คานา
รายงานวชิ าน้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวชิ าหอ้ งสมุดและสารสนเทศ จุดประสงคเ์ พือ่ ใหผ้ อู้ า่ นมีความรู้
ความเขา้ ใจเร่ืองสายอาชีพครูมากยง่ิ ข้ึน เช่น ตอ้ งเรียนคระอะไร เรียนสายไหน เป็นตน้ เพ่ือศึกษาสาหรับผทู้ ี่
มีความสนใจในดา้ นสายอาชีพครู
ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ หนงั สือเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์ใหก้ บั ผอู้ า่ นไม่มากก็นอ้ ย หางมีความผดิ พลาดประการ
ใดผจู้ ดั ทาตอ้ งขออภยั และทางผจู้ ดั ทาจะนาไปปรับปรุงแกไ้ ขและพฒั นาต่อไป
ซอแกว้ รังสวสั ด์ิจิตร์
4 มีนาคม 2565
สารบญั หนา้
(1)
เร่ือง (2)
คานา 1
สารบญั 2
บทนา 4
ประวตั ิอาชีพครู 5
- ความเป็นมาของอาชีพครู 6
- อาชีพครูคืออะไร 12
หนา้ ท่ีของครูท่ีดี 21
ครูท่ีดีจะตอ้ งมีหนา้ ท่ีและความรับผดิ ชอบยงั ไง 24
เส้นทางสู่อาชีพครู 26
27
ประชากรครูในประเทศไทย ปี 2564
บทสรุป
บรรณานุกรม
บทนา
อาชีพครูมีหนา้ ท่ีสอนอบรมณ์ท้งั ในบทเรียนและนอกบทเรียนเพิ่อสอนในวชิ าความรู้ และ อบรมณ์
ใหน้ กั เรียนเป็นคนท่ีดี อาชีครูถือวา่ เป็นอาชีพท่ีมีความสาคญั ในบทบาทของสังคมมากเป็นท่ีมาของคาวา่
แม่พิมพข์ องชาติ อีกท้งั ยงั เป็นอาชีพที่สุจริตอีกดว้ ย
ประวตั ิของอาชีพครู
ประวตั ิของอาชีพครู การควบคุมและรักษามาตรฐานการประกอบวชิ าชีพครูของไทย มีมานานก่อน
วชิ าชีพช้นั สูงหลายวชิ าชีพในปัจจุบนั ในปี พ.ศ. 2438 มีการอบรมครูเป็นคร้ังแรกที่ “วทิ ยาทานสถาน”ซ่ึง
เจา้ พระยาภาสกรวงศ(์ พร บุนนาค) เสนาบดีคนแรกเป็นคน จดั ต้งั ข้ึน ที่สี่กก๊ั พระยาศรีใกลห้ า้ งแอลยรี ิกนั ดีผู้
อบรมครูคนแรก คือเจา้ พระยาธรรมศกั ด์ิมนตรี(นายสนนั่ เทพหสั ดิน ณ อยธุ ยา) ต่อมาในปี พ.ศ.2443 มีการ
จดั ต้งั สภาสาหรับอบรมและประชุมครูข้ึนท่ีวดั ใหมว่ นิ ยั ชานาญ แขวงบางกอกนอ้ ย จงั หวดั ธนบุรีใชช้ ื่อวา่
“สภาไทยาจารย”์ เปิ ดท าการสอนครูทุกวนั พระอนั เป็นวนั หยดุ ราชการ (ก่อเกิดหนงั สือพมิ พว์ ทิ ยาจารยเ์ ล่ม
แรก ซ่ึงเป็นหนงั สือพมิ พข์ องครูออกในเดือนพฤศจิกายน) พ.ศ.2445 กรมศึกษาธิการจดั ต้งั “สามคั ยาจารย์
สโมสรสถาน” เพ่ือใชเ้ ป็น ที่ประชุมอบรมและสอนครูข้ึนที่โรงเรียนทวธี าภิเษก โดยมีเจา้ พระยาพระเสดจ็ สุ
เรนทราธิบดี(ม.ร.ว.เปี ย มาลากลุ ) เป็นนายก สภาคนแรก ซ่ึงตอ่ มาไดย้ า้ ยไปต้งั อยใู่ นโรงเรียนมธั ยมวดั ราช
บรู ณะ (โรงเรียนสวนกหุ ลาบ) ปี 2447 สามคั ยาจารยส์ โมสรสถาน ยกฐานะเป็นสมาคม ใชช้ ื่อวา่ “สามคั ยา
จารยส์ มาคม” กิจการของสามคั ยาจารยส์ มาคมไดส้ ร้างความเจริญเพิ่มพนู ความรู้และ ความสามคั คีใหแ้ ก่ครู
ดว้ ยดีมาเป็นเวลา 40 ปี เศษ ต่อมาเม่ือมีการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ิครูพุทธศกั ราช2488 จดั ต้งั “คุรุสภา”
ข้ึนเป็นสภาในกระทรวงศึกษาธิการ โดยที่คุรุสภามีวตถั ุประสงคแ์ ละความมุง่ งหมายกวา้ งขวางครอบคลุม
กิจการของ สามคั ยาจารยส์ มาคม จึงมีการรวมงานและทรัพยส์ ินของสามคั ยาจารยส์ มาคมมาเป็นของคุรุสภา
และใหจ้ ดั ต้งั สโมสรสามคั ยา จารยข์ ้ึนใหมเ่ ป็นแผนกหน่ึงของคุรุคุรุสภาตามพระราชบญั ญตั ิครูพุทธศกั ราช
2488 มีหลกั การส าคญั 3 ประการ คือเป็นสภา ที่ปรึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เพอ่ื ช่วยฐานะครูและ
เพอื่ ใหค้ รูปกครองครูซ่ึงคุรุสภาไดท้ าหนา้ ท่ีโดยสมบรู ณ์ตลอดมา ตอ่ มาเม่ือมีการตราพระราชบญั ญตั ิ
การศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2542 เพ่ือปฏิรูประบบการศึกษาคร้ังใหญ่ คุรุสภาไดป้ รับบทบาทใหม่โดยมีการตรา
พระราชบญั ญตั ิสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ข้ึน ใหเ้ ป็นกฎหมายวา่ ดว้ ยสภาครูและบุคลากร
ทางการศึกษามีเหตุผลสาคญั เพือ่ สืบทอดเจตนารมณ์ของการจดั ต้งั คุรุสภาใหเ้ ป็นสภาวชิ าชีพครูต่อไป
พระราชบญั ญตั ิสภาครูฯ มีผลบงั คบั ใชต้ ้งั แต่วนั ที่12 มิถุนายน 2546 กาหนดใหอ้ งคก์ รวชิ าชีพ 2 องคก์ ร คือ
สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา เรียกวา่ “คุรุสภา” มีฐานะเป็นนิติบุคคลอยใู่ นกากบั ของกระทรวงศีกษา
ธิการทาหนา้ ที่เกี่ยวกบั การควบคุมและรักษามาตรฐานวชิ าชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาอีกองคก์ รหน่ึง
คือสานกั งานคณะกรรมการส่งเสริมสวสั ดิการและสวสั ดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา เรียกวา่
“สกสค.” มีฐานะเป็นนิติบุคคลอยใู่ นกากบั กระทรวงศึกษาธิการมีหนา้ ที่เกี่ยวกบั การส่งเสริมสวสั ดิการ
สวสั ดิภาพและส่งเสริมสนบั สนุนการจดั การศึกษาของกระทรวงเมื่อวนั ที่16 เมษายน 2558 ไดม้ ีคาสั่ง
หวั หนา้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติที่7/2558 เร่ืองการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีของ คณะกรรมการคุรุสภา
คณะกรรมการส่งเสริมสวสั ดิการและสวสั ดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการ บริหาร
องคก์ ารคา้ ของสานกั งานคณะกรรมการส่งเสริมสวสั ดิการและสวสั ดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาโดย
ใหค้ ณะกรรมการคุรุสภาแห่งพระราชบญั ญตั ิสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ซ่ึงอยใู่ นวนั ก่อน
วนั ที่คาส่งั น้ีใชบ้ งั คบั พน้ จากตาแหน่งและมิใหม้ ีการแตง่ ต้งั บุคคลข้ึนมาแทนที่โดยใหค้ ณะกรรมการคุรุสภา
ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
ความเป็ นมาของอาชีพครู
ในชีวติ ของคนเราถือวา่ บิดามารดา เป็นผมู้ ีพระคุณอนั สูงสุด เพราะทา่ นเป็นผใู้ หช้ ีวติ ใหค้ วามรัก
ใหค้ วามเมตตา มีความห่วงใย และเสียสละเพอ่ื ลูก นอกจาก บิดามารดา แลว้ กม็ ีครูเป็นผมู้ ีพระคุณคลา้ ย บิดา
มารดา คือ เป็นผอู้ บรมส่งั สอนถ่ายทอดวชิ าความรู้ให้ รวมท้งั ใหค้ วามรัก ความเมตตาต่อศิษยท์ ุกคน นบั ได้
วา่ ครูเป็นผเู้ สียสละที่ไม่แพบ้ ุพการี
