให้ แต่
พระนางก็ยังไม่สบายพระทัย ก่อนเข้าป่า พระนางฝากพระโอรสกับพระธิดากับ
พระเวสสันดรให้ช่วยดูแล หลังจากนั้นพระนางมัทรีก็เสด็จเข้าป่าเพื่อหาผลไม้
มาปรนนิบัติพระเวสสันดรและสองกุมาร ขณะที่อยู่ในป่า พระนางพบว่า
ธรรมชาติผิดปกติไปจากที่เคยพบเห็น เช่นต้นไม้ที่เคยมีผลก็กลายเป็นต้นที่มี
แต่ดอก ต้นที่เคยมีกิ่งโน้มลงมาให้พอเก็บผลได้ง่าย ก็กลับกลายเป็นต้นตรงสูง
เก็บผลไม่ถึง ทั้งท้องฟ้าก็มืดมิด ขอบฟ้าเป็นสีเหลืองให้รู้สึกหวั่นหวาดเป็น
อย่างยิ่ง ไม้คานที่เคยหาบแสรกผลไม้ก็พลัดตกจากบ่า ไม้ตะขอที่ใช้เกี่ยวผลไม้
พลัดหลุดจากมือ ยิ่งพาให้กังวลใจยิ่งขึ้นบรรดาเทพยดาทั้งหลายต่างพากัน
กังวลว่า หากนางมัทรีกลับออกจากป่าเร็วและทราบเรื่องที่พระเวสสันดร ทรง
บริจาคพระโอรสธิดาเป็นทาน ก็จะต้องออกติดตามพระกุมารทั้งสองคืนจากชู
ชก พระอินทร์จึงส่งเทพบริวาร 3 องค์ให้แปลงกายเป็นสัตว์ร้าย 3 ตัว คือ
ราชสีห์ เสือโคร่ง และเสือเหลือง ขวางทางไม่ให้เสด็จกลับอาศรมได้ตามเวลา
ปกติ เมื่อล่วงเวลาดึกแล้วจึงหลีกทางให้พระนางเสด็จกลับอาศรม เมื่อ
พระนางเสด็จกลับถึงอาศรมไม่พบสองกุมารก็โศกเศร้าเสียพระทัย เที่ยวตาม
หาและร้องไห้คร่ำครวญ พระเวสสันดรทรงเห็นพระนางเศร้าโศก จึงหาวิธีตัด
ความทุกข์โศกด้วยการแกล้งกล่าวหานางว่าคิดนอกใจคบหากับชายอื่น จึงกลับ
มาถึงอาศรมในเวลาดึก เพราะทรงเกรงว่าถ้าบอกความจริงในขณะที่พระนาง
กำลังโศกเศร้าหนักและกำลังอ่อนล้า พระนางจะเป็นอันตรายได้ ในที่สุดพระนา
งมัทรีทรงคร่ำครวญหาลูกจนสิ้นสติไป ครั้นเมื่อฟื้ นขึ้น พระเวสสันดรทรงเล่า
ความจริงว่า พระองค์ได้ประทานกุมารทั้งสองแก่ชูชกไปแล้วด้วยเหตุผลที่จะ
ทรงบำเพ็ญทานบารมี พระนางมัทรีจึงทรงค่อยหายโศกเศร้าและทรง
อนุโมทนาในการบำเพ็ญทานบารมีของพระเวสสันดรด้วย
๖
คุณค่าด้านเนื้อหา
๑.รูปแบบ
มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีแต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทร่ายยาว นำด้วย
คำภาษาบาลีท่อนหนึ่ง แล้วแต่งด้วยร่ายยาวมีคำบาลีแทรก เป็นการใช้รูปแบบคำ
ประพันธ์ได้เหมาะสมกับสาระสำคัญ ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านมีความซาบซึ้งในความรัก
ของผู้เป็นแม่ได้อย่างดียิ่ง
๒. องค์ประกอบของเรื่อง
๒.๑ สาระสำคัญ เป็นการแสดงความรักของแม่ที่มีต่อลูกว่าเป็นความรักที่ยิ่ง
ใหญ่ การพลัดพรากจากลูกย่อมนำความทุกข์โศกมาสู่แม่อย่างยากที่จะหาสิ่งใด
เปรียบได้
๒.๒ โครงเรื่อง มีการวางโครงเรื่องได้ดีโดยผูกเรื่องให้เทพบุตร ๓ องค์นิรมิต
กายเป็นสัตว์ร้ายมาขวางนางมัทรีไว้ จนกลับอาศรมได้ทันเวลาที่พระเวสสันดรจะให้
ทานสองกุมารให้กับพราหมณ์ชูชก เมื่อนางกลับมาแล้วไม่พบสองกุมารก็โศกเศร้า
เสียพระทัยจนสลบไป ต่อมาภายหลังได้ทรงทราบว่าพระเวสสันดรทรงให้ทานสอง
กุมารให้แก่พราหมณ์ชูชก นางมัทรีก็คลายความเศร้าโศกพระทัย และเต็มพระทัย
อนุโมทนาในบุตรทานของพระเวสสันดร
๒.๔ ฉากและบรรยากาศ
ฉากเป็นป่าบริเวณอาศรมของพระเวสสันดร ผู้แต่งบรรยายบรรยากาศได้
สมจริง และเหมาะสมสอดคล้องกับเนื้อเรื่อง ดังปรากฏบทอาขยานที่นักเรียน