ครูจึงนบั เป็นปชู นียบุคคลที่มีความสาคญั อยา่ งมาก ในการใหก้ ารศึกษาเรียนรู้ ท้งั ในดา้ นวชิ าการ
และประสบการณ์ ตลอดเป็นผมู้ ีความเสียสละ ดูแลเอาใจใส่ สง่ั สอนอบรมใหเ้ ดก็ ไดพ้ บกบั แสงสวา่ งแห่ง
ปัญญา อนั เป็นหนทางแห่งการประกอบ าชีพเล้ียงดูตนเอง รวมท้งั นาพาสงั คมประเทศชาติ กา้ วไปสู่ความ
เจริญรุ่งเรือง ฉะน้นั วนั ที่ 6 ตุลาคม จึงไดเ้ ป็นวนั ครูสากล เพอื่ คนท่ีเป็นครูทวั่ โลกที่เสียสละนาพาเราทุก ๆคน
ไปถึงฝ่ังฝันนนั่ เอง
อาชีพครูคอื อะไร
คืออาชีพที่ถ่ายทอดความรู้ดว้ ยวธิ ีการสอนและการจดั การเรียนรู้หลากหลายรูปแบบเพ่อื ใหม้ นุษย์
เกิดการเรียนรู้และพฒั นาศกั ยภาพของตนใหม้ ีคุณภาพชีวติ ที่ดีข้ึนอาชีพครูสามารถจาแนกออกไดห้ ลาย
ประเภทตามลกั ษณะการสอนและลกั ษณะของสงั กดั อีกดว้ ย เช่น ครูในสังกดั โรงเรียนสามญั จะประกอบไป
ดว้ ยครู 8 กลุ่มสาระและครูกิจกรรมยกตวั อยา่ งเช่น ครูผสู้ อนภาษาต่างประเทศ ครูผสู้ อนภาษาไทย ครูผสู้ อน
คณิตศาสตร์ครูผสู้ อนศิลปะ ครูผสู้ อนการงานอาชีพและเทคโนโลยคี รูผสู้ อนวทิ ยาศาสตร์ ครูผสู้ อนสังคม
ศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม ครูผสู้ อนพลศึกษาและสุขศึกษา ครูผจู้ ดั กิจกรรมแนะแนว และอื่นๆ ตาม
ลกั ษณะการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ครูในสงั กดั โรงเรียนหรือสถาบนั การศึกษาสายอาชีพ/อาชีวะจะประกอบ
ไปดว้ ยครูผมู้ ีความชานาญดา้ นสายอาชีพยกตวั อยา่ งเช่น ครูผสู้ อนช่างยนตค์ รูผสู้ อนเขียนแบบ ครูผสู้ อนช่าง
อิเลก็ ทรอนิกส์ครูผสู้ อนช่างไฟฟ้ า ครูผสู้ อนช่างก่อสร้าง ครูผสู้ อนช่างกล ครูผสู้ อนช่างเช่ือม และครูผสู้ อน
อ่ืนๆ ตามลกั ษณะสายอาชีพท่ีตอ้ งการฝึกฝนผเู้ รียนใหเ้ กิดความพร้อมในการประกอบอาชีพ ตามสาขาวชิ าที่
เปิ ดสอน ครูนอกสงั กดั นบั วา่ เป็นครูเช่นกนั เช่น ครูในสถาบนั กวดวชิ าครูสอนดนตรีครูสอนเตน้ กถ็ ือไดว้ า่
บุคคลเหล่าน้นั เป็นครูแตไ่ มไ่ ดอ้ ยใู่ นสังกดั ของกระทรวงศึกษาธิการอาจไม่มีใบประกอบวชิ าชีพครู แต่
บุคคลเหล่าน้นั ถือวา่ ได้ มีการสั่งสอน จึงจดั วา่ เป็นครูหรือมากไปกวา่ น้นั ยงั มีครูพ้ืนบ้าน และผทู้ ่ีถ่ายทอด
ความรู้ตา่ งๆเขากค็ ือครูโดยต้งั ใจและไม่ต้งั ใจกต็ าม และอาจมีประเภทสายการสอนของครูในยคุ อนาคต
เกิดข้ึนใหมต่ ามวทิ ยาการท่ีเปลี่ยนแปลง อีกมากมาย เพราะเกิดวทิ ยาการใหม่ๆ ยอ่ มตอ้ งมีการถ่ายทอด
ความรู้จึงตอ้ งพ่ึงพาผมู้ ีความรู้มาถ่ายทอด ครูกค็ ือผถู้ ่ายทอดความรู้ที่ตนมีใหผ้ อู้ ่ืนเพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้และ
สติปัญญาในเรื่องน้นั ๆ
หน้าทข่ี องครูทดี่ ี
1. ครูเป็นผทู้ ี่สามรถใหท้ างแห่งความรอดแก่ศิษย์ ความรอดมีอยสู่ องทาง คือ ทางรอดทางกายและ
ทางรอดทางใจ
2. ครูตอ้ งสามารถดารงความเป็นครูอยไู่ ดท้ ุกอิริยาบถ
3. ครูตอ้ งสามารถเป็นตวั อยา่ งตามกาสอนแก่ศิษย์ สอนอยา่ งไรทาอยา่ งน้นั
การพิจารณาหนา้ ที่และความรับผดิ ชอบในเชิงของกฎระเบียนขอ้ บงั คบั ที่คอ่ นขา้ งเป็นลายลกั ษณ์อกั ษรหรือ
บทบญั ญตั ิต่างๆ เป็นลกั ษณะท่ีคอ่ นขา้ งบงั คบั วา่ ครูตอ้ งกระทากิจเหล่าน้นั ส่วนการพจิ ารณาหนา้ ท่ีและความ
รับผดิ ชอบของครูในอีกดา้ นหน่ึงน้นั กเ็ ป็นการพจิ ารณาหนา้ ที่ของครูในเชิงคุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงคท์ ี่
เป็นไปตามแบบธรรมเนียมปฏิบตั ิมีลกั ษณะเป็นวฒั นธรรมและจารีตประเพณี
- ลกั ษณะของหนา้ ท่ีและความรับผดิ ชอบของครู
หนา้ ที่ความรับผดิ ชอบของครูมี 2 ลกั ษณะดงั น้ี
1.หนา้ ที่และความรับผดิ ชอบของครูในเชิงระเบียนปฏิบตั ิหรือกฎหมายกาหนด หนา้ ที่ความ
รับผดิ ชอบของครูในเชิงระเบียนปฏิบตั ิอาจพจิ ารณาไดจ้ ากระเบียนปฏิบตั ิทางราชการต่างๆ ท่ีกาหนดข้ึน
และไดป้ ระกาศใชโ้ ดยหน่วยงานของราชการของรัฐ เช่น ระเบียนคุรุสภาวา่ ดว้ ย จรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539
ประกาศจรรยาบรรณครูของสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ หรือระเบียนคุรุสภาวา่ ดว้ ยวนิ ยั และ
การรักษาวนิ ยั ตา่ งๆ
หนา้ ที่และความรับผดิ ชอบของครูในเชิงระเบียนปฏิบตั ิต่อบุคคลต่างๆ ที่ผปู้ ระกอบวชิ าชีพครูตอ้ ง
สมั พนั ธ์ดว้ ยน้นั อาจแบง่ เป็น 3 กลุ่มคือ หนา้ ที่ความรับผดิ ชอบของครูต่อศิษย์ ตอ่ สถาบนั วชิ าชีพครูอนั
ไดแ้ ก่ เพ่ือนครูและสถานศึกษา และหนา้ ที่ความรับผดิ ชอบของครูต่อสังคมอนั ไดแ้ ก้ ผปู้ กครองนกั เรียนและ
ชุมชน หนา้ ท่ีความรับผดิ ชอบของครูในเชิงระเบียนปฏิบตั ิหรือกฎหมายกาหนดมีดงั น้ี
1.1หนา้ ที่และความรับผดิ ชอบของครูต่อศิษยเ์ ป็นหนา้ ที่ความรับผดิ ชอบที่สาคญั เป็นอนั ดบั แรก อาจ
สรุปหนา้ ที่ของครูต่อศิษยไ์ ดด้ งั น้ี
1.1.1 ต้งั ใจสงั่ สอนศิษยแ์ ละปฏิบตั ิหนา้ ที่ใหเ้ กิดผลดีดว้ ยความเอาใจใส่
1.1.2อุทิศเวลาของตนใหแ้ ก่ศิษย์ จะละทิง้ หรือทอดทิง้ หนา้ ที่การงานมิได้
1.1.3ถ่ายทอดวชิ าความรู้โดยไมบ่ ิดเบือนและปิ ดบงั อาพราง ไมน่ าหรือยอมใหน้ าผลงาน
ทางวชิ าการของตนไปใชใ้ นทางทุจริตหรือเป็นภยั ต่อศิษย์
1.1.4สุภาพเรียบร้อย ประพฤติตนเป็นแบบอยา่ งที่ดีแก่ศิษย์
1.1.5รักษาความลบั ของศิษย์
1.1.6ครูตอ้ งรักและเมตตาศิษยโ์ ดยใหค้ วามเอาใจใส่ช่วยเหลือส่งเสริมใหก้ าลใั จใน
การศึกษาเล่าเรียนแก่ศิษยโ์ ดยเสมอหน้า
1.1.7ครูตอ้ งอบรม สง่ั สอน ฝึกฝน สร้างเสริมความรู้ ทกั ษะและนิสยั ที่ถูกตอ้ งดีงามใหเ้ กิด
แก่ศิษยอ์ ยา่ งเตม็ ความสามารถ ดว้ ยความบริสุทธ์ิใจ
1.1.8ครูตอ้ งประพฤติ ปฏิบตั ิเป็นแบบอยา่ งท่ีดีแก่ศิษยท์ ้งั ทางการ วาจาและจิตใจ
1.1.9ครูตอ้ งไม่กระทาตนเป็นปฏิปักษต์ อ่ ความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์และ
สงั คมของศิษย์
1.1.10ครูตอ้ งไมแ่ สวงหาประโยชนอ์ นั เป็นอามิสสินจา้ งจากศิษยใ์ นการปฏิบตั ิหนา้ ที่
ตามปกติ และไมใ่ ชใ้ หศ้ ิษยก์ ระทาการใดๆ อนั เป็นการหาประโยชน์ใหแ้ ก่ตนโดยมิชอบ
1.2 หนา้ ท่ีและความรับผดิ ชอบของครูต่อสถาบนั วชิ าชีพครูอนั ไดแ้ ก่ ตนเองเพ่ือนครูและ
สถานศึกษาในการประกอบวชิ าชีพครู โดยทวั่ ไปจะเป็นการทางานเป็นทีมในสถานศึกษาท่ีจดั ต้งั ข้ึน ฉะน้นั
หนา้ ท่ีและความรับผดิ ชอบของครูจะตอ้ งมีตอ่ ตนเอง และเพอื่ นร่วมงานท้งั ในระดบั ผบู้ งั คบั บญั ชา และ
บุคลากรอื่นๆ ในสถานศึกษา ซ่ึงอาจจะแยกแยะไดด้ งั น้ี
1.2.1ครูพงึ ช่วยเหลือเก้ือกลู ครูดว้ ยกนั ในทางสร้างสรรค์ เช่น การแนะนาแหล่งวทิ ยาการ
ใหก้ นั แลกเปล่ียนประสบการณ์ทางวชิ าชีพซ่ึงกนั และกนั
1.2.2รักษาความสามคั คีระหวา่ งครู และช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ในหนา้ ที่การงาน ไม่แบง่
พรรคแบง่ พวกคิดทาลายกลน่ั แกลง้ ซ่ึงกนั และกนั เตม็ ใจช่วยเหลือเม่ือเพอ่ื นครูขอความช่วยเหลือ เช่น เป็น
วทิ ยากรใหแ้ ก่กนั ช่วยงานเวรหรืองานพเิ ศษซ่ึงกนั และกนั
1.2.3ไมแ่ อบอา้ งหรือนาผลงานทางวชิ าการของเพื่อนครูมาเป็นของตนท้งั ยงั ตอ้ งช่วยเหลือ
ใหเ้ พอ่ื นครูอื่นๆ ไดส้ ร้างสรรคง์ านวชิ าการอยา่ งเตม็ ความสามารถดว้ ย
1.2.4ประพฤติตนดว้ ยความสุภาพ อ่อนนอ้ มถ่อมตน และใหเ้ กียรติซ่ึงกนั และกนั ไม่วา่ จะ
สังกดั หน่วยงานใด
1.2.5ปฏิบตั ิตามระเบียบ และแบบธรรมเนียมอนั ดีงามของสถานศึกษา ปฏิบตั ิตามคาสั่ง
ของผบู้ งั คบั บญั ชาซ่ึงสง่ั โดยชอบดว้ ยกฎหมาย และระเบียบแบบแผนของสถานศึกษา
1.2.6รักษาช่ือเสียงของตนไม่ใหข้ ้ึนช่ือวา่ ประพฤติชว่ั ไมก่ ระทาการใดๆ อนั อาจทาให้
เส่ือมเสียเกียรติศกั ด์ิและช่ือเสียงของครู
1.2.7ประพฤติตนอยใู่ นความซื่อสตั ยส์ ุจริต และปฏิบตั ิหนา้ ที่ดว้ ยความเท่ียงธรรม ไม่
แสวงหาประโยชน์สาหรับตนเองหรือผอู้ ื่นโดยมิชอบ
1.2.8ครูยอ่ มพฒั นาตนเองท้งั ในดา้ นวชิ าชีพ บุคลิกภาพ และวสิ ยั ทศั น์ใหท้ นั ต่อการพฒั นา
ทางวชิ าการ เศรษฐกิจ สงั คม และการเมืองอยเู่ สมอ
1.2.9ครูยอ่ มรักและศรัทธาในวชิ าชีพครูและเป็นสมาชิกที่ดีขององคก์ รวชิ าชีพ
1.3 หนา้ ที่และความรับผดิ ชอบของครูตอ่ สังคมอนั ไดแ้ ก่ ผปู กครองนกั เรียนและชุมชนหนา้ ที่ความ
รับผดิ ชอบของครูน้นั ยอ่ มอยทู่ ี่ศิษยเ์ ป็นเป้ าหมายสาคญั แต่การสร้างเสริมศิษยน์ ้นั ยงั มีปัจจยั ที่เก่ียวอยา่ งอ่ืน
ดว้ ยคือผปู้ กครองนกั เรียนและชุมชน ครูจึงตอ้ งมีหนา้ ท่ีและรับผดิ ชอบต่อสถาบนั ท้งั สองน้นั ดว้ ยซ่ึงอาจ
แยกแยะ ไดด้ งั น้ี
1.3.1ครูตอ้ งเล่ือมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยเ์ ป็นประมุข
ดว้ ยความบริสุทธ์ิ
1.3.2ครูตอ้ งยดึ มน่ั ในศาสนาที่ตนนบั ถือและไม่ดูหม่ินศาสนาอ่ืน
1.3.3ครูตอ้ งใหค้ วามร่วมมือกบั ผปู้ กครองในการอบรมสัง่ สอนศิษยอ์ ยา่ งใกลช้ ิดตลอดจน
การร่วมแกป้ ัญหาของศิษยท์ ุกๆดา้ น ท้งั ดา้ นการศึกษาเล่าเรียน ความประพฤติ สุภาพพลานามยั ปัญหาทาง
จิตใจ ฯลฯ
1.3.4ครูตอ้ งใหค้ าปรึกษาหารือและแนะนาผปู้ กครองในการอบรมเล้ียงดูเดก็ ในปกครอง
อยา่ งใกลช้ ิด ตลอดจนแนะแนวการศึกษาต่อและการเลือกอาชีพของศิษย์
1.3.5ครูตอ้ งรายงานขอ้ มูลต่างๆ ของศิษยใ์ หผ้ ปู้ กครองทราบสม่าเสมอและถูกตอ้ งไม่
บิดเบือน
1.3.6ครูพงึ ใหค้ วามช่วยเหลือเก้ือกลู ผปู้ กครองและชุมชนในทางสร้างสรรคต์ ามความ
เหมาะสม
1.3.7ครูพงึ ประพฤติเป็นผนู้ าในการอนุรักษส์ ภาพแวดลอ้ มและศิลปวฒั นธรรมของชุมชน
1.3.8ครูพึงร่วมพฒั นาชุมชนทุกๆดา้ น ช่วยใหข้ อ้ มูลข่าวสารและความรู้ใหม่ๆ ในการ
ดาเนินชีวติ แก่สมาชิกทุกคนในชุมชน
2. หนา้ ท่ีและความรับผดิ ชอบของครูในเชิงจารีตและแบบธรรมเนียมหนา้ ท่ีและความรับผดิ ชอบ
ของครูในเชิงจารีตและแบบธรรมเนียมน้ี เป็นหนา้ ที่ที่สังคมคาดหวงั ใหค้ รูปฏิบตั ิ เป็นสานึกท่ีสืบทอดกนั มา
ในสงั คมไทย ดงั จะศึกษาไดจ้ าก ความเป็นครูสถิตในหทยั ราช ซ่ึงเป็นผลงานการศึกษาคน้ ควา้ ของ เรืองวทิ ย์
ลิมปนาท (2538 : 23-38) ในบทท่ีวา่ ดว้ ย แนวพระราชดาริดา้ นการศึกษาและความเป็นครู ของ
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู ิพลอดุลนเดช จะเห็นไดว้ า่ พระบรมราโชวาทในวาระและในโอกาสต่างๆ
น้นั พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงตรัสถึงบทบาทหนา้ ท่ีของครูในเชิงจารีตและแบบธรรมเนียม
สอดแทรกไวด้ ว้ ยเสมอๆนอกจากพิจารณาจากพระบรมราโชวาทต่างๆแลว้ อาจพจิ ารณาหนา้ ที่และความ
รับผดิ ชอบของครูในเชิงจารีตและแบบธรรมเนียมไดจ้ ากคาสอนในหมวดธรรมเรื่อง การอนุเคราะห์ศิษย์ 5
ประการ ซ่ึงวงการครูไทยยดึ เป็นแบบปฏิบตั ิสืบต่อกนั มาชา้ นานดงั น้ี
2.1 แนะนาส่ังสอนดี ครูยอ่ มมีหนา้ ที่ในการแบะนะสัง่ สอนวทิ ยาการตา่ งๆ โดยตอ้ ง
รับผดิ ชอบดว้ ยการส่ังสอนดี ไดแ้ ก่ สอนใหช้ ดั เจนไม่คลุมเครือ สอนไดช้ ดั เจนหรือใหเ้ ป็นรูปธรรม สอนให้
เกิดความกระตือรือร้นท่ีจะเล่าเรียนโดยมีกาลงั ใจและมน่ั ใจท่ีจะเรียนและสอนใหส้ นุกใหศ้ ิษยเ์ รียนไดอ้ ยา่ ง
ไมเ่ บื่อหน่ายหรือสรุปส้ันๆวา่ ชี่ใหช้ ดั ชวนปฏิบตั ิลงมือกระตือรือร้น แจ่มใสสนุก
2.2 ใหก้ ารศึกษาเล่าเรียนดี ครูตอ้ งเป็นผจู้ ดั สถานการณ์ เพื่อใหศ้ ิษยไ์ ดศ้ ึกษาเล่าเรียนไดด้ ี
ไดแ้ ก่ การจดั สภาพแวดลอ้ มท่ีส่งเสริมการเรียนรู้ การจดั กิจกรรมเพอ่ื เสริมสร้างประสบการณ์ดา้ นต่างๆ ให้
ศิษย์ ตลอกจนการใชส้ ่ือการเรียนการสอนที่ช่วยใหศ้ ิษยศ์ ึกษาเล่าเรียนไดด้ ี
2.3 บอกศิลปะใหส้ ิ้นเชิงไมป่ ิ ดบงั อาพราง ครูตอ้ งรับผดิ ชอบในศิลปะวทิ ยาการที่ตนสอน
ตอ้ งสอนในสิ่งที่ถูกตอ้ ง มีความบริสุทธ์ิใจในการอบรมสั่งสอนไม่บิดเบือนวชิ าการ
2.4 ยกยอ่ งใหป้ รากฎในหม่เู พือ่ น ครูตอ้ งช่วยเร้าหรือเสริมกาลงั ใจใหแ้ ก่ศิษยใ์ นการศึกษา
เล่าเรียน ศิษยแ์ ตล่ ะคนยอ่ มมีความสามารถและความถนดั ในบางดา้ น ครูตอ้ งช่วยส่งเสริมความสามารถ
พิเศษน้นั ใหโ้ ดดเด่นยง่ิ ข้ึน ครูตอ้ งไม่ทาลายความภาคภมู ิใจในตนเองของศิษย์
2.5 ป้ องกนั ภยั ในทิศท้งั หลาย ครูมีหนา้ ท่ีป้ องกนั ศิษยโ์ ดยการแนะนาส่งั สอนใหร้ ู้จกั คุณ