ท่องจำ
๒.๕ กลวิธีในการแต่ง
แต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทร่ายยาวที่มีคาถาบาลีนำ เป็นตอนที่ว่าด้วยนา
งมัทรีเข้าป่าไปหาผลไม้ กลับมาไม่พบพระกุมารผู้เป็นลูก จึงออกตามหา
ผู้แต่งเน้นให้ผู้อ่านเกิดความซาบซึ้งในการพรรณนาความรักของแม่ที่มีต่อ
ลูก รสวรรณคดีที่เด่นชัดที่สุด คือ สัลลาปังคพิสัย รองลงมาคือ พิโรธวาทัง
๗
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
๑. การสรรคำ กวีได้เลือกสรรคำที่สื่อความคิดได้ดีดังนี้
๑.๑ การใช้ถ้อยคำให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ กวีเลือกใช้คำได้เหมาะสมกับ
อารมณ์ที่ต้องการจะถ่ายทอด ดังตัวอย่างต่อไปนี้
๑) การใช้ถ้อยคำรำพึงรำพัน เป็นการรำพึงรำพันบรรยากาศผ่านตัวละคร
ที่ได้อารมณ์ความสะเทือนใจ และตรงใจผู้เป็นแม่ในชีวิตจริงในทุกยุคทุกสมัย
เป็นการเพิ่มความรักความผู้พันให้ผู้อ่านและผู้ฟังที่เป็นแม่และลูกได้เป็นอย่างดี
ยิ่ง
๒) การใช้ถ้อยคำสำนวนเชิงตัดพ้อ ให้ให้เกิดอารมณ์สงสารเวทยาและบีบ
คั้นจิตใจผู้อ่านผู้ฟังเป็นอย่างยิ่ง
๓) การใช้แสดงอารมณ์หึงหวงให้เจ็บแค้นเพื่อดับความโศกเศร้า ให้เกิด
อารมณ์สงสารเวทยาและบีบคั้นจิตใจผู้อ่านผู้ฟังเป็นอย่างยิ่ง
๔) การใช้คำซ้ำและกลุ่มคำที่มีพื้นเสียงเดียวกัน
๒. การใช้โวหาร กวีได้เลือกใช้สำนวนภาษาก่อให้เกิดจินตภาพ ดังนี้
๒.๑ การใช้อุปมาโวหารที่แสดงความเศร้าโศกของนางมัทรีจนสลบไป เป็น
จุดเด่นของกัณฑ์มัทรีที่ทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์สะเทือนใจด้วยความสงสาร การ
ใช้ถ้อยคำแสดงความสามารถของกวีในการประพันธ์ได้อย่างชัดเจน
๒.๒ การใช้คำอ้างอิงสำนวนสุภาษิต เป็นการใช้ถ้อยคำให้เกิดแง่คิดกับผู้
อ่านและผู้ฟังได้เป็นอย่างดี
๘
คุณค่าด้านสังคม
๑. สะท้อนค่านิยมเกี่ยวกับสังคมไทย ในสมัยโบราณถือว่าภรรยาเป็นทรัพย์
สมบัติของสามี สามีมีสิทธิ์เหนือภรรยาทุกประการ ถ้าสามีเป็นกษัตริย์
อำนาจนั้นก็มากขึ้น
๒. สะท้อนให้เห็นธรรมชาติของมนุษย์ ความรักนำมาซึ่งความทุกข์ ความ
โศกเศร้าเสียใจเช่น เมื่อลูกพลัดพรากจากไปพ่อแม่ย่อมมีความทุกข์เพรา
ความรัก ความเป็นห่วง กังวล โศกเศร้า เมื่อคิดว่าลูกของตนล้มหายตายจาก
ไป แต่ความโศกเศร้าเสียใจจะบรรเทาลงได้เมื่อมีความโกรธ เจ็บใจ หรือเมื่อ
เกิดความเข้าใจในสิ่งที่ผู้อื่นทำ
๓. สะท้อนความเชื่อของสังคมไทย จากข้อความตอนที่พระนางมัทรีออกสู่
ป่าเพื่อหาเก็บผลไม้ ผลไม้ก็เพี้ยนผิดปกติ ซึ่งถือว่าเป็นลางร้าย
๔. สะท้อนเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณี อันเป็นประเพณีที่เกี่ยวเนื่อง
กับพระพุทธศาสนา โดยเรื่อง มหาเวสสันดรชาดก เป็นชาดกที่
พุทธศาสนิกชนนิยมนำมาเล่าขานจัดเป็นงานเทศน์มหาชาติกันทุกปีมาตั้งแต่
ครั้งอดีต โดยจัดสถานที่ให้สอดคล้องกับเรื่องราวให้เป็นป่าที่อุดมไปด้วยไม้
ผล บางแห่งก็จัดตกแต่งภาชนะใส่เครื่องกัณฑ์เทศน์เป็นรูปต่างๆ ที่
สอดคล้องกับเนื้อเรื่องกัณฑ์นั้นๆ เช่น ทำรูปเรือสำเภาบูชากัณฑ์กุมาร จัด
เป็นรูปกระจาดใหญ่ใส่เสบียงอาหารและผลไม้ต่างๆ บูชากัณฑ์มหาราช บาง