และโทษทางสิ่งตา่ งๆในชีวติ ป้ องกนั ศิษยไ์ มใ่ หต้ กไปในทางอุบายทุกอยา่ ง ซ่ึงอาจทาไดท้ ้งั การประพฤติตน
เป็นแบบอยา่ ง ไมช่ กั จูงไปในทางเส่ือม คอยดูและใหห้ ่างไกลจากภยั ท้งั หลาย
หนา้ ที่และความรับผดิ ชอบท่ีพึงประสงคข์ องครู
อาจวเิ คราะห์หนา้ ท่ีของครูจากระเบียนปฏิบตั ิราชการ การศึกษาสมั มนา และการวจิ ยั เก่ียวกบั หนา้ ที่
และความรับผดิ ชอบของครูตามลกั ษณะงานครู หนา้ ท่ีความรับผดิ ชอบของครุจากงานวจิ ยั ตา่ งๆ ดงั เช่น
เฉลียว บุรีภกั ดีและคณะ (2520 : 235-240) วจิ ยั เรื่องลกั ษณะของครูท่ีดีและสรุปไดว้ า่ ครูที่ดีจะตอ้ งมีหนา้ ที่
และความรับผดิ ชอบ ดงั ตอ่ ไปน้ี
1. หมนั่ อบรมเดก็ อยเู่ สมอ
2. ต้งั ใจสอน รักการสอน
3. จดั การปกครองใหเ้ ป็นท่ีเรียบร้อย
4. เตรียมการสอน และทาการบนั ทึกการสอน
5. หมนั่ วดั ผลและติดตามผลการเรียน
6. รับผดิ ชอบในหนา้ ที่ท่ีไดร้ ับมอบหมาย
7. ช่วยใหค้ ะแนะนาแก่เด็กดว้ ยความเตม็ ใจ
8. สอนใหเ้ ด็กเป็นประชาธิปไตย
9. ทาบญั ชีรายชื่อ และสมุดประจาช้นั
10. ดูแลบารุงรักษาหอ้ งเรียนและอาคารสถานที่
11. เก่ียวกบั การสอน การอบรม การวดั ผล
12. เก่ียวกบั ธรุการและระเบียนวนิ ยั
13. คน้ ควา้ เพิม่ เติมและหาความรู้ใหมๆ่ มาสอน
14. สอนใหเ้ ดก็ เป็นคนดี
15. หมน่ั หาความรู้และวธิ ีการหาความรู้
16. เป็นตวั อยา่ งแก่เด็ก
17. จดั การแนะแนวที่ดีแก่เดก็
18. ช่วยงานสารบรรณและธุรการโรงเรียน
19. เอาใจใส่เด็ก
20. บริการโรงเรียน
21. เป็นครูประจาช้นั
22. ทาระเบียนและสมุดรายงานนกั เรียน
23. มีมนุษยส์ มั พนั ธ์ที่ดี
24. ร่วมกิจกรรมชุมชน
25. สอนใหเ้ ขา้ ใจแจ่มแจง้
26. เอาใจใส่และพยายามเขา้ ใจปัญหาและความตอ้ งการของเดก็
27. ช่วยประชาสัมพนั ธ์กิจการของโรงเรียนไดด้ ี
จากหนา้ ที่และความรับผดิ ชอบของครูดงั กล่าวแลว้ นนั่ อาจสรุปเป็นขอ้ สาคญั โดยเทียบกบั
พยญั ชนะ จากคาวา่ TEACHERS ซ่ึงในท่ีนี่ สรุปไดด้ งั น้ี
T = Teaching and Training การสั่งสอนและการฝึกฝนวทิ ยาการ
E = Ethics Instruction การอบรมคุณธรรมและจริยธรรม
A = Action Research การวจิ ยั และการศึกษาคน้ ควา้
C = Cultural Heritage การถ่ายทอดวฒั นธรรม
H = Human Relationship การสร้างมนุษยส์ มั พนั ธ์
E = Extra Jobs การปฏิบตั ิงานที่พเิ ศษต่างๆ
R = Reporting and Counselling การรายงานผลนกั เรียนและการแนะแนว
S = Student Activities การจดั กิจกรรมนกั เรียน
หนา้ ท่ีในการสั่งสอนและฝึกฝนวทิ ยาการ (Teaching and Training) ภารกิจประการแรกสุดและ
สาคญั ท่ีสุดของผปู้ ระกอบวชิ าชีพครูคือการสงั่ สอนวชิ าความรู้และการฝึกฝนวทิ ยาการใหก้ บั ศิษย์ ไม่วา่
หลกั สูตรหรือปรัชญาการศึกษาจะเปลี่ยนแปลงไปอยา่ งไรผเู้ ป็นครูก็จะตอ้ งมีหนา้ ที่และความรับผดิ ชอบใน
การจดั การศึกษาเล่าเรียน คุณภาพท่ีเด่นที่สุดของครูกค็ ือการสอนครูท่ีสอนดีคือครูท่ีรู้วิธีฝึกฝนศิษยใ์ หม้ ี
ความรู้ความเขา้ ใจวชิ าท่ีเรียน การสอนของครูในยคุ โลกาภิวตั น์ รุ่ง แกง้ แดง (2541 : 140-146) เสนอ
กระบวนการสอนไว้ 10 ข้นั ตอน ดงั น้ี
1. ศึกษารวบรวมขอ้ มลู ของผเู้ รียนเป็นรายบุคคล ครูตอ้ งศึกษาวเิ คราะห์วจิ ยั เพือ่ ทาความรู้จกั กบั
ผเู้ รียนเป็นรายบุคคล ดูพฒั นาการของเดก็ ดูขอ้ มลู ภูมิหลงั พ้นื ความรู้ความสามารถทางการเรียน และความ
ตอ้ งการของผเู้ รียน
2. วเิ คราะห์เพื่อคน้ หาศกั ยภาพของผเู้ รียน โดยใชจ้ ิตวทิ ยาการเรียนรู้หรือเทคนิคพหุปัญญา
(Multiple Intelligence) เพือ่ ดูวา่ ผเู้ รียนมีศกั ยภาพทางปัญญาดา้ นไหนมากนอ้ ยเทา่ ใด ครูก็จะสามารถ
ช่วยเหลือแนะนาเพ่อื จดั การศึกษาใหเ้ สอดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพและความสามารถของผเู้ รียนได้ การวเิ คราะห์
เช่นน้ีครูจะสามารถช่วยท้งั ผเู้ รียนท่ีมีสติปัญญาสูงโดยส่วนรวม หรื อมีความพกิ ารเบ้ืองตน้ ดา้ นใดดา้ นหน่ึงก็
สามารถที่จะพฒั นาไปไดเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ
3.รวมกบั ผเู้ รียนในการสร้างวสิ ยั ทศั น์ ครูกระตุน้ ความตอ้ งการของผเู้ รียนไดโ้ ดยการช่วยเดก็ สร้าง
วสิ ยั ทศั น์หรือความฝันที่จะไปใหไ้ กลท่ีสุด เพื่อท่ีจะสร้างพลงั และแรงจูงใจ
4.ร่วมวางแผนการเรียน การเรียนเป็นสิทธิความรับผดิ ชอบของผเู้ รียนหนา้ ท่ีของครูกค็ ือเป็นผรู้ ่วม
วางแผน เป็นผใู้ หค้ าแนะนาในฐานะผมู้ ีความรู้และความเช่ียวชาญมีประสบการณ์มากกวา่ แต่การวาง
แผนการเรียนจริงๆ น้นั ตอ้ งเป็นเรื่องของผเู้ รียน เพ่อื ปลูกฝังใหเ้ ด็กรู้จกั การเรียนรู้ตลอดชีวติ ดว้ ย
5.แนะนาช่วยเหลือเร่ืองการเรียน เป็นข้นั ตอนท่ีจะเขา้ มาทดแทนข้นั ตอนการสอนเดิม คือแทนที่ครู
จะบอกเน้ือหาใหแ้ บบเดิม ครูกเ็ พยี งแตแ่ นะนาเน้ือหาบางส่วนและวธิ ีการเรียนใหผ้ เู้ รียน
6. สรรหาและสนบั สนุนส่ืออุปกรณ์ ครูเป็นผสู้ นบั สนุนสรรหาสื่อและอุปกรณ์ตา่ งๆ จดั หา
เทคโนโลยที างการศึกษาที่ใชป้ ระกอบการเรียน เพือ่ ใหผ้ เู้ รียนสามารถเรียนดว้ ยตนเองได้
7. ใหผ้ เู้ รียนสร้างความรู้เอง เป็นข้นั ตอนท่ีสาคญั ที่สุดคือ ผเู้ รียนสร้างความรู้ดว้ ยตนเอง ข้นั ตอนน้ี
อาจเป็นเร่ืองยากและเรื่องใหมส่ าหรับครู เพราะครูที่คุน้ อยกู่ บั การสอนแบบเดิมจะไม่อดทนท่ีจะปล่อยให้
ผเู้ รียนเรียนรู้ดว้ ยตนเอง และจะหนั กลบั ไปใชว้ ธิ ีบอกใหจ้ าอยา่ งเดิม
8. เสริมพลงั และสร้างกาลงั ใจ หนา้ ที่ของครูอีกอยา่ งหน่ึงก็คือ ตอ้ งเสริม พลงั แก่ผเู้ รียน อธิบาย
หรือแนะนาเพอ่ื ให้ ผเู้ รียนมีความต้งั ใจที่จะเรียนตอ่ ไป ครูตอ้ งใชท้ ุกวธิ ีท่ีจะกระตุน้ เพ่ือสร้างความสนใจให้
เรียนตอ่ ไปได้
9. ร่วมการประเมินผล หนา้ ท่ีของครูในข้นั ประเมินผลคือ จะไม่วดั ผลฝ่ ายเดียวแบบเดิม แต่ให้
คาแนะนาเรื่องการวดั และประเมินผล โดยใหผ้ เู้ รียนเป็นผปู้ ระเมินผลการเรียนดว้ ยตนเอง เพือ่ ดูวา่ สามารถ
เรียนไดส้ อดคลอ้ งกบั เป้ าหมายที่ต้งั ไวใ้ นแผนมากนอ้ ยเพียงใด ถา้ ผเู้ รียนยงั ไมบ่ รรลุผลตามท่ีวางไวก้ จ็ าเป็น
ท่ีจะตอ้ งกลบั ไปวางแผนและแกไ้ ขใหม่
10. เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ขอ้ มลู ที่ได้จากการประเมินผลจะเป็นขอ้ มูลยอ้ นกลบั เพื่อใหผ้ เู้ รียน
นาไปใชใ้ นการปรับปรุงแกไ้ ขการเรียนตอ่ ไประบบการเรียนการสอนอยา่ งน้ีใชม้ ากในต่างประเทศที่ได้
ปฏิวตั ิใหค้ รูทาหนา้ ท่ีผอู้ านวยความสะดวก และประสบความสาเร็จมาแลว้ ในวงการแพทยก์ ็ใชว้ ธิ ีน้ี คือเป็น
ระบบใหค้ นไขด้ ูแลตวั เองและพบวา่ คนคนไขด้ ูแลตวั เองไดด้ ีกวา่ ท่ีแพทยท์ าให้ เพราะชีวติ เป็นคนไขแ้ พทย์
เป็นเพยี งผใู้ หค้ าแนะนาเร่ืองการรักษาครูท่ีสอนตามกระบวนการดงั กล่าวมาน้ีจะมีภาพลกั ษณ์ที่เปล่ียนไป
จากเดิมอยา่ งหนา้ มือเป็นหลงั มือ ภาพที่ครูยนื อยหู่ นา้ ช้นั ใชเ้ พียงชอลก์ กบั กระดานและบอกให้เดก็ ท่องจา จะ
กลายเป็นอดีตไปอยา่ งสิ้นเชิง ครูยคุ ใหมจ่ ะมีบทบาทเป็น”ผอู้ านวยความสะดวก” (Facilitator) ผใู้ ห้
คาแนะนาและเสริมพลงั แก่นกั เรียน เพื่อใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รียนรู้ดว้ ยตนเอง การสอนเป็นศาสตร์ที่มีกฎเกณฑ์
ลาดบั และระบบ ศาสตร์แห่งการสอนเป็นวทิ ยาการที่ศึกษาเล่าเรียนและฝึกฝนใหแ้ กร่งกลา้ ไดส้ าหรับศิลปะ
แห่งการสอนของครูไทยน้นั พระเทพวสิ ุทธิ (พทุ ธทาสภิกขุ 2529:139-143) อธิบายไวใ้ นหวั ขอ้ เรื่อง
องคป์ ระกอบเก่ียวกบั การสอน ดงั น้ี
1.สอนเทา่ ท่ีควรสอน การสอนเพอื่ บรรลุวตั ถุประสงคต์ ามหลกั สูตรน้นั ครูสามารถกาหนดเน้ือหา
สาระไดม้ ากมาย ฉะน้นั ในการสอนแตล่ ะคร้ังครูตอ้ งกาหนดเน้ือหาใหเ้ หมาะสมกบั วยั ความสนใจ
ระยะเวลาในการสอนดงั ท่ีพระพทุ ธเจา้ เคยตรัสวา่ “ส่ิงท่ีตถาคตตรัสรู้ เท่ากบั ใบไมท้ ้งั ป่ า เอามาสอนพวกเธอ
น้ีเทา่ กบั ใบไมก้ ามือเดียว” ตามนยั แห่งความหมายกค็ ือ ใหเ้ รียนเท่าท่ีควรเรียน นนั่ เอง
2.สอนอยา่ งชดั เจน ครูจะสอนเร่ืองอะไร ก็ตอ้ งสอนอยา่ งชดั เจน บอกใหห้ มดวา่ ส่ิงนนั่ คืออะไร ส่ิง
น้นั เป็นอยา่ งไร เปรียบเทียบไดก้ บั สิ่งใด มีก่ีอยา่ ง กี่ประเภท ก่ีลกั ษณะ ไม่สอนใหอ้ อกนอกเร่ือง
3.สอนอยา่ งมีเหตุผลอยใู่ นตวั หมายความวา่ คาสอoน้นั มีเหตุผลชดั เจน มีหลกั เกณฑ์ มีคาอธิบายให้
พอใจ
4.สอนชนะน้าใจผเู้ รียน หมายความวา่ ตอ้ งสอนใหผ้ เู้ รียนหมดปัญหาหมดขอ้ สงสยั มีคาอธิบายที่
ทาใหห้ มดแง่ท่ีจะคคั คา้ นหรือโตเ้ ถียง ผเู้ รียนยอมรับ หรือยอมปฏิบตั ิตามครู
5.สอนใหเ้ กิดความร่าเริง หมายความวา่ ท้งั ผสู้ อนและผเู้ รียน สนุกสนานในการศึกษาเล่าเรียน ไม่
หงอยเหงาหรือไม่ใช่ทนฟัง ทนจา ทนทอ่ ง ตอ้ งสอนใหเ้ กิดความพอใจ
6.สอนใหผ้ ฟู้ ังเกิดความกลา้ ในการที่จะปฏิบตั ิตาม การสอนใหเ้ กิดความกลา้ ยง่ิ เรียนยง่ิ กลา้ อยากที่
จะปฏิบตั ิตาม การเปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนปฏิบตั ิจะส่งเสริมใหเ้ กิดความรู้สึกไดด้ ว้ ยตนเอง
- หนา้ ท่ีอบรมคุณธรรมและจริยธรรม (Ethics Instruction) ภารกิจสาคญั อีกประการท่ีสังคมคาดหวงั ไวก้ ค็ ือ
การอบรมจริยธรรมใหแ้ ก่ศิษย์ จริยธรรมเป็นส่ิงท่ีทาใหม้ นุษยม์ ีพฤติกรรมตา่ งจากสัตว์ ครู เป็นผอู้ บรมกติกา
สังคมกฎเกณฑข์ องสังคม ตลอดจนกิริยามารยาทที่สังคมพงึ ประสงคใ์ หศ้ ิษย์ โดยทว่ั ไปการอบรมจริยธรรม
น้นั มีหลกั การสาคญั คือ ครูตอ้ งสัง่ สอนสิ่งท่ีควรกระทา สิ่งที่ควรปฏิบตั ิใหก้ ่อน ใหเ้ ขา้ ใจวธิ ีการกระทาส่ิง
ตา่ งๆ ท่ีถูกที่ควร แลว้ ใหศ้ ิษยไ์ ดป้ ฏิบตั ิไดฝ้ ึกฝนจนไดร้ ับรู้ผลจากการปฏิบตั ิดีตามน้นั ใหม้ ีประสบการณ์ตรง
วา่ การประพฤติดีน้นั ทาใหม้ ีความสุขไดห้ นา้ ที่วจิ ยั และศึกษาคน้ ควา้ (Action Research) เพื่อบรรลุ
วตั ถุประสงคใ์ นการพฒั นาตวั ศิษย์ ครูจึงมีหนา้ ที่ตอ้ งแสวงหาคาตอบในสภาพการทางการศึกษาทุกๆ ดา้ น
ของนกั เรียน ครูจึงตองศึกษาคน้ ควา้ และวจิ ยั งานทุกดา้ นท่ีเกี่ยวกบั หอ้ งเรียน โรงเรียนและตวั นกั เรียน
ตลอดจนการแสวงหาความรู้อยา่ งเป็นระบบ และพฒั นาตนเองอยเู่ สมอโดยการลงมือ กระทา
- หนา้ ที่ในการถ่ายทอดวฒั นธรรม (Cultural Heritage) สังคมคาดหวงั ใหค้ รูเป็นผถู้ ่ายทอดวฒั นธรรมของ
สงั คมใหก้ บั เยาวชน ซ่ึงเป็นสมาชิกใหมข่ องสงั คมตอ่ จากพอ่ แม่และครอบครัว หนา้ ท่ีในการถ่ายทอดมรดก
ของสังคมน้ีครอบคลุมท้งั การอนุรักษว์ ฒั นธรรมที่ดี การส่งเสริมวฒั นธรรมที่ดี และ การพฒั นาวฒั นธรรม
เช่น การสมั มาคารวะ ความมีน้าใจเอ้ือเฟ้ื อเผอื่ แผ่ การใชภ้ าษา กิริยามารยาททางสงั คม ฯลฯ นอกจากน้ียงั
รวมถึงการรณรงคส์ ร้างสรรคว์ ฒั นธรรมท่ีดีแก่สงั คม เช่น วฒั นธรรมทางการเมือง วฒั นธรรมทางการจราจร
การมีวนิ ยั ต่างๆ หนา้ ท่ีในการถ่ายทอดวฒั นธรรมน้ีเป็นงานสร้างสังคมหรือสร้างชาติของครูนน่ั เอง เกี่ยวขอ้ ง
สมั พนั ธ์กบั บุคคลในสงั คมมากมายต้งั แต่นกั เรียน ผปู้ กครอง เพือ่ นครู ผบู้ งั คบั บญั ชา บุคลากรในหน่วยงาน
บุคลากรในชุมชน และเจา้ หนา้ ที่ของรัฐในหน่วยงานอ่ืนๆ ท่ีตอ้ งเกี่ยวขอ้ งดว้ ย ครูตอ้ งสร้างความสมั พนั ธ์อนั
ดีกบั กลุ่มบุคคลดงั กล่าวแต่ละกลุ่มเพ่อื ประโยชน์ของนกั เรียนและสถานศึกษา
- หนา้ ท่ีการปฏิบตั ิงานพิเศษตา่ งๆ ขององคก์ ร (Extra Jobs) หนา้ ที่ของครูท่ีนอกเหนือจากการสอน การ
อบรมและพฒั นาลูกศิษยแ์ ลว้ ครูจานวนมากตอ้ งมีงานบางอยา่ งท่ีผบู้ งั คบั บญั ชามอบหมาย เป็นงาน
สนบั สนุนการศึกษา เช่น งานธุรการโรงเรียน งานบรรณารักษ์ งานปกครอง งานอาหารกลางวนั งานตาม
ระเบียบราชการ การตรวจเวรยาม การทางานนอกสถานท่ี ฯลฯ ซ่ึงงานต่างๆ เหล่าน้ีบางลกั ษณะงานก็
จาเป็นตอ้ งใชค้ วามสามารถพิเศษบางประการของครู ครูจึงจาเป็นตอ้ งศึกษา ฝึกฝน ความสามารถพเิ ศษ
บางอยา่ งไวด้ ว้ ย เช่น งานคอมพิวเตอร์ ดนตรี ศิลปะ
- หนา้ ท่ีในการรายงานผลนกั เรียนและการแนะแนว (Reporting and Counselling) ครูตอ้ งรายงานผลการ