แห่งก็จัดกัณฑ์เทศน์กันอย่างใหญ่โตในเชิงประกวดประชันกัน มีการบรรเลง
ดนตรีไทยประกอบเพื่อช่วยสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้ฟังเทศน์ ทั้งนี้พระสงฆ์
ที่มาเป็นผู้เทศน์จะเป็นพระสงฆ์ที่เทศได้อย่างไพเราะ ใช้ภาษาง่ายๆ เพื่อให้เข้า
ถึงผู้ฟังทุกเพศทุกวัย บางครั้งก็มีการเทศน์แหล่ด้วย ปัจจุบันเทศน์มหาชาติ
จัดเป็นงานประจำปีของทุกท้องถิ่นทั่วทุกภาในประเทศไทย
๙
การนำข้อคิดจากเรื่องไปใช้
ได้เห็นถึงความรักของผู้เป็นมารดาที่มีต่อบุตรความรักของแม่คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่และ
สวยงามที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นความรักของคุณแม่ของเรา หรือความรักของแม่ของ
เหล่าสัตว์โลกทั้งหลาย ก็ล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ทำให้มีความสุข สบายใจ อบอุ่น
และปลอดภัยเสมอความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่และทรงพลังมาก แม่พร้อมที่จะทำทุก
อย่างเพื่อปกป้องดูแลลูกของตนเอง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเหล่าสัตว์โลกทั้ง
หลาย ต่างก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับแม่นั่นเองไม่มีอ้อม
กอดใดที่อบอุ่นและปลอดภัยมากเท่ากับอ้อมกอดของแม่ เพราะแม่ไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้
กำเนิดลูกน้อย แต่ยังคอยดูแลและปกป้องลูกน้อยตั้งแต่วินาทีแรกที่ลืมตาดูโลกและได้
เห็นถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของพระเวสสันดรเพราะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้านั้น
เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และปัญหาที่เกิดขึ้นในหลาย ๆครั้ง ก็เป็นปัญหาที่
ทีมงานคาดไม่ถึงมาก่อน การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต้องใช้ไหวพริบ และเป็นการวัดกึ๋น
ของทีมได้เลยว่า มีการจัดการปัญหาได้ดีเพียงใด การคิดหาวิธีแก้ไขปัญหานั้น จะต้อง
ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ เพื่อหาวิธีที่มีความแตกต่างและหลากหลาย โดยควร
จะวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงเสียก่อน แล้วพยายามใช้ความคิดสร้างสรรค์เฟ้นหาวิธี
แก้ไข
แต่งคำประพันธ์ประเภทร่ายยาว
"กตัญญูรู้คุณท่าน"
สำนักถึงบุญคุณพ่อแม่ กตัญญูรู้คุณแท้ที่พ่อแม่ให้ พวกท่าเอาใจ
เราเสมอมา ก้มกราบเท้าท่านสักคราตอบแทนคุณ แม่เลี้ยงดูค้ำจุนมาแต่เล็ก
เมื่อยามเด็กพ่อก็คอยหาเงินเลี้ยงดู คอบประโลมปลอบใจอยู่ทุกเวลา เสาะ
แสวงข้าวปลาให้กินไม่เว้นวัน พระคุณพ่อแม่นั้นยากแท้จะลืมเลือน จงระลึก
และคอยเตือนใจถึงบุญคุณท่าน ตลอดเวลาด้วยประการละนี้แล
๑๐
แหล่งที่มา
• https://sites.google.com/a/htp.ac.th/mha-wessandr-chadk-
kanth-math-ri/2-prawati-phu-taeng
• https://6232arunthipp.wordpress.com/วิเคราะห์ตัวละคร/
• https://sites.google.com/site/kanipa031/prawati-phu-taeng
• https://sites.google.com/site/kanipa031/laksna-kha-praphanth
• http://maistdsru.blogspot.com/2016/05/blog-post_97.html