พฒั นาของศิษยท์ ุกๆ ดา้ นต่อผปู้ กครองและผบู้ งั คบั บญั ชาอยา่ งสม่าเสมอครูตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจและ
ความสามารถในการวดั ผลและประเมินผลท้งั สามารถรายงานผลไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งท้งั ทางดา้ นการศึกษาเล่า
เรียน ความประพฤติ สุขภาพอนามยั และลกั ษณะนิสัยของนกั เรียน นอกจากการรายงานผลซ่ึงเป็นระเบียบ
ปฏิบตั ิแลว้ ครูยงั ตอ้ งเป็นผชู้ ่วยร่วมแกไ้ ขและป้ องกนั ไม่ใหศ้ ิษยล์ ม้ เหลวในการศึกษาและพฒั นาการดา้ น
ตา่ งๆ โดยการเป็นผทู้ ่ีคอยใหค้ าแนะนาช่วยเหลือท้งั กบั ตวั ศิษยแ์ ละผปู้ กครองดว้ ย ท้งั การรายงานผลและ
แนะแนวตอ้ งทาสม่าเสมอและตรงเวลา
- หนา้ ท่ีจดั กิจกรรมนกั เรียน (Student Activities) ครูตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั พฒั นาการตา่ งๆ ของ
ศิษย์ การจะพฒั นาใหศ้ ิษยม์ ีประสบการณ์ที่เหมาะสมน้นั ครูตอ้ งเป็นผจู้ ดั สภาพการณ์หรือกิจกรรมให้
เหมาะสมนน่ั เอง กิจกรรมนกั เรียนที่ครูตอ้ งการจดั มีต้งั แต่กิจกรรมในช้นั เรียนท่ีเกี่ยวกบั การเรียนการสอน
กิจกรรมเสริมหลกั สูตรเพื่อใหศ้ ิษยม์ ีโอกาสนาสิ่งท่ีเรียนในหอ้ งเรียนไปใช้ และกิจกรรมนอกหลกั สูตร
เพือ่ ใหน้ กั เรียนมีประสบการณ์ โลกทศั น์และวสิ ยั ทศั น์ที่กวา้ งขวางซ่ึงจะช่วยใหอ้ ยู่ในสังคมไดอ้ ยา่ งมี
ความสาเร็จในชีวติ
- หนา้ ที่และความรับผดิ ชอบท่ีพงึ ประสงคข์ องครู
- หนา้ ที่และความรับผดิ ชอบของครู ดงั กล่าวแลว้ ท้งั หมดน้นั เป็นไปเพื่อประโยชน์ของศิษย์ ของตวั ผู้
ประกอบวชิ าชีพครูและสังคมซ่ึงไดแ้ ก่หน่วยงานทางการศึกษาที่ครูสังกดั ตลอดจนประเทศชาติ ครูที่
รับผดิ ชอบต่อหนา้ ท่ีครู งานครู และมีความมุง่ มน่ั ท่ีจะปฏิบตั ิภารกิจใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคย์ อ่ มเป็นครูท่ีมี
ความเป็นครูโดยแทจ้ ริง เพอื่ ใหก้ ารปฏิบตั ิหนา้ ท่ีครูเป็นไปอยา่ งมีคุณภาพสมกบั เป็นวชิ าชีพช้นั สูงท่ีสงั คม
ประสงค์ คุรุสภาซ่ึงเป็นองคก์ รท่ีมีกฎหมายรองรับได้ กาหนดเกณฑม์ าตรฐานวชิ าชีพครู 11 ขอ้ เรียกวา่
เกณฑม์ าตรฐานวชิ าชีพครูของคุรุสภา พ.ศ. 2537 และไดป้ ระสานงานกบั สานกั งานขา้ ราชการครู (ก.ค) ให้
ใชเ้ กณฑน์ ้ีในการนาไปปฏิบตั ิอยา่ งเป็นรูปธรรมงานบุคคล โดยใชเ้ ป็นมาตรฐานในการคดั เลือกขา้ ราชการ
ครูเพอื่ บรรจุและแตง่ ต้งั ใหด้ ารงตาแหน่งต่างๆ ในปัจจุบนั กระทรวงศึกษาธิการใชเ้ ป็นเกณฑม์ าตรฐาน
วชิ าชีพครูของกระทรวง
เกณฑม์ าตรฐานวชิ าชีพครูของคุรุสภา พ.ศ. 2537
มาตรฐานท่ี 1 ปฏิบตั ิกิจกรรมทางวชิ าการเกี่ยวกบั การพฒั นาวชิ าชีพครูอยเู่ สมอ
หมายถึง การศึกษาคน้ ควา้ เพอ่ื พฒั นาตนเอง การเผยแพร่ผลงานทางวชิ าการ และการเขา้ ร่วมกิจกรรมทาง
วชิ าการ ที่องคก์ รหรือหน่วยงานหรือสมาคมจดั ข้ึน เช่น การประชุม การอบรม การสัมมนา และการประชุม
ปฏิบตั ิการ
มาตรฐานที่ 2 ตดั สินใจปฏิบตั ิกิจกรรมตา่ งๆ โดย คานึงถึงผลที่จะเกิดกบั ผเู้ รียน
หมายถึง การเลือกแนวทางปฏิบตั ิอยา่ งชาญฉลาด ดว้ ยความรัก และความหวงั ดีต่อผเู้ รียน ดงั น้นั ในการเลือก
กิจกรรมการเรียนการสอนและกิจกรรมอ่ืนๆ ครูตอ้ งคานึงถึงประโยชน์ ท่ีจะเกิดแก่ผเู้ รียนเป็นหลกั
มาตรฐานที่ 3 มุง่ มน่ั พฒั นาผเู้ รียนใหเ้ ต็มตามศกั ยภาพ
หมายถึง การใชค้ วามพยายามอยา่ งเตม็ ความสามารถของครู ท่ีจะใหผ้ เู้ รียนใหม้ ากที่สุด ตามความถนดั ความ
สนใจ ความตอ้ งการ โดยวเิ คราะห์ วนิ ิจฉยั ปัญหา ความตอ้ งการที่แทจ้ ริงของผเู้ รียนปรับเปล่ียนวธิ ีการสอนที่
จะใหไ้ ดผ้ ลดีกวา่ เดิม รวมท้งั การส่งเสริมพฒั นาการ ดา้ นตา่ งๆ ตามศกั ยภาพของผเู้ รียนแตล่ ะคนอยา่ งเป็น
ระบบ
มาตรฐานท่ี 4 พฒั นาแผนการสอนใหส้ ามารถปฏิบตั ิไดเ้ กิดผลจริง
หมายถึง การเลือกใชป้ รับปรุง หรือสร้างแผนการสอนบนั ทึกการสอน หรือ เตรียมการสอนใน ลกั ษณะอื่นๆ
ที่สามารถนาไปใชจ้ ดั กิจกรรมการเรียนการสอน ใหผ้ เู้ รียนบรรลุ ประสงคข์ องการเรียนรู้
มาตรฐานที่ 5 พฒั นาส่ือการเรียนการสอน ใหม้ ีประสิทธิภาพอยเู่ สมอ
หมายถึง การประดิษฐ์ คิดคน้ ผลิต เลือกใช้ ปรับปรุง เครื่องมืออุปกรณ์ เอกสารส่ิงพมิ พ์ เทคนิควธิ ีการต่างๆ
เพ่ือใหผ้ เู้ รียนบรรลุจุดประสงคข์ องการเรียนรู้
มาตรฐานที่ 6 จดั กิจกรรมการเรียนการสอน โดยเนน้ ผลถาวรที่เกิดแก่ผเู้ รียน
หมายถึง การจดั การเรียนการสอน ที่มุง่ เนน้ ใหผ้ เู้ รียนประสบผลสาเร็จในการแสวงหาความรู้ตามสภาพความ
แตกต่างของบุคคล ดว้ ยการปฏิบตั ิจริง และสรุปความรู้ท้งั หลายไดด้ ว้ ยตนเอง ก่อใหเ้ กิดคา่ นิยมและนิสยั ใน
การปฏิบตั ิจนเป็นบุคลิกภาพติดตอ่ ผเู้ รียนตลอดไป
มาตรฐานท่ี 7 รายงานผลการพฒั นาคุณภาพของผเู้ รียนไดอ้ ยา่ งมีระบบ
หมายถึง การรายงานผลการพฒั นาผเู้ รียนที่เกิดจากการปฏิบตั ิการเรียนการสอนไดค้ รอบคลุมสาเหตุปัจจยั
และการดาเนินงานท่ีเก่ียวขอ้ ง โดยครูนาเสนอรายงานการปฏิบตั ิในรายละเอียด ดงั น้ี
1. ปัญหาความตอ้ งการของผเู้ รียนท่ีตอ้ งการไดร้ ับการพฒั นา และเป้ าหมายของการพฒั นาผเู้ รียน
2. เทคนิค วธิ ีการ หรือนวตั กรรมการเรียนการสอนท่ีนามาใชเ้ พอื่ การพฒั นาคุณภาพของผเู้ รียน และข้นั ตอน
วธิ ีการใชเ้ ทคนิควธิ ีการหรือนวตั กรรมน้นั ๆ
3. ผลการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนตามวธิ ีการกาหนด ท่ีเกิดกบั ผเู้ รียน
4. ขอเสนอแนะแนวทางใหมๆ่ ในการปรับปรุงและพฒั นาผเู้ รียนใหไ้ ดผ้ ลดียงิ่ ข้ึน
มาตาฐานท่ี 8 ปฏิบตั ิตนเป็นแบบอยา่ งท่ีดีแก่ผเู้ รียน
หมายถึง การแสดงออก การประพฤติและปฏิบตั ิ ในดา้ นบุคลิกภาพทว่ั ไปการแต่งกาย กิริยา วาจา และ
จริยธรรมที่เหมาะสมกบั ความเป็นครูอยา่ งสม่าเสมอ ที่ทาใหผ้ เู้ รียนเล่ือมใสศรัทธา และถือเป็นแบบอยา่ ง
มาตรฐานท่ี9 ร่วมมือกบั ผอู้ ่ืนในสถานศึกษาอยา่ งสร้างสรรค์
หมายถึง การตระหนกั ถึงความสาคญั รับฟังความคิดเห็น ยอมรับความรู้ความสามารถ ใหค้ วามร่วมมือใน
การปฏิบตั ิกิจกรรมต่างๆ ของเพอื่ นร่วมงานดว้ ยความเตม็ ใจ เพ่อื ใหบ้ รรลุเป้ าหมายของสถานศึกษาและร่วม
รับผลท่ีเกิดข้ึนจากการกระทาน้นั
มาตรฐานท่ี10 ร่วมมือกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรคใ์ นชุมชน
หมายถึง การตระหนกั ใน ความสาคญั รับฟังความคิดเห็น ยอมรับในความรู้ความสามารถของบุคคลอ่ืนใน
ชุมชน และร่วมมือปฏิบตั ิงาน เพ่ือพฒั นางานของสถานศึกษา ใหช้ ุมชนและสถานศึกษามีการยอมรับซ่ึงกนั
และกนั และปฏิบตั ิงานร่วมกนั ดว้ ยความเตม็ ใจ
มาตรฐานท่ี11 แสวงหาและใชข้ อ้ มูลข่าวสาร ในการพฒั นา
หมายถึง การคน้ หา สังเกต จดจา และรวบรวมขอ้ มลู ขา่ วสารตามสถานการณ์ของสงั คมทุกดา้ น โดยเฉพาะ
สารสนเทศเก่ียวกบั วชิ าชีพครู สามารถวเิ คราะห์ วจิ ารณ์อยา่ งมีเหตุผล และใชข้ อ้ มลู ประกอบการแกป้ ัญหา
พฒั นาตนเอง พฒั นางาน และพฒั นาสังคมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม คุรุสภาไดจ้ ดั ทาชุดฝึกอบรมเพอื่ พฒั นาตนเอง
ของครู สาหรับใชพ้ ฒั นาครูใหไ้ ดต้ ามเกณฑม์ าตรฐานน้ี และไดท้ ดลองใชก้ บั ครูจานวน 750 คน ใน 5
จงั หวดั ปรากฏวา่ ครูท่ีเขา้ ร่วมโครงการทดลองไดร้ ับความพึงพอใจ และเช่ือวา่ การฝึกอบรมน้ีเป็นประโยชน์
ต่อวชิ าชีพครูอยา่ งแทจ้ ริง
สาหรับหนา้ ท่ีและความรับผดิ ชอบของครูในเชิงจารีตและแบบธรรมเนียมน้นั การประพฤติปฏิบตั ิ
ของครู อาจพจิ ารณาตามแนวพระราชดารัสท่ีพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงให้ ความหมายของ ความ
เป็นครู ไวใ้ นพระบรมราโชวาทท่ีพระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบตั รแก่ผสู้ าเร็จการศึกษาจาก
วทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์เม่ือวนั ที่ 25 ตุลาคม 2522 วา่
“ความเป็นครู หมายถึง การมีความรู้ดีประกอบดว้ ยวชิ าที่ถูกตอ้ งแน่นแฟ้ นและแจม่ แจง้ แก่ใจ
รวมท้งั คุณความดีและความเอ้ืออารี ปรารถนาที่จะถ่ายทอดเผอ่ื แผใ่ หผ้ อู้ ื่นไดม้ ีความรู้ความเขา้ ใจที่ดีดว้ ย
ความแจม่ แจง้ แน่ชดั ในใจยอ่ มทาใหส้ ามารถส่องแสดงความรู้ออกมาใหเ้ ขา้ ใจตามไดโ้ ดยง่ายท้งั ในการ
ปฏิบตั ิงานก็ยอ่ มทาใหผ้ รู้ ่วมงานไดเ้ ขา้ งานโดยแจ่มชดั ส่วนความหวงั ดีโดยบริสุทธ์ิใจน้นั จะนอ้ มนาใหเ้ กิด
ศรัทธาแจ่มใสมีใจพร้อมที่จะรับความรู้ดว้ ยความเบิกบาน ท้งั พร้อมที่ร่วมกบั ผอู้ ่ืนท่ีมีคุณสมบตั ิของครูโดย
เตม็ ใจและมนั่ ใจ ดงั น้ี ก็จะทาใหก้ ิจการใดๆที่กระทาอยดู่ าเนินไปโดยสะดวกราบร่ืนและสาเร็จประโยชน์ท่ี
มง่ั หมายโดยสมบูรณ์”
สรุปเร่ืองหนา้ ท่ีของครู
โดยวฒั นธรรมไทยน้นั สงั คมจะยกยอ่ งครูใหอ้ ยใู่ นฐานะท่ีสูงอยแู่ ลว้ เพราะสงั คมไทยเคารพวา่ ผู้
เป็นครูยอ่ มเป็นผมู้ ีวชิ าแกร่งกลา้ สามารถสอบผอู้ ื่นได้ ท้งั ตอ้ งเป็นผมู้ ีจิตใจเอ้ืออารีมีเมตตาและปรารถนาดีตอ่
ผอู้ ่ืน จึงยอมถ่ายทอดวชิ าความรู้ต่างๆ ให้ ฉะน้นั ในเชิงจารีตและแบบธรรมเนียมไทย ครูตอ้ งมีหนา้ ที่ความ
รับผดิ ชอบตอ่ ศิษย์ โดยสัง่ สอนใหศ้ ิษยม์ ีความรู้ เขา้ ใจส่ิงท่ีเรียน ใหส้ ามารถนาวชิ าท่ีเรียนไปใชป้ ระโยชนใ์ น
ชีวติ ได้ นอกจากน้ียงั มีหนา้ ท่ีความรับผดิ ชอบต่อวชิ าของครูด้วย คือตอ้ งมีความรู้จริง รู้สึกซ้ึงแจ่มแจง้ จน
สามารถสอนใหศ้ ิษยเ์ ขา้ ใจตามไดโ้ ดยง่าย ประการสุดทา้ ยครูตอ้ งมีหนา้ ที่และรับผดิ ชอบตอ่ งานและ
ผรู้ ่วมงาน สามารถทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นไดด้ ี ท้งั ยงั ช่วยใหผ้ รู้ ่วมงานทางานอยา่ งสมบรู ณ์ดว้ ยนน่ั เอง
หนา้ ท่ีและความรับผดิ ชอบของครูมีมากมายหลายดา้ น แต่อาจกาหนดภารกิจเป็นลกั ษณะงานได้ 8
ดา้ น คือ งานส่งั สอนและฝึกฝนวทิ ยาการ งานอบรมคุณธรรมและจริยธรรม งานวจิ ยั และการศึกษาคน้ ควา้
งานถ่ายทอดวฒั นธรรม งานมนุษยส์ ัมพนั ธ์ งานหนา้ ที่พิเศษต่างๆ งานรายงานผลนกั เรียนและการแนะแนว
และงานกิจกรรมนกั เรียน ซ่ึงหากวา่ ผปู้ ระกอบวชิ าชีพครูสามารถปฏิบตั ิไดค้ รบถว้ น ใหเ้ สร็จสิ้นสมบูรณ์ได้
ทุกงานดงั กล่าวก็ไดช้ ื่อวา่ เป็นครูผมู้ ีความรับผดิ ชอบ และหากวา่ ผปู้ ระกอบวชิ าชีพครูปฏิบตั ิดว้ ยใจ มุ่งมน่ั
และมีสานึกก็ยอ่ มไดช้ ่ือวา่ เป็นผมู้ ีความเป็นครูที่ประสบความสาเร็จในอาชีพครู อยา่ งไรก็ตามสาหรับครูใน
ยคุ โลกาภิวตั น์น้ี ไดม้ ีกรอบหรือกฎเกณฑส์ าหรับกาหนดมาตรฐานวชิ าชีพครู เป็นวธิ ีการตรวจสอบที่เป็น
รูปธรรมโดยคุรุสภาซ่ึงเป็นองคว์ ชิ าชีพครู เกณฑม์ าตรฐานวชิ าชีพครูดงั กล่าวมี 11 มาตรฐาน ซ่ึงส่วนใหญจ่ ะ
เนน้ ที่การจกั กระบวนการในการเรียนการสอนใหก้ บั ศิษยเ์ ป็นสาคญั ท้งั น้ีเพราะหนา้ ที่หลกั ของครูน้นั ยอ่ ม
อยทู่ ี่ศิษย์ ความรับผดิ ชอบที่สาคญั ท่ีสุดของครูก็เป็นความรับผดิ ชอบที่มีตอ่ ศิษยน์ น่ั เอง
เส้ นทางสู่ อาชีพครู
วชิ าชีพครูมีความสาคญั ต่อมนุษยม์ านบั ต้งั แตอ่ ดีต ดว้ ยความจริงท่ีวา่ ครูคือผทู้ ่ีใหว้ ชิ าความอีกท้งั ยงั
ส่ังสอนศาสตร์แห่งการกาเนิดชีวติ อนั ถูกตอ้ งดีงามใหแ้ ก่เราถึงกบั มีคากล่าววา่ ครูคือพอ่ แม่ คนที่สองของ
เรา คนจะดีไดก้ ็เพราะมีครูดีแต่ในปัจจุบนั น้ีเรากลบั พบวา่ ผคู้ นในสงั คมใหค้ วามสาคญั แก่วชิ าชีพน้ีนอ้ ยลง
คุรุศาสตร์และศึกษาศาสตร์คืออะไร
ครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ เป็นศาสตร์ท่ีวา่ ดว้ ยการศึกษา และวชิ าชีพครูประกอบดว้ ย วชิ าหลกั สามส่วนคือ
1. วชิ าเก่ียวกบั หลกั สูตรและการสอน
2. วชิ าเก่ียวกบั การบริการพิเศษทางการศึกษา เช่น การบริหารการศึกษา การแนะแนวการศึกษา เทคโนโลยี
การศึกษา
3. วชิ าเก่ียวกบั พ้นื ฐานการศึกษาเช่น พ้ืนฐานทางเศรษฐกิจ การเมืองและสงั คม พ้นื ฐานการศึกษาทาง
ประวตั ิศาสตร์ ปรัชญาและศาสนา
จุดมุง่ หมายของศาสตร์คือ
กาเนิดการและแสวงหาวธิ ีการพฒั นามนุษยใ์ หม้ ีคุณภาพชีวติ ท่ีดีและสร้างสรรคส์ ังคมท่ีสนั ติสุขอยา่ งแทจ้ ริง
หลกั สูตรการเรียนการสอนในหลกั สูตรการศึกษาเพื่อปริญญาตรีทางศึกษาศาสตร์และคุรุศาสตร์ โดยทว่ั ไป
จะใชร้ ะยะเวลาการศึกษาตามปกติ 4 ปี ซ่ึงสามารถเลือกเรียนในสาขาวชิ าเอกไดต้ ามความถนดั และความ
สนใจดงั น้ี
- การศึกษาปฐมวยั เนน้ ที่วชิ าชีพครูสาหรับสอนเดก็ อายตุ ่ากวา่ 6 ขวบ
- ประถมศึกษา เป็นสาขาวชิ าเพื่อเตรียมครูสาหรับโรงเรียนระดบั ประถมศึกษา
- มธั ยมศึกษาเป็นสาขาวชิ าเพ่อื เตรียมครูสาหรับโรงเรียนระดบั มธั ยมศึกษา
- การสอนวชิ าเอกเฉพาะ เป็นสาขาวชิ าเพ่อื เตรียมครูวชิ าเฉพาะเช่นพละศึกษา
- การศึกษานอกระบบโรงเรียน เป็นสาขาวชิ าเพื่อเตรี ยมบุคลากรทางการศึกษานอกระบบโรงเรียน
- สาขาบุคลากรทางการศึกษา
เป็นสาขาวชิ าเพ่อื เตรียมบุคลากรทางการศึกษาสาหรับโรงเรียนและหน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งทางดา้ นเทคโนโลยี
ทางการศึกษา จิตวทิ ยาการศึกษาและการแนะแนว
เส้นทางการศึกษา
เส้นทางการศึกษา ก่อนเขา้ สู่การประกอบอาชีพครู อาจารย์ คือ เมื่อจบช้นั ม. 3 แลว้ เลือกศึกษาตอ่
ในระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาตอนปลายในแผนการเรียนใดก็ไดห้ ลงั จากน้นั ก็สอบคดั เลือกเขา้ เรียนตอ่ ใน
สถาบนั อุดมศึกษาที่เปิ ดสอนคณะครุศาสตร์ หรือคณะศึกษาศาสตร์ หรือหลกั สูตรสาขาวชิ าการศึกษา
สถานที่เปิ ดสอน
สถาบนั ท่ีเปิ ดสอนเช่นจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ม.เกษตรศาสตร์ ม. ขอนแก่น ม.สุโขทยั ธรรมาธิราช
และสถาบนั ราชภฏั ทว่ั ประเทศ
ลกั ษณะทวั่ ไปของอาชีพครู
ผปู้ ระกอบอาชีพน้ีมีหนา้ ที่ในการสอน อบรมทางดา้ นวชิ าการและภาคปฏิบตั ิ พทุ ธศึกษา จริยศึกษาพลศึกษา
ที่เนน้ นกั เรียนเป็นจุดศูนยก์ ลางในการเรียน รวมถึงการคอยดูแลอบรม ความประพฤติ เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนเป็นคน
โดยสมบรู ณ์ท้งั ร่างการและจิตใจ มีสติปัญญาความรู้ คุณธรรม และจริยธรรม และวฒั นธรรมในการ
ดารงชีวติ สามารถอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ่ืนไดอ้ ยา่ งมีความสุข
คุณสมบตั ิของผปู้ ระกอบอาชีพ
เมื่อพิจารณาถึงลกั ษณะงานของครู อาจารยแ์ ลว้ ผจู้ ะทาหนา้ ท่ีครู-อาจารย์ ควรจะมีคุณสมบตั ิดงั น้ี
1. บุคลิกภาพทางดา้ นร่างกายและจิตใจ
- ดา้ นร่างกาย ควรเป็นผทู้ ี่มีร่างกายสมบูรณ์แขง็ แรงปราศจากโรคภยั ไขเ้ จบ็ ร่างกายสมประกอบ คือไมม่ ี
ความผดิ ปกติหรือพกิ ารในส่วนใดส่วนหน่ึงของร่างกาย อนั ที่จะทาลายบุคลิกภาพท่ีดีและเป็นอุปสรรคตอ่
การประกอบอาชีพ
- ดา้ นสติปัญญา ควรเป็นผทู้ ี่มีสติปัญญาสูงพอสมควร เพราะอาชีพครูตอ้ งการคนท่ีมีความเฉลียวฉลาด
มีปฏิภาณดี รู้จกั สงั เกตและจดจาไดด้ ี ท้งั น้ีเพ่ือความสามารถในการปรับใหเ้ ขา้ กบั สถานการณ์ตา่ งๆ และ
สามารถแกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ ไดด้
- ดา้ นอารมณ์ ควรมีความเป็นผใู้ หญ่ คือ มีจิตใจท่ีมน่ั คง สามารถควบคุมอารมณ์ได้ รู้จกั ใชเ้ หตุผลในการ
แกไ้ ขปัญหาตา่ งๆ เพอ่ื เป็นตวั อยา่ งท่ีดีแก่นกั เรียน
- ดา้ นสังคม ควรมีความเป็นผใู้ หญใ่ นสังคม คือมีความประพฤติดี มีกิริยามารยาทออ่ นนอ้ ม รู้จกั กาลเทศะ
สุภาพออ่ นโยน เป็นตน้
2. ความสามารถและความถนดั
ผเู้ ป็นครู-อาจารย์ ควรมีความถนดั ในดา้ นการสอนและการสื่อสารความหมายและสามารถถ่ายทอด
ความรู้ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจไดด้ ีและรวดเร็ว สามารถปกครองนกั เรียนในช้นั เรียนดีมีความเขา้ ใจในพฤติกรรม
ตา่ งๆของเดก็
3. ความสนใจ
ควรมีความสนใจคน้ ควา้ หาความรู้และวทิ ยาการใหมๆ่ อยเู่ สมอ เพือ่ ใหต้ นเองมีความทนั สมยั อยู่
เสมอนอกจากน้ีควรมีพ้ืนฐานความรู้กา้ วหนา้ ในหลายดา้ นแนวทางในการประกอบอาชีพผทู้ ่ีจบการศึกษา
ทางสาขาวชิ าชีพครูน้นั สามารถเลือกประกอบอาชีพไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง โดยส่วนใหญส่ าหรับคนที่จบ
การศึกษาดา้ นน้ี มกั รับราชการ หรือทางานเป็นครู อาจารย์ สอนในสถาบนั การศึกษาต่าง ๆ และทางานใน
องคก์ ารศึกษา ในฐานะบุคลากรการศึกษา เช่น ทางานเก่ียวกบั หอ้ งสมุด งานแนะแนว ศึกษานิเทศก์ นกั วจิ ยั
นกั วชิ าการ งานในการศึกษานอกโรงเรียน เจา้ หนา้ ท่ีส่งเสริมการเกษตร นกั สุขศึกษา เป็นตน้
โอกาสความกา้ วหนา้ ในอาชีพ
ความกา้ วหนา้ ในอาชีพน้ีหากเป็นการรับราชการ ก็คงไดเ้ ล่ือนไปตามลาดบั ข้นั ตอนของทางราชการ
ที่กาหนดไว้ ท้งั ในเรื่องของอตั ราเงินเดือน และตาแหน่งหนา้ ท่ีการงาน ซ่ึงกค็ งจะข้ึนอยกู่ บั ปัจจยั หลาย ๆ
ดา้ น เช่น จานวนปี ท่ีรับราชการ คุณวฒุ ิท่ีจบการศึกษา หรือการเพ่ิมคุณวฒุ ิการศึกษาต่อเป็นตน้
ประชากรครูในประเทศไทย ปี 2564
ประชากรครูในประเทศไทย พ.ศ2564 จ านวนประชากรท้งั หมดในประเทศไทย
ปี 2564 จานวนประชากรในประเทศไทยมีท้งั หมด 66,186,727 คน
โดยแบ่งดงั น้ี สญั ชาติไทย จานวน 65,228,120 คน
แบ่งเป็นชายหญิงดงั น้ี ชาย 31,874,308 คน
หญิง 33,353,812 คน
ไม่ไดส้ ญั ชาติไทยจานวน 958,607 คน
แบง่ เป็นชายหญิงดงั น้ี ชาย 501,224 คน
หญิง 457,383 คน
สรุป
อาชีพครูเป็นอาชีท่ีมีความสาคญั ตอ่ สังคมมากๆ เพราะทุกคนตอ้ งเรียนรู้ท้งั ในบทเรียนและนอกบทเรียน
อาชีพครูเป็นอาชีพที่ใหค้ วามรู้กบั นกั เรียน และเป็นอาชีพที่สุจริต เป็นอาชีพทางเลือกสาหรัลบุคคลที่มีความ
สนใจทางสายอาชีพน้ี
บรรณานุกรม
ประวตั ิความเป็นมาของอาชีพครู คน้ เม่ือ 4 มีนาคม 2565
สืบคน้ จาก : https://www.gotoknow.org/posts/272446
หนา้ ท่ีของครูท่ีดี คน้ เม่ือ 4 มีนาคม 2565
สืบคน้ จาก : https://sites.google.com/site/krutubtib/khru/laksna-khxng-khru-thi-di
เส้นทางสู่อาชีพครู คน้ เม่ือ 4 มีนาคม 2565
สืบคน้ จาก : https://www.gotoknow.org/posts/272446
ประชากรครูในไทย คน้ เมื่อ 4 มีนาคม 2565
สืบคน้ จาก :
https://catalog.moe.go.th/dataset/?data_type=%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1
%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4